-KAOTU PART-
หลังจากที่ฉันได้สร้างวีรกรรมไว้กับผู้เป็นนายของฉันแล้วนั้น ฉันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยไม่กล้าแม้แต่จะหลับต่อ ‘ข้าวตูเอ้ย...เธอจะกลับบ้านครบ 32 ไหมนะ...’ ‘เขาจะฆ่าฉันจริงๆ...อย่างที่เขาพูดไหมเนี่ย’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่แบบนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่าท่านประธานโหดแค่ไหน
18.30 น.
ตลอดระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราเข้ามาอยู่ในเขตของจังหวัดเชียงรายแล้ว เท่าที่ฉันดูรายละเอียดงานของท่านประธาน พรุ่งนี้เขาถึงจะต้องไปคุยงานสถานที่และเวลาไม่ได้ระบุไว้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการจองที่พักกับทางโรงแรมฉันก็ไม่มี พี่ส้มเธอบอกกับฉันเพียงว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันมีหน้าที่ประสานงานให้ทุกอย่างออกมาให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง
เมื่อฉันเงยหน้ามองรอบๆ ถนนสองเลนที่ขดเคี้ยวไปตามแนวเขาสองข้างทางที่รถหรูคันนี้กำลังขับผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ไม่มีวี่แววของหมู่บ้านหรือแหล่งที่อยู่อาศัยเลยสักนิด ก่อนที่รถหรูจะหักเลี้ยวไปทางแยกเล็กๆยังคงเป็นถนนสองเลนเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่าเส้นที่ขับผ่านมาแล้วอยู่นิดนึง
‘ฮือออ อย่าบอกนะเขาจะฆ่าฉันที่นี่หรอ’ ความคิดของฉันฟุ้งซ่านจนมันแสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางของฉันอย่างเห็นได้ชัด
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับฉันมากขึ้นไปอีก
แต่แล้ว....
ฉันก็ต้องหยุดความคิดไว้เท่านั้น เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบไปรั้วสูงจากพื้นเกือบ 3 เมตรเห็นจะได้ แบ่งแยกอาณาเขตระหว่างป่ากับบ้านหลังใหญ่หลังนี้ไว้อย่างชัดเจน
อย่าบอกนะว่าเราจะนอนกันที่นี่ ‘ว้าวสวยจัง บ้านในฝันฉันเลยนะเนี่ย’
รถหรูจอดลงยังหน้าประตูทางเข้าบ้านใหญ่หลังนี้ ก่อนที่พี่มือของท่านประธานซึ่งตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาชื่อทิม เขาลงจากรถก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นนายของเขา
“ลงไปสิ นั่งบื้ออยู่ได้” คำพูดร้ายๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากหนาของชายตรงหน้า ฉันรู้สึกว่าเขาดูไม่ชอบฉันเอามากๆเลย
"คะ...ค่ะ"
ถ้าเป็นวีรกรรมที่ฉันเคยสร้างไว้กับเขาฉันพอเข้าและยอมรับได้ถ้าเขาจะไล่ฉันออก แต่นี่ทำไมกันเขาถึงยังเก็บฉันไว้ เขามีเหตุผลอะไรกันแน่นะ
“...ต้องให้อุ้มไปไหมวะ” ท่านประธานตะคอกใส่ฉันอีกครั้ง
“มะ...ไม่ค่ะ” ฉันรีบลงจากรถทันที และวิ่งตามชายร่างใหญ่เข้าบ้านไป
“ท่านประธานคะ...เราไม่ได้พักโรงแรมกันหรอกหรอค่ะ?” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ควรถามก็เถอะ
“…” เงียบ...
“ที่นี่บ้านท่านประธานหรอคะ”
“…” เหมือนฉันพูดอยู่คนเดียว...ไม่มีเสียงตอบกลับจากท่านประธานเลยสักนิด...
บ้านหลังใหญ่ถูกตรดแต่ด้วยสไตล์ยุโรปทาด้วยสีขาวทั้งหลังชวนให้ดูสบายตา แจกันใส่ดอกไม้ทรงสูงถูกว่างไว้ตามมุมต่างๆของบ้าน แจกันแต่ละใบถูกเพิ่มความงดงามของมันด้วยดอกไม้ที่มีสีสันที่งดงามหลากหลายชนิดองค์ประกอบโดยรวมชวนให้แจกันแต่ละใบดูน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก
เราทั้งสามเดินเข้ามายังกลางบ้านก็พบกับสมาชิกทั้งหมดภายในบ้านหลังนี้ ซึ่งมีทั้งแม่บ้านและบอดี้การ์ด ยืนรอต้อนรับท่านประธานของพวกเขาอยู่ ทุกคนโค้งศรีษะเพื่อเป็นการเคารพชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าฉันทันทีที่เขาเดินผ่าน
“ยินดีต้อนรับ ค่ะ/ครับ นายใหญ่” โอ้โห้คนรวยนี่เขาต้องขนาดนี้กันเลยหรอ
“…” ฉันทำได้เพียงก้มหัวให้กับพวกเขาพร้อมกับยิ้มให้พวกเขาออกไปอย่างเป็นมิตร
“ไปพักซะ อย่ามาตายในบ้านฉันล่ะ” ประโยคที่ชายคนนี้พูดกับฉันมาแต่ละประโยคช่างไม่น่าฟังเอาซะเลย
“คะ...ค่ะ” ฉันตอบเค้าไปแบบงุนงง ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
บ้างทีฉันก็สงสัยนะว่าปกติท่านประธานเขาเกรี้ยวกราดแบบนี้ตลอดเวลากับทุกคนเลยหรอ หรือเขาเป็นแค่กับฉันคนเดียวนะ
เขาไม่เคยพูดกับฉันดีๆเลยสักครั้ง แถมเขายังชอบมองฉันด้วยสายตาที่เหมือนกับเกลียดชังฉันมาสิบชาติได้ ถึงไงฉันก็ไม่โกรธเขาหรอกนะ เพราะฉันมาเอาความรู้ มาเก็บประสบการณ์ เพื่อไปใช้ทำงานต่อไปในอนาคต ฉันถึงต้องทนกับความปากร้ายของท่านประธานให้ได้ เพราะฉันอยากจบพร้อมเพื่อนๆ และฉันก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ปั้นด้วย... ‘สู้ๆนะข้าวตู เธอทำได้’ ฉันได้แต่ปลอบตัวเองไปอย่างนั้น
“เชิญค่ะ” หญิงสูงวัยคนหนึ่งเธอน่าจะเป็นหัวแม่บ้านของที่นี่เธอเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่จะผายมือให้ฉันเดินตามเธอไป
“ค่ะ”
เหมือนบ้านหลังนี้จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง มีฝั่งทางทิศตะวันออกและฝั่งทางทิศตะวันตก ตอนนี้เรามาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งทั้งชั้นมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น และอยู่ชั้นสองของฝั่งตะวันออกถ้าเดาไม่ผิดห้องใดห้องหนึ่งต้องเป็นห้องพักของฉันแน่ๆ
“นี่ห้องของคุณค่ะ รับประทานอาหารเย็นตอน 1 ทุ่มนะคะ” คุณป้าเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณมากนะคะคุณป้า” ฉันเอ่ยตอบเธอออกไปอย่างนอบน้อมเช่นกัน อย่างน้อยก็มีคุณป้าที่ดูท่าจะใจดีที่สุดในบ้านหลังนี้อยู่ด้วย ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมานิดนึง
“ค่ะ...” เธอเอ่ยบอกกับฉันก่อนที่จะเดินออกไป
จากนั้นฉันจึงเปิดประตูบานใหญ่เพื่อเข้าไปในห้อง...
“ว้าว...สวยจัง”
“ฉันต้องทำงานอีกกี่ชาติเนี่ยถึงจะได้บ้านแบบนี้”
ห้องทั้งห้องถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวทั้งหมดดูแล้วสบายตาดี ฉันทำการเก็บกระเป๋าของฉันเข้าที่เข้าทางก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำให้สบายตัว
ฉันกลิ้งอยู่นานบนเตียงนอนขนาดควีนไซส์ ทำยังไงก็นอนไม่หลับสักทีนี่ก็เย็นแล้วด้วย ‘ลงไปช่วยคุณป้าจัดอาหารดีกว่า...’ ฉันเดินลงบันไดลงมาแล้วแต่
“ห้องครัวอยู่ทางไหนอ่ะ?" ฉันถามตัวเองออกใสด้วยความสงสัย บ้านนี้ดูเหมือนจะไม่ซับซ้อนอะไร แต่ความเป็นจริงมันกลับกว้างมากและมีห้องเยอะแยะมากมาย
“ขอโทษนะคะ...ห้องครัวไปทางไหนหรอคะ” ฉันเอ่ยผู้ชายใส่สูตรสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เพราะไม่อยากเสียเวลาหา ถ้าเจ้าของบ้านมาเห็นเข้ามีหวังฉันโดนดุอีกพอดี
“…” เขาไม่ตอบอะไรกับฉันเลย...เขาเพียงแค่ชี้ไปทางเดินโล่งๆ ทางหนึ่งเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” ฉันเอ่ยขอบคุณเขาก่อนที่จะเดินไปตามทางที่เขาบอก บ้านท่านประธานซับซ้อนจนฉันคิดว่าฉันเดินอยู่ในเขาวงกตซะอีก...
เมื่อฉันเดินมายังห้องครัวฉันก็เห็นป้าแม่บ้านคนเดิมกำลังเตรียมอาหารพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกสองคนที่ดูจากท่าทางแล้วเธอทั้งสองคนหน้าจะอายุน้อยกว่าฉัน
“ขอโทษนะคะ...มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ฉันเอ่ยถามพวกเธอไปอย่างสุภาพ
“คุณไปพักเถอะค่ะ...เดินทางมาเหนื่อยๆ” ป้าแม่บ้านเธอหันมาตอบฉัน
“เรียกหนูว่าข้าวเฉยๆ ดีกว่าค่ะป้า...” ฉันบอกกับเธอกับไปด้วยรอยยิ้ม
“จ้า หนูข้างหิวแล้วหรอคะ” ป้าเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ทำให้ฉันคิดถึงแม่ขึ้นมาเลย
“ให้หนูช่วยเถอะนะคะ หนูไม่อยากอยู่เฉยๆนา นะคะ”
“มาจ้ะหนูข้าว...” คุณป้าทนลูกอ้อนจากฉันไม่ไหวจริงเรียกให้ฉันเข้าไปช่วยด้วยอีกคน
“ขอบคุณค่า...” ฉันตอบป้าเธอไปก่อนที่จะรีบเดินไปช่วยทำอาหาร... ‘อย่างน้อยตอนอยู่ที่นี่ข้าวตูคนนี้ก็จะได้ไม่เหงาปาก’ ฉันช่วยพวกเธอทำอาหารเป็นเวลาเกือบชั่วโมง และฉันถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับพวกเธอด้วยเลย ป้าแม่บ้านที่ดูมีอายุเยอะหน่อยเธอชื่อ ‘ป้ากุล’ ส่วนเด็กอีกสองนี้เป็นพี่น้องกัน คนหนึ่งอายุ 17 ปี ส่วนอีกคนอายุ 18 ปี เป็นหลานของป้ากุล ป้าแกให้มาช่วยงานตอนช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม ชื่อว่า ‘เพื่อน’ กับ ‘แพง’
19.00 น.
เมื่อพวกเรา 4 คนช่วยกันทำอาหารแล้วจัดโต๊ะให้ท่านประธานเสร็จเรียบร้อย อาหารไทยหลายอย่างถูกจัดจานอย่างสวยงามอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร
“ป้าเก็บของเถอะครับ วันนี้ท่านประธานไม่ทานครับ” บอดี้การ์ดหน้าตาดูดุดันเดินเข้ามาบอกกับป้ากุลตามคำสั่งของนายเขา
"หนูข้าวทานอาหารเถอะค่ะ"
"เดี๋ยวข้าวไปทานกับป้าดีกว่า" ฉันเอ่ยบอกกับป้ากุลออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ก็ได้จ่ะ...”
“…” เฮ้ย กับข้าวหน้ากินทั้งนั้นเลยเราทั้ง 4 คนก็ช่วยกันเก็บจานอาหารเข้าที่ ก่อนที่เราจะนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ที่ห้องครัว
“เดียวข้าวขึ้นห้องก่อนนะคะ” ฉันบอกกับป้ากุล เพื่อนและก็แพง หลังจากที่พวกเราทำทุกอย่างเรียบร้อย
“จ้ะ...ขอบใจหนูข้าวมากนะ”
“หนูยินดีค่ะป้า” จริงๆแล้วฉันชอบทำอาหารมากเลยนะ...ถ้าวันไหนไม่ได้ไปทำงานอะไรฉันก็จะเข้าครัวช่วยแม่ของฉันทำขนมขายตลอด
“ฝันดีค่ะ/ฝันดีค่ะพี่ข้าว” เพื่อนกับแพงเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม
“ฝันดีค่ะ...” ฉันเอ่ยบอกกับป้ากุล เพื่อนและแพง ก่อนที่ฉันจะเดินขึ้นห้องเพื่อไปพักผ่อน วันนี้ฉันเจอเรื่องมาหนักหนาสาหัสมากพอแล้ว ควรรีบนอนเก็บแรงไว้สู้ต่อให้วันพรุ่งนี้
2.00 น.
เพล้งงงงงง...
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน เหมือนฉันจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างตกแตก ด้วยความอยากรู้อย่างเห็นของตัวเอง ฉันจึงออกมาจากห้องเดินลงมาด้านล่างตามบันได ฉันไม่คิดว่าเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงของโจรหรอกนะเพราะว่าบ้านของท่านประธานมีบอดี้การ์ดเยอะจะตาย แต่ฉันกลัวจะเป็นเสียง...
“ในเมื่อมันกล้าทรยศกู ไอ้ทิมมึงไปจัดการตามที่กูสั่ง”
“ออกไป”
“ครับนาย”
เสียงของท่านประธานดังมาจากห้องนั่งเล่น น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเขาอยู่ในอาการมึนเมา ฉันคิดว่าตัวเองไม่ควรเสี่ยงดีกว่า ปกติเขาก็น่ากลัวอยู่แล้ว และยิ่งเขาอยู่ในอาการแบบนี้อีกฉันยิ่งไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนี้
“…” เหมือนท่านประธานจะเห็นฉัน ในขณะที่ฉันกำลังจะหันหลังเพื่อจะกลับขึ้นห้องสายตาของเราทั้งสองก็สบกันพอดิบพอดี‘ซวยแล้วข้าวตู’
“แอบฟังคนอื่นคุยกัน ที่บ้านเธอไม่ได้สอนเรื่องมารยาทรึไง” ชายตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“ทะ...ท่านประธาน” ฉันเรียกเขาอย่างสั่นๆ ฉันทั้งกลัวและก็โกรธเขาในเวลาเดียวกัน ฉันแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้นเอง แต่ทำไมเขาต้องว่าฉันแรงขนาดนี้ด้วย เขาจะดุจะด่าฉันยังไงก็ได้แต่เขาไม่มีสิทธิมาว่าครอบครัวของฉันแบบนี้
“หึ แต่ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด”
“…”
“เพราะขนาดพี่ชายเธอ มันยังไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด” ริมฝีปากหนายังคงเอาแต่เปล่งคำพูดแย่ๆออกมาไม่หยุด
“คุณ! อย่ามาดูถูกพี่ของฉันนะ” ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันไปเอาความกล้ามาจากไหน แต่ตอนนี้ฉันโกรธเขามากที่เขาดูถูกพี่ปั้นแบบนั้น
-KAOTU PART-บรรยากาศรอบห้องโถงที่เงียบเชียบ อากาศที่เย็นจับขั้วหัวใจจากการทำงานอย่างหนักของแอร์คอนดิชั่น ทำให้ตัวของฉันสั่นไปหมดจนแยกแทบไม่ออกว่าฉันหนาวหรือเพราะฉันกลัวชายตรงหน้าที่จ้องมายังฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของฉันให้ได้ฉันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหาตัวช่วย แต่ก็นะวันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันกัน ภายในบ้านเงียบมาก จากที่เคยมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ แต่ตอนนี้กลับไม่มีเลยสักคน บ้านหลังใหญ่หลังนี้คงไม่ได้เหลือเพียงเราสองคนหลอกใช่ไหม“หึ เธอรู้อะไรไหมทำไมฉันถึงเอาเธอมาที่นี่ด้วย" ชายตรงหน้าเอ่ยถามฉันเรียบ พร้อมกับจ้องมายังฉันไม่วางตา“…”“ทะ...ทำไมค่ะ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าไปตรงๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธมาตอนไหน แต่ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงความแค้นที่ส่งมาให้ฉันฉันกับเขาเราพึ่งรู้จักกันฉันไม่เคยไปทำร้ายเขาเลย จริงๆมันอาจจะมีบ้าง แต่นั่นก็เป็นอุบัติเหตุที่ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นนี่นา ซึ่งฉันก็คิดว่าคนอย่างเขาไปน่าจะเก็บเอาเรื่องนั้นมาเป็นความแค้นจนถึงตอนนี้นะ“…”ตึกตึก ตึกตึกชายตรงหน้าค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน ด้วยความกลัวฉันจึงเดินถอยหนีเขาจนฉันสะดุดเข้าก
-SOLO PART-06.00 น.~ครืนนนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนนน~ในขณะที่ผมนอนหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความแค้นของผมทำให้ผมทำรุนแรงกับเธอได้ขนาดนี้ สังเกตจากรอยแดงตามลำคอ ไล่ลงมายังลำตัวและแขนเรียว บริเวณครึ่งการสาวของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงระบมจนแดงไปหมด ผมคลั่งเกินไปหว่ะเธอหมดสติไปแล้วผมก็ยังไม่หยุด ระบายใส่เธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากโต๊ะเล็กๆ บริเวณหัวเตียงของผม ผมจึงพลิกตัวและจับหัวคนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ให้ไปนอนหนุนยังหมอนดีๆ อย่างเบามือ เพราะกลัวว่ายัยตัวเล็กที่กำลังนอนหลับจะตื่นขึ้นมา“อืออออ” เสียงยัยตัวเล็กครางออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังจะถูกกวนให้ตื่นจากห้วงนิทรา-Marcus-แกร่ก!! แกร่ก!!ติ๊ด!ผมเดินออกไปยังระเบียงหลังห้องก่อนที่จะกดรับสายทันที ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ อย่างไอ้มาร์คัสไม่มีทางโทรหาผมเวลานี้เเน่นอน(โซโล่เพื่อนรักมึงทำอะไรอยู่ครับ) น้ำเสียงที่กวนบาทาดังออกมาจากปลายสาย“ไอ้เชี้ยมาร์คัส! มึงโทรมาถามกูแค่นี้” ความมั่นใจในตอนแรกของผมเริ่งเปลี่ยนเป็นความไม่มั่นใจขึ้นมาทันที(ก็กูคิดถึง) คำที่ชวนจะอ
-KAOTU PART-17.00 น.จ้อกกกกกกกก!! จ้อกกกกกกกก!!งือ...ท้องฉันร้องแล้วอ้า ‘หิวข้าวจัง’ ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อหาถาดข้าวที่เพื่อนกับแพงเอาเข้ามาให้ แต่ก็ไม่พบหรือว่าพวกเธอจะเข้ามาเก็บไปตอนที่ฉันเผลอหลับไปแน่เลยตึกตึก ตึกตึก...ฟุบ!!! ฉันเดินลงบันไดเพื่อที่จะไปยังห้องครัว ฉันได้ยินเสียงคนเดินมาทางฉัน ฉันจึงรีบหลบข้างๆ ตู้ทันทีก็ฉันกลัวนี่น่ากลัวว่าจะเป็นผู้ชายใจร้ายคนนั้น ยังไม่อยากที่จะเจอหน้าของเขาตอนนี้ ฉันยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าผู้ชายคนนั้น“ป้ากุลคะ” ฉันเอ่ยเรียกป้ากุลทันทีที่มาถึงห้องครัว เห็นป้าแกกำลังก้มๆ เงยๆ ทำอาหารอยู่“จ้าหนูข้าว”“…” ฉันหันไปมองซ้ายที่ขวาที่...“นายใหญ่ไม่อยู่หรอจ่ะ ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้ว” บอกกุลเอ่ยบอกกับฉันอย่างรู้ทัน จริงสิวันนี้เขามีประชุมนี่ ที่เขาไม่เอาฉันไปด้วยก็คงเป็นเพราะฉันมันไม่ได้มีสามารถมากพอที่จะช่วยงานเค้าได้ ฉันก็เป็นได้แค่เครื่องมือที่เขาเอาไว้ใช้แก้แค้นพี่ปั้นก็แค่นั้น...“อ่อค่ะ” ป้ากุลแกคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่แกคงไม่อยากถามฉันมากกว่า สังเกตจากสายตาที่ป้าแกมองมาทางฉันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง และสงสารฉันจับใจ“มาทานข้าวเถอะ หนูไม่ได้กิ
21.00 น.อีกด้าน...~ครืนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนน~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากโต๊ะหัวเตียงปลุกหญิงสาววัยกลางคนให้ตื่นจากภวังค์ สายตาที่จ้องมองไปยังโทรศัพท์เต็มไปด้วยความกังวล“ฮัลโหลปั้น”(แม่ครับ ผมโทรหาน้องไม่ติดเลย) เสียงร้อนใจดังขึ้นมาจากปรายสาย ข้าวปั้นโทรหาข้าวตูทันทีที่เห็นข้อความจากทั้งที่แม่ของเขาส่งให้ และที่ข้าวตูส่งให้ แต่โทรยังไงก็โทรหาไม่ติด ข้าวปั้นจึงรับโทรหาแม่ของเขาทันที“อาจจะไม่มีสัญญาณนะลูก”(…เดี๋ยวผมจะลางานกลับบ้านให้ไวที่สุดครับ)“จ้ะลูก”(สวัสดีครับแม่)-KAOTU PART-“ขะ…ขอร้อง” ฉันรีบเอามือดันอกเขาพร้อมกับหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง…“…”“ไปอาบน้ำซะตัวเหม็น”“…” ผีอะไรเข้าเขารึป่าวเนี้ยเมื่อวานกับวันนี้ถึงเปลี่ยนไปยังกับคนละคน“รออะไรจะให้ฉันอาบให้?” เขาเอ่ยถามฉันพร้อมกับลุกขึ้นมาหา ทำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่ขู่แต่เขาเอาจริง“มะ...ไม่ค่ะ” ฉันรีบบอกกับเขาทันที ก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการกับตัวเองทันทีแอ๊ดดดด!!...“หึ...”โชคดีที่ห้องน้ำนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยไม่งั้นฉันคงแย่ ทุกอย่างในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครับครัน หรือว่าจริงๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านรับรอง
-KAOTU PART-แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านช่องว่างของต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางสวนสาธารณะภายในหมู่บ้านของฉัน ความร่มรื่นของที่นี่ไม่ได้ช่วยให้หัวใจที่ร้อนรุ่มของฉันสงบลงได้เลย“เฮ้ยยย” ฉันทำได้แค่ถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดใจ ฉันรวบรวมความกล้าก่อนที่จะเดินเข้าไปเปิดประตูบ้าน“แม่ค่ะ” ฉันเอ่ยเรียกแม่ไปทันทีที่เดินเข้ามาถึงในบ้าน“กลับมาแล้วหรอลูก” แม่พูดออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหวานที่ฉันแสนจะคุ้นเคยไม่เคยมีสักครั้งที่ฉันหันกลับมา ฉันจะไม่ได้รับรอยยิ้มจากใบหน้านี้“ฮึก ฮือออ” ฉันเดินเข้าไปกอดแม่พร้อมกับร้องไห้ออกมา ความรู้สึกอัดอั้นที่ฉันเก็บสะสมมาตลอด พอได้เห็นผู้หญิงที่เป็นเหมือนกับทุกอย่างในชีวิตฉัน ทุกสัมผัสที่ท่านทำให้ฉันรู้ว่าท่านรักฉันมากมันยิ่งทำให้ฉันไม่สามารถเก็บกดความรู้สึกไว้ได้อีก“เป็นอะไรรึป่าวลูก” แม่เอ่ยถามฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือบางของท่านจะลูบลงที่หัวของฉันอย่างรักใคร่เอ็นดู“ฮึก ข้าวคิดถึงแม่ค่ะ” ฉันตอบแม่กลับไปแบบนั้น ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลยความรู้สึกและคำพูดมากมายที่มันอัดแน่นอยู่ในอกฉัน แต่ฉันก็ไม่สามารถพูดมันออกไปได้ เพร
KHUWTU PART :“พี่ผา” ด้วยความตกใจฉันรีบวิ่งไปหาพี่ผาเพื่อพยุงเขาทันที“คุณทำอะไรของคุณ” ฉันเอ่ยถามผู้ชายใจร้ายออกไป พร้อมกับมองด้วยสายตาคาดโทษ คนอย่างเขาจะทำอะไรก็ได้ เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครสักคนอยู่เเล้ว แต่มาทำร้ายคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้มันก็ไม่สมควร“มึงกล้าปกป้องมันต่อหน้ากูหรอ” ร่างใหญ่ตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนที่จะเดินเขามากระชากแขนของฉันเข้าไปหาอกแกร่งของเขา ก่อนที่แขนแกร่งของเขาจะโอบรอบเอวบางของฉันไว้แน่น“โอ้ยยย!!!” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อมือหนาของเขาบีบลงที่เอวบางของฉันอย่างแรง“มึงปล่อยข้าวซะไอ้โซโล่” เสียงของพี่ผาเอ่ยขึ้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาเผชิญกับผู้ชายใจร้ายคนนี้ที่กอดฉันไว้ไม่ยอมปล่อย“กูต้องฟังมึง?” เขาหันไปพูดกับพี่ผาก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าฉัน…"เออ! กูไม่มีทางให้มึงทำอะไรข้าว""หึ...คนอย่างมึงมีปัญญาหรอวะ""พวกมึงพอกันทั้งคู่" เสียงของผู้ชายคนที่เข้ามาทักฉันเมื่อตอนนั้นเอ่ยขึ้น"..." พวกเขารู้จักกันหมดเลยหรอ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ยฉันงงไปหมดแล้ว"กูพอแน่ถ้าไอ้โซโล่มันปล่อยข้าว""ไม่มีทาง""มะ ไม่เป็นไรพี่ผาไม่ต้องห่วงหนูนะคะ"
-KAOTU PART-21.00 น.เมื่อครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้ป้องกันหนิ ‘โอ๊ย ข้าวตูเอ๊ยทำไมไม่นึกถึงนะ’ ทำไงดี“อ่ะ” ฉันคิดได้ดังนั้นก็รีบลุกพรวดขึ้นมาทันที ฉันครางออกมาด้วยความเจ็บร้าวบริเวณช่วงล่าง“ไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันพร้อมกอดฉันไว้แน่นไม่ยอมให้ฉันลุกไปไหน ฉันได้แต่หันหน้าหนีเขาด้วยความเขินอาย“ปะ ไปเข้าห้องน้ำค่ะ”“ไปไหวหรอฮึ” เขาเอ่ยถามฉันก่อนที่จะอุ้มฉันขึ้นแล้วพาเดินไปยังห้องน้ำ“นะ หนูเดินไปไหวค่ะ” ฉันตอบเขาไปแต่เหมือนว่าเขาจะไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดออกไปเลยแอ็ดดด!!!“เสร็จแล้วเรียกพี่นะ” เขาเอ่ยพร้อมกับว่างฉันลงอย่างแผ่วเบา“ค่ะ” ฉันตอบเขาก่อนที่เขาจะเดินออกไปปัง!!!“เฮ้ยยย ข้าวจะชดใช้ให้พี่ปั้นเองนะ” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองในขณะที่กำลังยืนมองสภาพตัวเองที่สะท้องออกมาจากกระจกเงาตรงหน้า ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาแค้นอะไรพี่ปั้นนักหนา ฉันก็ได้แต่หวังว่าความแค้นที่เขามีจบลงที่ฉันไม่อยากให้เขาไปแก้แค้นคนที่ฉันรักอีก อยากให้มันจบลงที่ฉันอยากให้เขาพอ ฉันเหนื่อย ฉันเจ็บ และฉันก็กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะไปต่อไม่ไหวมันไม่ใช่แค่ร่างกายของฉันอย่างเดียวที่ถูกย้ำยี แต่หัวใจดวงน้อยๆของฉันก็บอกช้ำไปด้วย…หลังจากที่
-KAOTU PART-ตอนนี้ฉันกับพี่โซโล่มาถึงยังร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู ภายนอกถูกตกแต่งเป็นโซนสวนป่าทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดูร่มรื่น และเย็นสบายผิดจากด้านนอก ถ้าเขาไม่พาฉันมาฉันก็คงไม่รู้เลยว่ามีร้านอาหารอยู่ตรงนี้“คุณโซโล่เชิญทางนี้ครับ” เสียงพนักงานต้อนรับหน้าร้านพูดพร้อมกับไหว้พี่โซโล่อย่างนอบน้อม“...” เขาเพียงแค่พยักหน้าตอบกลับพี่พนักงานคนนั้นไป ก่อนที่พี่พนักงานจะพาฉันกับพี่โซโล่เขาไปยังโต๊ะอาหาร“เชิญครับ”“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับพี่พนักงานคนนั้นไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่จะต้องหุบยิ้มทันทีที่หันไปเห็นสายตาเพชฌฆาตมองมาทางฉัน...“หนูลืมไปแล้วหรอว่าเมื่อคืนเราคุยอะไรกันไว้”“คะ คือ...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ“สงสัยต้องให้พี่ทวนความจำสินะ?” เขาเอ่ยบอกก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินมาหาฉัน“มะ ไม่ค่ะ จะไม่ทำแล้ว” ฉันรีบปฏิเสธเขาไปทันทีที่เขาพูดจบ ฉันไม่ได้ซื่อบื้อจนไม่เขาใจความหมายที่ผู้ชายตรงหน้าฉันพูดนะ และคนอย่างเขาไม่ได้มีดีแค่พูดหรอก“หึ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนกลับไปนั่งลงดังเดิม“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารนะครับ” พนักงานคนเดิมพูดขึ้นก่อนที่จะวางจ
@โรงพยาบาล SE"พี่มาร์คัส พี่นักรบคะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามพี่มาร์คัสกับพี่นักรบออกไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน"ทำใจดีๆไว้นะข้าว" พี่นักรับเอ่ยบอกกับฉันพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีเอาสะเลย"ฮึก ฮืออออ ไม่จริงเขาต้องไม่เป็นอะไร" ฉันเอ่ยบอกกับพี่นักรบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย"ข้าวตู..." พี่มาร์คัสเอ่ยเรียกฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่บ่าของฉันอย่างปลอบประโลม"ฮึก มะ ไม่จริงใช่ไหมค่ะ" ฉันเอ่ยถามพวกเขาออกไปอีกครั้ง หัวใจสั่นระรัวเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"ถ้าข้าวเป็นห่วงมันขนาดนี้ทำไมไม่ให้อภัยมันสักที?" พี่มาร์คัสเอ่ยถามฉันขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ"คะ ใครบอกว่าหนูไม่ให้โอกาสเขาล่ะคะ" ฉันเอ่ยบอกกับพี่มาร์คัสออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหนออกมา"...""หนูให้โอกาสเขาตั้งนานแล..." ฉันยังไม่ทันพูดจบพี่นักรบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา"ได้ยินชัดแล้วนะมึง" พี่นักเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเลยไปที่ด้านหลังของฉัน อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่ข้างหลังฉันควับ!!! ฉันรีบหันกลับไปมองเขาทันทีที่พี่นักรบพูดจบ"ฮืออออ พี่โซโล่..." ฉันเอ่ยเรียกเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ทันทีราว
3 ปีก่อน...ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!!'ใครอะ?' ข้อความในมือถือของจีน่าดังเขามารัวๆ ข้อความถูกส่งมาโดยคนที่เธอไม่รู้จัดเธอจึงกดเข้าไปดูแล้วกูพบว่ามันเป็นรูปข้าวปั้นแฟนหนุ่มของเธอกับนุ่นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังนอนกอดกำลังนอนกอดกันอยู่ในสภาพที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น รวมถึงสภาพห้องที่ดูแล้วราวกับว่าพึ่งจะผ่านศึกสงครามมา จีน่าเธอยืนดูภาพตรงหน้านิ่งเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้พยายามหาเหตุผมที่จะมาลบล้างภาพตรงหน้าสักเท่าไรมันก็ไม่หายไปสักทีจนกระทั่งกรี๊ดดดดดดดด ฮือออออออจีน่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตอนนี้มันไม่สามารถระบายเป็นความเจ็บปวดได้ทั้งแฟนที่เธอรักและเพื่อนที่เธอสนิทด้วยทั้งคู่กำลังสวมเขาให้เธอจริงๆนะหรอ?ฮึกกกก ฮืออออออจีน่าพยายามโทรหาข้าวปั้นแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติดสักที เธอจึงเลือกส่งข้อความไปแทน'มันเป็นเรื่องจริงหรอปั้น?' จีน่าส่งรูปที่มีบุคคลที่สามส่งมาให้เธอให้กับข้าวปั้นพร้อมกับพิมพ์ถามเขาออกไป'ปั้น''อ่านแล้วก็ตอบเล่าสิอย่าเงียบได้ไหม'ฮืออออออออ'ปั้นทำมันลงไปจริงหรอ' ยิ่งข้าวปั้นอ่านแล้วไม่ตอบมัน
-SOLO PART-@บ้านข้าวตูผมขับรถสปอร์ตหรูของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของข้าวตู ผมไม่รู้ว่าแม่ของข้าวตูเธอรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ตอนนี้ผมควรจะทำมากที่สุดคือเล่าความเลวของตัวเองที่ได้กระทำไว้กับข้าวตู ให้แม่ของเธอได้รับรู้จากปากของผมเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะให้อภัยผม เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของผม ผมก็คงไม่ให้อภัยใครง่ายๆ เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัวเองกริ๊ง!!! กริ๊ง!!!ผมเดินลงจากรถและไปกดกริ๊งหน้าบ้านของข้าวตู รอไม่นานแม่ของข้าวตูเธอก็เดินตรงมาหาผม"คุณมาทำไมคะ" เธอเอ่ยถามทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่มาเป็นผม ท่าทีเธอดูนิ่งจนผมเริ่มจะแปลกใจ"สวัสดีคับ ผมขอเข้าไปข้างไนได้ไหม?" ผมกล่าวทักทายแม่ข้าวตูด้วยถ่อยคำที่สุภาพ"เชิญค่ะ""ขอบคุณครับ" พูดจบผมจึงเดินตามแม่ข้าวตูเข้าไปในบ้านของเธอ"นั่งก่อนค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้""ไม่เป็นไรครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่""ค่ะ!!!" เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ผมว่าผมเรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้วก็เธอเป็นแม่ของเมียผมนิ"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับเรื่องที่ผมทำร้ายข้าวตู" ผมเอ่ยขอโทษแม่ขอ
"ปั้น" เสียงของจีน่าเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ"ครับ" ข้าวปั้นหยุดเดิน ก่อนจะขานรับคำจีน่าพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ"ปั้นไม่โกรธโซเลยหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกันที่บ้านของข้าวปั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าโกรธเคืองโซโล่ออกมาอีก"โกรธสิ! เราอยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ" ข้าวปั้นเอ่ยตอบจีน่าออกมาเสียงเรียบ"...""แต่เราไม่ทำหรอ เดี๋ยวเวณกรรมก็ตามมันเองเรารู้จักน้องเราดีถึงภายนอกข้าวตูจะดูเป็นคนอ่อนแอก็เถอะ""หมายความว่า...ปั้นรู้?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปทั้งๆที่เธอก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วจากคำพูดของเขาเมื่อกี้"เรารู้มานานแล้วว่าไอ้โซชอบข้าว" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไป"ปั้นผิดแล้ว..." จีน่าตอบข้าวปั้นออกไปด้วยรอยยิ้ม"หืม แต่เราเห็นว่ามันสั่งให้ลูกน้องของมันเอาตุ๊กตามาให้ข้าวเมื่อหลายปีก่อนนะ" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไปด้วยความงุนงง มันจะผิดไปได้ไงในเมื่อวันเกินข้าวตูเมื่อ 8 ปีก่อนหลังเลิกเรียนเขาเดินกลับมาบ้านก็เห็นว่ามันยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้วางแผลกับลูกน้องของมันเพื่อที่จะนำตุ๊กตามาให้ข้าวตู ทุกอยากอยู่ในสายตาของเขาหมด รวม
-KAOTU PART-"จอดรถเถอะนุ่นปล่อยข้าวตูไป น้องไม่เกี่ยวอะไรด้วย" เสียงของผู้หญิงที่ชื่อจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนคนข้างๆ"เป็นห่วงกันจริงๆเลยน้องผัวเนี่ย อ้อไม่สิหรือต้องเรียกว่าพี่สะใภ้กันนะถึงจะถูก" ฉันอึ้งไปกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า 'หมายความว่าเธอคนนี้ที่ชื่อจีน่า เธอเป็นน้องสาวของผู้ชายใจร้ายคนนั้น และเธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ปั้นพี่ชายของฉันงั้นหรอ' ฉันพูดกับตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับมองไปที่คุณจีน่าไปด้วยความงุนงง ทำไมความสัมพันธ์มันซับซ้อนจัง"หยุดเถอะนุ่น" คุณจีน่าพูดเสียงเเข็ง ตอนนี้สีหน้า ท่าทางของเธอดูเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดทั้งท่าทีที่ดูน่าเกรงขามและน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นฉันว่า 'บรรยากาศบนรถมันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ' คิดได้ดังนั้นฉันจึงขยับตัวเองไปนั่งติดกับที่พิงด้านหลัง แล้วมือทั้งสองข้างฉันจับเบาะรถไว้เเน่น ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่ฉันเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องฉันต่างหาก"กูไม่หยุด มึงจะสนมันทำไมมึงไม่เกลียดพี่มันแล้วหรอ" เธอตวาดคุณจีเสียงดัง"ฉันไม่มีทางเกลียดปั้น" คุณจีก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน"..." ฉันนั่งฟังที่เขาคุยกันอย่างเงียบๆ เพราะเรื่อง
17.00 น."ข้าวตู ข้าว" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงพี่ปั้นที่เรียกฉันดังมาจากหน้าห้องนอนของฉัน"ค่า..." ฉันขานรับพี่ปั้นกลับไปก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ"ลงไปกินข้าวกัน""โอเครค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะ" ฉันตอบพี่ปั้นกลับไปก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง"ฮืมมม หอมจังเลยค่ะแม่" ฉันเอ่ยบอกกับออกไป"งั้นหนูต้องกินเยอะๆนะลูก" แม่เอ่ยบอกกับฉันก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวของฉันอย่างทะนุถนอม"กำไลใครหรอข้าว?" เรานั่งกินอาหารกันไปได้สักพักพี่ปั้นก็เอ่ยถามฉันพร้อมกับมองดูกำไลที่ข้อมือของฉันอย่างสงสัย"ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ มีคนมาส่งตุ๊กตามาให้ข้าวอีกแล้วค่ะ และในนั้นก็มีกำไลนี้มาด้วยข้าวพยายามแกะออกแล้วนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกสักที" ฉันอธิบายให้แม่กับพี่ปั้นฟัง"งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่กล่องว่าเขาซื้อมาจากที่ไหน แล้วถ้าวันไหนว่างพี่จะพาไปเอาออก" พี่ปั้นเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย นานแล้วที่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้อาหารมื้อนี้ยาวนานกว่าที่เคย แถมฉันก็ยังเจริญอาหารมากกว่าทุกครั้งอีกด้วย3 วันต่อมา...
@โรงพยาบาล SE"วี" ฉันเอ่ยเรียกวีนัสออกไปทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อรอผลตรวจจากคุณหมอ ก่อนที่ฉันจะไปคว้ามือวีนัสมาจับไว้แน่น..."ไม่ต้องกลัวนะข้าวเราจะอยู่ข้างๆข้าวเอง" วีนัสเอ่ยบอกกับฉันก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน พร้อมกับมือบางของเธอที่ลูบแผ่นหลังฉันอย่างอ่อนโยน"อืม" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบกลับวีนัสแอ๊ดดดดดด!!!"ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องรอ" คุณหมอเดินเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ของเธอพร้อมกับก้มลงอ่านเอกสารในมือ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน"ยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรห์ได้ 4 สัปดาห์แล้วค่ะ""..." เหมือนโลกทั้งใบของฉันหยุดลงไปชั่วขณะหูฉันอื้อไม่ได้ยินเสียงใดๆรอบตัว แขนและขาทั้งสองข้างไม่มีแม้แต่เรียวแรงจะขยับหนีไปไหน"คุณแม่ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะคะ และเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงไปให้ด้วยค่ะ""...""ขอบคุณนะคะคุณหมอ ปะข้าว" เป็นเสียงที่วีนัสที่เอ่ยบอกกับหมอก่อนจะพาฉันลุกเดินออกมาด้านนอกเพื่อรอรับยา ฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ตัวเองกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง แต่ฉันกลัว กลัวแม่และพี่ปั้นจะผิดหวังในตัวฉัน กลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันยังไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาภูมิใจในตัวฉันเลยสักอย่าง
@มหาวิทยาลัย AAสายลมเอื่อยๆในยามสายของวันช่วยให้คลายความร้อนจากแสงของดวงอาทิตย์ในช่วงนี้ของวันได้มากอยู่เหมือนกัน สายลมที่พัดไปมาทำให้ใบไม้น้อยใหญ่ที่แห้งเหี่ยวอยู่บนลำต้นของมันร่วงโรยมากองอยู่ที่พื้นด้านล่างอย่างง่ายดาย ใบไม้เหล่านั้นถูกกวาดมากองรวมกันไว้เป็นกองๆเพื่อรอจัดการกับมันต่อไปหลังจากที่ฉันกับพี่ปั้นไปส่งแม่ที่บ้าน และช่วยท่านเก็บข้าวของเข้าที่จนเรียบร้อย พวกเราสองคนพี่น้องก็รีบมาที่มหาลัยของฉันทันที ฉันได้โทรถามอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันแล้วท่านว่างวันนี้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากท่านต้องไปศึกษาดูงานของคณะที่ต่างประเทศ ถ้าฉันไม่รีบทำเรื่องให้เรียบร้อยในตอนนี้ก็คงต้องรอไปอีกหลายวันเลยแหละ“สวัสดีค่ะอาจารย์/สวัสดีครับ” ฉันและพี่ปั้นเอ่ยทักทายอาจารย์ของฉันพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ท่านอย่างนอบน้อมทันทีที่พบท่านที่ห้องพัก“สวัสดีเชิญนั่งค่ะ”“ขอบคุณค่ะ/ครับ”"มีเรื่องอะไรรึป่าวปัทมา?" อาจารย์เอ่ยถามฉันทันทีที่ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ข้างพี่ปั้นฝั่งตรงข้ามกับท่าน สีหน้าท่านดูกังวลเล็กน้อยที่เห็นฉันเดินเข้ามากับพี่ปั้น ซึ่งเขาก็ถือว่าเป็นผู้ปกครองของฉัน"เอ่อ..." พอฉันเห็นสายตาของอาจา
อีกด้านหนึ่ง..."จี" เสียงของข้าวปั้นเอ่ยเรียกจีน่าทันทีที่เห็นเธอกำลังเดินผ่านเขาไป"อ่าว! ปั้นไม่ได้อยู่ในห้องหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย..."เราออกมาคุยกับหมอ เรื่องที่เราคุยกันพรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะ" ข้าวปั้นเอ่ยบอกกับจีน่าอย่างกล้าๆกลัวๆ กลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาจะปฏิเสธ"อืมได้สิ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นเสียงอ่อน ทำให้คนฟังยิ้มออก"มาเยี่ยมข้าวตูหรอ ไปพร้อมเราเลยสิ""ค่ะ" จีน่าตอบกลับข้าวปั้นออกไปก่อนที่เธอจะเดินตามเขาไปยังห้องข้าวตู"ไอ้ปั้น กูขอคุยอะไรกับมึงหน่อย" เสียงโซโล่เอ่ยเรียกข้าวปั้นทันทีที่เขาเดินออกมาจากห้อง และพบว่าข้าวปั้นกำลังจะเดินเข้าห้องพร้อมกับจีน่า"ว่ามา""กูขอโทษเรื่องข้าวตู..." โซโล่เอ่ยบอกกับข้าวปั้นเสียงอ่อน"กูไม่รับเพราะกูไม่ใช่ข้าวตู และกูก็จะไม่แก้แค้นแบบที่มึงทำด้วยไอ้โซ""...""แค่กูอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเวรกรรมมันก็ตามมาสนองมึงเอง" ข้าวปั้นเอ่ยตอบกลับโซโล่ออกไปเสียงเรียบก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา เพราะเขารู้ดีว่าข้าวตูเป็นคนอย่างไงและโซโล่กำลังคิดอะไรกับน้องของเขาอยู่“…”“วันนี้มึงกลับไปเถอะ ข้าวยังไม่อยากเห็นหน้ามึง”"เออกูรู้ ปะจีวันนี้กล