แชร์

ตอนที่ 25 คนคลั่ง

ผู้เขียน: ดุจเพชร
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-25 09:16:43

         “ท่านแม่ทัพ แฮ่กๆ เรา ถะ ถอยก่อนดีหรือไม่” ทหารนายหนึ่งที่บาดเจ็บจากการด่วนข่วนเต็มแขน สะบักสะบอม เอ่ยถามแม่ทัพที่มีสภาพไม่ต่างกัน

         “อึก ทุกคนถอย!” เป่ยหวงหันมองรอบๆ เห็นทหารได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งพวกมันยังไม่มีทีท่าจะเหนื่อยเลยสักนิด จึงพยักหน้ายืนยันคำสั่งถอย 

         ไม่รู้ว่าคือตัวอะไรกันแน่ มันโจมตีตามสัญชาตญาณคล้ายสัตว์ป่ายามบ้าคลั่ง ทั้งแข็งแกร่ง ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่เหนื่อย แถมแรงยังมากกว่าคนปกติ ดาบทำอะไรพวกมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จากตอนแรกมีแค่ตัวเดียว ไม่รู้มาเพิ่มจากไหนอีก 2 ตัว กลายเป็น 3 พวกเขาทำอะไรมันไม่ได้เลย แค่ปัดป้องยังตึงมือ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นพวกเขาที่หมดแรงเอง

         แฮร่ กรร

         ทว่าพวกมันไม่เปิดทางให้หนี ตีวงล้อมเข้ามาใกล้  คล้ายบางครั้งมันก็มีความคิด บางครั้งก็ทำตามสัญชาตญาณ    เหมือนมันกำลังเล่นกับเหยื่อ หรือจะมีผู้สั่งการ แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะไปควบคุมคนได้ ยิ่งเป็นคนคลั่งด้วยแล้ว เป่ยหวงสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัว หากว่าระหว่างนั้นเองเขากลับโดนมันโจมตีทางด้านหลัง

         “ท่านแม่ทัพระวัง!!”  ไม่ทันได้ยินเสียงเตือน แต่แล้ว

         ฉับ ตุ้บ

         “เจียหมิง!” เป่ยหวงไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าจะเจอคนที่เขาบอกให้วิ่งหนีไปเมื่อเห็นสัญญาณ ชายหนุ่มเจ้าของชื่อถือดาบขนาดสั้นสีดำทมิฬ ดูแปลกประหลาดเข้ามาฟันเข้าที่หัวของคนคลั่ง เขาไม่เห็นตอนฟันเนื่องจากอยู่ด้านหลัง แต่รู้สึกตัวอีกที หูกลับได้ยินเสียงหัวของคนคลั่งหล่นลงพื้น คาดว่าน่าจะฟันขาดในทีเดียว ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น ช่างผิดกับพวกเขาที่ฟันอย่างไรก็สร้างเพียงรอยขีดข่วน

         “ได้โปรดรับไปขอรับ!” เจียหมิงที่พึ่งรู้ตัวว่าเขาเผลอฟันเข้าที่คอของศัตรูอย่างจังถึงกับชะงัก เขาแค่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นกับท่านแม่ทัพ และคุ้นชินกับเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ มันช่างคล้ายกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นที่เขาฆ่าไปในป่า เลยไม่ลังเลที่จะฆ่ามันทันที โดยเผลอลืมว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว

         ฟึบ 

         เป่ยหวงที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรแต่ก็รับดาบทมิฬเล่มสั้นที่เจียหมิงโยนให้ไว้ด้วยความเต็มใจ แล้วฟาดฟันพวกคนคลั่งทันที ครั้งนี้รู้สึกจะง่ายไปหมด ไม่ว่าจะฟันแขนหรือขาก็ขาดลงอย่างง่ายดาย  แทบไม่ออกแรงด้วยซ้ำ

         ดาบนี่มันอะไรกัน 

         แฮร่ 

         ครืด ครืด

         ขนาดขาขาด แขนขาดไปแล้วพวกมันยังไม่คิดจะถอย เดินลากขากับพื้น หมายเข้ามาโจมตีอีกรอบ

         ฉึก ฉั้วะ

         เป่ยหวงลองฟันขาอีกข้าง กลายเป็นว่านอกจากมันจะไม่หยุด ยังใช้แขนที่เหลืออยู่อีกข้างลากกับพื้นพยายามเข้าถึงตัวเขา ส่วนอีกตัวที่โดนแทงที่ท้องจนไส้ไหลก็เดินเข้ามาไม่มีทีจะหยุด ทั้งที่เลือดไหลนองพื้น

         กรรภ์

         บัดนี้ความคิดทุกคนตรงกันแล้วว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์

         “ต้องโจมตีที่หัวขอรับ!” เจียหมิงตะโกนบอก หลังเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจของเป่ยหวง เจียหมิงก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขามั่นใจว่าต้องโจมตีจุดนั้น หรืออาจเป็นเพราะมีประสบการณ์ฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นโดยการฟันเข้าที่หัว ไม่ว่าจะเหตุผลใดความรู้สึกเขาก็ยังบอกว่าจุดตายมันอยู่ที่หัวอยู่ดี 

         ฉับ ฉับ!

         ไม่รอช้า เป่ยหวงเชื่อในคำพูดของอีกฝ่ายที่ช่วยชีวิตเขาก่อนหน้า มือแกร่งถือดาบไว้มั่นฟันเข้าที่หัวอย่างจัง หัวที่ขาดลงด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวกลิ้งไปมาบนพื้น พลันทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ 

         ฟึบบ

         “จบเสียที เราชนะแล้ว...” ทหารคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงกับทรุดลงพื้นอย่างหมดแรง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ใกล้มาถึงแล้ว 

         “เรื่องทุกอย่างไว้ค่อยคุย เราต้องออกไปจากที่นี่กันก่อน” เป่ยหวงที่เหลือบมองไปยังเจียหมิงอย่างมีเรื่องค้างคาใจ ทว่าก็เอ่ยบอกให้ทุกคนรีบออกจากที่นี่ ไม่แน่ว่าทหารคนอื่นอาจใกล้ตื่นแล้ว

         คนทั้งหมดพากันช่วยพยุงคนเจ็บ เดินออกจากในค่าย ไปยังจุดรวมตัวกันในคราแรก 

           เพล้ง!

           “เป็นไปได้อย่างไร!!! อึก แค่กๆ” หมอผีเฒ่าขว้างแก้วเหล้าอย่างโมโหพร้อมกระอักเลือดออกมา การควบคุมพวกผีดิบหลายตัวพร้อมกัน อีกทั้งผีดับที่ควบคุมยังโดนฆ่าตาย มันกำลังส่งผลต่อร่างกายผู้ควบคุมด้วย

           เขาลงทุนเรียกผีดิบที่เหลืออยู่ไปเพิ่ม เพราะคาดว่าจะลากตัวแม่ทัพฝั่งมันมาเป็นตัวทดลอง คงเพิ่มโอกาสทดลองสำเร็จสูง ทว่านอกจากยังไม่ได้ตัว กลับโดนพวกมันฆ่าพวกผีดิบตัวทดลองที่มีเพียงไม่กี่ตัวลงได้ง่ายๆอีก ไอ้คนที่มาทีหลังนั่นเป็นใครกัน แล้วดาบที่ใช้ฟันดูแปลกตานั่นมาจากไหน มีแต่เรื่องนอกเหนือคาดการณ์เต็มไปหมด หมอผีเฒ่าหงุดหงิด อยากฆ่าพวกมันให้หมด

          “เอ่อ ข้าว่าพวกมันอาจแค่โชคดี ทะ ที่ ดะ ดาบเล่มนั้นฟะ ฟันพวกผีดิบเข้า” ชายชุดขาวพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ แสร้งทำเป็นไม่สนใจเลือดที่หมอผีกระอักเพราะด้วยรู้นิสัยของหมอผีดีว่าไม่ต้องให้คนมาแสดงความสงสารหรือเห็นใจ แต่กลับพยายามพูดเอาใจแทน เพื่อให้หมอผีอารมณ์ดีขึ้น

          มันยังไม่อยากโดนจับไปเป็นตัวทดลอง

         “แค่กๆ นั่นสินะ เพราะกว่าพวกนั้นจะจัดการผีดิบลงได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย” หมอผีเฒ่าเปลี่ยนอารมณ์ทัวควันยามนึกถึงภาพที่พวกมันจวนเจียนจะสิ้นท่า ก่อนจะเช็ดเลือดที่มุมปาก ไม่มีทีท่าสนใจว่าตัวเองจะบาดเจ็บ พลันนึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่ชายคนสุดท้ายจะเข้ามา พวกผีดิบเกือบจัดการแม่ทัพของอีกฝ่ายลงได้ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าดาบทั่วไปไม่สามารถจัดการพวกผีดิบได้

         เห็นทีเขาต้องให้ฮั่วหมิงหาเหยื่อมาเพิ่ม สำหรับการทดลองโดยเฉพาะ  เพื่อที่จะได้ผีดิบที่สมบูรณ์แบบ ไม่เสี่ยงตายวันตายพรุ่งเช่นนี้ แล้วค่อยมาวัดกันว่าผีดิบของเขากับไอ้พวกทหารแคว้นจ้าวใครจะพ่ายก่อนกัน หมอผีเฒ่าแสยะยิ้มจนเห็นฟันดำแหลมคม

         “รีบไปเก็บกวาดศพพวกผีดิบซะก่อนที่ทหารคนอื่นจะตื่น หากตื่นมาแล้ว พวกมันสงสัยเรื่องรอยเลือด ก็บอกไปว่าแคว้นศัตรูบุกเข้ามาวางยาและทำร้ายคนในค่าย”

         “ขะ ขอรับ” 

         “พาคนเจ็บไปทำแผล ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายพักผ่อน” แม่ทัพเป่ยหวงหันไปสั่งทุกคนที่มีสีหน้าอิดโรย หลังจากออกจากค่ายพบว่าสายลับคนที่ 2 กำลังพูดคุยกับพวกอี้ฟ่านพอดี คาดว่าน่าจะได้รับยารักษาจากที่สายลับเอามาให้ เขาที่เห็นสีหน้าลูกน้องดีขึ้นก็เบาใจ หันมองเจียหมิงที่เดินตามสงบเสงี่ยมนิ่ง ทรุดตัวพิงต้นไม้ใหญ่

         “ข้าจะไม่ถามทำไมเจ้าถึงได้ตามมา แต่เหตุใดเจ้าถึงมีอาวุธประหลาดนั่น แล้วเรื่องโจมตีที่หัวนั่นอีก…” เป่ยหวงถามขึ้นขณะยังหลับตา เขากำลังทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา  รู้ว่าชายหนุ่มพ่อลูกอ่อนนั่งลงอยู่ไม่ไกลจากเขา

         “อาวุธนั่นเป็นของสืบทอดที่ท่านพ่อมอบให้ข้าไว้ขอรับ” เจียหมิงกุมของวิเศษที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นกระบองในย่ามคู่ใจที่ได้คืนจากแม่ทัพก่อนหน้าไว้มั่น เขาเลือกที่จะไม่บอกความจริง คิดว่าหากบอกไปใครจะเชื่อ ดีไม่ดีอาจโดนหาว่าสติฟั่นเฟือน “ส่วนอีกเรื่อง ข้าแค่รู้สึกว่าต้องจัดการมันตรงจุดนั้น” ประโยคหลังเขาพูดตามความจริง เพียงแต่เล่าไม่หมดว่าเคยฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดคล้ายกันมาก่อน

         “เฮ้อ จะอย่างไรก็ตาม เรื่องวันนี้เจ้าช่วยชีวิตข้าและทุกคนเอาไว้ หากกลับไปข้าจะตกรางวัลให้เจ้า” เป่ยหวงไม่เซ้าซี้ถามต่อ แม้ภายในใจจะมีคำถามมากมาย ทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง หากไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือเป็นอันตรายต่อผู้คน เขาก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นต้องไปคาดคั้น ยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ช่วยชีวิต ไม่ใช่นักโทษ แม้หลายครั้งที่อีกฝ่ายแสดงความกล้าหาญจนแอบหลงลืมว่าเขายังเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ดังนั้นในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่อยากเล่า ผู้เป็นแม่ทัพอย่างเขาย่อมปิดตาข้างหนึ่งมองผ่าน

         เจียหมิงพยักหน้ารับคำพร้อมเอ่ยขอบคุณ พลางนึกถึงเหตุการณ์หลังจากเอายาให้ทหารที่แนะนำตัวว่าชื่ออี้ฟ่าน อีกฝ่ายก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เจอคนนำศพมาโยนทิ้ง จนถึงต่อสู้กับคนคลั่ง เขาซึ่งรู้สึกคุ้นๆกับสิ่งที่ทหารอี้เล่า ถึงกับครุ่นคิดหนัก อยากแน่ใจบางอย่างเลยเอ่ยปากขอให้ทหารกู้พาคนเจ็บจากอาการช้ำในที่ยังหลงเหลืออยู่ออกไปรอด้านนอกก่อน ส่วนตัวเองพอถามทางเสร็จ ก็รีบวิ่งไปตรงจุดที่อีกฝ่ายชี้บอกด้วยท่าทางงุนงง คล้ายตั้งตัวไม่ทันกับท่าทีเร่งรีบของเขา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 26 ช่วยเหลือสายลับอีกครั้ง

    ยามอู่ (11.00 - 12.59 น.) “แผนต่อไปเราจะเอาอย่างไรกันต่อ” หนึ่งในทหารพูดเปิดประเด็น หลังจากทุกคนพักผ่อนเอาแรงกันแล้ว จึงมานั่งหารือกันกลางป่า ไม่ไกลจากค่ายศัตรูมากนัก ทว่าครั้งนี้มีสายลับคนที่สองนามว่าเฟยจินเข้าร่วมด้วย “บาดแผลพวกเจ้าเป็นไงบ้าง พร้อมสำหรับภารกิจต่อไปหรือไม่” เป่ยหวงสอบถามประเมินความพร้อมของลูกน้อง “ดีขึ้นแล้วขอรับ” อี้ฟ่านเป็นคนแรกที่เอ่ย เขานำผ้ามาพันแผลไว้เพื่อไม่ให้ทุกคนสังเกตได้ว่าตอนนี้มันสมานไปแล้ว โดยมีกู้หานคอยแสร้งมาทำแผล โปะยาให้ตลอด แล้วหันไปขยิบตากับเจียหมิงที่สะดุ้ง อย่างคนมีชะงักติดหลัง แต่ก็ยิ้มส่งให้ ‘ขอบคุณที่รักษาสัญญา’ “ส่วนของพวกข้ามีแค่รอยข่วน” “อืมม ไหวกันหรือไม่” เป่ยหวงถามพลางครุ่นคิด หากบาดเจ็บจนไม่ไหว เขาก็อยากถอยกลับไปตั้งหลักก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ เขาเชื่อว่าสายลับคนที่ 1 ยังมีชีวิตอยู่ “ไหวขอรับ!” ทุกเสียงตอบพร้อมเพรียงกัน “เจ้าละเจียหมิง ข้าจะไม่บังคับเจ้าเช่นเดิม” “ทุกคนอยู่ ข้าก็อยู่ขอรับ” เจียหมิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยว ร่วมเดินทางมาถึงขนาดนี้ เขาไม่อาจหนีกลับก่อนได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 27 สัญญา

    “หมายเลขหนึ่ง ยังไม่กลายร่างอีกหรือ” หมอผีเฒ่าเดินเข้ามาในกระโจม ยืนมองร่างที่นอนอ่อนแรงจากการขาดน้ำและอาหาร ขมวดคิ้วสงสัย ร่างกายมีเพียงแค่บริเวณศอกลงไปเท่านั้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลง “ยังขอรับ” ชายชุดขาวตอบอย่างฉงนใจ มันไม่สามารถเพิ่ม ‘สิ่งนั้น’ ได้อีก เพราะหมอผีกลัวว่ามันจะรับไม่ไหว จึงได้แต่รอเวลาร่างทดลองกลายร่าง “เจ้าจะฝืนไปทำไม อย่างไรเจ้าก็ต้องกลายมาเป็นตัวทดลองที่สมบูรณ์ของข้า” หมอผีเฒ่าพูดอย่างเย้ยหยัน นับถือในความพยายามเอาชีวิตรอด แต่จะทนไปได้สักเท่าไร ร่างกายที่อ่อนแรงเช่นนี้ไม่อาจฝืนใช้ปราณได้อีกนานนักหรอก “อึก ขะ ข้ายอม ตะ ตายดีกว่า” สายลับใช้สายตาเคียดแค้นจ้องมองกลับ เขายอมอดข้าว อดน้ำ ฝืนใช้ปราณจนตาย ดีกว่ากลายเป็นสัตว์ประหลาด “ฮ่าฮ่า เข้าจะไม่ตายจนกว่าการทดลองข้าจะสำเร็จ!” ฮั่วเฉิงหัวเราะเยาะกับคำพูดนั้น ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงชายชุดขาวกับตัวทดลองอื่นที่กำลังร้องขอชีวิตด้วยความทรมาน “ทหารเหลือน้อยจนน่าตกใจ” กู้หานพูดเบาๆ หลังจากที่เข้ามายังในค่ายได้อย่างง่ายดาย คนเฝ้าด้านหน้าเหลือเพียงแค่ 2 คน จาก 4 คน นี่พวกมันไม่สง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 28 สรรพคุณแฝงของยา

    ทางด้านกู้หาน“ชายชุดขาวคล้ายบัณฑิต” กู้หานพึมพำย้ำๆเตือนความจำ สายตาก็พยายามสอดส่องหาเป้าหมาย ในคนอันน้อยนิดที่เดินไปมาในค่ายกลับไม่พบคนที่คล้ายกับที่ตามหาเลย ทั้งที่พอมาคิดดูอีกที ดึกแบบนี้ชายคนนั้นจะยังแต่งชุดขาวอยู่อีกหรือ กู้หานครุ่นคิดในเมื่อในบรรดาคนที่เดินเฝ้ายามในค่ายไม่มีใครดูคล้ายยคนที่ตามหา แสดงว่าอาจอยู่ในกระโจมใดกระโจมหนึ่ง คิดดังนั้นกู้หานจึงมุ่งหน้าไปหากระโจมที่ใกล้กับด้านหลังที่สุด เพราะอย่างไรคนที่ไอ้หมอผีชั่วมันไว้ใจถึงขนาดให้รู้เรื่องการทดลองของมัน คงไม่ปล่อยให้ไปพักไกลหูไกลตา ฝีเท้าเบาหยุดตรงกระโจมหลังหนึ่งคร่อก คร่อก~เสียงกรนดังขึ้น ขนาดอยู่ด้านนอกยังได้ยิน กู้หานค่อยๆย่างก้าวทีละก้าวเข้าไปด้านใน แม้แสงไฟจะน้อยนิดแต่ก็ยังพอเห็นคนที่นอนอยู่ เป็นชายสวมชุดขาวจริงด้วย นี่ใส่ยันตอนนอนเลยหรือกู้หานเดินสำรวจรอบๆอย่างเงียบงัน เพื่อหากุญแจ ในกระโจมของมันโล่งกว่าที่คิด ง่ายต่อการหาของ มองโดยรอบไม่เจอ งั้นแสดงว่าต้องเก็บไว้ใกล้ตัวและในที่สุดก็หาเจอ มันวางไว้ใต้หมอน โชคดีที่สอดไว้อย่างหมิ่นเหม่กับหัวพอดี จึงมองเห็นกุญแจสะท้อนกับแสงไฟที่สาดส่องเข้ามา เห็นเป็นแสงวิบวับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 29 ช่วยเหลือสำเร็จ

    “ขะ ข้าอยู่ที่ไหน” ฮุ่ยหมิงสะลืมสะลือลุกขึ้น หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่จำได้ล่าสุดเป็นตอนท่านแม่ทัพมาช่วยเขาไว้ ก่อนภาพจะตัด เขาเห็นชายสามคนกำลังรุมจ้องมาทางเข้า ด้วยอาการเบลอๆจากความอ่อนเพลียยังมึนงงว่าใครเป็นใครบ้าง“อะแฮ่มๆ เจ้าควรนอนพักก่อน อาการพึ่งดีขึ้น” อี้ฟ่านที่เอ่ยก่อน เขาสองคนกับเจียหมิงช่วยกันแก้ตัว ในสถานการณ์ก่อนหน้าเป็นพัลวัน หลังจากทหารอีกคนเริ่มเอ๊ะใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่จู่ๆคนสภาพร่อแร่ ผิวเริ่มซีด ตัวร้อนจี๋ จู่ๆอาการกลับดีขึ้นจนเห็นได้ชัด เหมือนคนหลับไปเท่านั้นหาข้ออ้างอยู่นานจนอีกฝ่ายปักใจเชื่อว่าแค่บังเอิญเพราะร่างกายตอบสนองต่อยา ดีนะที่ทหารอีกคนไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเนื่องจากไปหยิบกระบอกน้ำมาให้ เลยยังพอถูไถคำตอบไปได้ แต่ก็เล่นทั้งคู่เหงื่อแตกพลั่กๆ“นั่นอี้ฟ่านรึ”“ใช่ข้าเอง เจ้าตัวร้อนจัด พวกเราเลยต้องให้เจ้ากินยา”“จริงสิ ขะ แขน แขนข้า...” ฮุ่ยหมิงลนลานดูแขนตัวเองที่เขาใช้ปราณสกัดกั้นมันเอาไว้ตลอด ตอนเผลอหลับไปไม่รู้ว่ามันจะลามไปยังส่วนไหนบ้าง “เอ๊ะ ทะ ทำไม…”“เจ้าได้ยาดีหน่ะ” อี้ฟ่านเหล่มองเจียหมิงที่พยักหน้างึกงักเออออตาม“อ้อ ฮะ ฮ่าๆ เป็นแบบนี้นี่เอง” แม้ฮุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 30 เสียสละตัวเอง

    “นี่เกือบชั่วยามแล้วนะขอรับ ทั้งสองยังไม่กลับมา” ฮุ่ยหมิงเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล เขารั้นจะอยู่รอเฟยจินและพลทหารอีกนาย ที่ท่านแม่ทัพเล่าว่าพวกเขารับหน้าที่เฝ้าหมอผีไว้ ทว่าเวลาผ่านไปก็ยังไม่เห็นวี่แววทั้งสองคนโดยเขาใช้ข้ออ้างว่าอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว เพราะอยากเห็นสหายที่ไปช่วยกลับมาอย่างปลอดภัยกับตา แม้จะแปลกใจกับร่างกายตัวเอง เหตุใดถึงฟื้นตัวได้ไว อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะแข็งแรงดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในขณะที่ทหารคนอื่นรวมถึงเจียหมิงมุ่งหน้าพาชาวบ้านออกเดินทางก่อนแล้ว เพราะไม่อาจรั้งรอให้พักอยู่จุดเดิมได้นานตรงนี้จึงเหลือเพียงเขากับแม่ท่านแม่ทัพที่ซุ่มรอกันอยู่สองคน “เจ้าอยู่นี่ก่อน ข้าจะลองขะ...นั่นใคร!!!” ทว่ายังไม่ทันพูดจบ เป่ยหวงสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวที่อยู่ไม่ไกลสวบ สวบ“หึ ฮ่าฮ่า อยู่นี่กันเองรึ พวกแกทำแสบมากนะไอ้พวกแคว้นจ้าว!!” หมอผีเฒ่าโผล่ออกมาจากป่าด้านหน้า แต่สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดลงคือโซ่ที่มันถือไว้ คนที่ถูกล่ามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฟยจินที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก เลือดไหลเป็นทาง สภาพสะบักสะบอมจนแทบไม่เหลือเคล้าเดิม ด้านหลังมีผีดิบสองตัวที่ตามมาด้วย เป่ยหวงกระ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 31 ตัดสินใจ

    “ทุกคนพักตรงนี้ก่อน” แสงตะวันเริ่มสาดส่อง บ่งบอกถึงเช้าวันใหม่ พวกเขาเดินทางจากค่ายมาไกลพอสมควร“เราจะรอท่านแม่ทัพก่อนใช่หรือไม่” เจียหมิงถาม หากพักนานหน่อยจะได้เตรียมก่อไฟ ออกไปหาอาหาร ล่าสัตว์เผื่อทุกคน“ใช่ พวกเขาน่าจะเดินกันต่อไม่ไหวแล้วด้วย” อี้ฟ่านมองทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยจนแทบก้าวขาไม่ออก บางคนก็เดินกะเผลก แต่ก็ไม่มีใครปริปากบ่น อาจเพราะความกลัวว่าต้องถูกจับไปอีกมีมากกว่า“งั้นข้าขอตัวไปล่าสัตว์ ไม่ไกลจากนี้ทางทิศเหนือมีแม่น้ำอยู่ หากไปก็ระวังสัตว์ใหญ่กันด้วย ฝากท่านแจ้งแก่พวกเขา” อี้ฟ่านพยักหน้าขอบคุณ หันไปบอกกับทุกคน ทว่าพอหันกลับมาอีกทีกะจะตามไปช่วยเจียหมิงล่าสัตว์ด้วย กลับไม่เห็นอีกฝ่ายเสียแล้ว อี้ฟ่านได้แต่เกาหัวอย่างงงๆกับความว่องไวของอีกฝ่าย“หืม นั่นมัน...” เจียหมิงที่เร่งออกมาหาอาหารให้กับทุกคนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่จะพบกับหัวมันที่บุตรสาวเคยชี้บอกว่ากินได้ ทว่าตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็ยังไม่ได้ลองกินทุกอย่างตามที่นางบอก เพราะมีหัวมันหลากหลายชนิดมาก แต่บางอย่างก็ลองกินแล้วพบว่ามันกินได้จริงๆ แถมยังอร่อยอีกด้วยโดยเฉพาะเจ้าหัวมันที่มีรสหวาน นึกขอบคุณบุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 32 ประชุม

    “เหลียนเอ๋อร์ พ่อกลับมาแล้ว”“กรี๊ดด ปะ ปะ” เหลียนฮวากรี๊ดออกมาในอ้อมกอดแม่นมหลวง หลังจากเห็นท่านพ่อนางกลับมานางดีใจจนแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ส่งเสียงดังลั่น กระโดดไปมาจนแม่นมหลวงอุ้มแทบไม่ไหว“คิดถึงเหลือเกินเหลียนเอ๋อร์ แต่พ่อยังอุ้มไม่ได้ลูก ต้องอาบน้ำก่อน” เจียหมิงก้มมองตัวเองที่มอมแมม เต็มไปด้วยคราบดิน เขายิ้มกว้างยามเห็นหน้าบุตรสาวแก้มแดงๆคล้ายซาลาเปา ตัวอวบอ้วนยังคงน่ารักน่าชังไม่เปลี่ยน ไม่อยู่เพียงกี่วันบุตรสาวเขาแต่งกายน่ารักยิ่ง ผิวเปล่งปลั่งดูนุ่มนิ่ม คงเพราะมีแม่นมหลวงที่ทางการส่งมาให้ดูแลเรื่องอาหาร การกิน เครื่องแต่งกายเป็นอย่างดี ผิดกับตอนอยู่กับเขาที่ทำแบบลวกๆ ตามภาษาพ่อมือใหม่ ว่าแต่ทำไมแม่นมหลวงกับผู้ช่วยอีกนางถึงทำหน้าเศร้าเช่นนั้นเล่า “ขอบคุณพวกท่านทั้งสองด้วยขอรับ” “ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ เป็นหน้าที่ของพวกข้า ว่าแต่...” “มีอะไรหรือขอรับ” “ข้าได้ยินจากแม่ทัพว่าท่านต้องเดินทางไปยังค่ายทหารเพื่อรายงานสถานการณ์และรับเงินค่าจ้าง คาดว่าน่าจะใช้เวลาวันสองวัน ข้าขออยู่เลี้ยงเหลียนเอ๋อร์ต่อระหว่างนั้นได้หรือไม่” แม่นมหลวงกลั้นใจพูดประโยคน่าอายออกไป นางได้ยินแม่ทัพคุยกับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 33 คัดค้าน แย่งชิง

    หลายชั่วยามผ่านไป“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับแคว้น ข้าคงต้องกราบทูลฝ่าบาทก่อน” ห่าวซวนตอบอย่างเอนเอียงไปทางเสียงส่วนมาก พร้อมทำหน้าเครียด หลังจากพวกเขาใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ“งั้นท่านจะบอกว่าให้เรื่องนี้รอไปก่อนหรือ” เป่ยหวงถามขึ้นอย่างโมโหเล็กน้อย เหตุใดต้องรั้งรอ กว่าจะเข้าเฝ้า แจ้งฝ่าบาท แล้วกว่าจะออกราชโรงการอีก เขาไม่เถียงเลยว่าขั้นตอนการเข้าเฝ้ากษัตริย์นั้นช่างยากเย็น พิธีรีตองยิ่งนัก ใช้เวลาอย่างต่ำเป็นสัปดาห์ ชีวิตคนทั้งคน ไม่อาจรั้งรอได้ หากปล่อยไว้ฮุ่ยหมิงจะยิ่งเป็นอันตราย“เจ้าไม่ได้ยินแม่ทัพใหญ่บอกหรือ มันเรื่องใหญ่ไม่อาจตัดสินใจพลการได้” เยว่เล่อยิ้มหยัน กับอีแค่สายลับคนเดียว ทำไมต้องเอาชีวิตคนทั้งกองทัพไปเสี่ยง ส่วนเรื่องทดลองมันไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว วิปลาสไปกับใหญ่ จะมีคนคลั่งแล้วกัดกินคนด้วยกันเองได้อย่างไร“งั้นท่านจะบอกให้เขาเสียสละ ปล่อยให้ไปเผชิญชะตากรรมอันใดก็ไม่รู้ โดยที่เขาทำประโยชน์ให้แคว้นมาไม่น้อยงั้นหรือ!!” เฟยจินที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ชีวิตของคนคนเดียว แต่อาจรวมถึงชีวิตของทั้งแคว้น หากมันทดลองสำเร็จ แต่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28

บทล่าสุด

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 56 เปลี่ยนไป

    “แคว้นเว่ยเล็กที่สุด ทำไมจึงร่ำรวยที่สุดล่ะ” หยางหลงถามแม่นมที่เล่ามาถึงตรงนี้ หลังจากเขาขอให้นางเล่าเรื่องราวของแคว้นทั้งหมด“เพราะแคว้นขุดพบเหมืองทองเพคะ ห้าในสิบส่วนของแคว้นเป็นทอง แคว้นเราจึงมั่งคั่งที่สุด แต่เราขาดแคลนหลายอย่าง ใต้พื้นดินเต็มไปด้วยทองก็จริงแต่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก…”“…”“ดังนั้น จึงต้องนำเข้าสินค้าจากแคว้นต้ากับแคว้นเทียนที่อยูใกล้เราและยังเป็นแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งและสามอีกด้วยเพคะ” แม่นมที่อยู่มานาน ครูพักรักจำมาจากผู้อื่นอีกที เนื่องจากหญิงแคว้นเว่ยไม่สามารถเข้ารับการศึกษาได้ จะมีเพียงชายที่ถึงวัยกำหนด และมีกำลังเพียงพอต่อการจ่ายค่าเล่าเรียนเท่านั้นถึงมีโอกาสได้ร่ำเรียน“อืมม แบบนี้นี่เอง” หยางหลงวิเคราะห์ตาม ความจริงเขาพอรู้อยู่แล้วว่าแคว้นเว่ยต้องมีบางอย่างที่แคว้นอื่นไม่มี ถึงทำให้ร่ำรวยกว่าแคว้นต้าที่เป็นแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งแต่ไม่คิดว่าจะเป็นทอง แสดงว่าทองของคนยุคนี้มีราคาสูงมากสินะ“แล้วสินค้าชนิดใดที่ส่วนใหญ่พวกเขาแลกเปลี่ยนกัน” หยางหลงถามต่อ การรู้ความเป็นไปของบ้านเมืองรอบแคว้

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 55 องค์ชายปีศาจ

    “อึก ที่นี่ที่ไหนกัน” เฟลิกซ์ตื่นขึ้นมาอีกทีในที่แปลกประหลาด รอบตัวเขาเต็มไปด้วยความมืดมิด ทว่าแสงสลัวจากแสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้ยังคงเห็นภายในห้องนอน เตียงขนาดใหญ่ รอบห้องกลับว่างเปล่า“อะ โอ้ย…” พอขยับตัวลุกขึ้น ความเจ็บปวดบริเวณศีรษะแล่นเข้ามารวดเร็วจนกุมหัวร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“องค์ชายตื่นแล้วหรือเพคะ” จู่ๆเสียงของหญิงนางหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาหน้าตาแตกตื่นระคนเป็นห่วง นางจุดตะเกียง รีบเข้าไปดูอาการองค์ชาย“บอกมาที่นี่ที่ไหน แล้วคุณเป็นใคร” เฟลิกซ์ยังคงกุมหัวที่เจ็บไว้ ท่าทีระแวงมองคนแปลกหน้า ถามเสียงดังลั่น ทว่าสิ่งที่เขาพึ่งรู้สึกตัวอีกอย่างคือเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงของเขา ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดูด้วยท่าทีแตกตื่น แขนขาเล็กนี่มันอะไรกัน เขามาอยู่ที่ไหนกันแน่ ความทรงจำล่าสุดที่พอจะนึกออกคือเขานอนหลับแล้วฝันไป ในฝันนั้นช่างมีความสุขเหลือเกิน เขาได้พบกับท่านแม่ นางบอกว่าเขาจะได้พบกับคนที่ตามหา หรือว่า“ฮื่อ เจ้าชายเพคะ จำแม่นมไม่ได้หรือ ใครก็ได้ตามหมอหลวงมาดูองค์ชายที” ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นแม่นมร้องอย่างแตกต

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 54 ความทรงจำ

    ศตวรรษ 3053“สังหารมันซะ” เซนท์ หรือเฟลิกซ์ ซัลลิแวนสั่งเสียงเหี้ยม ดวงตาสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์นิ่งเฉยแม้จะสั่งฆ่าคนเวลาผ่านไปอีก 1 ปี นับจากที่ลุงโรเบิร์ต บิดาของคนรักได้ส่งอาวุธมาให้ หลังจากนั้นเขาได้ทำสงครามกับจักรวรรดิไซเนียอย่างเต็มกำลัง ข่าวคราวจากโลกสีน้ำเงินขาดหายไปถ้านับระยะเวลาทั้งหมดก็เป็นเวลา 1 ปี แล้ว คล้ายขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิง วันเวลาผันผ่านไปช่างยาวนานสำหรับเขา วันแล้ววันเล่าที่รอเวลากลับไปหาคนรักชายหนุ่มจับจี้เรืองแสงที่ใส่ไว้ติดตัวตลอดซึ่งเป็นของสำคัญที่เขาต้องนำไปคืนคนรัก รวมถึงแหวนตกทอดของเสด็จแม่ที่ท่านให้ไว้ก่อนสวรรคต เพื่อนำไปมอบให้เจ้าของของมัน และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง สงครามจบลงโดยที่จักรวรรดิซีอัสเป็นฝ่ายชนะสงครามโดยเขากำลังสั่งให้ทหารลงมือสังหารจักรพรรดิของไซเนียและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ แม้จะชดเชยให้กับทหารที่เสียไปไม่ได้ก็ตาม“ระ เรามาเจรจากันดีหรือไม่” เสียงสั่นกลัวพยายามเรียกร้องการเจรจา“ไม่จำเป็น”

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 53 เด็กน้อยผู้โชคร้าย

    “ฮึก ฮึก” เจียวลู่หลังจากกลับจากร่ำลาพี่ใหญ่และทุกคน แอบมานั่งร้องไห้หลังครัวคนเดียว จุดเดิมที่เขาเคยนั่งกินปลาที่พี่ใหญ่แอบย่างให้กิน เขาคิดถึงพี่ใหญ่ พี่ใหญ่เป็นคนเดียวที่ดีกับเจียวลู่จากใจจริงในบ้านหลังนี้เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เจียวลู่แอบไปได้ยินว่าจางหมิ่นติดเงินพนันในตอนที่พวกผู้คุมบ่อนมาตามทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเจียวลู่และจางหมิ่น เจียวลู่จึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมด และโดนจางหมิ่นขู่ว่าถ้านำเรื่องไปบอกใครจะจัดการเขา เด็กน้อยที่กลัวว่าจะโดนพี่สามตี จึงปิดปากเงียบ วันต่อมาจางหมิ่นตัดสินใจขอเงินนางจ้านโดยอ้างว่านำไปลงทุน นางจ้านที่เห็นดีเห็นงามกับบุตรชายให้เงินที่พึ่งได้รับมาหมาดๆไปทั้งหมด เรื่องราวเหมือนจะจบลงแค่ตรงนั้นทว่าผ่านไปเกือบเดือนจางหมิ่นกลับไปเล่นพนันอีก จนกระทั่งพวกคุมบ่อนตามมาทวงอีกรอบ คราวนี้เรื่องเลยแดงขึ้น เนื่องจากตอนนั้นทุกคนอยู่บ้านกันหมด ยกเว้นเหยาฉือที่โดนนางจ้านไล่ออกจากบ้านไปแล้ว ด้วยเงินที่ค้างไว้หลายเหรียญเงิน พวกเขาไม่สามารถหามาจ่ายได้ พวกคุมบ่อนเลยจะ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 52 ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

    “ขะ ข้าขอเวลาอีกนิด เงินจำนวนนี้ข้าต้องแบ่งจ่ายให้กับพนักงาน” เถ้าแก่ใช้จุดบอดตอนหันหลังให้พวกมัน รีบยื่นตั๋วเงิน พร้อมรับค่าธรรมเนียมมาอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวออกไปนับตั้งแต่โดนเจ้าถิ่นเข้ามาหาเรื่อง ยอดลูกค้าก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด กำไรที่ได้ก็ต้องแบ่งจ่ายให้พวกมัน ทำให้บางครั้งต้องติดค่าแรงพนักงานไว้ ผัดผ่อนหลายครั้ง ควักเงินส่วนตัวออกมาจ่ายก็หลายหน จะแจ้งทางการก็กลัวอิทธิพลของพวกมันชายชราอย่างเขาทำการค้าแลกเปลี่ยนตั๋วเงินด้วยความสุจริตมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เกรงว่าจะนำความเดือดร้อนไปสู่ลูกหลาน พวกเขาออกเรือน แยกย้ายไปสร้างครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่มีคนหนุนหลัง มีแต่สองมือที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนต่อกรกับคนเลวพวกนี้ได้ นอกจากกล้ำกลืนฝืนทนจ่ายให้จบๆ“เห็นพวกข้าเป็นคนการกุศลงั้นรึ จ่ายมาเร็วๆ!!!” ชายร่างสูงใหญ่ตะคอกเสียงดัง มันไม่สนเหตุผล ข้ออ้างร้อยแปดอะไรทั้งนั้น วันนี้ต้องได้เงินกลับไปมอบให้กับนายท่าน“คนอย่างพวกเจ้ารู้จักคำว่ากุศลด้วยรึ” เจียหมิงตัดสินใจโพล่งออกไป แม้จะดูเสียมารยาท แต่อดไ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 51 แลกเปลี่ยนตั๋วเงิน

    “อาหย่อยยยย” เหลียนฮวาตะโกนด้วยความสุขใจ จับแก้มกลมหลับตาพริ้ม ลิ้มรสอาหารที่ท่านพ่อท่านลุงผลัดกันป้อน โรงเตี๊ยมแห่งนี้อาหารช่างเป็นเลิศ นางมองอาหารหลายจานที่ทยอยนำมาเสิร์ฟ อาหารปรุงสุกอย่างไรก็ดีกว่าอาหารสำเร็จรูปแบบในโลกก่อนนางอยู่แล้ว เสียดายบอทเต้กับโรบอทไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ถ้าทั้งสองได้มาชิมคงจะคิดไม่ต่างกัน“โรบอทแค่เห็นเจ้านายกินก็มีความสุขแล้วขอรับ” เสียงแว่วของโรบอทดังผ่านความคิด ส่วนบอทเต้ไปปฏิบัติภารกิจที่นายท่านมอบหมายไว้อยู่ ท่านพ่อบอกว่าพวกเราไม่ต้องกลัวสายตาสงสัยของคนในหมู่บ้านอีกแล้ว สามารถใช้เงินที่หามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนท่านลุงเองก็มีเงินเก็บเยอะขึ้น เพราะไม่ต้องมีปลิงคอยสูบเงินแถมยังออกล่าสัตว์เกือบทุกวันกับท่านพ่อ นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริมเป็นนายหน้านำของในมิตินางไปขาย นางแบ่งปันเงินแต่ล่ะส่วนที่ได้มาให้เท่ากันทุกคนทุกวันนี้ในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ท่านพ่อซื้อให้ยังนอนอยู่ในมิติ ซึ่งเต็มไปด้วยเหรียญหนักอึ้งจนยกไม่ไหว ต้องให้พ่อกับลุงช่วยยก หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราจะไปโรงเตี๊ยมสำหรับแลกเงินกันต

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 50 โรงเตี๊ยมหมื่นลี้

    “ว้าว คนเยอะมักเจ้าก่ะ” เมื่อมาถึง ทั้งสามคนตื่นเต้น มองผู้คนในเมืองหลวงที่แต่งตัวดูดี พ่อค้าแม่ค้าข้างทาง ของขายมีเยอะจนเลือกไม่ถูก หลายคนดูเหมือนมาจากตระกูลชนชั้นสูงรถม้ามีตราสัญลักษณ์เฉพาะตระกูลวิ่งขวักไขว่ไปมา“เหลียนเอ๋อร์อยู่ใกล้ๆพ่อกับลุงเจ้าไว้นะ” เจียหมิงที่ลายตา เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี คล้ายบ้านนอกเข้ากรุงอย่างไงอย่างงั้น“จะ เจียหมิงเราจะไปทางไหนดี” เหยาฉือสับสน ไม่เคยมาเมืองหลวงมาก่อน“อืม ข้าก็ไม่แน่ใจ คิดว่าเราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” เจียหมิงก็ใช่ว่าจะรู้ทาง เขาพาทุกคนสุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเจอร้านอาหารค่อยแวะปรึกษากันอีกครั้ง “เดี๋ยว พวกเจ้าจะเข้ามาในร้านไม่ได้” ในที่สุดพวกเขาก็เจอโรงเตี๊ยมอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่ง ตัดสินใจพากันเดินเข้าไปหาอะไรกิน ทว่าหญิงที่คาดว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์เอ่ยดักทั้งสามไว้ สายตาดูถูกมองผู้มาใหม่หัวจรดเท้า แอบชะงักชั่วครู่เมื่อกี้นางรู้สึกได้ถึงสายตากดดันจากเด็กน้อย แต่สลัดความคิดลง สงสัยจะตาฝาดไปเอง“เอ่อ ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือขอรับ” เจียหมิงถามอย่างสงสัย ไม่

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 49 เดินทาง

    “เก็บของเสร็จหรือยัง” และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป โรบอทกับบอทเต้ได้ฝึกและให้ความรู้แก่นายท่านพวกมันจนมั่นใจว่าวิชาที่มอบให้จะช่วยให้พวกเขาชนะศัตรูได้ ทั้งดาบ ธนู หอก ปืน หน้าไม้ โรบอทรับหน้าที่ฝึกให้จนชำนาญ ส่วนบอทเต้ได้มอบความรู้ด้านกลยุทธ์ แผนการและวิธีทำอาวุธใช้เอง ไม่เว้นแม้แต่ตัวอักษรของโลกใบนี้บอทเต้ก็สามารถสอนได้บัดนี้นับว่าท่านพ่อและท่านลุงของนางพร้อมสำหรับการรบแล้ว ทุกวันพวกเขาจะฝึกกันถึง 3 รอบ บริเวณหลังบ้าน เพื่อไม่ให้ใครเห็น เรียกว่าเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมานี้แทบไม่มีใครเห็นตัวท่านพ่อกับท่านลุง เนื่องจากเก็บตัวเงียบ ส่วนนางก็ไม่ออกไปเล่นที่ไหน แม้เสี่ยวหยวนจะมาชวนหลายครั้งเหลียนฮวาที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าหนาๆคล้ายเสี่ยวเหมา แก้มแดงปลั่งเพราะอากาศหนาว นางสะพายกระเป๋าผ้าที่มีเสบียงของตัวเองไว้ด้านหลัง ส่วนท่านพ่อท่านลุงมีจำพวกของใช้ เสื้อผ้าในถุงผ้าขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน“เสดแย้ว” เหลียนฮวาชูมืออย่างดีใจ เหมือนได้ออกไปผจญภัยกับทุกคน โรบอทกับบอทเต้นางให้เข้าไปในมิติแล้ว เกรงว่าถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะพากันตกใจ แล้วแห่มาบ้านนางไม

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 48 เริ่มฝึก

    “แฮ่กๆ ละ ลุงต้องทำ อะ อีกกี่ครั้ง” หลี่เหยาฉือเหงื่อเปียกชุ่มเอ่ยถามหลานสาวเสียงหอบ เสื้อผ้าของเจียหมิงที่ใส่อยู่แนบลู่ติดไปกับตัว หลานสาวปลุกเขาตั้งแต่เช้าให้มาทำท่าแปลกๆที่เรียกว่าออกกำลังกาย“อีกยี่สิบครั้งเจ้าก่ะ ห้ามหยุดน้า” เหลียนฮวาให้ท่านลุงของนางทำท่าซิทอัพเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ท่าต่อไปต้องเพิ่มกล้ามแขน ส่วนท่านพ่อของนางทำครบแล้ว เพราะลดเหลือวันละเซ็ต ตอนนี้น่าจะไปส่งจดหมายให้ทางการอยู่“อ่า ฮึบ แฮ่กๆ”“18 19 20 เย้ ท่างยุงเก่งที่สุด แปะๆ” เด็กน้อยกะโดดโลดเต้นผิดกับเทรนเนอร์สุดโหดเมื่อสักครู่“แฮ่กๆ ท่าต่อไป จัดมาเลย ลุงไหว” เหยาฉือที่บ้ายอ พอโดนหลานชมเก่งที่สุดก็มีแรงฮึดสู้ ไม่หวั่นแม้จะเหนื่อยแค่ไหน เข้าทางเด็กน้อยที่รอคำนี้อยู่แล้ว เวลาหนึ่งเดือนท่านพ่อและท่านลุงของนางต้องมีซิกแพ็ค เฮ้ย มีกล้ามเนื้อ แข็งแรงพอที่จะจับปืน จับดาบต่อสู้กับพวกศัตรูได้อย่างไม่แพ้ใคร ครึ่งเดือนผ่านไปเคล้ง เคล้ง! “ย๊า เจียหมิง เจ้าอย่าได้ออมแรง” เสียงชายผิ

DMCA.com Protection Status