ตอนที่ 2
ปัจจุบัน ปี 1983 หลายหมื่นผ่านไป……… สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามการเวลา เกิดยุดสมัยใหม่ขึ้นพลัดเปลี่ยนไปรุ่นสู่รุ่น ณ บ้านตระกูลเวิน ตระกูลที่ทำอาชีพขุดหาสมบัติ ค้าของเก่าวัตถุโบราณ สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจนถึงทุกวันนี้ ชีเหนียง หญิงสาววัย 26 ปี ลูกสาวคนเดียวของ เวิน อี๋เจ๋อ ผู้นำตระกูลคนปัจุบัน แต่เขากับชอบทำตัวลึกลับ ตั้งแต่แม่ของชีเหนียงตาย ก็ไม่ค่อยอยู่บ้านหายเข้าป่าไปเป็นปีสองปีถึงจะมาเจอหน้าลูกสาวสักครั้งหนึ่ง ชีเหนียงแม้จะไม่มีแม่และพ่อค่อยสั่งสอนดูแลแต่ก็เติบโตมาอย่างดีฉลาดและแข็งแกร่ง เพราะลุงเกาคนสนิทของพ่อค่อยดูแลและสั่งสอนมาจนโต “พี่ชีเหนียงบ้านเราใกล้จะอดตายกันหมดแล้วนะ ดูเสบียงแล้วผมว่าอยู่อย่างประหยัดก็คง ไม่เกินสามเดือนแล้วพี่" อาฉีลูกชายแฝดคนน้องของลุงเกาอายุอ่อนกว่าชีเหนียง สองสามปี และอาเฟยแฝดคนพี่ที่ตอนนี้ออกไปสืบหาแหล่งข่าวของโบราณและพวกสมบัติที่ยังไม่มีใครหาเจอ "รู้แล้ว มีอะไรมีค่าเหลืออยู่เอาออกไปขายแลกเสบียงมาตุนไว้ก่อน” "พี่แต่เราแทบไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ" "เฮ้อ.... แล้วอาเฟยล่ะ ใกล้กับมาหรือยัง จะได้เรื่องอะไรบ้างใหม” หญิงสาวถอนหายใจอย่างเคร่งเคลียด มองสมาชิกในครอบครัวและลูกน้องอีกหลาย คน นี้ฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยไม่สามารถดูแลใครได้เลยหรือเนี้ย ฉันจะพาทุกคนอดตายกันหมดไม่ได้นะ "พ่อ... พี่ชีเหนียง.... อาฉี อาเฟยกลับมาแล้ว" เสียงตะโกนเรียกดังลั่นมาตั้งแต่ทางเดินหน้าบ้าน “เป็นไง อาเฟย นั้งพักก่อน ได้เรื่องอะไรบ้าง" ชีเหนียงถามอย่างกระตืนรือร้น “ได้สิพี่ ทุกคนดูนี้" อาเฟยพูดอย่างลนลานพร้อมหยิบสิ่งของรูปทรงกระบอกสีดำที่ดูเก่าแก่ อาเฟยเปิดออกและดึงของด้านในออกมากว่างลงบนโต๊ะ ทุกคนพบว่าบนผืนหนังสัตว์นี้มันดูเหมือนแผนที่อะไรสักอย่าง ชีเหนียงมองอย่างพินิจพิเคราะห์ “อาเฟยไปเอามาจากไหน" ผู้เป็นพ่อถามบุตรชายด้วยความสงสัย “อาเฟยเจอโดยบังเอิญครับพ่อ เมื่อหลายวันก่อนระหว่างที่ผมเดินทางกลับผ่านตำบลทางใต้ จะกลับมาที่บ้าน ลมพัดแรงเหมือนจะมีพายุและฝนก็ตก ผมเห็นมีวัดร้างอยู่พอให้หลบฝนได้เลยเข้าไปหลบก่อน พายุก็พัดแรงมากจู่ๆเจ้ากระบอกนี้มันก็ตกลงมาจากขื่อหลังคา ผมเลยเก็บมาเปิดดูก็พบแผนที่ คิดว่าหน้าจะเป็นที่ซ่อนสมบัติแน่ๆ" “ดีมาก ครั้งนี้ถือว่าไม่เสียป่าว" “ชีเหนียง ลุงว่าตรวจสอบให้ดีก่อน " “ มันเป็นอะไรไปไม่ได้หลอกค่ะลุง นอกจากที่ซ่อนสมบัติ อาฉี ไปหาข้อมูลเรื่องภูเขาอู่หลิงหยวน ชื่อตามในแผนที่นี้ ว่าแต่ลุงเกาเคยได้ยินชื่อเขานี้ใหมคะ” "ลุงก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้นะ" "นั้นไง ไม่เคยได้ยินก็ไม่ใช่ว่าไม่มีไงคะ แสดงว่าเราจะเป็นคนแรกที่ค้นพบ คราวนี้แหละรวยแน่นอน" ชีเหนียงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “พี่ชีเหนียง เขาอู่หลิงหยวน อยู่แถบทางใต้ของอำเภอฉือลี่ ต้องเดินเท้าเข้าป่าหลายร้อยกิโล มีภูเขาและเสาหินสูงชันหลายสิบลูก และเขาอู่หลิงหยวนก็คือหนึ่งในเขาหลายสิบลูกนั้น" “หลายสิบลูก แล้วเราจะหาเจอมั่ยเยอะขนาดนั้น" “อาเฟยแต่เรามีแผนที่ ที่นายได้มานะ เราต้องเจออยู่แล้ว และเป็นกลุ่มแรกที่เจอด้วย พวกนายสองคนไปเตรียมคนและเสบียงให้พร้อม เดี๋ยวพี่จะดูแผนที่เอง อีกสองวันเราจะออกเดินทาง" “ครับพี่" อาฉี และ อาเฟยรับคำและรีบเร่งออกไป “ชีเหนียง ลุงว่าดูให้ดีก่อนเถอะลูก อย่ารีบร้อนเลยมันจะอันตรายนะลูก"ลุงเกากล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย "ไม่มีอะไรหลอกค่ะลุง ไม่ต้องเป็นห่วง หนูไม่ได้ออกหาสมบัติครั้งแรกที่ไหน หนูอ่ะระดับไหนและคะลุงหลานลุงเก่งจะตายไป" “ช่างดื้อรั้นเสียจริง ก็ลุงเป็นห่วงเราน่ะ เป็นผู้หญิงแต่ดูสิทำตัวอย่างกะผู้ชาย และหนุ่มบ้านไหนเขาจะมาขอ” “ไม่มีหนุ่มมาขอก็ดีแล้วค่ะ เดี๋ยวถ้าหนูเจอใครถูกใจหนูจะไปขอเขาเอง" ชีเหนียงเชิดหน้าตอบอย่างน่าไม่อายสร้างความขบขันให้แก่ลุงเกายิ่งนัก “เจ้าเด็กคนนี้ ห้ามอะไรไม่เคยได้จริง" ลุงเกาพูดพร้อมสายหัวไปมาเบาๆ สองวันต่อมา กลุ่มของชีเหนียงเดินทางโดยรถยนต์มายังทางใต้ของอำเภอฉือลี่ กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลานั่งรถไปสองวันกว่าๆสร้างความเมื่อยขบไม่น้อย “ นี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวพวกเราหาที่พักแถวนี้ก่อนแล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกเดินทางไปบริเวณจุดเริ่มต้นของแผนที่จากที่ดูมันไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่ตอนนี้เท่าไรนัก" รุ่งสางกลุ่มของชีเหนียงก็พร้อมออกเดินทาง เมื่อเริ่มก้าวเข้าไปยังเขตป่าสายลมเย็น ๆ ก็พัดเข้ามาทักทาย ต้นไม้ใบไม้หนาแน่นจนแสงแทบไม่ตกถึงพื้น เปลือกไม้หนาสีน้ำตาลกลมกลืนกับพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้น เวลาเดินเหยียบเสียงดังกรอบแกรบ ยิ่งเดินทางลึกเข้าไปเรื่อย ๆ สภาพแวดล้อมรอบกายยิ่งเปลี่ยนไปมีต้นไม้สูงใหญ่ดูแปลกตามากมายซึ่งไม่เคยได้พบเจอที่ไหน บางที่รกจนต้องอ้อมเลี่ยงไปอย่างทุลักทุเล สภาพอากาศทั้งชื้นและร้อนอบอ้าว กลุ่มของชีเหนียงเดินทางเข้าป่ามาก็กินเวลาไปหกคืนแล้ว “ดูจากแผนที่พรุ่งนี้เราน่าจะใกล้เขาอู่หลิงหยวนแล้วทุกคน อดทนกันหน่อยนะ อาฉี อาเฟย ใกล้มืดแล้วเราพักแถวนี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ “ “ ครับพี่" เจ้าแฝดตอบรับอย่างรวดเร็ว รีบจัดแจงช่วยกันกับลูกน้องอีกสามคน เตรียมที่พักและอาหารพักผ่อนเอาแรงเพื่อเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ วันรุ่งขึ้นกลุ่มของชีเหนียงรีบเร่งออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไม่ถึงครึ่งวันก็พ้นป่ารกทึบ เจอทุ่งกว้างด้านหน้ามองเห็นทิวเขาอีกไม่ไกล จึงเร่งฝีเท้าเดินทางกันต่อโดยไม่หยุดพัก ไม่นานนักก็พบภูเขาหลายลูกสูงตะหง่าน และเสาหินแท่งใหญ่เรียงรายสลับสูงต่ำมากมายสุดลูกตา “พวกเราถึงแล้ว" “แต่มันเขาลูกไหนครับพี่เหนียง อาฉีเห็นภูเขามายมากเช่นนี้เราจะรู้ได้ไงครับว่าลูกไหน" " ทุกคนดูนี้" ชีเหนียงกางแผนที่ออกพร้อมเห็นทุกคนมาดู “ เมื่อครู่นี้ที่เราเดินข้ามทุ่งกว้างนี้มาทางนี้ จุดเครื่องหมาย X นี้บนรูปภูเขา ด้านซ้ายมีเสาหินสามต้น เรียงจากต่ำไปสูง ด้านขวามีสามต้น ต้นที่ต่ำสุดอยู่ตรงกลาง ด้านหน้ามีเขาลูกเล็กดูไม่สูงมากนัก" พูดจบชีเหนียงลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ ก็สะดุดตาเข้ากับภูเขาลูกหนึ่งซึ่งตรงกับภาพในแผนที่ “ นั้นไง เขาลูกนั้นแน่ๆ ไปเดี๋ยวพวกเราเดินเลี่ยงเลาะเข้าลูกเล็กนั้นไป" ใช้เวลาไม่นานนักในที่สุดก็มาถึงหน้าเขาอู่หลิงหยวนที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ป่าจนได้กลิ่นของมันยามเมื่อลมพัดผ่าน ทุกคนช่วยกันสำรวจบริเวณรอบๆ ก็พบปากถ้ำที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์ป่าขึ้นหนาแน่น จนแทบมองไม่ออกว่ามีปากถ้ำซ่อนอยู่ จึงช่วยกันฟันเถาวัลย์ออกให้พอเดินลอดเข้าถ้ำไปได้ พื้นผิวภายในถ้ำทั้งลื่นและขรุขระมีตะไคร้สีเขียวเกาะเป็นหย่อมๆ อีกทั้งยังมืดและชื้นทั้งกลิ่นสาบจากขี้ค้างคาวบรรยากาศชวนอึดอัดและน่าขนลุกอยู่ไม่น้อยหลังจากเดินสำรวจภายในถ้ำ ในสุดก็พบโถงขนาดใหญ่ มีหินขรุขระก้อนใหญ่สูงประมาณสีา เมตร ตั้งตะหง่านอยู่กลางโถงถ้ำซึ่งมันใหญ่มากจนมองไม่เห็นอีกฝั่งของโถง “เอาล่ะทุกคน เราต้องปีนข้ามหินก้อนใหญ่นี้ไปสำรวจดูอีกฝั่งหนึ่ง เดี๋ยวฉัน กับอาฉี อาเฟย จะปีนไปข้ามก่อนพอไปถึงอีกฝั่ง ฉันให้สัญญาณมาแล้วพวกพี่ก็ตามไปได้เลยนะ ” ระหว่างที่ชีเหนียงกำลังปีนไปได้เกินครึ่งของความสูงนั้น เกินเหยียบพลาดลื่นเสียหลักฝ่ามือจึงเกาะหินไว้แน่นแต่ความคมของหินนั้นบาดฝ่ามือของชีเหนียง เลือดสีแดงสดๆ ไหลออกจากบาดแผลเป็นทางหยดลงหินนั้น แต่ก็ต้องฝืนทนความเจ็บปวดเกาะไว้แน่นและทรงตัวให้อยู่เพื่อปีนข้ามไปให้ได้ แต่แล้วเลือดของชีเหนียงที่ไหลออกจากบาดแผลมันซึมหายไปไนก้อนหินนั้น ยังไม่ทันที่ชีเหนียงจะรู้ตัว หินก้อนนี้เกิดสั้นสะเทือน ทุกคนต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีขาวสว่างออกมาจากหินก้อนนี้ แสงเริ่มสว่างจ้าไปทั่วทั้งโถงถ้ำจนสายตาไม่อาจทนได้ ชั่วพริบตาแรงสั้นสะเทือนแรงมากขึ้นจนหินก้อนนี้ระเบิดออกชีเหนียงและคนอื่นต่างกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง ก้อนหินปลิวกระจัดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปทั่วโถง ไม่นานนักทุกอย่างก็สงบลงปรากฏร่างเงาผู้หนึ่งรูปร่างผอมสูงยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นผง ชีเหนียงเพ่งมองภาพตรงหน้าก็ทำให้ประหลาดใจ.......ตอนที่ 3 ท่ามกลางฝุ่นผงกระจัดกระจายมากมายในโถงถ้ำนั้น ราชาปีศาจเฉาเฟิง ผู้ซึ่งถูกผนึกโดยเทพสงครามเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ได้หลุดพ้นออกสู่โลกนี้อีกครั้งพร้อมเปลวไฟโลกันต์ลุกรายล้อมอยู่รอบตัวเขา “ ในที่สุดข้าก็ได้ออกจากผนึกนี้สักที “ ทันที่ที่จบประโยชน์ราชาปีศาจก็ระเบิดพลังออกไปอย่างสุดแรง แผ่นดินเกิดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งป่าเขา ทั่วฟ้ามืดครึ้มลมพัดแรงดังพายุเข้า ไม่นานนักก็สงบลง เค้ามองไปที่กลุ่มคนตรงด้านหน้าพบหนึ่งคนตรงนั้นมีตราสัญลักษ์รูปจันทร์เสี้ยวที่มีแต่เผ่าปีศาจเท่านั้นที่จะมองเห็น มันคือตราสัญลักษ์ของเผ่ามนุษย์ที่ทำข้อตกลงเป็นข้ารับใช้ให้กับเผ่าปีศาจ และสามารถของอะไรก็ได้หนึ่งครั้งตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนราชาปีศาจเฉาเฟิงพุ่งตัวเป็นลำแสงสีน้ำเงิน มาหยุดตรงหน้าชีเหนียง สตรีผู้ที่มีตราพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนต้นคอ “ เจ้าช่างภักดียิ่งนัก ข้ารับใช้ของข้า ข้าจะให้รางวัลเจ้า” “คุณ....คุณ เป็นใครทำไม่ถึงออกมาจากหลังก้อนหินนั้น ” “ ข้าคือราชาปีศาจเฉาเฟิง ราชาแห่งเผ่าปีศาจ เจ้าข้ารับใช้เจ้าทำเช่นไรถึงปลดผนึกให้ข้าออกมาได้ ” “ ข้ารับใข้..... อะไร บ้าเปล่านี้ และคุณ
ตอนที่ 4 หลังจากที่ออกจากป่า เฉาเฟิงก็มาอยู่บ้านของชีเหนียง เฉาเฟิงยังปรับตัวไม่ได้ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่เฉาเฟิงก็ค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวบ้าง และหาวิธีที่จะทำให้พลังเขากลับมาด้วย "เฉาเฟิง คุณลองใส่ชุดนี้ดูสิ ฉันว่ามันดูเข้ากับคุณมากกว่าชุดเดิมที่คุณใส่อยู่นะ ใส่เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนมองว่าคุณเป็นตัวประหลาด และผมคุณด้วยมันยาวมากเลยนะ ให้ลุงเกาตัดให้เลยดีกว่า" ชีเหนียงพูดพร้อมลากแขนเฉาเฟิงไปนั้งให้ลุงเกาตัดผมให้ "เจ้า.... หยุดนะ... จะทำอะไร" เฉาเฟิงทำท่าขัดขืนเล็กหน่อย แต่ก็ยอมให้ลุงเกาตัดผมให้เพราะอยากที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่นานนัก ราชาปีศาจเฉาเฟิงก็ปราฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยชุดใหม่ที่ชีเหนียงหามาให้ซึ่งมันดูเข้ากับเขามากและผมสั้นทรงใหม่ที่เสริมให้ใบหน้าเขาดูหล่อเหลามากขึ้น " เฉาเฟิง คุณดูดีมากเลยนะ" ชีเหนียงยังคงมองเฉาเฟิงอย่างกับโดนมนต์สระกด ยามที่เขากระพริบตา แววตาที่ดูแสนจะเย็บชาของเขามันช่างดูลึลับเหมือนถูกสระกดให้หยุดมอง "พี่มองเขาตาค้างเลยนะ น้ำลายจะยืดออกมาแล้วนั้น" อาเฟยพูดแกมหยอกชีเหนียง "หุปปากไปเลยอาเฟย มันไม่ขนาดนั้นสักหน่อย" ชีเหนียงหันไปมองค้อนอา
ตอนที่ 5 "ราชาปีศาจ เป็นท่านจริง ๆ ด้วย" ปีศาจจิ้งจอกแดงสองตัวผัวเมีย คุกเข่าเอามือสองทั้งสองข้างแตะที่หน้าผากก้มคาราวะ ให้กับราชาปีศาจเฉาเฟิงด้วยความดีใจ "ท่านราชา ท่านกับมาแล้ว พวกเราดีใจยิ่งนัก ในที่สุดท่านก็ออกมากจากผนึกได้แล้ว หลายหมื่นปีมานี้ไม่มีท่านอยู่พวกเราต่างลำบากกันยิ่งนัก" "ลุกขึ้นเถอะ ข้าแค่จะถามอะไรพวกเจ้าหน่อย" "ถามมาได้เลยครับ กระผมยินดีตอบทุกอย่าง " " ทำไมพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่ เผ่ามนุษย์" "เรื่องนี้ตั้งแต่ที่ท่านราชาถูกผนึก เผ่าปีศาจไร้ที่พึงพิง พวกเราต่างหาวิธีเอาชีวิตรอด จึงต้องมาแฝงกายอยู่ปะปนกับพวกมนุษย์ เพราะทรัพยากรของเผ่ามนุษย์มีมากมายพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีพืชพันธ์ธัญญาหารให้พวกกระผมได้ทำมาหากินตลอดทั้งปีครับ" "แล้วที่เผ่าปีศาจล่ะ" "ปัจจุบันนี้ที่เผ่าปีศาจกลายเป็นที่แห้งแล้ง เพราะพวกเผ่าเทพได้ทำม่านอาคมกั้นเขตแดนขวางแม่น้ำศักดิ์สิทธิเอาไว้" "แต่แม่น้ำศักดิ์สิทธินี้เป็นของเผ่าปีศาจมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล พวกเผ่าปีศาจจะดำรงอยู่ได้พวกเราต้องอาศัยน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธินั้น" "ใช่ขอรับ หลายหมื่นปีก่อนที่จะเกิดสงครามใหญ่ครั้งนั้น ผมแบะพ่อแม่พวกเราอาศัยอยู่แถบเ
เทพสงครามซีฮ่าวได้รับคำสั่งจากองค์เง็กเซียน มาตามสืบเรื่องราวของผนึกที่เทพสงครามเย่วหมี ได้ผนึกราชาปีศาจไว้ถูกทำลาย และร่องรอยของกลุ่มคนที่เจอบริเวณเขาอู่หลิงหยวนนั้น ตอนนี้เทพสงครามได้ตามสืบร่องรอยของคนกลุ่มนั้นจนมาถึงบ้านซีเหนียง "บ้านหลังนี้มีกลิ่นไอปีศาจ"เทพสงครามซีฮ่าวปรากฏกายด้วยร่างบุรุษหนุ่มแต่งกายตามยุคสมัยใหม่ ยืนอยู่หน้าบ้านชีเหนียง ชีเหนียงเปิดประตูหน้าบ้านก็พบกับเทพสงครามซีฮ่าว ทั้งสองมองหน้ากัน แต่เป็นซีฮ่าวเองที่มองซีเหนียงแบบไม่สามารถละลายตาได้ "คุณ คุณคะ มีอะไรหรือป่าวคะ" ชีเหนียงถามออกไปด้วยสงสัยว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่สายตาดูอบอุ่นผู้นี้จองเธอไม่วางตา "อ่อ เออ... ผมทราบว่าที่นี้เป็นแหล่งค้าขายของพวกนักสะสมของเก่าของโบราณ คือผมตามหาของสิ่งหนึ่งอยู่ อยากรู้ที่นี้พอจะมีของที่ผมตามหาไหมน่ะครับ" ( ผู้หญิงคนนี้คุ่นหน้าเธอยิ่งนักเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ) "งั้น เชิญด้านในเลยค่ะ" ชีเหนียงพาแขกไปดูของที่โถงด้านข้าง ซึ่งทำไว้เป็นที่เก็บของเก่าของสะสมโบราณ และมักจะมีพวกพ่อค้าหรือนักสะสมของเก่ามาบ่อย ๆ แต่กับชายคนนี้น่าจะมาครั้งแรกเพราะยังไม่เคย
ตอนที่ 7 เทพสงครามซีฮ่าว ได้กลับไปรายงานต่อองค์เง็กเซียน เรื่องที่เจอตัวราชาปีศาจเฉาเฟิง ที่เผ่ามนุษย์นั้น จากการที่ได้ต่อสู่กัน ราชาปีศาจเฉาเฟิงไม่มีพลังใดเลย ข้างกายเขายังมีสตรีที่เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งอยู่ด้วย และที่ราชาปีศาจทำลายผนึกออกมาได้นั้นยังคงเป็นปริศนาอยู่ เมื่อทราบดังนั้นจึงให้ เทพสงครามค่อยจับตาดูราชาปีศาจเฉาเฟิงไว้ก่อน เขาคงจะไม่ทำอะไรผลีผลามตอนนี้ และยังต้องสืบเรื่องที่ผนึกถูกทำลายนั้นต่อไป เพราะไม่มีทางที่ราชาปีศาจจะทำลายผนึกออกมาเองได้ จะต้องมีใครที่รู้วิธีแล้วช่วยเขาไว้เป็นแน่ ณ เผ่าปีศาจ เมื่อเท้าเหยียบย่างเข้ามายังวังปีศาจที่เฉาเฟิงเคยอาศัยอยู่ ที่นี้ดูทรุดโทรม แต่ยังคงสภาพพออยู่ได้และยังมีปีศาจอาศัยอยู่บ้าง พื้นดินดูแห้งแล้งไร้พืชพันธ์ ท้องฟ้าหม่นหมอง เฉาเฟิงยืนมองอยู่หน้าวังครู่หนึ่ง นึกภาพไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อนครั้งที่เขายังอยู่ ถึงที่นี้ถึงจะเป็นเผ่าปีศาจ แต่สภาพแวดล้อมเมื่อก่อนนั้นพื้นดินอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธ์ต้นไม้นานาชนิด สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ ปีศาจทุกตัวอยู่กันอย่างสงบสุข ก่อนจะเกิดสงครามเพราะพวกเผ่าเทพที่ค่อยรุกรานขมเหง และยังมาขวางยึดครองแม่น้ำศ
ตอนที่ 8ชีเหนียงเห็นเจ้าสิ่งนั้นที่ก้นสระก็ตกใจจนดวงตาเบิกโพลง มือที่กำลังปัดไอระเหยอยู่นั้นพลาดไปโดนผิวน้ำจนสั่นไหว เจ้าสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ก้นสระก็ลืมตาขึ้นมาสีลูกตาแดงกร่ำ ตัดกับผิวสีขาวระยิบระยับลำตัวใหญ่และยาว คล้ายมังกร ดวงตาสีแดงกร่ำนั้นจ้องมาที่นางชั่วอึกใจมันก็พุ่งขึ้นมาอย่างเร็ว น้ำในสระเกิดคลื่นอย่างแรงจนดึงเอาตัวชีเหนียงตกน้ำไป นางดำผุดดำว่ายเพื่อพยุงตัวไม่ให้จมน้ำ แต่ก็รู้สึกว่าเจ้ามังกรสีขาวนั้นยังคง ว่ายวนอยู่รอบตัวนาง ทำให้เกิดน้ำวนยิ่งดูดให้ตัวนางจมลง และลำลักน้ำกำลังจะขาดอากาศหายใจ ดวงตานางเริ่มเลือนรางและกำลังจะปิดลงนั้น นางเห็นร่างคนผู้หนึ่งกำลังเข้ามาใกล้ ๆ "เฉาเฟิง" นางพึมพำด้วยสติที่เลือนราง เปลือกตานางค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ มังกรสีขาวนั้น เป็นเฉาเฟิงเอง ซึ่งร่างเดิมของเจาก็คือมังกรน้ำ เป็นสัตว์บรรพกาลชั้นสูงมีปราณพลังสองสายน้ำและไฟอยู่ในร่าง เขามักจะมาแช่ตัวที่สระน้ำแห่งนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อได้กับมายังวังปีศาจในรอบหลายหมื่นปีอีกครั้งเขาจึงต้องมาแช่น้ำที่สระแห่งนี้ เฉาเฟิงเห็นชีเหนียงหมดสติไป หัวใจก็สั้นไหว เขาใช้สองมือประคองหน้าชีเหนียงไว้ และริมฝีป
"ข้าจะนอนแล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว ” “ จะให้ออกไปไหนนี้ห้องข้า ” “ อ่าว แล้วเจ้าจะนอนตรงไหน ” “ หยุดพูด แล้วนอนสะ ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ ” ด้วยร่างกายที่ยังอ่อนเพลีย นางจึงหลับไปอย่างง่ายดาย และเฉาเฟิงก็ยังคงนั่งมองนางอยู่ไม่ลุกไปไหน ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม“อือออ” สายตาคมจ้องไปที่ร่างบางที่อยู่ๆ เกิดนอนกระสับกระส่ายครางเสียง อือ ออกมา “อือออ” ชายหนุ่มจึงลุกไปดูนางใกล้ๆ เขาเอือมมือไปเตะแก้มและหน้าผากของนาง “ตัวร้อนมากเลย ใครอยู่ข้างนอกบ้างเข้ามาหน่อย” นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้ามา เฉาเฟิงสั่งให้เอายา เตรียมน้ำและผ้ามาเช็คตัวให้นาง“พวกเจ้าเช็คตัวให้นางก่อน เสร็จแล้วเรียกข้า”“ เจ้าค่ะ ” เฉงเฟิงออกมายืนรออยู่ด้านหน้าห้องของตนเอง เขาเดินไปเดินมาคิดในใจถ้าตนเองใช้พลังได้ คงจะช่วยให้นางหายไข้ได้แล้ว "เช็คตัวเสร็จแล้วเจ้าค่ะ" "ส่งยามาให้ข้า" เฉงเฟิงรับยามาจากนางกำนัลเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งลงที่ขอบเตียงสังเกตสีหน้าที่ซีดเซียว นอนหลับตา กระสับกระส่ายตัวสั่นคิ้วขมวดด้วยอาการไข้ขึ้น "ชีเหนียง กินยาก่อน" เขาเรียกนางเบา ๆ ค่อยๆใช้ช้อนป้อนยานาง แต่ไม่สำเร็จชีเหนียงนางหันหน้าไปมาจนชน
ตอนที่ 10 “ เออ นายท่านข้ามีเรื่องมารายงาน ” ไปรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดขัดและก้มหน้าลง “ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ” “ ข้าไม่ได้คิดไรขอรับ ” “เจ้านี้ มีอะไรก็ว่ามา ” “ ข้าไปค้นในหอตำราของเผ่า มีตำราเล่มนึงกล่าวถึงการที่ปีศาจถูกผนึกมานานอาจทำให้พลังปราณถูกปิดบังไว้ ในตำราเล่มนั้น ได้บอกถึงวิธีที่จะดึงพลังกับมาขอรับ ” “ เอาตำรามาให้ข้าดู ” “ นี้ขอรับ ” ไปรุ่ยส่งตำราเก่าๆ เล่มนั้นให้ เฉาเฟิงรับมารีบเปิดอ่านอย่างตั้งใจสีหน้าเคร่งเครียด ตำราเล่มนี้กล่าวไว้ว่า เมื่อถูกผนึกกักขังไว้เป็นเวลานาน คล้ายกับการถูกแช่แข็ง อาจทำให้พลังจากต้นจิตและเส้นลมปราณถูกสกัดกักไว้ด้วย วิธีที่เปิดมันออกคือใช้โลหิตของคนที่สร้างผนึกนั้นขึ้นมา เผื่อประโลมต้นจิตและทลายเส้นลมปราณที่ถูกสกัดกั้นไว้ วิธีที่สองคือใช้พิษเงือกแต่เป็นวิธีที่อันตรายที่สุดผู้ใช้ต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากๆ เมื่อพิษเงือกเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำลายเส้นลมปราณทั้งหมดผู้ใช้ต้องรีบใช้พลังจากต้นจิตขับพิษเงือกออกและสร้างเส้นลมปราณใหม่ขึ้นมา ถ้าผิดพลาดหรือไม่ทันการผู้รับพิษเงือกเข้าไปจะตายได้ “ แต่เทพสงครามเย่วหมีที่สร้างผนึกมาได้ตายไปแล้
ตอนที่ 38 เฉาเฟิงกลับมาถึงเผ่าปีศาจ ไป่รุ่ยจึงจัดการทำแผลให้เจ้านาย ที่เอาแต่นิ่งเงียบใบหน้าเรียบเฉย ตั้งแต่ออกมาจากเผ่าเทพแล้ว "นายท่านบาดแผลไม่ลึกมากขอรับ" "ข้ารู้แล้วเจ้าออกไปเถอะ" "ขอรับ" ชายหนุ่มตอบองค์รักษ์ด้วยน้ำเสียงเงียบเฉยที่คนฟังแล้วก็ดูออกว่า เขากำลังโศกเศร้าอยู่ ไป่รุ่ยจึงปล่อยให้เฉาเฟิงได้อยู่คนเดียวก่อน ทว่าขณะที่ออกมาจากห้องบรรทม ก็พบกับครอบครัวของชีเหนียงที่มาไถ่ถามถึงชีเหนียงด้วยความเป็นห่วง ไป่รุ่ยได้แต่อึกอักไม่กล้าที่จะตอบ จึงเกิดเสียงเอะอะขึ้น ราชาปีศาจได้ยินดังนั้น เขาก็เปิดประตูออกมา "นางปลอดภัยดี เดี๋ยวข้าจะพาไปพบนาง" (พาครอบครัวนางไปนางอาจจะจำอะไรได้) เฉาเฟิงคิดในใจ เหตุการณ์เอะอะเมื่อครู่นี้จึงสงบลง เฉาเฟิงเลยเดินไปหาหลิงเฮ่อต่อ ก็เจอกับเฟยอวี่พอดี "นายท่านหลิงเฮ่อ ฟื้นแล้วขอรับ" เฟยอวี่แจ้งเฉาเฟิงด้วยความดีใจ เฉาเฟิงได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินให้เร็วขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้าไป เฉาเฟิงก็เห็นคนที่พึ่งจะฟื้นยืนอยู่ จึงรีบเดินไปประคองส่งกับไปยังเตียงนอน "ท่านพี่ข้าหายแล้ว" "หายแล้วก็อย่าขยับมากเดี๋ยวแผลจะปริออกได้" "ขอรับ ข้ารู้แล
ตอนที่ 37 เผ่าเทพซีฮ่าวกลับถึงเผ่าเทพ รีบไปรายงานต่อองค์เง็กเซียนทันที ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไป เทพสงครามเยวหมีนางก็เดินสวนออกมา "ท่านเทพสงครามเยว่หมี" ซีฮ่าวเอ่ยเรียกสตรีที่ดูท่าทางองอาจเบื้องหน้า นอกจากรูปร่างหน้าตา ก็คือบุคลิกที่สามารถดูออกได้ว่านางคือคนละคนกัน "เจ้าคือเทพสองครามซีฮ่าว ข้าจะไปพักที่ตำหนักเจ้า ขอตัวก่อน" นางพูดจบก็เดินกลับไปทันที ซีฮ่าวได้รายงานเรื่องราวต่าง ๆ แก่องค์เง็กเซียนทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน รวมถึงเรื่องที่หญิงมนุษย์คนนั้นก็คือเทพสงครามเย่วหมี "นางเล่าให้ข้าฟังทุกอย่างแล้ว นางจำทุกอย่างได้แม้ตอนที่เป็นเศษเสี้ยวดวงจิต" "ขอรับ แต่หญิงคนนั้น นางคือคนรักของราชาปีศาจเฉาเฟิงขอรับ" "......" องค์เง็กเซียนไม่ได้กล่าวอันใดออกมา ได้แต่เอามือลูบเครายาวๆ และยิ้มออกมา ซีฮ่าวกลับมายังตำหนัก ได้พบกับเทพสงครามเยว่หมี จึงได้พูดคุยกัน เยว่หมีจึงได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายรวมถึงหลิงเฮ่อ น้องชายของราชาปีศาจที่ตามหาดวงจิตนางเพื่อปลดผนึก "แล้วตอนนี้ชีเหนียงนางตายแล้วหรือขอรับ" "นางก็อยู่นี้ไง" เยว่หมี่ใช้นิ้วชี้จิ้มมาที่ตนเอง ใบหน้าซีฮ่าวบงบอกถึงความงุน
ตอนที่ 35 "ข้ารักเจ้า" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เเล้วทุกอย่างก็มืดสนิท ชีเหนียงรู้สึกว่าตัวนางเองยืนอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันว่างเปล่าไปหมด "นี้ข้าตายแล้วใช่ไหม" นางพูดคนเดียวแล้วทรุดเข่านั่งลงกับพื้น น้ำตาเริ่มรินไหลออกมา ไหล่บางสั่นไหวสะอื้นไห้ นึกภาพดวงตาที่แดงกร่ำของเฉาเฟิงเมื่อครู่นี้ได้ดี ท่ามกลางความเงียบในที่มืดแห่งนั้นนอกจากเสียงร่ำไห้ กับมีเสียงฝีเท้าคนเดินใกล้เข้ามา จนมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง ชีเหนียงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง "ท่าน…" "รอข้า" สิ้นคำพูดนางทุกอย่างสว่างจ้า ร่างโชกเลือดของชีเหนียงจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาพร้อมปราณพลังหมุนอยู่รอบกาย บาดเเผลที่โดนแทงนั้นเริ่มจางหายไป เสื้อผ้าอาภรณ์เปลี่ยนใหม่กลายเป็นชุดประจำตัวของนาง "เทพสงครามเย่วหมี" นางชูกระบี่ขึ้นฟ้าฉับพลันเกิดสายฟ้าวิ่งไปมาอยู่ที่ปลายดาบ นางฟาดกระบี่ใส่มารทั้งสอง จนเกิดแสงสว่างวาบไปทั่ว เมื่อเเสงสว่างนั้นดับลง มารทั้งสองเจ็บปวดราวถูกทัณฑ์อัคนีสักร้อยสาย นางหันใบหน้ามาทางราชาปีศาจ "ใช้ พลังไฟโกันต์ของเจ้าเเผดเผามันให้สิ้นซาก" เฉาเฟิงไม่รอช้าปล่อยพลังไฟโลกันต์ทำลายล้างไอมารและแผดเผาจื่อหยา
ตอนที่ 36 ฮวนชินค่อยๆ ลุกเขารวบรวมพลังทั้งหมดยกกระบี่ขึ้น อาศัยจังหวะที่เฉาเฟิงกำลังต่อสู่อยู่ไม่ทันได้สังเกต พุ่งกระบี่เข้าหาเฉาเฟิงทันที "ระวัง !!" เป็นจังหวะเดียวกับที่ซีฮ่าว เห็นฮวนชินพุ่งกระบี่ไปด้วยความเร็ว เขาจึงตระโกนอย่างสุดเสียง แต่จากจุดที่ซีฮ่าวอยู่ไกลจากตรงนั้นมากนักจึงไปขวางฮวนชินไม่ทัน หลิงเฮ่อเห็นเข้าพอดีจึงรีบเอาตัวเข้ามารับกระบี่แทน กระบี่ของฮวนชินแทงทะลุอกของหลิงเฮ่อทันที เฉาเฟิงเห็นหลิงเฮ่อถูกแทงต่อหน้าต่อตา เขาตกใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปรับตัวหลิงเฮ่อเอาไว้แล้วใช้ไฟโลกันต์ฟาดใส่ฮวนชินเต็ม ๆ ซีฮ่าวจึงรีบมาต่อสู่ขัดขวางมารจื่อหยางต่อ "หลิงเฮ่อ !! หลิงเฮ่อ " เฉาเฟิงประคองเรียกน้องชายไม่หยุดปาก เลือดสดๆ เริ่มไหลทะลักออกจากบาดแผล พร้อมกับสติที่ใกล้จะเลือนลาง "ท่านพี่ข้าไม่เป็นไร" น้ำเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดผ่านริมฝีปากที่ปนเลือดออกมา รอยยิ้มที่อ่อนแรงลง ส่งให้พี่ชายที่ตนรักและเคารพ "เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพี่ " เฉาเฟิงปลอบใจหลิงเฮ่อ ขณะที่เฟยอวี่องค์รักษ์ของหลิงเฮ่อมาถึงพอดี "ดูแลน้องข้าให้ดี" เฉาเฟิงออกคำสั่งต่อเฟยอวี่ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปสู่ต่อ
ตอนที่ 34 รุ่งเช้าวันใหม่ชีเหนียง ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยขบไปทั่วร่างกายพร้อมร่องรอยรักสีกุหลาบที่ชายหนุ่มทิ้งไว้บนเนินอกอิ่มทั้งสองข้าง นางหันมองหาคนที่นอนข้าง ๆ แต่พบกับความว่างเปล่า "เขาหายไปไหนนะ นี้ยังเช้าอยู่เลย" นางลุกจากเตียงนอนชำระร่างกายจนสะอาดเลือกสวมอารมณ์ชุดใหม่สีหวานขับผิวเนียนแลดูงดงาม ชีเหนียงออกจากห้องเดินตามหาเฉาเฟิงจนมาถึงโถงว่าการ "ไปไหนนะ ไหนบอกให้ข้าอยู่ในสายตา แต่ตัวเองดันหายไป" นางเดินเข้ามาในโถงว่าการกับพบแต่ความว่างเปล่า มีทหารปีศาจเฝ้าอยู่แค่สองคน นางกำลังจะเอ่ยถาม แต่แล้วกับได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินเข้ามา นางจึงหันไปทางต้นเสียงนั้น "พี่ชีเหนียง" เสียงเจ้าแฝดอาฉี อาเฟย ที่กำลังเดินเข้ามาหานาง โดยด้านหลังของทั้งสองยังมีลุงเกาที่กำลังเดินมาอีกคน "ลุงเกา อาฉี อาเฟย มาได้ยังไง"ชีเหนียงเอ่ยเรียกทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขแฝงไปด้วยความคิดถึง ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าหากันจนถึงตัวก็กอดกันกลมและถามสารทุกข์สุขดิบตามปกติเหมือนที่เคยทำ"นี้มากันได้ยังไง""ก็สัตว์ปีศาจของพี่เฉาเฟิงไง" ชีเหนียงมองตามมือที่อาเฟยชี้ไปที่ทหารปีศาจคนหนึ่งที่พึงเดินตามหลั
ตอนที่ 33 ชีเหนียงรับสุราที่ชายหนุ่มส่งให้ ยกขึ้นดื่มอีกสองสามจอก ใบหน้าเริ่มร้อนพลาว นางพ่นลมออกทางปากดังฟู่ พร้อมกับนิ้วมือเรียวที่กำลังหยีแก้มตนเองเบาๆ ทั้งสองข้าง จนปีศาจหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างลอบขำนางอยู่เบาๆ "เจ้าเอาสุราแบบนั้นให้ข้ากินเหรอ" "แบบไหน" ปีศาจหนุ่มแกล้งทำไขสือ "ก็แบบนั้นไง" ชีเหนียงจ้องไปยังดวงตาคู่นั้น "สุราธรรมดา" "ทำไมข้ารู้สึกร้อนๆ " "เจ้าคออ่อน ไหนให้ข้าดูสิ" เฉาเฟิงจับมืทั้งสองของนางออกจากใบหน้า ใช้นิ้วหัวแม่เกลี่ยเเก้มเนียนวนไปมา แล้วมาหยุดที่ริมฝีปากจิ้มลิ้ม เขามองอย่างถูกมนต์สะกด ใบหน้าหล่อค่อยๆเอนลงไป ริมฝีปากบางก็ถูกจูบอย่างอ่อนโยน เสียงบดจูบเริ่มดังยั่วเย้าทามกลางความเงียบสงัด ทั้งสองหนุ่มสาวต่างหายใจแรงจนได้กลิ่นเคล้าสุราจางๆ พาอารมณ์เริ่มพลุกพล่าน มือใหญ่เริ่มคลำดึงเสื้อผ้าผ่อนให้หลุดออกจากร่างเล็ก ขณะเดียวกันนางก็ทำเช่นเดียวกับเขา ระยะเวลาสั้น ๆ ทั้งคู่ก็อยู่ในร่างเปลือยเปล่า ชายหนุ่มจูบหนักหน่วงและอ่อนนุ่มสลับไปมา เขาตักตวงความอ่อนหวานอย่างโหยหา ลิ้นร้อนพัวพันในโพรงปากนุ่ม มือใหญ่โอบแผ่นหลังร่างบางจนอกบดบี้อยู่ก
ตอนที่ 31 โถงว่าการ "เจ้าเองหรือ คนเผ่าเทพ" "ใช่ข้าเอง" เทพสงครามซีฮ่าวกล่าวพร้อมยื่นสารของเผ่าเทพที่องค์เง็กเซียนทรงเขียนขึ้นมาด้วยตนเอง ส่งให้ไป่รุ่ยและไป่รุ่ยก็นำไปส่งให้เฉาเฟิงต่อเฉาเฟิงเปิดอ่านดูเนื้อความข้างในสารนั้นทุกบรรทัดจนจบอย่างพินิจและตั้งใจ ราชาปีศาจเมื่ออ่านจบก็ว่างสารจากเผ่าเทพลง "ข้ารับรู้แล้ว" ราชาปีศาจกล่าวกับเทพสงครามหนุ่ม หลิงเฮ่อและคนอื่นที่อยู่ในโถงว่าการงุนงงกับเหตุการณ์นี้ และสารจากเผ่าเทพนั้น ต่างหันไปหารือกันจนเกิดเสียงดัง "เงียบ!!!!" เฉาเฟิงตวาดเสียงดังลั่นทุกคนต่างเงียบ เหตุการณ์กับมาสู่ปกติอีกครั้ง ราชาปีศาจจึงส่งสารนั้นให้ไป่รุ่ย ไป่รุ่ยรับมาอย่างรู้งานเเละเริ่มเปิดอ่านให้ทุกคนที่อยู่ในโถงว่าการได้ฟังพร้อมเพียงกัน ด้วยเสียงอันดังฟังชัด เมื่อทุกคนได้ฟังต่างก็พอจะเข้าใจถึงเนื้อหาในสารนั้นแล้ว ต่างพูดคุยเเสดงความคิดเห็นที่เห็นด้วยกับราชาปีศาจของตน และรู้สึกดีต่อคำขอโทษของคนเผ่าเทพ แต่ที่สำคัญที่สุดเพราะราชาปีศาจของตนยินดีที่จะให้อภัย ทุกคนเลยเห็นงามด้วย เพราะที่ผ่านมาเกิดสงครามและความยัดแย้งมาตลอดซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประช
"ซี๊ด…. ชีเหนียงเจ้า.." ชีเหนียวใช้มือที่ลูบใบหน้าชายหนุ่ม เลือนมารั้งตรงท้ายทอยเขาเเล้ว นางประกบปากลงจูบชายหนุ่มอย่างเร่าร้อน ส่งลิ้นเรียวเล็กเข้าไปสำรวจช่องปากเขา โดยที่มืออีกข้างก็ยังไม่ลืมหน้าที่ปลุกเร้าอารมณ์ จากลูบเร่าผ่านอาภรณ์ ตอนนี้เลือนมือลวงเข้าไปผ่านกางเกงชายหนุ่ม สัมผัสกับท่อนเนื้อลำใหญ่แข็งเต็มที่ ขนาดที่มือเล็กแทบจะกอบกำไม่รอบ นางผละจูบออกอย่างอ่อยอิ่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มโลมเล็มไปตามกรอบหน้าจนถึงใบหู สร้างความเสียวซ่านทั้งช่วงบนและล่างให้ชายหนุ่ม "ข้าก็คิดถึงเจ้า" นางกระซิบเสียงเเห่บพล่า ที่ใบหูจนชายหนุ่มขนลุกซู่กับเสียงของนาง ชายหนุ่มเอนหลังลงเล็กน้อยสองมือวางท้าวไปบนที่นอน ใบหน้าสวยเลือนลงมาหยุดอยู่ตรงแผ่นอก นางเริ่มขบเม้นไล่ลงมาเรื่อย จนใบหน้าอยู่ตรงกลางหว่างขา เฉาเฟิงแยกขาออกเพื่อให้นางนั่งได้ถนัดขึ้น ชีเหนียงมองแท่งร้อน ที่อยู่ไม่ไกลจากใบหน้ามีน้ำใสไหลเยิ้มที่ปลายหัวหยก มือเรียวค่อยๆ กอบกำจนเต็มทั้งสองมือ นางใช้นิ้วหัวแม่มือถูวน ที่ปลายหัวหยกนั้น เฉาเฟิงเงยหน้าพลูลมหายใจแรง เขารู้สึกวาบหวิวเสียวที่ปลายหัวหยก จนอยากจะร้องครางออกมา นางขยับใบหน้าให้ใกล้มากขึ้น
ตอนที่ 30 หลายวันผ่านไป ชีเหนียงเจอหลิงเฮ่อ ที่มายืนอยู่หน้าห้องบรรมทม ของเฉาเฟิงทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกัน "ทำไมเจ้าไม่เข้าไปล่ะ" ชีเหนียงเอ่ยถามขณะที่ยืนอยู่ด้านหลัง หลิงเอ่อจึงหันกับมา "ไม่หรอก ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านพี่หายดีหรือยัง" "เจ้าก็เข้าไปดูเองสิ แล้วในมือเจ้าถืออะไรอยู่" "เอ่อ… ยาทาแผลที่ข้าทำเอง มันช่วยให้รู้สึกเย็นสบายและไม่เป็นแผลเป็น" "อ๋อ…เอายาทามาให้พี่เจ้านี่เอง" ชีเหนียงจงใจพูดให้เสียงดังขึ้น เพื่อให้คนในห้องได้ยิน "อาซ้อ เบาหน่อย" หลิงเฮ่อพยายามคุมเสียงให้เบาที่สุด โดยที่คู่สนทนาอีกคนยืนยิ้มแฉ่ง ไม่สนอาการรนรานของคนตรงหน้า "เจ้าทั้งสองคนน่ะ เข้ามาได้แล้ว" เสียงเฉาเฟิงเอ่ยขึ้น จนได้ยินออกมาด้านนอก หลิงเฮ่อยังคงยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก "ยืนงงอ่ะไร เข้าไปเถอะอยากพูดอะไรก็พูดเลย" ชีเหนียงดันหลิงเฮ่อเเละผลักประตูให้เดินเข้าไป เมื่อหลิงเฮ่ออยู่ต่อหน้าเฉาเฟิง คร่านี้เขากับยืนนิ่ง ไม่กล้าสบตา ไม่พูดจากวน ๆ เหมือนครั้งก่อน ๆ ยืนเอามือกุมขวดยาเอาไว้ "แผลเจ้าหายดีแล้วหรือ" เฉาเฟิงเอ่อถามหลิงเฮ่อ และมองดูอาการด้วยสายตาที่