Share

บทที่5 เริ่มต้นใหม่

last update Last Updated: 2025-02-14 02:47:11

หลังจากแยกบ้านวันนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหอเสี่ยวหงในตอนนี้ก็กำลังบำรุงร่างกายเพราะเพิ่งแท้งลูกและยืนนานเกินไปตกดึกจึงปวดท้องทำให้ล้มนอนอีกครั้ง

‘พี่สะใภ้ใหญ่’

‘อ้าว น้องสาวสามตื่นแล้วเหรอ’

‘ใช่ค่ะ  เสี่ยวจวี่ร้องไห้งอแงน่ะค่ะ’

เสียงทักทายของพี่สะใภ้และน้องสาวสามีดังขึ้นข้างนอกห้องของเหอเสี่ยวหง

เนื่องจากบ้านหลังนี้มี 8 ห้องนอน เหอเสี่ยวหงเลือกเอา 3 ห้อง เหอหรงหรงก็เลือกเอา 3 ห้อง โจวมี่เลือก 1 ห้อง มันจึงเหลือ 1 ห้อง ทั้งสามจึงตกลงกันว่าจะทำเป็นห้องครัว ส่วนห้องครัวเก่าก็จะทำเป็นห้องเก็บฟืน

บ้านหลังนี้อยู่ติดกับคลองน้ำที่ชาวบ้านใช้ แต่บ้านหลังนี้อยู่ต้นน้ำและมีกำแพงอ้อมสูง 2 เมตร ลานหน้าบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ 2 ต้น ใต้ต้นไม้จะมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ 2-3 ตัว

ข้างบ้านด้านขวาจะมีห้องครัวเก่าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้องเก็บฟืน กับมีบ่อน้ำที่มีไม่กี่บ่อในหมู่บ้าน ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นแปลงผักกับเล้าไก่เก่า

ภายในตัวบ้านจะคล้ายครึ่งวงกลม เมื่อเปิดประตูทางซ้ายจะเป็นห้องครัว ถัดจากห้องครัว 2 ห้อง จะเป็นห้องของเหอหรงหรง ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องตรงข้ามกับประตู ข้างๆกันจะมีอีกห้องที่ยกให้โจวมี่ และทางด้านขวาจะเป็นห้องของเหอเสี่ยวหง

เหอเสี่ยวห้องนั้นนอนห้องที่อยู่ติดประตูและตรงข้ามห้องครัวกับลูกสาวคนเล็ก ส่วนลูกสาวคนโต คนรอง คนกลาง นอนห้องตรงกลางเพราะลูกๆเริ่มโตแล้วเหอเสี่ยวหงจึงแยกห้องนอน และเตียงเตานั้นเล็กเกินไป

ส่วนตรงกลางบ้านจะมีโต๊ะยาวที่สามารถนั่งได้หลายคนกับมีเก้าอีก 7 ตัว

ส่วนอาหารนั้นแน่นอนว่าต้องแยกกันทำเพราะทุกคนได้แยกบ้านกันแล้ว แต่ถ้าหากจะกินข้าวด้วยกันก็แค่ทำแล้วเอามารวมกันก็ได้

หม้อที่ได้จากการแยกบ้าน 1 ใบ กับโจวมี่ที่ได้มาจากบ้านอดีตสามี 1 ใบ พอดีกับเตาที่มีในบ้าน 2 เตา จึงทำให้การทำอาหารนั้นไม่ค่อยยุ่งยาก

แกร๊ก

“พี่สะใภ้ใหญ่ โจวมี่” เหอเสี่ยวหงเรียกทั้งสอง

“สะใภ้รองเป็นอย่างไรบ้าง มานั่งก่อน ๆ ” เหอหรงหรงมาพยุงเหอเสี่ยวหงไปนั่ง

สามวันที่ผ่านมาเหอเสี่ยวหงไม่ได้ลุกออกมาจากห้องเลย เพราะต้องพักร่างกายจะมีเหอหรงหรงกับโจวมี่เข้าไปดูอาการสลับกันบ้าง

ส่วนอาหารจะเป็นโจวเอ้อร์นีที่เป็นคนทำอาหาร ถึงแม้จะยังเด็กแต่เพราะเข้าครัวตั้งแต่เด็กจึงทำอาหารเป็นบ้าง

“เป็นอย่างไรบ้างคะพี่สะใภ้รอง” เป็นโจวมี่ที่เอ่ยถาม

“พี่ดีขึ้นแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ

“เฮ้อ หมดทุกข์สักทีนะ” เหอหรงหรงว่า

‘คิดแบบนั้นเหรอ’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ

“แล้วโจวมี่จะเอายังไงเหรอจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงถาม

“เดิมทีฉันจะเอาลูกมาฝากคุณแม่เลี้ยงน่ะค่ะ แต่จะจ้างเลี้ยง แต่คงจะไม่ได้แล้ว นี่ก็ใกล้หมดเวลาลาของฉันแล้ว” โจวมี่ว่าพลางป้อนนมลูกสาว

“แล้วทำไมถึงหย่ากับน้องเขยละจ๊ะ” เป็นเหอหรงหรงที่เป็นคนถาม

“ก็เพราะคนบ้านหลี่รู้ยังไงล่ะคะว่าพี่ชายใหญ่ฉันบาดเจ็บและพี่รองฉันถูกส่งไปที่อื่น! ก็เลยหาทางเขี่ยฉันออกเพราะสามีฉันไปชอบลูกสาวหัวหน้าแผนกฉัน! พอคลอดเสี่ยวจวี่ ก็บังคับฉันหย่า บอกว่าฉันไม่มีหลานชายให้ ยังดีที่พ่อสามียังมีเยื่อใยต่อหลานสาวบ้างก็เลยให้จักรเย็บผ้ากับจักรยานพ่วงข้างที่ได้เป็นสินสอดให้ฉัน เอาหม้อให้กับเงินอีกร้อยกว่าหยวน” โจวมี่พูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด

คนบ้านหลี่ย่อมรู้ว่าตอนนี้บ้านโจวไม่ต่างกับนกที่ปีกหัก เพราะเสาหลักของบ้านคนหนึ่งก็บาดเจ็บ คนหนึ่งก็ถูกย้ายไปที่อื่น ทำให้ไม่มีใครเกรงกลัวโจวมี่และบังคับหย่า

“คนบ้านหลี่นี่ก็จริงๆ พอจะแต่งก็แทบกราบเท้า พอจะหย่าก็หย่า!” เหอหรงหรงโมโห

ลูกสาวที่แต่งออกจากบ้านก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออก แล้วหากถูกหย่าก็ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วยอีก ในตอนนี้ยังไม่ได้พัฒนามาก หากถูกหย่าและกลับบ้านเดิมก็จะถูกนินทา!

“ยังดีนะคะ ที่บ้านหลี่ได้ซื้อนมไว้แล้วเพราะคิดว่าจะได้หลานชาย พอหย่าฉันก็ให้นมผงมา 5 กระปุก!” โจวมี่ว่า

“โอ้ ดีจริง ๆ” เหอเสี่ยวหงเห็นด้วย

หากจะซื้อของต้องมีคูปองและเส้นสายกับความเร็วบ้างถึงจะซื้อได้ เพราะของเป็นที่ต้องการมาก บ้านหลี่มีตำแหน่งในร้านค้าของรัฐหลายแห่งจึงซื้อได้แต่ก็ต้องจ่ายเงินอีกหลายหยวนเพื่อซื้อ

ตอนนี้เสี่ยวจวี่ยังกินนมของโจวมี่อยู่ นม 5 กระป๋องจึงยังไม่ได้ใช้ แต่ถ้าเสี่ยวจวี่ต้องกินนมผง อย่างน้อยก็อยู่ได้เดือนเดียวกับอย่างมากก็สองเดือน

“เอาอย่างนี้ไหม เอาเสี่ยวจวี่ให้พี่เลี้ยงให้ก่อน เธอจะได้ทำงานได้!” เหอหรงหรงบอกโจวมี่

จริงๆเหอเสี่ยวหงก็อยากเป็นคนเลี้ยงอยู่หรอกแต่ก็เพราะตอนนี้เหอเสี่ยวหงยังมีลูกสาวที่ต้องบำรุงร่างกายอยู่ จึงไม่สามารถรับปากว่าจะเลี้ยงให้ได้

“จริงเหรอคะ! ฉันจะให้เงินพี่ 6 หยวนต่อเดือนให้ดู เสี่ยวจวี่และเสี่ยวยวี่ให้ฉัน!” โจวมี่เหมือนเห็นแสงสว่าง

“ใช่จ้ะ ตอนนี้สะใภ้รองร่างกายไม่สะดวก พี่จะดูแลให้เอง” เหอหรงหรงยิ้ม

เหอเสี่ยวหงนั้นเพิ่งแท้งลูกไป อีกทั้งยังมีลูกสาวอีกสี่คนหากจะให้เลี้ยงคงจะไม่ได้ หล่อนมีลูกสาวสามคน คนโตกับคนกลางก็ดูแลตัวเองได้แล้ว เพราะฉะนั้นหล่อนจึงนับว่าเหมาะสมกว่าเหอเสี่ยวหง

แอ้ แอ้ แง่!~

“เอาเสี่ยวจวี่ไปนอนเถอะจ้ะ” เหอเสี่ยวหงบอกเพราะเสี่ยวจวี่เริ่มร้องไห้แล้ว

“ได้ค่ะ! ไปเถอะเสี่ยวยวี่” โจวมี่เรียกลูกสาวคนโต

จริง ๆ แล้วลูกสาวคนโตหล่อนชื่อว่า ‘หลี่ยวี่’ ลูกสาวคนเล็กชื่อว่า ‘หลี่จวี่’ แต่เพราะหย่ากันแล้วหล่อนจึงไม่อยากเกี่ยวของกันจึงไม่เรียกชื่อเต็มของลูกสาว

หลังจากโจวที่พาลูกสาวเข้าห้องไปก็เหลือเพียงเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรง ส่วนลูกสาวนั้นเล่นกันอยู่ในห้อง

“คะ?” เหอเสี่ยวหงสงสัย

เพราะเมื่อโจวมี่เข้าห้องไป เหอหรงหรงก็เอาเงินออกมายื่นให้เหอเสี่ยวหงพร้อมกับตั๋วคูปองปึกใหญ่

“นี่คือเงิดชดเชยที่บาดเจ็บของสามีฉันเอง ทางนู้นส่งมาให้ในวันที่เราแยกบ้านกันพอดีแต่ฉันไม่ได้เอาออกมา” เหอหรงหรงบอก

“แต่นี่ของพี่ชายใหญ่นะคะ มันก็เป็นของบ้านใหญ่ก็ถูกแล้ว” เหอเสี่ยวหงตอบ

“เอาไปเถอะ! ถ้าไม่มีเธอเราก็ไม่ได้แยกบ้าน!” เหอหรงหรงยัดเงินและตั๋วคูปองใส่มือน้องสาวที่พ่วงตำแหน่งน้องสะใภ้

เพราะฉะนั้นเหอเสี่ยวหงจึงได้เงินเพิ่มมา บวกเงินตอนแยกบ้านและเงินเก็บที่มี เหอเสี่ยวหงก็พบว่าเธอมีเงินมากกว่าสองพันหยวน!! ไหนจะมีคูปองปึกใหญ่อีก

“ถ้าโรงเรียนในตำบลเปิด ฉันจะส่งลูกสาวเข้าเรียน!” เหอเสี่ยวหงพูดต่อ

เพราะตอนนี้โรงเรียนปิดให้เด็ก ๆ ไปช่วยผู้ปกครองเก็บเกี่ยวผลผลิตอยู่จึงจำเป็นต้องปิดโรงเรียน

ในตำบลจะมีโรงเรียนประถมของหน่วยผลิตอยู่แห่งหนึ่ง ค่าเรียนปีละ 10 หยวน เรียน 5 ปี! ไม่รวมค่าอื่นๆอย่างน้อยก็ต้องมี 50 หยวน!! ทำให้ไม่มีใครอยากส่งลูกหลานเรียน หากส่งเรียนแล้วคนในครอบครัวต้องอดจะส่งไปเรียนทำไม?

แต่ก็สามารถสอบเทียบระดับได้หากทั่นใจว่าจะผ่านเพราะจะได้ประหยัดค่าเล่าเรียนด้วย

ประถมเรียน 5 ปี มัธยมต้นและมัธยมปลายเรียนชั้นละ 2 ปี!

เพราะในตอนที่พ่อโจวยังมีชีวิตอยู่ ถึงนางหลี่ซือไม่มีอำนาจมากแต่นางก็กลัวลูกชายนางไม่มีเงินใช้ จึงบอกพ่อโจวว่าเงินไม่พอที่จะส่งหลานสาวเรียนทั้งหมดเพราะโจวกว่างเรียนอยู่ ถึงพอโจวจะรักลูกเท่าๆกันแต่แน่นอนว่าลูกชายกับหลานสาวพ่อโจวเลือกลูกชาย

ถึงแม้พวกนางยืนยันจะส่งลูกสาวเข้าเรียนเหมือนพวกนางก็ไม่สามารถทำได้ ในเวลานั้นเป็นช่วงที่พ่อโจวล้มป่วยด้วย นางหลี่ซือจึงมีข้ออ้างมากขึ้น

ลูกสาวของเธอจึงได้เรียนแค่ที่เธอสอนและในเวลาที่จะนอนแล้วเท่านั้น เพราะเวลาอื่นต้องทำงาน!

“พอดีเลย! ฉันก็จะส่งต้านีกับซือนีของฉันไปเรียนด้วย!!” เหอหรงหรงตาลุกวาว

พวกเธอเป็นคนบ้านเหอ แน่นอนว่าพวกเธอได้เรียนในระดับมัธยม! แต่มีเพียงเหอเสี่ยวหงจบในระดับมัธยมปลาย ส่วนเหอหรงหรงนั้นเรียนจบแค่มัธยมต้นเพราะถึงแม้บ้านเหอจะมีเงิน แต่เหอหรงหรงรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถเท่าเหอเสี่ยวหง จึงเรียนจบแค่มัธยมต้นเท่านั้น

“ฉันจะให้เอ้อร์นีกับซานนีไปเรียนก่อน แล้วปีหน้าค่อยส่งอู๋นีไปด้วย” เหอเสี่ยวหงบอก

“ใช่ อู๋นียังเด็ก” เหอหรงหรงพยักหน้า

“ต้องถามโจวมี่ด้วยจะให้เสี่ยวจวี่เข้าเรียนไหม” เหอหรงหรงพูดต่อ

“ใช่” เหอเสี่ยวหงเห็นด้วย

“ฉันว่าจะไปอำเภอน่ะค่ะ พี่จะฝากซื้ออะไรไหม” เหอเสี่ยวหงถามต่อ

“ไม่จ้ะ” เหอหรงหรงปฏิเสธ

“ฉันฝากลูกฉันด้วยนะคะ”

“ได้” เหอหรงหรงพยักหน้าตอบ

เพราะในวันนี้เหอเสี่ยวหงจะไปซื้อพวกของมาไว้กินกับลูก ๆ หากเธอเอาของออกมาโดยที่ไม่มีที่มาจะมีคนสงสัยเอาได้ และเธอก็จะไปหาดูลู่ทางทำเงินสักหน่อย

ของที่ได้มาตอนแยกบ้านมันไม่ได้ลดลงมากเพราะโจวเอ้อร์หงหรือที่เธอเรียกว่าเอ้อร์นี

นั้นเวลาที่ต้องมาช่วยทำอาหารต้องใช้น้อยที่สุด จึงไม่กล้าใช้ทำอาหารเยอะ

คิดว่าจะเอาพวกเนื้อออกไปขายสัก 2-3 ชั่งอย่างน้อยก็น่าจะได้สัก 3-4 หยวน ถึงแม้จะน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีรายได้เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าโจวเหวินหลงเป็นอย่างไรบ้าง

ตั้งแต่ที่โจวเหวินหลงย้ายไปทำงานที่อื่นชั่วคราวหลังพ่อโจวเสียชีวิตก็จะ 2 เดือนแล้ว

พอบอกสะใภ้ใหญ่ว่าจะเข้าอำเภอ เหอเสี่ยวหงก็ไปยืมรถจักรยานกับโจวมี่ แล้วออกไปอาบน้ำที่บ่อข้างบ้าน

หลังจากอาบน้ำเสร็จเหอเสี่ยวหงก็แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกางเกงยีนสีดำที่โจวเหวินหลงเคยซื้อให้ เมื่อกำลังจะออกจากห้องจึงหันไปบอกลูกสาวคนโต

“เอ้อร์นีจ๊ะ แม่จะไปข้างนอก หนูดูแลน้องด้วยนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว

“ได้ค่ะ!” โจวเอ้อร์นีรับคำ

“ฉันไปแล้วนะคะ!!”

หลังจากออกจากห้องก็หันไปตะโกนบอกเหอหรงหรงที่อยู่ในห้อง จากนั้นก็ออกมาหน้าบ้านแต่ก็ได้ยินเหอหรงพูดตามหลังมาแต่ก็ไม่รู้ว่าบอกอะไร

เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานพ่วงข้างที่มีตะกร้า 2-3 อันอยู่ผ่านหมู่บ้านและผ่านแปลงนาเพราะถึงไม่อยากขี่ผ่านทางนี้ก็คงไม่ได้เพราะมันมีทางเดียว

ระหว่างทางเหอเสี่ยวหงที่ค่อย ๆ ปั่นในช่วงเวลาสายของวันจึงเห็นคนทำงานในแปลงนา

‘สะใภ้บ้านรองโจวจะไปไหนนั่น’ ชาวบ้านที่กำลังถอนวัชพืชกลุ่มหนึ่งพูดคุยกัน

‘เหอะ! คงจะไปใช้เงินน่ะสิ! หล่อนขอแยกบ้านแล้วเอาเงินไปหลายร้อยหยวน!’

 จางซือสะใภ้รองบ้านจางที่อยู่ข้างบ้านโจวเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลน

นางเป็นคนนอกหมู่บ้านที่แต่งเข้าบ้านจางก่อนที่เหอเสี่ยวหงแต่งเข้าบ้านโจวไม่กี่วัน! แต่เหอเสี่ยวหงกลับมีลูกก่อนนางเป็นปี นางถูกแม่สามีด่าว่าไร้ความสามารถเป็นปี!

 ในขณะที่เหอเสี่ยวหงแม่สามีไม่กล้าด่าที่มีลูกเป็นผู้หญิงเพราะสามีของเหอเสี่ยวหงเป็นพนักงานที่มีเงินเดือน! นางที่แต่งเข้าบ้านจาง 2 ปี กลับคลอดลูกสาวออกมาให้แม่สามีด่าหนักกว่าเดิม!

‘โอ้ ทำไมเจ้ารู้’ ชาวบ้านที่ทำงานด้วยกันอุทาน

‘ทำไมจะไม่รู้? วันนั้นฉันหยุดงานแล้วได้ยินเลขาธิการหม่าพูด!’ วันนั้นหล่อนเป็นลมจึงต้องกลับไปพักที่บ้าน

‘โอ้! สามีไม่อยู่แทนที่จะกตัญูญูต่อแม่ของสามี!’ ชาวบ้านอีกคนว่า

‘ใช่’ หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

เสียงที่ชาวบ้านนินทาเหอเสี่ยวหงนั้นไม่เบาเพราะแต่ละคนถึงจะทำงานบริเวณเดียวกันแต่ก็ห่างกันอยู่ไม่น้อยจึงต้องพูดคุยกันเสียงดัง แต่เหอเสี่ยวหงทำเป็นไม่ได้ยิน

ในยุคนี้หากแยกบ้านนั้น พ่อกับแม่ต้องเสียชีวิตเท่านั้น เพราะถ้าแยกบ้านตอนพ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่จะเป็นการอกตัญญู!

แต่เหอเสี่ยวหงไม่สนใจ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะนางหลี่ซือไม่ใช่แม่ของสามีเธอ!

สองข้างทางจากหมู่บ้านโจวไปตำบลถ้าเดินใช้เวลาครึ่งชั่วโมงหากใช้รถจักรยานไม่ถึง 20 นาที แต่ถ้าไปอำเภอเดินใช้เวลา 2 ชั่วโมง มีจักรยานอย่างเร็วสุด 1 ชั่วโมง!

ในใจของเหอเสี่ยวหงนั้นอยากจะย้ายเข้ามาอยู่ในอำเภอเลย เพราะมันมีความสะดวกสบายมากกว่าอยู่หมู่บ้านยากจนอย่างหมู่บ้านโจว

 แต่ก็นั่นแหละถ้าออกมาโดยที่มีแค่เธอและลูกจะถูกสงสัยเรื่องเงินทันที เพราะเธอคิดที่จะขายของเก็งกำไร!

เมื่อปั่นมาได้ครึ่งทางเหอเสี่ยวหงก็จอดพักเพราะเธอเหนื่อยและไม่อยากฝืนร่างกายเกินไป  พอหายเหนื่อยก็ปั่นต่อและเป็นแบบนี้มาตลอดทาง กว่าจะถึงอำเภอก็ใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง!

อันดับแรกที่เหอเสี่ยวหงไปนั่นก็คือตลาดมืด! เมื่อก่อนเหอเสี่ยวหงไม่เคยมาเลยเพราะอย่างที่รู้ ๆ ว่าตลาดมือคืออะไร

และแน่นอนว่าถ้าไม่เคยมาย่อมไม่รู้รหัส เหอเสี่ยวหงจึงจ่ายเงินติดสินบนผู้คุมทางเข้าไป 1 เหมา

ภายในตลาดมืดนั้นคนคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เสียงกลับไม่ดังแต่ก็ไม่เบา

 เหอเสี่ยวหงที่ใส่ผ้าคลุมหัวแล้วเก็บจักรยานเข้ามิติจากนั้นหยิบสบู่กลิ่นผลไม้รวมของตระกูลเบอร์รี่ออกมา 10 ก้อนและไข่ไก่ 1 แผง จากที่ตอนแรกจะเอาหมูมาขาย

“คุณป้ามองหาอะไรคะ? ให้ฉันช่วยหาไหม” เหอเสี่ยวหงรีบตรงไปที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่เหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่แล้วเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา

“ฉันมองหาไข่ไก่นะจ้ะ พอดีที่บ้านหลานสาวฉันหล่อนชอบกินมาก แต่วันนี้มันหมดฉันเลยมาซื้อแต่หาไม่เจอเลย”

 คุณป้าที่เหอเสี่ยวหงเรียกนั้นที่บ้านมีลูกชายเป็นทหารและมีหลานสาวคนเดียวหล่อนจึงเลี้ยงหลานอย่างดีด้วยไข่ไก่ที่อย่างน้อยก็ต้องได้กินวันละ 2 ฟอง! แต่วันนี้ร้านที่ซื้อประจำกลับไม่มา

“คุณป้าคะ! พอดีฉันมีของนะคะ” เหอเสี่ยวหงรีบบอก

“โอ้! เธอมีจริงๆเหรอ!” คุณป้าอุทาน

“ใช่ค่ะ ฉันมีอยู่ 6 ชั่ง นี่ค่ะ ดูได้เลย” เหอเสี่ยวหงเปิดตะกร้าที่ใช้ผ้าปิดไว้ออกและข้างในมันมีไข่แผง 1 และสบู่ที่ซีลใซ่ถุงใส่อยู่อีกทาง

“โอ้! เธอมีไข่ไก่ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ! ฉันเอาทั้งหมด!” คุณป้าอุทานตกใจอีกรอบที่เห็นไข่ไก่

ไข่ไก่ใน ปี2022 มีขนาดใหญ่กว่าไข่ไก่ใน ปี1960 ไข่ไก่ใน ปี1960 2 ฟอง ค่อยมีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ใน ปี2022

“แต่ไข่ไก่ของฉันมีราคามากกว่าปกตินะคะ!” เหอเสี่ยวหงรีบบอกเพราะเดี๋ยวจะหาว่าเธอโกง

“แล้วเท่าไรละจ๊ะ” คุณป้าถาม

“ 6 ชั่ง 1 หยวนค่ะ” เหอเสี่ยวหงที่คิดราคาในใจแล้วตอบคุณป้า

“แพงจัง! 8 เหมา 5 เฟิน ได้ไหม” คุณป้าที่ตอนแรกคิดว่าราคามันจะเป็นราคาที่ขายในตลาดมืดก็ต่อรองราคากับเหอเสี่ยวหง

“คุณป้าดูไข่ของฉันซิคะ! ถ้าผัด 3 ฟองก็กินได้ทั้งครอบครัว ไม่ต้องใช้คูปอง ปกติไข่ไก่ชั่งละ 1 เหมา แต่นี่ที่ไหนคะ? ไม่ต้องใช้คูปอง ไข่ไก่ก็ฟองใหญ่ ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปแล้ว” เหอเสี่ยวหงเดินออก

เรื่องอะไรที่เธอจะลดราคาล่ะ! ถ้าซื้อในสหกรณ์ต้องใช้คูปอง 3 ใบ กับเงินอีก 6 เหมา! ถ้าซื้อในตลาดมืดราคาจะอยู่ที่ 1 เหมา 2 เฟิน ถึง 1 เหมา 4 เฟิน หรือบางทีถ้าใช้คูปองด้วยอาจได้ราคาถูกกว่า

“เดี๋ยวจ้ะ! ฉันจะเอาทั้งหมดเลย!”

เหอเสี่ยวหงยกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่6 นำของไปบำรุงลูกสาว

    หลังจากที่เหอเสี่ยวหงขายไข่ไก่ให้คุณป้าคนนั้นแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยังขายสบู่ในราคาก้อนละ 3 หยวน และเอาผลไม้อย่างอื่นออกมาขายอีกเล็กน้อยก็ได้เงินทั้งหมด 51 หยวน 8 เฟิน! เป็นเงินเดือนสามีของเธอเกือบ 2 เดือน!แม้นิยายในปี2022 ที่เหอเสี่ยวเคยอ่านหลาย ๆ เรื่องจะเห็นว่ามาขายครั้งหนึ่งได้เป็นร้อย ๆ หยวนก็ตาม แต่นี่คือชีวิตจริง! หากเธอจะขายของได้เป็นร้อย ๆ หยวนคงต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง! เพราะแค่นี้เธอก็ขายของ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ และเธอคงจะฝืนร่างกายเหนื่อยอยู่หรอก! กว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านอีก!เมื่อขายของเสร็จแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอและเข้าไปดูของข้างใน แต่เพราะมันเป็นช่วงปลายเดือน ของจึงยังไม่มาเติม และหากของมาเติม ไม่ถึงวันก็ไม่น่าพอเพราะของน้อยมาก ตอนนี้ของน้อยชนิดที่ว่าเหลืออันละไม่เกิน 3 ชิ้น!‘แบบนี้ฉันจะเอาอะไรกลับไปให้บ้านใหญ่กับโจวมี่เล่า’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ ที่เธอจะไม่เอาของในมิติให้ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองสงสัยว่าเอาของมาจากไหนในเวลาที่ของหายากแบบนี้ ‘งั้นเอาแอปเปิลให้สัก 2 ลูกก็ได้’ เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจ เหอเสี่ยวหงที่ขี่จักรยานออกจากห้างสรรพ

    Last Updated : 2025-02-16
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่7 แบ่งของ

    “มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เหอเสี่ยวหงหันไปมองตามเสียงก็เห็นสะใภ้ใหญ่เดินออกมา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตอย่างโจวต้าหงหรือโจวต้านีวัย 9 ขวบที่จับมือน้องสาวคนรองอย่างโจวซือหงหรือโจวซือนีเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ออกมาด้วยส่วนลูกสาวคนเล็กวัยสามขวบของบ้านใหญ่อย่างโจวมู่หงหรือโจวมู่นีนั้นเหอเสี่ยวหงไม่เห็น อาจจะยังนอนอยู่ก็ได้“พี่สะใภ้มาพอดีเลยช่วยฉันขนของหน่อยค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ!/หนูช่วยค่ะ!”เป็นโจวต้านีกับโจซือนีบอกพร้อมกับเดินมาช่วยทุกคนขนของเข้าไปในบ้าน เพราะคนบังคับเกวียนวัวเป็นผู้ชาย เหอเสี่ยวหงจึงไม่ได้ให้เขาเอาเกวียนเข้าไปในบ้านส่วนเหอเสี่ยวหงนั้นเมื่อทุกคนขนของเข้าไปข้างในทั้งหมดและอาศัยช่วงเงลาที่คนบังคับเกวียนนั่งพักเอาแรง ก็นำผ้านวมที่พับซีลใส่ถุงสูญกาศออกมาแล้วทำเป็นหยิบจากเกวียนเข้าไปในบ้าน“โอ้! สะใภ้รอง เธอได้ผ้านวมมาจากไหนน่ะ! ผืนใหญ่มาก” สะใภ้ใหญ่อุทานตาโตตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกันยายนแน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นฤดูหนาว ที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาตอนนี้ทั้ง ๆ ยังไม่ถึงฤดูที่ต้องใช้ก็เพราะมันยังหาง่ายอยู่ยังไงล่ะ!หากเข้าสู่ช่วงหนาวแล้วทุกบ้า

    Last Updated : 2025-02-16
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่8 บำรุงลูกสาว

    หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงได้กินแผ่นแป้งเย็นที่ลูกสาวเหลือไว้ให้สองแผ่นพาลูกสาวทั้งสี่คนไปอาบน้ำแล้วไล่เข้าห้องไป รวมถึงโจวลิ่วนีที่เธอให้ เด็กๆอยู่ด้วยกันก่อน จุดเทียนไว้ 3 เล่ม แล้วบอกให้เด็กๆระวังเปลวไฟจากนั้นจึงมาจุดเตาไฟที่มีฟืนและถ่านยังแดงร้อนอยู่เล็กน้อย ใส่ฟืนและพัดให้ไฟลุกจะได้ทำอาหารไว้กินพรุ่งนี้เช้า เหอเสี่ยวหงนำรากผักชีในมิติออกมาผัดใส่พริกไทยในน้ำมันเล็กน้อยผัดให้เครื่องหอมแล้วเทน้ำใส่ไปเกือบเต็มหม้อ ใส่ผงปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว คนให้ละลายจากนั้นนำกระดูกหมูที่มีเนื้อติดใส่ลงไป 2 ชั่ง แล้วปิดฝาไว้ทิ้งไว้ เนื่องจากมันมีถ่านจากการปิ้งแผ่นแป้งอยู่แล้วบวกกับใส่ฟืนลงไป คืนนี้จึงไม่ต้องลุกมาใส่ฟืนอีกพรุ่งนี้เหอเสี่ยวหงจะใส่อย่างอื่นเพิ่มแล้วก็จะหุงข้าวกินกับน้ำซุปกระดูกหมูที่ได้ต้มไปหันไปอีกเตาที่ยังไม่ได้จุดไฟ เหอเสี่ยวหงได้ย้ายไฟจากอีกเตามาใส่และใส่เชื้อเพลิงลงไปทำให้ไฟลุกขึ้น หยิบหม้อตักน้ำใส่ต้มให้สุก แล้วเหอเสี่ยวหงนำน้ำต้มสุกใส่กระติกน้ำร้อนไว้ พรุ่งนี้เธอจะได้ผสมกับนมให้เด็กๆดื่มถ้าไปต้มพรุ่งนี้เช้า คงจะไม่ทันเพราะมี 2 เตา และ 3 บ้าน กว่าจะทำอาหาร

    Last Updated : 2025-02-16
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 9.1 เข้าป่า

    ป่าทางด้านตะวันออกเป็นป่าที่ชาวบ้านเข้าไปเก็บผักป่าและหาฟืน เหอเสี่ยวหงที่พ่วงลูกสาวมาด้วยสามคนจึงต้องเข้าไปป่าที่ชาวบ้านเข้ามา เพราะเธอไม่สามารถที่จะดูแลลูกสาวคนเดียวได้เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่ชาวบ้านในหมู่บ้านลงแปลงนากันแล้ว ยกเว้นบ้านที่มีแม่ให้กำเนิดลูกที่อยู่ไฟกับคนแก่ชราที่ไม่ได้ลงแปลงนา บางคนอาจอยู่บ้าน บางคนก็จะเข้ามาเก็บฟืน ทำให้เหอเสี่ยวหงเห็นคนเดินเข้าออกไม่กี่คน“พวกหนูเก็บเศษไม้ตรงนี้นะจ๊ะ แม่จะหาฟืนตรงนั้น ถ้ามีอะไรให้ตะโกนเรียกเสียงดัง ๆ นะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงชี้บอกลูกสาวตรงที่เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวว่าจะไปเก็บฟืนไม่ได้ห่างจากตรงที่จะเก็บเศษไม้มากนักแต่เหอเสี่ยวหงก็ห่วงลูกสาว“ได้ค่าาา” เป็นโจวซานนีที่ตอบ“เอ้อร์นีจ๊ะ ดูแลน้องด้วยนะลูก” เหอเสี่ยวหงหันไปหาลูกสาวคนโต“ได้ค่ะ!” โจวเอ้อร์นีรับคำ“แม่วางตะกร้าไว้ตรงนี้ ถ้าเหนื่อยก็พาน้องนั่งนะลูก” เหอเสี่ยวหงพูดต่อเด็กทั้งสามคนจึงพยักหน้ารับทราบคำที่แม่บอก พร้อมทั้งพากันเดินเก็บเศษไม้มาใส่เถาวัลย์ที่หาเจอเมื่อกี้กันเหอเสี่ยวหงมองแล้วจึงเดินไปตรงที่จะเก็บฟืน เธอจะเก็บวันละ 1-2 มัดก็พอ กว่าจะถึงฤดูหนาวฟืนก็น่าจะเยอะแล้ว และรอแปล

    Last Updated : 2025-02-17
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 9.2 เข้าป่า

    เหอเสี่ยวหงถือจานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และขวดเก็บอุณหภูมิไปวางไว้บนหัวเตียงเตา แล้วยืนมองเด็กๆเขียน“อู๋นีจ๊ะ บรรทัดนี้ขีดมากไปจ้ะ” เหอเสี่ยวหงชี้ให้ดูโจวอู๋นีพยักหน้า‘ลิ่วนีขีดเล็กไปจ้ะ’‘ซานนีหนูลืมคำนี้”‘เอ้อร์นีเขียนถูกแล้วจ้ะ แต่ตัวใหญ่เกินไป’‘อู๋นี หนูเขียนสลับกัน’‘ลบตรงนี้ออก’‘เขียนตัวนี้แบบนี้นะ’‘มันมีสามขีดจ้ะ’‘เขียนใหม่เลยจ้ะ หนูเขียนสลับอีกแล้ว’‘ถูกแล้วจ้ะ’เสียงเหอเสี่ยวหงที่ชี้ตรงที่ผิดให้เด็ก ๆ ดูดังต่อเนื่องมาเกือบชั่วโมงแล้ว “พักกันก่อนนะจ๊ะ”เหอเสี่ยงหงบอก เด็ก ๆ จึงวางปากกาลงและปิดหนังสือเอาไว้“ผลไม้ 9 ชนิดนี้มีรสเปรี้ยวอมหวาน กินแค่รองท้องนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงยกจานมาให้“แม่ มันหวานมากค่ะ” โจวเอ้อร์นีตาโต“มันเปรี้ยวมาก!” โจวซือนีหลับตา“อย่ากินลูกเขียวสิ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว“อร่อยไหมจ๊ะ” ก่อนที่จะหันมาป้อนลูกสาวคนเล็กโจวลิ่วนีพยักหน้าแต่ไม่พูดเพราะผลไม้เต็มปากอยู่“แม่จะไปดูหม้อสักหน่อย กินเสร็จแล้วพาน้องไปล้างมือแล้วก็ไปปลดทุกข์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วแม่จะมาสอนต่อ” เหอเสี่ยวหงหันหลังมาบอกก่อนจะออกจากห้องหน่อไม้ที่เหอเสี่ยวหงต้มนั้นจืดแล้ว เมื่อนำลงจากเตาก็

    Last Updated : 2025-02-17
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่10 บัวหิมะ

    ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วและอีกไม่กี่วันที่โจวมี่จะต้องกลับเข้าไปทำงานในอำเภอ หนึ่งอาทิตย์มานี้ ช่วงเช้าทุกคนจะพากันไปเก็บฟืนมาไว้ใช้ ส่วนแปลงผักนั่นกำลังเตรียมดินอยู่จึงต้องพักในส่วนนี้ไปห้องครัวเก่าที่ตอนนี้กลายมาเป็นห้องเก็บฟืนนั้นมีขนาดกว้าง ไม่มีโต๊ะหรือเตียงในห้องจึงทำให้ห้องครัวกว้างมากฟืนที่อยู่ในห้องเก็บฟืนถูกฟันเป็นท่อนวางซ้อนกันจนเต็มไปหมด ระหว่างที่เข้าป่าไปเก็บฟืน เหอเสี่ยวหงยังได้โสมคนอีกหลายร้อยต้น ยังมีเห็ดหลินจืออีกหลายร้อยดอกเช่นเดียวกันเห็ดหลินจือถูกนำไปล้างแล้วผ่าตากแดดเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือเธอเก็บเข้ามิติ โสมคนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่จะล้างแล้วนำไปตากแดดตั้งแต่ขุด ล้าง ผ่า ตากแดด และเก็บเป็นเหอเสี่ยวหงทำเองทั้งหมดไม่ให้ใครช่วยเลยส่วนไก่ป่าทั้งสองตัวเหอเสี่ยวหงเห็นว่ามันออกไข่วันละหลายฟองจึงปล่อยมันไว้และให้อาหารอย่างพวกมะละกอสุกในมิติ ไม่ก็ข้าวขาว ผสมกากผลไม้หรือพวกเปลือกข้าวเด็ก ๆ ก็ยังคงเรียนหนังสือจากเหอเสี่ยวหง ตอนนี้โจวเอ้อร์นีนั้นท่องตัวอักษรได้แล้วแต่ยังเขียนผิดนิดหน่อยส่วนโจวซานนีอ่านและเขียนตัวอักษรได้เก

    Last Updated : 2025-02-17
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่11 อกตัญญู

    เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานมาจอดในที่ลับตาคนก่อนจะเอาผ้านวมออกมา 6 ผืนและหมอนอีก 5 ใบ ผ้าห่มของสะใภ้ใหญ่ 2 ผืน ของโจวมี่ 2 ผืน และของเธออีก 2 ผืน ส่วนหมอนนั้นของเธอและลูก ๆผ้านวมและหมอนถูกซีลในถุงสูญญากาศ จากผืนใหญ่ ๆ ตอนนี้มันหดลงเล็กมากและเมื่อแกะออกมันก็จะอยู่ในสภาพเดิม เหอเสี่ยวหงชอบผ้านวมยี่ห้อนี้มากยังดีที่ของในจักรยานเอาขึ้นเกวียนวัวหมดแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงปั่นจักรยานได้ง่าย และผ้านวมก็ใส่จักรยานได้หมดเหอเสี่ยวหงจึงหยิบเอาบัวหิมะออกมาวางไว้ประมาณ 2 ช่าง เธอจะให้โจวมี่เห็นว่าเธอได้ซื้อมันมาจริง ๆ เวลาจะกินหล่อนจะได้ไม่สงสัยนำพวกธัญพืชออกมาอย่างละชั่งและนำหมูออกมานิดหน่อย ยังมีพวกนมผลและผลไม้อีก เหอเสี่ยวหงตัดสินใจที่จะไม่เอาของออกมาเพิ่ม เธอรีบปั่นจักรยานที่เต็มไปด้วยของกลับสหกรณ์อำเภอทันที ใกล้ถึงตัวสหกรณ์เหอเสี่ยวหงก็เห็นนางหลี่ซือเดินอยู่อาทิตย์นี้นางได้นำธัญพืชมาส่งลูกชายอีกครั้งในที่พักในอำเภอที่พักอยู่ ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมัธยมปลาย เหอเสี่ยวหงอยากจะรู้จริง ๆ ว่าโจวกว่างนั้นเรียนจริงหรือเปล่าเพราะปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่เขาเรียนไม่จ

    Last Updated : 2025-02-17
  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่12 บ้านโจว

    ชาวบ้านหลายคนกำลังเกี่ยวข้าวธัญพืชที่เหลืออีกไม่กี่วันก็จะเสร็จอยู่เกือบห้าสิบคน ข้างหลังคนเก็บเกี่ยวข้าว จะมีคนเกี่ยวกอข้าวและบางคนกำลังเก็บเอารวงข้าวไปตากบนลานข้างบน บางส่วนก็นำไปตากที่หน่วยผลิตข้าง ๆ แปลงนาจะมีพวกธัญพืชอยู่อีกหลายแปลง อย่างถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองหรือถั่วดำก็มีชาวบ้านเกือบยี่สิบคนกำลังเก็บเกี่ยวหมู่บ้านโจวเป็นหมู่บ้านกลาง ๆ ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป มีบ้านมากกว่า 100 หลัง มีคนอาศัยอยู่เกือบพันคน แต่เป็นหน่วยผลิตอันดับหลัง ๆ ของกลุ่มคอมมู เพราะว่าได้ผลผลิตน้อยมากในแต่ละการเก็บเกี่ยว นอกจากจะต้องแบ่งผลผลิตให้กับคนในหน่วยแล้วยังต้องแบ่งให้กองกลางอีกมากกว่าครึ่ง! ทำให้ผลผลิตที่น้อยอยู่แล้วน้อยขึ้นไปอีกพอถึงเวลาแบ่งธัญพืชนอกจากจะไม่เพียงพอต่อแต่ละบ้านแล้วยังไม่เหลือให้ซื้ออีก แต่ปีนี้ต่างออกไป เห็นว่าผลผลิตของปีนี้ได้มากกว่าปีที่แล้วหลายสิบเท่า‘โอ้! จักรยาน! สะใภ้รองบ้านโจวมีจักรยาน!’‘โอ๊ย จับทีฉันจะเป็นลม!’‘หล่อนได้จักรยานมาจากใคร’‘ใช่ ๆ&rs

    Last Updated : 2025-02-17

Latest chapter

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 64 คนงาน

    เหอเสี่ยวหงไล่อ่านรายการบนกระดาษที่จดสิ่งจำเป็นที่ต้องซื้อ เธอจะซื้อของมาไว้ใช้ทำกับข้าวระหว่างที่ยังอยู่ที่หมู่บ้าน และของบางส่วนที่จะให้คนงานกินเหอเสี่ยวหงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องการถอนหญ้าออกจากที่ดิน เพราะตอนที่เข้าไปดูนั้นหญ้าสูงมาก ก่อนจะล้อมรั้วไว้จึงอยากให้ถอนหญ้าออกให้หมด ป้องกันสัตว์ที่จะเข้ามาอยู่อาศัยได้ไม่น้อยก็มาก“เดี๋ยวก่อนจะออกไปซื้อของ เราไปหาเลขาธิการหม่าก่อนนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอก“หือ?”“ก็ให้เลขาธิการหม่าหาคนงานให้เราไงคะ” เหอเสี่ยวงหงตอบสามี“ได้”เพราะไม่รู้ว่าถ้าหาเองพวกเธอจะได้คนงานหรือเปล่า เห็นหลายคนเข้าแปลงนาของตัวเองกันหมด อีกอย่างค่าแรงคนงานเท่าไรก็ไม่รู้ สู้ให้เลขาธิการหม่าหาให้จบ ๆ เพราะยังไงเขาคงไม่เอาคนงานที่ทำงานไม่ได้มาให้พวกเธอหรอก“งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะ”เหอเสี่ยวหงล็อกบ้านก่อนจะเอารถยนต์ออกมาจากมิติ ตั้งแต่ที่มาถึงหมู่บ้านมันก็ถูกเก็บใส่มิติไว้ ถ้าไม่ออกไปซื้อของมันก็ไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอกแน่ ๆโจวเหวินหลงขับรถไปที่บ้านเลขาธิการหมู่บ้านตามที่ภรรยาบอก เอ่ยสิ่งที่ต้องการไปไม่กี่คำอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้แล้ว เหอเสี่ยวหงรออยู่บนรถ โจวเหวินหลงลงไปบอก

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 63 ซื้อที่เพิ่ม

    เหอเสี่ยวหงมองชาวบ้านถกเถียงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยของลูกสาวตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อไม่นานมานี้ยังต่อว่าเธอกับสามีเรื่องขายลูกสาวกินอยู่เลย“ไป ๆ จะไปไหนก็ไป ฉันจะคุยกับหลานชายฉัน” ย่าโจวเอ่ยไล่ชาวบ้านที่เข้ามามุงหลายสิบคน‘แต่โจวเหวินหลงก็เป็นหลานชายของพวกเรานะคะแม่’‘นั่นสิ นาน ๆ เขากลับมาบ้านพวกเราก็อยากจะถามไถ่’‘ใช่ ๆ’‘อีกอย่างมหาวิทยาลัยอะไรที่หลานสาวเข้า พวกเราก็ยังไม่รู้เลย’‘เข้าจริงหรือเปล่า’'ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย''ใช่'‘ใช่ จะไล่พวกเราไปไม่ได้นะ’และทุกคนยังปฏิเสธที่จะจากไป ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องด้วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องกันทั้งนั้น“จะไปไหนก็ไป” ย่าโจวเอ่ยอีกรอบชาวบ้านที่มามุงมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับย่าโจวเพราะนางมีลูกหลานเยอะ อีกอย่างในหมู่บ้านโจว สกุลโจวก็ใหญ่ที่สุด แทบจะหมดหมู่บ้านอยู่แล้วหากมีปัญหากับย่าโจวก็เท่ากับมีปัญหากับทั้งสกุลโจว ย่าโจวในตอนนี้นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดในสกุล ‘ไปก็ได้จ้ะ’‘ฉันไปแล้ว’‘ไป ๆ’‘ฉันลืมว่าหุงข้าวไว้ คงจะต้องกลับไปดู’‘น้ำคงจะเต็มนาแล้ว’‘ใช่’‘ใคร

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 62 ขายลูกสาว

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงที่นอนพักอยู่ในบ้านก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะมีคนมาเรียกเสียงดัง เหอเสี่ยวหงมองหน้าสามีก่อนจะดูนาฬิกาที่เอาติดมาด้วย พบว่าตอนนี้ประมาณสี่โมงเย็น และหากมองออกไปข้างนอกก็ยังมีแสงส่องเข้ามา“เดี๋ยวผมออกไปดูก่อน” โจวเหวินหลงบอกเหอเสี่ยวหงพยักหน้าลุกขึ้นมาแต่งตัว เพราะชุดที่ใส่ในตอนนี้ไม่ได้เรียบร้อย หากออกไปคนอาจจะมองไม่ดี‘เปิดบ้านหน่อยสิ’‘ฉันมาถามข่าวหลานชาย’‘เห็นขับรถคันใหญ่ คงจะรวยสินะ !’‘ใช่ หลายคนเห็นนายขับรถยนต์มา’‘ฉันอยากดูรถ’‘ขอเข้าไปดูรถหน่อย‘ทำไมไม่เปิดล่ะ’‘ใช่ ๆ’‘น้องชายแกอยากคุยด้วย!’‘หลานชายมาทั้งทีเราก็อยากมาถาม’‘ใช่แล้ว’‘ให้อาเข้าไปหน่อย’‘เปิดสิ’‘เอ๊ะ!’ระหว่างที่เหอเสี่ยวหงเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างเพราะจำเสียงไม่ได้ อีกอย่างอีกฝ่ายก็ไม่ได้สำคัญให้เธอจดจำ และใส่ใจ“มีอะไร”เหอเสี่ยวหงออกมาดูหน้าบ้านเพราะยังได้ยินเสียงโต้ตอบกันอยู่ โจวเหวินหลงก็ยืนอยู่แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่มาเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น“สะใภ้รอง!” ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งเรียกเธอ“ใครน่ะ” เหอเสี

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 61 บ้านเกิด

    ระหว่างที่ต้องรอเครื่องนอน เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงก็นั่งพักคุยกัน จริง ๆ ทั้งสองคนปรึกษากันว่าจะออกไปเดินดูข้างนอกว่ามีอะไรบ้าง แต่ก็จะรอเครื่องนอนมาส่งก่อน เพราะถ้าเกิดเอามาส่งในตอนที่ไม่อยู่จะได้ไม่ต้องไปเอาเองเพราะไม่มีของอะไรมาเลยยกเว้นใบชากับขนมของเด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงคิดที่จะหาของไปฝากที่บ้านฝั่งสามี แม้จะต้องเสียเงินมากพอสมควรก็ตาม เพราะบ้านฝั่งสามีมีมากกว่าสิบบ้าน และหากว่าไม่มีอะไรไปฝากเลย โจวเหวินหลงก็จะถูกมองไม่ดี แม้เหอเสี่ยวหงจะเคยไปในอนาคต ที่แม้จะเคารพแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาของมาฝาก แต่มารยาทก็สำคัญเช่นกันพวกเธอจากหมู่บ้านโจวไปหลายสิบปี หากจะให้มือเปล่ากลับบ้านคงจะถูกคนมอง และเหอเสี่ยวหงก็ยังไว้หน้าบ้านฝั่งสามีด้วยประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็มีพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจห้องมาให้ เวลาจะออกไปไหนจะได้ล็อกห้องไว้ และถ้าจะคืนห้องต้องเอากุญแจไปคืนเหอเสี่ยวยืนฟังข้อห้ามของทางห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง หลังพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจมาให้ จริง ๆ มันต้องจ่ายมัดจำค่ากุญแจไว้สองหยวนด้วยเผื่อไม่เอามาคืน แต่เพราะต้องรอเครื่องนอนอยู่นานจึงได้มาฟรี และเหอเสี่ยวหงก็คิดว่ามันดีมาก“งั้นเราออ

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 60 กลับบ้านเกิด

    ระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายมาที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงไม่ค่อยกลับไปที่บ้านเกิดเลย และมีเพียงโจวเหวินหลงเท่านั้นที่กลับไปบ่อย เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเดินทางหลายวันเพื่อกลับไปอยู่ที่นู่น ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปทำไมในเมื่อลูกสาวก็อยู่ที่นี่ แต่เพราะเธอจากบ้านมาหลายปีแล้ว ลูกสาวก็แยกย้ายกันไปเรียน ที่ร้านก็ยังมีพนักงานดูแล หากกลับไปดูบ้านไม่กี่วันคงจะไม่เป็นไรหลังจากหลายวันก่อนที่เหอเสี่ยวหงไปหาหลานสาวเธอจึงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย เพราะการเดินทางไปหลายวันทำให้เขาห่วงร้าน แต่เหอเสี่ยวหงก็หาวิธีมาตะล่อมให้เขาพากลับบ้านเกิดจนได้โดยการกลับบ้านในครั้งนี้โจวเหวินหลงขับรถเอง ไม่ขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้งที่กลับไปหาน้องสาว เพราะครั้งนี้มีคนเป็นภรรยาไปด้วยเขาจึงกลัวเธอเหนื่อย เหอเสี่ยวหงบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเหอแล้ว และทุกคนอยากไปด้วย แต่เพราะอาสามกับอาสี่นั้นกำลังยุ่ง ๆ เรื่องที่จะลาออกจากกองทัพจึงไปไม่ได้ ส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นจะต้องไปดูลูกสาวคนโตจึงไปด้วยไม่ได้เพราะฉะนั้นการกลับบ้านเกิดในครั้งนี้ จึงมีเพียงเหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงเท่านั้น เหอเสี่ยวหง

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 59 โจวต้านี

    เหอเสี่ยวหงนั่งคุยกับหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง โจวเหวินหลงก็เดินกลับเข้ามาทักหลานสาวที่นั่งคุยกับคนเป็นภรรยาอยู่“ต้านี”“อารอง” โจวต้านียิ้มเกือบ ๆ สองปีได้แล้วที่หล่อนไม่ได้เจออาชายคนนี้ ในตอนที่หล่อนแต่งออกมานั้นมีเพียงพ่อกับแม่ของหล่อนที่มาส่งที่บ้านสามี ส่วนครอบครัวอารองติดงานและดูแลในส่วนของบ้านรองวันนี้หล่อนกำลังเย็บเสื้อให้ลูกในท้องที่ยังไม่คลอด โดยมีป้าสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อน พอได้ยินจากปากป้าสะใภ้ว่ามีคนเป็นอามาหาหล่อนจึงรีบออกมา“เป็นยังไงบ้าง” โจวเหวินหลงถามหลานสาว“ช่วงนี้หนูหยุดงานน่ะค่ะ เพราะท้องโตแล้ว” หล่อนตอบโจวต้านีเป็นหลานสะใภ้คนเล็กของบ้าน โดยที่ตั้งแต่หล่อนแต่งเข้ามาหล่อนก็ทำงานในห้างสรรพสินค้ามาตลอด เพิ่งจะหยุดอยู่บ้านเมื่อช่วงตั้งครรภ์เข้าเดือนที่หก จริง ๆ แล้วหล่อนต้องทำงานต่ออีกสองเดือน เพราะยังไม่ใกล้คลอดแต่หล่อนกลับลาออกจากงานไปเลยไหน ๆ แล้วครอบครัวของหล่อนก็แยกออกจากบ้านใหญ่แล้ว เพียงแต่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันเฉย ๆ คนอื่นต่อให้ไม่พอใจก็ไม่มีสิทธิ์มาคัดค้าน และสามีของหล่อนก็เห็นด้วย เขาสามารถหาเงินเลี้ยงหล่อนกับลูกได้“อยู่ที่นี่สบายดี

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 58 ก้าวเท้าออกจากบ้าน

    เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวต้องแยกจากกันไกล แต่การแยกกันครั้งนี้ไม่ใช่แยกจากกันไปเลย เพียงแต่แยกย้ายกันมีสังคมใหม่ ๆ ในอนาคตข้างหน้าในตอนที่เข้าเรียนระดับประถม เด็ก ๆ ยังแค่ไปเรียนที่เดียวกัน พักด้วยกัน และในวันหยุดยังกลับมาที่บ้านได้ แต่ในรอบนี้คงจะกลับมาบ่อย ๆ ไม่ได้เพราะต้องไปเรียนต่างถิ่นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยสักคน เพราะแต่ละคนนั้นไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกัน เหอเสี่ยวหงกลัวว่าหากไปส่งคนใดคนหนึ่งที่เหลือก็อาจน้อยใจได้ ถึงแม้สาว ๆ จะไม่พูดก็ตามแต่สำหรับอู๋นีกับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยฉงชิ่ง โจวเหวินหลงขับรถไปส่งเองส่วนเหอเสี่ยวหงก็กำชับทุกคนให้ส่งจดหมายมาที่ร้านหากถึงที่หมายแล้ว และเธอก็ยังเตรียมของให้ลูกสาวหลายอย่าง ผ้านวมที่หนา เสื้อผ้า ยาและของใช้ส่วนตัว พวกของกินจะตามไปที่หลังหากส่งที่อยู่มาให้ เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันจะลำบากเกินไปถ้าเอาไปด้วยในตอนที่ยังไม่ได้ที่พักสำหรับหลาน ๆ เหอเสี่ยวหงเตรียมยาให้ เพราะของอย่างอื่นที่บ้านของหลานคงเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนผ้านวมเหอเสี่ยวหงมีไม่พอให้หลานจึงไม่ได้เอาให้ ยกเว้นเสี่ยวยวี่ที่ได้เหมือนเหล่าลูกสาวของเธอทุกอย่างตอ

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 57 ตัดสินใจ

    เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้กลิ่นสมุนไพร เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นลูกสาวยื่นสมุนไพรมาให้ดม เหอเสี่ยวหงพยุงตัวเองขึ้นโดยที่มีเอ้อร์นีคอยช่วย“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เอ้อร์นีถามเสียงสั่นหลังจากที่น้องสาวคนเล็กของหล่อนอธิบายถึงข้อความในจดหมายตอบรับมหาวิทยาลัยทุกคนก็อึ้งกันทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าลิ่วนีนั้นเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง และมหาวิทยาลัยก็ยังเลือกหล่อน แต่อึ้งได้ไม่นานก็ต้องตกใจเพราะคนเป็นแม่หมดสติไป“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบทั้งที่ยังหน้าซีด“ไปหาหมอกันเถอะค่ะ” ซานนีว่าแม่ของพวกหล่อนหมดสติไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าตกใจผลสอบของลิ่วนี หรือเป็นอะไรถึงได้หมดสติไปนานขนาดนั้น ที่ไม่ได้พาไปหาหมอตั้งแต่แรกเลยก็เพราะรอดูอาการ หากมันไม่หนักมาก อีกอย่างก็ไม่มีรถด้วย“ไม่ต้องหรอก” เหอเสี่ยวหงปฏิเสธ“แต่แม่คะ”“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”“งั้นแม่นอนพักเถอะค่ะ หนูกับน้อง ๆ จะลงไปช่วยคนอื่นข้างล่าง” เอ้อร์นีว่าพลางพยุงคนเป็นแม่ให้นอนลงเหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว เธอได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ลูกสาวคงพากันทำกับข้าวมื้อเย็น ตอนนี้เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่เป็

  • ทะลุมิติกลับมาอยู่ที่เดิมยุค60   บทที่ 56 คะแนนสอบเกาเข่า

    วันนี้เป็นวันที่เหอเสี่ยวหงได้ยินจากโจวเหวินหลงว่าผลคะแนนสอบเกาเข่าจะออก เหอเสี่ยวหงจึงสั่งปิดร้านแต่สำหรับใครที่จองห้องไว้แล้วก็มาได้ปกติ ส่วนขนมไข่ที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าตอนเช้าจนถึงกลางวันสามารถมารับได้เลย ในส่วนของตอนบ่ายถ้าไม่มารับถือว่าสละสิทธิ์ไปรับพรุ่งนี้ ซึ่งเธอแจ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และลูกค้าทุกคนรับทราบกันดีในช่วงเช้าของวันจดหมายแจ้งผลคะแนนสอบเกาเข่าก็มาส่ง และทุกคนก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพราะต้องทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ แม้จะตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งในตอนเช้าทุกคนช่วยกันทำขนมไข่ ตัดให้เท่ากันและบรรจุใส่ถุงรอคนที่สั่งมารับ และจดหมายทั้งหมดเหอเสี่ยวหงเป็นคนเก็บไว้ เพราะเด็ก ๆ ต้องการให้มาส่งไว้ที่นี่ลูกค้าที่เคยมากินประจำในช่วงเช้าต่างชะโงกหน้าเข้ามามอง แต่เพราะมีป้ายติดไว้หน้าร้านว่าปิดร้านจึงไม่มีคนเดินเข้ามา และบางคนถึงกับเดินเข้ามาถามพนักงานที่อยู่หน้าร้านว่าป้ายบอกว่าปิดร้านแต่ทำไมยังมีคนเข้าไปดื่มชาได้ ซึ่งพนักงานก็ตอบตามที่เหอเสี่ยวหงบอกให้ตอบนั้นก็คือ ใครที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าเวลาร้านปิดก็มาได้ปกติ ยกเว้นวันหยุดที่เหอเสี่ยวหงหยุดให้ทุกคน“อีกกี่ชิ้นจ๊ะซานนี” เหอเสี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status