บ้านรองโจว
‘ถุย! นังสะใภ้อกตัญญู ออกมาไปทำงานเดี๋ยวนี้นะ!’ เสียงนางหลี่ซื่อ แม่เลี้ยงของสามีดังขึ้น
‘คุณย่าคะ แม่ฉันเพิ่งแท้งน้อง ให้คุณแม่พักเถอะนะคะ ฮือๆๆ’ เสียงโจวเอ้อร์นีลูกสาวคนโตของเธอร้อง ทำให้เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวทันที
ตุ้บ ตุ้บ
‘คุณแม่! อย่าตีหลานเลยนะคะ ฮือออ สะใภ้รองเพิ่งแท้งลูก คุณแม่อย่าใจร้ายกับหล่อนเลย’
‘หน๊อยย เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!’
‘เกิดอะไรขึ้น!!’
‘น้องสามี!’ ‘โจวมี่!’ ‘คุณอาเล็ก!!’
ภายในห้อง
เสียงวุ่นวายข้างนอกทำให้เหอเสี่ยวหงลืมตาขึ้นมองทันที เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นลูกสาวอีกสามคนซุกตัวอยู่ข้างๆเตียงเตาของเธอ ตรงกันมีลูกสาวของสะใภ้ใหญ่เหอหรงหรงหรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของเธอเอง
เหอเสี่ยวหงยิ้มทันที! หล่อนได้กลับมาหาลูกๆของหล่อนแล้ว! เหอเสี่ยวหงค่อยๆเอามือประกบท้องทันทีที่พยายามลุกขึ้นเพราะหล่อนเพิ่งแท้งลูกจึงทำให้เจ็บท้อง
“ซะ...ซานนี” เหอเสี่ยวหงเอ่ยเรียกลูกสาวคนรองที่กำลังนั่งกอดน้องสาวอีกสองคน
“แม่!” โจวซานนีตะโกนทันทีที่เห็นแม่ของหล่อนตื่น
นอกห้อง
“ลูกสาวสามมาที่นี่มีอะไรหรอจ๊ะ” นางหลี่ซื่อเอ่ยถาม
ที่นางหลี่ซื่อพูดดีกับโจวมี่ก็เพราะหล่อนยังมีประโยชน์ต่อพวกนางยังไงละ!
โจวมี่ทำงานในโรงงานเย็บผ้า เงินเดือนเดือนละ 18 หยวน ส่งมาที่บ้านเดือนละ 3 หยวน บางทีก็จะส่งนม เนื้อหมู ไข่ มาให้ หล่อนจึงพูดดีด้วย
“ฉันหย่ากับสามีแล้วน่ะค่ะ เลยกลับมา”
โจวมี่เอ่ยเสียงเบา เพราะหล่อนก็รู้ว่าแม่เลี้ยงคนใหม่ทำดีกับหล่อนเพราะอะไร แต่เพราะหล่อนไม่มีทางเลือก หล่อนที่เพิ่งหย่ากับสามีจึงได้พาลูกสาวคนโต
ที่อายุ 6 ขวบ และลูกสาวคนเล็กอีกไม่กี่อาทิตย์จะ 2 เดือน กลับบ้านเดิมของหล่อน
ที่จริงแล้วไม่มีใครกล้าหย่าหรอก หากเพราะหล่อนไม่มีลูกชายให้ทางบ้านสามีเพราะแต่งเข้าไป 6-7 ปีแล้ว มีแค่ลูกสาว 2 คน จึงถูกบังคับหย่า เพราะพี่ชายคนโตที่เป็นทหารได้รับบาดเจ็บยังไม่ทันได้กลับมาบ้าน พี่ชายคนรองที่ถูกส่งตัวไปทำงานที่มณฑลอื่นอีก จึงทำให้บ้านหลี่ไม่เกรงกลัวบ้านเดิมของหล่อน
สามีของหล่อนมีความสัมพันธ์ลับๆกับลูกสาวหัวหน้าแผนกของนาง! ทำให้นางไม่มีทางเลือกจึงเซ็นใบหย่า หากนางอยู่ในบ้านหลี่ต่อแล้วถูกไล่ออกจากที่ทำงานมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ!
“อะไรนะ! แล้วแกจะกลับมาทำไม!!” นางหลี่ซือตกใจ
เพราะปกติเวลาลูกสามคนที่สามของสามีกลับบ้านเดิมก็ไม่ค่อยได้เอาอะไรมา และมาแปปเดียวก็กลับไม่ได้พาลูกสาวมาด้วยหล่อนจึงถาม
“แม่ แต่นี้บ้านเดิมฉันนะ” โจวมี่ตอบ
“ไม่ได้!! แกจะไปอยู่ไหนก็ไปเลยนะ! บ้านนี้น้องชายสี่ของแกเป็นเจ้าบ้าน! หลานสาวแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่ป้าหย่ากับสามีแล้วกับบ้านเดิม!!” นางหลี่ซือไม่ยอม
หากพ่อโจวยังอยู่อย่าคิดเลยว่านางหลี่ซือจะมีอำนาจขนาดนี้ในบ้าน!
เดิมทีพ่อโจวเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวโจว พ่อโจวมีลูกชายทั้งหมด 3 คน ลูกสาว 1 คน มีลูกกับภรรยาคนแรก 3 คน คือ
ลูกชายคนโต โจวจือหยวน ปีนี้อายุ 29 ปี เป็นทหาร แต่งงานแล้วมีลูกสาว 3 คน
ลูกชายคนรอง โจวเหวินหลง ปีนี้อายุ 26 ปี เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงงานเย็บผ้าที่โจวมี่ทำงานอยู่ แต่งงานแล้วมีลูกสาว 4 คน
ลูกสาวคนที่สาม ลูกสาวคนเดียวคือโจวมี่ อายุ 23 ปี หล่อนทำงานในโรงงานเย็บผ้าและแต่งออกไปแล้ว 7 ปีก่อน
คนสุดท้ายคือลูกชายของนางหลี่ซือ ชื่อ โจวกว่าง แต่งงานแล้วมี ลูกสาว 1 คน ลูกชาย 2 คน
นางหลี่ซือเป็นลูกสาวของพี่ชายของแม่คุณพ่อโจว หรือก็คือ นางกับสามีเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน!! ตอนสามีอยู่ นางก็มีอำนาจแต่มันไม่เหมือนตอนนี้ แต่ก่อนลูกสะใภ้ทั้งสองไม่ต้องลงแปลงนา มีแต่นางกับสามีที่ต้องลง นางเครียดแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงต้องไปบอกแม่สามีเพราะแม่สามีคิดมาตลอดว่าที่ได้แต่งงานกับพ่อของพ่อโจวก็เพราะพี่ชายของนาง! จึงไม่กล้าขัดใจหลานสาวที่เป็นลูกสะใภ้ในตอนนี้ ทำให้นางไม่ต้องลงแปลงนา
เมื่อสองเดือนก่อนพ่อโจวป่วยและจากไปทำให้ชีวิตของสองสะใภ้และลูกสาวเปลี่ยนไป! เพราะโจวจือหยวนที่บาดเจ็บไม่รู้จะได้กลับมาตอนไหน กับ โจวเหวินหลงที่ถูกย้ายไปทำงานมณฑลอื่นไม่ส่งเงินกลับมา!
จากแผ่นแป้งที่ได้กินวันละ 3-4 แผ่น ตอนนี้ได้กินวันละแผ่น อย่าพูดถึงไข่ที่ได้กินอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ก็ไม่ได้กิน! ต้องลงแปลงนา ซักผ้า ล้างจ้าน ทำอาหารให้นางหลี่ซือกับบ้านสามนั่งกินนอนกิน!
ทำไมสองสะใภ้ไม่ไปบอกย่าโจว? ก็เพราะยิ่งไปบอกยิ่งไม่ได้กินอะไรเลยนะสิ! ย่าโจวตามใจลูกสะใภ้คนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไหนเลยจะฟังหลานสะใภ้ที่เจอกันแค่ช่วงมีเทศกาล!!
ยิ่งบ้านใหญ่ บ้านรอง มีแต่หลานสาวให้ ไหนเลยจะดีกว่าบ้านสามที่มีลูกชายสองคน!!
“ถ้าพี่ชายฉันอยู่ แม่คิดว่าจะเป็นยังไงคะ!” โจวมี่เริ่มมีปากเสียง
ตอนที่พี่ชายอยู่แม่เลี้ยงคนนี้แทบจะอุ้มนางเดินไปไหนมาไหนด้วย พอพี่ชายไม่อยู่กลับไล่นางออกจากบ้าน หลานสาวของหล่อนเพิ่งจะ 2 ขวบ กว่าจะโต จะมีใครจะจำได้อีก เดิมทีหล่อนคิดว่าจะจ้างเลี้ยงลูกหล่อน ตอนนี้หล่อนไม่อยากจ้างเลี้ยงแล้ว!!
“เธอคิดว่าพี่ชายเธอจะกลับมาอยู่เหรอหึ! ลูกเมียอยู่นี่แต่ไม่ส่งเงินมา ให้ฉันเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้ จะให้เลี้ยงแกกับลูกอีกเหรอฝันไปเถอะ!” นางหลี่ซือแค่นหัวเราะ
“ฉันส่งเงินมาให้ทุกเดือนแม่ยังว่าฉันเป็นภาระอีกเหรอ” ถึงแม้หล่อนจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่นางก็เลี้ยงหล่อนมาจนโต ย่อมผูกพันธ์กับนาง
“ใช่! ออกไปเลยนะ!” นางหลี่ซือเริ่มไล่
“งั้นพวกเราแยกบ้านกันเถอะค่ะ!!”
“ฮือออ แม่!!”
“สะใภ้รอง!!”
“พี่สะใภ้!”
เสียงร้องของหลายคนร้องดังขึ้นเพราะเห็นเหอเสี่ยวหงออกมา หล่อนเพิ่งแท้งลูกเมื่อคืนจึงไม่รู้สึกตัว
“หึ คิดว่าฉันอยากเลี้ยงแกมากหรือไง!”
นางหลี่ซือบอกเมื่อเห็นเหอเสี่ยวหงเดินออกจากห้องโดยมีโจวต้านีลูกสาวของบ้านใหญ่และโจวซานนีลูกสาวคนรองของหล่อนประคองหล่อนออกมา ตามหลังมาก็คือลูกสาวบ้านใหญ่และบ้านรองที่เหลือ
“งั้นคุณแม่ก็แยกบ้านเถอะค่ะ เราจะได้ไม่เป็นภาระของคุณแม่ ต้านีไปเรียกเลขาธิการมา!” เหอเสี่ยวหงบอกแม่เลี้ยงก่อนจะหันไปบอกหลานสาว
“ได้ค่ะ!” ต้านีบอกก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป
“เธอจะอกตัญญูกับฉันเหรอ!” นางหลี่ซื่อเริ่มตื่นตระหนก
เธอมองนางหลี่ซืออย่างดูแคลน นางหลี่ซือนั้นหน้าเหมือนคุณแม่เหออย่างกับคนเดียวกัน!!
“ทำไมเหรอคะ สามีฉันไม่ใช่ลูกชายคุณ! ฉันต้องแท้งลูกเพราะทำงานให้พวกคุณ!” เหอเสี่ยวหงพูดเสียงดัง
ในเวลานี้คนอื่นในหน่วยคอมมูไปลงแปลงนาทำให้หมู่บ้านเงียบ เมื่อเหอเสี่ยวหงตะโกน คนบ้านอื่นที่ไม่ได้ลงแปลงนาก็เดินออกมาดูทันที อย่างย่าโจวก็เดินออกมาเช่นกัน!!
“สะใภ้รอง!!” นางหลี่ซือตะคอกกลับ
เพราะอีกไม่กี่วันการเก็บเกี่ยวฤดูนี้จะหมดลงแล้ว นางหลี่ซือกับบ้านสามที่ไม่ไปลงแปลงนาปล่อยให้บ้านใหญ่กับบ้านรองลงแปลงนารอส่วนแบ่งจากทั้งสองบ้านและจะไล่ทั้งสองบ้านออกจากบ้าน!!
หากแยกบ้านตอนนี้พวกหล่อนจะมีอะไรกิน!
“มีอะไรกันอาหลี่ซื่อ” เสียงย่าโจวเอ่ยถาม
“โถ่ คุณแม่คะ ฉันเลี้ยงอาใหญ่ อารอง อาสามมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็หนีหายไปหมด ทิ้งลูกเมียให้ฉันเลี้ยงพวกหล่อนกลับอกตัญญู ฮือออ” นางหลี่ซื่อเริ่มบีบน้ำตา
“พวกฉันจะแยกบ้านผิดตรงไหนคะ! สามีฉันไม่อยู่แล้วฉันจะอยู่ทำไม? ให้ฉันมาลงแปลงนาทำงานเลี้ยงบ้านสามงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!” เหอเสี่ยวหงแค่นยิ้ม
ย่าโจวยังไม่ทันได้อ้าปากด่าหลานสะใภ้ เหอเสี่ยวหงก็พูดแทรกทันที
“นี่มันเวรมันกรรมอะไรของฉัน!!” นางหลี่ซือรีบพูดออกมาเมื่อเห็นแม่สามียังไม่พูดอะไร
“แฮ่ก แฮ่ก มาแล้วค่ะอาสะใภ้รอง” โจวต้านีที่รีบวิ่งไปเรียกเลขาธิการหมู่บ้านจากแปลงนามาก็หอบทันที
“มาแล้วหรอ” เหอเสี่ยวหงยิ้มก่อนจะปรายตามองนางหลี่ซือ
ในเวลานี้ผู้ชายไม่มีใครอยู่บ้านเพราะต้องออกไปลงแปลงนาเก็บแต้ม รวมถึงน้องชายคนเล็กของสามีที่เรียนมัธยมปลายไม่จบสักทีอยู่ในอำเภอ! ส่วนน้องสะใภ้สามและลูกสาวนั้นก็อยู่กับน้องชายสามที่เช่าห้องของญาติสะใภ้สามอยู่
“คุณลุงหม่าคะ บ้านรองต้องการแยกบ้านค่ะ!” เหอเสี่ยวหงรีบบอก
ถึงแม้เธอจะบอกว่าพวกเธอจะแยกบ้านแต่ก็ไม่รู้ว่าเหอหรงหรงจะทำอย่างไรเพราะเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสิน
“บ้านใหญ่ด้วยค่ะ!” เหอหรงหรงรีบบอก
เพราะหล่อนกับน้องสะใภ้รองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน หากเหอเสี่ยวหงไม่อยู่หล่อนจะอยู่ทำไม!
“สะใภ้ใหญ่!!”
ในเวลานี้นางหลี่ซื่อตกตะลึง เพราะพี่ชายใหญ่เป็นทหาร เงินเดือนหนึ่งจึงมาก หล่อนจะปล่อยเงินทิ้งได้อย่างไร!
“สะใภ้ใหญ่โจว สะใภ้รองโจวต้องการแยกบ้านหรอ” เลขาธิการหม่าเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” เหอเสี่ยวหงตอบ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนหนังสือแยกบ้านให้! พวกธัญพืชกับเงินมีเท่าไร” เลขาธิการหม่าว่าก่อนจะก้มลงเขียนหนังสือพร้อมกับถามต่อ
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาออกมาให้ค่ะ!!” เหอเสี่ยวหงบอกก่อนจะเดินเข้าห้องนางหลี่ซือไป
“เธอจะทำอะไร!! เปิดเดี๋ยวนี้นะ!” นางหลี่ซือรีบเดินไปจะเข้าห้อง แต่เหอเสี่ยวหงลงกลอนประตูไว้ก่อน
“เดี๋ยวฉันไปเอาธัญพืชมาเองค่ะ” เหอหรงหรงว่าก่อนจะเข้าครัว
ธัญพืชในครัวนั้นมีไม่เยอะเพราะนางหลี่ซือแยกไว้ในห้องจะเอาไปให้ครอบครัวลูกชาย จึงมีแค่ แป้งสาลี 3 ชั่ง แป้งมันเทศ 3 ชั่ง ถั่วเขียว 3 ชั่ง
ส่วนในห้องของนางหลี่ซือนั้นมี ข้าวขาว 15 ชั่ง แป้งสาลี 9 ชั่ง แป้งมันเทศ 12 ชั่ง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง อย่างละ 18 ชั่ง เงินอีก 2,379 หยวน!!
“หม้อในบ้าน มี 2 หม้อ บ้านใหญ่กับบ้านรองขอเอาไป 1 อันค่ะ! ” เหอเสี่ยวหงที่เรียกลูกสาวและหลานสาวเข้าไปขนของออกมาแล้วก็เข้าครัวไปเอาหม้อที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงปีมา 1 ใบ!
“ต่อจากนี้บ้านใหญ่ บ้านรอง บ้านสามโจวจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน! ยากดีมีจน ทางใครทางมัน ไม่ต้องให้เงินตอบแทน! ข้าวขาวบ้านละ 5 ชั่ง แป้งสาลีบ้านละ 5 ชั่ง ถั่วเขียวบ้านละ 7 ชั่ง ถั่วเหลือง ถั่วแดงบ้านละ 18 ชั่ง!! เงินทั้งหมด 2,379 หยวน ได้บ้านละ 792 หยวน” เลขาธิการหม่าสรุปออกมา
“ไม่... ไม่ให้! ฉันไม่ให้!” นางหลี่ซือร้องออกมา
หล่อนจะเอาของไปให้กับครอบครัวลูกชายในอำเภอ ถ้าให้ของกับพวกสะใภ้พวกนี้ลูกชายหล่อนจะกินอะไร?
หล่อนจึงไม่ยอม หล่อนยังไม่ได้ไปแลกคูปองมาอีกด้วยซ้ำ ถ้าหล่อนให้เงินทั้งหมดไป หล่อนจะอยู่ไดัอีกกี่ปีกัน!
“คุณจะเอาอย่างไรครับ! ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น” เลขาธิการหม่าเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาต้องไปดูแปลงนาอีก
“ฉันกับพี่สะใภ้ใหญ่เซ็นเสร็จแล้วค่ะ” เหอเสี่ยวหงยื่นกระดาษให้เลขาธิการหม่า
“คะ....คุณแม่” นางหลี่ซือรีบเรียกย่าโจว
“อาหลี่ซะ...ซือ” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ย่าโจวก็เจอสายตาของเหอเสี่ยวหงที่ทำให้ต้องหลบสายตา
“คุณโจว..” เลขาธิการหม่า
เมื่อถูกกดดัน นางหลี่ซือจึงทำได้เพียงปั๊มนิ้วลงบนกระดาษเพราะหล่อนไม่รู้หนังสือ
“ผมต้องไปแล้ว หนังสือสัญญามีสี่ฉบับ กับผม บ้านใหญ่ บ้านรอง บ้านสาม คนละฉบับ” พูดเสร็จก็เดินออกไปทันที
“สะใภ้รอง!!” ทันทีที่ย่าโจวเห็นหน้าลูกสะใภ้ที่ซีดเผือกก็หันไปจะจัดการกับเหอเสี่ยวหง
“คุณย่ามีอะไรหรือเปล่าคะ? ถ้าไม่มีฉันจะพาน้องสามีฉัน ไปเก็บของไปอยู่บ้านฉันแล้ว!!” เหอเสี่ยวหงบอก
บ้านที่เธอว่าก็คือบ้านเหอที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน บ้านเหอนั้นตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้วเพราะเมื่อสี่ปีก่อนถูกโจรปล้นฆ่าทั้งบ้าน ยังดีที่เหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงนั้นแต่งออกมาแล้วจึงเหลือเพียงพวกเธอเท่านั้นที่เป็นคนบ้านเหอ
และเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปอยู่กับครอบครัวได้เพราะที่ตรงนั้นเป็นของบ้านเหอ!!
ย่าโจวตะลึง บ้านเหอนั้นเป็นบ้านที่มีฐานะระดับหนึ่ง หลานชายหลานสาวได้ร่ำเรียนทั้งหมดอย่างเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรงนั้นก็เรียนจบมัธยปลาย!!
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านปูน 8 ห้อง มีครัวข้างบ้านและมีบ่อน้ำข้างครัว! ไหนจะพื้นที่ปลูกผักเลี้ยงสัตว์ได้อีกเยอะ! โต๊ะ เตียงเตา ก็มีครบเพราะเหอเสี่ยวหงเคยให้โจวเหวินหลงกับพี่สามีอย่างโจวจือหยวนไปดูแลตลอดทุกเดือน!
แต่ก่อนบ้านรองโจวตอนพ่อสามียังอยู่ก็อยากจะไปอยู่ที่นั้นแต่นางหลี่ซือก็กลัวผีตระกูลเหอหากนางทำอะไรเหอเสี่ยวหงกับเหอหรงหรง!
“ฉันไปแล้วค่ะ!! พี่สะใภ้ใหญ่ไปเก็บของกันเถอะ! เราะจะกลับบ้านเรากัน! เอ้อร์นี ซานนี อู๋นี ลิ่วนี ไปกันเถอะลูก” บอกย่าโจวก่อนจะหันไปบอกเหอหรงหรงและหันมาคุยกับลูกสาว
บ้านเหอ
เหอเสี่ยวหงที่เก็บของเสร็จแล้วก็ขนของมาที่บ้านเหอไม่กี่รอบเพราะไม่มีของมากมายอะไร ก็มาเปิดบ้านก่อนเหอหรงหรง เพราะเหอเสี่ยวหงเห็นหลี่จวี่ หลานสาวคนเล็กวัยเกือบ 2 เดือนของสามีนั้นเริ่มจะร้องไห้เพราะหิวแล้ว
“โจวมี่ เธอพาหลานสาวเข้ามาก่อนเถอะ!” เหอเสี่ยวหงตะโกนเรียกน้องสาวสามีที่อยู่บนรถจักรยานหน้าบ้านให้เข้ามาบ้าน
“ได้ค่ะ!” โจวมี่พาลูกสาวทั้งสองคนเข้ามาในบ้าน
“เธอนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ พี่ชายเธอเป็นคนทำขึ้นมาเลยนะ ฉันทำความสะอาดให้แล้วเดี๋ยวค่อยเข้าห้อง! ” เหอเสี่ยวหงบอก
“ขอบคุณมากค่ะ พี่สะใภ้รอง!” โจวมี่ยิ้ม
ของในบ้านหลังจากเกิดเรื่องหลายอย่างก็ใช้ไม่ได้แล้ว อย่างโต๊ะเหอเสี่ยวหงก็ให้สามีมาเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เตียงเตาก็ก่อขึ้นใหม่ กำแพงห้องในบ้านก็ทำใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าทำใหม่เกือบทั้งหมด! ถ้าถามว่าเอาเงินมาแต่ไหน แน่นอนว่าพวกเธอและสามีย่อมเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งและเข้ากองกลางส่วนหนึ่ง! และวันนี้ก็มาถึง วันที่พวกเธอเป็นอิสระ!
หลังจากแยกบ้านวันนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เหอเสี่ยวหงในตอนนี้ก็กำลังบำรุงร่างกายเพราะเพิ่งแท้งลูกและยืนนานเกินไปตกดึกจึงปวดท้องทำให้ล้มนอนอีกครั้ง‘พี่สะใภ้ใหญ่’‘อ้าว น้องสาวสามตื่นแล้วเหรอ’‘ใช่ค่ะ เสี่ยวจวี่ร้องไห้งอแงน่ะค่ะ’เสียงทักทายของพี่สะใภ้และน้องสาวสามีดังขึ้นข้างนอกห้องของเหอเสี่ยวหงเนื่องจากบ้านหลังนี้มี 8 ห้องนอน เหอเสี่ยวหงเลือกเอา 3 ห้อง เหอหรงหรงก็เลือกเอา 3 ห้อง โจวมี่เลือก 1 ห้อง มันจึงเหลือ 1 ห้อง ทั้งสามจึงตกลงกันว่าจะทำเป็นห้องครัว ส่วนห้องครัวเก่าก็จะทำเป็นห้องเก็บฟืนบ้านหลังนี้อยู่ติดกับคลองน้ำที่ชาวบ้านใช้ แต่บ้านหลังนี้อยู่ต้นน้ำและมีกำแพงอ้อมสูง 2 เมตร ลานหน้าบ้านนั้นมีต้นไม้ต้นใหญ่ 2 ต้น ใต้ต้นไม้จะมีโต๊ะและเก้าอี้อยู่ 2-3 ตัวข้างบ้านด้านขวาจะมีห้องครัวเก่าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้องเก็บฟืน กับมีบ่อน้ำที่มีไม่กี่บ่อในหมู่บ้าน ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นแปลงผักกับเล้าไก่เก่าภายในตัวบ้านจะคล้ายครึ่งวงกลม เมื่อเปิดประตูทางซ้ายจะเป็นห้องครัว ถัดจากห้องครัว 2 ห้อง จะเป็นห้องของเหอหรงหรง ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องตรงข้ามกับประตู ข้างๆกันจะมีอีกห้องที่ยกให้โจวมี่ และทางด้าน
หลังจากที่เหอเสี่ยวหงขายไข่ไก่ให้คุณป้าคนนั้นแล้วเหอเสี่ยวหงก็ยังขายสบู่ในราคาก้อนละ 3 หยวน และเอาผลไม้อย่างอื่นออกมาขายอีกเล็กน้อยก็ได้เงินทั้งหมด 51 หยวน 8 เฟิน! เป็นเงินเดือนสามีของเธอเกือบ 2 เดือน!แม้นิยายในปี2022 ที่เหอเสี่ยวเคยอ่านหลาย ๆ เรื่องจะเห็นว่ามาขายครั้งหนึ่งได้เป็นร้อย ๆ หยวนก็ตาม แต่นี่คือชีวิตจริง! หากเธอจะขายของได้เป็นร้อย ๆ หยวนคงต้องใช้เวลามากกว่า 4 ชั่วโมง! เพราะแค่นี้เธอก็ขายของ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ และเธอคงจะฝืนร่างกายเหนื่อยอยู่หรอก! กว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านอีก!เมื่อขายของเสร็จแล้วเหอเสี่ยวหงก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอและเข้าไปดูของข้างใน แต่เพราะมันเป็นช่วงปลายเดือน ของจึงยังไม่มาเติม และหากของมาเติม ไม่ถึงวันก็ไม่น่าพอเพราะของน้อยมาก ตอนนี้ของน้อยชนิดที่ว่าเหลืออันละไม่เกิน 3 ชิ้น!‘แบบนี้ฉันจะเอาอะไรกลับไปให้บ้านใหญ่กับโจวมี่เล่า’ เหอเสี่ยวหงคิดในใจ ที่เธอจะไม่เอาของในมิติให้ก็เพราะไม่อยากให้ทั้งสองสงสัยว่าเอาของมาจากไหนในเวลาที่ของหายากแบบนี้ ‘งั้นเอาแอปเปิลให้สัก 2 ลูกก็ได้’ เหอเสี่ยวหงตอบตัวเองในใจ เหอเสี่ยวหงที่ขี่จักรยานออกจากห้างสรรพ
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เหอเสี่ยวหงหันไปมองตามเสียงก็เห็นสะใภ้ใหญ่เดินออกมา ตามมาด้วยลูกสาวคนโตอย่างโจวต้าหงหรือโจวต้านีวัย 9 ขวบที่จับมือน้องสาวคนรองอย่างโจวซือหงหรือโจวซือนีเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ออกมาด้วยส่วนลูกสาวคนเล็กวัยสามขวบของบ้านใหญ่อย่างโจวมู่หงหรือโจวมู่นีนั้นเหอเสี่ยวหงไม่เห็น อาจจะยังนอนอยู่ก็ได้“พี่สะใภ้มาพอดีเลยช่วยฉันขนของหน่อยค่ะ” เหอเสี่ยวหงบอก“ได้จ้ะ” สะใภ้ใหญ่ตอบ“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ!/หนูช่วยค่ะ!”เป็นโจวต้านีกับโจซือนีบอกพร้อมกับเดินมาช่วยทุกคนขนของเข้าไปในบ้าน เพราะคนบังคับเกวียนวัวเป็นผู้ชาย เหอเสี่ยวหงจึงไม่ได้ให้เขาเอาเกวียนเข้าไปในบ้านส่วนเหอเสี่ยวหงนั้นเมื่อทุกคนขนของเข้าไปข้างในทั้งหมดและอาศัยช่วงเงลาที่คนบังคับเกวียนนั่งพักเอาแรง ก็นำผ้านวมที่พับซีลใส่ถุงสูญกาศออกมาแล้วทำเป็นหยิบจากเกวียนเข้าไปในบ้าน“โอ้! สะใภ้รอง เธอได้ผ้านวมมาจากไหนน่ะ! ผืนใหญ่มาก” สะใภ้ใหญ่อุทานตาโตตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกันยายนแน่นอนว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นฤดูหนาว ที่เหอเสี่ยวหงเอาออกมาตอนนี้ทั้ง ๆ ยังไม่ถึงฤดูที่ต้องใช้ก็เพราะมันยังหาง่ายอยู่ยังไงล่ะ!หากเข้าสู่ช่วงหนาวแล้วทุกบ้า
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงได้กินแผ่นแป้งเย็นที่ลูกสาวเหลือไว้ให้สองแผ่นพาลูกสาวทั้งสี่คนไปอาบน้ำแล้วไล่เข้าห้องไป รวมถึงโจวลิ่วนีที่เธอให้ เด็กๆอยู่ด้วยกันก่อน จุดเทียนไว้ 3 เล่ม แล้วบอกให้เด็กๆระวังเปลวไฟจากนั้นจึงมาจุดเตาไฟที่มีฟืนและถ่านยังแดงร้อนอยู่เล็กน้อย ใส่ฟืนและพัดให้ไฟลุกจะได้ทำอาหารไว้กินพรุ่งนี้เช้า เหอเสี่ยวหงนำรากผักชีในมิติออกมาผัดใส่พริกไทยในน้ำมันเล็กน้อยผัดให้เครื่องหอมแล้วเทน้ำใส่ไปเกือบเต็มหม้อ ใส่ผงปรุงรส เกลือ ซีอิ๊ว คนให้ละลายจากนั้นนำกระดูกหมูที่มีเนื้อติดใส่ลงไป 2 ชั่ง แล้วปิดฝาไว้ทิ้งไว้ เนื่องจากมันมีถ่านจากการปิ้งแผ่นแป้งอยู่แล้วบวกกับใส่ฟืนลงไป คืนนี้จึงไม่ต้องลุกมาใส่ฟืนอีกพรุ่งนี้เหอเสี่ยวหงจะใส่อย่างอื่นเพิ่มแล้วก็จะหุงข้าวกินกับน้ำซุปกระดูกหมูที่ได้ต้มไปหันไปอีกเตาที่ยังไม่ได้จุดไฟ เหอเสี่ยวหงได้ย้ายไฟจากอีกเตามาใส่และใส่เชื้อเพลิงลงไปทำให้ไฟลุกขึ้น หยิบหม้อตักน้ำใส่ต้มให้สุก แล้วเหอเสี่ยวหงนำน้ำต้มสุกใส่กระติกน้ำร้อนไว้ พรุ่งนี้เธอจะได้ผสมกับนมให้เด็กๆดื่มถ้าไปต้มพรุ่งนี้เช้า คงจะไม่ทันเพราะมี 2 เตา และ 3 บ้าน กว่าจะทำอาหาร
ป่าทางด้านตะวันออกเป็นป่าที่ชาวบ้านเข้าไปเก็บผักป่าและหาฟืน เหอเสี่ยวหงที่พ่วงลูกสาวมาด้วยสามคนจึงต้องเข้าไปป่าที่ชาวบ้านเข้ามา เพราะเธอไม่สามารถที่จะดูแลลูกสาวคนเดียวได้เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่ชาวบ้านในหมู่บ้านลงแปลงนากันแล้ว ยกเว้นบ้านที่มีแม่ให้กำเนิดลูกที่อยู่ไฟกับคนแก่ชราที่ไม่ได้ลงแปลงนา บางคนอาจอยู่บ้าน บางคนก็จะเข้ามาเก็บฟืน ทำให้เหอเสี่ยวหงเห็นคนเดินเข้าออกไม่กี่คน“พวกหนูเก็บเศษไม้ตรงนี้นะจ๊ะ แม่จะหาฟืนตรงนั้น ถ้ามีอะไรให้ตะโกนเรียกเสียงดัง ๆ นะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงชี้บอกลูกสาวตรงที่เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาวว่าจะไปเก็บฟืนไม่ได้ห่างจากตรงที่จะเก็บเศษไม้มากนักแต่เหอเสี่ยวหงก็ห่วงลูกสาว“ได้ค่าาา” เป็นโจวซานนีที่ตอบ“เอ้อร์นีจ๊ะ ดูแลน้องด้วยนะลูก” เหอเสี่ยวหงหันไปหาลูกสาวคนโต“ได้ค่ะ!” โจวเอ้อร์นีรับคำ“แม่วางตะกร้าไว้ตรงนี้ ถ้าเหนื่อยก็พาน้องนั่งนะลูก” เหอเสี่ยวหงพูดต่อเด็กทั้งสามคนจึงพยักหน้ารับทราบคำที่แม่บอก พร้อมทั้งพากันเดินเก็บเศษไม้มาใส่เถาวัลย์ที่หาเจอเมื่อกี้กันเหอเสี่ยวหงมองแล้วจึงเดินไปตรงที่จะเก็บฟืน เธอจะเก็บวันละ 1-2 มัดก็พอ กว่าจะถึงฤดูหนาวฟืนก็น่าจะเยอะแล้ว และรอแปล
เหอเสี่ยวหงถือจานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และขวดเก็บอุณหภูมิไปวางไว้บนหัวเตียงเตา แล้วยืนมองเด็กๆเขียน“อู๋นีจ๊ะ บรรทัดนี้ขีดมากไปจ้ะ” เหอเสี่ยวหงชี้ให้ดูโจวอู๋นีพยักหน้า‘ลิ่วนีขีดเล็กไปจ้ะ’‘ซานนีหนูลืมคำนี้”‘เอ้อร์นีเขียนถูกแล้วจ้ะ แต่ตัวใหญ่เกินไป’‘อู๋นี หนูเขียนสลับกัน’‘ลบตรงนี้ออก’‘เขียนตัวนี้แบบนี้นะ’‘มันมีสามขีดจ้ะ’‘เขียนใหม่เลยจ้ะ หนูเขียนสลับอีกแล้ว’‘ถูกแล้วจ้ะ’เสียงเหอเสี่ยวหงที่ชี้ตรงที่ผิดให้เด็ก ๆ ดูดังต่อเนื่องมาเกือบชั่วโมงแล้ว “พักกันก่อนนะจ๊ะ”เหอเสี่ยงหงบอก เด็ก ๆ จึงวางปากกาลงและปิดหนังสือเอาไว้“ผลไม้ 9 ชนิดนี้มีรสเปรี้ยวอมหวาน กินแค่รองท้องนะจ๊ะ” เหอเสี่ยวหงยกจานมาให้“แม่ มันหวานมากค่ะ” โจวเอ้อร์นีตาโต“มันเปรี้ยวมาก!” โจวซือนีหลับตา“อย่ากินลูกเขียวสิ” เหอเสี่ยวหงบอกลูกสาว“อร่อยไหมจ๊ะ” ก่อนที่จะหันมาป้อนลูกสาวคนเล็กโจวลิ่วนีพยักหน้าแต่ไม่พูดเพราะผลไม้เต็มปากอยู่“แม่จะไปดูหม้อสักหน่อย กินเสร็จแล้วพาน้องไปล้างมือแล้วก็ไปปลดทุกข์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วแม่จะมาสอนต่อ” เหอเสี่ยวหงหันหลังมาบอกก่อนจะออกจากห้องหน่อไม้ที่เหอเสี่ยวหงต้มนั้นจืดแล้ว เมื่อนำลงจากเตาก็
ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วและอีกไม่กี่วันที่โจวมี่จะต้องกลับเข้าไปทำงานในอำเภอ หนึ่งอาทิตย์มานี้ ช่วงเช้าทุกคนจะพากันไปเก็บฟืนมาไว้ใช้ ส่วนแปลงผักนั่นกำลังเตรียมดินอยู่จึงต้องพักในส่วนนี้ไปห้องครัวเก่าที่ตอนนี้กลายมาเป็นห้องเก็บฟืนนั้นมีขนาดกว้าง ไม่มีโต๊ะหรือเตียงในห้องจึงทำให้ห้องครัวกว้างมากฟืนที่อยู่ในห้องเก็บฟืนถูกฟันเป็นท่อนวางซ้อนกันจนเต็มไปหมด ระหว่างที่เข้าป่าไปเก็บฟืน เหอเสี่ยวหงยังได้โสมคนอีกหลายร้อยต้น ยังมีเห็ดหลินจืออีกหลายร้อยดอกเช่นเดียวกันเห็ดหลินจือถูกนำไปล้างแล้วผ่าตากแดดเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือเธอเก็บเข้ามิติ โสมคนก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่จะล้างแล้วนำไปตากแดดตั้งแต่ขุด ล้าง ผ่า ตากแดด และเก็บเป็นเหอเสี่ยวหงทำเองทั้งหมดไม่ให้ใครช่วยเลยส่วนไก่ป่าทั้งสองตัวเหอเสี่ยวหงเห็นว่ามันออกไข่วันละหลายฟองจึงปล่อยมันไว้และให้อาหารอย่างพวกมะละกอสุกในมิติ ไม่ก็ข้าวขาว ผสมกากผลไม้หรือพวกเปลือกข้าวเด็ก ๆ ก็ยังคงเรียนหนังสือจากเหอเสี่ยวหง ตอนนี้โจวเอ้อร์นีนั้นท่องตัวอักษรได้แล้วแต่ยังเขียนผิดนิดหน่อยส่วนโจวซานนีอ่านและเขียนตัวอักษรได้เก
เหอเสี่ยวหงปั่นจักรยานมาจอดในที่ลับตาคนก่อนจะเอาผ้านวมออกมา 6 ผืนและหมอนอีก 5 ใบ ผ้าห่มของสะใภ้ใหญ่ 2 ผืน ของโจวมี่ 2 ผืน และของเธออีก 2 ผืน ส่วนหมอนนั้นของเธอและลูก ๆผ้านวมและหมอนถูกซีลในถุงสูญญากาศ จากผืนใหญ่ ๆ ตอนนี้มันหดลงเล็กมากและเมื่อแกะออกมันก็จะอยู่ในสภาพเดิม เหอเสี่ยวหงชอบผ้านวมยี่ห้อนี้มากยังดีที่ของในจักรยานเอาขึ้นเกวียนวัวหมดแล้ว เหอเสี่ยวหงจึงปั่นจักรยานได้ง่าย และผ้านวมก็ใส่จักรยานได้หมดเหอเสี่ยวหงจึงหยิบเอาบัวหิมะออกมาวางไว้ประมาณ 2 ช่าง เธอจะให้โจวมี่เห็นว่าเธอได้ซื้อมันมาจริง ๆ เวลาจะกินหล่อนจะได้ไม่สงสัยนำพวกธัญพืชออกมาอย่างละชั่งและนำหมูออกมานิดหน่อย ยังมีพวกนมผลและผลไม้อีก เหอเสี่ยวหงตัดสินใจที่จะไม่เอาของออกมาเพิ่ม เธอรีบปั่นจักรยานที่เต็มไปด้วยของกลับสหกรณ์อำเภอทันที ใกล้ถึงตัวสหกรณ์เหอเสี่ยวหงก็เห็นนางหลี่ซือเดินอยู่อาทิตย์นี้นางได้นำธัญพืชมาส่งลูกชายอีกครั้งในที่พักในอำเภอที่พักอยู่ ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมัธยมปลาย เหอเสี่ยวหงอยากจะรู้จริง ๆ ว่าโจวกว่างนั้นเรียนจริงหรือเปล่าเพราะปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่เขาเรียนไม่จ
เหอเสี่ยวหงไล่อ่านรายการบนกระดาษที่จดสิ่งจำเป็นที่ต้องซื้อ เธอจะซื้อของมาไว้ใช้ทำกับข้าวระหว่างที่ยังอยู่ที่หมู่บ้าน และของบางส่วนที่จะให้คนงานกินเหอเสี่ยวหงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องการถอนหญ้าออกจากที่ดิน เพราะตอนที่เข้าไปดูนั้นหญ้าสูงมาก ก่อนจะล้อมรั้วไว้จึงอยากให้ถอนหญ้าออกให้หมด ป้องกันสัตว์ที่จะเข้ามาอยู่อาศัยได้ไม่น้อยก็มาก“เดี๋ยวก่อนจะออกไปซื้อของ เราไปหาเลขาธิการหม่าก่อนนะคะ” เหอเสี่ยวหงบอก“หือ?”“ก็ให้เลขาธิการหม่าหาคนงานให้เราไงคะ” เหอเสี่ยวงหงตอบสามี“ได้”เพราะไม่รู้ว่าถ้าหาเองพวกเธอจะได้คนงานหรือเปล่า เห็นหลายคนเข้าแปลงนาของตัวเองกันหมด อีกอย่างค่าแรงคนงานเท่าไรก็ไม่รู้ สู้ให้เลขาธิการหม่าหาให้จบ ๆ เพราะยังไงเขาคงไม่เอาคนงานที่ทำงานไม่ได้มาให้พวกเธอหรอก“งั้นเราไปกันเลยดีกว่าค่ะ”เหอเสี่ยวหงล็อกบ้านก่อนจะเอารถยนต์ออกมาจากมิติ ตั้งแต่ที่มาถึงหมู่บ้านมันก็ถูกเก็บใส่มิติไว้ ถ้าไม่ออกไปซื้อของมันก็ไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอกแน่ ๆโจวเหวินหลงขับรถไปที่บ้านเลขาธิการหมู่บ้านตามที่ภรรยาบอก เอ่ยสิ่งที่ต้องการไปไม่กี่คำอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้แล้ว เหอเสี่ยวหงรออยู่บนรถ โจวเหวินหลงลงไปบอก
เหอเสี่ยวหงมองชาวบ้านถกเถียงเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยของลูกสาวตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อไม่นานมานี้ยังต่อว่าเธอกับสามีเรื่องขายลูกสาวกินอยู่เลย“ไป ๆ จะไปไหนก็ไป ฉันจะคุยกับหลานชายฉัน” ย่าโจวเอ่ยไล่ชาวบ้านที่เข้ามามุงหลายสิบคน‘แต่โจวเหวินหลงก็เป็นหลานชายของพวกเรานะคะแม่’‘นั่นสิ นาน ๆ เขากลับมาบ้านพวกเราก็อยากจะถามไถ่’‘ใช่ ๆ’‘อีกอย่างมหาวิทยาลัยอะไรที่หลานสาวเข้า พวกเราก็ยังไม่รู้เลย’‘เข้าจริงหรือเปล่า’'ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย''ใช่'‘ใช่ จะไล่พวกเราไปไม่ได้นะ’และทุกคนยังปฏิเสธที่จะจากไป ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรพวกเขาก็ต้องรู้เรื่องด้วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องกันทั้งนั้น“จะไปไหนก็ไป” ย่าโจวเอ่ยอีกรอบชาวบ้านที่มามุงมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับย่าโจวเพราะนางมีลูกหลานเยอะ อีกอย่างในหมู่บ้านโจว สกุลโจวก็ใหญ่ที่สุด แทบจะหมดหมู่บ้านอยู่แล้วหากมีปัญหากับย่าโจวก็เท่ากับมีปัญหากับทั้งสกุลโจว ย่าโจวในตอนนี้นับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดในสกุล ‘ไปก็ได้จ้ะ’‘ฉันไปแล้ว’‘ไป ๆ’‘ฉันลืมว่าหุงข้าวไว้ คงจะต้องกลับไปดู’‘น้ำคงจะเต็มนาแล้ว’‘ใช่’‘ใคร
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงที่นอนพักอยู่ในบ้านก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะมีคนมาเรียกเสียงดัง เหอเสี่ยวหงมองหน้าสามีก่อนจะดูนาฬิกาที่เอาติดมาด้วย พบว่าตอนนี้ประมาณสี่โมงเย็น และหากมองออกไปข้างนอกก็ยังมีแสงส่องเข้ามา“เดี๋ยวผมออกไปดูก่อน” โจวเหวินหลงบอกเหอเสี่ยวหงพยักหน้าลุกขึ้นมาแต่งตัว เพราะชุดที่ใส่ในตอนนี้ไม่ได้เรียบร้อย หากออกไปคนอาจจะมองไม่ดี‘เปิดบ้านหน่อยสิ’‘ฉันมาถามข่าวหลานชาย’‘เห็นขับรถคันใหญ่ คงจะรวยสินะ !’‘ใช่ หลายคนเห็นนายขับรถยนต์มา’‘ฉันอยากดูรถ’‘ขอเข้าไปดูรถหน่อย‘ทำไมไม่เปิดล่ะ’‘ใช่ ๆ’‘น้องชายแกอยากคุยด้วย!’‘หลานชายมาทั้งทีเราก็อยากมาถาม’‘ใช่แล้ว’‘ให้อาเข้าไปหน่อย’‘เปิดสิ’‘เอ๊ะ!’ระหว่างที่เหอเสี่ยวหงเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างเพราะจำเสียงไม่ได้ อีกอย่างอีกฝ่ายก็ไม่ได้สำคัญให้เธอจดจำ และใส่ใจ“มีอะไร”เหอเสี่ยวหงออกมาดูหน้าบ้านเพราะยังได้ยินเสียงโต้ตอบกันอยู่ โจวเหวินหลงก็ยืนอยู่แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่มาเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น“สะใภ้รอง!” ผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งเรียกเธอ“ใครน่ะ” เหอเสี
ระหว่างที่ต้องรอเครื่องนอน เหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงก็นั่งพักคุยกัน จริง ๆ ทั้งสองคนปรึกษากันว่าจะออกไปเดินดูข้างนอกว่ามีอะไรบ้าง แต่ก็จะรอเครื่องนอนมาส่งก่อน เพราะถ้าเกิดเอามาส่งในตอนที่ไม่อยู่จะได้ไม่ต้องไปเอาเองเพราะไม่มีของอะไรมาเลยยกเว้นใบชากับขนมของเด็ก ๆ เหอเสี่ยวหงจึงคิดที่จะหาของไปฝากที่บ้านฝั่งสามี แม้จะต้องเสียเงินมากพอสมควรก็ตาม เพราะบ้านฝั่งสามีมีมากกว่าสิบบ้าน และหากว่าไม่มีอะไรไปฝากเลย โจวเหวินหลงก็จะถูกมองไม่ดี แม้เหอเสี่ยวหงจะเคยไปในอนาคต ที่แม้จะเคารพแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเอาของมาฝาก แต่มารยาทก็สำคัญเช่นกันพวกเธอจากหมู่บ้านโจวไปหลายสิบปี หากจะให้มือเปล่ากลับบ้านคงจะถูกคนมอง และเหอเสี่ยวหงก็ยังไว้หน้าบ้านฝั่งสามีด้วยประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็มีพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจห้องมาให้ เวลาจะออกไปไหนจะได้ล็อกห้องไว้ และถ้าจะคืนห้องต้องเอากุญแจไปคืนเหอเสี่ยวยืนฟังข้อห้ามของทางห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง หลังพนักงานเอาเครื่องนอนกับกุญแจมาให้ จริง ๆ มันต้องจ่ายมัดจำค่ากุญแจไว้สองหยวนด้วยเผื่อไม่เอามาคืน แต่เพราะต้องรอเครื่องนอนอยู่นานจึงได้มาฟรี และเหอเสี่ยวหงก็คิดว่ามันดีมาก“งั้นเราออ
ระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายมาที่ฉงชิ่ง เหอเสี่ยวหงไม่ค่อยกลับไปที่บ้านเกิดเลย และมีเพียงโจวเหวินหลงเท่านั้นที่กลับไปบ่อย เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องเดินทางหลายวันเพื่อกลับไปอยู่ที่นู่น ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปทำไมในเมื่อลูกสาวก็อยู่ที่นี่ แต่เพราะเธอจากบ้านมาหลายปีแล้ว ลูกสาวก็แยกย้ายกันไปเรียน ที่ร้านก็ยังมีพนักงานดูแล หากกลับไปดูบ้านไม่กี่วันคงจะไม่เป็นไรหลังจากหลายวันก่อนที่เหอเสี่ยวหงไปหาหลานสาวเธอจึงคุยกับโจวเหวินหลงเรื่องนี้ ในตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย เพราะการเดินทางไปหลายวันทำให้เขาห่วงร้าน แต่เหอเสี่ยวหงก็หาวิธีมาตะล่อมให้เขาพากลับบ้านเกิดจนได้โดยการกลับบ้านในครั้งนี้โจวเหวินหลงขับรถเอง ไม่ขึ้นรถไฟเหมือนทุกครั้งที่กลับไปหาน้องสาว เพราะครั้งนี้มีคนเป็นภรรยาไปด้วยเขาจึงกลัวเธอเหนื่อย เหอเสี่ยวหงบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเหอแล้ว และทุกคนอยากไปด้วย แต่เพราะอาสามกับอาสี่นั้นกำลังยุ่ง ๆ เรื่องที่จะลาออกจากกองทัพจึงไปไม่ได้ ส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นจะต้องไปดูลูกสาวคนโตจึงไปด้วยไม่ได้เพราะฉะนั้นการกลับบ้านเกิดในครั้งนี้ จึงมีเพียงเหอเสี่ยวหงกับโจวเหวินหลงเท่านั้น เหอเสี่ยวหง
เหอเสี่ยวหงนั่งคุยกับหลานสาวอยู่ครู่หนึ่ง โจวเหวินหลงก็เดินกลับเข้ามาทักหลานสาวที่นั่งคุยกับคนเป็นภรรยาอยู่“ต้านี”“อารอง” โจวต้านียิ้มเกือบ ๆ สองปีได้แล้วที่หล่อนไม่ได้เจออาชายคนนี้ ในตอนที่หล่อนแต่งออกมานั้นมีเพียงพ่อกับแม่ของหล่อนที่มาส่งที่บ้านสามี ส่วนครอบครัวอารองติดงานและดูแลในส่วนของบ้านรองวันนี้หล่อนกำลังเย็บเสื้อให้ลูกในท้องที่ยังไม่คลอด โดยมีป้าสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อน พอได้ยินจากปากป้าสะใภ้ว่ามีคนเป็นอามาหาหล่อนจึงรีบออกมา“เป็นยังไงบ้าง” โจวเหวินหลงถามหลานสาว“ช่วงนี้หนูหยุดงานน่ะค่ะ เพราะท้องโตแล้ว” หล่อนตอบโจวต้านีเป็นหลานสะใภ้คนเล็กของบ้าน โดยที่ตั้งแต่หล่อนแต่งเข้ามาหล่อนก็ทำงานในห้างสรรพสินค้ามาตลอด เพิ่งจะหยุดอยู่บ้านเมื่อช่วงตั้งครรภ์เข้าเดือนที่หก จริง ๆ แล้วหล่อนต้องทำงานต่ออีกสองเดือน เพราะยังไม่ใกล้คลอดแต่หล่อนกลับลาออกจากงานไปเลยไหน ๆ แล้วครอบครัวของหล่อนก็แยกออกจากบ้านใหญ่แล้ว เพียงแต่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกันเฉย ๆ คนอื่นต่อให้ไม่พอใจก็ไม่มีสิทธิ์มาคัดค้าน และสามีของหล่อนก็เห็นด้วย เขาสามารถหาเงินเลี้ยงหล่อนกับลูกได้“อยู่ที่นี่สบายดี
เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวต้องแยกจากกันไกล แต่การแยกกันครั้งนี้ไม่ใช่แยกจากกันไปเลย เพียงแต่แยกย้ายกันมีสังคมใหม่ ๆ ในอนาคตข้างหน้าในตอนที่เข้าเรียนระดับประถม เด็ก ๆ ยังแค่ไปเรียนที่เดียวกัน พักด้วยกัน และในวันหยุดยังกลับมาที่บ้านได้ แต่ในรอบนี้คงจะกลับมาบ่อย ๆ ไม่ได้เพราะต้องไปเรียนต่างถิ่นเหอเสี่ยวหงไม่ได้ไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยสักคน เพราะแต่ละคนนั้นไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกัน เหอเสี่ยวหงกลัวว่าหากไปส่งคนใดคนหนึ่งที่เหลือก็อาจน้อยใจได้ ถึงแม้สาว ๆ จะไม่พูดก็ตามแต่สำหรับอู๋นีกับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยฉงชิ่ง โจวเหวินหลงขับรถไปส่งเองส่วนเหอเสี่ยวหงก็กำชับทุกคนให้ส่งจดหมายมาที่ร้านหากถึงที่หมายแล้ว และเธอก็ยังเตรียมของให้ลูกสาวหลายอย่าง ผ้านวมที่หนา เสื้อผ้า ยาและของใช้ส่วนตัว พวกของกินจะตามไปที่หลังหากส่งที่อยู่มาให้ เพราะเหอเสี่ยวหงคิดว่ามันจะลำบากเกินไปถ้าเอาไปด้วยในตอนที่ยังไม่ได้ที่พักสำหรับหลาน ๆ เหอเสี่ยวหงเตรียมยาให้ เพราะของอย่างอื่นที่บ้านของหลานคงเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนผ้านวมเหอเสี่ยวหงมีไม่พอให้หลานจึงไม่ได้เอาให้ ยกเว้นเสี่ยวยวี่ที่ได้เหมือนเหล่าลูกสาวของเธอทุกอย่างตอ
เหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้กลิ่นสมุนไพร เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นลูกสาวยื่นสมุนไพรมาให้ดม เหอเสี่ยวหงพยุงตัวเองขึ้นโดยที่มีเอ้อร์นีคอยช่วย“แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เอ้อร์นีถามเสียงสั่นหลังจากที่น้องสาวคนเล็กของหล่อนอธิบายถึงข้อความในจดหมายตอบรับมหาวิทยาลัยทุกคนก็อึ้งกันทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าลิ่วนีนั้นเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง และมหาวิทยาลัยก็ยังเลือกหล่อน แต่อึ้งได้ไม่นานก็ต้องตกใจเพราะคนเป็นแม่หมดสติไป“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ” เหอเสี่ยวหงตอบทั้งที่ยังหน้าซีด“ไปหาหมอกันเถอะค่ะ” ซานนีว่าแม่ของพวกหล่อนหมดสติไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าตกใจผลสอบของลิ่วนี หรือเป็นอะไรถึงได้หมดสติไปนานขนาดนั้น ที่ไม่ได้พาไปหาหมอตั้งแต่แรกเลยก็เพราะรอดูอาการ หากมันไม่หนักมาก อีกอย่างก็ไม่มีรถด้วย“ไม่ต้องหรอก” เหอเสี่ยวหงปฏิเสธ“แต่แม่คะ”“แม่ไม่ได้เป็นอะไร”“งั้นแม่นอนพักเถอะค่ะ หนูกับน้อง ๆ จะลงไปช่วยคนอื่นข้างล่าง” เอ้อร์นีว่าพลางพยุงคนเป็นแม่ให้นอนลงเหอเสี่ยวหงรู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว เธอได้ยินเสียงดังจากข้างนอก ลูกสาวคงพากันทำกับข้าวมื้อเย็น ตอนนี้เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่เป็
วันนี้เป็นวันที่เหอเสี่ยวหงได้ยินจากโจวเหวินหลงว่าผลคะแนนสอบเกาเข่าจะออก เหอเสี่ยวหงจึงสั่งปิดร้านแต่สำหรับใครที่จองห้องไว้แล้วก็มาได้ปกติ ส่วนขนมไข่ที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าตอนเช้าจนถึงกลางวันสามารถมารับได้เลย ในส่วนของตอนบ่ายถ้าไม่มารับถือว่าสละสิทธิ์ไปรับพรุ่งนี้ ซึ่งเธอแจ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และลูกค้าทุกคนรับทราบกันดีในช่วงเช้าของวันจดหมายแจ้งผลคะแนนสอบเกาเข่าก็มาส่ง และทุกคนก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน เพราะต้องทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ แม้จะตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งในตอนเช้าทุกคนช่วยกันทำขนมไข่ ตัดให้เท่ากันและบรรจุใส่ถุงรอคนที่สั่งมารับ และจดหมายทั้งหมดเหอเสี่ยวหงเป็นคนเก็บไว้ เพราะเด็ก ๆ ต้องการให้มาส่งไว้ที่นี่ลูกค้าที่เคยมากินประจำในช่วงเช้าต่างชะโงกหน้าเข้ามามอง แต่เพราะมีป้ายติดไว้หน้าร้านว่าปิดร้านจึงไม่มีคนเดินเข้ามา และบางคนถึงกับเดินเข้ามาถามพนักงานที่อยู่หน้าร้านว่าป้ายบอกว่าปิดร้านแต่ทำไมยังมีคนเข้าไปดื่มชาได้ ซึ่งพนักงานก็ตอบตามที่เหอเสี่ยวหงบอกให้ตอบนั้นก็คือ ใครที่สั่งจองไว้ล่วงหน้าเวลาร้านปิดก็มาได้ปกติ ยกเว้นวันหยุดที่เหอเสี่ยวหงหยุดให้ทุกคน“อีกกี่ชิ้นจ๊ะซานนี” เหอเสี