บทนำ
ชะตาชีวิตนำพาให้หญิงสาวที่หมดลมหายใจได้เกิดใหม่ในยุคทศวรรษ 1983 แต่ทว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้เธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของเหม่ยหลิง หญิงสาวที่แต่งงานกับครอบครัวหนึ่งแต่ไม่ทันที่เธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับสามีเขาต้องไปรับราชการทหาร ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวสามีแม่สามีกับพี่สาวที่คอยรังแกและใช้งานสารพัด แถมเธอยังไม่ได้อยู่ในบ้านในฐานะลูกสะใภ้แต่เธอทำทุกอย่างราวกับทาส แต่ที่เธอยอมเพราะเธอมีน้องชายที่ต้องคอยปกป้อง จนวันหนึ่งที่เธอแตกสลายไปหมดทั้งร่างกายและจิตวิญญาณจนไม่คิดถึงคนอื่น และเลือกที่จะจบชีวิตอันน่ารันทดนี้ลงด้วยการปลิดชีพตัวเอง
แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ ร่างที่กำลังจะถูกฝังกลับฟื้นคืนมาและยังมีนิสัยเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของร่างคนเดิมอีกต่อไป ต่อจากนี้เธอจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอกับน้องชายได้อีก และสามีที่รักเธอแต่ปกป้องเธอไม่ได้เธอเองก็ไม่ต้องการ เธอจะหาทางดิ้นรนเอาชีวิตรอดและเลี้ยงดูน้องชายของเธอให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
บทที่ 1 เกิดใหม่ในยุค 80
อึก อึก แค่ก ๆ !!!
'ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน! ทำไมหายใจไม่ทั่วท้องอย่างนี้ ทำไมที่นี่ถึงมืดไปหมดอีกทั้งยังรู้สึกว่าคับแคบจนแทบดิ้นไม่ได้ ' ร่างบางดิ้นไปมาในที่คับแคบที่กำลังถูกยกไปฝังยังป่าช้าหลังหมู่บ้าน หยวนเหมยค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งสำรวจมองไปก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่คับแคบจริง ๆ เสมือนโลงศพก็ไม่ปาน เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอรีบลุกขึ้นใช้มือทั้งสองเปิดฝาโลงออก ตอนนั้นเองโลงของเธอถูกตั้งวางไว้ในหลุมพอดียังไม่ทันที่ชาวบ้านจะกลบดินฝัง จู่ ๆ มีสายลมพัดพายุฝุ่นคละคลุ้งทำให้ผู้คนที่มาร่วมฝังศพเธอต้องพากันใช้มือปิดตาเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้าตา ทันใดนั่นเองเมื่อฝุ่นสงบลงร่างของหยวนเหมยยืนขึ้นในโลงทุกสายตาจับจ้องมองกันอย่างตกใจ
"นั่น!!! นั่นทำไมศพถึงยืนได้หรือว่าจะเกิดอาเพศขึ้น เหวินเทียนเห็นหรือไม่ว่าภรรยาของลูกคือปีศาจกาลกิณีตายแล้วฟื้น " หญิงวัยกลางคนได้พูดขึ้นพลางชี้นิ้วมาหาหยวนเหมยด้วยใบหน้าตื่นกลัว บอกชายที่ชื่อเหวินเทียนได้ดู แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นเธอกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจที่เห็นภรรยาของตัวเองฟื้นคืนมา
"เหม่ยหลิง เหม่ยหลิงกลับมาหาฉันจริง ๆ " เขารีบเดินเข้ามาใกล้เธอจนหยวนเหมยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเหตุการณ์ เดิมทีหยวนเหมยเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่แต่โรงพยาบาลเพราะตั้งแต่เกิดเธอมีโรคประจำตัวและร่างกายอ่อนแอ แม้แต่เพื่อนก็ยังไม่มีสักคน วัน ๆ ทำได้เพียงนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบกลิ่นยากลิ่นน้ำเกลือและกลิ่นแห่งความตายที่เธอชินชา มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนของเธอคือทีวี ความฝันของเธอคือการเป็นเชฟแต่แล้วความฝันของเธอก็ได้ดับสลายเมื่อเธออายุครบยี่สิบปีโรคหัวใจของเธอกำเริบขึ้นอีกครั้งและไม่มีท่าทีจะรักษาให้หายได้ ลมหายใจของเธอโรยรินอย่างช้า ๆ เธอเฝ้าภาวนาให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อเพราะมีหลายอย่างที่เธอยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำ แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เป็นใจเมื่อชีพจรของเธอดับลง แต่แล้วเมื่อเธอลืมตากลับพบว่าตัวเองมาอยู่ในโลงศพและผู้คนที่เธอไม่คุ้นหน้าคุ้นตาด้วยซ้ำ เธอกวาดสายตาจ้องมองทุกคนเชื่องช้าก่อนที่ภาพความทรงจำบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในความคิด
“ชิ! คนอย่างเธอไม่เหมาะสมกับลูกชายของฉันสักนิด ถ้าได้แต่งกับลูกสาวโรงงานเย็บผ้าคงดีไม่น้อย หากว่าฉันไม่เห็นแก่พ่อของเธอที่เป็นสหายสามีฉันได้สั่งเสียเอาไว้ฉันคงไม่รับเธอกับน้องชายของเธอมาอยู่ที่นี่หรอก! แถมยังเลี้ยงเสียข้าวสุกเข้ามาแล้วยังมาทำตัวมารยาอ่อยลูกชายของฉันจนเขาตกแต่งให้เป็นภรรยา มองหน้าอยู่ได้รีบไปทำอาหารสิ ฉันกับลู่หลินหิวจะตายอยู่แล้ว ลู่หลินทำงานมาเหนื่อย ๆ ให้น้องชายเธอมานวดให้ด้วย หากทำไม่ถูกใจวันนี้พวกเธอสองพี่น้องไม่ต้องกินข้าว” เสียงแผดร้องตะคอกว่าสีหน้าบึ้งตึงอย่างเบื่อหน่ายต่อว่าร่างบางที่ยืนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวทำได้เพียงก้มหัวและพยักหน้าน้อมรับคำพูดของผู้เป็นแม่สามี
ตอนนั้นนั่นเองที่เหวินเทียนเดินเข้ามาจะประคองร่างของภรรยาเขาออกจากโลงเพื่อพากลับบ้าน หยวนเหมยเกิดหมดสติลงไปอีกครั้ง
“เหม่ยหลิงเจ้าได้ยินข้าไม่? ไม่ได้การต้องรีบพาเหม่ยหลิงไปหาหมอ” ร่างเล็กหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของเหวินเทียนเขารีบอุ้มเธอไปหาหมอที่สถานพยาบาลทันที น้องชายของเหม่ยหลิงกำลังโศกเศร้าจากการจากไปของพี่สาว เมื่อเห็นพี่สาวของตัวเองฟื้นขึ้นมาเขาดีใจมาก ๆ เพราะหากไม่มีพี่ชีวิตนี้คงมืดมนไปหมด
“พี่เหวินเทียนข้าไปด้วย” เวยอันรีบวิ่งตามพี่เขยไปทันที ส่วนหญิงผู้ที่เป็นแม่ของเหวินเทียนยังคงอยู่ในอาการอึ้งที่เห็นคนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนมาและไม่ทันได้ร้องห้ามลูกชายตัวเองสักคำ
“แม่ทำไมไม่รีบห้ามเหวินเทียนไว้ล่ะ! เห็นมั้ยเขาพาเหม่ยหลิงไปหาหมอแล้ว แต่น่ากลัวจังเลยคนอะไรตายแล้วฟื้นหรือว่านางเหม่ยหลิงเป็นปีศาจกันนะ! แม่หากว่านางเหม่ยหลิงมันฟื้นคืนมาจริง ๆ ฉันไม่ยอมอยู่บ้านหลังเดียวกับเธอหรอกนะ ดูสิฉันกลัวจนขนลุกไปหมด” ลู่หลินพี่สาวของเหวินเทียนเรียกให้ผู้เป็นแม่ได้ดูขนแขนของเธอพร้อมพูดออกมาอย่างหวาดกลัว
“ฮึ! อย่าว่าแต่แกเลย ฉันเองก็ไม่ยอมหรอกคนตายไปแล้วยังไงก็ไม่ดีต่อครอบครัวของเรา รีบตามไปดูกันเถอะว่าเธอฟื้นขึ้นจริง ๆ หรือว่าแค่เส้นที่ชักกระตุกให้ยืนเท่านั้น” ฟางเซียนพูดจบรีบเดินกึ่งวิ่งไปกับลู่หลิน
“แม่คะวันนี้ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้วขอไปพักก่อนได้มั้ยคะช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่” หญิงสาวกุมมือบีบแน่นพยายามเค้นคำพูดออกมาบอกแม่สามีที่นั่งนับเงินอยู่ที่เก้าอี้ตัวประจำของเธอ ก่อนที่เธอจะจ้องมองอย่างรำคาญ
“เธอทึกทนขนาดนี้จะไม่สบายได้ยังไงหรือว่าเธอจะแอบอู้! คิดว่าตอนนี้ขึ้นเป็นภรรยาของเหวินเทียนแล้วจะสุขสบายเหรอ! ไม่ได้ต่อให้แกไม่สบายยังไงก็ต้องอยู่จนกว่าทุกคนในบ้านกินข้าวเสร็จและคอยเก็บกวาดล้างชามก่อนถึงจะไปพักได้” ร่างบางกัดริมฝีบางจนรู้สึกเจ็บทำไมชีวิตของเธอต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เธอทั้งขยันทำงานทุกอย่างและทนให้แม่สามีกับพี่สามีคอยโขกสับตลอดเวลาเธอไม่เคยปริปากบอกสามีเลยสักครั้งเพราะไม่อยากให้เขาลำบากใจ อีกทั้งเธอยังมีน้องชายอย่างเวยอันที่ต้องดูแล หากเธอขัดข้อไม่ยอมทำตามไม่ใช่แค่เธอที่จะถูกทำร้ายแต่เวยอันเองก็จะถูกกระทำเหมือนกัน เมื่อสามปีก่อนพ่อของเธอกับพ่อของเหวินเทียนออกเดินทางไปต่างเมืองเกิดพายุโหมกระหน่ำทำให้เรือที่เขาเดินทางไปเกิดคว่ำและข่าวร้ายก็เกิดขึ้นกับทั้งสองครอบครัว แต่โชคดีที่พ่อของเหวินเทียนรักเอ็นดูเหม่ยหลิงหากเขาหรือว่าเพื่อนของเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้รับเธอเข้ามาอยู่ด้วยกัน
ในตอนแรกฟางเซียนไม่อยากจะสนใจสองพี่น้องด้วยซ้ำแต่เพราะสมบัติของเหม่ยหลิงก็มีมากกว่าเขา เขาจึงยอมรับเลี้ยงทั้งสองเข้ามาอยู่ในบ้านแต่ไม่คิดเลยว่าลูกชายของเขาที่ไปรับราชการเป็นทหารได้กลับมาพบรักกับเหม่ยหลิงและเอ่ยปากขอเธอแต่งงาน จนในที่สุดเธอยอมให้ลูกชายแต่งพร้อมให้เหวินเทียนจดทะเบียนกับเหม่ยหลิงเพื่อจะฮุบสมบัติของเธอ
“ได้ค่ะ” เธอตอบกลับแม่สามีอย่างจำใจก่อนจะเดินเข้าไปในครัวแอบนั่งร้องไห้เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอร้อนไปทั้งตัว เวยอันที่แอบฟังอยู่รีบเดินเข้ามาหาผู้เป็นพี่
“พี่ครับหากพี่ไม่สบายไปพักเถอะเดี๋ยวผมจะเก็บกวาดให้เอง” เหม่ยหลิงปาดน้ำตาจ้องมองน้องชายที่มีอายุเพียงสิบปีก่อนจะหยุดร้องไห้เธอจะต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องน้องของเธอให้ได้
“เวยอันพี่ไม่ได้เป็นอะไร กินยาเดี๋ยวก็ดีขึ้นหิวมั้ย? เดี๋ยวพี่จะไปหยิบข้าวปั้นมาให้ กินรองท้องไปก่อนเมื่อไหร่ที่ทุกคนกินอิ่มแล้ว พี่จะเอาอาหารที่เหลือมาให้นะ!” เธอแอบหยิบข้าวปั้นซุกซ้อนเอาไว้ในยามที่น้องชายหิวเธอจะได้เอาให้เขากิน เพราะค่าใช้จ่ายหรือแม้แต่ของกินภายในบ้านแม่สามีเป็นคนดูแลปกครอง ทั้งสองพี่น้องแทบไม่มีเงินติดตัวอย่าว่าแต่เงินสักหยวนเลยแม้แต่สลึงเธอก็แทบจะไม่มี และเธอกับน้องชายจะได้กินอาหารเพียงแค่สองครั้งต่อวันเท่านั้น วัยของเวยอันกำลังเจริญเติบโตบางครั้งเหม่ยหลิงยอมอดเพื่อให้น้องได้กิน
“พี่เหม่ยหลิงกินเถอะฉันยังไม่หิวหรอกแต่ร่างกายของพี่ร้อนมากจริง ๆ นะครับ ทำไงดีงั้นพี่ไปนอนพักสักหน่อยดีมั้ยตอนนี้ยังไงพี่ลู่หลินยังไม่มา หากเธอมาแล้วผมจะรีบไปปลุกพี่เอง”
“เอางั้นก็ได้งั้นพี่จะกินยานอนสักงีบ อย่าลืมมาปลุกด้วยล่ะรู้ใช่มั้ยถ้าทำให้คุณแม่กับพี่ลู่หลินไม่พอใจวันนี้เราจะไม่ได้กินข้าวเย็น”
“ครับ” เหม่ยหลิงลูบหัวน้องชายก่อนจะยันกายลุกขึ้นเดินเซซ้ายเซขวาหายากินก่อนจะนอนลงในห้องครัวเพื่อรอเวลาลู่หลินกลับมาจะได้ยกอาหารให้เธอกินตามคำสั่งของแม่สามี
บทที่ 2 ฉันจะไม่ยอมแต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ ฝนเกิดตกลงมาฟางเซียนคิดหนักเพราะไม่มีท่าทีว่าฝนจะตกสักนิดหากจะให้ลู่หลินลูกสาวของเธอเดินตากฝนกลับมาคงไม่สบายแน่ ๆ เธอเลยรีบเดินไปเรียกลูกสะใภ้ถือร่มไปรับลู่หลินที่โรงเย็บผ้าตอนนั้นเวยอันออกไปด้านนอกเพื่อเฝ้าดูลู่หลินว่ากลับมาหรือยังเลยไม่เห็นว่าฟางเซียนกำลังเดินไปหาพี่สาวของตัวเอง“นี่มันอะไรกัน! แอบมาหลับอยู่ในครัวได้ยังไงขี้เกียจตัวเป็นขนจริง ๆ นี่เหม่ยหลิงลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาพัก” ฟางเซียนใช้น้ำสาดเรียกให้เหม่ยหลิงตื่น ทันทีที่ร่างกายของเธอถูกน้ำก็ได้ลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมาเพราะรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย“คุณแม่ ฉันแค่นอนพักเท่านั้นพี่ลู่หลินมาแล้วหรือคะ” เธอรีบลุกขึ้นกวาดสายตามองไปด้านหลังของแม่สามี“ตอนนี้ยังไม่มาเพราะข้างนอกเกิดฝนตก เธอเอาร่มไปให้ลู่หลินหน่อยสิฝนนี่ก็จริง ๆ เลยทั้งวันไม่ตกมาตกตอนลูกสาวของฉันจะกลับบ้าน” เหม่ยหลิงมองไปทางหน้าต่างเห็นเม็ดฝนกำลังหล่นลงมาไม่แรงเท่าไหร่ หากเธอไม่ตากฝนคงไม่ไข้ขึ้นเมื่อคิดเช่นนั้นเหม่ยหลิงรีบเดินไปถือร่มเพื่อออกไปรับลู่หลินตามที่แม่สามี
บทที่ 3 หย่า“เธอคงตกใจกลัวใช่มั้ยที่ไม่มีพี่อยู่เคียงข้าง เอาล่ะเลิกร้องไห้ได้แล้วต่อจากนี้พี่ไม่คิดจะหนีไปไหนอีก เราสองคนจะต้องไม่ให้ใครมารังแกได้อีกพี่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนายเองเวยอัน” ร่างกายของเวยอันพ่ายผอมจนหนังหุ้มกระดูกทั้งสองพี่น้องต้องพบเจอกับเรื่องไม่ยุติธรรมขนาดไหนกันนะ! แล้วทำไมเจ้าของร่างเดิมถึงได้กำลังถูกฝังอยู่ในโลง หยวนเหมยเริ่มคิดหนักในเรื่องนี้ หรือว่าเธอถูกแม่สามีกับพี่สาวรังแกจนตาย หรือว่าเธอป่วยไข้จนทนไม่ไหวตายเพราะไข้หวัดหรือ? หยวนเหมยฉุดคิดแต่ไม่ทันไรเสียงชายที่เธอพบหลังจากที่ลืมตาได้เดินเข้ามา"เหม่ยหลิงเธอฟื้นแล้วหรือ รู้มั้ยว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เธอฟื้นขึ้นมา ฉันคิดว่าฉันจะเสียเธอไปแล้ว ทำไมเธอถึงได้คิดสั้นอย่างนั้น รู้บ้างมั้ยฉันต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน " น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแววตาเจ็บปวด ของชายที่เดินเข้ามาหยวนเหมยพอเดาออกนี่คงเป็นสามีของเธอ แต่เขาพูดว่าเธอคิดสั้น นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้ถูกรังแกแต่เป็นเธอเองที่คิดจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ! เวยอันรีบผละออกให้พี่เขยเข้ามาคุยกับพี่สาว หยวนเหมยเห็นว่าเขาจะเข้ามากอดเธอรีบใช้มือดันอกเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพรา
บทที่ 4 ความทรงจำ"เอามือออกไปจากร่างกายของฉันได้แล้ว ""ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้หรือว่าเพราะเกิดการกระทบจิตใจกับเรื่องที่เธอพบเจอมากันนะ! โธ่ภรรยาของฉันทำไมต้องเกิดเรื่องไม่ดีอย่างนี้ด้วย ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะฉันจะอยู่เคียงข้างคอยปกป้องเธอเอง ตอนนี้ฉันออกจากการรับราชการแล้วต่อจากนี้เรามาอยู่กันอย่างมีความสุขเถอะนะ! เธอคงเหนื่อยมามากพักผ่อนเถอะ ฉันจะออกไปเกลี้ยกล่อมคุณแม่เอง " เหม่ยหลิงไม่ได้โต้ตอบอะไรเธอเดินดูในห้องอย่างน่าสนใจก่อนจะนั่งลงที่เตียงหนานุ่ม แต่ทำไมเหมือนร่างนี้ไม่เคยได้อยู่ในห้องนี่เลยด้วยซ้ำที่นอนแบบนี้เธอคงไม่ได้สัมผัส เมื่อเห็นว่าประตูปิดลงหยวนเหมยที่อยู่ในร่างของเหม่ยหลิงนอนลงที่เตียงก่อนจะผลอยหลับไปอากาศเย็นสบายเหม่ยหลิงดีใจที่สามีของเธอจะกลับมาอยู่บ้านอย่างถาวรหลังจากที่ไปเป็นทหารกองหนุนเมื่อหลังจากการปฏิวัติเสร็จสิ้นทางการให้ทหารที่ไม่ได้มียศหรือทหารกองหนุนกลับบ้านพร้อมเงินจำนวนหนึ่งกลับมาด้วย วันนี้เหม่ยหลิงจึงเก็บกวาดเช็ดถูบ้านด้วยสีหน้าดีอกดีใจ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่เธออยากบอกให้สามีรู้ สองเดือนที่แล้วสามีได้กลับมาเยี่ยมและร่วมหลับนอนหลังจากนั้นฤด
บทที่ 5 ได้สมบัติคืนมาอึก อึก'ทำไมถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้นะ! ' หยวนเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่ายามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวความรู้สึกหน่วงที่หัวใจคล้ายโรคหัวใจของเธอกำเริบอีกครั้งแต่เมื่อเธอหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ กลับหายไป"หรือว่าที่ฉันรู้สึกเจ็บไม่ใช่เพราะอาการของรฉันแต่เป็นความเจ็บปวดที่เหม่ยหลิงต้องพบเจอ ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้อยากจบชีวิตตัวเอง ช่างไม่รักตัวเองเอาเสียเลยดูฉันสิอยากมีชีวิตอยู่ เฝ้าอ้อนวอนสวรรค์กลับไม่มีความเมตตา แต่เอาล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันเป็นเธอฉันจะไม่ยอมตายง่าย ๆ แน่และฉันจะไม่ยอมทนกับครอบครัวนี้อีกต่อไป แม้เหวินเทียนสามีของเธอจะรักเธอมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้อย่างนี้จะมีไปทำไมสู้หย่าไปเสียดีกว่า คนที่รักเธอจริง ๆ มีเพียงตัวเองกับน้องชายเท่านั้น " เมื่อคิดได้อย่างนั้นหยวนเหมยลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินไปหาผู้เป็นสามีเพื่อขอให้เขาหย่าให้ตนเอง และโชคดีที่แม่สามีเองก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้พร้อมทั้งสามีของเธอ เธอจะจบเรื่องนี้ภายในวันนี้"เหม่ยหลิงเธอฟื้นแล้วหรือ? มาสิเดี๋ยวฉันจะพยุงเธอเอง วันนี้ฉันเข้าครัวทำข้าวต้มให้เธอด้วยนะคิดว่าเธอตื่นจะยกไปให้ที่ห้อง "เหวินเทียนเห็น
บทที่ 6 กลับบ้านหลังจากที่ตกลงและลงนามในใบหย่าหยวนเหมยมาหาน้องชายของตัวเองที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่อย่างเอร็ดอร่อย"เวยอันอร่อยหรือไม่? ""อร่อยมากเลยครับพี่เหม่ยหลิงทำยังไงวันนี้ถึงได้กินอาหารดี ๆ อย่างนี้ล่ะ" เด็กชายถามพี่สาวด้วยความอยากรู้ยากนักที่จะได้กินอาหารที่อิ่มและอร่อยอย่างนี้"ทำยังไงไม่สำคัญหรอกต่อจากนี้พี่จะทำให้เวยอันได้กินอาหารที่ดีและมีประโยชน์และครบสามมื้ออาหารไม่ให้อดอยากอีกแล้ว กินเสร็จแล้วเข้านอนเถอะนะวันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางกลับตระกูลของเรากัน แม้ที่นั่นไม่มีคุณพ่อแต่พี่จะเป็นคนที่ดูแลเวยอันให้เติบโตเอง " หยวนเหมยจ้องมองน้องชายอย่างอ่อนโยนลูบหัวของเขาเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้"ครับ แล้วพี่เหม่ยหลิงไม่กินด้วยกันเหรอครับไม่ใช่ว่าพี่จะอดเหมือนทุกครั้งหรอกนะ ""ไม่หรอก พี่บอกเวยอันแล้วอย่างไรว่าต่อจากนี้จะไม่ให้อดอยากอีกรวมถึงตัวพี่ด้วย" เมื่อพูดคุยกับน้องพักใหญ่หยวนเหม่ยได้กลับไปที่ห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้าของตน แต่เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้ากับพบว่ามีเพียงผ้าเก่า ๆ คล้ายกับผ้าไว้เช็ดถูก็ไม่ปาน ชีวิตของเหม่ยหลิงช่างน่ารันทดดีแท้ทันใดนั้นเองเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเ
บทที่ 7 หนทางหาเงินหลังจากกินอาหารเสร็จสองพี่น้องพากันกลับบ้าน เวยอันเหน็ดเหนื่อยจึงผลอยนอนหลับหากอยู่ที่บ้านของเหวินเทียนไม่มีทางที่จะได้นอนอย่างนี้ เหม่ยหลิงเดินดูรอบบ้าน ทั้งในครัวและห้องนอนก่อนจะมานั่งคิดหาทางเอาชีวิตรอดต่อจากนี้"จะทำยังไงดีนะ! จะไปหางานที่โรงเย็บผ้าก็ไม่อยากจะเจอกับลู่หลิน อีกอย่างเงินเพียงห้าสิบหยวนถ้าจับจ่ายใช้ไม่รู้จักประหยัดก็คงจะหมดไป หรือจะขายของเหมือนป้าเสี่ยนแล้วฉันจะขายอะไรได้ ไม่สิจะต้องดูตลาดแถวนี้เสียก่อนว่ายังไม่มีอะไรขายถึงจะคิดได้ว่าจะขายอะไร เอาล่ะตอนนี้ต้องหาฟืนเพื่อมาทำอาหารเสียก่อน " เหม่ยหลิงลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้านตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะตกสู่พื้นโชคดีที่ยุคนี้เป็นยุคที่มีไฟฟ้าใช้แล้วแม้จะยังเข้าไม่ถึงบางพื้นที่แต่ที่นี่เธออยู่นับได้ว่าเป็นความโชคดีที่เธอยังอยู่ในตัวอำเภอหากอยู่แถวชนบทไฟฟ้าคงยังเข้าไม่ถึง เหม่ยหลิงเดินหาไม้ฟืนตามข้างบ้าน เพื่อใช้ในการหุงข้าวทำกับข้าวจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี เสียงเรียกของเวยอันได้ดังขึ้นเมื่อลืมตาขึ้นมาไม่เจอพี่สาว"พี่เหม่ยหลิงอยู่ที่ไหนครับ พี่เหม่ยหลิง""เวยอันพี่อยู่นี่ ตอนนี้พี่จัดแจงห้องนอนให้เราแล้วนะต่อจากนี้
บทที่ 8 ขายซาลาเปาไอความร้อนลอยออกมาจากตัวซาลาเปาที่วางลงบนโต๊ะเวยอันรออยู่อย่างใจจดใจจ้องมองอย่างดีใจใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม"พี่เหม่ยหลิงซาลาเปาที่อยู่ตรงหน้านี้ฉันกินได้จริง ๆ ใช่มั้ย? หรือต้องรอให้ทุกคนกินอิ่มก่อนเราถึงจะได้กิน " ความเคยชินจากที่เคยอยู่บ้านตระกูลเหวินทำให้เวยอันเคยตัวเพราะกลัวการถูกทุบตี เหม่ยหลิงยื่นมือไปแตะที่หัวน้องชายอย่างแผ่วเบา"ต่อจากนี้เราไม่ต้องรอให้ใครกินก่อนหรือเราต้องคอยกินของเหลืออีกแล้วนะ ซาลาเปาที่อยู่ในจานนี้น้องชายของพี่จะกินหมดย่อมได้ ลองกินดูสิรู้มั้ยซาลาเปาต้องกินตอนร้อน ๆ นะถึงจะอร่อย แต่พี่เองไม่รับประกันว่ารสชาติจะเป็นยังไงเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ทำ"เด็กชายคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าก่อนจะใช้มือจับซาลาเปายกขึ้นมาบอกแก่พี่สาว"พี่สาวของฉันเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยที่สุด ซาลาเปาของพี่ต้องอร่อยอยู่แล้ว " พูดจบปากเล็ก ๆ กัดซาลาเปาคำโตเข้าปากเคี้ยวอย่างเร่งรีบเพราะความร้อนก่อนจะกลืนลงท้อง เหม่ยหลิงคาดหวังเหลือเกินว่าน้องชายของเธอจะไม่คายมันออกมา"ฮืม ..พี่สาวของฉันทำมันออกมาได้อร่อยจริง ๆ เนื้อแป้งนุ่มราวกับนุ่นแถมไส้ก็อร่อยมาก ๆ ""นี่ไม่ใช่ว่าเราพูดเพราะก
บทที่ 9 ขายดิบขายดีเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในโรงงานกำลังเดินทางกลับบ้านโชคดีที่บ้านของฟางเซียนไม่ไกลจากโรงงานเท่าไหร่นัก เธอมาถึงได้ยืนชะเง้อมองหาซิงเยียน เห็นเธอโบยมือร่ำลาลูกน้องในโรงงานเมื่อหันมาเห็นฟางเซียนเธอรีบเดินเข้ามาทักทายทันที"สวัสดีค่ะป้าฟางเซียนมารับพี่ลู่หลินหรือคะ?""อ้อ…ไม่ใช่จ้ะ ป้ามาที่นี่เพราะต้องการเจอหนูซิงเยียนมาคุยกับป้าสักหน่อยได้มั้ย " ซิงเยียนคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยแต่ก็ยอมเดินตามฟางเซียนไปยืนคุยไกล ๆ ผู้คน"คุณป้ามีเรื่องอะไรหรือคะ? ""ป้าอยากจะถามหนูอย่างจริงใจ หนูซิงเยียนชอบลูกชายของป้าหรือเปล่าจ้ะ " เมื่อถามขึ้นใบหน้าของเธอแดงระเรื่อราวมะเขือเทศ ยืนบิดอายไปมาเผยให้ฟางเซียนเห็นโดยที่เธอไม่ต้องตอบก็รู้ว่าเธอคิดยังไงกับเหวินเทียน"ป้าฟางเซียนถามอย่างนี้จะให้ฉันตอบยังไงคะ หากจะว่าชอบก็คงตรงไป ""ไม่เลยเพราะป้ามาหาหนูวันนี้เพราะมีความจริงจะบอก จริงสิวันนี้ลู่หลินเล่าให้ป้าฟังแล้วว่าหนูรู้แล้วเรื่องที่เหวินเทียนหย่ากับภรรยา ตอนนี้เขาโศกเศร้าเสียใจมากจนไม่ได้สติ หากตอนนี้หนูซิงเยียนเข้าไปปลอบใจอยู่เคียงข้างเขาคงจะมีกำลังใจขึ้นมา วันนี้หนูมีเรื่องจะต้องท
บทที่ 20 สามีเก่ามาก่อกวนเหม่ยหลิงเดินมาเปิดประตูเห็นว่าเขาเคยเป็นสามีเก่าและไม่มีพิษมีภัยอะไรหากเปรียบเทียบสามคนในบ้านตระกูลเหวินเขาคือคนที่ดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อเธอเปิดประตูเห็นใบหน้าของเขาพร้อมกลิ่นเหล้าที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว เธอใช้มือปิดจมูกก่อนจะเอ่ยถามเขามาหาเธอมีเรื่องอะไร“พี่เหวินเทียนทำไมพี่ถึงดื่มเหล้ามากขนาดนี้กัน แล้วมาที่นี่มีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันหรือ? ” เขาเห็นใบหน้าของเหม่ยหลิงเดินเข้ามาใกล้พร้อมดึงร่างบางเข้ามาโอบกอดไว้แน่น“พี่คิดถึงเธอเหลือเกินเหม่ยหลิง คิดถึงจนแทบบ้า” เหม่ยหลิงตกใจไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมเข้ามากอดเธอแบบนี้ใบหน้าของเหม่ยหลิงซีดเผือก รีบผลักเขาออกร่างกายของเธอ“ปล่อยนะ! อย่ามาทำแบบนี้กับฉัน เราหย่ากันแล้วพี่ไม่มีสิทธิ์มากอดฉันแบบนี้ ออกไปนะ” เหวินเทียนไม่สนใจคำพูดของเหม่ยหลิงด้วยซ้ำเพราะฤทธิ์เหล้าที่อยู่ในร่างกาย ทำให้เขาโมโหและโกรธในตัวของเหม่ยหลิง เขาตะคอกออกมาเสียงดังแววตาจ้องเขม็ง“เพราะพี่ไม่ใช่ไอ้หนุ่มคนนั้นใช่มั้ย? เธอถึงได้ผลักไสพี่ไม่ให้เข้าใกล้ เหม่ยหลิงเธอรู้มั้ยพี่เจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องหย่าให้เธอยอมให้เธอเดินออกจากชีวิตพี่มา เธอเห็นใจพี่สัก
บทที่ 19 ขายดีกว่าเดิมเหวินเทียนแต่งตัวเต็มยศวันนี้เขาต้องออกเดินทางไปออกงานกับนายอำเภอ เมื่อออกมาจากห้องตัวเองลูกน้องของเขายืนรออยู่หน้าประตูได้แจ้งกับเขาว่าตอนนี้มีแขกรอเขาอยู่ที่ห้องต้อนรับ“ท่านนายพลตอนนี้แขกมาขอพบท่านครับ”“แขกหรือ? ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันไม่เคยเห็นใครมาหาที่บ้านเลยหากจะพบต้องไปที่กองทัพสิ”“เอ่อ..แขกคนนี้เป็นผู้หญิงครับ” เมื่อได้ยินว่าเป็นผู้หญิงคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใดก็มีผู้หญิงเข้ามาคอยป้วนเปี้ยนข้างกาย“ต่อจากนี้หากไม่ใช่คนที่มาติดต่อราชการไม่ต้องต้อนรับและปฏิเสธการขอเข้าพบเข้าใจหรือไม่”“ครับ” อี้หานเดินไปที่ห้องต้อนรับสองเท้าก้าวเข้าไปเหลียวมองหญิงสาวที่นั่งรอเขาอยู่ที่เก้าอี้พร้อมเอ่ยทักทายอย่างเป็นมารยาท“สวัสดีครับคุณผู้หญิงไม่ทราบว่ามาหาผมมีธุระอะไรครับ” ลู่หลินยืนขึ้น อย่างรีบร้อนใบหน้าคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นใบหน้าของท่านนายพลที่แต่งกายด้วยชุดประจำตำแหน่งเต็มยศยิ่งทำให้เขาสง่างามมากกกว่าเดิม แววตาของเธอเป็นประกายแวววาว“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อว่าลู่หลินได้ยินมาว่ามีท่านนายพลมาประจำการใหม่เลยเข้ามาทักทายไม่ได้
บทที่ 18 พิสูจน์ทุกคนเดินเข้ามาดูเปรียบเทียบซาลาเปาทั้งสองก้อนแตกต่างกันจริงๆ เหม่ยหลิงจ้องมองไปยังคนที่เข้ามาหาเรื่องเธอ แต่ละคนเริ่มมีความกระวนกระวายมองหน้ากันไปมา ทำให้เหม่ยหลิงมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังหวังทำลายชื่อเสียงร้านของเธอเพราะคนพวกนี้เธอไม่เคยเห็นหน้าสักครั้งเลยด้วยซ้ำ"เอ๊ะ! ต่างกันจริง ๆ ด้วยอย่างนั้นพวกพี่ชายพี่สาวยังจะว่าเป็นซาลาเปาร้านนี้อยู่อีกหรือ? อย่างนี้ไม่เท่ากับว่ามาสร้างความวุ่นวายเสียหายให้ร้านนี้หรอกหรือ หากพวกพี่ ๆ บริสุทธิ์ใจบอกมาสิว่าซื้อมาจากไหน เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ที่นี่อยู่ดี" อี้หานได้พูดขึ้น"นั่นสิ! หรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกคุณตั้งใจมาทำลายชื่อเสียงร้านฉันอย่างนี้ฉันแจ้งความได้ใช่มั้ยนะ... แล้วอย่างนี้ใครกันที่จะต้องเป็นคนที่จะรับจ่ายค่าเสียหาย หื้ม! หากนับจำนวนคนห้าคนค่าที่ทำให้ร้านเสียหายต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่กันนะ จะเรียกร้องค่าซาลาเปาสามวันดีมั้ยนะ" เหม่ยหลิงทำท่าทางนับนิ้วมือจนกระทั่งหนึ่งในนั้นรีบรับสารภาพทันที"อย่าแจ้งความเลยนะฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าปรับหรอก ฉันยอมแล้วฉันรับเงินมาจากผู้หญิงคนหนึ่งแถมเธอยังให้ซาลาเปามาด้ว
บทที่ 17 ทำลายชื่อเสียงหลังจากทั้งสามกินอาหารเสร็จเหม่ยหลิงได้เดินมาส่งอี้หานที่หน้าบ้าน“เดินทางกลับดี ๆ นะคะ”“ครับคุณเองก็เข้าบ้านไปพักเถอะ ได้ยินคุณพูดกับเวยอันว่าจะทำไส้ซาลาเปาต่อคงจะเหนื่อยน่าดูนับถือความขยันของคุณยิ่งนัก”“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่อยากกลับไปอดอยากและอยากให้เวยอันได้เรียนทำเพียงเท่านี้ไม่ได้ทำให้เหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่นัก วันพรุ่งนี้ฉันจะไม่ลืมเก็บซาลาเปาไว้ให้นะคะ”“ครับ งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนเข้าไปในบ้านเถอะครับตอนนี้มืดค่ำแล้วเดี๋ยวจะเกิดอันตรายยิ่งมีแต่ผู้หญิงและเด็กด้วย”“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะ คุณไม่ต้องห่วง” เธอโบกมือลาเขายืนมองจนเขาลับสายตาเหม่ยหลิงจึงเดินเข้ามาปิดประตูบ้านเข้ามาด้านในเพื่อทำไส้ซาลาเปาต่อ ส่วนเวยอันเธอให้น้องชายไปอาบน้ำทำการบ้านและพักผ่อนฝั่งด้านของฟางเซียนเธอกลับมาถึงบ้านให้ลูกสะใภ้ไปพักผ่อนเธอยังนึกโมโหเหม่ยหลิงไม่หายที่ทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าทุกคนรวมถึงลูกสะใภ้อย่างซิงเยียนโชคดีที่ซิงเยียนโง่เขลาเธอพูดเพียงไม่กี่คำก็เข้าใจง่าย คืนนี้เธอนอนไม่หลับคิดหาหนทางจัดการกับเหม่ยหลิงให้ได้ ลู่หลินออกมาจากห้องนอนตัวเองเพื่อหาน้ำกินเห็นคุณแม่ย
บทที่ 16 ทำความรู้จักลูกค้าที่กำลังยืนต่อคิวรอซื้อซาลาเปาเริ่มหันมองหน้ากันไปมา เพราะคำพูดของฟางเซียน หากเธอมาเพียงต่อว่าเหม่ยหลิงคงจะไม่โต้ตอบแต่ทว่าตอนนี้ทั้งแม่สามีเก่าและภรรยาใหม่ของเหวินเทียนกำลังใส่ความทำให้ร้านของเธอเสียหาย ลูกค้าเริ่มเป็นกังวลหากเธอไม่โต้ตอบทั้งสองคงได้ใจไม่หยุดเพียงเท่านี้"อะไรที่มากเกินไป ที่ฉันพูดมาเป็นความจริงทั้งนั้น ""ความจริงที่ว่าฉันถูกแม่สามีเก่ากับพี่สาวของสามีรุมรังแกทำร้ายจนฉันแท้งลูกนะหรือ? มิหนำซ้ำขนาดมีฉันเป็นลูกสะใภ้อยู่ทั้งคนยังจะหาเมียน้อยให้สามีของฉันช่างเป็นแม่สามีที่ดีจริง ๆ เธอเองก็เช่นกันนะระวังตัวไว้เถิดขนาดฉันยังถูกกระทำแบบนี้เมื่อไหร่ที่เธอหมดความสำคัญต่อตระกูลนี้เธอเองก็ไม่ต่างจากฉันนักหรอก ""หุบปากสกปรกของเธอเดี๋ยวนี้เลยนะ! ใครกันที่จะทำอย่างนั้นนี่ซิงเยียนไม่ต้องไปฟังเธอพูดนะ อีกอย่างลูกสะใภ้ฉันคนนี้ดีกว่าเธอเป็นไหน ๆ อีกไม่นานคงจะท้องมีหลานคนแรกให้ฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะรังแกลูกสะใภ้ของฉันคนนี้แน่นอน ""งั้นก็เชิญออกไปจากหน้าร้านของฉันได้แล้ว หากยังมาคอยสอดเสือกพูดเรื่องที่ไม่เข้าท่าทำให้ร้านของฉันเสียชื่อเสียงฉันจะไม่ไว้หน้าอีกต
บทที่ 15 พบกันครั้งแรกเหม่ยหลิงหยิบซาลาเปาไส้ถั่วแดงกับไส้หมูใส่ถุงให้ลูกค้าพร้อมรับเงินเก็บใส่กระปุกเอาไว้"กินให้อร่อยนะคะ " ลูกค้าเดินจากไปเหม่ยหลิงหันหลังจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อนำซาลาเปาที่นึ่งไว้มาเพิ่มแต่แล้วเสียงทุ่มต่ำได้เรียกเธอเอาไว้เสียก่อน"ผมต้องการซาลาเปาครับไม่ทราบว่าที่นี่ใช่ร้านซาลาเปาหรือไม่?" เหม่ยหลิงหันกลับมาฉีกยิ้มเต็มใบหน้ารีบต้อนรับลูกค้าคนใหม่ทันที แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของเขาต้องตกตะลึงไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าที่คมเข้มร่างกายสูงโปรงแข็งแกร่งอย่างกับคนที่ออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา อีกทั่งรูปร่างอย่างเขาไม่ได้เห็นได้ง่าย ๆ ในที่แห่งนี้คงจะไม่ใช่คนแถวนี้แน่นอน"ใช่แล้วค่ะ ที่ร้านของเราตอนนี้มีซาลาเปาเพิ่มมาอีกไส้ลูกค้าต้องการแบบไหนคะ มีไส้ถั่วแดงกับไส้หมูค่ะ " มิใช่แค่เหม่ยหลิงที่ตกตะลึงแต่อี้หานเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะหญิงร่างบางคนนี้มิใช่แค่รสชาติฝีมือที่เหมือนภรรยาของเขาแต่ทว่าทั้งกิริยาท่าทางช่างคล้ายภรรยาของเขายิ่งนัก"เอ่อ ...ไม่ทราบว่าลูกค้ายังต้องการจะซื้อซาลาเปาอยู่มั้ยคะ? " เหม่ยหลิงเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าไม่พูดอันใดเอาแต่จ้องหน้าเธอ"เอา
บทที่ 14 ฉันจะเป็นคุณนายทหารลู่หลินเดินทอดน่องมาถึงบ้านด้วยความตื่นเต้นที่จะเล่าให้แม่ฟังว่าตนเองพบเจอผู้ใดมาแต่เมื่อกลับมาดันเห็นว่าคุณแม่ของตัวเองกำลังนวดหลังให้ลูกสะใภ้อย่างเอาอกเอาใจเธออดที่จะต่อว่าไม่ได้ แม้จะเป็นลูกเจ้าของโรงงานแล้วยังไงในเมื่อตอนนี้ซิงเยียนก็เป็นน้องสะใภ้ของเธอเหมือนกัน"นี่น้องสะใภ้มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอที่จะให้คุณแม่มาทำอะไรแบบนี้ ฉันไม่เคยเห็นแม่สามีบ้านไหนที่ต้องคอยนวดให้สะใภ้อย่างนี้เลย มีแต่ลูกสะใภ้ที่ต้องเอาอกเอาใจแม่สามีคอยดูแลบ้านเรือนหุงหาอาหารนวดบ่าไหลให้แม่สามี เหวินเทียนน้องไม่ได้เรื่องอยู่ที่ไหนทำไมถึงปล่อยให้ภรรยามาใช้คุณแม่อย่างนี้"ฟางเซียนกลัวว่าลูกสะใภ้จะโกรธและรังแกกลั่นแกล้งลู่หลินที่โรงงานจึงรีบตอบกลับเธอทันที"ลู่หลินมิใช่อย่างที่ลูกเห็นหรอกนะ วันนี้ลูกสะใภ้ช่วยงานบ้านแล้วเกิดปวดหลังแม่แค่นวดให้เท่านั้นไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย ""นั่นสิพี่ลู่หลินคงไม่รู้ว่าฉันไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน วันนี้ฉันใจดีช่วยคุณแม่ถูบ้านพอก้มนาน ๆ ฉันเกิดปวดหลังเท่านั้นเอง หรือว่าต่อจากนี้ฉันจะต้องจ้างคนงานมาทำความสะอาดบ้านกันนะ จะได้ไม่ทำให้คุณแม่เหน็ดเหนื่อย
บทที่ 13 ถูกใจบ้านตระกูลเหวินหลังจากงานแต่งเสร็จสิ้นสะใภ้ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านของสามี ตั้งแต่คืนวันแต่งงานเหวินเทียนไม่ได้แตะต้องตัวของซิงเยียนเลย ทำให้เธอทุกข์ระทมหัวใจโชคดีที่มีแม่สามีคอยเอาใจใส่ดูแล ทำกับข้าวเก็บกวาดบ้านทำกระทั่งซักผ้าให้ลูกสะใภ้ด้วยซ้ำวันนี้ลู่หลินกำลังออกไปทำงานอย่างที่เธอไปทำทุกวันนี้ เธอจะออกไปทำงานหาแม่ไม่เจอจึงเดินหาอ้อมบ้านเห็นแม่กำลังนั่งซักผ้าให้ลูกสะใภ้กับลูกชายอยู่หลังบ้านเธอเลยรู้สึกว่าแม่จะทำเกินไปจริง ๆ"คุณแม่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้เรื่องงานบ้านฉันเองก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่แม่จะมาซักผ้าให้เหวินเทียนกับน้องสะใภ้ได้ยังไง อีกอย่างตะวันขึ้นโด่งป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก เฮ้อ! ตอนแรกฉันคิดว่าซิงเยียนจะเป็นคนขยันเห็นเข้าไปดูงานที่โรงงานทุกวัน แต่ที่ไหนได้เป็นคุณหนูตื่นสายและทำงานบ้านไม่เป็นสักอย่าง แม่หยุดทำได้แล้วไปปลุกให้เหวินเทียนมาซักให้เถอะ เจ้านั่นก็เหมือนกันทำตัวอย่างกับไร้ชีวิตชีวา ""แกไม่ต้องมาบ่นมากไม่รีบไปทำงานหรือไงอีกอย่างงานแค่นี้ฉันทำได้ จะให้ลูกสะใภ้อย่างซิงเยียนมาทำได้ยังไง อย่าลืมสิเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงเย็บผ้านะจะให้มาทุกข์ยากได้ยังไง " ฟ
บทที่ 12 นายพลคนใหม่เหม่ยหลิงลอบรำพึงในใจเมื่อได้ไปอวยพรกับสะใภ้ใหม่ของตระกูลเหวิน แต่เธอคงจะไม่โดนอย่างที่เหม่ยหลิงโดนแน่ ๆ เพราะเธอนั้นทั้งรวยแถมยังเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านด้วย เหม่ยหลิงสบายใจเดินซื้อของที่ตลาดเพื่อนำกลับไปทำซาลาเปาของเธอต่อ ใครจะแต่งงานใหม่ใครจะเป็นอย่างไรต่อไปเธอไม่ได้สนใจเพราะตอนนี้หน้าที่ของเธอคือการดูแลน้องชายหาเงินและหนทางที่ร่ำรวยอยู่อย่างมีความสุขวันเวลาผ่านมาหลายวันร้านของเหม่ยหลิงเลื่องลือไปทั่วทั้งรสชาติของไส้และตัวแป้งที่ไม่เหมือนใครทำให้ผู้คนที่ได้กินต้องติดใจจนต้องรีบมายืนคอยตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดด้วยซ้ำ แม้จะเหนื่อยกายแต่ทว่าเหม่ยหลิงกลับมีความสุขมาก ๆ"พี่เหม่ยหลิงฉันช่วยเก็นนะครับ วันนี้พี่คงเหนื่อยน่าดูผมเห็นพี่ตื่นแต่เช้าตรู่ทำซาลาเปาเพิ่มตั้งมากมาย พี่ทำเพื่อผมขนาดนี้ผมจะช่วยงานพี่เองพี่ไปนั่งพักนะครับ" วันนี้เวยอันกลับมาเร็วเนื่องจากคุณครูที่สอนจะไปร่วมงานต้อนรับนายพลที่ย้ายมาประจำการที่กองทัพในอำเภอแห่งนี้ ที่เหม่ยหลิงหนื่อยและต้องทำซาลาเปาเพิ่มเพราะมีคนมาสั่งซาลาเปาเพื่อไปเป็นของว่างกินต้อนรับนายพล เธอจ้องมองน้องชายอย่างเอ็นดูก่อนจะวางมือจากผ