-SOLO PART-
‘เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น’
‘ออก...ไป...!!’
หลังจากที่ยัยตัวเเสบนั่นเดินออกจากห้องทำงานของผมไป ผมก็เดินเข้ามาอีกห้องนึงซึ่งเป็นห้องลับที่มีเพียงผมกับไอ้ทิมมือขาวของผมเท่านั้นที่รู้ ซึ่งประตูทางเข้าก็คือชั้นวางหนังสือใหญ่ตรงมุมห้องทางด้านขวามือ ภายในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบหรูเป็นโทนสีดำทั้งหมด มีกระจบบานใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานเพียงด้านเดียวของห้อง
“ผู้หญิงอะไรวะหน้าหงุดหงิดชะมัด” ผมยิ่งนึกก็ยิ่งโมโหว่ะ เป็นผู้หญิงซะป่าวแต่ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิด
ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าเอาเสื้อเชิ้ตตัวใหม่จากในตู้เสื้อผ้าออกมาสวมแทนเสื้อตัวเก่าที่ยัยตัวแสบนั่นทำเปียก
อื้ออออออ อื้ออออออ
โทรศัพท์ผมสั่นรั่วขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้พวกนรกส่งมาเกิดเพื่อนของผมเอง โทรศัพท์สั่นรั่วขนาดไม่ใช่เรื่องงานแน่ๆ มีอยู่เรื่องเดียวที่ทำให้พวกมันพิมพ์คุยกันได้ยาวขนาดนี้เป็นอะไรนอกจาเรื่องเหล้า
Line
NakRob : พวกมึงคับ
NakRob : วันนี้เจอกันที่เดิมนะคับ ใครไม่มากูตัดเพื่อนนะคับ
Marcus : เออ ดีงั้นกูไม่ไป
Marcus : กูรอโอกาสนี้มานานล่ะ
NakRob : สัส!!
NakRob : คุณหมอเจซีกับท่านประธานโซโล่คับ ไปมุดหัวอยู่ไหนกันคับ?
JC : กูไม่ไป
JC : เข้าเวร
Marcus : มึงเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนะคับคุณหมอ
Marcus : มึงแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้างเถอะคับ
NakRob : เออจริง รวยจะตายห่าละไอ้สัส!!
NakRob : แล้วแต่มึงนะคับ แต่ถ้าคุณหมอไม่มา ‘เรื่อง สมภารกินไก่วัด’ มึงแตกแน่
JC : พวกเชี้ย!!
NakRob : ไอ้โซ ไอ้ตัวดีมึงเงียบเลยวะ
SOLO : เออกูไป
นี่แหละพวกเพื่อนผมเราคบกันมาตั้งแต่เรียนผมจำความได้ พ่อกับแม่ของพวกเรารู้จักกัน พวกผมเลยสนิทกันจนเลิกคบกันไม่ได้ เรื่องจริงก็ไม่ใช่เพราะครอบครัวหรอก คงเพราะพวกผมรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วล่ะมั้ง…เลิกคบกันไปมีหวังความแตกหมด
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนล่ะกัน ผมชื่อ ‘เตชัส เดชพิพัฒนพงศ์’ หรือจะเรียกผมว่า ‘โซโล่’ ก็ได้ ถ้าคุณคิดว่าคุณสนิทกับผม ผมเป็นประธานกรรมการ บริษัท ทรี ทรู ทรานสปอร์ต เป็นบริษัทขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผมรับช่วงต่อจากป๊าของผมเอง จริงๆผมมีธุรกิจสีเทาด้วย แต่ผมขี้เกลียดพูดตอนนี้
NakRob : เออดี พูดง่ายอย่างงี้ค่อยน่าคบหน่อย
SOLO : สัส!!
ผมตอบมันไปแค่นั้นแหละ แล้วก็โยนโทรศัพท์ไปไว้บนเตียงขนาดคิงไซต์ ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนที่ตัวเองจะทิ้งตัวลงไปยังเตียงตัวเดิม พร้อมกับหลับตาอย่างใช้ความคิด
22.00 น.
“ไม่ต้องไป เดี๋ยวกูขับเองไปจัดการงานที่ฉันสั่ง” ผมเอ่ยบอกกับไอ้ทิมที่กำลังเดินตามผมมาเสียงเรียบ
“...อย่าให้มีอะไรผิดพลาด” ผมเอ่ยย้ำกับมันเสียงเข้ม ไอ้ทิมไม่เคยทำงานพลาดเรื่องนั้นผมรู้ดี แต่ที่ย้ำมันก็เพราะต้องกันไว้ก่อนยังดีกว่าต้องมาตามแก้ไขทีหลัง เรื่องบางเรื่องถ้ามันผิดพลาดไปแล้วก็ไม่สามารถกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก
“ครับนาย” ผมพูดกับไอ้ทิม ก่อนที่ผมจะเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรูประจำตำแหน่งคนขับก่อนจะขับมันออกไปทันที
@N_ROB PUB
ผมขับรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถ VIP ซึ่งมีที่จอดไว้สำหรับรถเพียงแค่ 4 คัน นั่นเพราะมันมีไว้สำหรับพวกผมเท่านั้น ที่พวกผมได้รับสิทธิพิเศษขนาดนี้ ก็เพราะที่นี่เป็นผับของ ‘ไอ้นักรบ’ เพื่อนสุดที่รักของผมเอง นอกจากมันจะมีผับแล้ว มันยังมีโรงแรม 5 ดาวอีกหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจของที่บ้านมัน
ผมเดินไปตามทางเพื่อขึ้นไปยังที่ประจำของพวกผม ก็คือโซน VVIP อยู่ชั้นบนสุดของผับแห่งนี้ ซึ่งทั้งโซนถูกแบ่งเป็นทั้งห้องสังสรรค์ ห้องทำงานของไอ้นักรบ และยังเป็นห้องนอนของมันด้วย จึงทำให้โซนนี้ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาเพราะมันถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว นอกจากพวกผมก็มีแต่ลูกน้องคนสนิทของไอ้นักรบเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามาได้
“ไงท่านประธาน...กว่าจะมาได้นะมึง” ไอ้นักรบทักผมขึ้นเป็นคนแรกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกวนบาทาตามสไตล์มัน
“เสือก!!” ผมตอบมันไปพร้อมกับเดินไปนั่งข้างไอ้เจซี
“ไอ้มาร์คัสยังไม่มาหรอวะ” ผมเอ่ยถามพวกมันออกไป
“ไปห้องน้ำ” ไอ้เจซีตอบผมนิ่งๆ
“ของคุณโซโล่คับ” ไอ้เจคยื่นแก้วเหล้ามาให้ผม มันเป็นลูกน้องมือขวาของไอ้นักรบ และตอนนี้มันก็ต้องเปลี่ยนหน้าที่มาชงเหล้าให้พวกผมแทน ก็อย่างที่ผมบอกโซนนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ใครเข้ามาเลย แม้แต่เด็กเสริฟ หรือเด็กชงเหล้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา
“…” ผมรับแก้วมันมาอย่างเงียบๆ
“สมภารนั่งเงียบเลยนะมึง...คิดถึงไก่วัด อ่อวะ 555” ไอ้นักรบพูดกับไอ้เจซี
“เสือก!!” ไอ้เจซีก็ตอบกลับ
‘ไอ้เจซี’ มันเป็นหมอสืบทอดโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ต่อจากปู่ของมัน โรงพยาบาลที่มีคุณภาพส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ หรือแม้แต่การบริการก็จัดได้ว่าดีระดับต้นๆ ของประเทศเลย แต่จริงๆ ที่บ้านมันก็ทำหลายธุรกิจแหละ แต่มันก็คงชอบเป็นหมอมากกว่า มันเลยยึดอาชีพนี้เป็นหลัก ส่วนงานอื่นๆ มันก็ช่วยที่บ้านของมันดูแลอยู่ด้วย ไอ้นี่มันเป็นอัจฉริยะหยิบจับอะไรก็ได้ก็ดีไปหมด...
“คุยเชี้ยไรกันวะ...ไม่รอกูเลย” ไอ้มาร์คัสเดินเข้ามารวมวง มันเดินนั่งข้างๆไอ้นักรบ
และอีกคน ‘ไอ้มาร์คัส’ มันเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรู รวมถึงเปิดอู่ซ่อมรถซุปเปอร์คาร์ และมันก็ยังมีสนามแข่งรถอีกด้วย ไอ้มาร์คัสมันเป็นพวกบ้าพลัง มันชอบความเร็วของรถเป็นชีวิตจิตใจ เพราะงั้นชีวิตส่วนใหญ่ของมันจึงขลุกตัวอยู่แต่สนามแข่งรถ
“เสือก!!” ผมบอกกับไอ้มาร์คัสอย่างมั่นไส้
“ไอ้สัสโซ กูเบื่อขี้หน้ามึงว่ะ ไอ้เจคกูขอเหล้าเอาเข้มๆ นะเว้ย” ไอ้มาร์คัสตะคอกใส่ผมก่อนจะหันไปบอกกับไอ้เจคให้ชงเหล้าให้กับมัน
“มึงจะรีบเมาไปไหนวะ” ไอ้นักรบถามไอ้มาร์คัส
“กกเด็ก...?” ไอ้เจซีเอ่ยถามคนที่มาใหม่ด้วยไปหน้าเอือมมันสุดๆ
“เสือกเรื่องของกู เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะมึง” ไอ้มาร์คัสเอ่ยพร้อมกับกระดกเหล้าหมดแก้ว
“…หึ”
“นั่งเงียบเลยวะไอ้โซ” ไอ้นักรบพูดกับผม
“…” ผมไม่ได้ตอบแต่ปลายตามองมันเล็กน้อย
“มันก็คงคิดถึงน้องข้าวตู...” ไอ้มาคัสพูด
“...จำเลยสาวแสนสวยอยู่อะดิ”
“หุบปาก! กูไม่อยากได้ยินชื่อ” ผมพูดพร้อมกับจ้องหน้าไอ้มาร์คัส ใครจะไปคิดถึงว่ะเห็นหน้าแล้วมีแต่จะทำให้หงุดหงิด
สงสัยไหมว่าพวกเพื่อนผมรู้จักยัยข้าวตูน้องของไอ้ปั้นได้ยังไง มันไม่แปลกที่พวกมันจะรู้เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับผมพวกมันก็รู้หมด เหมือนกับที่เรื่องของพวกมันที่ผมก็รู้หมดเช่นกัน
“ระวังเถอะมึง…” อยู่ๆ ไอ้เจซีก็เอ่ยขึ้นมา
“ระวังเชี้ยไรมึง...” ผมถามกลับ
“ระวังจะหลงรักน้องข้าวตูไงวะ” ไอ้นักรบพูด
“จนโงหัวไม่ขึ้น” ตามด้วยไอ้มาร์คัส
“กูเตือนมึงแล้วนะ...” และก็จบที่ไอ้เจซี
“มึงกับพวกกูเป็นเพื่อนกันมากี่ปี มึงไม่พูดไม่ได้หมายความว่าพวกกูดูมึงไม่ออกไอ้โซ” และเป็นไอ้นักรบที่พูดขึ้นอีกครั้งก็จะยกแก้วเหล้าในมือมันกระดกรวดเดียวหมด “พวกกูหวังดีกับมึงไอ้โซ กูไม่อยากให้มึงต้องเสียใจทีหลัง”
“คนอย่างกู ไม่เคยแพ้ใคร และกูจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่กูทำ”
‘กูจะไม่มีวันหลงรักยัยเด็กนั่นอีกแน่นอน และยิ่งเป็นน้องไอ้ปั้นด้วยยิ่งไม่มีทาง’ ผมได้แต่ย้ำกับตัวเองอยู่ภายในใจ
“พวกกูจะคอยดู...” ไอ้มาร์คัสกล่าว
-SOLO PART-หลายวันต่อมา...ดวงอาทิตย์ยังคงที่ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวันตกเป็นกิจวัตรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน ผู้คนมากมายที่ต่างก็พากันออกมาใช้ชีวิตทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองและครอบครัว ก็คงเหมือนกันนกตัวน้อยๆ ที่บินออกจากรังเพื่อหาอาหารในทุกๆ เช้า ก่อนจะกลับรังไปพักผ่อนในช่วงเย็น แต่ชีวิตของคนเราต่างจากนกเยอะบางคนใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นซะจนหลงลืมความเป็นตัวเองของตัวเองไป กระทั่งเวลาผ่านไปนานเข้าเรากลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปทำมันหล่นหายตั้งแต่เมื่อไหร่และที่ไหน ส่วนบางคนใช้ก็ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง เชื่อในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นถือมั่นมาตลอดซึ่งแน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในนั้น‘พวกกูหวังดีกับมึงไอ้โซ กูไม่อยากให้มึงต้องเสียใจทีหลัง’ตั้งแต่วันนั้นเสียงของเพื่อนผมก็ดังวนอยู่ในหัวของผม ผมสลัดคำพูดของพวกมันออกไปจากหัวไม่ได้สักที คนอย่างผมไม่มีวันเสียในทีหลังแน่นอนมันสมควรโดนแล้ว“นายครับ...” เสียงไอ้ทิมดังขึ้นจากด้านหลังปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ก่อนที่ผมจะละสายตาจากภาพการจราจรของรถที่สัญจรไปมาบนถนนด้านนอกหน้าต่างกว้างหันกลับมามองมัน“…”“...งานที่เชียงรายให้ผมจัดการเล
เช้าวันจันทร์...5.00 น.‘ค่าความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย ในขณะนี้ ทำให้อุณภูมิลดลงกว่าทุกวัน เนื่องมาจากเมฆที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าส่งผลทำให้อุณภูมิลดลงจากการสะท้อนของแสงและคลื่นที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์นั่นเองในช่วงเวลากลางวัน’ ฉันนอนกลิ้งไปมาก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาเปิดอ่านดูข่าวต่างๆ วันนี้วันจันทร์ซึ่งฉันจะได้ไปทำงานที่เชียงรายอากาศคงจะหนาวน่าดูดังนั้นฉันต้องเตรียมเสื้อแขนยาวไปด้วยเมื่อคืนด้วยความตื่นเต้นจนนอนไม่หลับของฉัน ทำให้เช้านี้ของฉันรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา บวกกับอากาศที่แสนจะอึมครึมทำให้ฉันขี้เกียจขึ้นมา 300 เปอร์เซ็นต์ ฉันละทิ้งความอิดออดของตัวเองไว้ที่เตียง เดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการกับตัวเองก่อนที่จะออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเป้เพียงหนึ่งใบเท่านั้น ก็ไปแค่ 3 วันเองไม่ต้องเอาอะไรไปเยอะหรอก... ‘จริงซิ...ฉันลืมบอกพี่ปั้น’LineKAOTU : พี่ปั้นค่ะ...วันนี้ข้าวตูต้องไปทำงานที่เชียงราย 3 วันKAOTU : พีปั้นไม่ต้องเป็นห่วงน้องนะ...ข้าวจะดูแลตัวเองอย่างดีKAOTU : พี่ปั้นตั้งใจทำงานนะคะ...พี่ปั้นเขาไม่
-KAOTU PART-หลังจากที่ฉันได้สร้างวีรกรรมไว้กับผู้เป็นนายของฉันแล้วนั้น ฉันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยไม่กล้าแม้แต่จะหลับต่อ ‘ข้าวตูเอ้ย...เธอจะกลับบ้านครบ 32 ไหมนะ...’ ‘เขาจะฆ่าฉันจริงๆ...อย่างที่เขาพูดไหมเนี่ย’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่แบบนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่าท่านประธานโหดแค่ไหน18.30 น.ตลอดระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราเข้ามาอยู่ในเขตของจังหวัดเชียงรายแล้ว เท่าที่ฉันดูรายละเอียดงานของท่านประธาน พรุ่งนี้เขาถึงจะต้องไปคุยงานสถานที่และเวลาไม่ได้ระบุไว้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการจองที่พักกับทางโรงแรมฉันก็ไม่มี พี่ส้มเธอบอกกับฉันเพียงว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันมีหน้าที่ประสานงานให้ทุกอย่างออกมาให้เรียบร้อยเท่านั้นเองเมื่อฉันเงยหน้ามองรอบๆ ถนนสองเลนที่ขดเคี้ยวไปตามแนวเขาสองข้างทางที่รถหรูคันนี้กำลังขับผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ไม่มีวี่แววของหมู่บ้านหรือแหล่งที่อยู่อาศัยเลยสักนิด ก่อนที่รถหรูจะหักเลี้ยวไปทางแยกเล็กๆยังคงเป็นถนนสองเลนเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่าเส้นที่ขับผ่านมาแล้วอยู่นิดนึง‘ฮือออ อย่าบอกนะเขาจะฆ่า
-KAOTU PART-บรรยากาศรอบห้องโถงที่เงียบเชียบ อากาศที่เย็นจับขั้วหัวใจจากการทำงานอย่างหนักของแอร์คอนดิชั่น ทำให้ตัวของฉันสั่นไปหมดจนแยกแทบไม่ออกว่าฉันหนาวหรือเพราะฉันกลัวชายตรงหน้าที่จ้องมายังฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของฉันให้ได้ฉันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหาตัวช่วย แต่ก็นะวันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันกัน ภายในบ้านเงียบมาก จากที่เคยมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน บ้านหลังใหญ่หลังนี้คงไม่ได้เหลือเพียงเราสองคนหลอกใช่ไหม“หึ เธอรู้อะไรไหมทำไมฉันถึงเอาเธอมาที่นี่ด้วย" ชายตรงหน้าเอ่ยถามฉันเรียบ พร้อมกับจ้องมายังฉันไม่วางตา“…”“ทะ...ทำไมค่ะ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าไปตรงๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธมาตอนไหน แต่ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความแค้นที่ส่งมาให้ฉันฉันกับเขาเราพึ่งรู้จักกันฉันไม่เคยไปทำร้ายเขาเลย จริงๆมันอาจจะมีบ้าง แต่นั่นก็เป็นอุบัติเหตุที่ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นนี่นา ซึ่งฉันก็คิดว่าคนอย่างเขาไปน่าจะเก็บเอาเรื่องนั้นมาเป็นความแค้นจนถึงตอนนี้นะ“…”ตึกตึก ตึกตึกชายตรงหน้าค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน ด้วยความกลัวฉันจึงเดินถอยหนีเขาจนฉันสะดุดเข้าก
-SOLO PART-06.00 น.~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~ในขณะที่ผมนอนหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความแค้นของผมทำให้ผมทำรุนแรงกับเธอได้ขนาดนี้ สังเกตจากรอยแดงตามลำคอ ไล่ลงมายังลำตัวและแขนเรียว บริเวณครึ่งการสาวของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงระบมจนแดงไปหมด ผมคลั่งเกินไปหว่ะเธอหมดสติไปแล้วผมก็ยังไม่หยุด ระบายใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากโต๊ะเล็กๆ บริเวณหัวเตียงของผม ผมจึงพลิกตัวและจับหัวคนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ให้ไปนอนหนุนยังหมอนดีๆ อย่างเบามือ เพราะกลัวว่ายัยตัวเล็กที่กำลังนอนหลับจะตื่นขึ้นมา“อืออออ” เสียงยัยตัวเล็กครางออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังจะถูกกวนให้ตื่นจากห้วงนิทรา-Marcus-แกร่ก!! แกร่ก!!ติ๊ด!ผมเดินออกไปยังระเบียงหลังห้องก่อนที่จะกดรับสายทันที ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่างไอ้มาร์คัสไม่มีทางโทรหาผมเวลานี้เเน่นอน(โซโล่เพื่อนรักมึงทำอะไรอยู่ครับ) น้ำเสียงที่กวนบาทาดังออกมาจากปลายสาย“ไอ้เชี้ยมาร์คัส! มึงโทรมาถามกูแค่นี้” ความมั่นใจในตอนแรกของผมเริ่งเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที(ก็กูคิดถึง) คำที่ชวนจะอ
-KAOTU PART-17.00 น.จ้อกกกกกกกก!! จ้อกกกกกกกก!!งือ...ท้องฉันร้องแล้วอ้า ‘หิวข้าวจัง’ ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อหาถาดข้าวที่เพื่อนกับแพงเอาเข้ามาให้ แต่ก็ไม่พบหรือว่าพวกเธอจะเข้ามาเก็บไปตอนที่ฉันเผลอหลับไปแน่เลยตึกตึก ตึกตึก...ฟุบ!!! ฉันเดินลงบันไดเพื่อที่จะไปยังห้องครัว ฉันได้ยินเสียงคนเดินมาทางฉัน ฉันจึงรีบหลบข้างๆ ตู้ทันทีก็ฉันกลัวนี่น่ากลัวว่าจะเป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้น ยังไม่อยากที่จะเจอหน้าของเขาตอนนี้ ฉันยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าผู้ชายคนนั้น“ป้ากุลคะ” ฉันเอ่ยเรียกป้ากุลทันทีที่มาถึงห้องครัว เห็นป้าแกกำลังก้มๆ เงยๆ ทำอาหารอยู่“จ้าหนูข้าว”“…” ฉันหันไปมองซ้ายที่ขวาที่...“นายใหญ่ไม่อยู่หรอจ่ะ ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้ว” บอกกุลเอ่ยบอกกับฉันอย่างรู้ทัน จริงสิวันนี้เขามีประชุมนี่ ที่เขาไม่เอาฉันไปด้วยก็คงเป็นเพราะฉันมันไม่ได้มีสามารถมากพอที่จะช่วยงานเค้าได้ ฉันก็เป็นได้แค่เครื่องมือที่เขาเอาไว้ใช้แก้แค้นพี่ปั้นก็แค่นั้น...“อ่อค่ะ” ป้ากุลแกคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่แกคงไม่อยากถามฉันมากกว่า สังเกตจากสายตาที่ป้าแกมองมาทางฉันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง และสงสารฉันจับใจ“มาทานข้าวเถอะ หนูไม่ได้กิ
21.00 น.อีกด้าน...~ครืนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนน~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากโต๊ะหัวเตียงปลุกหญิงสาววัยกลางคนให้ตื่นจากภวังค์ สายตาที่จ้องมองไปยังโทรศัพท์เต็มไปด้วยความกังวล“ฮัลโหลปั้น”(แม่ครับ ผมโทรหาน้องไม่ติดเลย) เสียงร้อนใจดังขึ้นมาจากปรายสาย ข้าวปั้นโทรหาข้าวตูทันทีที่เห็นข้อความจากทั้งที่แม่ของเขาส่งให้ และที่ข้าวตูส่งให้ แต่โทรยังไงก็โทรหาไม่ติด ข้าวปั้นจึงรับโทรหาแม่ของเขาทันที“อาจจะไม่มีสัญญาณนะลูก”(…เดี๋ยวผมจะลางานกลับบ้านให้ไวที่สุดครับ)“จ้ะลูก”(สวัสดีครับแม่)-KAOTU PART-“ขะ…ขอร้อง” ฉันรีบเอามือดันอกเขาพร้อมกับหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง…“…”“ไปอาบน้ำซะตัวเหม็น”“…” ผีอะไรเข้าเขารึป่าวเนี้ยเมื่อวานกับวันนี้ถึงเปลี่ยนไปยังกับคนละคน“รออะไรจะให้ฉันอาบให้?” เขาเอ่ยถามฉันพร้อมกับลุกขึ้นมาหา ทำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่ขู่แต่เขาเอาจริง“มะ...ไม่ค่ะ” ฉันรีบบอกกับเขาทันที ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการกับตัวเองทันทีแอ๊ดดดด!!...“หึ...”โชคดีที่ห้องน้ำนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยไม่งั้นฉันคงแย่ ทุกอย่างในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครับครัน หรือว่าจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านรับรอง
-KAOTU PART-แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านช่องว่างของต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางสวนสาธารณะภายในหมู่บ้านของฉัน ความร่มรื่นของที่นี่ไม่ได้ช่วยให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของฉันสงบลงได้เลย“เฮ้ยยย” ฉันทำได้แค่ถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดใจ ฉันรวบรวมความกล้าก่อนที่จะเดินเข้าไปเปิดประตูบ้าน“แม่ค่ะ” ฉันเอ่ยเรียกแม่ไปทันทีที่เดินเข้ามาถึงในบ้าน“กลับมาแล้วหรอลูก” แม่พูดออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานที่ฉันแสนจะคุ้นเคยไม่เคยมีสักครั้งที่ฉันหันกลับมา ฉันจะไม่ได้รับรอยยิ้มจากใบหน้านี้“ฮึก ฮือออ” ฉันเดินเข้าไปกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ออกมา ความรู้สึกอัดอั้นที่ฉันเก็บสะสมมาตลอด พอได้เห็นผู้หญิงที่เป็นเหมือนกับทุกอย่างในชีวิตฉัน ทุกสัมผัสที่ท่านทำให้ฉันรู้ว่าท่านรักฉันมากมันยิ่งทำให้ฉันไม่สามารถเก็บกดความรู้สึกไว้ได้อีก“เป็นอะไรรึป่าวลูก” แม่เอ่ยถามฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือบางของท่านจะลูบลงที่หัวของฉันอย่างรักใคร่เอ็นดู“ฮึก ข้าวคิดถึงแม่ค่ะ” ฉันตอบแม่กลับไปแบบนั้น ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลยความรู้สึกและคำพูดมากมายที่มันอัดแน่นอยู่ในอกฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถพูดมันออกไปได้ เพร
@โรงพยาบาล SE"พี่มาร์คัส พี่นักรบคะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามพี่มาร์คัสกับพี่นักรบออกไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน"ทำใจดีๆไว้นะข้าว" พี่นักรับเอ่ยบอกกับฉันพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีเอาสะเลย"ฮึก ฮืออออ ไม่จริงเขาต้องไม่เป็นอะไร" ฉันเอ่ยบอกกับพี่นักรบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย"ข้าวตู..." พี่มาร์คัสเอ่ยเรียกฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่บ่าของฉันอย่างปลอบประโลม"ฮึก มะ ไม่จริงใช่ไหมค่ะ" ฉันเอ่ยถามพวกเขาออกไปอีกครั้ง หัวใจสั่นระรัวเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"ถ้าข้าวเป็นห่วงมันขนาดนี้ทำไมไม่ให้อภัยมันสักที?" พี่มาร์คัสเอ่ยถามฉันขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ"คะ ใครบอกว่าหนูไม่ให้โอกาสเขาล่ะคะ" ฉันเอ่ยบอกกับพี่มาร์คัสออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหนออกมา"...""หนูให้โอกาสเขาตั้งนานแล..." ฉันยังไม่ทันพูดจบพี่นักรบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา"ได้ยินชัดแล้วนะมึง" พี่นักเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเลยไปที่ด้านหลังของฉัน อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่ข้างหลังฉันควับ!!! ฉันรีบหันกลับไปมองเขาทันทีที่พี่นักรบพูดจบ"ฮืออออ พี่โซโล่..." ฉันเอ่ยเรียกเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ทันทีราว
3 ปีก่อน...ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!!'ใครอะ?' ข้อความในมือถือของจีน่าดังเขามารัวๆ ข้อความถูกส่งมาโดยคนที่เธอไม่รู้จัดเธอจึงกดเข้าไปดูแล้วกูพบว่ามันเป็นรูปข้าวปั้นแฟนหนุ่มของเธอกับนุ่นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังนอนกอดกำลังนอนกอดกันอยู่ในสภาพที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น รวมถึงสภาพห้องที่ดูแล้วราวกับว่าพึ่งจะผ่านศึกสงครามมา จีน่าเธอยืนดูภาพตรงหน้านิ่งเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้พยายามหาเหตุผมที่จะมาลบล้างภาพตรงหน้าสักเท่าไรมันก็ไม่หายไปสักทีจนกระทั่งกรี๊ดดดดดดดด ฮือออออออจีน่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตอนนี้มันไม่สามารถระบายเป็นความเจ็บปวดได้ทั้งแฟนที่เธอรักและเพื่อนที่เธอสนิทด้วยทั้งคู่กำลังสวมเขาให้เธอจริงๆนะหรอ?ฮึกกกก ฮืออออออจีน่าพยายามโทรหาข้าวปั้นแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติดสักที เธอจึงเลือกส่งข้อความไปแทน'มันเป็นเรื่องจริงหรอปั้น?' จีน่าส่งรูปที่มีบุคคลที่สามส่งมาให้เธอให้กับข้าวปั้นพร้อมกับพิมพ์ถามเขาออกไป'ปั้น''อ่านแล้วก็ตอบเล่าสิอย่าเงียบได้ไหม'ฮืออออออออ'ปั้นทำมันลงไปจริงหรอ' ยิ่งข้าวปั้นอ่านแล้วไม่ตอบมัน
-SOLO PART-@บ้านข้าวตูผมขับรถสปอร์ตหรูของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของข้าวตู ผมไม่รู้ว่าแม่ของข้าวตูเธอรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ตอนนี้ผมควรจะทำมากที่สุดคือเล่าความเลวของตัวเองที่ได้กระทำไว้กับข้าวตู ให้แม่ของเธอได้รับรู้จากปากของผมเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะให้อภัยผม เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของผม ผมก็คงไม่ให้อภัยใครง่ายๆ เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัวเองกริ๊ง!!! กริ๊ง!!!ผมเดินลงจากรถและไปกดกริ๊งหน้าบ้านของข้าวตู รอไม่นานแม่ของข้าวตูเธอก็เดินตรงมาหาผม"คุณมาทำไมคะ" เธอเอ่ยถามทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่มาเป็นผม ท่าทีเธอดูนิ่งจนผมเริ่มจะแปลกใจ"สวัสดีคับ ผมขอเข้าไปข้างไนได้ไหม?" ผมกล่าวทักทายแม่ข้าวตูด้วยถ่อยคำที่สุภาพ"เชิญค่ะ""ขอบคุณครับ" พูดจบผมจึงเดินตามแม่ข้าวตูเข้าไปในบ้านของเธอ"นั่งก่อนค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้""ไม่เป็นไรครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่""ค่ะ!!!" เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ผมว่าผมเรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้วก็เธอเป็นแม่ของเมียผมนิ"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับเรื่องที่ผมทำร้ายข้าวตู" ผมเอ่ยขอโทษแม่ขอ
"ปั้น" เสียงของจีน่าเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ"ครับ" ข้าวปั้นหยุดเดิน ก่อนจะขานรับคำจีน่าพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ"ปั้นไม่โกรธโซเลยหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกันที่บ้านของข้าวปั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าโกรธเคืองโซโล่ออกมาอีก"โกรธสิ! เราอยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ" ข้าวปั้นเอ่ยตอบจีน่าออกมาเสียงเรียบ"...""แต่เราไม่ทำหรอ เดี๋ยวเวณกรรมก็ตามมันเองเรารู้จักน้องเราดีถึงภายนอกข้าวตูจะดูเป็นคนอ่อนแอก็เถอะ""หมายความว่า...ปั้นรู้?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปทั้งๆที่เธอก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วจากคำพูดของเขาเมื่อกี้"เรารู้มานานแล้วว่าไอ้โซชอบข้าว" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไป"ปั้นผิดแล้ว..." จีน่าตอบข้าวปั้นออกไปด้วยรอยยิ้ม"หืม แต่เราเห็นว่ามันสั่งให้ลูกน้องของมันเอาตุ๊กตามาให้ข้าวเมื่อหลายปีก่อนนะ" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไปด้วยความงุนงง มันจะผิดไปได้ไงในเมื่อวันเกินข้าวตูเมื่อ 8 ปีก่อนหลังเลิกเรียนเขาเดินกลับมาบ้านก็เห็นว่ามันยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้วางแผลกับลูกน้องของมันเพื่อที่จะนำตุ๊กตามาให้ข้าวตู ทุกอยากอยู่ในสายตาของเขาหมด รวม
-KAOTU PART-"จอดรถเถอะนุ่นปล่อยข้าวตูไป น้องไม่เกี่ยวอะไรด้วย" เสียงของผู้หญิงที่ชื่อจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนคนข้างๆ"เป็นห่วงกันจริงๆเลยน้องผัวเนี่ย อ้อไม่สิหรือต้องเรียกว่าพี่สะใภ้กันนะถึงจะถูก" ฉันอึ้งไปกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า 'หมายความว่าเธอคนนี้ที่ชื่อจีน่า เธอเป็นน้องสาวของผู้ชายใจร้ายคนนั้น และเธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ปั้นพี่ชายของฉันงั้นหรอ' ฉันพูดกับตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับมองไปที่คุณจีน่าไปด้วยความงุนงง ทำไมความสัมพันธ์มันซับซ้อนจัง"หยุดเถอะนุ่น" คุณจีน่าพูดเสียงเเข็ง ตอนนี้สีหน้า ท่าทางของเธอดูเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดทั้งท่าทีที่ดูน่าเกรงขามและน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นฉันว่า 'บรรยากาศบนรถมันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ' คิดได้ดังนั้นฉันจึงขยับตัวเองไปนั่งติดกับที่พิงด้านหลัง แล้วมือทั้งสองข้างฉันจับเบาะรถไว้เเน่น ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่ฉันเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องฉันต่างหาก"กูไม่หยุด มึงจะสนมันทำไมมึงไม่เกลียดพี่มันแล้วหรอ" เธอตวาดคุณจีเสียงดัง"ฉันไม่มีทางเกลียดปั้น" คุณจีก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน"..." ฉันนั่งฟังที่เขาคุยกันอย่างเงียบๆ เพราะเรื่อง
17.00 น."ข้าวตู ข้าว" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงพี่ปั้นที่เรียกฉันดังมาจากหน้าห้องนอนของฉัน"ค่า..." ฉันขานรับพี่ปั้นกลับไปก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ"ลงไปกินข้าวกัน""โอเครค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะ" ฉันตอบพี่ปั้นกลับไปก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง"ฮืมมม หอมจังเลยค่ะแม่" ฉันเอ่ยบอกกับออกไป"งั้นหนูต้องกินเยอะๆนะลูก" แม่เอ่ยบอกกับฉันก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวของฉันอย่างทะนุถนอม"กำไลใครหรอข้าว?" เรานั่งกินอาหารกันไปได้สักพักพี่ปั้นก็เอ่ยถามฉันพร้อมกับมองดูกำไลที่ข้อมือของฉันอย่างสงสัย"ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ มีคนมาส่งตุ๊กตามาให้ข้าวอีกแล้วค่ะ และในนั้นก็มีกำไลนี้มาด้วยข้าวพยายามแกะออกแล้วนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกสักที" ฉันอธิบายให้แม่กับพี่ปั้นฟัง"งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่กล่องว่าเขาซื้อมาจากที่ไหน แล้วถ้าวันไหนว่างพี่จะพาไปเอาออก" พี่ปั้นเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย นานแล้วที่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้อาหารมื้อนี้ยาวนานกว่าที่เคย แถมฉันก็ยังเจริญอาหารมากกว่าทุกครั้งอีกด้วย3 วันต่อมา...
@โรงพยาบาล SE"วี" ฉันเอ่ยเรียกวีนัสออกไปทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อรอผลตรวจจากคุณหมอ ก่อนที่ฉันจะไปคว้ามือวีนัสมาจับไว้แน่น..."ไม่ต้องกลัวนะข้าวเราจะอยู่ข้างๆข้าวเอง" วีนัสเอ่ยบอกกับฉันก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน พร้อมกับมือบางของเธอที่ลูบแผ่นหลังฉันอย่างอ่อนโยน"อืม" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบกลับวีนัสแอ๊ดดดดดด!!!"ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องรอ" คุณหมอเดินเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอพร้อมกับก้มลงอ่านเอกสารในมือ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน"ยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรห์ได้ 4 สัปดาห์แล้วค่ะ""..." เหมือนโลกทั้งใบของฉันหยุดลงไปชั่วขณะหูฉันอื้อไม่ได้ยินเสียงใดๆรอบตัว แขนและขาทั้งสองข้างไม่มีแม้แต่เรียวแรงจะขยับหนีไปไหน"คุณแม่ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะคะ และเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงไปให้ด้วยค่ะ""...""ขอบคุณนะคะคุณหมอ ปะข้าว" เป็นเสียงที่วีนัสที่เอ่ยบอกกับหมอก่อนจะพาฉันลุกเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอรับยา ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ตัวเองกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง แต่ฉันกลัว กลัวแม่และพี่ปั้นจะผิดหวังในตัวฉัน กลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันยังไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาภูมิใจในตัวฉันเลยสักอย่าง
@มหาวิทยาลัย AAสายลมเอื่อยๆในยามสายของวันช่วยให้คลายความร้อนจากแสงของดวงอาทิตย์ในช่วงนี้ของวันได้มากอยู่เหมือนกัน สายลมที่พัดไปมาทำให้ใบไม้น้อยใหญ่ที่แห้งเหี่ยวอยู่บนลำต้นของมันร่วงโรยมากองอยู่ที่พื้นด้านล่างอย่างง่ายดาย ใบไม้เหล่านั้นถูกกวาดมากองรวมกันไว้เป็นกองๆเพื่อรอจัดการกับมันต่อไปหลังจากที่ฉันกับพี่ปั้นไปส่งแม่ที่บ้าน และช่วยท่านเก็บข้าวของเข้าที่จนเรียบร้อย พวกเราสองคนพี่น้องก็รีบมาที่มหาลัยของฉันทันที ฉันได้โทรถามอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันแล้วท่านว่างวันนี้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากท่านต้องไปศึกษาดูงานของคณะที่ต่างประเทศ ถ้าฉันไม่รีบทำเรื่องให้เรียบร้อยในตอนนี้ก็คงต้องรอไปอีกหลายวันเลยแหละ“สวัสดีค่ะอาจารย์/สวัสดีครับ” ฉันและพี่ปั้นเอ่ยทักทายอาจารย์ของฉันพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ท่านอย่างนอบน้อมทันทีที่พบท่านที่ห้องพัก“สวัสดีเชิญนั่งค่ะ”“ขอบคุณค่ะ/ครับ”"มีเรื่องอะไรรึป่าวปัทมา?" อาจารย์เอ่ยถามฉันทันทีที่ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ข้างพี่ปั้นฝั่งตรงข้ามกับท่าน สีหน้าท่านดูกังวลเล็กน้อยที่เห็นฉันเดินเข้ามากับพี่ปั้น ซึ่งเขาก็ถือว่าเป็นผู้ปกครองของฉัน"เอ่อ..." พอฉันเห็นสายตาของอาจา
อีกด้านหนึ่ง..."จี" เสียงของข้าวปั้นเอ่ยเรียกจีน่าทันทีที่เห็นเธอกำลังเดินผ่านเขาไป"อ่าว! ปั้นไม่ได้อยู่ในห้องหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย..."เราออกมาคุยกับหมอ เรื่องที่เราคุยกันพรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะ" ข้าวปั้นเอ่ยบอกกับจีน่าอย่างกล้าๆกลัวๆ กลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาจะปฏิเสธ"อืมได้สิ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นเสียงอ่อน ทำให้คนฟังยิ้มออก"มาเยี่ยมข้าวตูหรอ ไปพร้อมเราเลยสิ""ค่ะ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นออกไปก่อนที่เธอจะเดินตามเขาไปยังห้องข้าวตู"ไอ้ปั้น กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อย" เสียงโซโล่เอ่ยเรียกข้าวปั้นทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้อง และพบว่าข้าวปั้นกำลังจะเดินเข้าห้องพร้อมกับจีน่า"ว่ามา""กูขอโทษเรื่องข้าวตู..." โซโล่เอ่ยบอกกับข้าวปั้นเสียงอ่อน"กูไม่รับเพราะกูไม่ใช่ข้าวตู และกูก็จะไม่แก้แค้นแบบที่มึงทำด้วยไอ้โซ""...""แค่กูอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเวรกรรมมันก็ตามมาสนองมึงเอง" ข้าวปั้นเอ่ยตอบกลับโซโล่ออกไปเสียงเรียบก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา เพราะเขารู้ดีว่าข้าวตูเป็นคนอย่างไงและโซโล่กำลังคิดอะไรกับน้องของเขาอยู่“…”“วันนี้มึงกลับไปเถอะ ข้าวยังไม่อยากเห็นหน้ามึง”"เออกูรู้ ปะจีวันนี้กล