“สวัสดีค่ะพี่น้ำทิพย์ หนูชื่อดารินนะคะ”
“ทิพย์นี่ดารินนะ น้องพี่เอง”
“ค่ะ”
ย้อนกลับไปในวันแรกที่เขาพาผู้หญิงคนนี้มาแนะนำให้ฉันรู้จัก ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอก อายุสิบแปดหน้าตาน่ารักดี ก็คิดว่าจะใส ๆ แต่ที่ไหนได้
...กลับไสยศาสตร์!
ฉันรู้เพราะอะไรรู้ไหม นางมาบอกฉันตรง ๆ เลยจ้า คำพูดวันนั้นยังจำได้ดี
“พี่เป็นแฟนพี่เหนือใช่ไหมคะ”
“ค่ะ น้องมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ”
“ต้องการจะสื่ออะไร” แต่ในใจก็ดูออกแล้วแหละว่าเธอต้องการอะไร แต่ต้องการความมั่นใจมากกว่านี้
“ฉันต้องการพี่เหนือ”
“ฝันไปหรือเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะเอาพี่เหนือมาเป็นของฉันแน่ ระวังไว้ให้ดี ๆ ก็แล้วกัน หึ”
ประโยคสนทนาระหว่างฉันกับเด็กนั่น และเธอก็ทำตามที่เคยพูดไว้จริง ๆ นะ ถึงตอนนี้ฉันกับพี่เหนือจะยังไม่เลิกกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่เหมือนเดิม เขาใส่ใจฉันน้อยลง แม้ว่าวันที่เราทะเลาะกันคราวก่อนจะทำให้เขาใส่ใจฉันมากขึ้น แต่มันก็ไม่เท่าเดิม ไม่เท่าก่อนที่จะมีเด็กดารินนั่นเข้ามา
ที่สำคัญเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เธอชอบหาลู่ทางในการเข้าใกล้พี่เหนือและยุแยงให้เราทะเลาะกันตลอดเวลาที่มีโอกาส ทุกครั้งที่ฉันพูดเรื่องของเธอกับพี่เหนือ พี่เหนือจะพูดว่า
‘ไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมาก’
ประโยคสั้น ๆ เดิม ๆ ทุกครั้ง ตอนนี้เขาก็ดูไม่ใส่ใจเด็กนั่นเหมือนแต่ก่อนนะ คงจะเกรงใจฉันนั่นแหละ แต่ถามว่ามีไหม มันก็มีบ้าง แต่ฉันไม่อยากให้มีเลยไง ซึ่งเขาทำให้ฉันไม่ได้! เราถึงได้ระหองระแหงกันทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้
มันน่าเบื่อนะว่าไหม ที่เรากับแฟนต้องทะเลาะกันเรื่องเดิม ๆ และต้นเหตุของเรื่องก็ไม่ได้มาจากเรา บางทีฉันก็อยากจะพูดกับเขานะว่าฉันอึดอัดแค่ไหน เวลาที่เราไปกินข้าวก็จะมียายเด็กนี่ติดสอยห้อยตามไปด้วย
ใช่ค่ะ ดารินนางไปกินข้าวด้วยเกือบจะทุกครั้ง แสร้งอ้างว่าบ้านใกล้บ้างล่ะ เลี้ยงน้องบ้างล่ะ สารพัดเหตุผล
แต่ล่าสุดอ้างว่าอะไรรู้ไหม บังเอิญเจอ! อีตาพี่เหนือก็เชื่ออย่างสนิทใจ จึงได้ชวนมานั่งร่วมโต๊ะด้วยอยู่แบบนี้ไง ฉันล่ะไม่เข้าใจ ปลาที่กินไปไม่ได้ช่วยให้พี่เหนือฉลาดขึ้นมาบ้างเลยหรือไง เขาถึงได้โง่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมยายดารินแบบนี้
“สั่งสิครับ จะกินอะไรกัน” พี่เหนือพูดขึ้นหลังจากที่เราเงียบมานาน เขาคงรู้ว่าฉันไม่พอใจ แต่ก็ไม่ยอมไล่ยายนั่นกลับไปเสียที ทั้งยังบอกว่ากินข้าวเสร็จจะไปส่งอีกต่างหาก ใจดีไหมล่ะ เหอะ
“เอาปูผัดผงกะหรี่ค่ะ น้องดาน่าจะชอบใช่ไหมคะ” ฉันพูดขึ้นก่อนจะ หันไปถามยายเด็กนั่นยิ้ม ๆ
“น้องดากินอะไรก็ได้ค่ะ น้องดาต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวน
พี่ ๆ ทั้งสองคนแบบนี้”“ก็รู้ตัวนี่ ทำไมยังอยู่ล่ะ”
“ทิพย์! เสียมารยาท” ฉันหันไปมองพี่เหนือด้วยความไม่พอใจ ขัดไป หมดเสียทุกอย่าง แตะไม่ได้แบบนี้เกินคำว่าน้องไปแล้วมั้ง!
“ถ้าพี่ทิพย์ไม่สบายใจ น้องดากลับก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ กินก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่พอใจกับคำพูดของเขา แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเราอยู่ในร้านอาหาร
รอประมาณสามสิบนาทีอาหารที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ พี่เหนือยังคงตักอาหารให้ฉันเหมือนเช่นทุกครั้ง ในขณะเดียวกันก็ตักให้ยายน้องดานั่นด้วย
ฉันเริ่มจะไม่ไหวกับการกระทำของเขาแล้วล่ะ ส่วนยายเด็กนั่นก็มองหน้าฉันยิ้ม ๆ อยากจิกหัวมาตบจริง ๆ ตบทั้งยายน้องดาและคนของเรานี่แหละ!
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวมา” เมื่อทนมองการกระทำของเขาไม่ไหว ฉันจึงต้องขอตัวมาเข้าห้องน้ำเพื่อระงับอารมณ์ตัวเองก่อน ทำอะไรไปตอนนี้คงไม่ส่งผลดีกับฉันแน่ ๆ
“แหม ถึงกับต้องหนีมาเข้าห้องน้ำเลยเหรอคะ”
“ถอยไป” ขณะที่ฉันจะกลับไปที่ร้านอาหาร เด็กดารินก็เดินเข้ามาขวางทางไว้ซะก่อน
“จำได้ไหมคะ ที่ฉันบอกว่าจะเอาพี่เหนือมาเป็นของฉัน มันไม่ยากเลยนะว่าไหม” ฉันพยายามนิ่งและไม่สนใจคำพูดของเธอ
“ทำอะไร” หลังจากที่ฉันไม่ตอบ ดารินก็เปิดก๊อกน้ำและวักน้ำใส่ เสื้อตัวเอง จนฉันอดไม่ได้ที่จะถามออกไป แต่แทนที่จะได้คำตอบ กลับได้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้แทน
“ถ้าคิดว่าจะทำเหมือนในละครก็เชิญนะ พี่เหนือเขาไม่โง่เชื่อเธอหรอก” ฉันพูดออกไปหลังจากที่เริ่มเข้าใจการกระทำของเธอขึ้นมาบ้างแล้ว
“แล้วมาดูกันว่าเขาจะเชื่อใคร แต่ฉันคิดว่าเขาเชื่อฉันแน่ค่ะ” พูดจบเธอก็เอามือยีหัวตัวเอง ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องน้ำก่อนหน้าฉัน ฉันส่ายหัวปลง ๆ กับพฤติกรรมของเธอ ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องน้ำตรงไปยังร้านอาหาร แต่ไม่ทันจะถึงร้านก็เจอพี่เหนือยืนประคองเด็กดารินนั่นอยู่ซะก่อน
ทันทีที่เขาเห็นหน้าฉันก็มองฉันด้วยสายตาเย็นชา เย็นชากว่าครั้งไหน ๆ ที่เราทะเลาะกัน นี่อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าฉันทำร้ายยายเด็กนั่น ถ้าคิดและเชื่อแบบนั้นก็โง่เกินคนแล้วแหละ
“กลับ” เขาพูดก่อนจะประคองดารินและเดินนำออกไป
ภายในรถมีแต่เสียงร้องไห้ของดาริน เธอนั่งร้องไห้จนน่าสงสาร ฉันมองด้วยความสมเพชกับการแสดงของเธอ ส่วนพี่เหนือก็ไม่ได้พูดอะไร เราไปส่งดารินเสร็จพี่เหนือก็รีบขับรถกลับคอนโด ภายในรถมีแต่สงครามเย็นที่เกิดขึ้น ฉันไม่พูดเขาก็ไม่พูด ต่างคนก็ต่างเงียบ
ปึก!
เสียงปิดประตูรถดังขึ้นทันทีที่รถจอดเรียบร้อยแล้ว ฉันมองตามแผ่นหลังผู้ชายที่เป็นแฟนของฉันด้วยความอ่อนใจ
นี่เขาคงคิดว่าฉันทำร้ายดารินจริง ๆ สินะ...“ทำร้ายดารินทำไม” เข้ามาภายในห้องยังไม่ทันจะนั่ง คำถามเสียดแทงความรู้สึกก็ดังเข้ามาในโสตประสาทหูทันที ฉันมองคนถามด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง“ตอบมาสิน้ำทิพย์ ทำแบบนั้นทำไม”“ทิพย์ไม่ได้ทำ”“ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วน้องดาจะเป็นแบบนั้นไหมวะ!”เพียะ!ทันทีที่เขาตะคอกฉัน ฝ่ามือของฉันก็กระทบหน้าเขาทันที พร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลออกมา“อย่ามาบีบน้ำตา ครั้งนี้มันไม่ได้ผล บอกมาว่าทำร้ายน้องดาทำไม!”“ก็บอกว่าไม่ได้ทำไง เคยเชื่อใจกันบ้างไหมวะ”“จะให้เชื่อใจเหรอน้ำทิพย์ ทีเธอยังไม่เชื่อใจฉันเลย”“...”“ฉันบอกว่าฉันคิดกับน้องดาแค่น้อง เธอเคยเชื่อฉันไหม ฉันก็แค่สงสารที่เธอไม่มีพ่อก็แค่นั้นอะ ทำไมวะ ทำไมชอบทำให้เป็นเรื่องอยู่เรื่อยเลย”“ทิพย์ทำเหรอ ทิพย์ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ มีไหมที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีไหมที่จะหาเหตุผล นี่อะไรมาถึงก็หาว่าทิพย์ทำมัน แบบนั้นมันใช่เหรอ” พูดพร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย“ก็ถึงได้ถามไงว่าทำไปทำไม”“ถ้าจะถามแบบนี้อย่าถามเลยดีกว่า พี่จะถามทำไมถ้าพี่เชื่อยายดาริน ถ้าพี่จะปักใจเชื่อว่าทิพย์ผิดไปแล้ว พี่จะถามทำไม”“น้ำทิพย์ฉันถามเธอดี ๆ นะ อย
ผมมองตามรถที่ขับออกไปด้วยอารมณ์หลากหลายความรู้สึก มันรู้สึกหน่วง ๆ ในใจ เหมือนกับว่ากำลังจะสูญเสียของรัก! ก่อนจะสะบัดหัวขับไล่ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเรียกของน้องดา“พี่เหนือ พี่เหนือไม่เป็นไรนะคะ”“ครับ พี่ต้องขอโทษแทนทิพย์ด้วยนะครับ แล้วก็ เอ่อ...เมื่อกี้พี่ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะพี่เหนือ อย่าใส่ใจเลยดาไม่คิดมากหรอกค่ะ พี่เหนือสิคะโดนตบไปสี่ครั้งติดคงเจ็บมาก”“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ไกลหัวใจ”“ค่ะ ถ้ายังไงก็สู้ ๆ นะคะ ปรับความเข้าใจกับพี่ทิพย์ให้ได้ น้องดาเป็นกำลังใจให้ค่ะ” ผมมองสบตากับน้องดาก่อนจะยิ้มให้เมื่อสายตาที่เธอมองมายังผมมันเต็มไปด้วยความใสซื่อและจริงใจผมได้แต่รู้สึกผิดที่เมื่อครู่ดึงเธอมาจูบเพราะอยากประชดน้ำทิพย์ที่เธอไม่เชื่อใจผมผมรู้ว่าเธอขับรถตามผมมา ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นเธอเพราะผมไม่เคยเห็นเธอใช้รถคันนี้มาก่อน แต่เมื่อนึกไปนึกมาผมก็คิดได้ว่าบ้านของเธอจะส่งรถคันใหม่มาให้ การที่เธอใช้รถคันใหม่ขับตามผมแบบนี้ มันยิ่งตอกย้ำว่าเธอไม่เคยไว้ใจผมเลย ผมถึงได้ดึงน้องดาเข้ามาจูบ!“ครับ เข้าบ้านได้แล้วครับ พี่ก็จะกลับแล้วเช่นกัน” ผมยืนรอจนน้องดา
ภาพที่น้ำทิพย์กำลังกินอาหารและหยอกล้อกับใครอีกคน ใครอีกคนที่ว่าถ้าเป็นเพื่อน ๆ ของเธอผมจะไม่อะไรเลย แต่ภาพที่ผมเห็นตรงหน้ามันคือผู้ชาย!ผมควรรู้สึกยังไง ดีใจเหรอที่แฟนตัวเองติดต่อไม่ได้แล้วยังมากินข้าวกับผู้ชายคนอื่น ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้พ่อพระขนาดนั้น...ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาทั้งสอง โดยมีน้องดาเดินตามอยู่ข้างหลังกึก!“ไง ติดต่อไม่ได้ แต่มานั่งกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นเนี่ยนะ” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าเธออย่างโกรธ ๆ“แล้วยังไง” เธอพูดเสียงเรียบก่อนจะมองหน้าผม“เหอะ ทิพย์ มันไม่ควรรึเปล่าวะ เธอมีแฟนอยู่แล้วนะเว้ย”“มีแฟน? เหอะ ถ้ามีแล้วเหมือนไม่มีก็อย่ามีมันเลยดีกว่า”“หมายความว่ายังไง” เธอไม่ตอบผม แต่เลือกที่จะไปคุยกับไอ้หน้าขาวนั่น เรียกเช็กบิลก่อนที่ทั้งคู่จะพยายามเดินออกไปแต่จังหวะที่เธอจะเดินผ่านผมไปนั้น สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นน้องดาเข้าซะก่อน เธอหันมายิ้มเยาะเย้ยใส่ผมนิดหน่อยแล้วรีบเดินผละไป แต่มีหรือผมจะยอมผมรีบก้าวเดินตามคนทั้งสอง จนเราทั้งสี่คนมาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าความบังเอิญหรือว่าอะไร เพราะรถผมกับรถไอ้หน้าขาวนั่นมันจอดอยู่ข้างกันพอดีเลย!“ทิพย์ คุยกันให้รู้เรื่
“ไง ไอ้เหนือ ยังมีสภาพหมาหงอยเหมือนเดิมเลยนะ”ผมมองคนพูด มันคือไอ้วิน“โอ้ ทำไมตาเขียวใส่ฉันขนาดนั้นล่ะ” มันยังกวนผมไม่เลิกโดยการพูดพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้“มึงก็ไปกวนมันไอ้วิน นี่มันโดนน้องทิพย์ทิ้งมาหลายเดือนละ จวบจนเปิดเทอมสองแล้วมันยังตามง้อน้องทิพย์ไม่ได้สักที” รอบนี้เป็นไอ้ดินพูด“จะพูดว่าตามง้อไม่ได้นะไอ้ดิน ในเมื่อหน้ามันน้องเขายังไม่อยากจะมอง แล้วมันจะเอาเวลาที่ไหนตามคุยตามง้อครับ” ไอ้วินพูด“หึ สมน้ำหน้า” ผมมองหน้าพวกมันด้วยความไม่พอใจ“ไม่ต้องมาทำตาขวางใส่พวกกู มึงทำตัวเองทั้งนั้น เตือนไม่ฟัง” คนที่พูดประโยคนี้และประโยคก่อนหน้าไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือไอ้พายุ!พวกมันพูดถูกครับ ตอนนี้ผมพยายามตามตื๊อตามง้อน้ำทิพย์อยู่ แต่ทุกอย่างก็ไม่คืบหน้าเพราะผมติดต่อเธอไม่ได้เลย ไปหาที่คณะเธอก็ไม่เจอเพราะเพื่อนเธอกันเธอออกจากผมตลอด หรือถ้าผมเจอเธอ เธอก็จะเมินเฉยทุกครั้ง ทำราวกับผมเป็นอากาศธาตุ ไม่มีค่าพอที่เธอจะเสวนาด้วยบอกเลยว่าเจ็บ เจ็บโคตร ๆผมพยายามที่จะเข้าไปปรับความเข้าใจกับเธอมาตลอด จนตอนนี้ผ่านมาห้าเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เธอบอกเลิกผม นับตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้อ
“รักแล้วมึงทำให้เขาเสียใจทำไม ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเขาทำไม ปล่อยมือเขาทำไม ไอ้เหนือนะไอ้เหนือ กูว่ามึงพลาดแล้วล่ะ”“ยังไง” ผมถามไอ้ดินที่ยังคงพูดอะไรกำกวมในประโยคสุดท้าย แต่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง“มึงคิดว่ากูอยากปล่อยมือเขาเหรอ เป็นเขาที่บอกเลิกกู เป็นเขาที่หันหลังให้กู ทุกวันนี้กูก็พยายามตามง้อขอคืนดีอยู่พวกมึงก็เห็น”ผมพูดออกมาอย่างอัดอั้นผมยอมรับว่าผมผิดที่ละเลยเธอ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่น้องดากลับเข้ามาในชีวิตผมใหม่ ๆ ด้วยความที่ผมไปอยู่คอนโดไม่ได้อยู่บ้าน บวกกับการที่ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ทำให้น้องดาติดต่อผมไม่ได้แต่เมื่องานวันเกิดแม่ผมปีนั้นผมกลับไปหาท่านที่บ้าน จึงทำให้เจอน้องดาอยู่ที่นั่นด้วย น้องดาจึงขอแลกเปลี่ยนเบอร์กับผม ผมเห็นว่าเป็นน้องจึงให้ไปด้วยความที่ไม่คิดอะไร หลังจากวันนั้นเราสองคนก็ติดต่อกันบ่อยขึ้นและก็ทำให้ผมต้องทะเลาะกับน้ำทิพย์อย่างที่ทุกคนทราบนั่นแหละ“กูถึงบอกไงว่ามึงพลาด” ไอ้ดินยังคงพูดประโยคเดิม“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ กูคงไม่ให้มันเป็นแบบนี้หรอก” ผมพูดเศร้า ๆ กับตัวเอง เพื่อน ๆ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกมันนั่งเงียบ ๆ เท่านั้น“แล้วมึง
ฉันมองคนที่จับข้อมือฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังนิ้วเรียวของฉันที่มีแหวนสวมใส่ไว้อยู่“ปล่อย” ฉันพูดออกไปนิ่ง ๆ พลันสายตาของเขาก็หันกลับมาจ้องตาฉัน ภาพที่สะท้อนในดวงตาของฉันคือ เขากำลังสงสัยและต้องการคำตอบ แต่ถามว่าฉันต้องสนใจไหม บอกเลยว่าไม่อะไรที่ตัดแล้วมันก็ควรตัดเลยสิ แม้ว่าเราจะรู้สึกเจ็บอยู่บ้างแต่ฉันเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างย่อมดีขึ้น เมื่อนั้นที่เราหันกลับมามองสิ่งที่เราเคยตัดทิ้ง ที่ครั้งหนึ่งทำให้เราเจ็บปวด มันคงกลายเป็นขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้นถึงตอนนี้ฉันจะยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่มากเท่าช่วงแรกที่ตัดสินใจตัดเขาออกจากชีวิตหรอก“ปล่อย” ฉันพูดออกมาอีกครั้ง เมื่อเขาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยข้อมือฉันเลย“ขอคุยด้วยหน่อย” เขาพูดพร้อมกับทำตาละห้อยส่งมาให้ฉัน“ไม่มีอะไรต้องคุย ปล่อย”“ขอร้อง ขอคุยด้วยหน่อย นะครับ” คราวนี้เขาทั้งพูดขอร้องและส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ แน่นอนว่าท่าทางแบบนี้ของเขามันยังมีผลกับฉันอยู่ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อคิดว่าตัดแล้วมันก็ไม่ควรจะแสดงอะไรออกไปใช่หรือไม่ ฉันจึงทำเป็นเพียงมองเขานิ่ง ๆ และยืนยันความต้องการของตัวเองเท่านั้น“ปล่อย”“ทิ
“โชคดีนะ” ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ กับการตัดสินใจของตัวเอง ก่อนจะพูดกับเขาแล้วหันหลังจะเดินออกไป“เดี๋ยวก่อน ขอถามอะไรหน่อย” ฉันหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้า แต่ไม่หันหลังมามองเขา เพราะกลัวจะทนมองสายตาที่ไหวระริกนั่นของเขาไม่ไหว“ต้องเลิกกันแบบนี้เจ็บปวดไหม” เขาถามเสียงเบาหวิว คำถามของเขาแน่นอนว่าฉันย่อมเจ็บปวด ฉันเงยหน้ามองบนเพดาน เพื่อที่จะไม่ให้น้ำตาไหลลงมา“อืม เจ็บสิ”“เจ็บแล้วทำไมไม่กลับมา”“เพราะการคบกับนายมันทำให้ฉันเจ็บมากกว่า” จบคำพูดของฉันทุกอย่างก็เงียบอีกครั้ง“แล้ว... แล้วแหวนนั่นล่ะ แหวนอะไร ทำไมต้องใส่นิ้วนางข้างซ้ายด้วย”“แหวนหมั้น!” พูดจบฉันก็ไม่รีรออะไรอีก เพราะตอนนี้น้ำตาที่กักเก็บไว้มันจวนจะไหลเต็มทน ฉันรีบเดินออกจากห้องเรียนรวมก่อนที่เขาจะเห็นความอ่อนแอของฉัน เมื่อออกมาถึงหน้าห้องฉันก็เห็นเพื่อนของฉันและเขายืนรออยู่ฉันมองหน้าเพื่อนทั้งสาม ก่อนที่น้ำตาที่กักเก็บไว้จะพรั่งพรูออกมา“ฮึก ฮือ... แก มันเจ็บ ฮึก” ฉันร้องออกมาอย่างไม่อายใคร เพราะที่ตรงนี้ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากพวกฉัน ส่วนเพื่อนของเขาก็เดินเข้าไปในห้องเหมือนกัน“ไม่เป็นไรนะแก ไม่เป็นไร”“ฮึก ฮือ... ฉันไม
“แหวนหมั้น!” คำคำนี้ติดอยู่ในใจผมมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ผมได้พบและคุยกับเธอเมื่อคลาสเรียนรวมครั้งแรกที่ได้ยินเธอพูดคำคำนี้ ใจผมมันชาไปหมด พูดอะไรไม่ออก เพราะมัวแต่ตกใจกับคำพูดของเธอ จนกระทั่งเธอเดินออกไปและเพื่อนผมเข้ามาผมก็ยังไม่รู้ตัวคำว่าแหวนหมั้นมันลอยวนอยู่ในหัวผมไม่จางหาย กระทั่งเพื่อนทั้งสามของผมสะกิดเรียกผมนั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวเมื่อตั้งสติได้ผมก็ถามพวกมันทั้งสามทันทีว่าพวกมันรู้เรื่องที่น้ำทิพย์หมั้นหมายหรือเปล่า หมั้นกับใครเมื่อไหร่ ตอนที่ผมถามพวกมันผมยังคาดหวังกับคำตอบว่าเธอคงไม่ได้หมั้นจริง ๆ เธอคงแค่โกหกผมเพื่อที่จะไม่ให้ผมเข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตเธออีกแต่เมื่อได้ฟังคำตอบของพวกมันความหวังของผมก็ดับวูบ ใจผมตกลงไปที่ตาตุ่ม ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้ว่าเธอหมั้นกับใคร แต่พวกหมั้นบอกได้ว่าเธอหมั้นแล้วจริง ๆ เพราะเรื่องนี้แฟนของพวกมันทั้งสามคนเพิ่งเป็นคนบอกพวกมันก่อนที่พวกมันจะเข้ามาหาผมด้านในห้องเองผมจำได้ว่า ตอนนั้นผมเหม่อลอยไปทันทีที่ได้ยินคำตอบจากทั้งสามทั้งนี้พวกมันยังขอโทษผมด้วยที่ไม่สามารถช่วยอะไรผมได้ และไม่ได้บอกเรื่องการหมั้นหมายของน้ำทิพย์ เพราะมันก็เพิ่งร
ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพี่เหนือ ก่อนจะเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วยิ้มให้เขาอย่างมีความสุขที่สุดตอนแรกที่เขาบอกว่าอย่าร้อง ฉันก็กะว่าจะไม่ร้องไห้นั่นแหละ แต่ใครมันจะไปอดทนได้เล่า ในเมื่อเขาน่ารักขนาดนี้คิดดูสิบรรยากาศภายในร้าน และอะไรต่าง ๆ ที่เขาทำวันนี้เป็นสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงทั้งสิ้นว่าเขาจะทำ เพราะสิ่งที่เขาทำวันนี้มันตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิญพี่เหนือไม่ใช่คนที่โรแมนติก เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีนิสัยไม่ยอมคน สายเอาแต่ใจ ที่สำคัญเขาหื่นมาก เพราะฉะนั้นการจัดตกแต่งร้านแบบน่ารัก ๆ ที่ฉันเห็นนี่มันสวนทางกับพี่เหนืออย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันเดินลงจากรถและเดินเข้ามา สองข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยหลอดไฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ หน้าประตูถูกประดับไปด้วยดอกไม้ที่ฉันชื่นชอบ ยิ่งเปิดประตูเข้ามาในร้าน ฉันยิ่งรู้สึกประทับใจ เพราะมันเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง และรูปของเรา ที่ขาดไม่ได้เลยคือป้ายคำว่า‘Anniversary 2 years’หลังจากที่เห็นทุกอย่างแล้ว และคิดถึงนิสัยของเขามันเลยทำให้ฉันตื้นตันใจจนอยากร้องออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้เมื่อเขาห้าม แต่พอฟังเขาพูดประโยคพวกนั้นจบฉันก็ไม่สามารถกักเก็บความรู้สึ
“พี่เหนือ นี่จะพาทิพย์ไปไหนคะ ไม่เห็นบอกเลยอยู่ดี ๆ ก็บอกให้แต่งตัว”น้ำทิพย์ถามผม เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเรา ผมจึงจะพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดครับ ผมกับน้ำทิพย์กลับมาจากบ้านสวนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว กลับมากรุงเทพเราก็ใช้ชีวิตไปตามปกติอ้อ ผมไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลานะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอและทางครอบครัว ผมจะมานอนกับเธอที่ห้องหรือให้เธอไปนอนที่ห้องกับผมแค่อาทิตย์ละสามวันเท่านั้นนอกจากนี้ผมยังให้คุณแม่ของผมคุยเรื่องการหมั้นหมายของผมกับเธอไปคร่าว ๆ ทางโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ของเธอแล้วด้วยก่อนผมจะกลับกรุงเทพนั่นเองซึ่งผลจากการที่ผู้ใหญ่คุยกันเรื่องนี้นั้นได้ข้อสรุปว่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับกรุงเทพแล้ว พวกท่านจะคุยเรื่องนี้และข้อตกลงกันต่าง ๆ กันอีกที ซึ่งผมและน้ำทิพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะถือว่าได้บอกความต้องการของตัวเองออกไปแล้ว ต่อไปก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาคุยและตกลงกัน“อ้าวพี่เหนือถามไม่ได้ยินเหรอคะ จะไปไหน” น้ำทิพย์ถามผมหน้ายุ่ง“พาไปที่ที่สำคัญของเราสองคนไงครับ”ผมตอบเธอพร้อมกับยิ้ม น้ำทิพย์ย่นคิ้วคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า“จะพา
ระหว่างทาผมก็ถามพนักงานชายไปด้วยว่าทำแบบนี้ทำไม ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมตาโตด้วยความไม่เชื่อ เพราะพนักงานคนนั้นบอกว่าถ้าทาแป้งและขี้เถ้าแล้วมดแดงมันจะไม่กัด เป็นความเชื่อที่คนโบราณทำสืบต่อกันมา ซึ่งพอเวลาผ่านไปการทำแบบนี้ก็เริ่มไม่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพนักงานของที่นี่เขาค่อนข้างจะเชื่อคำคนโบราณจึงได้เอามาทำที่ไร่นี้ พอว่าที่พ่อตามาเห็นและรู้ว่าได้ผลจึงไม่ได้ห้ามตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะได้ผลจริง แต่พอขึ้นไปบนต้นมะม่วงแล้วก็ต้องชะงัก เพราะสิ่งที่ผมไม่เชื่อกลับสามารถได้ผลดี แต่ใช่ว่าจะไม่โดนกัดเลย มันก็มีกัดบ้างแต่ไม่เท่ากับสามต้นแรกที่ผมไม่ได้ทาพวกมันแล้วขึ้นไปเก็บเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล สำหรับผมแล้วผมเชื่อครับเพราะมันใช้ได้จริงหลังจากเก็บมะม่วงสองต้นสุดท้ายเสร็จแล้วผมกับว่าที่พ่อตาก็กลับมาอาบน้ำที่บ้านก่อนจะมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้แล้วมื้ออาหารกลางวันเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีเสียงกระทบกระทั่งกันไปมาของผมและคุณพ่อของน้ำทิพย์ถึงผมจะค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะไม่ต้องการจุดฉนวนให้ตัวเองโดนเล่นง
หลังจากที่เมื่อวานได้เปิดอกเปิดใจคุยกับคุณพ่อของน้ำทิพย์แล้ว วันนี้ผมก็ต้องมาทำงานใช้แรงงาน เพราะว่าที่พ่อตาท่านบอกว่าจะมานั่งกินนอนกินไม่ได้ จะมาอยู่ก็ต้องมาช่วยกันทำงาน แม้ว่าที่บ้านสวนจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของพวกท่านก็ตามแต่พวกท่านก็ไม่ได้พักอย่างที่ใครคิด การพักผ่อนของพวกท่านคือการใช้ชีวิตชาวสวน วันนี้ผมจึงต้องมายืนสอยมะม่วงบ้าง ปีนต้นมะม่วงจนมดแดงกัดอยู่แบบนี้ไงครับ“ใช่ ๆ พวงนั้นแหละ ลูกมันดก ขนาดกำลังกิน”เสียงของว่าที่พ่อตาตะโกนส่งมาไม่ขาดสาย ในขณะที่ผมทั้งตัดพวงมะม่วง ทั้งปัดป่ายมดแดงที่ขึ้นอยู่ตามตัวและก็ไอ้มดแดงที่กำลังกัดผมอยู่นี่แหละ ที่ผมกินไข่ของพวกมันเมื่อวานนี้เห็นแบบนี้ก็อดยอมรับนับถือคนงานไม่ได้ที่ต้องมายืนแหงนคอสอยรังของมดแดง เพื่อที่จะนำไข่ของมันไปประกอบอาหารขนาดผมปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะม่วงยังโดนกัดขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่ากว่าพวกเขาจะสอยได้แต่ละรังกว่าจะได้ไข่มาต้องลำบากกันขนาดไหน“มัวคิดอะไรอยู่ บอกเอาพวงนั้น พวงนั้น”“ผมก็ตัดอยู่นี่ไงครับว่าที่พ่อตา อย่าเร่งสิครับ มดมันกัดผมอยู่” ผมตะโกนโต้กลับกับคนที่ยืนชี้นิ้วสั่งผมอยู่ด้านล่าง“ผิวหนังด้าน ๆ อย่าง
บ้านสวนของน้ำทิพย์มีคนอยู่ไม่มากนัก จะมีแค่คุณพ่อคุณแม่ของเธอที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจตามเวลาที่สะดวก มีน้ำทิพย์ และคนสวนที่ดูแลที่นี่เพียงสองคน คนดูแลบ้านอีกสองคน หลัก ๆ แล้วคนที่อยู่ที่นี่แค่สี่คนเท่านั้น ส่วนลุงเชิดกับป้าชมนั้นเป็นสามีภรรยากัน ลุงเชิดเป็นคนขับรถส่วนป้าชมเป็นหัวหน้าแม่บ้านและเป็นคนสนิทของคุณแม่ของน้ำทิพย์ด้วยเช่นกันอ้อ ผมลืมบอกไปที่เรียกว่าบ้านสวน เพราะบริเวณรอบบ้านของเธอล้วนปลูกผักผลไม้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าเป็นที่ดินด้านหลังบ้านที่ถัดออกไปอีกไม่ไกล มีเพียงคลองส่งน้ำเล็ก ๆ ขวางกั้นเท่านั้นเพียงก้าวข้าวสะพานไม้ที่ทำไว้ก็จะเจอกับสวนมะม่วงที่ให้คนงานลงปลูกไว้ขึ้นเต็มไปหมดผมโชคดีที่หน้านี้มะม่วงกำลังติดลูก คิดว่าคงจะได้เดินไปชมสวนของบ้านเธอแน่ ๆ ครับ เพราะนอกจากจะปลูกไว้กินแล้วเนี่ย ทางบ้านของน้ำทิพย์ยังส่งมะม่วงให้ตลาดในตัวอำเภอเพื่อขายอีกด้วย“เหม่ออะไรอยู่ ไปได้แล้วลูกเมียฉันรอ ไร้มารยาทจริง”ผมหลุดจากความนึกคิดของตัวเองแล้วเขม่นตามองว่าที่พ่อตาที่เดินนำออกไปไกลแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามท่านไปบ้าง“ขอโทษที่มาช้าครับ” ผมรีบพูดทันที เพราะคุณแม่ของน้ำทิพย์กำลังนั่งรออยู่จ
“เจ้าบ้านเขาไม่ต้อนรับก็ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” คำกล่าวทักทายแรกหลังจากที่ออกมาจากห้องพัก ก็โดนพ่อตากระแหนะกระแหนใส่ซะแล้ว“คุณพ่อครับ ถ้าไม่เต็มใจต้อนรับผมจะได้พักที่ห้องข้าง ๆ ทิพย์เหรอครับ”“ใครพ่อแก!”“อา... ลืมไปว่าไม่ใช่ งั้นคงต้องเรียกว่า...”“ว่าอะไร”“พ่อตา”“ไอ้เหนือ!”ผมพูดเสร็จก็รีบพาตัวเองเดินลงมายังชั้นล่างของบ้านทันที โดยไม่สนใจคนที่กำลังทำหน้าราวกับจะฆ่าคนของคุณพ่อตาสักนิด แถมยังมียิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาด้วย“คุณนทีเป็นอะไรคะ เสียงดังมาถึงข้างล่าง” คุณแม่ของน้ำทิพย์เดินมาชะเง้อขอถามตรงตีนบันได ซึ่งสวนกับที่ผมเดินลงไปพอดีผมยิ้มให้ท่านแล้วเดินจากมา แต่พอมาถึงโซฟาก็เจอน้ำทิพย์ยืนกอดอกขมวดคิ้วอยู่“เป็นอะไรครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้น”“ทิพย์ต่างหากที่ควรถามพี่เหนือว่าเป็นอะไรถึงได้กวนคุณพ่อ จนคุณพ่อเสียงดังแบบนี้”“พี่เปล่าทำอะไรสักหน่อยนะครับ” ผมตีหน้าซื่อตาใสไม่ยอมรับ“พี่เหนือ เราคบกันอยู่แล้วทำไมทิพย์จะไม่รู้สันดาน เอ๊ย!นิสัยของพี่เหนือล่ะคะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงหน่อยสิคะ”“โธ่... ที่รักก็คุณพ่อของทิพย์ท่านชอบว่าพี่นี่”“แต่ถ้าพี่เหนือยอมท่านปล่อยเวลาไปสักพัก ให้ท่านได้มีเวลายอมร
ปัง!“กรี๊ดดด! หยุดค่ะคุณพ่อ หยุดก่อน”ปัง!“แกหลบไปยายทิพย์ หลบไปก่อนพ่อจะเอาเลือดหัวมันออก”“ถ้าเอาแค่เลือดหัวผมออกไม่ต้องใช้ปืนก็ได้ครับ เอาเป็นไม้หรืออย่างอื่นก็ได้ เป็นปืนแบบนี้ถ้าคุณพ่อพลาดยิงผมตายขึ้นมานอกจากจะติดคุกแล้ว น้ำทิพย์ยังจะเสียใจอีกนะครับ”“ฮึ่ม ไม่โว้ย ลูกสาวฉันไม่เสียใจนานหรอก เดี๋ยวฉันหาผู้ชายคนใหม่มาดามใจให้เอง แล้วก็นะฉันไม่ใช่พ่อแก!”คุณพ่อของน้ำทิพย์พูดก่อนจะทำท่ายกปืนเล็กอีกครั้ง แต่มีหรือที่ผมจะยอม ผมรีบเอาตัวน้ำทิพย์เข้ามาบังตัวผมไว้ แล้วโผล่หน้าไปท้าทายท่านอีกครั้ง“พี่เหนือ ทิพย์บอกแล้วไงว่าอย่าไปตีรวนท่าน”“ก็ดูคุณพ่อทิพย์สิ มาถึงยังไม่ทันจะได้เข้าบ้านก็เอาปืนมาไล่ยิงกันซะแล้ว แบบนี้จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ได้ไงครับ” ผมพูดอย่างไม่ยินยอม พร้อมกับหลบอยู่หลังเธอใช่แล้วล่ะครับ ตั้งแต่มาถึงและลงจากรถขณะที่ผมกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน คุณพ่อของน้ำทิพย์ก็วิ่งออกมาพร้อมปืนยาวหนึ่งกระบอกและยิงทันทียิงแบบไม่สนใจด้วยว่าจะถูกหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าท่านคงไม่กล้ายิงตรง ๆ นอกจากยิงขู่ ผมถึงได้กล้าตีฝีปากกับท่านนั่นเอง“มึง! ไอ้เหนือ ตายซะเถอะ”“โอ๊ย หยุดได้แล้วค่ะคุณ พอไ
“บอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยครับว่าพี่ขอไปด้วย” “พี่เหนือจะไปทำไมคะ” ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของผม น้ำทิพย์ก็ถามกลับมาทันที พร้อมมองผมขึ้น ๆ ลง ๆ“จะไปบ้านเมีย”“พี่เหนือ”“ก็พี่อยากไปด้วยนี่ พี่อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของทิพย์นี่ครับ ทิพย์ก็ได้เจอคุณพ่อคุณแม่พี่แล้ว ให้พี่ไปเจอพวกท่านบ้างสิเราจะได้เท่าเทียมกัน”“แต่คุณพ่อของทิพย์ไม่ชอบพี่เหนือ”“ก็ยิ่งไม่ชอบนั่นแหละครับ พี่ถึงต้องไป”ผมพูดออกมาด้วยความจริงจัง และใช่ครับ คุณพ่อของเธอไม่ค่อยชอบผม ย้อนกลับไปสามวันที่แล้ว ที่ผมพาน้ำทิพย์และคนอื่น ๆ ไปเที่ยวน้ำตกวันที่สองของการอยู่ที่นั่น คุณพ่อของเธอก็โทรเข้ามา แต่บังเอิญว่าน้ำทิพย์หลับอยู่ และผมก็อยู่ตรงนั้นพอดี จึงได้ถือวิสาสะรับสายท่านไป แค่ท่านได้ยินเสียงผม ก็โวยวายออกมายกใหญ่เลยครับผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้ต่อว่าท่านกลับหรอกนะครับ ผมยังคงรู้จักมารยาท แต่ว่าการตอบกลับของผมค่อนข้างที่จะรวนท่านนิดหน่อยจนเดือดร้อนให้คุณแม่ของเธอเข้ามาห้ามปรามและรับโทรศัพท์ไปคุยเอง เราถึงพูดกันรู้เรื่อง ความว่าคุณแม่และพ่อของเธอไม่ได้อยู่กรุงเทพ แต่เดินทางไปบ้านสวน ให้น้ำทิพย์ตามไปที่นั่นเพื่อพักผ่อน เพราะเห็
“แค่ก แค่ก กดหัวทำไมหายใจไม่ออก” ฉันไอหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนที่ถูกต่อว่าก็ทำเพียงแค่ส่งสายตาสำนึกผิดมาให้“ขอโทษครับ”“เหอะ” ฉันส่งเสียงอย่างไม่พอใจ แล้วทำท่าจะลุกหนี“ไปไหนครับ” เขาคว้าจับแขนฉันไว้ โดยมีสายตาไม่พอใจของฉันจับจ้องอยู่“เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ไปอาบน้ำสิ ถามมาได้” ฉันที่ไม่พอใจกับการที่ถูกเขากระแทกน้องชายเข้าปากอยู่แล้วก็ตอบกลับเขาไปอย่างอารมณ์เสีย“หืม ใครบอก เมื่อกี้แค่ยกแรกครับ เขาเรียกว่าของกินเล่น จากนี้ต่างหากของจริง”“ไม่”“ไม่ทันแล้วครับ ยังไงวันนี้ทิพย์ก็หนีไม่รอด”“ไม่นะพี่เหนือ มะ อื้อ”ฉันตกใจตาเบิกโพลง คำพูดที่ฉันจะพูดไม่ถูกพูดออกมาด้วยซ้ำ เพราะพี่เหนือที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อยู่ดี ๆ ก็จับฉันนั่งตักและแทงน้องชายของเขาเข้ามาทีเดียวมิดโคนตอนนี้ฉันทั้งเสียว ทั้งจุก ทำได้แค่กอดเขาแน่น ๆ เท่านั้นเพื่อหวังว่ามันจะระบายอาการพวกนี้ออกไปได้บ้างพี่เหนือก็เหมือนรู้ เขาไม่ได้ขยับตัว แต่กลับยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังปลอบโยนฉันอยู่เรานั่งกันแบบนั้นอยู่ราว ๆ สองนาที ก่อนที่พี่เหนือจะเริ่มขยับตัว มือที่ลูบไล้แผ่นหลังบางของฉันทีแรกก็กลับกลายเป็นบีบขยำเนื้อหนังด้านหลัง ก่