-SOLO PART-
~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนนน~
(โซ หยุดเถอะนะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว) เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายพูดขึ้นทันทีที่ผมกดรับสาย
“โซไม่มีทางปล่อยให้มันผ่านไป จีก็รู้” จะว่าผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นก็ได้ แต่คนที่มันทำให้คนที่ผมรักเจ็บมันจะต้องเจ็บมากกว่า ต่อให้ใครจะต่อว่าผมยังไง ‘ผมก็ไม่สน’
(แต่ว่า...) เธอเอ่ยเสียงอ่อน
“ไม่มีแต่ แค่นี้โซมีงานต้องทำ” ผมตัดสายทันทีไม่รอให้เธอพูดต่อ
ตึ๊ดดดด!….
“งานที่ให้ไปทำเรียบร้อยรึยัง” ผมเอ่ยถามทิมมันเป็นทั้งเพื่อน บอดี้การ์ดและมือขวาของผม เรียกได้ว่ามันเป็นแทบทุกอย่างของผมเลยก็ว่าได้
“เรียบร้อยแล้วครับนาย”
“ดี...” ผมรอเวลานี้มาสามปีเต็ม ถึงเวลาแล้วที่ผมจะได้เริ่มมันสักที
อะไรก็ตามที่ผลเลือกแล้วผมไม่มีวันเปลี่ยนใจ ผมจะทำจนกว่ามันสำเร็จ มันก็เป็นแค่เกม เกมหนึ่งเท่านั้น เป็นเกมที่ผมจะไม่มีวันแพ้ เพราะผมไม่ใช่ผู้เล่น แต่ผมเป็นผู้ควบคุมเกมต่างหาก
-KAOTU PART-
@ มหาวิทยาลัย AA
สายลมเย็นที่พัดผ่านร่างบางของฉันไปไม่ได้ช่วยทำให้ใจดวงน้อยๆ ของฉันเย็นลงได้เลยสักนิด มันกลับยิ่งทำงานหนักขึ้นทุกครั้งที่สายตาของฉันเลื่อนผ่านชื่อแต่ละชื่อไป แต่ไร้วี่แววชื่อของตัวเอง จนมันใกล้จะหมดอยู่แล้ว เหมือนฟ้าจะเห็นอกเห็นใจสาวน้อยตาดำๆ อย่างฉัน
“เย้ๆๆๆๆ.........”
“เบาๆ หน่อยสิข้าว คนอื่นเค้ามองกันหมดแล้ว” เสียงวีนัสเพื่อนสนิทของฉันเอ็ดฉันขึ้นเบาๆ อย่างเอือมระอากับท่าทางเด็กน้อยของฉัน
“ก็คนมันดีใจนิวี” ฉันพูดเสียงอ่อน พร้อมกับยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูด้วยความดีใจที่มันท่วมท้นอย่างปิดไม่มิด
อุ๊ยยยย! ลืมแนะนำตัว สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ‘ปัทมา วรโชติ’ หรือเรียกว่า ‘ข้าวตู’ ก็ได้นะคะ ฉันอายุ 22 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย AA ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศเลยนะ และที่สำคัญอยู่ใกล้บ้านฉันด้วย ฉันก็เลยเลือกเรียนที่นี่
ฉันมีพี่ชายอีกหนึ่งคนด้วยนะ ชื่อ‘พี่ข้าวปั้น’ ตอนนี้พี่ปั้นทำงานอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลโน่นแน่ะนานๆ ทีจะได้กลับบ้านสักที ฉันเลยต้องอยู่บ้านกับแม่สองคน เป็นบ้านที่คุณพ่อซื้อไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย
“ทำอย่างกับถูกลอตเตอรี่” วีนัสเอ่ยพร้อมกับทำหน้าเอือมฉันแบบสุดๆ
วีนัสเป็นเพื่อนของฉันเพียงคนเดียวในมหาวิทยาลัย ฉันรู้จักกับเธอตั้งแต่วันแรกของการรับน้อง วีนัสภายนอกเธออาจจะดูเป็นคนแรงๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ เธอเป็นคนที่ใจดี แถมเธอยังเรียนเก่งมากๆ ด้วย เธอได้เกรด 4.00 แทบจะทุกวิชาเลยนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเกียรตินิยมอันดับ 1 วีนัสต้องได้มาครอบครองอย่างแน่นอน ส่วนฉันน่ะหรอถ้าไม่ได้เธอที่คอยช่วยติวหนังสือให้ ฉันจึงทำข้อสอบผ่านไปได้ฉลุยตลอด 4 ปีในรั้วมหาลัยแห่งนี้ หลังจากฝึกงานเสร็จพวกเราก็คงจบการศึกษากันอย่างเป็นทางการแล้วล่ะ
“ข้าวกลับบ้านเลยไหม…เดี๋ยวเราไปส่ง” วีนัสเอ่ยถามฉัน
“เดี๋ยวข้าวกลับเองดีกว่า ไม่อยากไปเป็น ก ข ค” ฉันตอบกลับเธอพร้อมกับเบะปากใส่วีนัสด้วยความหมั่นไส้ หลังจากที่สายตาของฉันมองเห็นผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ จากทางด้านหลังของเธอ
“วีนัส........” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยเรียกวีนัส ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้เขาคนนี้ก็คือ วินเทอร์แฟนหนุ่มของเธอนั่นเองทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่ฉันกับวีนัสอยู่ปี 1 แล้วแหละ จริงๆ แล้ววินเทอร์เข้ามาเรียนพร้อมกันกับพวกเรา แต่เขาไม่ได้เรียนคณะเดียวกันกับพวกเราหลอกนะ วินเทอร์เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ฉันรู้จักกับวินเทอร์ก็ตอนที่เขาเข้ามาจีบยัยวีนัสเพื่อนสาวคนสวยของฉันนี่แหละ
“ถ้างั้นเราไปก่อนนะวินเทอร์มารับแล้ว”
“จ้ะ บัยบายยยย” ฉันเอ่ยก่อนที่จะโบกมือให้กับทั้งสองคน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปยังรถของวินเทอร์ที่จอดอยู่ไม่ไกล ทีนี้ก็เหลือเพียงฉันคนเดียวสินะ
เฮ้ยชีวิตคนโสดอย่างฉัน ก็ต้องกลับคนเดียวตามระเบียบ อันที่จริงฉันก็มีคนเข้ามาขายขนมจีบเยอะนะก็เพราะหน้าตาของฉันออกจะสะสวยขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่มีคนเข้ามาฉันก็ปฏิเสธเขาไปซะหมด บอกตามตรงเลยว่าฉันกลัวความรัก ฉันกลัวที่จะอกหัก ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองควบคุมไม่ได้
เดี๋ยวค่ะ! อย่างพึ่งเข้าใจผิดว่าฉันช่ำชองเรื่องความรักนะ จริงๆแล้วฉันยังไม่เคยมีความรักหรอก แต่พี่ปั้นพี่ชายแท้ๆของฉันน่ะเคยอกหัก จนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย กว่าแม่จะพูดให้พี่ปั้นได้สติก็ปาเข้าไปหลายเดือน ฉันได้ยินแม่พูดกอกหูพี่ชายของฉันทุกวันจนฉันเองคนที่ไม่เคยมีความรักยังหลอนแทนเลย และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่ปั้นตัดสินใจไปทำงานในที่ที่ไกลๆ แบบนั้น…ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันหนีแม่หรือหนีจากอาการปวดใจกันแน่
ถึงฉันกับพี่ปั้นจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงที่ทำให้พี่ชายของฉันเสียทรงได้มากขนาดนี้เป็นใครกันแน่ และที่สำคัญฉันก็คงไม่กล้าถามพี่ปั้นด้วยสิ แต่จะเป็นใครก็ช่างเถอะเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้พี่ชายฉันก็ดูมีความสุขกับงานของเขาดี ปานี้พี่ปั้นคงจะลืมเขาได้แล้วมั้ง
@ บ้านข้าวตู
เนื่องจากบ้านของฉันอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น เดินตรงไปจากประตูด้านหลังมหาลัยประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว บ้านของฉันเป็นบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ ขนาดอยู่ที่ 170 ตารางวาเห็นจะได้ อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในบ้านของฉันจะมีสวนสวยๆ เล็กๆ อยู่หน้าบ้าน ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ของฉันกับพ่อค่ะ มันอาจจะเป็นสวนเล็กๆ แต่มันก็เป็นมุมโปรดของฉันเลยแหละ เวลาฉันคิดอะไรไม่ออก หรือเวลาฉันคิดถึงพ่อ ฉันก็มักจะมานั่งเล่นที่สวนนี้นี่แหละ การทำสวนจึงกลายเป็นงานอดิเรกของฉันซะแล้ว จะว่าไปก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะเดินกลับบ้านเนี่ย ประตูรั้ว หน้าบ้านถูกเปิดออกโดยระบบมือเลื่อนสไลด์ของฉันเอง
“โอ้ย!” ฉันเผลอสะดุดเตะขอบประตูรั้วอีกแล้ว ‘เจ็บตัวได้ทุกวี่ทุกวันจริงๆ’ ฉันบอกกับตัวเอง ก่อนที่ฉันจะรีบปิดประตูรั่วแล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าบ้านไป
“แม่ขา....” ฉันตะโกนเรียกแม่ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พร้อมกับสายตาของฉันที่สอดส่องไปทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบใครจนกระทั่ง
“ว่าไงคะลูกสาวคนสวยของแม่” เสียงแม่ตะโกนตอบฉันมาจากทางหลังบ้าน ก่อนที่ท่านจะชะเง้อหน้าหวานของท่านออกมามองฉันพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ
แม่ฉันท่านเป็นหญิงแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย เพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อเสียไปท่านก็เลี้ยงดูฉันกับพี่ปั้นอย่างดี บางครั้งฉันแค่มองเข้าไปในดวงตาของแม่ก็รู้แล้วว่าท่านเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องทำงานไปเลี้ยงพวกฉันทั้งสองคนไปด้วย แต่ทุกครั้งที่ท่านเห็นหน้าเราสองคนพี่น้องก็มีแต่รอยยิ้มมอบให้พวกเรามาตลอด ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยให้ฉันกับพี่ปั้นได้ยินเลยสักครั้ง
“ข้าวมีอะไรจะบอกแม่ด้วยค่ะ” ฉันเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปกอดท่านอย่างอ้อนๆ จากทางด้านหลัง
“ข้าวได้ที่ฝึกงานแล้วนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับท่าน
“แม่ดีใจด้วยจ้ะ...หนูต้องตั้งใจทำงานนะลูก” แม่ตอบกลับมาด้วยความดีใจก่อนที่มือของท่านจะลูบลงที่หัวของฉันอย่างรักใคร่เอ็นดู พร้อมกับรอยยิ้มของท่านที่ส่งมาให้ฉันด้วยความอ่อนโยน และรอยยิ้มนี้นี่แหละที่ใครๆก็บอกฉันได้มาจากแม่
ฟอดดดดดด!
“ค่ะแม่...” ฉันพยักหน้าพร้อมกับรับคำของท่าน ก่อนจะริมฝีปากบางของตัวเองลงที่แก้มของท่านอย่างทะนุถนอม
ฉันจะทำให้เต็มที่เลยให้สมกับที่บริษัทเลือกฉัน ก่อนหน้านี้ฉันสมัครไปหลายบริษัท แต่ก็ถูกปฏิเสธหมดเลย จนอาจารย์เรียกฉันไปพบแล้วก็แนะนำ บริษัท ทรี ทรู ทรานสอร์ต ให้ฉันไปลองสมัครดู ตอนแรกฉันก็กลัวว่าจะถูกปฏิเสธกลับมาอีก เพราะว่าเป็นบริษัทขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเชียวนะ แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วไง จะได้หรือไม่ และบริษัทจะเล็กหรือใหญ่ฉันก็ต้องลองส่งไปให้หมดอยู่ดี เพราะเวลามันเหลือไม่มากแล้วด้วยสิ ฉันก็เลยยื่นเรื่องไป และผลปรากฏว่าฉันได้จ้าบริษัทรับฉันเข้าฝึกงานเป็นที่เรียบร้อย
19.00 น.
หลังจากที่ฉันทานข้าว และก็อาบน้ำเสร็จ ฉันก็มานั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปฝึกงานสักหน่อย ฉันต้องพยายามสรุปเนื้อหาที่คิดว่าจะต้องใช้ให้ได้เยอะที่สุด เพราะมีเวลาเพียง 1 อาทิตย์เท่านั้นที่ฉันจะได้เตรียมตัว
~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~
เสียงโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงสั่น มันทำให้ฉันละความสนใจจากหนังสือตรงหน้า ไปสนใจปลายสายที่โทรเข้ามาแทน
“ฮายยยยย คนที่โทรมาหาฉันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพี่ปั้นพี่ชายสุดหล่อของฉันนั้นเอง
(สบายดีรึป่าวยัยตัวแสบของพี่...แม่ล่ะเป็นไงบ้าง) เสียงทุ้มจากปลายสายเอ่ยถามฉันเหมือนทุกครั้งที่โทรมา
“สบายดีค่ะ...หนูมีไรจะบอกพี่ปั้นด้วยแหละ”
(ไปทำอะไรพังมาอีกหละ)
“โห่...พี่ปั้นหนูไม่ใช่เด็กซุ่มซามแล้วนะ” ฉันเอ่ยบอกกับปลายสายไปอย่างงอลๆ
(พี่ไม่อยากจะเชื่อ 555) พี่ปั้นขำอย่างไม่ไว้หน้าฉันเลย ขำแบบไม่เชื่อฉันจริงๆ อย่างที่เขาพูด นี่ฉันเป็นน้องของเขานะเนี่ย
จะบอกว่าจริงๆ แล้วฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ แค่ของมันว่างไม่เป็นที่เป็นทางต่างหาก แล้วมันดันเป็นจังหวะที่ฉันเดินไปพอดีต่างหาก
“อย่าขำน้อง นิสัยไม่ดี” ฉันตอบกลับพี่ปั้นไปแบบงอลๆ “น้องจะบอกว่าน้องมีที่ฝึกงานแล้วนะ”
(จริงหรือหลอก...บริษัทที่โชคร้ายนั้นชื่ออะไรน้อ...?) พี่ชายสุดที่รักของฉันเอ่ยออกมาเสียงใส ฉันรู้นะว่าเขาแอบขำฉันแต่ไม่สนหรอก ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่แล้วสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากันเนอะ
“พี่ปั้นอะ…บริษัท ทรี ทรู ทรานสปอร์ต ค่ะ” ฉันเอ่ยตอบพี่ปั้นไป
(.........)
“พี่ปั้น พี่ปั้นมีอะไรรึป่าว...เงียบไปเลย” ฉันเห็นพี่ปั้นเงียบไปนาน ฉันจึงเอ่ยถามพี่ปั้นออกไป
(ป่าวๆ ไม่มีๆ)
(…ไอ้ปั้นมาดูนี่หน่อย) เสียงผู้ชายอีกคนดังมาจากปลายสายเอ่ยเรียกพี่ปั้น น้ำเสียงของเขาดูร้อนใจนะสงสัยวันนี้พี่ชายของฉันน่าจะมีงานเข้า
เนื่องจากพี่ปั้นทำงานเป็นวิศวกรปิโตรเลียม ซึ่งประจำการอยู่บนแท่นขุดเจาะกลางทะเลอ่าวไทย และวันนี้คงเป็นวันที่พี่ชายฉันรับผิดชอบสแตนบาย 24 ชั่วโมง หมายความว่าพี่ปั้นต้องพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าถูกตามตัวต้องมาทันทีนั่นเอง
(ตั้งใจฝึกละ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ พี่ต้องวางก่อนแค่นี้นะ) พี่ปั้นเอ่ยบอกฉันก่อนที่จะตัดสายไป
“ค่ะ”
ตึ๊ดดดดด!
-KAOTU PART-“ข้าวตู…มีอะไรรึป่าว”“มะ..ไม่มีค่ะพี่” พี่ส้มเธอหันมาพูดกับฉันทันทีที่ประตูห้องท่านประธานปิดลง เธอคงรู้ชื่อเล่นฉันจากประวัติของฉันที่เธอกำลังอ่านอยู่ในขณะนี้“โดนดุมาหรอ” เธอเอ่ยถามฉันด้วยความสงสัย“นิดหน่อยค่ะพี่” ฉันพูดตอบพี่ส้มพร้อมกับยิ้มให้เธอ หัวใจของฉันยังคงเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกได้อยู่แล้ว“นิดหน่อย” เธอทวนคำพูดของฉันด้วยความสงสัย พร้อมกับสีหน้าของเธอที่ดูฉงนใจยิ่งนักกับสิ่งที่ฉันพูด ฉันยังขวัญเสียอยู่เลยนะ คนอะไรหน้าตาก็หล่อ แต่ปากดันร้ายแถมยังดุอย่างกับ...เสือแน่ะ“ใช่ค่ะ จริงๆ นะคะ” ฉันตอบเธอไปด้วยความหนักแน่น ก็เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุนี่นา ฉันไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นสักหน่อย และอีกอย่างท่านประธานเป็นผู้ใหญ่เขาคงไม่ถือสาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหรอกน่าแต่ถ้าพรุ่งนี้เขาไล่ฉันออกล่ะจะทำไงดี ควรหางานใหม่รอเลยดีไหมนะ‘ช่างเถอะน่า’ ฉันได้แต่สายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัว ฉันควรตั้งใจทำงานมากกว่าตอนนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะ“มีอะไรให้ข้าวช่วยไหมคะ” ฉันเอ่ยถามพี่ส้มออกไปอย่างนอบน้อม“มานั่งตรงนี้นะ เดี๋ย
-KAOTU PART-@ บ้านข้าวตูหนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...ลมเย็นๆ ในช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคมที่พัดโชยเข้ามาปะทะเข้ากับใบหน้าหวานๆ เสียงน้ำไหลจากลำธารใกล้ๆ เสียงจิ้งหรีดเรไรรวมถึงนกน้อยใหญ่ร้องกันดังกล้องป่า สร้างความผ่อนคลายให้กับฉันเป็นอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่คิดว่าอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จังเลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วฉันไม่สามารถทำมันได้~กริ๊งงงงงงงงง~เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฉุดฉันให้ตื่นจากฝันหวาน ฉันจึงรีบลุกไปจัดการกับตัวเองชุดนักศึกษาที่ถูกทำให้เรียบอย่างบรรจงด้วยฝีมือของฉันเอง และก็ถูกสวมใส่โดยข้าวตูคนนี้นี่แหละ วันนี้ฉันเริ่มฝึกงานฉันไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็รีบวิ่งออกจากห้อง ลงบันไดไปตามกลิ่นหอมๆ ของกับข้าวฝีมือแม่ฉันเอง ‘ฉันจมูกดีใช่มั้ยล่ะ...ใช่แหละฉันยอมรับ’“อย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอกลูก” เสียงแม่เอ็ดฉันขึ้นดเสียงดัง พร้อมกับว่างถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะอย่างเบามือฟอดดดดดด!“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” ฉันเข้าไปสวมกอดแม่จากข้างหลัง พร้อมทั้งหอมแก้มแม่ไปหนึ่งฟอด“มาทานข้าวเร็วลูก จะได้ไปทำงาน” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งฉันรีบท
-SOLO PART-‘เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น’‘ออก...ไป...!!’หลังจากที่ยัยตัวเเสบนั่นเดินออกจากห้องทำงานของผมไป ผมก็เดินเข้ามาอีกห้องนึงซึ่งเป็นห้องลับที่มีเพียงผมกับไอ้ทิมมือขาวของผมเท่านั้นที่รู้ ซึ่งประตูทางเข้าก็คือชั้นวางหนังสือใหญ่ตรงมุมห้องทางด้านขวามือ ภายในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูเป็นโทนสีดำทั้งหมด มีกระจบบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานเพียงด้านเดียวของห้อง“ผู้หญิงอะไรวะหน้าหงุดหงิดชะมัด” ผมยิ่งนึกก็ยิ่งโมโหว่ะ เป็นผู้หญิงซะป่าวแต่ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าเอาเสื้อเชิ้ตตัวใหม่จากในตู้เสื้อผ้าออกมาสวมแทนเสื้อตัวเก่าที่ยัยตัวแสบนั่นทำเปียกอื้ออออออ อื้ออออออโทรศัพท์ผมสั่นรั่วขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้พวกนรกส่งมาเกิดเพื่อนของผมเอง โทรศัพท์สั่นรั่วขนาดไม่ใช่เรื่องงานแน่ๆ มีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้พวกมันพิมพ์คุยกันได้ยาวขนาดนี้เป็นอะไรนอกจาเรื่องเหล้าLineNakRob : พวกมึงคับNakRob : วันนี้เจอกันที่เดิมนะคับ ใครไม่มากูตัดเพื่อนนะคับMarcus : เออ ดีงั้นกูไม่ไปMarcus : กูรอโอกาสนี้มานานล่ะNakRob : สัส!!NakRob : คุณหมอเจซีกับท่านประธาน
-SOLO PART-หลายวันต่อมา...ดวงอาทิตย์ยังคงที่ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตกเป็นกิจวัตรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน ผู้คนมากมายที่ต่างก็พากันออกมาใช้ชีวิตทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองและครอบครัว ก็คงเหมือนกันนกตัวน้อยๆ ที่บินออกจากรังเพื่อหาอาหารในทุกๆ เช้า ก่อนจะกลับรังไปพักผ่อนในช่วงเย็น แต่ชีวิตของคนเราต่างจากนกเยอะบางคนใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นซะจนหลงลืมความเป็นตัวเองของตัวเองไป กระทั่งเวลาผ่านไปนานเข้าเรากลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปทำมันหล่นหายตั้งแต่เมื่อไหร่และที่ไหน ส่วนบางคนใช้ก็ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง เชื่อในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นถือมั่นมาตลอดซึ่งแน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในนั้น‘พวกกูหวังดีกับมึงไอ้โซ กูไม่อยากให้มึงต้องเสียใจทีหลัง’ตั้งแต่วันนั้นเสียงของเพื่อนผมก็ดังวนอยู่ในหัวของผม ผมสลัดคำพูดของพวกมันออกไปจากหัวไม่ได้สักที คนอย่างผมไม่มีวันเสียในทีหลังแน่นอนมันสมควรโดนแล้ว“นายครับ...” เสียงไอ้ทิมดังขึ้นจากด้านหลังปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ก่อนที่ผมจะละสายตาจากภาพการจราจรของรถที่สัญจรไปมาบนถนนด้านนอกหน้าต่างกว้างหันกลับมามองมัน“…”“...งานที่เชียงรายให้ผมจัดการเล
เช้าวันจันทร์...5.00 น.‘ค่าความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย ในขณะนี้ ทำให้อุณภูมิลดลงกว่าทุกวัน เนื่องมาจากเมฆที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าส่งผลทำให้อุณภูมิลดลงจากการสะท้อนของแสงและคลื่นที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์นั่นเองในช่วงเวลากลางวัน’ ฉันนอนกลิ้งไปมาก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาเปิดอ่านดูข่าวต่างๆ วันนี้วันจันทร์ซึ่งฉันจะได้ไปทำงานที่เชียงรายอากาศคงจะหนาวน่าดูดังนั้นฉันต้องเตรียมเสื้อแขนยาวไปด้วยเมื่อคืนด้วยความตื่นเต้นจนนอนไม่หลับของฉัน ทำให้เช้านี้ของฉันรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา บวกกับอากาศที่แสนจะอึมครึมทำให้ฉันขี้เกียจขึ้นมา 300 เปอร์เซ็นต์ ฉันละทิ้งความอิดออดของตัวเองไว้ที่เตียง เดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการกับตัวเองก่อนที่จะออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเป้เพียงหนึ่งใบเท่านั้น ก็ไปแค่ 3 วันเองไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะหรอก... ‘จริงซิ...ฉันลืมบอกพี่ปั้น’LineKAOTU : พี่ปั้นค่ะ...วันนี้ข้าวตูต้องไปทำงานที่เชียงราย 3 วันKAOTU : พีปั้นไม่ต้องเป็นห่วงน้องนะ...ข้าวจะดูแลตัวเองอย่างดีKAOTU : พี่ปั้นตั้งใจทำงานนะคะ...พี่ปั้นเขาไม่
-KAOTU PART-หลังจากที่ฉันได้สร้างวีรกรรมไว้กับผู้เป็นนายของฉันแล้วนั้น ฉันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยไม่กล้าแม้แต่จะหลับต่อ ‘ข้าวตูเอ้ย...เธอจะกลับบ้านครบ 32 ไหมนะ...’ ‘เขาจะฆ่าฉันจริงๆ...อย่างที่เขาพูดไหมเนี่ย’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่แบบนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่าท่านประธานโหดแค่ไหน18.30 น.ตลอดระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราเข้ามาอยู่ในเขตของจังหวัดเชียงรายแล้ว เท่าที่ฉันดูรายละเอียดงานของท่านประธาน พรุ่งนี้เขาถึงจะต้องไปคุยงานสถานที่และเวลาไม่ได้ระบุไว้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการจองที่พักกับทางโรงแรมฉันก็ไม่มี พี่ส้มเธอบอกกับฉันเพียงว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันมีหน้าที่ประสานงานให้ทุกอย่างออกมาให้เรียบร้อยเท่านั้นเองเมื่อฉันเงยหน้ามองรอบๆ ถนนสองเลนที่ขดเคี้ยวไปตามแนวเขาสองข้างทางที่รถหรูคันนี้กำลังขับผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ไม่มีวี่แววของหมู่บ้านหรือแหล่งที่อยู่อาศัยเลยสักนิด ก่อนที่รถหรูจะหักเลี้ยวไปทางแยกเล็กๆยังคงเป็นถนนสองเลนเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่าเส้นที่ขับผ่านมาแล้วอยู่นิดนึง‘ฮือออ อย่าบอกนะเขาจะฆ่า
-KAOTU PART-บรรยากาศรอบห้องโถงที่เงียบเชียบ อากาศที่เย็นจับขั้วหัวใจจากการทำงานอย่างหนักของแอร์คอนดิชั่น ทำให้ตัวของฉันสั่นไปหมดจนแยกแทบไม่ออกว่าฉันหนาวหรือเพราะฉันกลัวชายตรงหน้าที่จ้องมายังฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของฉันให้ได้ฉันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหาตัวช่วย แต่ก็นะวันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันกัน ภายในบ้านเงียบมาก จากที่เคยมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน บ้านหลังใหญ่หลังนี้คงไม่ได้เหลือเพียงเราสองคนหลอกใช่ไหม“หึ เธอรู้อะไรไหมทำไมฉันถึงเอาเธอมาที่นี่ด้วย" ชายตรงหน้าเอ่ยถามฉันเรียบ พร้อมกับจ้องมายังฉันไม่วางตา“…”“ทะ...ทำไมค่ะ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าไปตรงๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธมาตอนไหน แต่ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความแค้นที่ส่งมาให้ฉันฉันกับเขาเราพึ่งรู้จักกันฉันไม่เคยไปทำร้ายเขาเลย จริงๆมันอาจจะมีบ้าง แต่นั่นก็เป็นอุบัติเหตุที่ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นนี่นา ซึ่งฉันก็คิดว่าคนอย่างเขาไปน่าจะเก็บเอาเรื่องนั้นมาเป็นความแค้นจนถึงตอนนี้นะ“…”ตึกตึก ตึกตึกชายตรงหน้าค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน ด้วยความกลัวฉันจึงเดินถอยหนีเขาจนฉันสะดุดเข้าก
-SOLO PART-06.00 น.~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~ในขณะที่ผมนอนหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความแค้นของผมทำให้ผมทำรุนแรงกับเธอได้ขนาดนี้ สังเกตจากรอยแดงตามลำคอ ไล่ลงมายังลำตัวและแขนเรียว บริเวณครึ่งการสาวของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงระบมจนแดงไปหมด ผมคลั่งเกินไปหว่ะเธอหมดสติไปแล้วผมก็ยังไม่หยุด ระบายใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากโต๊ะเล็กๆ บริเวณหัวเตียงของผม ผมจึงพลิกตัวและจับหัวคนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ให้ไปนอนหนุนยังหมอนดีๆ อย่างเบามือ เพราะกลัวว่ายัยตัวเล็กที่กำลังนอนหลับจะตื่นขึ้นมา“อืออออ” เสียงยัยตัวเล็กครางออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังจะถูกกวนให้ตื่นจากห้วงนิทรา-Marcus-แกร่ก!! แกร่ก!!ติ๊ด!ผมเดินออกไปยังระเบียงหลังห้องก่อนที่จะกดรับสายทันที ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่างไอ้มาร์คัสไม่มีทางโทรหาผมเวลานี้เเน่นอน(โซโล่เพื่อนรักมึงทำอะไรอยู่ครับ) น้ำเสียงที่กวนบาทาดังออกมาจากปลายสาย“ไอ้เชี้ยมาร์คัส! มึงโทรมาถามกูแค่นี้” ความมั่นใจในตอนแรกของผมเริ่งเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที(ก็กูคิดถึง) คำที่ชวนจะอ
@โรงพยาบาล SE"พี่มาร์คัส พี่นักรบคะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามพี่มาร์คัสกับพี่นักรบออกไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน"ทำใจดีๆไว้นะข้าว" พี่นักรับเอ่ยบอกกับฉันพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีเอาสะเลย"ฮึก ฮืออออ ไม่จริงเขาต้องไม่เป็นอะไร" ฉันเอ่ยบอกกับพี่นักรบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย"ข้าวตู..." พี่มาร์คัสเอ่ยเรียกฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่บ่าของฉันอย่างปลอบประโลม"ฮึก มะ ไม่จริงใช่ไหมค่ะ" ฉันเอ่ยถามพวกเขาออกไปอีกครั้ง หัวใจสั่นระรัวเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"ถ้าข้าวเป็นห่วงมันขนาดนี้ทำไมไม่ให้อภัยมันสักที?" พี่มาร์คัสเอ่ยถามฉันขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ"คะ ใครบอกว่าหนูไม่ให้โอกาสเขาล่ะคะ" ฉันเอ่ยบอกกับพี่มาร์คัสออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหนออกมา"...""หนูให้โอกาสเขาตั้งนานแล..." ฉันยังไม่ทันพูดจบพี่นักรบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา"ได้ยินชัดแล้วนะมึง" พี่นักเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเลยไปที่ด้านหลังของฉัน อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่ข้างหลังฉันควับ!!! ฉันรีบหันกลับไปมองเขาทันทีที่พี่นักรบพูดจบ"ฮืออออ พี่โซโล่..." ฉันเอ่ยเรียกเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ทันทีราว
3 ปีก่อน...ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!!'ใครอะ?' ข้อความในมือถือของจีน่าดังเขามารัวๆ ข้อความถูกส่งมาโดยคนที่เธอไม่รู้จัดเธอจึงกดเข้าไปดูแล้วกูพบว่ามันเป็นรูปข้าวปั้นแฟนหนุ่มของเธอกับนุ่นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังนอนกอดกำลังนอนกอดกันอยู่ในสภาพที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น รวมถึงสภาพห้องที่ดูแล้วราวกับว่าพึ่งจะผ่านศึกสงครามมา จีน่าเธอยืนดูภาพตรงหน้านิ่งเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้พยายามหาเหตุผมที่จะมาลบล้างภาพตรงหน้าสักเท่าไรมันก็ไม่หายไปสักทีจนกระทั่งกรี๊ดดดดดดดด ฮือออออออจีน่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตอนนี้มันไม่สามารถระบายเป็นความเจ็บปวดได้ทั้งแฟนที่เธอรักและเพื่อนที่เธอสนิทด้วยทั้งคู่กำลังสวมเขาให้เธอจริงๆนะหรอ?ฮึกกกก ฮืออออออจีน่าพยายามโทรหาข้าวปั้นแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติดสักที เธอจึงเลือกส่งข้อความไปแทน'มันเป็นเรื่องจริงหรอปั้น?' จีน่าส่งรูปที่มีบุคคลที่สามส่งมาให้เธอให้กับข้าวปั้นพร้อมกับพิมพ์ถามเขาออกไป'ปั้น''อ่านแล้วก็ตอบเล่าสิอย่าเงียบได้ไหม'ฮืออออออออ'ปั้นทำมันลงไปจริงหรอ' ยิ่งข้าวปั้นอ่านแล้วไม่ตอบมัน
-SOLO PART-@บ้านข้าวตูผมขับรถสปอร์ตหรูของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของข้าวตู ผมไม่รู้ว่าแม่ของข้าวตูเธอรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ตอนนี้ผมควรจะทำมากที่สุดคือเล่าความเลวของตัวเองที่ได้กระทำไว้กับข้าวตู ให้แม่ของเธอได้รับรู้จากปากของผมเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะให้อภัยผม เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของผม ผมก็คงไม่ให้อภัยใครง่ายๆ เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัวเองกริ๊ง!!! กริ๊ง!!!ผมเดินลงจากรถและไปกดกริ๊งหน้าบ้านของข้าวตู รอไม่นานแม่ของข้าวตูเธอก็เดินตรงมาหาผม"คุณมาทำไมคะ" เธอเอ่ยถามทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่มาเป็นผม ท่าทีเธอดูนิ่งจนผมเริ่มจะแปลกใจ"สวัสดีคับ ผมขอเข้าไปข้างไนได้ไหม?" ผมกล่าวทักทายแม่ข้าวตูด้วยถ่อยคำที่สุภาพ"เชิญค่ะ""ขอบคุณครับ" พูดจบผมจึงเดินตามแม่ข้าวตูเข้าไปในบ้านของเธอ"นั่งก่อนค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้""ไม่เป็นไรครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่""ค่ะ!!!" เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ผมว่าผมเรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้วก็เธอเป็นแม่ของเมียผมนิ"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับเรื่องที่ผมทำร้ายข้าวตู" ผมเอ่ยขอโทษแม่ขอ
"ปั้น" เสียงของจีน่าเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ"ครับ" ข้าวปั้นหยุดเดิน ก่อนจะขานรับคำจีน่าพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ"ปั้นไม่โกรธโซเลยหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกันที่บ้านของข้าวปั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าโกรธเคืองโซโล่ออกมาอีก"โกรธสิ! เราอยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ" ข้าวปั้นเอ่ยตอบจีน่าออกมาเสียงเรียบ"...""แต่เราไม่ทำหรอ เดี๋ยวเวณกรรมก็ตามมันเองเรารู้จักน้องเราดีถึงภายนอกข้าวตูจะดูเป็นคนอ่อนแอก็เถอะ""หมายความว่า...ปั้นรู้?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปทั้งๆที่เธอก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วจากคำพูดของเขาเมื่อกี้"เรารู้มานานแล้วว่าไอ้โซชอบข้าว" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไป"ปั้นผิดแล้ว..." จีน่าตอบข้าวปั้นออกไปด้วยรอยยิ้ม"หืม แต่เราเห็นว่ามันสั่งให้ลูกน้องของมันเอาตุ๊กตามาให้ข้าวเมื่อหลายปีก่อนนะ" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไปด้วยความงุนงง มันจะผิดไปได้ไงในเมื่อวันเกินข้าวตูเมื่อ 8 ปีก่อนหลังเลิกเรียนเขาเดินกลับมาบ้านก็เห็นว่ามันยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้วางแผลกับลูกน้องของมันเพื่อที่จะนำตุ๊กตามาให้ข้าวตู ทุกอยากอยู่ในสายตาของเขาหมด รวม
-KAOTU PART-"จอดรถเถอะนุ่นปล่อยข้าวตูไป น้องไม่เกี่ยวอะไรด้วย" เสียงของผู้หญิงที่ชื่อจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนคนข้างๆ"เป็นห่วงกันจริงๆเลยน้องผัวเนี่ย อ้อไม่สิหรือต้องเรียกว่าพี่สะใภ้กันนะถึงจะถูก" ฉันอึ้งไปกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า 'หมายความว่าเธอคนนี้ที่ชื่อจีน่า เธอเป็นน้องสาวของผู้ชายใจร้ายคนนั้น และเธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ปั้นพี่ชายของฉันงั้นหรอ' ฉันพูดกับตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับมองไปที่คุณจีน่าไปด้วยความงุนงง ทำไมความสัมพันธ์มันซับซ้อนจัง"หยุดเถอะนุ่น" คุณจีน่าพูดเสียงเเข็ง ตอนนี้สีหน้า ท่าทางของเธอดูเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดทั้งท่าทีที่ดูน่าเกรงขามและน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นฉันว่า 'บรรยากาศบนรถมันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ' คิดได้ดังนั้นฉันจึงขยับตัวเองไปนั่งติดกับที่พิงด้านหลัง แล้วมือทั้งสองข้างฉันจับเบาะรถไว้เเน่น ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่ฉันเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องฉันต่างหาก"กูไม่หยุด มึงจะสนมันทำไมมึงไม่เกลียดพี่มันแล้วหรอ" เธอตวาดคุณจีเสียงดัง"ฉันไม่มีทางเกลียดปั้น" คุณจีก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน"..." ฉันนั่งฟังที่เขาคุยกันอย่างเงียบๆ เพราะเรื่อง
17.00 น."ข้าวตู ข้าว" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงพี่ปั้นที่เรียกฉันดังมาจากหน้าห้องนอนของฉัน"ค่า..." ฉันขานรับพี่ปั้นกลับไปก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ"ลงไปกินข้าวกัน""โอเครค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะ" ฉันตอบพี่ปั้นกลับไปก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง"ฮืมมม หอมจังเลยค่ะแม่" ฉันเอ่ยบอกกับออกไป"งั้นหนูต้องกินเยอะๆนะลูก" แม่เอ่ยบอกกับฉันก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวของฉันอย่างทะนุถนอม"กำไลใครหรอข้าว?" เรานั่งกินอาหารกันไปได้สักพักพี่ปั้นก็เอ่ยถามฉันพร้อมกับมองดูกำไลที่ข้อมือของฉันอย่างสงสัย"ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ มีคนมาส่งตุ๊กตามาให้ข้าวอีกแล้วค่ะ และในนั้นก็มีกำไลนี้มาด้วยข้าวพยายามแกะออกแล้วนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกสักที" ฉันอธิบายให้แม่กับพี่ปั้นฟัง"งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่กล่องว่าเขาซื้อมาจากที่ไหน แล้วถ้าวันไหนว่างพี่จะพาไปเอาออก" พี่ปั้นเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย นานแล้วที่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้อาหารมื้อนี้ยาวนานกว่าที่เคย แถมฉันก็ยังเจริญอาหารมากกว่าทุกครั้งอีกด้วย3 วันต่อมา...
@โรงพยาบาล SE"วี" ฉันเอ่ยเรียกวีนัสออกไปทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อรอผลตรวจจากคุณหมอ ก่อนที่ฉันจะไปคว้ามือวีนัสมาจับไว้แน่น..."ไม่ต้องกลัวนะข้าวเราจะอยู่ข้างๆข้าวเอง" วีนัสเอ่ยบอกกับฉันก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน พร้อมกับมือบางของเธอที่ลูบแผ่นหลังฉันอย่างอ่อนโยน"อืม" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบกลับวีนัสแอ๊ดดดดดด!!!"ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องรอ" คุณหมอเดินเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอพร้อมกับก้มลงอ่านเอกสารในมือ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน"ยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรห์ได้ 4 สัปดาห์แล้วค่ะ""..." เหมือนโลกทั้งใบของฉันหยุดลงไปชั่วขณะหูฉันอื้อไม่ได้ยินเสียงใดๆรอบตัว แขนและขาทั้งสองข้างไม่มีแม้แต่เรียวแรงจะขยับหนีไปไหน"คุณแม่ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะคะ และเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงไปให้ด้วยค่ะ""...""ขอบคุณนะคะคุณหมอ ปะข้าว" เป็นเสียงที่วีนัสที่เอ่ยบอกกับหมอก่อนจะพาฉันลุกเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอรับยา ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ตัวเองกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง แต่ฉันกลัว กลัวแม่และพี่ปั้นจะผิดหวังในตัวฉัน กลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันยังไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาภูมิใจในตัวฉันเลยสักอย่าง
@มหาวิทยาลัย AAสายลมเอื่อยๆในยามสายของวันช่วยให้คลายความร้อนจากแสงของดวงอาทิตย์ในช่วงนี้ของวันได้มากอยู่เหมือนกัน สายลมที่พัดไปมาทำให้ใบไม้น้อยใหญ่ที่แห้งเหี่ยวอยู่บนลำต้นของมันร่วงโรยมากองอยู่ที่พื้นด้านล่างอย่างง่ายดาย ใบไม้เหล่านั้นถูกกวาดมากองรวมกันไว้เป็นกองๆเพื่อรอจัดการกับมันต่อไปหลังจากที่ฉันกับพี่ปั้นไปส่งแม่ที่บ้าน และช่วยท่านเก็บข้าวของเข้าที่จนเรียบร้อย พวกเราสองคนพี่น้องก็รีบมาที่มหาลัยของฉันทันที ฉันได้โทรถามอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันแล้วท่านว่างวันนี้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากท่านต้องไปศึกษาดูงานของคณะที่ต่างประเทศ ถ้าฉันไม่รีบทำเรื่องให้เรียบร้อยในตอนนี้ก็คงต้องรอไปอีกหลายวันเลยแหละ“สวัสดีค่ะอาจารย์/สวัสดีครับ” ฉันและพี่ปั้นเอ่ยทักทายอาจารย์ของฉันพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ท่านอย่างนอบน้อมทันทีที่พบท่านที่ห้องพัก“สวัสดีเชิญนั่งค่ะ”“ขอบคุณค่ะ/ครับ”"มีเรื่องอะไรรึป่าวปัทมา?" อาจารย์เอ่ยถามฉันทันทีที่ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ข้างพี่ปั้นฝั่งตรงข้ามกับท่าน สีหน้าท่านดูกังวลเล็กน้อยที่เห็นฉันเดินเข้ามากับพี่ปั้น ซึ่งเขาก็ถือว่าเป็นผู้ปกครองของฉัน"เอ่อ..." พอฉันเห็นสายตาของอาจา
อีกด้านหนึ่ง..."จี" เสียงของข้าวปั้นเอ่ยเรียกจีน่าทันทีที่เห็นเธอกำลังเดินผ่านเขาไป"อ่าว! ปั้นไม่ได้อยู่ในห้องหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย..."เราออกมาคุยกับหมอ เรื่องที่เราคุยกันพรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะ" ข้าวปั้นเอ่ยบอกกับจีน่าอย่างกล้าๆกลัวๆ กลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาจะปฏิเสธ"อืมได้สิ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นเสียงอ่อน ทำให้คนฟังยิ้มออก"มาเยี่ยมข้าวตูหรอ ไปพร้อมเราเลยสิ""ค่ะ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นออกไปก่อนที่เธอจะเดินตามเขาไปยังห้องข้าวตู"ไอ้ปั้น กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อย" เสียงโซโล่เอ่ยเรียกข้าวปั้นทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้อง และพบว่าข้าวปั้นกำลังจะเดินเข้าห้องพร้อมกับจีน่า"ว่ามา""กูขอโทษเรื่องข้าวตู..." โซโล่เอ่ยบอกกับข้าวปั้นเสียงอ่อน"กูไม่รับเพราะกูไม่ใช่ข้าวตู และกูก็จะไม่แก้แค้นแบบที่มึงทำด้วยไอ้โซ""...""แค่กูอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเวรกรรมมันก็ตามมาสนองมึงเอง" ข้าวปั้นเอ่ยตอบกลับโซโล่ออกไปเสียงเรียบก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา เพราะเขารู้ดีว่าข้าวตูเป็นคนอย่างไงและโซโล่กำลังคิดอะไรกับน้องของเขาอยู่“…”“วันนี้มึงกลับไปเถอะ ข้าวยังไม่อยากเห็นหน้ามึง”"เออกูรู้ ปะจีวันนี้กล