ซึ่งความทรงจำที่อวิ๋นฟางนั้นได้รับมาก็คือ เจ้าของร่างที่เธออาศัยอยู่ตอนนี้ก็คือ ‘หนิงเหมย’ หญิงสาวอายุ18ปี ที่เพิ่งจะแต่งเข้ามาในตระกูลอี้ได้ไม่ถึงปี แต่หลังจากที่แต่งงานได้ไม่นานสามีของเธอที่ชื่อว่า ‘ตงหยาง’ ซึ่งชายหนุ่มอายุ21ปี ที่แต่งงานกับหนิงเหมยได้ไม่ถึง3วันก็ต้องกลับไปเป็นทหาร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง3เดือนด้วยซ้ำชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอก็ถูกหามกลับมาด้วยสภาพที่บาดเจ็บสาหัสกับเงินชดเชิดอีก200หยวน!
ทว่าทันทีที่คนบ้านอี้รู้ว่าตงหยางสามีของหนิงเหมยได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่มีท่าทางที่จะกลับมาเดินได้ พวกเขาจึงได้ยึดเงินชดเชยที่ทางค่ายทหารได้ให้สามีเธอมาแล้วก็ขับไล่ทั้งสองคนออกจากผังตระกูลบ้านทันที!
“หึ! ไอพวกเห็นแก่ตัวเอ้ย! ยังดีนะที่สามีของเจ้าของร่างคนเก่ายังพอมีหัวคิดบ้างที่เก็บเงินไว้กับตัวเองถึง300หยวน! ไม่อย่างนั้นละก็ฉันไม่อยากจะคิด… ”
อวิ๋นฟางบ่นก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างปลดปลง
“แต่ฉันเนี่ยทะลุมิติมาที่ยากจนข้นแค้นแบบนี้ยังไม่พอ พระเจ้ายังใจดีส่งสามีพิการมาให้ฉันอีกเหรอเนี่ย!?
เอาวะ!!! เป็นไงเป็นกัน ต่อไปฉัน ‘อวิ๋นฟาง’ คนนี้จะเป็น ‘หนิงเหมย’ คนใหม่เอง!”
❃ต่อไปจะเรียก ‘อวิ๋นฟาง’ เป็น ‘หนิงเหมย’ แทนนะคะ ทุกคนจะได้ไม่งง❃
อันดับแรกเธอต้องเข้าไปตรวจสอบมิติเสียก่อนว่าของที่ซื้อตุนไว้มันได้ตามเธอมาด้วยหรือไม่!
‘เข้ามิติ ’
ทว่าเมื่อลองเข้ามิติมาแล้วเธอก็ต้องแปลกใจเพราะเหมือนว่ามิติของเธอจะมีความเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่านะ?
เหมือนว่าจะมีบ่อน้ำกับแปลงสมุนไพรเพิ่มมาด้วยนี่นา หรือว่าจะเป็นเหมือนกับนิยายที่เธอเคยซื้อมาอ่าน…!
‘ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลองชิมน้ำในบ่อนี้ดูก่อนแล้วล่ะ! ว่ามันจะเป็นน้ำวิเศษที่มีสรรพคุณเหมือนกับนิยายหลายๆ เรื่องที่เธอเคยอ่านมาหรือเปล่า’ หนิงเหมยเอ่ยพูดออกมาเบาๆ ราวกับพูดคุยกับตัวเอง
อึ้ก!
ทันทีที่หนิงเหมยลองกวักน้ำในบ่อเข้าปาก ไม่นานเธอก็รู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างราวกับกระดูกของเธอกำลังจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างไงอย่างงั้นแหละ
‘กรี๊ด! ทำไมถึงได้ทรมานอย่างนี้ล่ะ ฉันจะตายแล้ว อึก!’ หลังจากที่เธอนอนดิ้นทุรนทุรายกับความเจ็บปวดที่ได้รับไม่นานเธอก็สลบไปด้วยความทรมาน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป…
‘อึก! นี่ฉันหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย โคตรทรมานเลยแหะ…ไม่เห็นในหนังสือนิยายจะบอกมาก่อนว่ามันจะทรมานขนาดนี้! ยังดีนะที่รอดมาได้ถ้าขืนตายอีกรอบนะต้องแย่แน่ๆ
แต่อี๋!? กลิ่นเหม็นอะไรฟะเนี่ย เหม็นเน่าชะมัด เหม็นเหมือนรถเก็บขยะคว่ำหน้าจมูกฉันเลยนะเนี่ย!
หรือนี่จะเป็นเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเหมือนกับในนิยายที่เธอเคยอ่านมานะ อืม…ก็เหมือนจะใช่นะ เพราะรู้สึกว่าร่างกายจะเบาขึ้นมากว่าเดิมจริงๆด้วย’
แต่ทันทีที่หนิงเหมยลุกขึ้นเธอก็รู้ได้ทันทีว่ากลิ่นเหม็นที่เธอได้กลิ่นนั้นมาจากที่ไหน มาจากตัวเธอนี่ไงเล่า! แหวะ ไอเมือกดำๆนี่มันจะเหม็นอะไรขนาดนี้ฟะเนี่ย?! ทนไม่ไหวแล้วเว้ย รีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า!
………
เมื่ออาบน้ำล้างตัวทำความสะอาดคราบเมือกสีดำออกหมดแล้ว เธอก็เดินมาส่องกระจก
ก่อนที่จะต้องตกใจกับภาพที่สะท้อนในกระจก ตกลงนี่ฉันใช่หนิงเหมยคนเดียวกันกับในความทรงจำของเธอจริงๆ หรือเนี่ย?!
ทำไมเธอถึงได้งดงามราวกับเทพธิดาบนดินอย่างนี้เล่า ใบหน้างดงามสะคราญโฉมของหญิงสาวกับดวงตาคมกล้าแวววับที่ปรากฎต่อสายตา ผิวขาวอมชมพูราวกับหยวกกล้วย ไหนจะฟันขาวราวไข่มุกอีก นี่… นี่มันช่าง!
หนิงเหมยเลิกสนใจเรื่องหน้าตาแล้วหันหลังออกมาแต่งตัว ซึ่งเสื้อผ้าที่มีนั้นก็เรียกว่ามีแทบทุกยุคทุกสมัยเลยก็ว่าได้ ต้องขอบคุณพ่ออวิ๋นแม่อวิ๋น แล้วก็ซูหนี่ที่ช่วยกันซื้อ แล้วก็สั่งตัดเสื้อผ้าทุกยุคสมัยแบบนี้มาเผื่อให้เธอจริงๆ
ซึ่งตอนนี้เธอก็ต้องเลือกเสื้อผ้าที่ไม่เด่นมากจนเกินไปเพราะเธอยังไม่มีลู่ทางทำเงินอาจจะทำให้ผู้คนสงสัยกันได้ หนิงเหมยจึงได้แต่จำใจเลือกเสื้อผ้าธรรมดาๆ ออกมาชุดหนึ่ง เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเธอจึงได้ออกจากมิติทันที
‘ออกจากมิติ’
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว หนิงเหมยก็รีบต้มน้ำอุ่นแล้วนำมาเทผสมกับน้ำเย็นในกะละมังเพื่อจะนำไปเช็ดตัวให้สามี และเธอก็ไม่ลืมที่จะหยดน้ำจากบ่อในมิติไปถึง3หยด!“สามีมาค่ะเดี๋ยวภรรยาจะช่วยเช็ดตัวให้ค่ะ!”“ครับ”หนิงเหมยที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน เธอก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ออกมาทันทีที่หนิงเหมยค่อยๆปลดกางเกงของชายหนุ่มจนล่นตกลงมาถึงปลายขา ใบหน้าขาวเนียนปลี่ยนเป็นสีซับเลือดอย่างเก้อกระดาก เพราะสายตาของเธอเผลอไปจ้องไอจ้อนของสามีน่ะสิ!อีกอย่างขนาดของไอจ้อนนี้นี่มันแทบจะไม่เรียกว่าไอจ้อนแล้วมั้ย?! นี่มันอนาคอนด้ายักษ์ชัดๆ เธอจะเป็นตากุ้งยิงไหมเนี่ย ฮือๆ …! น่าอายชะมัดเธอเขินจะตายแล้วจะไม่ให้เธอเขินได้อย่างไรก็นี่มันครั้งแรกในชีวิตของเธอเลยนะที่ต้องมาเห็นมาทำอะไรแบบนี้ แต่เธอก็ไม่อยากจะมัวโยกโย้เสียเวลาจึงได้แต่กลั้นใจเช็ดตัวให้ชายหนุ่มตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี (จำเป็น!) อย่างเก้ๆ กังๆจนชายหนุ่มที่เห็นท่าทีแปลกๆ ของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาก็ถึงกับมุมปากกระตุกและทันทีที่เธอเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าให้สามีอย่างเรียบร้อยแล้วก็ถึงกับต้องกรีดร้องในใจอย่างดีใจ!ชายหนุ่ม
แม้เธอจะรู้ว่ามีชาวบ้านหลายคนมองเธออย่างสงสัยใคร่รู้ ว่าเพราะอะไรหญิงสาวถึงได้เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน แต่หนิงเหมยก็ไม่ได้ให้ความสนใจแล้วค่อยๆ เดินขึ้นเขาจนกระทั่ง…“นั่นหนิงเหมยรึ?! ”หนิงเหมยหันไปตามทิศทางของเสียงเรียก ก็เห็นว่าเป็นป้าหม่าที่อยู่ข้างบ้านของเธอนี่เองซึ่งป้าหม่าก็คือหญิงชราที่สร้างบ้านดินเหนียวอยู่ข้างๆ บ้านเธอ อ๊ะ! ต้องบอกว่าเธอไปสร้างบ้านข้างป้าหม่าสิถึงจะถูกส่วนความเป็นอยู่ของป้าหม่านั้นก็ถือว่าดีกว่าหนิงเหมย (คนเก่า) กับสามีอยู่มากโขเลยทีเดียว ป้าหม่าอาศัยอยู่เพียงคนเดียวไม่มีสามี แล้วก็ลูกหลานแม้แต่คนเดียว!ทำให้ป้าหม่าที่เป็นหญิงชรารู้สึกเหงาอยู่บ้าง เมื่อได้ยินเรื่องของเธอกับสามีที่มาอยู่บ้านข้างๆ ของแก ก็เลยรู้สึกสงสารเวทนาในโชคชะตาแต่พอได้รู้จักนิสัยใจคอของหนิงเหมยจริงๆ ก็ยิ่งทำให้ป้าหม่ารู้สึกรัก แล้วก็เอ็นดูเธอมากขึ้นไปอีก เสียก็แต่ว่าหนิงเหมยคนเก่าค่อนข้างที่จะเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้วก็เป็นคนเงียบๆ เสียด้วยสิ“อ้าว! ป้าหม่านี่เอง มีอะไรกับฉันหรือคะ? ”“อ้อ พอดีว่าป้าเห็นเธอแต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าน่ะสิ ก็เลยลองเรียกดูเธอเปลี่ยนไปจนยาย
หนิงเหมยลากหมูป่าลงจากเขาด้วยอาการหอบแฮ่กๆ แต่ยังดีที่เธอมีน้ำวิเศษให้ดื่มเวลาที่เธอเหนื่อยล้าพูดแล้วก็ดื่มอีกสักหน่อยดีกว่า อึก! อึก!‘อ่าย! ค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย’ พูดจบหนิงเหมยก็เก็บกระบอกน้ำไม้ไผ่เก็บใส่ตะกร้าสะพายหลังทันทีก่อนที่จะค่อยๆ ลากเจ้าหมูป่าจอมตะกละนี่กลับบ้านตัวเองต่อไป!“หนิงเหมย น…นี่ นี่เธอล่าหมูป่ากลับมาได้เลยเหรอ?!” หนึ่งในชาวบ้านที่เห็นเธอลากหมูป่ากลับบ้านก็เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงตกตะลึง“โฮ่ะๆฉันแค่บังเอิญโชคดีน่ะค่ะ หมูป่าตัวนี้มันตะกละฉันเดินเข้าไปใกล้มันยังไม่รู้ตัวเลยค่ะ ฉันก็เลยฆ่ามันได้ง่ายๆ เลย ”ชาวบ้านที่ได้ยินคำพูดของเธอก็ถึงกับทำหน้ากันไม่ถูกเลยทีเดียว นี่มันอะไรกันการล่าหมูป่าได้เพราะหมูป่าตะกละเนี่ย!นี่มันช่าง! ทำไมพวกเขาขึ้นเขาตั้งบ่อยครั้งทำไมถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้างเล่า! หรือเพราะพวกสามีของพวกเธอจะโง่กว่าหมูป่าตัวนี้กัน?“เธอพูดจริงเหรอเนี่ย แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ?! ”หนิงเหมยเกาแก้มแก้เก้อเพราะเธอก็ไม่รู้จะเอ่ยแถอะไรออกมาแล้วล่ะ จึงได้แต่ตอบออกไปส่งๆ“จริงสิคะ ฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะไปมีความสามารถถึงขนาดล่าหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงกั
“เอาล่ะ ค่อยๆ ขยับนะคะสามี”หนิงเหมยช่วยสามีขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงหัวเตียง ก่อนที่จะค่อยๆ หยิบถาดอาหารกับยามาวางไว้ให้สามีเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วเธอก็เดินออกจากห้อง เพื่อจะออกไปนั่งกินข้าวของตัวเองเช่นกัน“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันออกไปกินข้าวก่อนนะคะ สามีกินเสร็จแล้วก็เรียกฉันนะคะส่วนถาดอาหารก็วางไว้ที่โต๊ะนี่ละค่ะ เดี๋ยวฉันจะมาเก็บออกไปให้”“ครับ…”หลังจากที่เธอออกจากห้องนอนของสามีมาแล้ว หนิงเหมยก็ตักข้าวแล้วนั่งกินที่โต๊ะอาหารเงียบๆ‘พอไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมากมายแล้ว ก็คิดถึงพ่ออวิ๋นแม่อวิ๋น แล้วก็ซูหนี่จัง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้างนะ?’แต่แค่นั่งคิดไปเรื่อยๆ ทำไมเธอถึงได้เผลอมาร้องไห้ได้เนี่ย?!‘ฮึกๆ … ฮือ อะ…ไอบ้าเอ้ย ทำไมถึงร้องไห้ได้เนี่ย ฉัน อึก! ไม่อยากอ่อนแอหรอกนะ ฮื้อๆ’เวลาผ่านไปไม่นาน หลังจากที่หนิงเหมยเอาแต่นั่งร้องนั่งร้องไห้ สุดท้ายเธอก็หยุดร้องไห้แล้วก็ตั้งสติได้สักที!จ๊อกๆ!‘นี่ฉันมัวแต่ร้องไห้จนท้องร้องประท้วงเลยหรือไงเนี่ย หึหึ! รีบกินข้าวดีกว่าฉันยังต้องไปเช็ดตัวให้สามีอีกนี่นา’หลังจากที่หนิงเหมยยัดอาหารเข้าปากอย่างหิวโหยไม่นานอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยงล
‘นี่แค่วันแรกฉันก็เหนื่อยขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย?! เห้อ… รีบไปอาบน้ำพักผ่อนบ้างดีกว่า เหนียวตัวไปหมดแล้ว’เมื่อหนิงเหมยเดินไปเข้าห้องน้ำแล้ว เธอก็ตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำในมิติดีกว่า เธอไม่คุ้นชินกับห้องน้ำในยุคนี้เลยจริงๆ!ผ่านไปครึ่งชั่วโมง…หนิงเหมยก็ออกจากมิติมาด้วยสภาพที่อาบน้ำสระผม ตัวหอมฟุ้งออกมาแล้วแต่เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนแล้ว เธอก็แทบจะเดินถอยหลังกลับออกมาทันที!นี่มันเรียกว่าห้องนอนได้อยู่เหรอเนี่ย? ทำไมถึงได้คับแคบแล้วก็เหม็นอับอย่างนี้เล่า!!!สงสัยคืนนี้เธอจะต้องกลับเข้าไปนอนในมิติแล้วล่ะสิ ก็ดี… ถ้าอย่างนั้นฉันจะนอนตากแอร์ให้ฉ่ำปอดเลย หึหึ!เมื่อคิดได้แล้วเธอก็รีบกลับเข้ามิติอย่างไว ก่อนจะล้มตัวนอนบนที่นอนอย่างสบายตัวอีกทั้งมีอากาศเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาศก็เหมือนกับการปัดเป่าความเหนื่อยล้าของเธอ จนกระทั่งเธอก็ผล็อยหลับไปอย่างสบายใจ[05:45 น.] หนิงเหมยที่ตื่นนอนแล้วก็ค่อยๆ ลุกจากเตียงอย่างอ้อยอิ่ง เธอไม่อยากจะลุกออกจากเตียงนอนเลยจริงๆ! นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า ‘เตียงดูดวิญญาณ’แต่สุดท้ายเธอก็ต้องลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อที่จะได้ไปทำอาหารเช้าไว้ให้สามีเพราะเดี๋ยวเธอจะต้องเข้
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที…“ผมกินอิ่มแล้วครับ คุณรีบไปเถอะครับภรรยากว่าคุณจะเดินถึงเดี๋ยวสายกว่านี้แล้วแดดจะร้อนเกินไปนะครับ”“อืม… เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยพยุงคุณนอนลงก่อนนะคะ”พูดจบหนิงเหมยก็ช่วยพยุงสามีให้นอนลง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วถือถาดอาหารกับยาเตรียมจะออกจากห้อง“ฉันไปก่อนนะคะ แล้วฉันจะรีบกลับมาค่ะ”“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกับค่อยๆ พยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้หลังจากที่หนิงเหมยออกมาจากห้องสามีแล้ว เธอก็นำหมูป่าที่เก็บไว้ในมิติมาวางไว้บนรถลาก ก่อนจะหาผ้าหนาๆ มาปิดเอาไว้เมื่อปิดล็อกประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว หนิงเหมยก็ลากรถที่มีหมูป่าอยู่ใต้ผ้าผืนหนาออกจากบ้านมุ่งหน้าไปเมืองทันที!“แหมๆๆ! จับหมูป่าได้แท้ๆ แต่ก็ไม่คิดจะแบ่งปัน คนหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ!”กำลังจะออกจากหมู่บ้านแล้วแท้ๆ แต่ก็มีเสียงมารผจญขัดจนหนิงเหมยอดจะกรอกตาขึ้นบนด้วยความรำคาญใจไม่ได้!นางซุนขาเม้าท์ อีกทั้งยังเป็นคนที่เห็นแก่ตัวประจำหมู่บ้านอีกด้วย! นี่นอกจากยัยแม่เลี้ยงกับคนบ้านอี้ของสามี เธอยังต้องมาสู้รบปรบมือกับคนพวกนี้อีกหรือเนี่ย?!“โอ้ป้าซุนนี่เอง ฉันก็นึกว่าใคร หมูป่าฉันก็เป็นคนล่ามาได้แล้วฉ
ทันทีที่เข็นรถลากผ่านประตูเมืองเข้ามาหนิงเหมยก็กวาดสายตามองภาพเบื้องหน้าที่มีผู้คนเดินกันอย่างพลุกพล่าน ไหนจะบ้านอาคารที่มีรัศมีของความขลังยุค70นี่อีก! ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจเพราะทั้งความทรงจำเก่าๆ ของหนิงเหมยเจ้าของร่างคนเก่านั้นก็มีความทรงจำกับในตัวเมืองนครคุนหนิงนี้น้อยมาก‘ไม่คิดไม่ฝันว่าฉันจะได้ทะลุมิติย้อนมายุค70! นี่มันทำให้ฉันอดจะทึ่งไม่ได้จริงๆ รอให้ฉันมีเงินเยอะๆ ก่อนเถอะฉันจะพาสามีออกจากหมู่บ้านเป่าซานแล้วไปท่องโลกเสียเลย หึๆ!ขืนยังทนอยู่หมู่บ้านนี้ต่อไปฉันคงจะเป็นบ้าตายแน่ๆ อีกอย่างก็คงจะหาความสงบสุขจากหมู่บ้านเป่าซานไม่ได้แน่นอน ไม่สู้เธอพาสามีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่นไม่ดีกว่าหรือ?’หนิงเหมยสะบัดหัวไล่ความคิดมากมายก่อนที่เธอจะรีบเข็นรถลากไปยังร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมซึ่งภาพอาคารร้านอาหารเบื้องหน้าเธอนี้เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงจีนอย่างแท้จริงเลยล่ะ ไหนจะมีเฟอร์นิเจอร์กับของตกแต่งร้านที่ออกจะโบราณคร่ำครึมากเลยทีเดียวแต่ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารที่ใหญ่แล้วก็ดูสะอาดมากเลยทีเดียว เมื่อหนิงเหมยตัดสินใจเดินเข้าเหลาอาหารก็มีหนักงานเดินออกมาต้อนรับทันที“ห้องธรร
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”หนิงเหมยกล่าวขอบคุณจบก็หันหลังออกจากแผงขายซาลาเปา แล้วเดินไปตามทิศทางที่ป้าขายซาลาเปาบอกไม่นานเธอก็เจอร้านสมุนไพร!ซึ่งมีร้านสมุนไพรถึง2ร้านที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน หนิงเหมยก็ไม่รอช้าหันทิศทางไปยังร้านสมุนไพรที่มีความใหญ่โตโอ่อ่าแต่ทว่าในขณะที่หนิงเหมยกำลังจะเดินเข้าไปในตัวร้านสมุนไพร ก็มีเสียงพนักงานเดินออกมาชี้หน้าพร้อมกับด่าทอเธออย่างร้ายกาจเสียก่อนนี้มันอะไรกันเนี่ย?!“นี่หล่อนถ้าจะมาขอทานก็ไปขอที่อื่น ที่นี่ร้านสมุนไพรนะ!” พนักงานหญิงที่พอกหน้าขาวทาปากแดงฉานยืนชี้หน้าด่าทอหนิงเหมย ก่อนที่จะมองเธอด้วยสายตาดูถูกแต่เธอก็ค่อยๆ หายใจเข้าหายใจออกช้าๆ พยายามที่จะใจเย็น“ฉันไม่ได้มาขอทาน ฉันมาขายสมุนไพร”“น้ำหน้าอย่างหล่อนนี่น่ะหรอจะมีปัญญาหาสมุนไพรอะไรมาขาย ถ้าเป็นแค่สมุนไพรธรรมดาๆ ร้านสมุนไพรแห่งนี้ไม่ต้องการหล่อนก็เก็บกลับบ้านไปเถอะ หรือไม่ก็นู้นไปขายร้านของตาแก่นู้นไป!”แต่ยังไม่ทันที่หนิงเหมยจะได้เอ่ยตอบโต้อะไรออกมา ก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้นมาขัดอารมณ์โมโหของหนิงเหมยเสียก่อน ไม่นานก็มีผู้ชายร่างท้วมๆ เดินออกมา“มีอะไรกัน เสียงดังรบกวนลูกค้าในร้านฉันหมดแล้ว สรุปนี่ม
เมื่อเข็นรถลากกลับมาถึงบ้านเธอก็รีบนำของทุกอย่างเก็บเข้าบ้าน ก่อนที่เก็บรถลากไว้ข้างบ้านโดยที่ตนเองก็ไม่ได้รู้เลยว่านางซุนกับพรรคพวกพากันกระจายข่าวไปทั่วหมู่บ้านว่าเธอใช้เงินมือเติบซื้อของกลับบ้านมากมาย!จนตอนนี้คนบ้านอี้พากันเต้นระส่ำอย่างไม่ใคร่จะพอใจกับการที่หนิงเหมยใช้เงินมือเติบแถมยังไม่คิดจะมอบอะไรให้พวกเขาเลยทั้งๆ ที่ซื้อของกลับมาตั้งมากมาย‘เงินพวกนั้น ของมากมายพวกนั้นควรเป็นของพวกเขาบ้านอี้ไม่ใช่หรือ ในเมื่อหล่อนแต่งเข้าตระกูลอี้มาแล้วทุกอย่างก็ควรจะเป็นของฉันโม่วโฉวคนนี้!’ นางโม่วโฉวที่มีความโลภมากยิ่งคิดเรื่องที่ได้ยินมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่พอใจหนิงเหมยที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับเรื่องภายนอกบ้านตอนนี้ ก็มัวแต่ยืนล้างมืออย่างรีบร้อนก่อนที่จะนำซาลาเปา5-6ลูกออกมาจากมิติแล้วจัดวางใส่ถาด แล้วนำไปให้สามีในห้อง เพราะถ้าเธอทำอาหารเองก็คงจะเลยเวลากินข้าวกินยาของสามีอย่างแน่นอน“กลับมาแล้วค่ะสามี ขอโทษนะคะฉันกลับมาช้าเลยทำอาหารให้คุณไม่ทัน คุณกินซาลาเปารองท้องไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบออกไปทำอาหารมาให้คุณนะคะ” หนิงเหมยกล่าวระรัวอย่างรู้สึกผิด เพราะมัวแต่เสียเวลากับคนพวกนั้นแท้ๆ
หนิงเหมยที่ออกจากตัวเมืองนครคุนหนิงแล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าสหกรณ์หมู่บ้านเพื่อซื้อขนมกลับไปฝากป้าหม่า เพื่อเป็นของฝากแทนคำขอบคุณสำหรับไข่ไก่หรือเรื่องที่ผ่านๆ มาแล้ว ไหนจะช่วยเธอเรื่องวันนี้อีกเมื่อเข้าสหกรณ์หมู่บ้านแล้วหนิงเหมยก็ยืนเลือกขนมอยู่สักพักใหญ่เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเอาขนมอะไรดี? ก่อนที่จะได้ขนมหนวดมังกรมาซึ่งขนมที่หนิงเหมยเลือกนั้นก็เป็นขนมที่ค่อนข้างจะขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยทว่านอกจากซื้อฝากป้าหม่าแล้ว หนิงเหมยก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมกลับไปฝากสามีของเธอด้วย เพราะเธอเองก็คิดว่าจะขุนสามีให้อ้วนขึ้นอีกสักหน่อยสามีเธอจะได้เป็นชายหนุ่มเจ้าเนื้อนุ่มนิ่ม!“ขนมหนวดมังกรกล่องละ3หยวน 3กล่อง เป็นราคา7หยวน50เหมา กับคูปอง2ใบ “‘เมื่อได้ยินคำจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่าขนมเพียงแค่3กล่องออกใจเธอก็รู้สึกเจ็บปวดเสียแล้ว! นี่มันเงินจำนวนไม่ใช่น้อยเลยนะ!ดีนะที่เธอเตรียมพวกของปัจจัย4มาครบ ไม่น่าอยากลองซื้อขนมในสหกรณ์กินเลย! แต่ก็นะมีเงินก็ต้องใช้สิ เฮ้อ… นี่สินะที่เขาเรียกว่าขนมสูตรโบราณฉันถึงกับต้องทะลุมิติมาซื้อเลยทีเดียว ‘หนิงเหมยนำเงินกับคูปองออกมา2ใบยื่นให้แก่พนักงาน ก่อนที่เธอจะเดินออกมาจา
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”หนิงเหมยกล่าวขอบคุณจบก็หันหลังออกจากแผงขายซาลาเปา แล้วเดินไปตามทิศทางที่ป้าขายซาลาเปาบอกไม่นานเธอก็เจอร้านสมุนไพร!ซึ่งมีร้านสมุนไพรถึง2ร้านที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน หนิงเหมยก็ไม่รอช้าหันทิศทางไปยังร้านสมุนไพรที่มีความใหญ่โตโอ่อ่าแต่ทว่าในขณะที่หนิงเหมยกำลังจะเดินเข้าไปในตัวร้านสมุนไพร ก็มีเสียงพนักงานเดินออกมาชี้หน้าพร้อมกับด่าทอเธออย่างร้ายกาจเสียก่อนนี้มันอะไรกันเนี่ย?!“นี่หล่อนถ้าจะมาขอทานก็ไปขอที่อื่น ที่นี่ร้านสมุนไพรนะ!” พนักงานหญิงที่พอกหน้าขาวทาปากแดงฉานยืนชี้หน้าด่าทอหนิงเหมย ก่อนที่จะมองเธอด้วยสายตาดูถูกแต่เธอก็ค่อยๆ หายใจเข้าหายใจออกช้าๆ พยายามที่จะใจเย็น“ฉันไม่ได้มาขอทาน ฉันมาขายสมุนไพร”“น้ำหน้าอย่างหล่อนนี่น่ะหรอจะมีปัญญาหาสมุนไพรอะไรมาขาย ถ้าเป็นแค่สมุนไพรธรรมดาๆ ร้านสมุนไพรแห่งนี้ไม่ต้องการหล่อนก็เก็บกลับบ้านไปเถอะ หรือไม่ก็นู้นไปขายร้านของตาแก่นู้นไป!”แต่ยังไม่ทันที่หนิงเหมยจะได้เอ่ยตอบโต้อะไรออกมา ก็มีเสียงของผู้ชายดังขึ้นมาขัดอารมณ์โมโหของหนิงเหมยเสียก่อน ไม่นานก็มีผู้ชายร่างท้วมๆ เดินออกมา“มีอะไรกัน เสียงดังรบกวนลูกค้าในร้านฉันหมดแล้ว สรุปนี่ม
ทันทีที่เข็นรถลากผ่านประตูเมืองเข้ามาหนิงเหมยก็กวาดสายตามองภาพเบื้องหน้าที่มีผู้คนเดินกันอย่างพลุกพล่าน ไหนจะบ้านอาคารที่มีรัศมีของความขลังยุค70นี่อีก! ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจเพราะทั้งความทรงจำเก่าๆ ของหนิงเหมยเจ้าของร่างคนเก่านั้นก็มีความทรงจำกับในตัวเมืองนครคุนหนิงนี้น้อยมาก‘ไม่คิดไม่ฝันว่าฉันจะได้ทะลุมิติย้อนมายุค70! นี่มันทำให้ฉันอดจะทึ่งไม่ได้จริงๆ รอให้ฉันมีเงินเยอะๆ ก่อนเถอะฉันจะพาสามีออกจากหมู่บ้านเป่าซานแล้วไปท่องโลกเสียเลย หึๆ!ขืนยังทนอยู่หมู่บ้านนี้ต่อไปฉันคงจะเป็นบ้าตายแน่ๆ อีกอย่างก็คงจะหาความสงบสุขจากหมู่บ้านเป่าซานไม่ได้แน่นอน ไม่สู้เธอพาสามีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอื่นไม่ดีกว่าหรือ?’หนิงเหมยสะบัดหัวไล่ความคิดมากมายก่อนที่เธอจะรีบเข็นรถลากไปยังร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมซึ่งภาพอาคารร้านอาหารเบื้องหน้าเธอนี้เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงจีนอย่างแท้จริงเลยล่ะ ไหนจะมีเฟอร์นิเจอร์กับของตกแต่งร้านที่ออกจะโบราณคร่ำครึมากเลยทีเดียวแต่ก็ถือว่าเป็นร้านอาหารที่ใหญ่แล้วก็ดูสะอาดมากเลยทีเดียว เมื่อหนิงเหมยตัดสินใจเดินเข้าเหลาอาหารก็มีหนักงานเดินออกมาต้อนรับทันที“ห้องธรร
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที…“ผมกินอิ่มแล้วครับ คุณรีบไปเถอะครับภรรยากว่าคุณจะเดินถึงเดี๋ยวสายกว่านี้แล้วแดดจะร้อนเกินไปนะครับ”“อืม… เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยพยุงคุณนอนลงก่อนนะคะ”พูดจบหนิงเหมยก็ช่วยพยุงสามีให้นอนลง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วถือถาดอาหารกับยาเตรียมจะออกจากห้อง“ฉันไปก่อนนะคะ แล้วฉันจะรีบกลับมาค่ะ”“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกับค่อยๆ พยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้หลังจากที่หนิงเหมยออกมาจากห้องสามีแล้ว เธอก็นำหมูป่าที่เก็บไว้ในมิติมาวางไว้บนรถลาก ก่อนจะหาผ้าหนาๆ มาปิดเอาไว้เมื่อปิดล็อกประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว หนิงเหมยก็ลากรถที่มีหมูป่าอยู่ใต้ผ้าผืนหนาออกจากบ้านมุ่งหน้าไปเมืองทันที!“แหมๆๆ! จับหมูป่าได้แท้ๆ แต่ก็ไม่คิดจะแบ่งปัน คนหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ!”กำลังจะออกจากหมู่บ้านแล้วแท้ๆ แต่ก็มีเสียงมารผจญขัดจนหนิงเหมยอดจะกรอกตาขึ้นบนด้วยความรำคาญใจไม่ได้!นางซุนขาเม้าท์ อีกทั้งยังเป็นคนที่เห็นแก่ตัวประจำหมู่บ้านอีกด้วย! นี่นอกจากยัยแม่เลี้ยงกับคนบ้านอี้ของสามี เธอยังต้องมาสู้รบปรบมือกับคนพวกนี้อีกหรือเนี่ย?!“โอ้ป้าซุนนี่เอง ฉันก็นึกว่าใคร หมูป่าฉันก็เป็นคนล่ามาได้แล้วฉ
‘นี่แค่วันแรกฉันก็เหนื่อยขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย?! เห้อ… รีบไปอาบน้ำพักผ่อนบ้างดีกว่า เหนียวตัวไปหมดแล้ว’เมื่อหนิงเหมยเดินไปเข้าห้องน้ำแล้ว เธอก็ตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำในมิติดีกว่า เธอไม่คุ้นชินกับห้องน้ำในยุคนี้เลยจริงๆ!ผ่านไปครึ่งชั่วโมง…หนิงเหมยก็ออกจากมิติมาด้วยสภาพที่อาบน้ำสระผม ตัวหอมฟุ้งออกมาแล้วแต่เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนแล้ว เธอก็แทบจะเดินถอยหลังกลับออกมาทันที!นี่มันเรียกว่าห้องนอนได้อยู่เหรอเนี่ย? ทำไมถึงได้คับแคบแล้วก็เหม็นอับอย่างนี้เล่า!!!สงสัยคืนนี้เธอจะต้องกลับเข้าไปนอนในมิติแล้วล่ะสิ ก็ดี… ถ้าอย่างนั้นฉันจะนอนตากแอร์ให้ฉ่ำปอดเลย หึหึ!เมื่อคิดได้แล้วเธอก็รีบกลับเข้ามิติอย่างไว ก่อนจะล้มตัวนอนบนที่นอนอย่างสบายตัวอีกทั้งมีอากาศเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาศก็เหมือนกับการปัดเป่าความเหนื่อยล้าของเธอ จนกระทั่งเธอก็ผล็อยหลับไปอย่างสบายใจ[05:45 น.] หนิงเหมยที่ตื่นนอนแล้วก็ค่อยๆ ลุกจากเตียงอย่างอ้อยอิ่ง เธอไม่อยากจะลุกออกจากเตียงนอนเลยจริงๆ! นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า ‘เตียงดูดวิญญาณ’แต่สุดท้ายเธอก็ต้องลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อที่จะได้ไปทำอาหารเช้าไว้ให้สามีเพราะเดี๋ยวเธอจะต้องเข้
“เอาล่ะ ค่อยๆ ขยับนะคะสามี”หนิงเหมยช่วยสามีขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงหัวเตียง ก่อนที่จะค่อยๆ หยิบถาดอาหารกับยามาวางไว้ให้สามีเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วเธอก็เดินออกจากห้อง เพื่อจะออกไปนั่งกินข้าวของตัวเองเช่นกัน“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันออกไปกินข้าวก่อนนะคะ สามีกินเสร็จแล้วก็เรียกฉันนะคะส่วนถาดอาหารก็วางไว้ที่โต๊ะนี่ละค่ะ เดี๋ยวฉันจะมาเก็บออกไปให้”“ครับ…”หลังจากที่เธอออกจากห้องนอนของสามีมาแล้ว หนิงเหมยก็ตักข้าวแล้วนั่งกินที่โต๊ะอาหารเงียบๆ‘พอไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมากมายแล้ว ก็คิดถึงพ่ออวิ๋นแม่อวิ๋น แล้วก็ซูหนี่จัง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้างนะ?’แต่แค่นั่งคิดไปเรื่อยๆ ทำไมเธอถึงได้เผลอมาร้องไห้ได้เนี่ย?!‘ฮึกๆ … ฮือ อะ…ไอบ้าเอ้ย ทำไมถึงร้องไห้ได้เนี่ย ฉัน อึก! ไม่อยากอ่อนแอหรอกนะ ฮื้อๆ’เวลาผ่านไปไม่นาน หลังจากที่หนิงเหมยเอาแต่นั่งร้องนั่งร้องไห้ สุดท้ายเธอก็หยุดร้องไห้แล้วก็ตั้งสติได้สักที!จ๊อกๆ!‘นี่ฉันมัวแต่ร้องไห้จนท้องร้องประท้วงเลยหรือไงเนี่ย หึหึ! รีบกินข้าวดีกว่าฉันยังต้องไปเช็ดตัวให้สามีอีกนี่นา’หลังจากที่หนิงเหมยยัดอาหารเข้าปากอย่างหิวโหยไม่นานอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยงล
หนิงเหมยลากหมูป่าลงจากเขาด้วยอาการหอบแฮ่กๆ แต่ยังดีที่เธอมีน้ำวิเศษให้ดื่มเวลาที่เธอเหนื่อยล้าพูดแล้วก็ดื่มอีกสักหน่อยดีกว่า อึก! อึก!‘อ่าย! ค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย’ พูดจบหนิงเหมยก็เก็บกระบอกน้ำไม้ไผ่เก็บใส่ตะกร้าสะพายหลังทันทีก่อนที่จะค่อยๆ ลากเจ้าหมูป่าจอมตะกละนี่กลับบ้านตัวเองต่อไป!“หนิงเหมย น…นี่ นี่เธอล่าหมูป่ากลับมาได้เลยเหรอ?!” หนึ่งในชาวบ้านที่เห็นเธอลากหมูป่ากลับบ้านก็เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงตกตะลึง“โฮ่ะๆฉันแค่บังเอิญโชคดีน่ะค่ะ หมูป่าตัวนี้มันตะกละฉันเดินเข้าไปใกล้มันยังไม่รู้ตัวเลยค่ะ ฉันก็เลยฆ่ามันได้ง่ายๆ เลย ”ชาวบ้านที่ได้ยินคำพูดของเธอก็ถึงกับทำหน้ากันไม่ถูกเลยทีเดียว นี่มันอะไรกันการล่าหมูป่าได้เพราะหมูป่าตะกละเนี่ย!นี่มันช่าง! ทำไมพวกเขาขึ้นเขาตั้งบ่อยครั้งทำไมถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้างเล่า! หรือเพราะพวกสามีของพวกเธอจะโง่กว่าหมูป่าตัวนี้กัน?“เธอพูดจริงเหรอเนี่ย แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ?! ”หนิงเหมยเกาแก้มแก้เก้อเพราะเธอก็ไม่รู้จะเอ่ยแถอะไรออกมาแล้วล่ะ จึงได้แต่ตอบออกไปส่งๆ“จริงสิคะ ฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะไปมีความสามารถถึงขนาดล่าหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงกั
แม้เธอจะรู้ว่ามีชาวบ้านหลายคนมองเธออย่างสงสัยใคร่รู้ ว่าเพราะอะไรหญิงสาวถึงได้เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน แต่หนิงเหมยก็ไม่ได้ให้ความสนใจแล้วค่อยๆ เดินขึ้นเขาจนกระทั่ง…“นั่นหนิงเหมยรึ?! ”หนิงเหมยหันไปตามทิศทางของเสียงเรียก ก็เห็นว่าเป็นป้าหม่าที่อยู่ข้างบ้านของเธอนี่เองซึ่งป้าหม่าก็คือหญิงชราที่สร้างบ้านดินเหนียวอยู่ข้างๆ บ้านเธอ อ๊ะ! ต้องบอกว่าเธอไปสร้างบ้านข้างป้าหม่าสิถึงจะถูกส่วนความเป็นอยู่ของป้าหม่านั้นก็ถือว่าดีกว่าหนิงเหมย (คนเก่า) กับสามีอยู่มากโขเลยทีเดียว ป้าหม่าอาศัยอยู่เพียงคนเดียวไม่มีสามี แล้วก็ลูกหลานแม้แต่คนเดียว!ทำให้ป้าหม่าที่เป็นหญิงชรารู้สึกเหงาอยู่บ้าง เมื่อได้ยินเรื่องของเธอกับสามีที่มาอยู่บ้านข้างๆ ของแก ก็เลยรู้สึกสงสารเวทนาในโชคชะตาแต่พอได้รู้จักนิสัยใจคอของหนิงเหมยจริงๆ ก็ยิ่งทำให้ป้าหม่ารู้สึกรัก แล้วก็เอ็นดูเธอมากขึ้นไปอีก เสียก็แต่ว่าหนิงเหมยคนเก่าค่อนข้างที่จะเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้วก็เป็นคนเงียบๆ เสียด้วยสิ“อ้าว! ป้าหม่านี่เอง มีอะไรกับฉันหรือคะ? ”“อ้อ พอดีว่าป้าเห็นเธอแต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าน่ะสิ ก็เลยลองเรียกดูเธอเปลี่ยนไปจนยาย