เค้กช็อคโกแลตก้อนใหญ่ปักเทียนเอาไว้โดยรอบ ถูกยื่นมาตรงหน้าของเจ้าหนูกุลกานต์ ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก รายล้อมไปด้วยปู่ย่า พ่อแม่ และอา รวมทั้งคนงานในบ้านทุกคน ต่างมาร่วมอวยพรและร้องเพลงวันเกิดให้ ทำเอาน้องกานต์ชอบใจปรบมือแปะๆตามทุกคน ปากก็ร้องงึมงำงึมงำตามไม่เป็นภาษา จนเมื่อเพลงจบเกื้อกูลจึงบอกให้ลูกเป่าเค้ก พ่อกับแม่ช่วยกันเป่าดับไปแล้วบางส่วน เจ้าตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็เอาบ้าง เป่าลมพรูออกจากปากจนน้ำลายกระเด็น แต่เทียนก็ยังดับไม่หมดจนคนเป็นพ่อต้องช่วยเป่าแทนอีกรอบ พอเทียนดับหมดน้องกานต์ก็ปรบมือแปะๆชอบใจ
“หนึ่งขวบแล้วนะครับหลานย่า”
คุณพรประภาก้มจูบลงที่ศีรษะของหลานรักด้วยความเอ็นดู คนเป็นปู่ก็ยื่นมือมายีหัวอย่างรักใคร่ ใครต่อใครต่างเข้ามาห้อมล้อมเต็มไปหมด จนเจ้ากานต์น้อยไม่รู้จะหันไปมองใคร จึงทำได้แต่กวักมือเรียกหาแม่อยู่ไหวๆ
“แหมะๆๆ แหมะ”
การุณย์ได้ยินหลานเรียกแม่แบบนั้นก็ขำใหญ่ หัวเราะงอหายท้องขดท้องแข็ง
“โธ่ เจ้าอ้วนหลานอา นั่นแม่นะลูก ไม่ใช่แพะ จะมาเรียกแหมะๆแบบนั้นไม่ได้ ไหนเรียกใหม่ซิ แม่ เรียกเร็วเรียก แม่ ไ
เสียงครางงึมงำของเกื้อกูลที่ดังอยู่ข้างหูทำให้นภิศาหันมามอง คนที่นอนอยู่ข้างๆเธอเขายังคงหลับตา แต่ริมฝีปากก็ยังพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอฟังไม่ค่อยชัด“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ละเมอเหรอคะ คุณเกื้อคะ”เธอพยายามเขย่าปลุกเรียกให้ตื่น แต่เกื้อกูลก็ยังคงเพ้อไม่หยุด“ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง มันไม่ใช่ความจริง”คราวนี้นภิศาได้ยินชัดเพราะเขาพูดคำเดิมซ้ำๆและดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกำลังเถียงกับตัวเอง นอกจากนั้นท่าทางของเกื้อกูลยังดูหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเขาเองกำลังปฏิเสธมันออกมา“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ตื่นค่ะ คุณเกื้อ เพี๊ยะ!!”เมื่อเห็นว่าแค่ปลุกเรียกเขาคงไม่ตื่น เธอจึงฟาดฝ่ามือลงที่ท่อนแขนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมาเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังหลับละเมอสะดุ้งตื่น เขาหันมามองหน้าเธอสีหน้างงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นภิศาจึงอธิบายให้ฟังว่าเขาละเมอ เธอพยายามปลุกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมตื่นเลยต้องฟาดฝ่ามือตีแรงๆ“พี่ละเมอเหรอ”“ค่ะ คุณเกื้อละเมอ จำได้มั้ยคะว่าละเมอว่าอะไร นัทได้ยินคุณเกื้อบอกว่าไม่ ไม่จริง
เสียงเคาะแป้นพิมพ์จากปลายนิ้วเรียวยาวที่ตบแต่งเล็บเจลด้วยลายดอกซากุระสีหวานดังรัวเป็นปืนกล เพราะเอกสารสรุปรายงานที่หญิงสาวกำลังพิมพ์อยู่ หัวหน้างานของเธอบอกว่าต้องรีบใช้ด่วนนภิศาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการในบริษัทของลูกชายเจ้านายเก่าของผู้เป็นพ่อทันทีที่เรียนจบ จะว่าไปแล้วจุดงานตำแหน่งนี้เธอถูกจับวางแบบไม่มีสิทธิ์เลือกเองด้วยซ้ำ จะบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเต็มใจก็ไม่เชิง ใจจริงเธออยากออกไปหางานทำด้วยตัวเอง ไม่อยากเป็นเด็กฝากเด็กฝังอะไรของใคร แต่เป็นเพราะเธอมีอีกหน้าที่ที่ทำด้วยใจจึงได้ยอมอยู่ในจุดที่เขาวางไว้ให้อย่างไม่มีแง่งอนการุณย์ ประชาพิพัฒน์ ชายหนุ่มผู้แสนใจดี มีความรับผิดชอบ เขาเหมือนพี่ชายที่แสนดีของเธอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฐานะเจ้านายก็ตามที ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความห่วงใยจะไม่ถูกแสดงออกหากเมื่อไหร่ที่เธอมีปัญหา และการที่เธอมาทำงานอยู่ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความรับผิดชอบที่เขาจะต้องดูแล“นัท”ชื่อของเธอถูกเอ่ยเรียกทันทีที่ประตูห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มถูกเปิดออก หญิงสาวชะงักปลายนิ้วที่กำลังรัวแป้นพิมพ์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองที่ต้นเสียงโดยสัญชาตญาณ“คะ”“เสร็จงานแล้วลงไปรอที่หน้าตึ
นภิศาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงานแต่เช้า แต่ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเกื้อกูลตื่นแล้วและกำลังจ้องมองมาที่เธอ“ทำไมคุณเกื้อตื่นเร็วจังเลยคะ หรือว่ามีงานที่ต้องเข้าบริษัท”“เปล่า ไม่มีธุระเข้าบริษัทหรอก แต่มีธุระอย่างอื่น” บอกพลางลุกเดินเข้ามาหาแล้วรวบเอาเอวบางมากอดไว้ ก่อนจะกดจูบลงที่ข้างแก้มอย่างอดใจไม่ได้“อื้อ..ทำอะไรคะเนี๊ยะ ทำไมไม่ไปนุ่งผ้า เดินโทงๆ มาอย่างนี้ได้ยังไง น่าอายจะตาย”“อายอะไร อายใคร อายเธอเหรอ เห็นกันมาสี่ห้าปียังจะต้องมาอายอะไรอีก หรือเธอไม่เคยจับมันเลย ฮึ”ถามพลางหรี่ตามองจ้องหน้าแล้วขยับไปจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างหยอกเย้า นภิศาเขินอายจนต้องเบือนหน้าหลบแล้วทุบลงที่หัวไหล่เขาไปเบาๆ จึงโดนเขาจูบไซร้ไปที่ซอกคออีกจนขนลุกเกรียว“อื้อ..อย่าค่ะ พอแล้ว เดี๋ยวนัทไปทำงานสาย”“ไม่ต้องไปทำงานหรอก ฉันโทรไปบอกการุณย์ให้แล้ว”“อ้าว! ทำไมล่ะคะ คุณเกื้อจะพานัทไปไหนเหรอ”เกื้อกูลไม่ตอบ จับจูงมือเธอไปที่เตียงแล้วรั้งให้นั่งลงที่ตักพร้อมกับกอดเอวบางเอาไว้ ก่อนจะบอก“จะพาไปเที่ยว”นภิศ
ในเช้าวันจันทร์ที่นภิศามาทำงานปกติ แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะไม่ปกติเหมือนอย่างเช่นทุกวัน หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวจนต้องขอยาดมกับพี่ปานเลขาหน้าห้องของการุณย์มาดม“เป็นอะไรนัท ไม่สบายมากหรือเปล่า พี่ว่าไปหาหมอดีมั้ย”ปานกมลเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นผู้ช่วยของเธอดูมีอาการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ปกตินภิศาเป็นคนแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยให้เห็นบ่อยๆ นอกจากเป็นหวัดเป็นไข้ทั่วไปที่กินยาแล้วก็หาย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คงจะไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะนอกจากจะเวียนหัวแล้วนภิศายังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนต้องพักขอยาดมจากเธอ“นัทก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ปาน เมื่อเช้าตอนที่แวะซื้อเต้าหู้หน้าออฟฟิศได้กลิ่นปาท่องโก๋ทอดแล้วก็เวียนหัวพะอืดพะอมมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ”“นัทก็แวะซื้อบ่อยแต่ไม่เคยเป็นไม่ใช่เหรอ”“ค่ะ ไม่เคยเป็นเลย แต่วันนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงมีอาการขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ มันเหม็นแล้วก็เวียนหัวจนต้องเดินหนี”“นัท...” ปานกมลคว้ามือของผู้ช่วยของเธอมากุมไว้แล้วมองจ้องหน้าอย่างพิจารณา“พี่ว่าอาการนัทมันแปลกๆ แล้วนะ ลองไปซื้อที่ตรวจมาตรวจดูหน่อยมั้ย”ปานกมล
ในเช้าวันถัดมาเกื้อกูลนั่งอ่านรายงานที่เลขาส่งมาให้ในห้องทำงานที่ออฟฟิศของบริษัท สิบโมงเช้าเขาจะต้องเข้าประชุมกับทีมฝ่ายขาย แต่รายงานที่อ่านไปกลับไม่เข้าหัวเอาซะเลยตั้งแต่เมื่อวานที่เขาจากมาจนกระทั่งถึงตอนนี้นภิศายังคงเงียบหาย เธอไม่ติดต่อกลับมาหาเขาและเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเธอเช่นกัน เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง เรื่องนี้มันเข้าใจยากตรงไหน เคยบอกไปแล้วว่าให้ป้องกันให้ดี แล้วทำไมนภิศาถึงได้ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกจนได้ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาไม่ต้องการหาทางแก้อย่างอื่นนอกจากการที่จะให้นภิศาเอาเด็กออก เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง ไม่ต้องการเลยโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะดังอยู่ครืดๆ ช่วยดึงความคิดของเกื้อกูลออกจากภวังค์ เขาหันไปมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นน้องชายโทร.มาจึงคว้ามากดรับสาย“ว่าไงการุณย์”“พี่เกื้อ นัทเขาไม่มาทำงาน พี่พาเขาไปไหนหรือเปล่า”“เปล่า ฉันมาทำงาน”“เขาไม่ได้โทร.มาลางานก่อนเลยนะพี่ ผมให้คุณปานโทร.หาก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้วด้วย เมื่อ
เสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านทำให้คุณพรประภาหันไปมองที่ต้นทาง ในใจแอบลุ้นว่าเป็นลูกชายคนไหนที่กลับมา ช่วงนี้ดูเหมือนว่าทั้งเกื้อกูลและการุณย์จะดูยุ่งจนลืมทางกลับบ้านกันทั้งคู่ แม้แต่นภิศาเองก็หายไปหลายเดือนแล้ว พอถามจากการุณย์ก็บอกแค่ว่าจะปรับตำแหน่งงานให้น้องเลยส่งไปเรียนภาษาเพิ่มในวันหยุดทำให้ไม่มีเวลามาเยี่ยม แต่บอกเจ้าตัวให้แล้วว่าท่านถามหาส่วนเกื้อกูลก็เงียบหายไม่ต่างกัน จากปกติที่กลับบ้านอยู่บ้างอาทิตย์ล่ะสองสามวัน แต่ที่ผ่านมาแทบจะกลายเป็นเดือนละครั้ง ถ้าคุณเกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาไม่เรียกหาก็ยากที่จะได้เจอตัว“ว่าไงล่ะ วันนี้ลมอะไรหอบมา แม่จะได้ไปขอบคุณพระพายท่านที่ได้เอาลูกชายมาส่ง”ทันทีที่เห็นว่าคนที่เดินเข้าบ้านมาคือการุณย์ คุณพรประภาเองก็เอยถามอย่างประชดประชันออกไปทันที มีลูกชายถึงสองคน แต่ก็เหมือนไม่มีใคร พอจะมีลูกสาวกับเขาบ้างเจ้าลูกชายคนเล็กก็ส่งน้องไปเรียนเพิ่มจนไม่มีเวลาให้ท่านอีกเช่นกัน แบบนี้มันน่าน้อยใจน้อยเสียเมื่อไหร่“ไม่มีลมอะไรหอบมาหรอกครับคุณแม่ ผมมีธุระนิดหน่อย ว่าจะมาหาพี่เกื้อเขากลับมาบ้านบ้างหรือเปล่าครับ”“อ้าว! ทำไมไม่โ
การุณย์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายด้วยความรีบร้อน เขามีข่าวความคืบหน้าใหม่มาบอกแก่เกื้อกูลถึงคนที่พวกเขาพยายามตามหากันมาหลายเดือน“ว่ายังไงบ้างการุณย์ ได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย”“เจอแล้วครับพี่เกื้อ นักสืบที่เราจ้างไปเขาเจอที่อยู่ของนัทและเจอตัวนัทด้วยครับ”คนเป็นน้องตอบมาพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ เกื้อกูลเอื้อมจับมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขานั่งลงที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน แกะซองกระดาษออกแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมารูปถ่ายของผู้หญิงท้องกลมโตใกล้คลอดในชุดคลุมสีหวาน กำลังทำงานอยู่ในคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง รูปที่เธอเดินตลาด และภาพคอนโดฯที่เธอพักอาศัยอยู่ เกื้อกูลใช้มือคลี่รูปออกกระจายจนเต็มโต๊ะ ไล่ดูทีละภาพด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คนในรูปคือนภิศาอย่างแน่นอน เขาจำเธอได้แม้ว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไป“การุณย์นัทสบายดีใช่มั้ย”เขาเอ่ยถามน้องชายออกไป ในใจภาวนาว่าขอให้เธอยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี หวังว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเธอ“นักสืบที่จ้างไปบอกว่าเธอสบายดีครับ อ๋อแล้วก็นี่”การุณย์หยิบรูป
เช้าวันใหม่นภิศาเดินลงมาจากคอนโดฯที่พัก นอกจากจะเห็นขวัญฤทัยที่มารับแล้ว ยังพบว่าอินทรก็อยู่ด้วย“คุณเกื้อให้พี่มารับนัทไปทำงาน”เขารีบออกตัวทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามาหา ขวัญฤทัยมองหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายแล้วนภิศาก็ให้อินทรขับรถตามรถของขวัญฤทัยไปเหมือนเดิม เธอจะไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ จากเกื้อกูลอีกเด็ดขาดตกเย็นหลังเลิกงานอินทรหายไปแล้ว พอเห็นว่าเธอไม่ให้มารับมาส่งเจ้านายของเขาคงเรียกตัวกลับ คนอย่างเกื้อกูลน่ะเหรอจะมาใส่ใจเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ หรอกโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยอยู่ในสถานะเมียบำเรออย่างเธอคิดไปแล้วความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาคลอ ในเมื่อเธอหนีออกมาแล้วจะมาตามกันอีกทำไม ตามแค่พอให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้คิดจะมาใส่ใจกันจริงๆ เลยอย่างนั้นเหรอ เขาไม่ใช่แค่ไม่รักลูก แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย แค่เสียดายของ แค่ไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่งก็เท่านั้นนภิศาหันหน้าหนีมองออกนอกตัวรถแอบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อในตอนที่ขวัญฤทัยขับรถมาส่งเธอในตอนเย็นหลังเลิกงาน หลังจากเพื่อนร่วมงานผู้ใจดีกลับไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาในตัวตึกเพื่อ
เสียงครางงึมงำของเกื้อกูลที่ดังอยู่ข้างหูทำให้นภิศาหันมามอง คนที่นอนอยู่ข้างๆเธอเขายังคงหลับตา แต่ริมฝีปากก็ยังพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอฟังไม่ค่อยชัด“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ละเมอเหรอคะ คุณเกื้อคะ”เธอพยายามเขย่าปลุกเรียกให้ตื่น แต่เกื้อกูลก็ยังคงเพ้อไม่หยุด“ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง มันไม่ใช่ความจริง”คราวนี้นภิศาได้ยินชัดเพราะเขาพูดคำเดิมซ้ำๆและดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกำลังเถียงกับตัวเอง นอกจากนั้นท่าทางของเกื้อกูลยังดูหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเขาเองกำลังปฏิเสธมันออกมา“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ตื่นค่ะ คุณเกื้อ เพี๊ยะ!!”เมื่อเห็นว่าแค่ปลุกเรียกเขาคงไม่ตื่น เธอจึงฟาดฝ่ามือลงที่ท่อนแขนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมาเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังหลับละเมอสะดุ้งตื่น เขาหันมามองหน้าเธอสีหน้างงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นภิศาจึงอธิบายให้ฟังว่าเขาละเมอ เธอพยายามปลุกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมตื่นเลยต้องฟาดฝ่ามือตีแรงๆ“พี่ละเมอเหรอ”“ค่ะ คุณเกื้อละเมอ จำได้มั้ยคะว่าละเมอว่าอะไร นัทได้ยินคุณเกื้อบอกว่าไม่ ไม่จริง
เค้กช็อคโกแลตก้อนใหญ่ปักเทียนเอาไว้โดยรอบ ถูกยื่นมาตรงหน้าของเจ้าหนูกุลกานต์ ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก รายล้อมไปด้วยปู่ย่า พ่อแม่ และอา รวมทั้งคนงานในบ้านทุกคน ต่างมาร่วมอวยพรและร้องเพลงวันเกิดให้ ทำเอาน้องกานต์ชอบใจปรบมือแปะๆตามทุกคน ปากก็ร้องงึมงำงึมงำตามไม่เป็นภาษา จนเมื่อเพลงจบเกื้อกูลจึงบอกให้ลูกเป่าเค้ก พ่อกับแม่ช่วยกันเป่าดับไปแล้วบางส่วน เจ้าตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็เอาบ้าง เป่าลมพรูออกจากปากจนน้ำลายกระเด็น แต่เทียนก็ยังดับไม่หมดจนคนเป็นพ่อต้องช่วยเป่าแทนอีกรอบ พอเทียนดับหมดน้องกานต์ก็ปรบมือแปะๆชอบใจ“หนึ่งขวบแล้วนะครับหลานย่า”คุณพรประภาก้มจูบลงที่ศีรษะของหลานรักด้วยความเอ็นดู คนเป็นปู่ก็ยื่นมือมายีหัวอย่างรักใคร่ ใครต่อใครต่างเข้ามาห้อมล้อมเต็มไปหมด จนเจ้ากานต์น้อยไม่รู้จะหันไปมองใคร จึงทำได้แต่กวักมือเรียกหาแม่อยู่ไหวๆ“แหมะๆๆ แหมะ”การุณย์ได้ยินหลานเรียกแม่แบบนั้นก็ขำใหญ่ หัวเราะงอหายท้องขดท้องแข็ง“โธ่ เจ้าอ้วนหลานอา นั่นแม่นะลูก ไม่ใช่แพะ จะมาเรียกแหมะๆแบบนั้นไม่ได้ ไหนเรียกใหม่ซิ แม่ เรียกเร็วเรียก แม่ ไ
หลายวันผ่านไปห้องของเกื้อกูลที่รีโนเวทไว้ก็เรียบร้อย จากที่ตั้งใจจะเร่งให้เสร็จโดยไวแต่ก็ทิ้งระยะไปเป็นเดือนเพราะเตียงไซน์ใหญ่ที่เขาสั่งทำขึ้นมาใหม่ยังไม่พร้อมโชคดีเป็นของชายหนุ่มอยู่บ้างที่ระหว่างรอนั้นเขาคืนดีกับนภิศาได้แล้ว จึงทำให้มีที่หลับนอน ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอาศัยห้องของการุณย์แล้วคอยตื้อขอนอนห้องเธออยู่อย่างนั้นจนกวาจะใจอ่อนวันนี้เกื้อกูลสั่งให้คนในบ้านช่วยกันย้ายข้าวของของนภิศากับลูกมาไว้ที่ห้องนอนของเขาจนเกลี้ยง แน่นอนว่าเกลี้ยงชนิดที่กลับมานอนอีกไม่ได้ แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างเขาก็ยกให้คนงานในบ้านแบ่งกันเอาไปใช้ให้หมดเพราะเกื้อกูลคิดไว้แล้วว่าหากเผลอทำอะไรให้นภิศางอน จะต้องไม่มีห้องให้เธอหอบลูกหนีมานอนแยกกับเขาได้อีกหลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพ รวมทั้งช่วยกันกับอินทรยกชั้นออกไปไว้ที่ห้องพักเขาก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน พอเดินผ่านห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ของเขาก็เรียกให้เข้าไปหา“พ่อกับแม่มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ”“มีสิ” คุณพรประภาเป็นคนตอบ ก่อนจะมองหน้าแล้วเอ่ยถามลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง&l
“อ๊ะ! อ๊า คุณเกื้อเบาๆ ค่ะ นัทเจ็บ”นภิศาห่อไหล่ครางซี้ดซ้าด ทั้งเจ็บทั้งเสียวจากแรงดูดดึงและขบเม้มของเกื้อกูล เขาผละจากอกอิ่มข้างหนึ่งมาดูดดึงอีกข้างหนึ่งจนพอใจ จึงลุกขึ้นมาถอดทิ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดก่อนจะโน้มลงคร่อมร่างของเธอเอาไว้แล้วกดจูบลงไปที่สองข้างแก้ม ริมฝีปาก ปลายคาง ซอกคอ หัวไหล่ซ้าย หัวไหล่ขวา ลูบไล้ไปทั่วผิวกายอ่อนละมุน กดจูบดอมดมไปทั่วทุกอณูเนื้อนวลสัมผัสแผ่วเบาของเขาลากเรื่อยไปตามผิวกายของนภิศาจูบไล่ลงมาตามร่องอก เคลื่อนริมฝีปากลงต่ำมาจนถึงสะดือเล็ก แล้วช้อนตาขึ้นมองเธออีกครั้งก่อนจะวางฝ่ามือลงที่หว่างขา ลูบไล้ไปมาเบาๆ ทำเอานภิศาถึงกับต้องกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นหัวใจสั่นไหวในตอนที่เขาจ้องมอง“อยากให้พี่ทำยังไงครับ”เกื้อกูลเอ่ยถามเสียงพร่า นภิศาปิดปากส่ายหน้า ไม่รู้ว่าจะต้องตอบเขาว่ายังไง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรให้เธอก็ยินยอมทั้งนั้นเกื้อกูลยิ้มในหน้า ฝ่ามือของเขายังคงลูบไล้อยู่ที่กลุ่มใหมบางของเธอไปมา ก่อนจะกดปลายนิ้วเข้าหาความฉ่ำชื้นที่กำลังเอ่อไหลแล้วค่อยจมมิดหายเข้าสู่กายสาวถึงสองนิ้วพร้อมกันอย่างช้าๆ“อ๊ะ..อื้อ..คุณเกื
หนึ่งอาทิตย์ถัดจากนั้นคุณหมอชิดชลก็ถูกเชิญให้มาทานข้าวที่บ้านประชาพิพัฒน์ด้วยคำชวนของคุณพรประภา ทันตแพทย์หนุ่มยังคงงงงวยอยู่ไม่น้อยที่หลังจากที่เขามาพบนภิศาไม่นาน เธอกับเกื้อกูลก็คืนดีกัน ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนยังรักกันอยู่ แต่คุณหมอชิดชลก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเร็วจนเขานึกไม่ถึง“ว่าไงครับเจ้าลูกหมู น้องกานต์ลูกพ่อชล มาหาพ่อหน่อยมา คิดถึงจังเลยลูก”เมื่อเห็นนภิศาอุ้มลูกชายเข้ามาหาคุณหมอหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะขออุ้มทันที เพราะตอนนี้เจ้าหนูกุลกานต์พึ่งอาบน้ำประแป้งมาซะตัวหอมเลยทีเดียวพอรับเจ้าลูกหมูมาไว้ในอ้อมแขนก็จัดการฟัดแก้มซ้ายขวาเอาซะหน้าคุณหมอหนุ่มติดแป้งขาวตามลูกชายของเขาจนนภิศาอดขำไม่ได้“อะ แฮ่ม!!”เสียงกระแอมที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้คุณหมอชิดชลเงยหน้าจากการฟัดแก้มยุ้ยขึ้นมามอง เห็นเกื้อกูลเดินมาหยุดซ้อนหลังแม่เจ้าอ้วนแล้วมองที่เขาตาขุ่นขวางก็เอ่ยทักทาย“เป็นไงบ้างครับคุณเกื้อกูล ดูเหมือนว่าลูกชายของเราจะโตวันโตคืนเชียวนะครับ”เอ่ยกับคนเป็นพ่อแล้วอุ้มเอาลูกเขาตรงไปที่ห้องรับแขกที่คุณพรประภาและคุณเกรียงศักดิ์นั่งรออยู่
เช้าวันใหม่สำหรับเกื้อกูลวันนี้เป็นเช้าที่สดใสที่สุดตั้งแต่มีชีวิตเกิดมาสามสิบกว่าปี ในอ้อมแขนของเขาคือเจ้าหนูกุลกานต์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนในวัยห้าเดือนเศษ เขาตื่นมาพาลูกออกมาเดินเล่นที่สวนหน้าบ้านตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง ปล่อยให้นภิศาจัดการกิจวัตรของเธออยู่ในห้องเพียงลำพัง“ว่าไงครับลูกพ่อ หนูอยากไปไหนอีกมั้ย เมื่อยหรือยังลูก หืม หนูเมื่อยหรือยังครับ”“แอ้แอ้”เจ้าหนูน้อยนี่ก็ช่างเอาใจพ่อเก่ง พ่อพูดพ่อคุยอะไรมาก็ตอบรับอ้อแอ้ไปซะหมด ยิ่งทำให้เกื้อกูลได้ใจไปใหญ่ ถึงจะมีบางครั้งที่มือน้อยๆ นั้นจะยังหันมาฟาดหน้าพ่ออยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไร เขาทนได้ถ้าลูกเขาชอบ“นั่นคุณเกื้ออุ้มน้องกานต์อยู่เหรอคะ”น้ำพลอยที่เดินผ่านมาเห็นเอ่ยถามด้วยความสงสัยท่าทางของเธอดูจะตกใจมากกว่าประหลาดใจเสียด้วยซ้ำ“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม ก็ลูกฉัน ฉันจะอุ้มลูกตัวเองออกมาเดินเล่นบ้างไม่ได้เหรอ”“แต่คุณเกื้อถูกสั่งห้ามไม่ให้แตะต้องน้องกานต์นะคะ”“นั่นมันเป็นคำสั่งเก่า ตอนนี้นัทเขายอมให้ฉันแตะลูกได้แล้ว จริงมั้ยครับลูกพ่อ หืม น้องกานต์ชอบอยู่กับพ่อมั้ยครับลูก”ตอบก
นภิศาพาลูกมานอนลงที่กลางเตียงใหญ่ จูบลงที่หน้าผากลูกน้อยอย่างแสนรัก ตอนนี้น้องกานต์หลับไปแล้ว เขาคงจะร้องไห้จนเหนื่อย กว่าลูกจะมีอาการดีขึ้นคนเป็นแม่ก็เจ็บไปทั้งใจ ถึงคุณหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่การที่เห็นลูกร้องไห้แบบที่คนเป็นแม่ไม่รู้จะแก้ไขยังไงได้ก็ทำเอาเธอใจแทบขาด เธอจูบเธอหอมหน้าลูกอยู่หลายครั้งทั้งรักทั้งหวงโดยที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่การที่เธอรักษาชีวิตเขาไว้ได้ กว่าที่เขาจะเติบใหญ่นภิศาก็ไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเจ็บป่วยอะไรอีกแล้วเกื้อกูลนั่งมองนภิศาคุยกับลูก และจูบหอมลูกอยู่พักใหญ่แล้วตั้งแต่ที่เธออุ้มเอาลูกไปวางที่เตียง ความรักที่เธอแสดงต่อลูกมันทำให้เขาเจ็บหน่วงไปทั้งใจ หากวันนั้นเธอตัดสินใจทำลงไปในสิ่งที่เขาบอก ชีวิตของเขาและเธอคงมีความสุขด้วยกันไปวันๆ เป็นความสุขที่เขามองเห็นจากภายนอก แต่ภายในใจของนภิศาคงบอบช้ำและเป็นตราบาปในใจไปตลอดกาลเขายังจำได้ถึงเหตุการณ์ที่อยู่บนเครื่องบินตอนที่เขาและเธอกลับจากเที่ยวกระบี่ด้วยกัน นภิศาเห็นเด็กกับแม่บนเครื่องบินแล้วเธอก็ร้องไห้“คุณเกื้อ”เธอหันมามองที่เ
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ