-KAOTU PART-
@ บ้านข้าวตู
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...
ลมเย็นๆ ในช่วงฤดูหนาวของเดือนธันวาคมที่พัดโชยเข้ามาปะทะเข้ากับใบหน้าหวานๆ เสียงน้ำไหลจากลำธารใกล้ๆ เสียงจิ้งหรีดเรไรรวมถึงนกน้อยใหญ่ร้องกันดังกล้องป่า สร้างความผ่อนคลายให้กับฉันเป็นอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่คิดว่าอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จังเลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วฉันไม่สามารถทำมันได้
~กริ๊งงงงงงงงง~
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นฉุดฉันให้ตื่นจากฝันหวาน ฉันจึงรีบลุกไปจัดการกับตัวเองชุดนักศึกษาที่ถูกทำให้เรียบอย่างบรรจงด้วยฝีมือของฉันเอง และก็ถูกสวมใส่โดยข้าวตูคนนี้นี่แหละ วันนี้ฉันเริ่มฝึกงานฉันไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็รีบวิ่งออกจากห้อง ลงบันไดไปตามกลิ่นหอมๆ ของกับข้าวฝีมือแม่ฉันเอง ‘ฉันจมูกดีใช่มั้ยล่ะ...ใช่แหละฉันยอมรับ’
“อย่าวิ่งสิลูก เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอกลูก” เสียงแม่เอ็ดฉันขึ้นดเสียงดัง พร้อมกับว่างถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะอย่างเบามือ
ฟอดดดดดด!
“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่” ฉันเข้าไปสวมกอดแม่จากข้างหลัง พร้อมทั้งหอมแก้มแม่ไปหนึ่งฟอด
“มาทานข้าวเร็วลูก จะได้ไปทำงาน” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ฉันรีบทานข้าวต้ม เพื่อที่จะได้รีบออกไปทำงาน ‘วันนี้เป็นวันจันทร์ซะด้วยสิ รถต้องเยอะแน่ๆ เลย’ ฉันคงต้องรีบไปดีกว่า อย่างน้อยรถก็คงจะยังไม่ติดมากเท่าไหร่
“แม่ขา หนูไปทำงานก่อนนะคะ”
“จ้าเดินทางปลอดภัยนะลูก” เมื่อทานข้าว เก็บถ้วยเก็บจานเข้าที่เรียบร้อย ก็รีบวิ่งออกมาเพื่อไปขึ้นรถโดยสารประจำทางที่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านทันที ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้คนไม่เยอะด้วยเถอะ
“...” แต่ก็นะเหมือนสวรรค์จะไม่ค่อยได้คิดคำขอของฉันแน่ เพราะตอนนี้นอกจากการจราจรตรงหน้าจะติดขัดขยับได้ที่ละนิด จำนวนผู้คนที่ยืนเบียดกันอยู่บนรถประจำทางก็เยอะมากด้วย
@บริษัท ทรี ทรู ทรานสปอร์ต
ตอนนี้ข้าวตูเด็กสาวแสนสวยคนนี้ก็มาถึงบริษัทอย่างปลอดภัย แถมทันเวลาอีกตั้งหากถึงจะใช้เวลาเดินทางกว่า 1 ชั่วโมงก็เถอะ
ฉันเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้าตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่แค่ด้านนอกยังสวยขนาดนี้ ฉันอยากเห็นจังว่าข้างในจะสวยขนาดไหนนะ
ก่อนหน้านี้ฉันได้ศึกษาข้อมูลคร่าวๆ มาจากอินเตอร์เน็ตบ้างแล้ว ทำให้ฉันรู้ว่านอกจากบริษัทนี้จะเป็นบริษัทขนส่งที่ใหญ่ที่สุดแล้ว อีกหนึ่งข้อดีของที่นี่ก็คือ ‘ประธานบริษัทหล่อมากๆ แต่ข้อเสียก็คือ เขาโหดและดุมากๆ เช่นกัน’ ฉันน่ะไม่ตื่นเต้นหรอกนะกับคนหล่อ แต่ที่จะทำให้ฉันทั้งตื่นเต้น และรู้สึกกลัวก็ตรงที่เขาโหดและดุมากๆ เนี่ยแหละ เอาเป็นว่าถึงยังไงฉันก็คงไม่ได้เจอเขาหรอก ไปค่ะเข้าบริษัทดีกว่าก่อนที่จะสาย
‘ว้าวววววว.....’ ฉันเดินเข้ามาด้านในของบริษัทที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ภายในถูกตกแต่งอย่างหรูหรามากสมกับที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการขนส่งจริงๆ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเด็กฝึกงานมารายงานตัวค่ะ” ฉันเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือไหว้พี่พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยความนอบน้อม
“เดี๋ยวพี่พาไปที่ฝ่ายบุคคลนะคะ” เธอเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มแย้มให้กับฉันอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะ” ฉันก็เอ่ยตอบกลับเธอไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
จากนั้นพี่พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ก็พาฉันเดินไปยังลิฟต์ที่อยู่ด้านขวามือ ก่อนที่พวกเราจะขึ้นมายังชั้นที่ 15 ของอาคารแห่งนี้ ก่อนที่พี่เขาจะพาฉันเดินลัดเลาะจนมาถึงห้องห้องหนึ่งที่หน้าห้องระบุไว้ว่า ‘ฝ่ายบุคคล’
“พี่วรรณคะ มีน้องฝึกงานมารายงานตัวค่ะ” เมื่อมาถึงเธอก็พูดกับผู้หญิงอีกคนที่ดูอายุไม่เยอะแต่ว่าภายใต้ใบหน้าที่สวยไร้ที่ติของเธอนั้น กลับซ้อนไปด้วยดวงตาที่ดุดันน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบใจจ้ะ” พี่ที่ชื่อวรรณบอกกับพี่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนที่พี่พนักงานจะเดินออกไป
“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เธออย่างน้อบน้อม
“เชิญนั่ง” เธอพ่ายมือให้ฉันนั่งลงที่โซฟา พร้อมกับเด็กฝึกงานอีกสองคนที่มารายงานตัวพร้อมกัน ฉันก็ยิ้มให้กับทั้งสองด้วยความเป็นมิตร ซึ่งพวกเธอทั้งสองคนก็ยิ้มกลับมาให้ฉันเช่นกัน
“เธอชื่อปัทมา วรโชติ ใช่ไหม” พี่วรรณเธอหันมาถามฉัน ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารในมือของเธอ ผลัดกับเงยหน้าคมของเธอขึ้นมามองหน้าฉัน สายตาเธอเต็มไปด้วยความงุนงง
“ชะ ใช่ค่ะ” เอาแล้ว... ‘ฉันทำอะไรผิดรึป่าวนะ?’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ ยังไม่ทันได้ทำงานฉันจะถูกไล่ออกไม่ได้นะ ข้าวตูคนนี้ต้องได้โชว์ฝีมือของตัวเองก่อนสิ
“น้องถูกเลือกให้ไปเป็นผู้ช่วยเลขานะคะ เนื่องจากพี่เลขากำลังจะลาพักร้อน” อึ้งไปเลยฉัน...พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว แค่เด็กฝึกงานธรรมดาธรรมดาฉันก็กลัวจะแย่...นี่จะให้ฉันไปเป็นเลขา เลขาใครกัน ฉันจะรอดจนถึงวันสุดท้ายของการฝึกไหมเนี่ย แล้วถ้าฉันถูกส่งกลับก่อนกำหนดล่ะจะทำยังไงดี ‘หายใจเข้าลึกๆ ข้าวตูเธอเอาอยู่ เธอทำได้ เธอทำได้’
“เดี๋ยวพี่พาขึ้นไปพบพี่เลขา เพื่อเรียนรู้งานก่อนนะคะ”
“น้องคะ...” เหมือนหูฉันจะดับไปเลย ไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้นเลยจริงๆ…
“น้องคะ น้องคะ...ไปกันค่ะ” ฉันสะดุ้งจากภวังค์ทันทีที่พี่วรรณเธอสะกิดเรียกฉัน
“คะ...ปะ...ไปค่ะ”
ฉันเดินตามพี่วรรณไปแบบงงๆ เราเดินไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร เมื่อมาถึงเราทั้งสองก็เดินต่อเข้าไปด้านในสุดของชั้นมันดูเงียบมาก พนักงานบนชั้นนี้เท่าที่ฉันเห็นมีน้อยมากนับคนได้เลย แต่ละคนมีห้องเป็นของตัวเอง จริงๆก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่เพราะชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นชั้นของผู้บริหารนี้เนอะ
พวกเราเดินเข้ามาจนถึงด้านในสุด และฉันก็กำลังกังวลว่าฉันจะได้เป็นเลขาของ ‘บ้า เป็นไปไม่หรอกน่า ไม่ใช่แน่ๆ’
แต่.....
ป้ายหน้าห้องเขียนว่า ‘ประธานกรรมการ’ เหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลกกับข้าวตูคนนี้ซะแล้วสิ หรือว่าวันนี้เทวดาที่คอยนับแต้มบุญจะไม่มาทำงานนะ รู้สึกว่าวันนี้ฉันขออะไรไปไม่ได้กลับมาสักอย่างเลย
ตอนนี้ในหัวฉันมีแต่คำว่า ‘โหดมาก โหดมากๆ โหดมากๆๆ .....’ เต็มไปหมด
“….”
ไม่สิไม่ได้...ฉันต้องสู้ แค่ 4 เดือนเองฉันจะต้องรอด ถ้าเราทำงานอย่างเต็มที่ไม่ทำอะไรผิดพลาดเขาก็คงไม่ดุหรอกน่ะ ฉันกำลังบิ้วอารมณ์ตัวเองให้มีแรง มีกำลังใจในการทำงานไม่ให้หนีจนตะเลิดเปิดเปิงไปซะก่อน ‘ลุยข้าวตู’
“พี่ส้มคะ วรรณพาเด็กฝึกงานมาแล้วค่ะ” พี่วรรณเธอเอ่ยบอกกับพี่อีกคน หญิงร่างท้วมที่ดูมีอายุกว่าพี่วรรณอยู่มากพอสมควรเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองฉันก่อนจะยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ” ฉันพูดทักทายพี่ส้มพร้อมกับยกมือไหว้เธออย่างนอบน้อม ก่อนจะยิ้มให้กับเธออย่างเป็นมิตร
“สวัสดีจ่ะ” เธอก็ส่งยิ้มกลับมาให้ฉันเช่นกัน พี่ส้มเธอดูดีมากเลย ถึงจะดูมีอายุ แต่ใบหน้าที่สวยคมอย่างไร้ที่ตินั้นชวนให้หน้าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ววรรณไปก่อนนะคะ” พี่วรรณเอ่ยบอกกับพี่ส้มอย่างนอบน้อม
“จ้ะ ขอบใจนะ” พอพี่ส้มพูดจบพี่วรรณเธอก็เดินออกไปทันที
“ปะ...เดี๋ยวพี่พาไปพบท่านประธาน” พี่ส้มหันมาบอกกับฉันก่อนจะว่างเอกสารตรงหน้าลง
“คะ...ค่ะ” ฉันเดินตามพี่ส้มเข้าไปในห้องท่านประธาน
“ขออนุญาติค่ะท่านประธาน”
พอเข้ามาในห้องฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบ้างอย่างเหมือนกำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่ สายตาแต่ละคนทำให้ฉันรู้สึกว่าพวกเขากำลังรอคอยการมาของฉันอย่างไงอย่างงั้น ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมามองสบตาของพวกเขาทีละคน ก่อนจะพบเข้ากับผู้ชายยืนใส่สูตร หน้านิ่งดูหน้ากลัวๆ เขาดูเหมือนจะเป็นมือขวาของผู้ชายที่นั่งอยู่ยังโต๊ะทำงานกลางห้องใหญ่แห่งนี้ ฉันเผลอสบตากับเขาเข้าทำให้ฉันรู้เลยค่ะว่าเขาหล่อสมคำร่ำลือจริงๆ ใบหน้าเรียวได้รูป ตามคมที่แฝงไปด้วยความดุดัน จมูกโด่งเป็นสัน ปากหนาหนาได้รูป มาอยู่รวมกันบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ทำให้เขาดูไร้ที่ติอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ แต่ถึงท่านประธานจะหน้าตาหล่อเหลาหมดจดเพียงใด ฉันก็ยังรู้สึกได้ว่าเขาหน้ากลัวอย่างที่คนในอินเตอร์เน็ตได้กล่าวกันไว้จริงๆ
ท่านประธานเขาจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อฉันเข้าไปได้ทั้งตัวอยู่แล้ว ตาคมเหมือนเหยี่ยวของเขาจ้องจนฉันต้องก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาของเขา
“ท่านประธานคะ ส้มพาน้องฝึกงาน…”
“ออกไปให้กันหมด” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยออกมาเสียงเข้ม เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูมีพลัง หรืออำนาจอะไรบางอย่างจนทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังไปหมด
“คะ...ค่ะ” แค่เสียงยังหน้ากลัวขนาดนี้เลย เวลาทำงานเขาต้องดุมากแน่ๆ อย่าขัดคำสั่งเขาเลยดีกว่า คิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบเดินตามพี่ส้มกับคุณมือขวาของเขาออกไปทันที
แต่......
“เดี๋ยว!...” เหมือนทุกอย่างรอบตัวฉันนิ่งไปหมด ฉันเริ่มสัมผัสได้ว่าอีกไม่นานจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับแน่ๆ
“คนอื่นออกไป...เธออยู่ก่อน” ท่านประธานพูดกับพี่ส้มและพี่มือขวาก่อนที่จะหันมาพูดกับฉัน ‘ข้าวตูซวยแล้ว...’ ฉันพึ่งเข้าใจว่า ‘หัวใจสั่นละรัว’ เป็นยังไงก็ตอนนี้นี่แหละ
ตึกตึก ตึกตึก
“มองหน้าฉัน” เมื่อทั้งห้องเหลือแค่ฉันกับท่านประธานเพียงสองคน ท่านประธานเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ จนฉันรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กันมาก มาเกินไป ถึงจะรู้แบบนั้นก็เถอะฉันไม่มีความกล้ามากพอที่จะเขยิบหนีเขา เพราะขาเจ้ากรรมดันแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะสั่นด้วยซ้ำ
“เธอเอาแต่ก้มหน้าแบบนี้...มันดูไม่มีมารยาท” พอท่านประธานพูดจบประโยคเท่านั้นแหละ...
“เธอออ!!!....” ด้วยความที่ฉันตกใจกลัวที่ท่านประธานกล่าวว่าฉัน ฉันจึงรีบเงยหน้ามองท่านประธานทันที โดยที่ฉันไม่ทันได้ระวังก็เลยทำให้...หัวของฉันกระแทกเข้ากับคางของท่านประธานเข้าอย่างจัง ‘แม่จ้าพ่อจ้า ช่วยข้าวตูด้วย!!!’ ฉันได้แต่ภาวนาอยู่ภายในใจ
“ขอโทษค่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจ” ฉันรีบยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวขอโทษท่านประธานออกไปทันที
...
เหมือนอากาศรอบตัวฉันดูอึมครึมไปหมด เราสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้นสักพักหนึ่ง สายตาที่ดูคลาดเดาได้ยากในตอนแรก เปลี่ยนเป็นสายตาที่พร้อมจะบีบคนหนึ่งให้แหลกคามือเขาได้อยู่แล้ว
“ออกไป!!...”
“คะ...ค่ะ” ฉันไม่รอช้ารีบก้มหัวให้ท่านประธาน แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปทันที ท่านประธานดูโมโหฉันมากเลยตอนนี้ ‘ข้าวตูคนนี้จะรอดใช่ไหมเนี่ย’ ทำงานวันแรกก็ก่อเรื่องขนาดนี้ซะแล้ว
-SOLO PART-‘เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น’‘ออก...ไป...!!’หลังจากที่ยัยตัวเเสบนั่นเดินออกจากห้องทำงานของผมไป ผมก็เดินเข้ามาอีกห้องนึงซึ่งเป็นห้องลับที่มีเพียงผมกับไอ้ทิมมือขาวของผมเท่านั้นที่รู้ ซึ่งประตูทางเข้าก็คือชั้นวางหนังสือใหญ่ตรงมุมห้องทางด้านขวามือ ภายในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูเป็นโทนสีดำทั้งหมด มีกระจบบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานเพียงด้านเดียวของห้อง“ผู้หญิงอะไรวะหน้าหงุดหงิดชะมัด” ผมยิ่งนึกก็ยิ่งโมโหว่ะ เป็นผู้หญิงซะป่าวแต่ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าเอาเสื้อเชิ้ตตัวใหม่จากในตู้เสื้อผ้าออกมาสวมแทนเสื้อตัวเก่าที่ยัยตัวแสบนั่นทำเปียกอื้ออออออ อื้ออออออโทรศัพท์ผมสั่นรั่วขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้พวกนรกส่งมาเกิดเพื่อนของผมเอง โทรศัพท์สั่นรั่วขนาดไม่ใช่เรื่องงานแน่ๆ มีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้พวกมันพิมพ์คุยกันได้ยาวขนาดนี้เป็นอะไรนอกจาเรื่องเหล้าLineNakRob : พวกมึงคับNakRob : วันนี้เจอกันที่เดิมนะคับ ใครไม่มากูตัดเพื่อนนะคับMarcus : เออ ดีงั้นกูไม่ไปMarcus : กูรอโอกาสนี้มานานล่ะNakRob : สัส!!NakRob : คุณหมอเจซีกับท่านประธาน
-SOLO PART-หลายวันต่อมา...ดวงอาทิตย์ยังคงที่ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตกเป็นกิจวัตรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน ผู้คนมากมายที่ต่างก็พากันออกมาใช้ชีวิตทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองและครอบครัว ก็คงเหมือนกันนกตัวน้อยๆ ที่บินออกจากรังเพื่อหาอาหารในทุกๆ เช้า ก่อนจะกลับรังไปพักผ่อนในช่วงเย็น แต่ชีวิตของคนเราต่างจากนกเยอะบางคนใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นซะจนหลงลืมความเป็นตัวเองของตัวเองไป กระทั่งเวลาผ่านไปนานเข้าเรากลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปทำมันหล่นหายตั้งแต่เมื่อไหร่และที่ไหน ส่วนบางคนใช้ก็ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง เชื่อในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นถือมั่นมาตลอดซึ่งแน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในนั้น‘พวกกูหวังดีกับมึงไอ้โซ กูไม่อยากให้มึงต้องเสียใจทีหลัง’ตั้งแต่วันนั้นเสียงของเพื่อนผมก็ดังวนอยู่ในหัวของผม ผมสลัดคำพูดของพวกมันออกไปจากหัวไม่ได้สักที คนอย่างผมไม่มีวันเสียในทีหลังแน่นอนมันสมควรโดนแล้ว“นายครับ...” เสียงไอ้ทิมดังขึ้นจากด้านหลังปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ก่อนที่ผมจะละสายตาจากภาพการจราจรของรถที่สัญจรไปมาบนถนนด้านนอกหน้าต่างกว้างหันกลับมามองมัน“…”“...งานที่เชียงรายให้ผมจัดการเล
เช้าวันจันทร์...5.00 น.‘ค่าความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย ในขณะนี้ ทำให้อุณภูมิลดลงกว่าทุกวัน เนื่องมาจากเมฆที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าส่งผลทำให้อุณภูมิลดลงจากการสะท้อนของแสงและคลื่นที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์นั่นเองในช่วงเวลากลางวัน’ ฉันนอนกลิ้งไปมาก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาเปิดอ่านดูข่าวต่างๆ วันนี้วันจันทร์ซึ่งฉันจะได้ไปทำงานที่เชียงรายอากาศคงจะหนาวน่าดูดังนั้นฉันต้องเตรียมเสื้อแขนยาวไปด้วยเมื่อคืนด้วยความตื่นเต้นจนนอนไม่หลับของฉัน ทำให้เช้านี้ของฉันรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา บวกกับอากาศที่แสนจะอึมครึมทำให้ฉันขี้เกียจขึ้นมา 300 เปอร์เซ็นต์ ฉันละทิ้งความอิดออดของตัวเองไว้ที่เตียง เดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการกับตัวเองก่อนที่จะออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเป้เพียงหนึ่งใบเท่านั้น ก็ไปแค่ 3 วันเองไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะหรอก... ‘จริงซิ...ฉันลืมบอกพี่ปั้น’LineKAOTU : พี่ปั้นค่ะ...วันนี้ข้าวตูต้องไปทำงานที่เชียงราย 3 วันKAOTU : พีปั้นไม่ต้องเป็นห่วงน้องนะ...ข้าวจะดูแลตัวเองอย่างดีKAOTU : พี่ปั้นตั้งใจทำงานนะคะ...พี่ปั้นเขาไม่
-KAOTU PART-หลังจากที่ฉันได้สร้างวีรกรรมไว้กับผู้เป็นนายของฉันแล้วนั้น ฉันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยไม่กล้าแม้แต่จะหลับต่อ ‘ข้าวตูเอ้ย...เธอจะกลับบ้านครบ 32 ไหมนะ...’ ‘เขาจะฆ่าฉันจริงๆ...อย่างที่เขาพูดไหมเนี่ย’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่แบบนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่าท่านประธานโหดแค่ไหน18.30 น.ตลอดระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราเข้ามาอยู่ในเขตของจังหวัดเชียงรายแล้ว เท่าที่ฉันดูรายละเอียดงานของท่านประธาน พรุ่งนี้เขาถึงจะต้องไปคุยงานสถานที่และเวลาไม่ได้ระบุไว้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการจองที่พักกับทางโรงแรมฉันก็ไม่มี พี่ส้มเธอบอกกับฉันเพียงว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันมีหน้าที่ประสานงานให้ทุกอย่างออกมาให้เรียบร้อยเท่านั้นเองเมื่อฉันเงยหน้ามองรอบๆ ถนนสองเลนที่ขดเคี้ยวไปตามแนวเขาสองข้างทางที่รถหรูคันนี้กำลังขับผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ไม่มีวี่แววของหมู่บ้านหรือแหล่งที่อยู่อาศัยเลยสักนิด ก่อนที่รถหรูจะหักเลี้ยวไปทางแยกเล็กๆยังคงเป็นถนนสองเลนเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่าเส้นที่ขับผ่านมาแล้วอยู่นิดนึง‘ฮือออ อย่าบอกนะเขาจะฆ่า
-KAOTU PART-บรรยากาศรอบห้องโถงที่เงียบเชียบ อากาศที่เย็นจับขั้วหัวใจจากการทำงานอย่างหนักของแอร์คอนดิชั่น ทำให้ตัวของฉันสั่นไปหมดจนแยกแทบไม่ออกว่าฉันหนาวหรือเพราะฉันกลัวชายตรงหน้าที่จ้องมายังฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของฉันให้ได้ฉันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหาตัวช่วย แต่ก็นะวันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันกัน ภายในบ้านเงียบมาก จากที่เคยมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน บ้านหลังใหญ่หลังนี้คงไม่ได้เหลือเพียงเราสองคนหลอกใช่ไหม“หึ เธอรู้อะไรไหมทำไมฉันถึงเอาเธอมาที่นี่ด้วย" ชายตรงหน้าเอ่ยถามฉันเรียบ พร้อมกับจ้องมายังฉันไม่วางตา“…”“ทะ...ทำไมค่ะ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าไปตรงๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธมาตอนไหน แต่ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความแค้นที่ส่งมาให้ฉันฉันกับเขาเราพึ่งรู้จักกันฉันไม่เคยไปทำร้ายเขาเลย จริงๆมันอาจจะมีบ้าง แต่นั่นก็เป็นอุบัติเหตุที่ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นนี่นา ซึ่งฉันก็คิดว่าคนอย่างเขาไปน่าจะเก็บเอาเรื่องนั้นมาเป็นความแค้นจนถึงตอนนี้นะ“…”ตึกตึก ตึกตึกชายตรงหน้าค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน ด้วยความกลัวฉันจึงเดินถอยหนีเขาจนฉันสะดุดเข้าก
-SOLO PART-06.00 น.~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~ในขณะที่ผมนอนหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความแค้นของผมทำให้ผมทำรุนแรงกับเธอได้ขนาดนี้ สังเกตจากรอยแดงตามลำคอ ไล่ลงมายังลำตัวและแขนเรียว บริเวณครึ่งการสาวของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงระบมจนแดงไปหมด ผมคลั่งเกินไปหว่ะเธอหมดสติไปแล้วผมก็ยังไม่หยุด ระบายใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากโต๊ะเล็กๆ บริเวณหัวเตียงของผม ผมจึงพลิกตัวและจับหัวคนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ให้ไปนอนหนุนยังหมอนดีๆ อย่างเบามือ เพราะกลัวว่ายัยตัวเล็กที่กำลังนอนหลับจะตื่นขึ้นมา“อืออออ” เสียงยัยตัวเล็กครางออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังจะถูกกวนให้ตื่นจากห้วงนิทรา-Marcus-แกร่ก!! แกร่ก!!ติ๊ด!ผมเดินออกไปยังระเบียงหลังห้องก่อนที่จะกดรับสายทันที ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่างไอ้มาร์คัสไม่มีทางโทรหาผมเวลานี้เเน่นอน(โซโล่เพื่อนรักมึงทำอะไรอยู่ครับ) น้ำเสียงที่กวนบาทาดังออกมาจากปลายสาย“ไอ้เชี้ยมาร์คัส! มึงโทรมาถามกูแค่นี้” ความมั่นใจในตอนแรกของผมเริ่งเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที(ก็กูคิดถึง) คำที่ชวนจะอ
-KAOTU PART-17.00 น.จ้อกกกกกกกก!! จ้อกกกกกกกก!!งือ...ท้องฉันร้องแล้วอ้า ‘หิวข้าวจัง’ ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อหาถาดข้าวที่เพื่อนกับแพงเอาเข้ามาให้ แต่ก็ไม่พบหรือว่าพวกเธอจะเข้ามาเก็บไปตอนที่ฉันเผลอหลับไปแน่เลยตึกตึก ตึกตึก...ฟุบ!!! ฉันเดินลงบันไดเพื่อที่จะไปยังห้องครัว ฉันได้ยินเสียงคนเดินมาทางฉัน ฉันจึงรีบหลบข้างๆ ตู้ทันทีก็ฉันกลัวนี่น่ากลัวว่าจะเป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้น ยังไม่อยากที่จะเจอหน้าของเขาตอนนี้ ฉันยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าผู้ชายคนนั้น“ป้ากุลคะ” ฉันเอ่ยเรียกป้ากุลทันทีที่มาถึงห้องครัว เห็นป้าแกกำลังก้มๆ เงยๆ ทำอาหารอยู่“จ้าหนูข้าว”“…” ฉันหันไปมองซ้ายที่ขวาที่...“นายใหญ่ไม่อยู่หรอจ่ะ ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้ว” บอกกุลเอ่ยบอกกับฉันอย่างรู้ทัน จริงสิวันนี้เขามีประชุมนี่ ที่เขาไม่เอาฉันไปด้วยก็คงเป็นเพราะฉันมันไม่ได้มีสามารถมากพอที่จะช่วยงานเค้าได้ ฉันก็เป็นได้แค่เครื่องมือที่เขาเอาไว้ใช้แก้แค้นพี่ปั้นก็แค่นั้น...“อ่อค่ะ” ป้ากุลแกคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่แกคงไม่อยากถามฉันมากกว่า สังเกตจากสายตาที่ป้าแกมองมาทางฉันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง และสงสารฉันจับใจ“มาทานข้าวเถอะ หนูไม่ได้กิ
21.00 น.อีกด้าน...~ครืนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนน~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากโต๊ะหัวเตียงปลุกหญิงสาววัยกลางคนให้ตื่นจากภวังค์ สายตาที่จ้องมองไปยังโทรศัพท์เต็มไปด้วยความกังวล“ฮัลโหลปั้น”(แม่ครับ ผมโทรหาน้องไม่ติดเลย) เสียงร้อนใจดังขึ้นมาจากปรายสาย ข้าวปั้นโทรหาข้าวตูทันทีที่เห็นข้อความจากทั้งที่แม่ของเขาส่งให้ และที่ข้าวตูส่งให้ แต่โทรยังไงก็โทรหาไม่ติด ข้าวปั้นจึงรับโทรหาแม่ของเขาทันที“อาจจะไม่มีสัญญาณนะลูก”(…เดี๋ยวผมจะลางานกลับบ้านให้ไวที่สุดครับ)“จ้ะลูก”(สวัสดีครับแม่)-KAOTU PART-“ขะ…ขอร้อง” ฉันรีบเอามือดันอกเขาพร้อมกับหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง…“…”“ไปอาบน้ำซะตัวเหม็น”“…” ผีอะไรเข้าเขารึป่าวเนี้ยเมื่อวานกับวันนี้ถึงเปลี่ยนไปยังกับคนละคน“รออะไรจะให้ฉันอาบให้?” เขาเอ่ยถามฉันพร้อมกับลุกขึ้นมาหา ทำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่ขู่แต่เขาเอาจริง“มะ...ไม่ค่ะ” ฉันรีบบอกกับเขาทันที ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการกับตัวเองทันทีแอ๊ดดดด!!...“หึ...”โชคดีที่ห้องน้ำนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยไม่งั้นฉันคงแย่ ทุกอย่างในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครับครัน หรือว่าจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านรับรอง
@โรงพยาบาล SE"พี่มาร์คัส พี่นักรบคะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามพี่มาร์คัสกับพี่นักรบออกไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน"ทำใจดีๆไว้นะข้าว" พี่นักรับเอ่ยบอกกับฉันพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีเอาสะเลย"ฮึก ฮืออออ ไม่จริงเขาต้องไม่เป็นอะไร" ฉันเอ่ยบอกกับพี่นักรบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย"ข้าวตู..." พี่มาร์คัสเอ่ยเรียกฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่บ่าของฉันอย่างปลอบประโลม"ฮึก มะ ไม่จริงใช่ไหมค่ะ" ฉันเอ่ยถามพวกเขาออกไปอีกครั้ง หัวใจสั่นระรัวเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"ถ้าข้าวเป็นห่วงมันขนาดนี้ทำไมไม่ให้อภัยมันสักที?" พี่มาร์คัสเอ่ยถามฉันขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ"คะ ใครบอกว่าหนูไม่ให้โอกาสเขาล่ะคะ" ฉันเอ่ยบอกกับพี่มาร์คัสออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหนออกมา"...""หนูให้โอกาสเขาตั้งนานแล..." ฉันยังไม่ทันพูดจบพี่นักรบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา"ได้ยินชัดแล้วนะมึง" พี่นักเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเลยไปที่ด้านหลังของฉัน อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่ข้างหลังฉันควับ!!! ฉันรีบหันกลับไปมองเขาทันทีที่พี่นักรบพูดจบ"ฮืออออ พี่โซโล่..." ฉันเอ่ยเรียกเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ทันทีราว
3 ปีก่อน...ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!!'ใครอะ?' ข้อความในมือถือของจีน่าดังเขามารัวๆ ข้อความถูกส่งมาโดยคนที่เธอไม่รู้จัดเธอจึงกดเข้าไปดูแล้วกูพบว่ามันเป็นรูปข้าวปั้นแฟนหนุ่มของเธอกับนุ่นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังนอนกอดกำลังนอนกอดกันอยู่ในสภาพที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น รวมถึงสภาพห้องที่ดูแล้วราวกับว่าพึ่งจะผ่านศึกสงครามมา จีน่าเธอยืนดูภาพตรงหน้านิ่งเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้พยายามหาเหตุผมที่จะมาลบล้างภาพตรงหน้าสักเท่าไรมันก็ไม่หายไปสักทีจนกระทั่งกรี๊ดดดดดดดด ฮือออออออจีน่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตอนนี้มันไม่สามารถระบายเป็นความเจ็บปวดได้ทั้งแฟนที่เธอรักและเพื่อนที่เธอสนิทด้วยทั้งคู่กำลังสวมเขาให้เธอจริงๆนะหรอ?ฮึกกกก ฮืออออออจีน่าพยายามโทรหาข้าวปั้นแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติดสักที เธอจึงเลือกส่งข้อความไปแทน'มันเป็นเรื่องจริงหรอปั้น?' จีน่าส่งรูปที่มีบุคคลที่สามส่งมาให้เธอให้กับข้าวปั้นพร้อมกับพิมพ์ถามเขาออกไป'ปั้น''อ่านแล้วก็ตอบเล่าสิอย่าเงียบได้ไหม'ฮืออออออออ'ปั้นทำมันลงไปจริงหรอ' ยิ่งข้าวปั้นอ่านแล้วไม่ตอบมัน
-SOLO PART-@บ้านข้าวตูผมขับรถสปอร์ตหรูของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของข้าวตู ผมไม่รู้ว่าแม่ของข้าวตูเธอรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ตอนนี้ผมควรจะทำมากที่สุดคือเล่าความเลวของตัวเองที่ได้กระทำไว้กับข้าวตู ให้แม่ของเธอได้รับรู้จากปากของผมเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะให้อภัยผม เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของผม ผมก็คงไม่ให้อภัยใครง่ายๆ เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัวเองกริ๊ง!!! กริ๊ง!!!ผมเดินลงจากรถและไปกดกริ๊งหน้าบ้านของข้าวตู รอไม่นานแม่ของข้าวตูเธอก็เดินตรงมาหาผม"คุณมาทำไมคะ" เธอเอ่ยถามทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่มาเป็นผม ท่าทีเธอดูนิ่งจนผมเริ่มจะแปลกใจ"สวัสดีคับ ผมขอเข้าไปข้างไนได้ไหม?" ผมกล่าวทักทายแม่ข้าวตูด้วยถ่อยคำที่สุภาพ"เชิญค่ะ""ขอบคุณครับ" พูดจบผมจึงเดินตามแม่ข้าวตูเข้าไปในบ้านของเธอ"นั่งก่อนค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้""ไม่เป็นไรครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่""ค่ะ!!!" เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ผมว่าผมเรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้วก็เธอเป็นแม่ของเมียผมนิ"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับเรื่องที่ผมทำร้ายข้าวตู" ผมเอ่ยขอโทษแม่ขอ
"ปั้น" เสียงของจีน่าเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ"ครับ" ข้าวปั้นหยุดเดิน ก่อนจะขานรับคำจีน่าพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ"ปั้นไม่โกรธโซเลยหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกันที่บ้านของข้าวปั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าโกรธเคืองโซโล่ออกมาอีก"โกรธสิ! เราอยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ" ข้าวปั้นเอ่ยตอบจีน่าออกมาเสียงเรียบ"...""แต่เราไม่ทำหรอ เดี๋ยวเวณกรรมก็ตามมันเองเรารู้จักน้องเราดีถึงภายนอกข้าวตูจะดูเป็นคนอ่อนแอก็เถอะ""หมายความว่า...ปั้นรู้?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปทั้งๆที่เธอก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วจากคำพูดของเขาเมื่อกี้"เรารู้มานานแล้วว่าไอ้โซชอบข้าว" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไป"ปั้นผิดแล้ว..." จีน่าตอบข้าวปั้นออกไปด้วยรอยยิ้ม"หืม แต่เราเห็นว่ามันสั่งให้ลูกน้องของมันเอาตุ๊กตามาให้ข้าวเมื่อหลายปีก่อนนะ" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไปด้วยความงุนงง มันจะผิดไปได้ไงในเมื่อวันเกินข้าวตูเมื่อ 8 ปีก่อนหลังเลิกเรียนเขาเดินกลับมาบ้านก็เห็นว่ามันยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้วางแผลกับลูกน้องของมันเพื่อที่จะนำตุ๊กตามาให้ข้าวตู ทุกอยากอยู่ในสายตาของเขาหมด รวม
-KAOTU PART-"จอดรถเถอะนุ่นปล่อยข้าวตูไป น้องไม่เกี่ยวอะไรด้วย" เสียงของผู้หญิงที่ชื่อจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนคนข้างๆ"เป็นห่วงกันจริงๆเลยน้องผัวเนี่ย อ้อไม่สิหรือต้องเรียกว่าพี่สะใภ้กันนะถึงจะถูก" ฉันอึ้งไปกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า 'หมายความว่าเธอคนนี้ที่ชื่อจีน่า เธอเป็นน้องสาวของผู้ชายใจร้ายคนนั้น และเธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ปั้นพี่ชายของฉันงั้นหรอ' ฉันพูดกับตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับมองไปที่คุณจีน่าไปด้วยความงุนงง ทำไมความสัมพันธ์มันซับซ้อนจัง"หยุดเถอะนุ่น" คุณจีน่าพูดเสียงเเข็ง ตอนนี้สีหน้า ท่าทางของเธอดูเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดทั้งท่าทีที่ดูน่าเกรงขามและน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นฉันว่า 'บรรยากาศบนรถมันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ' คิดได้ดังนั้นฉันจึงขยับตัวเองไปนั่งติดกับที่พิงด้านหลัง แล้วมือทั้งสองข้างฉันจับเบาะรถไว้เเน่น ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่ฉันเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องฉันต่างหาก"กูไม่หยุด มึงจะสนมันทำไมมึงไม่เกลียดพี่มันแล้วหรอ" เธอตวาดคุณจีเสียงดัง"ฉันไม่มีทางเกลียดปั้น" คุณจีก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน"..." ฉันนั่งฟังที่เขาคุยกันอย่างเงียบๆ เพราะเรื่อง
17.00 น."ข้าวตู ข้าว" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงพี่ปั้นที่เรียกฉันดังมาจากหน้าห้องนอนของฉัน"ค่า..." ฉันขานรับพี่ปั้นกลับไปก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ"ลงไปกินข้าวกัน""โอเครค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะ" ฉันตอบพี่ปั้นกลับไปก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง"ฮืมมม หอมจังเลยค่ะแม่" ฉันเอ่ยบอกกับออกไป"งั้นหนูต้องกินเยอะๆนะลูก" แม่เอ่ยบอกกับฉันก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวของฉันอย่างทะนุถนอม"กำไลใครหรอข้าว?" เรานั่งกินอาหารกันไปได้สักพักพี่ปั้นก็เอ่ยถามฉันพร้อมกับมองดูกำไลที่ข้อมือของฉันอย่างสงสัย"ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ มีคนมาส่งตุ๊กตามาให้ข้าวอีกแล้วค่ะ และในนั้นก็มีกำไลนี้มาด้วยข้าวพยายามแกะออกแล้วนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกสักที" ฉันอธิบายให้แม่กับพี่ปั้นฟัง"งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่กล่องว่าเขาซื้อมาจากที่ไหน แล้วถ้าวันไหนว่างพี่จะพาไปเอาออก" พี่ปั้นเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย นานแล้วที่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้อาหารมื้อนี้ยาวนานกว่าที่เคย แถมฉันก็ยังเจริญอาหารมากกว่าทุกครั้งอีกด้วย3 วันต่อมา...
@โรงพยาบาล SE"วี" ฉันเอ่ยเรียกวีนัสออกไปทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อรอผลตรวจจากคุณหมอ ก่อนที่ฉันจะไปคว้ามือวีนัสมาจับไว้แน่น..."ไม่ต้องกลัวนะข้าวเราจะอยู่ข้างๆข้าวเอง" วีนัสเอ่ยบอกกับฉันก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน พร้อมกับมือบางของเธอที่ลูบแผ่นหลังฉันอย่างอ่อนโยน"อืม" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบกลับวีนัสแอ๊ดดดดดด!!!"ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องรอ" คุณหมอเดินเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอพร้อมกับก้มลงอ่านเอกสารในมือ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน"ยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรห์ได้ 4 สัปดาห์แล้วค่ะ""..." เหมือนโลกทั้งใบของฉันหยุดลงไปชั่วขณะหูฉันอื้อไม่ได้ยินเสียงใดๆรอบตัว แขนและขาทั้งสองข้างไม่มีแม้แต่เรียวแรงจะขยับหนีไปไหน"คุณแม่ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะคะ และเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงไปให้ด้วยค่ะ""...""ขอบคุณนะคะคุณหมอ ปะข้าว" เป็นเสียงที่วีนัสที่เอ่ยบอกกับหมอก่อนจะพาฉันลุกเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอรับยา ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ตัวเองกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง แต่ฉันกลัว กลัวแม่และพี่ปั้นจะผิดหวังในตัวฉัน กลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันยังไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาภูมิใจในตัวฉันเลยสักอย่าง
@มหาวิทยาลัย AAสายลมเอื่อยๆในยามสายของวันช่วยให้คลายความร้อนจากแสงของดวงอาทิตย์ในช่วงนี้ของวันได้มากอยู่เหมือนกัน สายลมที่พัดไปมาทำให้ใบไม้น้อยใหญ่ที่แห้งเหี่ยวอยู่บนลำต้นของมันร่วงโรยมากองอยู่ที่พื้นด้านล่างอย่างง่ายดาย ใบไม้เหล่านั้นถูกกวาดมากองรวมกันไว้เป็นกองๆเพื่อรอจัดการกับมันต่อไปหลังจากที่ฉันกับพี่ปั้นไปส่งแม่ที่บ้าน และช่วยท่านเก็บข้าวของเข้าที่จนเรียบร้อย พวกเราสองคนพี่น้องก็รีบมาที่มหาลัยของฉันทันที ฉันได้โทรถามอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันแล้วท่านว่างวันนี้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากท่านต้องไปศึกษาดูงานของคณะที่ต่างประเทศ ถ้าฉันไม่รีบทำเรื่องให้เรียบร้อยในตอนนี้ก็คงต้องรอไปอีกหลายวันเลยแหละ“สวัสดีค่ะอาจารย์/สวัสดีครับ” ฉันและพี่ปั้นเอ่ยทักทายอาจารย์ของฉันพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ท่านอย่างนอบน้อมทันทีที่พบท่านที่ห้องพัก“สวัสดีเชิญนั่งค่ะ”“ขอบคุณค่ะ/ครับ”"มีเรื่องอะไรรึป่าวปัทมา?" อาจารย์เอ่ยถามฉันทันทีที่ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ข้างพี่ปั้นฝั่งตรงข้ามกับท่าน สีหน้าท่านดูกังวลเล็กน้อยที่เห็นฉันเดินเข้ามากับพี่ปั้น ซึ่งเขาก็ถือว่าเป็นผู้ปกครองของฉัน"เอ่อ..." พอฉันเห็นสายตาของอาจา
อีกด้านหนึ่ง..."จี" เสียงของข้าวปั้นเอ่ยเรียกจีน่าทันทีที่เห็นเธอกำลังเดินผ่านเขาไป"อ่าว! ปั้นไม่ได้อยู่ในห้องหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย..."เราออกมาคุยกับหมอ เรื่องที่เราคุยกันพรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะ" ข้าวปั้นเอ่ยบอกกับจีน่าอย่างกล้าๆกลัวๆ กลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาจะปฏิเสธ"อืมได้สิ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นเสียงอ่อน ทำให้คนฟังยิ้มออก"มาเยี่ยมข้าวตูหรอ ไปพร้อมเราเลยสิ""ค่ะ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นออกไปก่อนที่เธอจะเดินตามเขาไปยังห้องข้าวตู"ไอ้ปั้น กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อย" เสียงโซโล่เอ่ยเรียกข้าวปั้นทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้อง และพบว่าข้าวปั้นกำลังจะเดินเข้าห้องพร้อมกับจีน่า"ว่ามา""กูขอโทษเรื่องข้าวตู..." โซโล่เอ่ยบอกกับข้าวปั้นเสียงอ่อน"กูไม่รับเพราะกูไม่ใช่ข้าวตู และกูก็จะไม่แก้แค้นแบบที่มึงทำด้วยไอ้โซ""...""แค่กูอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเวรกรรมมันก็ตามมาสนองมึงเอง" ข้าวปั้นเอ่ยตอบกลับโซโล่ออกไปเสียงเรียบก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา เพราะเขารู้ดีว่าข้าวตูเป็นคนอย่างไงและโซโล่กำลังคิดอะไรกับน้องของเขาอยู่“…”“วันนี้มึงกลับไปเถอะ ข้าวยังไม่อยากเห็นหน้ามึง”"เออกูรู้ ปะจีวันนี้กล