หลังจากที่เหอเสี่ยวหงขายไข่ไก่ให้คุณป้าคนนั้นแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยังขายสบู่ในราคาก้อนละ 3 หยวน และเอาผลไม้อย่างอื่นออกมาขายอีกเล็กน้อยก็ได้เงินทั้งหมด 51 หยวน 8 เฟิน! เป็นเงินเดือนสามีของเธอเกือบ 2 เดือน!
แม้นิยายในปี2022 ที่เหอเสี่ยวเคยอ่านหลาย ๆ เรื่องจะเห็นว่ามาขายครั้งหนึ่งได้เป็นร้อย ๆ หยวนก็ตาม แต่นี่คือชีวิตจริง!
หากเธอจะขายของได้เป็นร้อย ๆ หยวนคงต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง! เพราะแค่นี้เธอก็ขายของ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ และเธอคงจะฝืนร่างกายเหนื่อยอยู่หรอก! กว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านอีก!
เมื่อขายของเสร็จแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอและเข้าไปดูของข้างใน
แต่เพราะมันเป็นช่วงปลายเดือน ของจึงยังไม่มาเติม และหากของมาเติม ไม่ถึงวันก็ไม่น่าพอเพราะของน้อยมาก ตอนนี้ของน้อยชนิดที่ว่าเหลืออันละไม่เกิน 3 ชิ้น!
‘แบบนี้ฉันจะเอาอะไรกลับไปให้บ้านใหญ่กับโจวมี่เล่า’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ
ที่เธอจะไม่เอาของในมิติให้ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองสงสัยว่าเอาของมาจากไหนในเวลาที่ของหายากแบบนี้
‘งั้นเอาแอปเปิลให้สัก 2 ลูกก็ได้’ เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจ
เหอเสี่ยวหงที่ขี่จักรยานออกจากห้างสรรพสินค้าก็ปั่นดูรอบ ๆ อำเภอ
ตอนยังเรียนอยู่ในอำเภอเหอเสี่ยวหงไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมากนัก ส่วนมากจะอยู่ที่โรงเรียนและหอพัก
ไม่ได้รู้จักคนมากแต่ก็มีเพื่อนเพราะเป็นคนที่สวย แต่ก็นั่นแหละเพราะถ้าไม่อยู่ห้องแล้วก็โรงเรียนก็กลับบ้านแค่นั้น
รถจักรยานเกือบ 50 คัน ปั่นสวนกันไปมาในท้องถนนของอำเภอที่มีหลายคนมอง
เมื่อก่อนรถจักรยานมีไม่มากนัก บ้านเหอที่ว่ามีฐานะก็เพราะว่าพ่อของเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงนั้นเป็นทหารที่พลีชีพเมื่อหลายปีที่แล้ว
หลังจากพ่อของเหอเสี่ยวหงเสียชีวิต อาสามกับอาสี่ที่เป็นน้องชายของพ่อก็ได้ไปเป็นทหารแทน
หลังจากนั้นทั้งสองก็ส่งเงินมาให้แต่หลังจากบ้านเหอเกิดเรื่องก็ไม่ได้ส่งเงินมาอีกเลย เพราะฉะนั้นบ้านเหอจึงเหลือเพียงหลานสาวสองคน
เมื่อปั่นจักรยานวนดูรอบ ๆ ในระแวกหนึ่ง เหอเสี่ยวหงก็ตัดสินใจกลับบ้านเพราะกว่าจะถึงบ้านก็น่าจะค่ำแล้ว เดี๋ยวลูกสาวกับคนอื่นๆจะเป็นห่วง
จึงหาเช่าเกวียนวัวในอำเภอเพื่อขนของกลับไปยังบ้านให้ เพราะของที่จะเอากลับบ้านมีหลายอย่าง แค่จักรยานคันเดียวของเธอมันคงจะเอาไปไม่หมดแน่ ๆ
พอหาเช่าเกวียนได้แล้วเหอเสี่ยวหงก็นัดแนะเวลาสว่าต้องมารับของที่ไหน เพราะเธอยังไม่ได้เอาของออกมา จึงต้องหามุมอับเพื่อเอาของออกมาก่อน
เหอเสี่ยวหงมองซ้ายขวาอย่างระวังเพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็น จากนั้นนึกถึงสิ่งที่อยากเอาออกมา สิ่งแรกก็คือจักรเย็บผ้าขนาดกลางที่สามารถยกไปไหนมาไหนได้ อมันต่างจากจักรเย็บผ้าของที่นี่ ซึ่งเหอเสี่ยวหงจะบอกคนในบ้านว่าสหายส่งมาให้
ตามด้วยม้วนผ้าคละสีหลายม้วนที่เลือกหยิบ ๆ มา ตามด้วยด้ายสีที่แถมมากับม้วนผ้า และยังไหมพรมอีกที่เหอเสี่ยวหงจะเอาเป็นถักเวลาว่าง
ข้าง ๆ กันเหอเสีายวหงก็เอากระติกน้ำร้อนโบราณออกมา 1 ใบ แก้วเก็บอุณหภูมิที่แถมมาอีก 2 ใบ และขวดเก็บอุณหภูมิ 4 ขวดวางไว้ข้างจักรเย็บผ้า และไม่ลืมที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาอีก ที่บ้านก็มีใช้แต่มันเก่ามากแล้ว
นำเครื่องปรุงที่เป็นของแห้งออกมาอย่างละ 2 ชั่ง ส่วนพวกที่เป็นของเหลวเอาออกมาอย่างละขวด
นำไปวางใส่ตะกร้าที่หยิบออกมาเช่นเดียวกัน ส่วนอีกใบที่เอาออกมาด้วยเหอเสี่ยวหงจะเอาใส่พวกผักที่มีในมิติ
นำตะกร้าขนาดใหญ่ออกมาเก็บพวกเครื่องปรุงใส่ พร้อมทั้งหยิบพวกของแห้งอย่างปลากระป๋อง ทูน่า โจ๊ก และข้าวต้มอบแห้งออกมาด้วย
นำกะละมังขนาดกลางอีกอันออกมาวางไว้แล้วหยิบพวกจาน ชาม ลงใส่กะละมัง ของที่มีในบ้านมันเก่ามากแล้ว วางทับด้วยน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
อีกทั้งยังเอาธัญพืชที่มีออกมาอีกอย่างละห้าชั่ง ของพวกนี้เธอเอามาหลอกตาคนบังคับเกวียนเฉย ๆ เพราะหากใกล้ถึงบ้านจะเอาของออกมาอีก เพราะแค่นี้ก็เยอะมากแล้ว
“โอ้! ดูนั่นสิ สะใภ้รองบ้านโจวซื้อของมาเต็มคันรถเลย!” ชาวบ้านที่เพิ่งเลิกงานชี้ให้คนที่ยืนอยู่ด้วยกันดู
ช่วงสายที่ผ่านมามีหลายคนเห็นว่าสะใภ้รองโจวปั่นจักรยานออกจากหมู่บ้าน ทั้งยังได้คุยถึงเรื่องที่บ้านรองโจวพาบ้านใหญ่แยกบ้านอีกด้วย ทั้งที่ตวามเป็นจริงบ้านหลังนั้นควรจะเป็นของบ้านใหญ่
“นางไปซื้อของมาจริง ๆ “ คนข้างบ้านโจวอีกคนอุทานขึ้นมา
กลุ่มคนที่นินทาสะใภ้รองบ้านโจวเมื่อช่วงสายก็ยังอยู่ระแวกนี้เหมือนกัน อันที่จริงก็มีหลายคนที่ดักรออย่างอยากรู้อยากเห็น
“โอ้! นางซื้อกะละมัง!” ชาวบ้านที่ยืดคอมองของในรถชี้บอก กะลังมังหนึ่งใบเกือบสามหยวนและต้องใช้คูปอง อีกอย่างถ้าจะซื้อมันก็ไม่ได้หาซื้อง่าย ๆ
“ฉันเห็นเครื่องปรุง”
“น้ำมัน!”
“น้ำมันขวดใหญ่มาก!”
“นางคิดอะไรอยู่ถึงซื้อมันมา”
“ของเยอะมาก ต้องใช้เงินเยอะแน่”
“นางหลี่ซือรู้ยัง! สะใภ้ของนางเอาเงินไปซื้อของสิ้นเปลืองแบบนี้ โอ้ สวรรค์!”
“เดี่ยวอะไรกับนางหลี่ซือล่ะ พวกเขาแยกบ้านกันแล้ว”
“หากเจ้ารองโจวไม่กลับมานางกับลูกเดือดร้อนแน่ ๆ “
“เป็นสะใภ้ที่ใช้เงินสิ้นเปลืองจริง ๆ”
“เงินนั่นไม่ควรเป็นของนาง”
“ควรเป็นของแกหรือยังไง? ไป ๆ เงินของนางนางจะใช้ยังไงก็เรื่องของนางสิ”
“แก!”
เหอเสี่ยวหงไม่ฟังเสียงนินทาของชาวบ้านที่พบเห็น เธอนับถือคนที่นี่จริง ๆ นินทาเมื่อเช้ายังไม่พอกันอีกเหรอ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เหอเสี่ยวหงเอาของที่ถูกในยุคนี้ขึ้นไว้ด้านบน
หากพวกชาวบ้านรู้ว่าเธอจะเอานมผงออกมาใช้ด้วยจะไม่กระอักเลือดกันเลยหรือ แค่ซื้อของมาใช้
ในบ้านยังถูกนินทาว่าสิ้นเปลือง ยิ่งหากจำไม่ผิดชาวบ้านที่ชี้เธออยู่สนิทกับแม่เลี้ยงของสามี!
เมื่อเกวียนเคลื่อนผ่านกลางหมู่บ้านและผ่านทางบ้านโจว เหอเสี่ยวหงก็เห็นนางหลี่ซือที่กำลังยกของที่เหลือจากการแยกบ้านออกมาวางหน้าบ้าน พอนางหลี่ซือมองเห็นของที่เหอเสี่ยวหงซื้อนางก็มองด้วยความโกรธ
ของพวกนั้นควรเป็นของครอบครัวพวกนาง ของลูกชายของนาง ไม่ใช่ของสะใภ้ที่นางเกลียดชังมาตลอด
สามวันก่อนหลังจากแยกบ้านกันแล้วนางหลี่ซือก็ได้ไปหาแม่สามีเพื่อเอาของจากลูกสะใภ้คืน แต่พ่อสามีไม่ยอมเพราะบ้านใหญ่กับบ้านรองเรียกได้ว่าเป็นบ้านหลักมากว่าบ้านสามของพวกนางซะอีก นางหลี่ซื่อจึงทำได้เพียงคับแค้นใจ
เหอเสี่ยวหงเห็นแววตาความแค้นของแม่สามี แต่เธอไม่ได้สนใจ แยกบ้านกันแล้วก็ต่างคนต่างอยู่ รีบบอกทางให้คนบังคับเกวียนรีบไปที่บ้านเพราะค่ำแล้ว
อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านเหอเสี่ยวหงอาศัยจังหวะที่คนบังคับเกวียนเผลอเอาผ้าที่กั้นตัวเกวียน
กับคนบังคับเกวียนลง จากนั้นก็เริ่มหยิบของออกมา แม้ของบางอย่างยังไม่จำเป็นแต่เหอเสี่ยวหงก็เอาออกมาเพื่อให้คนในบ้านไม่สงสัย
ผลไม้อย่างแอปเปิล พุทรา สาลี่ เหอเสี่ยวหงก็เอาออกมา มันเป็นผลไม้ที่ควรจะใช้บำรุงลูกสาวแต่ละคน และยังเอาแครอท ข้าวโพด หัวไชเท้า เนยจืด เนยเค็มออกมาอีก จะเอาไว้ทำขนม
เหอเสี่ยวหงรีบกวาดสายตามองของในเกวียนว่าขาดอะไรอีก ซึ่งของที่เธอมีมันก็เยอะมาก จึงไม่รู้ว่าจะเอาอะไรออกมาบ้าง อีกอย่างขอฃที่ใหญ่เกินไปก็เอาออกมามากไม่ได้ เดี๋ยวคนบังคับเกวียนสงสัย
‘ปากกา สมุด เทียน หนึ่ง…สอง…สาม ครบ ยาสระผม ครีมนวด ครบ สบู่ทดลองครบ’
สบู่ทดลองที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาใหม่มันแค่เป็นตัวทดลองที่ทางโรงวานส่งมาให้ใช้ดู มันเป็นสูตรเฉพาะที่เหอเสี่ยวหงสั่งผลิตมาทดลองใช้ตั้งแต่เข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เหอเสี่ยวหงไม่ร่อยมีเวลาออกไปไหนด้วย
ต้องพัฒนาสวนที่คุณย่าทิ้งไว้ให้จนลืมของที่เคยหยิบใส่มิติไปหลายอย่าง และส่วนมากของในมิติก็เป็นสบู่ไปแล้วมากกว่าครึ่ง!
เหอเสี่ยวหงหยิบช็อกโกแลตชิบ นมผง นมอัลมอนด์ นมอัดเม็ด เวย์เพิ่มกล้ามเนื้อ ซาลาเปากับขนมจีบและขนมอื่น ๆ ออกมาไว้ด้านนอก
“ลืมอะไรอีกเนี่ย” เหอเสี่ยวหงพึมพัม
เธอรู้สึกว่ามันขาดหายไปบางอย่าง จึงต้องกวาดสายตาเพื่อมองหาสิ่งที่ตามหาอีกรอบพร้อมกับคิดไปด้วย
“ผัก ผลไม้ ธัญพืชอเครื่องปรุง นมผง น้ำยาล้างจาน… ครบอยู่นี่” เหอเสี่ยวหงเอ่ยออกอย่างแผ่วเบา เรียกได้ว่าเบากว่าเสียงกระซิบซะอีก
เธอนึกออกแล้ว! เธอลืมเนื้อสัตว์ไปสนิทเลย เหอเสี่ยวหงจึงรีบหยิบเนื้อในมิติออกมาใส่ในเกวียนเพราะเห็นว่าจะถึงบ้านแล้วเลยไม่ได้คิดว่าจะเอาอะไรออกมา
“พี่สะใภ้รอง!”
“คุณแม่!”
เมื่อเหอเสี่ยวหงลงมาเปิดประตูบ้านเพื่อจะยกของเข้าบ้านก็เห็นน้องสาวสามีกับลูกสาวของเธอนั่งรออยู่พื้นหน้าบ้าน
ยิ่งพอเห็นคนเป็นแม่ลูกสาวของเธอก็รีบวิ่งมาหา เหอเสี่ยวหงจึงต้องรีบก้มไปอุ้มลูกสาวคนเล็กอย่างโจวลิ่วนีที่อายุเพิ่งสองขวบขึ้นมาอุ้ม
“หนูรอแม่เหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ!” เป็นเสียงจากโจวเอ้อร์หง หรือ โจวเอ้อร์นี ลูกสาวคนโตของเธอที่ปีนี้อายุแปดขวบแล้ว
“คุณแม่หายไปไหนมาคะ” ตามมาด้วยเสียงของลูกสาวคนรองอย่าง โจวซานหงหรือโจวซานนีที่ตอนนี้อายุเจ็ดขวบ
“แม่! แม่หายไปไหนมาคะ” และเสียงนี้เป็นเสียงของลูกสาวคนกลาง โจวอู๋หงหรือโจวอู๋นี ปีนี้อายุห้าขวบ หล่อนเดินมากอดขาเธอแน่น
“แม่ไปซื้อของมาจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบลูกสาว
“หนูนึกว่าคุณแม่จะทิังไปแล้ว ฮืออออ”
เป็นโจวเอ้อร์นีที่พูดพร้อมกับเสียงที่หล่อนร้องไห้จริง ๆ เหอเสี่ยวหงจึงต้องนั่งลงกอด แล้วเด็ก ๆ ที่เหลือก็เข้ามากอดจนกลายเป็นก้อนกลม ๆ
โจวเอ้อร์นีโตพอที่จะรู้เรื่องหลาย ๆ อย่างแล้ว แม่ของพวกเธอบอกว่าจะไปข้างนอกช่วงสาย แต่ใกล้จะมืดแล้วแม่ยังไม่กลับมาเธอจึงพาน้องๆออกมารอลานหน้าบ้าน พอคุณอาเห็นจึงออกมารอเป็นเพื่อน
“โอ๋ ๆ นะจ๊ะ แม่ซื้อของมาเยอะเลยนานน่ะ น้องสาวเล็กจ๊ะ ช่วยพี่ยกของหน่อยจ้ะ” พูดกับลูกสาวก่อนจะหันไปบอกน้องสาวสามี
“ได้ค่ะ!” โจวมี่รับคำ
“เด็ก ๆ ไปช่วยกันยกของเถอะจ้ะ” เหอเสี่ยวหงว่าพลางปล่อยลูกสาวคนเล็กลงพื้น
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เหอเสี่ยวหงหันไปมองตามเสียงก็เห็นสะใภ้ใหญ่เดินออกมา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตอย่างโจวต้าหงหรือโจวต้านีวัย 9 ขวบที่จับมือน้องสาวคนรองอย่างโจวซือหงหรือโจวซือนีเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ออกมาด้วยส่วนลูกสาวคนเล็กวัยสามขวบของบ้านใหญ่อย่างโจวมู่หงหรือโจวมู่นีนั้นเหอเสี่ยวหงไม่เห็น อาจจะยังนอนอยู่ก็ได้“พี่สะใภ้มาพอดีเลยช่วยฉันขนของหน่อยค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ!/หนูช่วยค่ะ!”เป็นโจวต้านีกับโจซือนีบอกพร้อมกับเดินมาช่วยทุกคนขนของเข้าไปในบ้าน เพราะคนบังคับเกวียนวัวเป็นผู้ชาย เหอเสี่ยวหงจึงไม่ได้ให้เขาเอาเกวียนเข้าไปในบ้านส่วนเหอเสี่ยวหงนั้นเมื่อทุกคนขนของเข้าไปข้างในทั้งหมดและอาศัยช่วงเงลาที่คนบังคับเกวียนนั่งพักเอาแรง ก็นำผ้านวมที่พับซีลใส่ถุงสูญกาศออกมาแล้วทำเป็นหยิบจากเกวียนเข้าไปในบ้าน“โอ้! สะใภ้รอง เธอได้ผ้านวมมาจากไหนน่ะ! ผืนใหญ่มาก” สะใภ้ใหญ่อุทานตาโตตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกันยายนแน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นฤดูหนาว ที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาตอนนี้ทั้ง ๆ ยังไม่ถึงฤดูที่ต้องใช้ก็เพราะมันยังหาง่ายอยู่ยังไงล่ะ!หากเข้าสู่ช่วงหนาวแล้วทุกบ้า
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงได้กินแผ่นแป้งเย็นที่ลูกสาวเหลือไว้ให้สองแผ่นพาลูกสาวทั้งสี่คนไปอาบน้ำแล้วไล่เข้าห้องไป รวมถึงโจวลิ่วนีที่เธอให้ เด็กๆอยู่ด้วยกันก่อน จุดเทียนไว้ 3 เล่ม แล้วบอกให้เด็กๆระวังเปลวไฟจากนั้นจึงมาจุดเตาไฟที่มีฟืนและถ่านยังแดงร้อนอยู่เล็กน้อย ใส่ฟืนและพัดให้ไฟลุกจะได้ทำอาหารไว้กินพรุ่งนี้เช้า เหอเสี่ยวหงนำรากผักชีในมิติออกมาผัดใส่พริกไทยในน้ำมันเล็กน้อยผัดให้เครื่องหอมแล้วเทน้ำใส่ไปเกือบเต็มหม้อ ใส่ผงปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว คนให้ละลายจากนั้นนำกระดูกหมูที่มีเนื้อติดใส่ลงไป 2 ชั่ง แล้วปิดฝาไว้ทิ้งไว้ เนื่องจากมันมีถ่านจากการปิ้งแผ่นแป้งอยู่แล้วบวกกับใส่ฟืนลงไป คืนนี้จึงไม่ต้องลุกมาใส่ฟืนอีกพรุ่งนี้เหอเสี่ยวหงจะใส่อย่างอื่นเพิ่มแล้วก็จะหุงข้าวกินกับน้ำซุปกระดูกหมูที่ได้ต้มไปหันไปอีกเตาที่ยังไม่ได้จุดไฟ เหอเสี่ยวหงได้ย้ายไฟจากอีกเตามาใส่และใส่เชื้อเพลิงลงไปทำให้ไฟลุกขึ้น หยิบหม้อตักน้ำใส่ต้มให้สุก แล้วเหอเสี่ยวหงนำน้ำต้มสุกใส่กระติกน้ำร้อนไว้ พรุ่งนี้เธอจะได้ผสมกับนมให้เด็กๆดื่มถ้าไปต้มพรุ่งนี้เช้า คงจะไม่ทันเพราะมี 2 เตา และ 3 บ้าน กว่าจะทำอาหาร
ป่าทางด้านตะวันออกเป็นป่าที่ชาวบ้านเข้าไปเก็บผักป่าและหาฟืน เหอเสี่ยวหงที่พ่วงลูกสาวมาด้วยสามคนจึงต้องเข้าไปป่าที่ชาวบ้านเข้ามา เพราะเธอไม่สามารถที่จะดูแลลูกสาวคนเดียวได้เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่ชาวบ้านในหมู่บ้านลงแปลงนากันแล้ว ยกเว้นบ้านที่มีแม่ให้กำเนิดลูกที่อยู่ไฟกับคนแก่ชราที่ไม่ได้ลงแปลงนา บางคนอาจอยู่บ้าน บางคนก็จะเข้ามาเก็บฟืน ทำให้เหอเสี่ยวหงเห็นคนเดินเข้าออกไม่กี่คน“พวกหนูเก็บเศษไม้ตรงนี้นะจ๊ะ แม่จะหาฟืนตรงนั้น ถ้ามีอะไรให้ตะโกนเรียกเสียงดัง ๆ นะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงชี้บอกลูกสาวตรงที่เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวว่าจะไปเก็บฟืนไม่ได้ห่างจากตรงที่จะเก็บเศษไม้มากนักแต่เหอเสี่ยวหงก็ห่วงลูกสาว“ได้ค่าาา” เป็นโจวซานนีที่ตอบ“เอ้อร์นีจ๊ะ ดูแลน้องด้วยนะลูก” เหอเสี่ยวหงหันไปหาลูกสาวคนโต“ได้ค่ะ!” โจวเอ้อร์นีรับคำ“แม่วางตะกร้าไว้ตรงนี้ ถ้าเหนื่อยก็พาน้องนั่งนะลูก” เหอเสี่ยวหงพูดต่อเด็กทั้งสามคนจึงพยักหน้ารับทราบคำที่แม่บอก พร้อมทั้งพากันเดินเก็บเศษไม้มาใส่เถาวัลย์ที่หาเจอเมื่อกี้กันเหอเสี่ยวหงมองแล้วจึงเดินไปตรงที่จะเก็บฟืน เธอจะเก็บวันละ 1-2 มัดก็พอ กว่าจะถึงฤดูหนาวฟืนก็น่าจะเยอะแล้ว และรอแปล
เหอเสี่ยวหงถือจานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และขวดเก็บอุณหภูมิไปวางไว้บนหัวเตียงเตา แล้วยืนมองเด็กๆเขียน“อู๋นีจ๊ะ บรรทัดนี้ขีดมากไปจ้ะ” เหอเสี่ยวหงชี้ให้ดูโจวอู๋นีพยักหน้า‘ลิ่วนีขีดเล็กไปจ้ะ’‘ซานนีหนูลืมคำนี้”‘เอ้อร์นีเขียนถูกแล้วจ้ะ แต่ตัวใหญ่เกินไป’‘อู๋นี หนูเขียนสลับกัน’‘ลบตรงนี้ออก’‘เขียนตัวนี้แบบนี้นะ’‘มันมีสามขีดจ้ะ’‘เขียนใหม่เลยจ้ะ หนูเขียนสลับอีกแล้ว’‘ถูกแล้วจ้ะ’เสียงเหอเสี่ยวหงที่ชี้ตรงที่ผิดให้เด็ก ๆ ดูดังต่อเนื่องมาเกือบชั่วโมงแล้ว “พักกันก่อนนะจ๊ะ”เหอเสี่ยงหงบอก เด็ก ๆ จึงวางปากกาลงและปิดหนังสือเอาไว้“ผลไม้ 9 ชนิดนี้มีรสเปรี้ยวอมหวาน กินแค่รองท้องนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงยกจานมาให้“แม่ มันหวานมากค่ะ” โจวเอ้อร์นีตาโต“มันเปรี้ยวมาก!” โจวซือนีหลับตา“อย่ากินลูกเขียวสิ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว“อร่อยไหมจ๊ะ” ก่อนที่จะหันมาป้อนลูกสาวคนเล็กโจวลิ่วนีพยักหน้าแต่ไม่พูดเพราะผลไม้เต็มปากอยู่“แม่จะไปดูหม้อสักหน่อย กินเสร็จแล้วพาน้องไปล้างมือแล้วก็ไปปลดทุกข์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วแม่จะมาสอนต่อ” เหอเสี่ยวหงหันหลังมาบอกก่อนจะออกจากห้องหน่อไม้ที่เหอเสี่ยวหงต้มนั้นจืดแล้ว เมื่อนำลงจากเตาก็
ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วและอีกไม่กี่วันที่โจวมี่จะต้องกลับเข้าไปทำงานในอำเภอ หนึ่งอาทิตย์มานี้ ช่วงเช้าทุกคนจะพากันไปเก็บฟืนมาไว้ใช้ ส่วนแปลงผักนั่นกำลังเตรียมดินอยู่จึงต้องพักในส่วนนี้ไปห้องครัวเก่าที่ตอนนี้กลายมาเป็นห้องเก็บฟืนนั้นมีขนาดกว้าง ไม่มีโต๊ะหรือเตียงในห้องจึงทำให้ห้องครัวกว้างมากฟืนที่อยู่ในห้องเก็บฟืนถูกฟันเป็นท่อนวางซ้อนกันจนเต็มไปหมด ระหว่างที่เข้าป่าไปเก็บฟืน เหอเสี่ยวหงยังได้โสมคนอีกหลายร้อยต้น ยังมีเห็ดหลินจืออีกหลายร้อยดอกเช่นเดียวกันเห็ดหลินจือถูกนำไปล้างแล้วผ่าตากแดดเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือเธอเก็บเข้ามิติ โสมคนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่จะล้างแล้วนำไปตากแดดตั้งแต่ขุด ล้าง ผ่า ตากแดด และเก็บเป็นเหอเสี่ยวหงทำเองทั้งหมดไม่ให้ใครช่วยเลยส่วนไก่ป่าทั้งสองตัวเหอเสี่ยวหงเห็นว่ามันออกไข่วันละหลายฟองจึงปล่อยมันไว้และให้อาหารอย่างพวกมะละกอสุกในมิติ ไม่ก็ข้าวขาว ผสมกากผลไม้หรือพวกเปลือกข้าวเด็ก ๆ ก็ยังคงเรียนหนังสือจากเหอเสี่ยวหง ตอนนี้โจวเอ้อร์นีนั้นท่องตัวอักษรได้แล้วแต่ยังเขียนผิดนิดหน่อยส่วนโจวซานนีอ่านและเขียนตัวอักษรได้เก
เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานมาจอดในที่ลับตาคนก่อนจะเอาผ้านวมออกมา 6 ผืนและหมอนอีก 5 ใบ ผ้าห่มของสะใภ้ใหญ่ 2 ผืน ของโจวมี่ 2 ผืน และของเธออีก 2 ผืน ส่วนหมอนนั้นของเธอและลูก ๆผ้านวมและหมอนถูกซีลในถุงสูญญากาศ จากผืนใหญ่ ๆ ตอนนี้มันหดลงเล็กมากและเมื่อแกะออกมันก็จะอยู่ในสภาพเดิม เหอเสี่ยวหงชอบผ้านวมยี่ห้อนี้มากยังดีที่ของในจักรยานเอาขึ้นเกวียนวัวหมดแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงปั่นจักรยานได้ง่าย และผ้านวมก็ใส่จักรยานได้หมดเหอเสี่ยวหงจึงหยิบเอาบัวหิมะออกมาวางไว้ประมาณ 2 ช่าง เธอจะให้โจวมี่เห็นว่าเธอได้ซื้อมันมาจริง ๆ เวลาจะกินหล่อนจะได้ไม่สงสัยนำพวกธัญพืชออกมาอย่างละชั่งและนำหมูออกมานิดหน่อย ยังมีพวกนมผลและผลไม้อีก เหอเสี่ยวหงตัดสินใจที่จะไม่เอาของออกมาเพิ่ม เธอรีบปั่นจักรยานที่เต็มไปด้วยของกลับสหกรณ์อำเภอทันที ใกล้ถึงตัวสหกรณ์เหอเสี่ยวหงก็เห็นนางหลี่ซือเดินอยู่อาทิตย์นี้นางได้นำธัญพืชมาส่งลูกชายอีกครั้งในที่พักในอำเภอที่พักอยู่ ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมัธยมปลาย เหอเสี่ยวหงอยากจะรู้จริง ๆ ว่าโจวกว่างนั้นเรียนจริงหรือเปล่าเพราะปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่เขาเรียนไม่จ
ชาวบ้านหลายคนกำลังเกี่ยวข้าวธัญพืชที่เหลืออีกไม่กี่วันก็จะเสร็จอยู่เกือบห้าสิบคน ข้างหลังคนเก็บเกี่ยวข้าว จะมีคนเกี่ยวกอข้าวและบางคนกำลังเก็บเอารวงข้าวไปตากบนลานข้างบน บางส่วนก็นำไปตากที่หน่วยผลิตข้าง ๆ แปลงนาจะมีพวกธัญพืชอยู่อีกหลายแปลง อย่างถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองหรือถั่วดำก็มีชาวบ้านเกือบยี่สิบคนกำลังเก็บเกี่ยวหมู่บ้านโจวเป็นหมู่บ้านกลาง ๆ ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป มีบ้านมากกว่า 100 หลัง มีคนอาศัยอยู่เกือบพันคน แต่เป็นหน่วยผลิตอันดับหลัง ๆ ของกลุ่มคอมมู เพราะว่าได้ผลผลิตน้อยมากในแต่ละการเก็บเกี่ยว นอกจากจะต้องแบ่งผลผลิตให้กับคนในหน่วยแล้วยังต้องแบ่งให้กองกลางอีกมากกว่าครึ่ง! ทำให้ผลผลิตที่น้อยอยู่แล้วน้อยขึ้นไปอีกพอถึงเวลาแบ่งธัญพืชนอกจากจะไม่เพียงพอต่อแต่ละบ้านแล้วยังไม่เหลือให้ซื้ออีก แต่ปีนี้ต่างออกไป เห็นว่าผลผลิตของปีนี้ได้มากกว่าปีที่แล้วหลายสิบเท่า‘โอ้! จักรยาน! สะใภ้รองบ้านโจวมีจักรยาน!’‘โอ๊ย จับทีฉันจะเป็นลม!’‘หล่อนได้จักรยานมาจากใคร’‘ใช่ ๆ&rs
เหอเสี่ยวหงนำเนื้อหมูที่ถูกแล่เป็นชิ้นเล็ก ๆ วางเรียงใส่ถาดที่มีแล้วนำไปตากแดดบนรางไม้ที่ตากผ้า เมื่อมองดูหมูจนพอใจแล้วก็เก็บอุปกรณ์ไปล้าง คว่ำไว้ให้แห้งที่บ่อเหมือนเดิม จากนั้นก็กลับไปถักไหมพรมต่อ เอาไว้อีก 2 ชั่วโมงค่อยลุกไปทำกับข้าไหมพรมที่ถักนั้นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ให้สะใภ้ใหญ่กับโจวมี่ช่วยถัก เพราะเธออยากทำเองคนเดียวพรุ่งนี้ก็คงเอามูลสัตว์ใส่ผสมเตรียมดินไว้ วันต่อไปค่อยลงเมล็ดผัก อีกเดือนกว่า ๆ จะเข้าฤดูหนาวแล้วเหอเสี่ยวหงคิดว่าผักบางส่วนน่าจะโตทัน บางส่วนอาจทนหนาวได้หรือบางทีเก็บเมล็ดไว้ได้ก็ดีคิดดังนั้นเหอเสี่ยวหงก็ไม่ได้สนใจแปลงผักอีก หันมาสนใจกองไหมพรมตรงหน้าแดดเริ่มจะหมดแล้วเหอเสี่ยวหงจึงเก็บเนื้อหมูที่ตากแห้งไว้ใส่ตู้ตอนกลางคืนเธอจะเก็บไว้ในมิติ ตอนเช้าจะตากแดด ส่วนตอนกลางคืนเธอจะใส่มิติไว้ จะทำจนกว่าเนื้อหมูจะแห้ง หลังจากที่โจวมี่กลับไปทำงานแล้วเหอเสี่ยวหงจะไปซื้อไหหรือกล่องใส่ข้าวมาใส่เนื้อหมูตากแห้งไว้ตอนนี้สะใภ้ใหญ่กับโจวมี่กำลังอาบน้ำให้เด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงไปบอกให้ลูก ๆ เก็บของไว้แล้วพากันไปอาบน้ำ ส่วนเธ
เรื่องราวของหยาดฟ้าที่เหอเสี่ยวหงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้นหยาดฟ้าในวัยสิบสองขวบเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อสักครั้ง แม่ให้เหตุผลว่าเลิกกันก่อนที่เธอจะลืมตาดูโลก และเล่าให้ฟังว่าพ่อติดเหล้าหนักมาก และชอบทุบตีแม่ที่กำลังท้องเธอเกือบห้าเดือน สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวก็เลยเก็บเงินที่ซ่อนไว้หนีมาบ้านเกิดผู้เป็นยายและยายของเธอก็เป็นเพื่อนวัยเด็กของคุณย่าเหอ คุณย่าเหอที่สงสารก็เลยรับแม่ของเธอมาเป็นคนสนิท จนกระทั่งเธออายุสิบสองขวบก็เกิดข่าวร้ายแม่ของเธอมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังจากที่คลอดเธอออกมา และไม่ยอมเข้ารักษาอาการป่วยจนเกิดเรื้อรัง สุดท้ายจึงจากเธอไปวันนั้นหยาดฟ้าจำได้ดี เธอร้องไห้แทบใจขาดเมื่อคนที่อยู่กับเธอมาตลอดจากไป และเป็นวันเดียวกันที่มีคนเข้ามาช่วยพยุงเธอเอาไว้ นั่นก็คือคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหง เพื่อนสนิทสาวพ่วงตำแหน่งเจ้านายของเธอ ถึงคุณย่าเหอกับเหอเสี่ยวหงไม่ได้เจ้ากี้เจ้าการกับตำแหน่ง และเธอก็ถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของท่านแล้ว แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเหอเสี่ยวหงคุณย่าเหอเ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของสามีตกมาก เมื่อได้ที่ดินคืนมาแล้วทั้งโจวเหวินหลงกับพี่ชายใหญ่ก็จะพากันกลับ แต่ก็เกิดเรื่องอีกครั้งโจวกว่างโมโหที่ผู้เป็นพ่อยกบ้านและที่ดินให้กับพี่ชาย จึงลงมือกับคนเป็นแม่ด้วยอาการมึนเมา มีคนเข้าไปช่วยทันแต่อาการนางหลี่ซื่อก็หนักมาก เพราะไม่มีเงินไปหาหมอโจวเหวินหลงรับรู้และเขาก็ยังกลับฉงชิ่งไม่ได้ การกลับบ้านจึงต้องเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ถึงนางหลี่ซื่อไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของโจวเหวินหลง โจวจือหยวน และโจวมี่ แต่นางก็เลี้ยงโจวมี่มา โจวมี่เลยมาขอร้องพี่ชายให้พานางหลี่ซื่อไปโรงพยาบาล“ถ้าคุณพานางไป ก็ไม่ต้องกลับมา” เหอเสี่ยวหงกล่าวเสียงเรียบในวันที่เธอแท้งลูก นางหลี่ซื่อไม่มีแม้แต่เชิญหมอมารักษาหรือพาเธอไปหาหมอ ปล่อยให้เธอแท้งลูกซ้ำยังบอกย่าโจวว่าเธอสะดุดขยะในห้องล้มอีก แม้นางหลี่ซื่อตายเธอก็ไม่เสียใจ‘ผมบอกพวกเขาแล้วครับ’มีไม่กี่เรื่องที่เหอเสี่ยวหงจะปฏิเสธสามี และครั้งนี้ต่อให้ใครมาขอร้องเหอเสี่ยวหงก็ไม่ยอม ลูกชายและลูกสะใภ้ หลานของนางก็ยังอยู่ ทำไมถึงต้องมาพึ่งสามีเธอด้วย อีกอย่างก่อนที่พวกเธอจะออกจากหมู่บ้าน นางหลี่ซื่อยังอยู่ในกลุ่มที่มาไล่พวกเธอเลย“ฉัน
เข้าสู่วันที่ห้าของการกลับบ้านของโจวเหวินหลง เหอเสี่ยวหงก็ได้รับข่าวร้าย สกุลโจวได้สิ้นผู้อาวุโวอย่างย่าโจวไปแล้ว นางจากไปด้วยโรคชราที่เป็นปัญหามาหลายปีเหอเสี่ยวหงส่ายหน้าเมื่อวางสายจากสามีไปหลังเขาติดต่อมา ในร้านน้ำชามีโทรศัพท์จึงไม่แปลกที่เหอเสี่ยวหงจะได้รับการติดต่อจากสามี ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการย่าโจวทรุดหลังจากที่เธอพาครอบครัวกลับ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เป็นผู้จัดการหลงที่เก็บโต๊ะเสร็จถามเหอเสี่ยวหง เขาเห็นเจ้านายนั่งคุยกับปลายสายไม่นาน แต่ตอนนี้หล่อนกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวถ้าเอาบัญชีร้านขึ้นไปบนห้อง ตามโจวต้านีให้ด้วยนะคะ” เหอเสี่ยวหงส่ายหน้า“ได้ครับ”โจวต้านียังไม่กลับมาทำงาน คงเพราะหลานสาวตัวน้อยของเธอป่วย อันที่จริงเธอก็บอกหล่อนแล้วว่าไม่ต้องมา แต่โจวต้านีก็รั้นมาจนได้“แม่คุยอะไรกับพ่อเหรอคะ”พอผู้จัดการหลงเดินออกจากร้านไป ก็เป็นซานนีที่ประจำร้านอยู่เอ่ยถาม หล่อนรู้แค่ว่ามารดาคุยกับใคร แต่จับใจความไม่ค่อยได้“ย่าโจวเสียแล้ว” เหอเสี่ยวหงถอนหายใจสำหรับเหอเสี่ยวหงแล้วเธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อีกอย่างเรื่องที่เธอแท้งเมื่อยี่สิบปีก่อนก็ยังไม่ได้บอกย่าโจ
เหอเสี่ยวหงมองหน้าหลานสาวตัวน้อยนามเฟยฮวาวัยห้าเดือนในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าสกุลเฟยตาบอดหรือยังไง ทำไมถึงมองไม่เห็นความน่ารักของหลานสาวตัวน้อยคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อมองลูกสาวช่วยคนอื่นขนของโจวต้านีลงจากรถ หรือเพราะเธอไม่บังคับลูกสาวกันนะ ถึงไม่ได้มีหลานให้อุ้มแบบนี้ได้แต่อิจฉาสะใภ้ใหญ่ที่ได้ลูกเขยก่อนคนอื่น แล้วยังได้หลานก่อนคนอื่นอีก ยังดีที่สหายของเธอยังไม่มีหลาน เหอเสี่ยวหงจึงไม่ต้องทนฟังเสียงอวดหลาน“ให้ฉันอุ้มหลานบ้างสิ”สะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาหาผู้เป็นน้องสะใภ้และน้องสาว ตั้งแต่ที่ลูกสาวอุ้มหลานสาวลงรถมา นางก็ยังไม่ได้อุ้มหลานเลย มีแต่เหอเสี่ยวหงที่อุ้มหลานแล้วไม่ยอมปล่อยให้ใครอุ้มต่อ“เดี๋ยวพี่ก็ได้อุ้มแล้ว” เหอเสี่ยวหงแย้งอย่างไม่จริงจังนักโจวต้านีขอเข้าทำงานพร้อมสามีในร้านผู้เป็นอากับอาสะใภ้ โดยที่แม่ของหล่อนยินดีที่จะดูแลหลานระหว่างที่พ่อกับแม่ของหลานทำงานแบบไม่เอาเงินสักเฟิน“หลับแล้ว” สะใภ้ใหญ่บอก“อืม”เหอเสี่ยวหงส่งหลานสาวให้ผู้เป็นยายแท้ ๆ อุ้ม แล้วตัวเองก็ออกมาช่วยทุกคนขนของเข้าบ้านตึกแถว ยังไงโจวต้านีก็แต่งออกแล้วจะให้ไปอยู่รวมกับครอบครัวก็ไม่ใช่ อีกอย
จากที่จะกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านเกิดในช่วงปิดเทอมตามคำขอของสาว ๆ บ้านรองโจวก็ต้องกลับมาอยู่ที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงเอ่ยขอโทษลูกสาวกับหลานสาวที่ต้องพากลับกระทันหัน ยิ่งกับอาสามแล้วเหอเสี่ยวหงยิ่งเอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งเหอเสี่ยวหงรู้ว่าอาสามอยากอยู่ที่บ้านเหอ แต่พอเหอเสี่ยวหงจะกลับเขาก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เป็นห่วงหลาน ๆ หากปล่อยให้มาด้วยกัน“เอาไว้เรียนจบแม่ค่อยพากลับไปดีกว่า” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวอีกตั้งหลายปีที่เด็ก ๆ จะเรียนจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็คงจะลืมไปแล้ว อีกอย่างทุกคนก็รู้กฎหมายกันอย่างดี เหอเสี่ยวหงจึงไม่กลัวที่จะกลับไป แต่ครั้งนี้มันตั้งตัวไม่ทัน“ไม่กลับก็ได้ค่ะ อยู่นี่ก็ดีแล้ว” เอ้อร์นีเอ่ยตอบเป็นคนแรกหล่อนอยากกลับไปที่บ้านเกิดก็จริง แต่หล่อนกลัวเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ลึก ๆ แล้วหล่อนรู้ว่าแม่ของหล่อนเป็นห่วงเรื่องการบังคับแต่งงาน เอ้อร์นีไม่ใช่คนโง่ หล่อนถูกมารดาเลี้ยงมาอย่างดีแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงให้โง่เขลา แม่ของหล่อนไม่ชอบการบังคับ หล่อนก็ไม่ชอบการบังคับเช่นเดียวกัน“ใช่ค่ะ ไม่กลับไปแล้วก็ได้” ลิ่วนีเอ่ยด้วยความหวาดกลัว หล่อนเป็นเด็กที่ตั้งแต่จำความได้ก็เติบโตมาในเมือง จึงไม่ร
เหอเสี่ยวหงเดินนำลูกสาวตามโจวเหวินหลงเข้าไปภายในบ้าน ชาวบ้านที่มามุงแหวกออกให้เข้าไป แต่พอเข้าไปแล้วก็กลับมามุงเหมือนเดิมครั้งก่อนอยู่เพียงนอกบ้าน แต่ครั้งนี้ที่ต้องเข้ามาในบ้านเพราะย่าโจวล้มป่วยอีกแล้ว ภายในบ้านที่ไม่ใหญ่จึงแคบลงถนัดตาเมื่อมีคนล้อมรอบ‘หลานสาวบ้านโจวแน่ ๆ’‘ฉันต้องทาบทามจากย่าโจวแล้ว’‘ฝันอยู่เหรอ บ้านรองโจวอยู่ในมือสะใภ้รองโจว คงจะให้ลูกสาวแต่งมาอยู่ชนบทหรอก!’‘ใครจะไปรู้ อีกอย่างสะใภ้ก็ต้องเชื่อฟังครอบครัวของสามี’‘ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วรึ อายุขนาดนี้แล้ว’‘จริง ถ้ายังไม่แต่งคงจะไม่มีใครเอา’เหอเสี่ยวหงหันไปมองชาวบ้านที่นินทาลูกสาวของเธอ เรื่องที่ลูกสาวจะแต่งกับใครเหอเสี่ยวหงไม่ได้ห้าม ต่อให้ฝ่ายชายไม่มีเงินแต่ง ถ้าลูกสาวจะแต่งเธอก็ให้แต่ง สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เป็นไร แต่คนอื่นจะเดือดร้อนด้วยทำไม“ลูกสาวฉันไม่แต่งงานแล้วทำไม”ชาวบ้านที่ซุบซิบอยู่หน้าบ้านเงียบปากกันลงทันที เมื่อสะใภ้รองโจวพูดขึ้น ใคร ๆ ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเหอเสี่ยวหง“นี่ย่าทวด เป็นย่าของพ่อเรา”เหอเสี่ยวหงแนะนำย่าโจวให้ลูกสาวทำความเคารพ ซึ่งเด็ก ๆ รู้จัก แต่นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันนานแล้ว เธอจึง
สาว ๆ ปิดเทอมสองเดือนในภาคเรียนแรก ที่ปิดนานขนาดนี้เพราะเพิ่งเปิดปีแรก จึงต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างจึงหยุดนานทุกคนมาปรึกษากันดูแล้ว ลูกสาวอยากกลับไปดูบ้านเกิดกันมาก โจวเหวินหลงจึงจะพาไป แต่รถคันเดียวไม่สามารถไปกันได้หมด จึงต้องซื้ออีกคันเพราะถ้าไม่ซื้อก็ไปกันไม่หมดแน่ ลำพังแค่ของก็เต็มรถแล้วแต่ครั้งนี้ต่างออกไป อาสามเหอจะไปด้วย รถที่ซื้ออีกคันก็เป็นเขาขับ ส่วนอาสี่ยังกลับไม่ได้เพราะเดินเรื่องยังไม่เสร็จ ซึ่งอาสี่เศร้ามาก หลายเดือนจนจะปีแล้วการลาออกยังไม่ถึงไหนเลย เหมือนทางกองทัพจะรั้งเขาไว้ด้วย การลาออกจึงถูกสกัดไว้“เดี๋ยวหนูกับซานนีแล้วก็เสี่ยวยวี่จะไปนั่งกับตาสามเอง” เอ้อร์นีบอกเพราะรถมีสองคันจึงต้องแบ่งกันนั่ง อีกอย่างถ้าจะเบียดกันไปก็คงจะไม่ได้“ดีเลยค่ะ หนูอยากนั่งกับแม่” ลิ่วนีพยักหน้าเหอเสี่ยวหงส่ายหัวก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เดินตรวจดูของพอเห็นว่าไม่ขาดอะไร ก็ไปสั่งงานผู้จัดการร้านไว้ “ฉันฝากร้านด้วยนะคะ ไม่มีกำหนดกลับ แต่ก่อนสาว ๆ จะเปิดเทอมแน่นอน” เหอเสี่ยวบอก“ได้ครับ คุณนายโจวไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการให้” ผู้จัดการหลงพยักหน้า“ส่วนบัญชีส่งให้ดูหลังวันหยุดนะคะ”
เหอเสี่ยวหงอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าเพื่อมารอคุณลุงลี่โจวหูเอาใบชามาส่ง นี่ก็ผ่านมาสามวันตามที่เอ้อร์นีบอกว่าคุณลุงจะเป็นคนมาส่งใบชาเอง และเมื่อวานตอนเย็นคุณลุงติดต่อมาอีกครั้งว่ามาถึงฉงชิ่งแล้ว แต่เพราะมันมืดแล้วจึงจะพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าจึงจะมาส่งส่วนวันนี้โจวเหวินหลงไม่ได้ออกไปคุมช่าง เพราะวันนี้ทำแค่ความสะอาด และวันนี้เป็นวันที่อู๋นีบอกว่าจะกลับบ้านด้วย“ฉันลงไปรอข้างล่างนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอกสามีที่แต่งตัวอยู่จริง ๆ เธอไม่ต้องเป็นคนรับของเองก็ได้ จะให้ผู้จัดการหลงรับเหมือนปกติก็ได้ แต่เนื่องจากครั้งนี้คุณลุงมาส่งเอง เหอเสี่ยวหงจึงต้องออกมาต้อนรับ“มากันครบแล้วเหรอ” เหอเสี่ยวหงถามพนักงาน“ครบแล้วค่ะ” เฟยหยางอิงตอบ“ไปทำความสะอาดที่เก็บใบชาเถอะ” เหอเสี่ยวหงพยักหน้าก่อนจะสั่งงาน“ได้ค่ะ”“ได้ครับ”ยังดีที่สามวันที่ผ่านมาลูกค้าที่จองห้องได้เข้าใช้ห้องครบทุกคิว เนื่องจากใบชามีเพียงพอต่อสองวัน และเมื่อวานก็เป็นวันหยุด ทุกคนไม่ได้ทำงานกัน วันนี้เหอเสี่ยวหงจึงต้องให้ทำความสะอาดห้องที่เก็บใบชา เวลาเก็บใบชาจะได้เก็บนาน ๆ อีกอย่างก็จะไม่ได้มีฝุ่นมาเกาะ“แม่!”เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจก่อนจะหัน
ตั้งแต่ที่ทำการซื้อขายใบชาจากไร่ชา เหอเสี่ยวหงซื้อใบชามาจากไร่ของคุณลุงลี่โจวหูคนเดียวเท่านั้น เพราะเธอได้เซ็นสัญญาเรื่องการซื้อขายเอาไว้ ปกติก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คงจะมีแต่ช่วงนี้ที่มีปัญหา และใบชาก็ไม่ได้มาส่งเป็นเวลาสามวัน และคงไม่ถึงสองวันที่ใบชาที่มีจะหมดส่วนเรื่องผ้าผลตอบรับดีมาก ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะอยากได้อีก บางคนก็ซื้อไปขายที่อื่นแต่เหอเสี่ยวหงก็ให้ราคาเต็ม ไม่ได้ลดราคาให้เพราะเธอไม่ได้ขายส่ง ส่วนจะเอาไปขายที่อื่นเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาซื้อไปแล้วยังดีที่ผ้าปักลายมีมากถึงพันกว่าม้วน จึงไม่ทำให้ของขาดตลาดเท่าไร จะมีก็แต่บางลายเท่านั้นที่เหอเสี่ยวหงให้สหายปักเพิ่ม ในหนึ่งวันจะได้ผ้าปักลายเพียงห้าม้วน หรือบางวันก็มากกว่าสิบม้วน อย่างสามวันที่ผ่านมาก็ปักลายผ้าได้ยี่สิบเก้าม้วน เหอเสี่ยวหงเก็บมันเอาไว้แยกอีกที่หนึ่ง เอาไว้ของในร้านหมดค่อยเอามาเพิ่มตอนนี้ทุกคนพยายามช่วยกันติดต่อไร่ชา เพราะต้องสอบถามเรื่องใบชาแต่ไม่มีใครรับสายเลย ไม่รู้ว่าเพราะรู้ว่าเป็นพวกเธอหรือเปล่าจึงไม่ยอมรับ หรือไม่ก็พวกเขามีปัญหากันจริง ๆ“อย่างนี้เราแย่แน่ ๆ เลยครับ” ผู้จัดการหลงเอ่