03.21 น.
ผ่านมาแล้วเก้าวันหลังจากที่เหอเสี่ยวหงไปซื้อของมา ของที่สั่งก็ทยอยเข้ามาส่งจนใกล้จะครบ และเหอเสี่ยวหงก็เก็บใส่มิติหมดแล้ว วันนี้ยังมีโยเกิร์ต นมสด และผ้าขนหนูอัดเม็ด ที่คาดว่าจะมาส่ง
อีกเพียงวันเดียวเหอเสี่ยวหงก็จะได้กลับไปในที่ที่ได้จากมาแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เหล่าลูกสาวจะเป็นยังไงกันบ้าง ถ้าถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าจะได้กลับไป ก็ต้องบอกว่าก่อนที่จะมาเกิดใหม่
เหอเสี่ยวหงได้เจอกับคน ๆ หนึ่ง ที่บอกเธอไว้ว่าจะได้เกิดใหม่ แต่เมื่อถึงเวลาหรือก็คือเมื่อไหร่ที่เหอเสี่ยวหงครบสามสิบปี เธอจะได้กลับไปยังที่ที่ได้จากมา เพื่อชดใช้ให้กับสามีและลูกสาวที่เธอทิ้งมา
ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้นมาในวลาที่เหอเสี่ยวหงกำลังอาบน้ำอยู่ คงจะเป็นหยาดฟ้าที่โทรมาเรียก
เพราะพวกเธอนัดกันไปซื้อของสดที่ตลาดเช้าวันนี้ ทำให้ต้องตื่นตั้งแต่เช้าหรือเรียกได้ว่าก่อนไก่ขัน อันที่จริงทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกัน หยาดฟ้าจะเดินมาเคาะห้องเธอก็ได้ แต่เวลานี้คงจะไม่เหมาะ
ก๊อก! ก๊อก!
“ยัยหงงงง” เสียงตะโกนจากหยาดฟ้าดังเข้ามาในห้องอาบน้ำหลังเหอเสี่ยวหงไม่ยอมรับสาย
“แปปหนึ่ง! ฉันอาบน้ำก่อน” เหอเสี่ยวหงตะโกนตอบ
“ฉันจะไปรอที่รถก็แล้วกัน” หยาดฟ้าตะโกนเข้ามา แต่เหอเสี่ยวหงไม่ได้ตอบ
03.56 น.
“ช้า”
คำแรกที่หยาดฟ้าเอ่ยขึ้นมาเมื่อเหอเสี่ยวหงก้าวเท้าลงจากบันได
“แหม่ แม่เลขาคนเก่ง ต้องตรงเวลาตลอดเลยนะ” เหอเสี่ยวหงหัวเราะ
“แน่นอน ขึ้นรถสิ เดี๋ยวของจะหมดตลาดก่อน” หยาดฟ้าบอกก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ
ตลาดเช้า
“ป้าคะ ฉันเอาสะโพก สามชั้น สันใน สันนอก ตับหมู ซี่โครงอ่อน ซี่โครงหมู มันแข็ง กระดูกหมู ขาหมู อกไก่ สันในไก่ น่องไก่ ปีกไก่ เครื่องในแล้วก็เลือดไก่ที่มีในร้านเลยค่ะ”
ทันทีที่มาถึงตลาดเหอเสี่ยวหงก็ตรงไปยังร้านขายเนื้อหมูเจ้าประจำ จริง ๆ ร้านนี้ขายแค่พวกเนื้อหมูไม่มีเนื้อไก่ แต่ที่สั่งไก่ไปก็เพราะร้านลูกชายคุยป้ามี และเหอเสี่ยวหงก็สั่งแบบนี้ตลอด
“ให้เก็บเงินที่นี่หรือให้ไปเก็บเงินที่บ้านดีจ๊ะ?” คุณป้าเจ้าของร้านถาม
“เก็บเงินที่บ้านก็ได้ค่ะ”
“ได้จ้ะ”
“รถจอดไว้หลังตลาดที่เดิมนะคะ ให้คนเอาไปใส่หลังรถเลย”
“จ้ะ”
เสียงพูดคุยของเหล่าพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เนื่องจากตลาดเช้าจะเป็นตลาดที่ร้านค้าย่อยหรือร้านอาหารจะมาเลือกซื้อของไปขายตลอดทั้งวัน ตลอดทางจึงมีแต่คนเดินเต็มไปหมด
“เอ่อ… คุณลุงคะ ช่วยตักน้ำเต้าหู้ทั้งหมดใส่ถุงให้หน่อยนะคะ แล้วก็เอาปาท่องโก๋ด้วยค่ะ” หยาดฟ้าเป็นคนเอ่ยปากสั่ง
“ได้เลยนังหนู ปาท่องโก๋ 3 ตัว 2 หยวน มีเยอะเลย แต่น้ำเต้าหู้ต้องตักก่อน” คุณลุงคนขายน้ำเต้าหู้บอก
“งั้นเดี๋ยวกลับมาเอานะคะ จะไปซื้อของรอ”เหอเสี่ยวหงตอบคุณลุง
“ได้”
“เอาปลาดอลลี่ 70 ชั่ง ปลาแซลมอน หมึก กุ้ง อย่างละ 100 ชั่ง” เหอเสี่ยวหงสั่งของทะเลที่นาน ๆ จะมาซื้อที เพราะส่วนมากเธอจะกินกับข้าวที่คนงานในสวนทำไว้ให้
“ทั้งหมด 34,569 ครับ ให้เอาไปส่งที่ไหน?” คนขายเอ่ยถามหลังหยาดฟ้ายื่นเงินให้
“หลังกระบะทะเบียนxx890ค่ะ จอดไว้หลังตลาด” หยาดฟ้าตอบ
“ครับ”
“เอาหอมแดง กระเทียมไซซ์กลาง อย่างละ 100 ชั่ง อ๋อ แล้วก็เอาพริกแห้งด้วย ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว เอาอย่างละ 70 ชั่ง ส่งที่หลังกระบะทะเบียนxx890ค่ะ จอดไว้หลังตลาด”
“ให้ป้าไปเอาเงินที่บ้านใช่ไหมจ๊ะ?”
“ไปเอาที่บ้านก็ได้ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
จริง ๆ ผักพวกนี้ที่สวนของเธอก็มี แต่เหอเสี่ยวหงไม่อยากรบกวนคนงาน อีกอย่างแค่ของลูกค้าก็เตรียมแทบจะไม่ทันแล้ว และบางทีพ่อค้า แม่ค้า ในตลาดก็ไปรับของมาจากสวนของเธอ
“เอาเต้าหู้ไข่กับเต้าหู้ขาวอย่างละ 70 ชั่งค่ะ”
ข้าง ๆ กันมีร้านเต้าหู้พอดี เหอเสี่ยวหงที่ชอบมาซื้อบ่อย ๆ ก็เลยซื้อไปด้วย
ก่อนจะกลับไปที่รถเหอเสี่ยวหงก็แวะรับน้ำเต้าหู้ที่สั่งเอาไว้ ได้มาเกือบสามร้อยถุง ไหนจะปาท่องโก๋อีก ซึ่งมาตลาดรอบนี้เหอเสี่ยวหงใช้เงินไปเยอะพอสมควร
โชคดีที่ฟ้ามันใกล้สางแล้ว พ่อค้า พ่อค้ารายย่อยจึงพากันกลับไปเปิดร้านของตัวเอง ทำให้หลังตลาดเริ่มไม่มีคน เปิดทางให้เหอเสี่ยวหงเก็บของใส่มิติได้
“เดี๋ยวแวะซื้อผ้าห่มกับหมอนแล้วก็ไปร้านสะดวกซื้อเลยนะ” เหอเสี่ยวหงบอก
“ได้”
กว่าจะขับรถไปถึงร้านขายเฟอร์นิเจอร์ที่ขึ้นชื่อของอำเภอ ตะวันก็เริ่มขึ้นแล้ว และพอไปถึงแดดก็เริ่มร้อนพอดี
“เอาชุดผ้านวมผ้าฝ้ายกับหมอน 40 ชุดค่ะ เอาสีขาวทั้งหมด ถ้าไม่พอเอาสีเทาก็ได้ค่ะ ซีลใส่ถุงสูญญากาศเก็บไว้เลย” พอมาถึงร้านเหอเสี่ยวหงก็สั่งชุดที่นอนที่ดูไว้ทันที
“ได้ค่ะ คุณลูกค้านั่งรอด้านนี้เลยค่ะ” พนักงานชี้มือไปยังโซฟาที่มีป้ายบอกสำหรับลูกค้า
“ค่ะ”
เหอเสี่ยวหงเดินไปนั่งโซฟาที่พนักงานบอก กว่าจะเสร็จถ้าไม่นั่งรอคงจะปวดขาพอดี ส่วนหยาดฟ้าก็ยื่นบัตรให้กับพนักงานแล้วตามเหอเสี่ยวหงมานั่ง
“แกจะสั่งของไว้เลยไหม ไปถึงจะได้ไม่เสียเวลา” หยาดฟ้าว่าพร้อมกับส่งไอแพดมาให้เหอเสี่ยวหงเลือก
“รอบคอบจริง ๆ”
“แหม่ นี่ใคร หยาดฟ้าเลขาบอสร้อยล้านเชียวนะ!” หยาดฟ้าหัวเราะ
“จ้า ๆ”
เหอเสี่ยวหงเลือกของใช้ส่วนตัวก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นผ้าอนามัย ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักผ้า น้ำยาล้างจาน ยาสระผม ครีมนวด สบู่ ไม้กวาด ยังมีพวกถ้วย จานและอื่น ๆ อีกที่เหอเสี่ยวหงเลือกซื้อไว้และเลือกจะเข้าไปรับเอง
“ลืมไปเลยว่าเคยซื้อ โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็นไว้” และยังไม่รวมอีกหลายอย่างที่เหอเสี่ยวหงเคยซื้อ เพราะช่วงไหนที่ว่างเธอก็จะรีบไปหาซื้อของไว้ทันที
“เฮ้อ” หยาดฟ้าส่ายหน้า
“คุณผู้หญิงคะ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ให้ขนขึ้นรถเลยไหมคะ” พนักงานสาวคนเดิมเดินมาบอกเหอเสี่ยวหงกับหยาดฟ้าที่พากันเลือกซื้อของ
“ยกขึ้นเลยก็ได้ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบพลางเดินนำไปที่รถ
หลังจากขนของขึ้นรถเสร็จเหอเสี่ยวหงก็ให้หยาดฟ้าขับไปจอดในที่ลับตาคนก่อนจะเก็บเข้ามิติ และรีบขับรถไปรับของที่เลือกซื้อเอาไว้ เพราะกลัวว่าของที่สั่งไว้จะมาส่งแล้ว
พอมาถึงบ้านของที่สั่งเอาไว้ก็มาถึงพอดี เหอเสี่ยวหงจึงต้องรีบเก็บเข้ามิติเพราะของบางอย่าง
มันต้องแช่เดี๋ยวจะเน่าซะก่อน หลังจากเก็บของที่สั่งเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องเก็บของในบ้าน
เหอเสี่ยวหงเปิดตู้เซฟที่คุณย่าเก็บของสำคัญไว้ให้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ เพชร ทองคำ โฉนดที่ดินต่าง ๆ บ้าน เหอเสี่ยวหงเก็บใส่มิติบางส่วน และเหลือทองคำไว้ให้ผู้เป็นพ่อร้อยกว่าแท่ง พร้อมกับเงินอีกล้านหยวน ส่วนโฉนดที่ดินเหอเสี่ยวหงให้หยาดฟ้าดูแล
จริง ๆ ของพวกนี้เหอเสี่ยวหงจะไม่ให้ใครก็ได้ เพราะคุณย่าเคยบอกเอาไว้ว่าของทุกอย่างเป็นของเหอเสี่ยวหง จะให้หรือไม่ให้ใครก็ได้ โดยเฉพาะกับคนเป็นพ่อของเธอ
แต่เพราะที่เหอเสี่ยวหงเกิดมาได้ก็เพราะพ่อกับแม่ เธอเลยแบ่งเงินให้เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ผ่านมา แต่สวนหลายร้อยไร่ของเธอนั้นเธอไม่ได้ให้ไป
เหอเสี่ยวหงยกให้หยาดฟ้าทั้งหมด บ้าน บริษัท ไร่ผักผลไม้ร้อยกว่าไร่ และยังมีเงินไว้หมุนอีกจำนวนหนึ่ง
ที่เหอเสี่ยวหงไม่ยกให้คนเป็นพ่อกับน้องสาวก็เพราะกลัวว่าครอบครัวของเธอจะทำให้หยาดฟ้าเดือดร้อน และถ้าให้หยาดฟ้าไป เธอเชื่อว่าหยาดฟ้าจะคอยช่วยครอบครัวเธออยู่ห่าง ๆ
“คุณเหอเสียแล้วนะคะคุณนาย ตอนนี้ฉันกำลังเตรียมงานค่ะ ฉันจะส่งทองคำกับเงินอีกล้านหยวนไปให้เมื่อเสร็จงานแล้ว” หยาดฟ้ารีบติดต่อไปยังแม่ของเพื่อนสนิททันทีที่รู้ผลตรวจร่างกาย
เมื่อคื่นนี้ก็เข้านอนกันปกติ แต่เมื่อเช้านี้เหอเสี่ยวหงที่ควรจะตื่นแล้วก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมา เคาะประตูก็แล้วก็ไม่มีเสียงตอบกลับ หยาดฟ้าจึงรีบไปเอากุญแจมาไขและพาเหอเสี่ยวหงที่หลับอยู่บนเตียงไปหาหมอ ซึ่งน่าแปลกที่ตอนเธอพาไปหาหมอเพื่อนยังมีลมหายใจ แต่ก็ไม่แปลกใจที่เพื่อนจะไม่มีลมหายใจแล้วเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเหอเสี่ยวหง
“อะไรนะ! เงินตั้งเยอะ ให้ฉันแค่นี้!” แม้จะตกใจที่ลูกสาวเสียชีวิต แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากกว่าก็จำนวนเงินที่ได้รับน้อยกว่าที่ควรได้
“ใช่ค่ะ” หยาดฟ้าเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน ลูกสาวคนโตตายแทนที่จะรีบมาดูแต่กลับถามหาเงินที่ไม่จำเป็น
“แล้วใครจะบริหารไร่ต่อ สามีของฉันใช่ไหม? พวกฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
คุณนายเหอรีบตอบเพราะกลัวว่าสามีจะไม่ได้ไร่ของแม่สามีที่ให้ลูกสาว แต่พอลูกสาวเสียคนที่จะได้ก็ต้องเป็นสามีของนาง
“อ๋อ ในส่วนอื่น ๆ คุณท่าน คุณนายเหอ และคุณหนูเหอหลินหลินไม่มีสิทธิ์ค่ะ นอกจากทองคำกับเงินที่ฉันแจ้งไป คุณเหอโอนเป็นชื่อฉันหมดแล้ว” หยาดฟ้าตอบ
“อะไรนะ! แกจะหุบสมบัติของสามีฉันเหรอ! นังเนรคุณ! แม่สา…”
ตู้ดดดดด
หยาดฟ้าส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ถึงเธอจะทำใจไว้ตั้งนานแล้วแต่เธอก็ผูกพันธ์กับเหอเสี่ยวหง และหยาดฟ้าก็เข้าใจเจตนาของเพื่อนดี สวนของคุณย่าเหอหยาดฟ้ามีสิทธิ์ที่จะได้รับมัน เพราะเธอเป็นหลานสาวบุญธรรม จึงไม่กลัวว่าจะถูกครอบครัวเหอฟ้องร้อง
บ้านรองโจว‘ถุย! นังสะใภ้อกตัญญู ออกมาไปทำงานเดี๋ยวนี้นะ!’ เสียงนางหลี่ซื่อ แม่เลี้ยงของสามีดังขึ้น‘คุณย่าคะ แม่ฉันเพิ่งแท้งน้อง ให้คุณแม่พักเถอะนะคะ ฮือๆๆ’ เสียงโจวเอ้อร์นีลูกสาวคนโตของเธอร้อง ทำให้เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวทันทีตุ้บ ตุ้บ‘คุณแม่! อย่าตีหลานเลยนะคะ ฮือออ สะใภ้รองเพิ่งแท้งลูก คุณแม่อย่าใจร้ายกับหล่อนเลย’‘หน๊อยย เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!’‘เกิดอะไรขึ้น!!’‘น้องสามี!’ ‘โจวมี่!’ ‘คุณอาเล็ก!!’ภายในห้องเสียงวุ่นวายข้างนอกทำให้เหอเสี่ยวหงลืมตาขึ้นมองทันที เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นลูกสาวอีกสามคนซุกตัวอยู่ข้างๆเตียงเตาของเธอ ตรงกันมีลูกสาวของสะใภ้ใหญ่เหอหรงหรงหรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของเธอเองเหอเสี่ยวหงยิ้มทันที! หล่อนได้กลับมาหาลูกๆของหล่อนแล้ว! เหอเสี่ยวหงค่อยๆเอามือประกบท้องทันทีที่พยายามลุกขึ้นเพราะหล่อนเพิ่งแท้งลูกจึงทำให้เจ็บท้อง“ซะ...ซานนี” เหอเสี่ยวหงเอ่ยเรียกลูกสาวคนรองที่กำลังนั่งกอดน้องสาวอีกสองคน“แม่!” โจวซานนีตะโกนทันทีที่เห็นแม่ของหล่อนตื่นนอกห้อง“ลูกสาวสามมาที่นี่มีอะไรหรอจ๊ะ” นางหลี่ซื่อเอ่ยถามที่นางหลี่ซื่อพูดดีกับโจวมี่ก็เพราะหล่อนยังมีประโยชน์ต่อพวกนางยังไงละ!
หลังจากแยกบ้านวันนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหอเสี่ยวหงในตอนนี้ก็กำลังบำรุงร่างกายเพราะเพิ่งแท้งลูกและยืนนานเกินไปตกดึกจึงปวดท้องทำให้ล้มนอนอีกครั้ง‘พี่สะใภ้ใหญ่’‘อ้าว น้องสาวสามตื่นแล้วเหรอ’‘ใช่ค่ะ เสี่ยวจวี่ร้องไห้งอแงน่ะค่ะ’เสียงทักทายของพี่สะใภ้และน้องสาวสามีดังขึ้นข้างนอกห้องของเหอเสี่ยวหงเนื่องจากบ้านหลังนี้มี 8 ห้องนอน เหอเสี่ยวหงเลือกเอา 3 ห้อง เหอหรงหรงก็เลือกเอา 3 ห้อง โจวมี่เลือก 1 ห้อง มันจึงเหลือ 1 ห้อง ทั้งสามจึงตกลงกันว่าจะทำเป็นห้องครัว ส่วนห้องครัวเก่าก็จะทำเป็นห้องเก็บฟืนบ้านหลังนี้อยู่ติดกับคลองน้ำที่ชาวบ้านใช้ แต่บ้านหลังนี้อยู่ต้นน้ำและมีกำแพงอ้อมสูง 2 เมตร ลานหน้าบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ 2 ต้น ใต้ต้นไม้จะมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ 2-3 ตัวข้างบ้านด้านขวาจะมีห้องครัวเก่าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้องเก็บฟืน กับมีบ่อน้ำที่มีไม่กี่บ่อในหมู่บ้าน ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นแปลงผักกับเล้าไก่เก่าภายในตัวบ้านจะคล้ายครึ่งวงกลม เมื่อเปิดประตูทางซ้ายจะเป็นห้องครัว ถัดจากห้องครัว 2 ห้อง จะเป็นห้องของเหอหรงหรง ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องตรงข้ามกับประตู ข้างๆกันจะมีอีกห้องที่ยกให้โจวมี่ และทางด้าน
หลังจากที่เหอเสี่ยวหงขายไข่ไก่ให้คุณป้าคนนั้นแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยังขายสบู่ในราคาก้อนละ 3 หยวน และเอาผลไม้อย่างอื่นออกมาขายอีกเล็กน้อยก็ได้เงินทั้งหมด 51 หยวน 8 เฟิน! เป็นเงินเดือนสามีของเธอเกือบ 2 เดือน!แม้นิยายในปี2022 ที่เหอเสี่ยวเคยอ่านหลาย ๆ เรื่องจะเห็นว่ามาขายครั้งหนึ่งได้เป็นร้อย ๆ หยวนก็ตาม แต่นี่คือชีวิตจริง! หากเธอจะขายของได้เป็นร้อย ๆ หยวนคงต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง! เพราะแค่นี้เธอก็ขายของ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ และเธอคงจะฝืนร่างกายเหนื่อยอยู่หรอก! กว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านอีก!เมื่อขายของเสร็จแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอและเข้าไปดูของข้างใน แต่เพราะมันเป็นช่วงปลายเดือน ของจึงยังไม่มาเติม และหากของมาเติม ไม่ถึงวันก็ไม่น่าพอเพราะของน้อยมาก ตอนนี้ของน้อยชนิดที่ว่าเหลืออันละไม่เกิน 3 ชิ้น!‘แบบนี้ฉันจะเอาอะไรกลับไปให้บ้านใหญ่กับโจวมี่เล่า’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ ที่เธอจะไม่เอาของในมิติให้ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองสงสัยว่าเอาของมาจากไหนในเวลาที่ของหายากแบบนี้ ‘งั้นเอาแอปเปิลให้สัก 2 ลูกก็ได้’ เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจ เหอเสี่ยวหงที่ขี่จักรยานออกจากห้างสรรพ
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เหอเสี่ยวหงหันไปมองตามเสียงก็เห็นสะใภ้ใหญ่เดินออกมา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตอย่างโจวต้าหงหรือโจวต้านีวัย 9 ขวบที่จับมือน้องสาวคนรองอย่างโจวซือหงหรือโจวซือนีเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ออกมาด้วยส่วนลูกสาวคนเล็กวัยสามขวบของบ้านใหญ่อย่างโจวมู่หงหรือโจวมู่นีนั้นเหอเสี่ยวหงไม่เห็น อาจจะยังนอนอยู่ก็ได้“พี่สะใภ้มาพอดีเลยช่วยฉันขนของหน่อยค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ!/หนูช่วยค่ะ!”เป็นโจวต้านีกับโจซือนีบอกพร้อมกับเดินมาช่วยทุกคนขนของเข้าไปในบ้าน เพราะคนบังคับเกวียนวัวเป็นผู้ชาย เหอเสี่ยวหงจึงไม่ได้ให้เขาเอาเกวียนเข้าไปในบ้านส่วนเหอเสี่ยวหงนั้นเมื่อทุกคนขนของเข้าไปข้างในทั้งหมดและอาศัยช่วงเงลาที่คนบังคับเกวียนนั่งพักเอาแรง ก็นำผ้านวมที่พับซีลใส่ถุงสูญกาศออกมาแล้วทำเป็นหยิบจากเกวียนเข้าไปในบ้าน“โอ้! สะใภ้รอง เธอได้ผ้านวมมาจากไหนน่ะ! ผืนใหญ่มาก” สะใภ้ใหญ่อุทานตาโตตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกันยายนแน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นฤดูหนาว ที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาตอนนี้ทั้ง ๆ ยังไม่ถึงฤดูที่ต้องใช้ก็เพราะมันยังหาง่ายอยู่ยังไงล่ะ!หากเข้าสู่ช่วงหนาวแล้วทุกบ้า
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงได้กินแผ่นแป้งเย็นที่ลูกสาวเหลือไว้ให้สองแผ่นพาลูกสาวทั้งสี่คนไปอาบน้ำแล้วไล่เข้าห้องไป รวมถึงโจวลิ่วนีที่เธอให้ เด็กๆอยู่ด้วยกันก่อน จุดเทียนไว้ 3 เล่ม แล้วบอกให้เด็กๆระวังเปลวไฟจากนั้นจึงมาจุดเตาไฟที่มีฟืนและถ่านยังแดงร้อนอยู่เล็กน้อย ใส่ฟืนและพัดให้ไฟลุกจะได้ทำอาหารไว้กินพรุ่งนี้เช้า เหอเสี่ยวหงนำรากผักชีในมิติออกมาผัดใส่พริกไทยในน้ำมันเล็กน้อยผัดให้เครื่องหอมแล้วเทน้ำใส่ไปเกือบเต็มหม้อ ใส่ผงปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว คนให้ละลายจากนั้นนำกระดูกหมูที่มีเนื้อติดใส่ลงไป 2 ชั่ง แล้วปิดฝาไว้ทิ้งไว้ เนื่องจากมันมีถ่านจากการปิ้งแผ่นแป้งอยู่แล้วบวกกับใส่ฟืนลงไป คืนนี้จึงไม่ต้องลุกมาใส่ฟืนอีกพรุ่งนี้เหอเสี่ยวหงจะใส่อย่างอื่นเพิ่มแล้วก็จะหุงข้าวกินกับน้ำซุปกระดูกหมูที่ได้ต้มไปหันไปอีกเตาที่ยังไม่ได้จุดไฟ เหอเสี่ยวหงได้ย้ายไฟจากอีกเตามาใส่และใส่เชื้อเพลิงลงไปทำให้ไฟลุกขึ้น หยิบหม้อตักน้ำใส่ต้มให้สุก แล้วเหอเสี่ยวหงนำน้ำต้มสุกใส่กระติกน้ำร้อนไว้ พรุ่งนี้เธอจะได้ผสมกับนมให้เด็กๆดื่มถ้าไปต้มพรุ่งนี้เช้า คงจะไม่ทันเพราะมี 2 เตา และ 3 บ้าน กว่าจะทำอาหาร
ป่าทางด้านตะวันออกเป็นป่าที่ชาวบ้านเข้าไปเก็บผักป่าและหาฟืน เหอเสี่ยวหงที่พ่วงลูกสาวมาด้วยสามคนจึงต้องเข้าไปป่าที่ชาวบ้านเข้ามา เพราะเธอไม่สามารถที่จะดูแลลูกสาวคนเดียวได้เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่ชาวบ้านในหมู่บ้านลงแปลงนากันแล้ว ยกเว้นบ้านที่มีแม่ให้กำเนิดลูกที่อยู่ไฟกับคนแก่ชราที่ไม่ได้ลงแปลงนา บางคนอาจอยู่บ้าน บางคนก็จะเข้ามาเก็บฟืน ทำให้เหอเสี่ยวหงเห็นคนเดินเข้าออกไม่กี่คน“พวกหนูเก็บเศษไม้ตรงนี้นะจ๊ะ แม่จะหาฟืนตรงนั้น ถ้ามีอะไรให้ตะโกนเรียกเสียงดัง ๆ นะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงชี้บอกลูกสาวตรงที่เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวว่าจะไปเก็บฟืนไม่ได้ห่างจากตรงที่จะเก็บเศษไม้มากนักแต่เหอเสี่ยวหงก็ห่วงลูกสาว“ได้ค่าาา” เป็นโจวซานนีที่ตอบ“เอ้อร์นีจ๊ะ ดูแลน้องด้วยนะลูก” เหอเสี่ยวหงหันไปหาลูกสาวคนโต“ได้ค่ะ!” โจวเอ้อร์นีรับคำ“แม่วางตะกร้าไว้ตรงนี้ ถ้าเหนื่อยก็พาน้องนั่งนะลูก” เหอเสี่ยวหงพูดต่อเด็กทั้งสามคนจึงพยักหน้ารับทราบคำที่แม่บอก พร้อมทั้งพากันเดินเก็บเศษไม้มาใส่เถาวัลย์ที่หาเจอเมื่อกี้กันเหอเสี่ยวหงมองแล้วจึงเดินไปตรงที่จะเก็บฟืน เธอจะเก็บวันละ 1-2 มัดก็พอ กว่าจะถึงฤดูหนาวฟืนก็น่าจะเยอะแล้ว และรอแปล
เหอเสี่ยวหงถือจานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และขวดเก็บอุณหภูมิไปวางไว้บนหัวเตียงเตา แล้วยืนมองเด็กๆเขียน“อู๋นีจ๊ะ บรรทัดนี้ขีดมากไปจ้ะ” เหอเสี่ยวหงชี้ให้ดูโจวอู๋นีพยักหน้า‘ลิ่วนีขีดเล็กไปจ้ะ’‘ซานนีหนูลืมคำนี้”‘เอ้อร์นีเขียนถูกแล้วจ้ะ แต่ตัวใหญ่เกินไป’‘อู๋นี หนูเขียนสลับกัน’‘ลบตรงนี้ออก’‘เขียนตัวนี้แบบนี้นะ’‘มันมีสามขีดจ้ะ’‘เขียนใหม่เลยจ้ะ หนูเขียนสลับอีกแล้ว’‘ถูกแล้วจ้ะ’เสียงเหอเสี่ยวหงที่ชี้ตรงที่ผิดให้เด็ก ๆ ดูดังต่อเนื่องมาเกือบชั่วโมงแล้ว “พักกันก่อนนะจ๊ะ”เหอเสี่ยงหงบอก เด็ก ๆ จึงวางปากกาลงและปิดหนังสือเอาไว้“ผลไม้ 9 ชนิดนี้มีรสเปรี้ยวอมหวาน กินแค่รองท้องนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงยกจานมาให้“แม่ มันหวานมากค่ะ” โจวเอ้อร์นีตาโต“มันเปรี้ยวมาก!” โจวซือนีหลับตา“อย่ากินลูกเขียวสิ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว“อร่อยไหมจ๊ะ” ก่อนที่จะหันมาป้อนลูกสาวคนเล็กโจวลิ่วนีพยักหน้าแต่ไม่พูดเพราะผลไม้เต็มปากอยู่“แม่จะไปดูหม้อสักหน่อย กินเสร็จแล้วพาน้องไปล้างมือแล้วก็ไปปลดทุกข์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วแม่จะมาสอนต่อ” เหอเสี่ยวหงหันหลังมาบอกก่อนจะออกจากห้องหน่อไม้ที่เหอเสี่ยวหงต้มนั้นจืดแล้ว เมื่อนำลงจากเตาก็
ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วและอีกไม่กี่วันที่โจวมี่จะต้องกลับเข้าไปทำงานในอำเภอ หนึ่งอาทิตย์มานี้ ช่วงเช้าทุกคนจะพากันไปเก็บฟืนมาไว้ใช้ ส่วนแปลงผักนั่นกำลังเตรียมดินอยู่จึงต้องพักในส่วนนี้ไปห้องครัวเก่าที่ตอนนี้กลายมาเป็นห้องเก็บฟืนนั้นมีขนาดกว้าง ไม่มีโต๊ะหรือเตียงในห้องจึงทำให้ห้องครัวกว้างมากฟืนที่อยู่ในห้องเก็บฟืนถูกฟันเป็นท่อนวางซ้อนกันจนเต็มไปหมด ระหว่างที่เข้าป่าไปเก็บฟืน เหอเสี่ยวหงยังได้โสมคนอีกหลายร้อยต้น ยังมีเห็ดหลินจืออีกหลายร้อยดอกเช่นเดียวกันเห็ดหลินจือถูกนำไปล้างแล้วผ่าตากแดดเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือเธอเก็บเข้ามิติ โสมคนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่จะล้างแล้วนำไปตากแดดตั้งแต่ขุด ล้าง ผ่า ตากแดด และเก็บเป็นเหอเสี่ยวหงทำเองทั้งหมดไม่ให้ใครช่วยเลยส่วนไก่ป่าทั้งสองตัวเหอเสี่ยวหงเห็นว่ามันออกไข่วันละหลายฟองจึงปล่อยมันไว้และให้อาหารอย่างพวกมะละกอสุกในมิติ ไม่ก็ข้าวขาว ผสมกากผลไม้หรือพวกเปลือกข้าวเด็ก ๆ ก็ยังคงเรียนหนังสือจากเหอเสี่ยวหง ตอนนี้โจวเอ้อร์นีนั้นท่องตัวอักษรได้แล้วแต่ยังเขียนผิดนิดหน่อยส่วนโจวซานนีอ่านและเขียนตัวอักษรได้เก
เหอเสี่ยวหงไล่อ่านรายการบนกระดาษที่จดสิ่งจำเป็นที่ต้องซื้อ เธอจะซื้อของมาไว้ใช้ทำกับข้าวระหว่างที่ยังอยู่ที่หมู่บ้าน และของบางส่วนที่จะให้คนงานกินเหอเสี่ยวหงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องการถอนหญ้าออกจากที่ดิน เพราะตอนที่เข้าไปดูนั้นหญ้าสูงมาก ก่อนจะล้อมรั้วไว้จึงอยากให้ถอนหญ้าออกให้หมด ป้องกันสัตว์ที่จะเข้ามาอยู่อาศัยได้ไม่น้อยก็มาก“เดี๋ยวก่อนจะออกไปซื้อของ เราไปหาเลขาธิการหม่าก่อนนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอก“หือ?”“ก็ให้เลขาธิการหม่าหาคนงานให้เราไงคะ” เหอเสี่ยวงหงตอบสามี“ได้”เพราะไม่รู้ว่าถ้าหาเองพวกเธอจะได้คนงานหรือเปล่า เห็นหลายคนเข้าแปลงนาของตัวเองกันหมด อีกอย่างค่าแรงคนงานเท่าไรก็ไม่รู้ สู้ให้เลขาธิการหม่าหาให้จบ ๆ เพราะยังไงเขาคงไม่เอาคนงานที่ทำงานไม่ได้มาให้พวกเธอหรอก“งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะ”เหอเสี่ยวหงล็อกบ้านก่อนจะเอารถยนต์ออกมาจากมิติ ตั้งแต่ที่มาถึงหมู่บ้านมันก็ถูกเก็บใส่มิติไว้ ถ้าไม่ออกไปซื้อของมันก็ไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอกแน่ ๆโจวเหวินหลงขับรถไปที่บ้านเลขาธิการหมู่บ้านตามที่ภรรยาบอก เอ่ยสิ่งที่ต้องการไปไม่กี่คำอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้แล้ว เหอเสี่ยวหงรออยู่บนรถ โจวเหวินหลงลงไปบอก
เหอเสี่ยวหงมองชาวบ้านถกเถียงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยของลูกสาวตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อไม่นานมานี้ยังต่อว่าเธอกับสามีเรื่องขายลูกสาวกินอยู่เลย“ไป ๆ จะไปไหนก็ไป ฉันจะคุยกับหลานชายฉัน” ย่าโจวเอ่ยไล่ชาวบ้านที่เข้ามามุงหลายสิบคน‘แต่โจวเหวินหลงก็เป็นหลานชายของพวกเรานะคะแม่’‘นั่นสิ นาน ๆ เขากลับมาบ้านพวกเราก็อยากจะถามไถ่’‘ใช่ ๆ’‘อีกอย่างมหาวิทยาลัยอะไรที่หลานสาวเข้า พวกเราก็ยังไม่รู้เลย’‘เข้าจริงหรือเปล่า’'ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย''ใช่'‘ใช่ จะไล่พวกเราไปไม่ได้นะ’และทุกคนยังปฏิเสธที่จะจากไป ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องด้วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องกันทั้งนั้น“จะไปไหนก็ไป” ย่าโจวเอ่ยอีกรอบชาวบ้านที่มามุงมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับย่าโจวเพราะนางมีลูกหลานเยอะ อีกอย่างในหมู่บ้านโจว สกุลโจวก็ใหญ่ที่สุด แทบจะหมดหมู่บ้านอยู่แล้วหากมีปัญหากับย่าโจวก็เท่ากับมีปัญหากับทั้งสกุลโจว ย่าโจวในตอนนี้นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดในสกุล ‘ไปก็ได้จ้ะ’‘ฉันไปแล้ว’‘ไป ๆ’‘ฉันลืมว่าหุงข้าวไว้ คงจะต้องกลับไปดู’‘น้ำคงจะเต็มนาแล้ว’‘ใช่’‘ใคร
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงที่นอนพักอยู่ในบ้านก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะมีคนมาเรียกเสียงดัง เหอเสี่ยวหงมองหน้าสามีก่อนจะดูนาฬิกาที่เอาติดมาด้วย พบว่าตอนนี้ประมาณสี่โมงเย็น และหากมองออกไปข้างนอกก็ยังมีแสงส่องเข้ามา“เดี๋ยวผมออกไปดูก่อน” โจวเหวินหลงบอกเหอเสี่ยวหงพยักหน้าลุกขึ้นมาแต่งตัว เพราะชุดที่ใส่ในตอนนี้ไม่ได้เรียบร้อย หากออกไปคนอาจจะมองไม่ดี‘เปิดบ้านหน่อยสิ’‘ฉันมาถามข่าวหลานชาย’‘เห็นขับรถคันใหญ่ คงจะรวยสินะ !’‘ใช่ หลายคนเห็นนายขับรถยนต์มา’‘ฉันอยากดูรถ’‘ขอเข้าไปดูรถหน่อย‘ทำไมไม่เปิดล่ะ’‘ใช่ ๆ’‘น้องชายแกอยากคุยด้วย!’‘หลานชายมาทั้งทีเราก็อยากมาถาม’‘ใช่แล้ว’‘ให้อาเข้าไปหน่อย’‘เปิดสิ’‘เอ๊ะ!’ระหว่างที่เหอเสี่ยวหงเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างเพราะจำเสียงไม่ได้ อีกอย่างอีกฝ่ายก็ไม่ได้สำคัญให้เธอจดจำ และใส่ใจ“มีอะไร”เหอเสี่ยวหงออกมาดูหน้าบ้านเพราะยังได้ยินเสียงโต้ตอบกันอยู่ โจวเหวินหลงก็ยืนอยู่แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่มาเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น“สะใภ้รอง!” ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งเรียกเธอ“ใครน่ะ” เหอเสี
ระหว่างที่ต้องรอเครื่องนอน เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงก็นั่งพักคุยกัน จริง ๆ ทั้งสองคนปรึกษากันว่าจะออกไปเดินดูข้างนอกว่ามีอะไรบ้าง แต่ก็จะรอเครื่องนอนมาส่งก่อน เพราะถ้าเกิดเอามาส่งในตอนที่ไม่อยู่จะได้ไม่ต้องไปเอาเองเพราะไม่มีของอะไรมาเลยยกเว้นใบชากับขนมของเด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงคิดที่จะหาของไปฝากที่บ้านฝั่งสามี แม้จะต้องเสียเงินมากพอสมควรก็ตาม เพราะบ้านฝั่งสามีมีมากกว่าสิบบ้าน และหากว่าไม่มีอะไรไปฝากเลย โจวเหวินหลงก็จะถูกมองไม่ดี แม้เหอเสี่ยวหงจะเคยไปในอนาคต ที่แม้จะเคารพแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาของมาฝาก แต่มารยาทก็สำคัญเช่นกันพวกเธอจากหมู่บ้านโจวไปหลายสิบปี หากจะให้มือเปล่ากลับบ้านคงจะถูกคนมอง และเหอเสี่ยวหงก็ยังไว้หน้าบ้านฝั่งสามีด้วยประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็มีพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจห้องมาให้ เวลาจะออกไปไหนจะได้ล็อกห้องไว้ และถ้าจะคืนห้องต้องเอากุญแจไปคืนเหอเสี่ยวยืนฟังข้อห้ามของทางห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง หลังพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจมาให้ จริง ๆ มันต้องจ่ายมัดจำค่ากุญแจไว้สองหยวนด้วยเผื่อไม่เอามาคืน แต่เพราะต้องรอเครื่องนอนอยู่นานจึงได้มาฟรี และเหอเสี่ยวหงก็คิดว่ามันดีมาก“งั้นเราออ
ระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายมาที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงไม่ค่อยกลับไปที่บ้านเกิดเลย และมีเพียงโจวเหวินหลงเท่านั้นที่กลับไปบ่อย เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเดินทางหลายวันเพื่อกลับไปอยู่ที่นู่น ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปทำไมในเมื่อลูกสาวก็อยู่ที่นี่ แต่เพราะเธอจากบ้านมาหลายปีแล้ว ลูกสาวก็แยกย้ายกันไปเรียน ที่ร้านก็ยังมีพนักงานดูแล หากกลับไปดูบ้านไม่กี่วันคงจะไม่เป็นไรหลังจากหลายวันก่อนที่เหอเสี่ยวหงไปหาหลานสาวเธอจึงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย เพราะการเดินทางไปหลายวันทำให้เขาห่วงร้าน แต่เหอเสี่ยวหงก็หาวิธีมาตะล่อมให้เขาพากลับบ้านเกิดจนได้โดยการกลับบ้านในครั้งนี้โจวเหวินหลงขับรถเอง ไม่ขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้งที่กลับไปหาน้องสาว เพราะครั้งนี้มีคนเป็นภรรยาไปด้วยเขาจึงกลัวเธอเหนื่อย เหอเสี่ยวหงบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเหอแล้ว และทุกคนอยากไปด้วย แต่เพราะอาสามกับอาสี่นั้นกำลังยุ่ง ๆ เรื่องที่จะลาออกจากกองทัพจึงไปไม่ได้ ส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นจะต้องไปดูลูกสาวคนโตจึงไปด้วยไม่ได้เพราะฉะนั้นการกลับบ้านเกิดในครั้งนี้ จึงมีเพียงเหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงเท่านั้น เหอเสี่ยวหง
เหอเสี่ยวหงนั่งคุยกับหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง โจวเหวินหลงก็เดินกลับเข้ามาทักหลานสาวที่นั่งคุยกับคนเป็นภรรยาอยู่“ต้านี”“อารอง” โจวต้านียิ้มเกือบ ๆ สองปีได้แล้วที่หล่อนไม่ได้เจออาชายคนนี้ ในตอนที่หล่อนแต่งออกมานั้นมีเพียงพ่อกับแม่ของหล่อนที่มาส่งที่บ้านสามี ส่วนครอบครัวอารองติดงานและดูแลในส่วนของบ้านรองวันนี้หล่อนกำลังเย็บเสื้อให้ลูกในท้องที่ยังไม่คลอด โดยมีป้าสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อน พอได้ยินจากปากป้าสะใภ้ว่ามีคนเป็นอามาหาหล่อนจึงรีบออกมา“เป็นยังไงบ้าง” โจวเหวินหลงถามหลานสาว“ช่วงนี้หนูหยุดงานน่ะค่ะ เพราะท้องโตแล้ว” หล่อนตอบโจวต้านีเป็นหลานสะใภ้คนเล็กของบ้าน โดยที่ตั้งแต่หล่อนแต่งเข้ามาหล่อนก็ทำงานในห้างสรรพสินค้ามาตลอด เพิ่งจะหยุดอยู่บ้านเมื่อช่วงตั้งครรภ์เข้าเดือนที่หก จริง ๆ แล้วหล่อนต้องทำงานต่ออีกสองเดือน เพราะยังไม่ใกล้คลอดแต่หล่อนกลับลาออกจากงานไปเลยไหน ๆ แล้วครอบครัวของหล่อนก็แยกออกจากบ้านใหญ่แล้ว เพียงแต่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันเฉย ๆ คนอื่นต่อให้ไม่พอใจก็ไม่มีสิทธิ์มาคัดค้าน และสามีของหล่อนก็เห็นด้วย เขาสามารถหาเงินเลี้ยงหล่อนกับลูกได้“อยู่ที่นี่สบายดี
เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวต้องแยกจากกันไกล แต่การแยกกันครั้งนี้ไม่ใช่แยกจากกันไปเลย เพียงแต่แยกย้ายกันมีสังคมใหม่ ๆ ในอนาคตข้างหน้าในตอนที่เข้าเรียนระดับประถม เด็ก ๆ ยังแค่ไปเรียนที่เดียวกัน พักด้วยกัน และในวันหยุดยังกลับมาที่บ้านได้ แต่ในรอบนี้คงจะกลับมาบ่อย ๆ ไม่ได้เพราะต้องไปเรียนต่างถิ่นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยสักคน เพราะแต่ละคนนั้นไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกัน เหอเสี่ยวหงกลัวว่าหากไปส่งคนใดคนหนึ่งที่เหลือก็อาจน้อยใจได้ ถึงแม้สาว ๆ จะไม่พูดก็ตามแต่สำหรับอู๋นีกับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยฉงชิ่ง โจวเหวินหลงขับรถไปส่งเองส่วนเหอเสี่ยวหงก็กำชับทุกคนให้ส่งจดหมายมาที่ร้านหากถึงที่หมายแล้ว และเธอก็ยังเตรียมของให้ลูกสาวหลายอย่าง ผ้านวมที่หนา เสื้อผ้า ยาและของใช้ส่วนตัว พวกของกินจะตามไปที่หลังหากส่งที่อยู่มาให้ เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันจะลำบากเกินไปถ้าเอาไปด้วยในตอนที่ยังไม่ได้ที่พักสำหรับหลาน ๆ เหอเสี่ยวหงเตรียมยาให้ เพราะของอย่างอื่นที่บ้านของหลานคงเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนผ้านวมเหอเสี่ยวหงมีไม่พอให้หลานจึงไม่ได้เอาให้ ยกเว้นเสี่ยวยวี่ที่ได้เหมือนเหล่าลูกสาวของเธอทุกอย่างตอ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้กลิ่นสมุนไพร เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นลูกสาวยื่นสมุนไพรมาให้ดม เหอเสี่ยวหงพยุงตัวเองขึ้นโดยที่มีเอ้อร์นีคอยช่วย“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เอ้อร์นีถามเสียงสั่นหลังจากที่น้องสาวคนเล็กของหล่อนอธิบายถึงข้อความในจดหมายตอบรับมหาวิทยาลัยทุกคนก็อึ้งกันทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าลิ่วนีนั้นเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง และมหาวิทยาลัยก็ยังเลือกหล่อน แต่อึ้งได้ไม่นานก็ต้องตกใจเพราะคนเป็นแม่หมดสติไป“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบทั้งที่ยังหน้าซีด“ไปหาหมอกันเถอะค่ะ” ซานนีว่าแม่ของพวกหล่อนหมดสติไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าตกใจผลสอบของลิ่วนี หรือเป็นอะไรถึงได้หมดสติไปนานขนาดนั้น ที่ไม่ได้พาไปหาหมอตั้งแต่แรกเลยก็เพราะรอดูอาการ หากมันไม่หนักมาก อีกอย่างก็ไม่มีรถด้วย“ไม่ต้องหรอก” เหอเสี่ยวหงปฏิเสธ“แต่แม่คะ”“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”“งั้นแม่นอนพักเถอะค่ะ หนูกับน้อง ๆ จะลงไปช่วยคนอื่นข้างล่าง” เอ้อร์นีว่าพลางพยุงคนเป็นแม่ให้นอนลงเหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว เธอได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ลูกสาวคงพากันทำกับข้าวมื้อเย็น ตอนนี้เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่เป็
วันนี้เป็นวันที่เหอเสี่ยวหงได้ยินจากโจวเหวินหลงว่าผลคะแนนสอบเกาเข่าจะออก เหอเสี่ยวหงจึงสั่งปิดร้านแต่สำหรับใครที่จองห้องไว้แล้วก็มาได้ปกติ ส่วนขนมไข่ที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าตอนเช้าจนถึงกลางวันสามารถมารับได้เลย ในส่วนของตอนบ่ายถ้าไม่มารับถือว่าสละสิทธิ์ไปรับพรุ่งนี้ ซึ่งเธอแจ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และลูกค้าทุกคนรับทราบกันดีในช่วงเช้าของวันจดหมายแจ้งผลคะแนนสอบเกาเข่าก็มาส่ง และทุกคนก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพราะต้องทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ แม้จะตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งในตอนเช้าทุกคนช่วยกันทำขนมไข่ ตัดให้เท่ากันและบรรจุใส่ถุงรอคนที่สั่งมารับ และจดหมายทั้งหมดเหอเสี่ยวหงเป็นคนเก็บไว้ เพราะเด็ก ๆ ต้องการให้มาส่งไว้ที่นี่ลูกค้าที่เคยมากินประจำในช่วงเช้าต่างชะโงกหน้าเข้ามามอง แต่เพราะมีป้ายติดไว้หน้าร้านว่าปิดร้านจึงไม่มีคนเดินเข้ามา และบางคนถึงกับเดินเข้ามาถามพนักงานที่อยู่หน้าร้านว่าป้ายบอกว่าปิดร้านแต่ทำไมยังมีคนเข้าไปดื่มชาได้ ซึ่งพนักงานก็ตอบตามที่เหอเสี่ยวหงบอกให้ตอบนั้นก็คือ ใครที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าเวลาร้านปิดก็มาได้ปกติ ยกเว้นวันหยุดที่เหอเสี่ยวหงหยุดให้ทุกคน“อีกกี่ชิ้นจ๊ะซานนี” เหอเสี