ในเช้าวันจันทร์ที่นภิศามาทำงานปกติ แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะไม่ปกติเหมือนอย่างเช่นทุกวัน หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวจนต้องขอยาดมกับพี่ปานเลขาหน้าห้องของการุณย์มาดม
“เป็นอะไรนัท ไม่สบายมากหรือเปล่า พี่ว่าไปหาหมอดีมั้ย”
ปานกมลเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นผู้ช่วยของเธอดูมีอาการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ปกตินภิศาเป็นคนแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยให้เห็นบ่อยๆ นอกจากเป็นหวัดเป็นไข้ทั่วไปที่กินยาแล้วก็หาย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คงจะไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะนอกจากจะเวียนหัวแล้วนภิศายังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนต้องพักขอยาดมจากเธอ
“นัทก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ปาน เมื่อเช้าตอนที่แวะซื้อเต้าหู้หน้าออฟฟิศได้กลิ่นปาท่องโก๋ทอดแล้วก็เวียนหัวพะอืดพะอมมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ”
“นัทก็แวะซื้อบ่อยแต่ไม่เคยเป็นไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ ไม่เคยเป็นเลย แต่วันนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงมีอาการขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ มันเหม็นแล้วก็เวียนหัวจนต้องเดินหนี”
“นัท...” ปานกมลคว้ามือของผู้ช่วยของเธอมากุมไว้แล้วมองจ้องหน้าอย่างพิจารณา
“พี่ว่าอาการนัทมันแปลกๆ แล้วนะ ลองไปซื้อที่ตรวจมาตรวจดูหน่อยมั้ย”
ปานกมลเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของนภิศาและเกื้อกูลพี่ชายของเจ้านาย และเธอเองก็มีลูกเล็กถึงสองคน อาการของคนตรงหน้าที่เห็นอยู่มันอดคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยจริงๆ
“พี่ปาน..แต่...”
นภิศาอึกอักเริ่มไม่แน่ใจในอาการของตัวเอง หลังจากท้องแรกที่เธอเอาเขาออก หญิงสาวก็ระวังเรื่องการป้องกันมากขึ้นเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก เธอระแวงการตั้งครรภ์อยู่ตลอดเวลาเพราะการทำแท้งครั้งนั้นเหมือนเป็นแผลในใจ หลังจากที่ใช้ยาเม็ดอยู่นานเธอจึงตัดสินใจปรึกษาหมอและใช้การคุมกำเนิดแบบฝังยาคุมในระยะเวลาสามปี แต่มันอีกตั้งสองเดือนไม่ใช่เหรอถึงจะครบกำหนด หรือว่าเธอจะจำเดือนผิด
นภิศามองหน้าปานกมลอย่างไม่แน่ใจ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อยากจะกลับไปตรวจเช็กวันครบกำหนดของยาฝังคุมกำเนิดที่เธอใช้อยู่ว่ามันเลยมาหรือยัง แต่ก็ติดที่ยังไม่เลิกงาน ถ้าเกิดว่าเธอจำวันผิดแล้วท้องขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง
“อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก ฉันเคยบอกเธอไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”
“คง..คงไม่ใช่หรอกพี่ปาน นัทฝังยาคุมนะ”
“มันก็ไม่แน่หรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้ นัทเองก็ไม่แน่ใจใช่มั้ยล่ะ ถึงได้มีสีหน้าแบบนี้”
“มันนานมากแล้ว นัทไม่แน่ใจ นัทอยากกลับไปดูสมุดที่จดไว้ว่าครบกำหนดหรือยัง”
ตกบ่ายมาอาการของนภิศาก็ดูเหมือนว่าจะไม่ดีขึ้น เธอยังคงเวียนหัวและมีอาการพะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลา แม้จะน้อยลงมากแต่มันก็ไม่หายไปสักที
“ปานเดี๋ยวผมจะออกไปพบลูกค้าข้างนอกนะ แล้วก็จะไม่เข้าบริษัทแล้ว ถ้ามีอะไรคุณช่วยรับเรื่องไว้แทนที”
การุณย์เดินออกมาจากห้องทำงาน แล้วบอกกับเลขาของตน แต่สายตาเขากลับหันไปมองที่นภิศาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอิดโรยและหยิบยาดมขึ้นมาจ่อจมูกอยู่หลายครั้ง
“เป็นอะไรนัท ไม่สบายเหรอ”
“เอ่อ..เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวเลิกงานไปนอนพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น”
“พี่จะออกไปข้างนอกพอดี เก็บของซะแล้วกลับไปพร้อมกันเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
การุณย์ให้ความเอ็นดูกับนภิศาไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่ง เขาใช้คำแทนตัวเองว่าพี่มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าจนกระทั่งทุกวันนี้ แต่นภิศาก็ไม่กล้าพอที่จะเรียกตาม
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เดี๋ยวนัทนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยปฏิเสธเพราะเกรงใจทั้งการุณย์และปานกมลที่ต้องทิ้งงานไว้ให้ทำคนเดียว
“ไปเถอะนัท เรื่องงานไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวพี่ทำต่อเอง มันเหลือไม่มาก”
นภิศากลับมาถึงห้องพักด้วยความเอื้ออาทรจากการุณย์ที่ขับรถมาส่ง ทันทีที่กลับมาถึงสิ่งแรกที่เธอทำคือหาสมุดบันทึกเพื่อตรวจดูวันครบกำหนดที่เธอต้องเอายาฝังคุมกำเนิดออก เอกสารที่หมอให้มาเธอไม่แน่ใจว่ายังอยู่ในสมุดเล่มนั้นด้วยหรือเปล่า
หญิงสาวเดินมานั่งคุกเข่าลงที่หน้าตู้เล็กข้างเตียง เปิดลิ้นชักชั้นแรกออก หยิบสมุดบันทึกปกแข็งบุผ้าลินินสีหวานออกมาด้วยหัวใจที่เต้นตุบตับ สมุดเล่มนั้นมีเอกสารแนบไว้ ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าคือบัตรนัดของโรงพยาบาลที่เธอเก็บเอาไว้ นภิศาหยิบใบนัดออกมาดูด้วยมือที่สั่นเทา เธอกลัวเหลือเกินว่ามันจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เธอกลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นมาอีก
ทันทีที่เปิดออกดูวันที่ที่เห็นว่าครบกำหนดสามปีที่เธอต้องเอายาฝังคุมกำเนิดออกคือวันที่สี่เดือนห้า แต่ตอนนี้มันคือวันที่เจ็ดเดือนแปด ทำไมเธอถึงได้สะเพร่าแบบนี้นะนภิศา ทำไมเธอถึงไม่ระวัง
“ไม่จริงหรอก อาจจะไม่ท้องก็ได้”
หลังจากไปทำธุระการุณย์ก็กลับเข้าบ้านมาในช่วงค่ำทันเวลามื้อเย็นของที่บ้านพอดี ทันทีที่เห็นหน้าลูกชายคนเล็กคุณพรประภาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปในทางประชดประชัน
“วันนี้ไม่มีนัดสาวที่ไหนกินข้าวเหรอลูก ทำไมกลับบ้านได้แต่หัวค่ำเชียว”
“โธ่คุณแม่ครับ ผมก็อยากจะมาทานข้าวกับคุณแม่บ้างสิครับ ลูกชายกลับมาบ้านเร็วแทนที่จะดีใจ ทำไมถึงได้ประชดกันแบบนี้ล่ะครับ”
การุณย์รีบอ้อน เดินเข้าไปกอดซบหน้าลงกับไหล่ผู้เป็นแม่อย่างเอาใจ หอมแก้มไปฟอดใหญ่ก่อนจะขยับมานั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง
“กลับมาบ้านเร็วทำไมไม่เอานัทเขามาด้วยล่ะ วันหยุดเมื่อกี้ก็ไม่ได้มา เห็นว่าไปเที่ยวกับเพื่อนนี่” คุณพรประภาอดถามถึงเด็กในอุปการะของท่านไม่ได้
พอถูกเอ่ยถามไปอย่างนั้นการุณย์ก็เงยมองหน้าสบตาพี่ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรู้กัน ปกตินภิศาจะมาที่บ้านนี้ในช่วงวันหยุดเป็นประจำ หากิจกรรมมาทำกับคุณพรประพาเพื่อให้ท่านไม่เหงา บางทีก็ทำขนม ทำกับข้าว แล้วแต่ว่าผู้ใหญ่ท่านจะสอนอะไร
“เด็กเขาโตแล้วคุณ มีเพื่อนมีสังคมจะให้เขามาขลุกอยู่กับเราตลอดก็คงไม่ได้หรอก ดีไม่ดีนัทเขาก็อาจจะมีแฟนหรือไปเที่ยวกับแฟนเขาหรือเปล่า”
คุณเกรียงศักดิ์เอ่ยบอกภรรยา ในขณะที่เกื้อกูลเอาแต่นิ่งเงียบ การุณย์มองสังเกตอาการของพี่ชายก็ไม่เห็นว่าเขาจะออกตัวว่ายังไง
หลายปีแล้วที่การุณย์เห็นความสัมพันธ์ของพี่ชายตัวเองกับเด็กอุปถัมภ์ของบิดามารดา สำหรับนภิศานั้นหลงรักเกื้อกูลอย่างหัวปักหัวปำแน่ๆ แต่พี่ชายเขาล่ะ จะเก็บเธอไว้ในความลับแบบนี้ต่อไปน่ะเหรอ ถ้าวันหนึ่งพี่ชายของเขาแต่งงานไปกับใครสักคนที่ไม่ใช่เธอ แล้วนภิศาจะเป็นยังไง จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปยังไงก็ในเมื่อเห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าทั้งชีวิตนภิศามีไว้เพื่อเกื้อกูลคนเดียว
“พี่เกื้อ”
ด้วยความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้การุณย์อดไม่ได้ที่จะคุยเรื่องนี้กับเกื้อกูล จึงได้ขอเวลาพี่ชายออกมาคุยกันที่สวนหลังบ้าน
“มีอะไรจะคุยงั้นเหรอ”
“เรื่องของนัทพี่จะเอายังไง”
“อะไรคือเอายังไง” เกื้อกูลหันมองน้องชายแล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบติดจะห้วนเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าการุณย์จะอยากคุยกับเขาในเรื่องนี้
“พี่ไม่น่าถามผมแบบนี้เลย”
“นายต่างหากที่ไม่น่ามาถามฉันอย่างนี้ เรื่องระหว่างฉันกับนัทมันไม่ได้เกี่ยวกับนายนี่”
“แต่นัทเขาเป็นลูกน้องผม และคุณแม่เองก็เอ็นดูเขามาก ถ้าพี่คิดจะจริงจังท่านก็คงไม่ว่าอะไร แต่ถ้าพี่ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นพี่ก็ควรจะปล่อยนัทเขาไป”
“ที่นายอยากคุยกับฉันก็แค่เรื่องนี้เหรอ”
การุณย์ถอนหายใจหนัก เขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ตัวเองไม่ควรยุ่ง แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ จะให้มองดูคนที่ตัวเองเห็นเป็นเหมือนน้องสาวอยู่ในฐานะเมียบำเรอพี่ชายตัวเองไปอีกนานแค่ไหน ตัวเขาเองทั้งอึดอัด ทั้งสงสารนภิศาไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“ผมขอโทษที่ยุ่งเรื่องของพี่ ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์พูด ถ้าคุณแม่เอ็นดูนัทเขาเหมือนลูกสาว ผมก็เห็นเขาเป็นน้องสาวคนหนึ่ง”
“นายจะบอกว่าห่วงเขาในฐานะพี่ชายเหรอ”
“แล้วพี่อยากให้ผมห่วงเขาในฐานะอะไรล่ะ”
คำถามนั้นทำเอาคนถูกถามถึงกับหน้าตึงและมองกลับมาด้วยแววตาเข้มจัด แต่การุณย์ก็ไม่ได้สนใจ เพราะเขาเองไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับนภิศาจริงๆ
“เฮ้อ! ช่างเถอะ คิดซะว่าผมไม่ได้มาพูดอะไรกับพี่ก็แล้วกัน แต่ยังไงช่วงนี้พี่ก็เพราๆ ลงบ้างนะ ดูเหมือนว่านัทเขาจะไม่สบาย”
“เป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ เห็นบอกว่าเวียนหัว ตอนออกมาผมพาไปส่งที่คอนโดฯแล้ว พี่ใช้งานเขาหนักไปหรือเปล่าถึงได้พักผ่อนไม่เพียงพอ”
หลังจากการุณย์เดินจากไปเกื้อกูลก็รีบโทร.ออกหานภิศาทันที แต่โทรไปเท่าไหร่เธอก็ไม่รับสาย เขาจึงตัดสินใจขับรถไปหาที่ห้องพักอย่างร้อนใจ
นภิศานั่งซบหน้าลงกับเข่าอยู่ที่พื้นตรงข้างเตียง ในใจของเธอตอนนี้มันสับสนวุ่นวายไปหมด เขาบอกแล้วว่าห้ามท้อง แต่เธอเองก็พลาดจนได้ แล้วจะทำยังไงดี เธอไม่อยากเสียลูกไปอีกแล้ว ถ้าจะขอเกื้อกูลเก็บลูกไว้เขาจะยอมมั้ยนะ เขาจะยอมหรือเปล่า
ในมือของหญิงสาวกำที่ตรวจครรภ์ไว้แนบอกร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะไม่อยากสูญเสียลูกไปเหมือนครั้งที่แล้ว เธอจะทำร้ายลูกอีกเป็นครั้งที่สองไม่ได้ เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย คนที่ผิดคือเธอเองต่างหากที่ไม่ระวัง และป้องกันไม่ดีพอ ถ้าเขาจะให้เธอไปทำแท้งอีก เธอทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้จริงๆ
“นัท นัท”
เกื้อกูลเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นนภิศานั่งฟุบหน้าร้องไห้กับเข่าก็ตกใจ รีบทรุดตัวนั่งลงตรงหน้า แล้วดันไหล่เธอขึ้นเพื่อจะถามไถ่อาการทันที
“เป็นอะไร เรียกแล้วทำไมถึงไม่ได้ยิน ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
ทันทีที่เห็นหน้าเกื้อกูลนภิศาก็โผเข้ากอดเขาไว้แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น เธอทนไม่ไหวแล้ว ทนเก็บความกดดันนี้ไว้คนเดียวไม่ไหวอีกแล้ว
“คุณเกื้อ ฮือๆ คุณเกื้อ นัทขอโทษ นัทขอโทษ”
เธอพร่ำบอกคำขอโทษแก่เขาอยู่ซ้ำๆ กอดเขาไว้แน่นน้ำตานองหน้า มือข้างหนึ่งยังคงกำที่ตรวจครรภ์ไว้ไม่ยอมปล่อย
“เป็นอะไรนัท ไหนพูดสิ หยุดร้องไห้แล้วพูด”
เกื้อกูลดึงตัวนภิศาออกจากการกอดรัดเขาแล้วดันหลังให้พิงที่เตียงเพื่อที่จะมองหน้า แต่หญิงสาวยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น เห็นเขามองจ้องมาก็ยิ่งพูดไม่ออก
“นัท! เป็นอะไร ทำไมถึงไม่พูด เธอเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนี้แล้วฉันจะรู้มั้ย”
คนร้อนใจเพราะเป็นห่วงเริ่มอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อถามอะไรออกไปแล้วไม่ได้ความ นอกจากอาการเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายของคนตรงหน้า
“คุณเกื้อ นัท ฮึก นัท…” นภิศาพูดไม่ออก เธอก้มมองที่มือตัวเองก่อนคลายมือที่กำอยู่ออกให้เขาดู
ที่ตรวจครรภ์ขึ้นผลการตรวจสองขีดวางอยู่กลางฝ่ามือนุ่ม แต่ความยินดีไม่ได้เกิดขึ้นในจิตใจของเกื้อกูล ชายหนุ่มนิ่งงันรู้สึกเหมือนอากาศในห้องมีไม่มากพอที่จะให้เขาหายใจ ดวงตาวาวเงยขึ้นสบตานั่นยิ่งทำให้นภิศาใจเสีย เธอโผเข้ากอดเขาไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“คุณเกื้อ นัทขอโทษ คุณเกื้อไม่โกรธนัทใช่มั้ย คุณเกื้อไม่โกรธใช่มั้ย นัทขอโทษนะคะคุณเกื้อ นัทขอโทษ”
“ไปเอาออก”
คำพูดสั้นๆ จากปากเขาแค่คำเดียวทำเอาเสียงร้องไห้คร่ำครวญของนภิศาหยุดลงทันที เธอผละอ้อมกอดจากเขาแล้วเงยมองหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำใสที่คลอขังส่วนที่ล้นขอบตาก็ไหลอาบลงมาตามสองข้างแก้ม มือที่กำที่ตรวจครรภ์ถูกยกมาไว้แนบอกอย่างหวงแหนเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิต แววตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ
“คุณ..คุณเกื้อ ไม่จริงใช่มั้ย เมื่อกี้คุณเกื้อไม่ได้พูด..”
“ฉันพูด ฉันพูดว่าให้เธอไปเอาออก”
เขาตอบออกมาโดยที่ไม่มองหน้า นภิศาถึงกับสิ้นแรงที่จะนั่งให้ตรง เธอเอนหลังพิงที่เตียงอีกครั้ง ขยับถอยห่างเขาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธด้วยเสี่ยงอันสั่นเทา
“ไม่ คุณเกื้อ ไม่ นี่ลูกของนัทนะ ลูกของนัท” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “นัท..นัทจะไม่ทำร้ายเขาอีก นี่ลูกของนัท คุณเกื้อ นี่ลูกของนัท”
บอกกับเขาแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพรากอีกครั้ง สองมือกุมที่ตรวจครรภ์ไว้แนบอกอย่างหวงแหน มองหน้าเขาพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธที่จะทำตามในสิ่งที่เขาบอก เธอจะไม่ทำอีกแล้ว เธอจะไม่ทำร้ายลูกอีกแล้ว ไม่ว่าใครก็จะมาพรากลูกไปจากเธอไม่ได้ เขาเกิดมาแล้ว ลูกของเธอเขาเกิดมาแล้ว เธอจะไม่ทำร้ายเขาอีกเหมือนกับครั้งหนึ่งที่เคยทำ มันเจ็บปวดเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงร่างกายที่ทรมาน แต่หัวใจของเธอก็แตกสลายและร้าวรานไม่ต่างกัน มันคือปมที่ฝังอยู่ในใจมาจนทุกวันนี้ เธอจะไม่ทำมันอีก จะไม่ฆ่าลูกของตัวเองอีกแล้ว
“ฉันบอกให้เธอไปเอาออก”
เกื้อกูลบอกเสียงเยียบเย็นพร้อมกับลุกขึ้นยืน เดินห่างออกมาแล้วหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นอาการคร่ำครวญเจ็บปวดของคนตรงหน้า แต่นภิศาก็ไม่ได้เชื่อฟังเขาอีกแล้ว เธอลุกขึ้นยืนตาม เอ่ยถามเขาออกไปด้วยความผิดหวังและเสียใจอย่างที่สุด
“ทำไมคุณเกื้อถึงได้ใจร้ายแบบนี้ นี่ลูกนะ ลูกทั้งคนนะคุณเกื้อ”
“ลูกแล้วยังไง” เกื้อกูลหันมามองจ้องหน้า เอ่ยออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ “เขายังไม่ได้เกิดมาด้วยซ้ำ ก็แค่ก้อนเลือดก้อนหนึ่ง เธอจะมาอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนา ฉันบอกให้ไปเอาออกก็ต้องไปเอาออก”
“คุณเกื้อ…”
“ไม่ต้องมาคร่ำครวญอะไรอีก พร้อมเมื่อไหร่ก็โทรมา ฉันจะให้คนพาไป”
เอ่ยจบประตูห้องของนภิศาก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของเกื้อกูลที่เดินจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงถ้อยคำที่แสนเลือดเย็นให้คนที่ยังอยู่ข้างในได้เจ็บปวดกับถ้อยความนั้น
นภิศาเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง เธอยังคงกุมที่ตรวจครรภ์เอาไว้แนบอกร้องไห้สะอึกสะอื้น เกื้อกูลจากไปแล้ว จากไปพร้อมกับการบอกให้เธอไปทำแท้งอีกเป็นครั้งที่สอง จากไปพร้อมกับความเฉยเมยเย็นชาที่ไม่แม้แต่จะแสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยทั้งร่างกายและความรู้สึกของเธอ
ในเช้าวันถัดมาเกื้อกูลนั่งอ่านรายงานที่เลขาส่งมาให้ในห้องทำงานที่ออฟฟิศของบริษัท สิบโมงเช้าเขาจะต้องเข้าประชุมกับทีมฝ่ายขาย แต่รายงานที่อ่านไปกลับไม่เข้าหัวเอาซะเลยตั้งแต่เมื่อวานที่เขาจากมาจนกระทั่งถึงตอนนี้นภิศายังคงเงียบหาย เธอไม่ติดต่อกลับมาหาเขาและเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเธอเช่นกัน เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง เรื่องนี้มันเข้าใจยากตรงไหน เคยบอกไปแล้วว่าให้ป้องกันให้ดี แล้วทำไมนภิศาถึงได้ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกจนได้ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาไม่ต้องการหาทางแก้อย่างอื่นนอกจากการที่จะให้นภิศาเอาเด็กออก เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง ไม่ต้องการเลยโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะดังอยู่ครืดๆ ช่วยดึงความคิดของเกื้อกูลออกจากภวังค์ เขาหันไปมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นน้องชายโทร.มาจึงคว้ามากดรับสาย“ว่าไงการุณย์”“พี่เกื้อ นัทเขาไม่มาทำงาน พี่พาเขาไปไหนหรือเปล่า”“เปล่า ฉันมาทำงาน”“เขาไม่ได้โทร.มาลางานก่อนเลยนะพี่ ผมให้คุณปานโทร.หาก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้วด้วย เมื่อ
เสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านทำให้คุณพรประภาหันไปมองที่ต้นทาง ในใจแอบลุ้นว่าเป็นลูกชายคนไหนที่กลับมา ช่วงนี้ดูเหมือนว่าทั้งเกื้อกูลและการุณย์จะดูยุ่งจนลืมทางกลับบ้านกันทั้งคู่ แม้แต่นภิศาเองก็หายไปหลายเดือนแล้ว พอถามจากการุณย์ก็บอกแค่ว่าจะปรับตำแหน่งงานให้น้องเลยส่งไปเรียนภาษาเพิ่มในวันหยุดทำให้ไม่มีเวลามาเยี่ยม แต่บอกเจ้าตัวให้แล้วว่าท่านถามหาส่วนเกื้อกูลก็เงียบหายไม่ต่างกัน จากปกติที่กลับบ้านอยู่บ้างอาทิตย์ล่ะสองสามวัน แต่ที่ผ่านมาแทบจะกลายเป็นเดือนละครั้ง ถ้าคุณเกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาไม่เรียกหาก็ยากที่จะได้เจอตัว“ว่าไงล่ะ วันนี้ลมอะไรหอบมา แม่จะได้ไปขอบคุณพระพายท่านที่ได้เอาลูกชายมาส่ง”ทันทีที่เห็นว่าคนที่เดินเข้าบ้านมาคือการุณย์ คุณพรประภาเองก็เอยถามอย่างประชดประชันออกไปทันที มีลูกชายถึงสองคน แต่ก็เหมือนไม่มีใคร พอจะมีลูกสาวกับเขาบ้างเจ้าลูกชายคนเล็กก็ส่งน้องไปเรียนเพิ่มจนไม่มีเวลาให้ท่านอีกเช่นกัน แบบนี้มันน่าน้อยใจน้อยเสียเมื่อไหร่“ไม่มีลมอะไรหอบมาหรอกครับคุณแม่ ผมมีธุระนิดหน่อย ว่าจะมาหาพี่เกื้อเขากลับมาบ้านบ้างหรือเปล่าครับ”“อ้าว! ทำไมไม่โ
การุณย์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายด้วยความรีบร้อน เขามีข่าวความคืบหน้าใหม่มาบอกแก่เกื้อกูลถึงคนที่พวกเขาพยายามตามหากันมาหลายเดือน“ว่ายังไงบ้างการุณย์ ได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย”“เจอแล้วครับพี่เกื้อ นักสืบที่เราจ้างไปเขาเจอที่อยู่ของนัทและเจอตัวนัทด้วยครับ”คนเป็นน้องตอบมาพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ เกื้อกูลเอื้อมจับมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขานั่งลงที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน แกะซองกระดาษออกแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมารูปถ่ายของผู้หญิงท้องกลมโตใกล้คลอดในชุดคลุมสีหวาน กำลังทำงานอยู่ในคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง รูปที่เธอเดินตลาด และภาพคอนโดฯที่เธอพักอาศัยอยู่ เกื้อกูลใช้มือคลี่รูปออกกระจายจนเต็มโต๊ะ ไล่ดูทีละภาพด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คนในรูปคือนภิศาอย่างแน่นอน เขาจำเธอได้แม้ว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไป“การุณย์นัทสบายดีใช่มั้ย”เขาเอ่ยถามน้องชายออกไป ในใจภาวนาว่าขอให้เธอยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี หวังว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเธอ“นักสืบที่จ้างไปบอกว่าเธอสบายดีครับ อ๋อแล้วก็นี่”การุณย์หยิบรูป
เช้าวันใหม่นภิศาเดินลงมาจากคอนโดฯที่พัก นอกจากจะเห็นขวัญฤทัยที่มารับแล้ว ยังพบว่าอินทรก็อยู่ด้วย“คุณเกื้อให้พี่มารับนัทไปทำงาน”เขารีบออกตัวทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามาหา ขวัญฤทัยมองหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายแล้วนภิศาก็ให้อินทรขับรถตามรถของขวัญฤทัยไปเหมือนเดิม เธอจะไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ จากเกื้อกูลอีกเด็ดขาดตกเย็นหลังเลิกงานอินทรหายไปแล้ว พอเห็นว่าเธอไม่ให้มารับมาส่งเจ้านายของเขาคงเรียกตัวกลับ คนอย่างเกื้อกูลน่ะเหรอจะมาใส่ใจเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ หรอกโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยอยู่ในสถานะเมียบำเรออย่างเธอคิดไปแล้วความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาคลอ ในเมื่อเธอหนีออกมาแล้วจะมาตามกันอีกทำไม ตามแค่พอให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้คิดจะมาใส่ใจกันจริงๆ เลยอย่างนั้นเหรอ เขาไม่ใช่แค่ไม่รักลูก แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย แค่เสียดายของ แค่ไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่งก็เท่านั้นนภิศาหันหน้าหนีมองออกนอกตัวรถแอบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อในตอนที่ขวัญฤทัยขับรถมาส่งเธอในตอนเย็นหลังเลิกงาน หลังจากเพื่อนร่วมงานผู้ใจดีกลับไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาในตัวตึกเพื่อ
“กอดกับเมียคนอื่นมันรู้สึกดีมากหรือเปล่าครับคุณหมอ”เสียงเยียบเย็นเอ่ยถามขึ้น ไม่ได้อยากรู้แต่แค่อยากบอกว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ สามีของนภิศา คนที่มีสิทธิ์ที่จะโอบกอดเธอได้มีแค่เขาคนเดียว“คุณเกื้อ”นภิศามองไปที่เกื้อกูลดวงตาเบิกโพลง ทั้งเธอและชิดชลผละออกจากกันในทันทีที่ได้ยินเสียง คุณหมอหนุ่มมองดูผู้มาใหม่อย่างพิจารณาก่อนจะหันมามองที่นภิศาที่ยืนอยู่ข้างตัว ชายคนนี้คงเป็นสามีของเธอ คนที่หญิงสาวพึ่งบอกกับเขาว่าเป็นพ่อที่ไม่ต้องการลูกและบอกให้คนเป็นภรรยาทำร้ายลูกของตัวเองได้ลงคอ“กลับบ้าน”นั่นเป็นคำพูดเดียวที่เกื้อกูลนึกออก ไม่ต้องมีอะไรอ้อมค้อมหรือพิธีรีตองอะไรกันอีกแล้ว นภิศาเป็นเมียเขา เธอต้องกลับไปกับเขา หมดเวลาวิ่งไล่จับกันสักที และหมดเวลาที่ผู้ชายคนอื่นจะมาแตะต้องเมียเขาได้อีกเกื้อกูลเดินเข้าไปหาแต่นภิศาถอยไปหลบอยู่หลังชิดชล ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ออกตัวกันเธอให้ห่างจากเขาเช่นกัน นั่นทำให้คนที่พึ่งจะอ้างตัวว่าเป็นสามีถึงกับหน้าตึง“กลับบ้านนัท”“ดูเหมือนว่าเธ
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของนภิศาอยู่ในการดูแลของคุณพยาบาลในแผนกดูแลเด็กอ่อน ส่วนคนเป็นแม่ก็นอนหลับอยู่ในห้องพักฟื้น คุณหมอชิดชลกลับไปแล้ว อินทรและน้ำพลอยถูกสั่งให้ไปจัดหาของใช้สำหรับเด็กมาให้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เกื้อกูลกับนภิศาอยู่ด้วยกันในห้องพักเพียงลำพังสองคนชายหนุ่มนั่งมองแม่ของลูกอยู่เงียบๆ ในหัวของเขากำลังเตรียมคำพูดมากมายเพื่อจะคุยกับเธอในตอนที่ตื่น จะทำยังไงถึงจะพานภิศาและลูกกลับไปอยู่ที่บ้านได้ จะต้องพูดยังไงเธอถึงจะยอมไปกับเขา คำพร่ำพรรณนามากมายมันคงใช้ไม่ได้หรอกสำหรับความผิดของเขาในครั้งนี้เกื้อกูลคว้ามือบางของคนที่กำลังหลับมาจับไว้ในอุ้งมือ เขาลูบไล้มือนั้นเบาๆ อย่างแสนรักแล้วจูบลงด้วยความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นหัวใจ เขาทำผิดต่อเธอมากมาย เขาทำร้ายความรู้สึกเธออย่างมหันต์ จะมีสิ่งใดเล่าที่จะชดเชยในความผิดครั้งนี้ของเขาได้ เขาจูบลงที่หลังมือของเธออีกครั้งแล้วหันไปมองหน้าของคนที่คิดว่าหลับอยู่ แต่กลับเจอสายตาว่างเปล่าที่กำลังมองมา นภิศาเห็นการกระทำนั้นของเขาอยู่ตลอด เธอไม่ดึงมือออก ไม่ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่ก็ไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาที่จ้องมองมาโดยไร้ความยินดี“ตื่น
“เป็นยังไงบ้างเกื้อ แล้วนี่นัทล่ะ ไหนว่าไปรับเมียกับลูกมาบ้าน”คุณพรประภารีบเดินเข้ามาหาทันทีที่เห็นลูกชายกลับมาถึงบ้าน ท่านจัดเตรียมห้องนอนเดิมของนภิศาไว้สำหรับทำเป็นห้องเด็กไว้อย่างดิบดี ทั้งเสื้อผ้าของใช้เตรียมไว้อย่างล้นเหลือ นับนาทีรอหลานตั้งแต่ที่เกื้อกูลออกจากบ้านเลยทีเดียว เพราะเขาบอกว่าจะไปรับนภิศากับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน“หมอให้ออกพรุ่งนี้ครับ เด็กยังมีภาวะตัวเหลือง คุณหมอเลยให้อยู่อีกคืน”“แล้วใครอยู่เป็นเพื่อน ยายพลอยอีกเหรอ”“ครับ”“แล้วทำไมเกื้อไม่อยู่เป็นเพื่อนน้อง”คนเป็นแม่ถามออกมาเป็นเชิงตำหนิ ในเมื่อยอมรับว่านภิศาเป็นเมีย ลูกที่คลอดออกมานั่นก็ลูกตัวเอง แล้วทำไมเกื้อกูลถึงได้ปล่อยให้เมียและลูกอยู่ที่โรงพยาบาลกันเองโดยมีแค่แม่บ้านเฝ้าอยู่อย่างนั้น“มีงานเร่งเหรอ หรือยังไง แต่ก็ไม่เห็นจะไปทำงานนี่ พ่อเขาก็เข้าไปดูงานให้แล้ว แล้วทำไมถึงไม่ไปอยู่กับนัทเขาที่โรงพยาบาล”“เขาไม่ให้ผมอยู่ด้วยครับ”เกื้อกูลบอกมาท่าทางอึดอัด เขาถอนหายใจหนักแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้กับมารดา“นัทเขาไล่ผมทุกครั้งที่เจอหน้า
เสียงรถที่ขับเข้ามาทำให้สมาชิกในบ้านประชาพิพัฒน์ต่างพากันออกมายืนออรอดูเพราะเข้าใจว่าเกื้อกูลไปรับนภิศาและลูกกลับมาที่บ้าน แต่พอเห็นเขาอุ้มลูกลงจากรถมาคนเดียวก็แปลกใจ“เกื้อ แล้วหนูนัทล่ะ เอาลูกเขามาแล้วแม่เขาไปไหน”คุณพรประภารีบวิ่งไปรับเอาหลานมาจากลูกชาย มองเข้าไปในรถก็ไม่เห็นใคร แม้แต่ของใช้เด็กก็ไม่มี จึงอดที่จะถามไม่ได้“ทำไมนัทถึงไม่มาด้วย”“เดี๋ยวเขาก็ตามมาครับ”ตอบเพียงแค่นั้นแล้วบอกให้มารดาพาลูกเข้าไปในบ้านด้วยเด็กน้อยเริ่มร้องอ้อแอ้งอแงเพราะไม่ได้กินนม ส่วนตัวเขาเองยังคงยืนรอที่หน้าบ้านอยู่อย่างนั้น มั่นใจว่ายังไงอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงนภิศาจะต้องตามเขามาถึงที่นี่อย่างแน่นอนและก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถเก๋งสีขาวมาจอดหน้าบ้าน ถึงไม่บอกก็รู้ว่ารถใครเพราะคนที่เขายืนรอกำลังกดกริ่งหน้าบ้านย้ำๆ ซ้ำๆ ในทันทีที่ลงจากรถมาได้เกื้อกูลเดินไปรอที่ทางเดินเข้าบ้าน ทันทีที่นภิศามาถึงตัว ใบหน้าของเขาก็หันขวับเจ็บแปลบที่สันกรามและข้างแก้มขึ้นมาทันทีจากแรงตบของเธอ“คนเลว เอาลูกฉันคืนมานะ”น้ำพลอ
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ
“ลูกหลับแล้วเหรอ”“ก็หลับแล้วน่ะสิ ป่านนี้แล้ว คุณออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวน้องกานต์ตื่น”บอกพร้อมกับดันให้เขาถอยหลังแต่เกื้อกูลไม่ยอมไป นอกจากไม่ยอมเขยื้อนไปไหนแล้วยังคว้าเอาเอวบางเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเธอจนดังฟอด“คุณเกื้อ! ปล่อยนะ ถ้าเมาแล้วก็กลับไปนอนห้องตัวเองอย่ามาทำแบบนี้นะ”“ก็รักเมีย จูบแก้มเมียแล้วผิดตรงไหน” เอ่ยจบก็ก้มลงจูบแก้มเธออีกทั้งสองข้าง ทำเอานภิศาต้องหลีกหลบเป็นพัลวัน“คุณเกื้อ อย่ามาทำแบบนี้ กลับไปนอนห้องตัวเองเดี๋ยวนี้นะ”“ทำไมชอบไล่ ทีกับหมอชิดชลไม่เห็นจะไล่แบบนี้”“ก็เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบที่คุณเกื้อกำลังทำอยู่นี่”“หึ ก็ลองมาทำดูสิ ฉันจะขับรถชนให้ตายคารั้วบ้านเลย”“บ้า! ทำไมพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ออกไปเลยนะ นัทจะนอน”“ก็บอกว่าไม่ไป จะนอนด้วย”เกื้อกูลไม่พูดเปล่า เขาก้มลงช้อนเอาร่างบางของนภิศาขึ้นมาอุ้มจนหญิงสาวเผลอหวีดร้องด้วยความตกใจ“คุณเกื้อ!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เล
ตกเย็นวันเดียวกัน หลังกลับจากทำงานเกื้อกูลกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าคุณหมอชิดชลมาหานภิศาอีกแล้วก็ไม่พอใจ“มันจะมาหาลูกเมียคนอื่นอะไรนักหนาได้ทุกวี่ทุกวันวะ”แค่เห็นรถก็หงุดหงิดจนอยากจะเตะรถประชดเจ้าของมันให้ยางแตกไปสักล้อแทนที่จะเดินขึ้นห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เกื้อกูลก็เลือกที่จะเข้ามาในห้องรับแขกเพื่อยืนดูลูกเมียตัวเองกับคุณหมอชิดชลที่นั่งอยู่ตรงเฉลียงแทน“พี่มาทุกวันแบบนี้คุณเกื้อเห็นเขาคงไม่พอใจแน่ๆ ใช่มั้ย”คุณหมอชิดชลเอ่ยถามขณะที่ป้อนกล้วยให้หลานที่นั่งอยู่บนตัก“ก็มีบ้างค่ะ ส่วนมากก็แค่บ่นประชดใส่นัท แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรมากเพราะกลัวว่านัทจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น แล้วนี่พี่ชลมีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหานัทวันนี้อีก อย่าบอกนะว่ามาเล่นกับน้องกานต์ คลินิกพี่ชลกับบ้านคุณเกื้อไม่ได้ใกล้กันเลยนะคะ”หญิงสาวตั้งข้อสังเกต เพราะปกติชิดชลจะมาเยี่ยมเธอกับลูกเดือนละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เพราะนอกจากจะอยู่ไกลกันแล้วตัวเขาเองก็งานยุ่งมาก“พี่มีธุระจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มาอีกวันนี้”“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่ชลดูจริงจังจัง
เกื้อกูลลงมาจากห้องทันมื้อเช้าของพ่อกับแม่พอดี แต่เขามีงานด่วนต้องรีบไปเลยขอแค่กาแฟกับขนมปัง ส่วนการุณย์ยังคงละเลียดอยู่กับข้าวต้มปลาอ้อยอิ่ง ดูไม่รีบไม่ร้อน กินไปไถดูมือถือไปจนคนเป็นพี่ชักเริ่มขัดตา“วันนี้ไม่มีธุระไปไหนเหรอ”“มีตอนบ่าย เดี๋ยวตอนเช้าจะอยู่เล่นกับเจ้าอ้วนก่อน”ตอบพี่ชายแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ลืมนึกไปว่าจี้ใจดำเข้า จึงเงยมองหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้“อดทนอีกนิดเดียวน่าพี่ นี่แป๊บๆ เจ้าลูกหมูของพี่ก็ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยก็คลาน อีกหน่อยก็วิ่ง พอวิ่งได้ก็ครบขวบพอดี เดี๋ยวพี่ก็จะได้อุ้มแล้ว”การุณย์พยายามปลอบใจพี่ชาย ทำไงได้ก็ดันไปทำร้ายๆ กับเขาไว้หนักขนาดนั้น ดีเท่าไหร่ที่นภิศายังยอมอยู่ที่บ้านนี้ให้ได้เห็นหน้าลูกบ้างยังไม่ทันที่เกื้อกูลจะได้ตอบโต้น้อง เสียงกำไลข้อเท้าเด็กกรุ๊งกริ๊งๆ ก็ดังมาให้ได้ยิน เพียงเท่านั้นใบหน้าเฉาๆ ของเขาก็ผ่องขึ้นเหมือนทานตะวันได้แดด เกื้อกูลรีบหันขวับไปยังที่มาของเสียงเห็นนภิศากำลังอุ้มลูกเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอคงจะพาน้องกานต์ไปนั่งกินข้าวที่เฉลียงติดแปลงกุหลาบของคุณพ
เกื้อกูลยืนนิ่งอยู่ข้างหัวเตียงภายในห้องนอนของเขาเอง ในมือเขามีสร้อยคอทองคำขาวที่เคยซื้อให้นภิศาเป็นของขวัญ สร้อยคอที่มีจี้รูปหัวใจสลักชื่อของเขาไว้ที่ด้านหลัง สร้อยเส้นเล็กๆ ที่คนเป็นเจ้าของถอดทิ้งเอาไว้ไม่ไยดี เขาอยากจะเอาสร้อยเส้นนี้ไปคืนให้เธอใส่ไว้เหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวว่าหญิงสาวจะไม่รับ ปกตินภิศาใส่สร้อยเส้นนี้ติดตัวไว้ตลอด แต่จนถึงตอนนี้เธอถอดมันทิ้งเป็นเวลาครบปีพอดีเกื้อกูลยืนชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจ เขาเอาสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดลิ้นชักหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีเทาผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันแต่อ่อนกว่ายัดใส่กระเป๋ากางเกง ตบปุๆ อยู่สองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของสิ่งนั้นจะไม่ส่งเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไปเสียงเคาะประตูทำให้นภิศาที่นอนเล่นกับลูกอยู่บนเตียงหันไปมอง ปกติถ้าเป็นน้ำพลอยเธอจะต้องได้ยินเสียงเรียก แต่นี่เคาะแล้วยังคงเงียบเธอเลยร้องถามขึ้น“ใครคะ”“ฉันเอง”“...”“นัท เปิดประตูให้หน่อย”“นัทห้ามไม่ให้คุณเกื้อเข้ามาในห้องนี้ จำไม่ได้เหรอคะ”“จำได้ แต่มีธุระ เปิดให้หน่อย”นภิศาหันมอ
ตั้งแต่วันนั้นเกื้อกูลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของนภิศาอีกเลย หรือแม้แต่การไปแจ้งเกิดลูกเธอก็ไม่ให้เขาพาไปและไม่ยอมให้ใครไปทำแทนทั้งนั้น จึงเป็นการุณย์ที่อาสาขับรถให้ ส่วนน้องกานต์ก็ถูกฝากไว้ที่คุณพรประภาผู้เป็นย่าแต่ถึงอย่างนั้นนภิศาก็ไม่ได้ระแวงว่าเกื้อกูลจะแอบมาจับมาอุ้มลูกในวันที่เธอไม่อยู่ เพราะเท่าที่ได้รู้จักกับเขามาชายหนุ่มเป็นคนที่ถือมั่นในสัจวาจาเป็นอย่างดี และถ้าหากเขาผิดกติกาถ้าเธอรู้เธอก็จะไม่ยอมผ่อนผันให้เขาอย่างเด็ดขาด ถ้าแตะต้องลูกเมื่อไหร่ เธอจะไปจากบ้านนั้นทันที และเกื้อกูลก็ย่อมรู้ดีว่าเธอเอาจริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากในตอนนี้ผ่านไปห้าเดือนเจ้าหนูชลกานต์โตวันโตคืนอวบอ้วนจ้ำม่ำจนน่าฟัด ใครเห็นก็อยากจับอยากอุ้ม โดยเฉพาะคนเป็นอาที่เห่อหลานเอามากๆ ก่อนไปทำงานถ้าเห็นว่าเจ้าตัวเล็กออกมาจากห้องนอนแม่ก็มักจะแวะเล่นหยอกล้อเสียทุกครั้ง หรือแม้แต่ตอนเลิกงาน เสื้อผ้ายังไม่ผลัดไม่เปลี่ยน ก็วิ่งหาหลานรักก่อนทุกทีจนคนเป็นพี่อิจฉาวันนี้ก็เช่นกัน เกื้อกูลกับการุณย์เลิกงานกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เสียงอ้อแอ้ๆ ของเจ้าหนูชลกานต์ที่อ
เสียงอ้อแอ้ของเด็กเล็กทำให้บ้านประชาพิพัฒน์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก จากปกติที่คุณพรประภาจะตื่นขึ้นมาชื่นชมกุหลาบในแปลงที่สรรหามาปลูกไว้หลากสายพันธุ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่สนใจ พอตื่นเช้ามาก็มุ่งหน้ามาที่ห้องนอนของลูกสะใภ้อุ้มเอาหลานชายตัวจ้อยไปชมสวนนภิศาใจชื้นขึ้นมามากที่เห็นคุณแม่ของเกื้อกูลเอ็นดูและรักใคร่ลูกของเธอ และไม่บังคับหรือโต้แย้งในสิ่งที่เธอร้องขอจากลูกชายของท่าน“ตอนกลางคืนเป็นยังไงบ้างนัท น้องกานต์งอแงมากมั้ย”คุณพรประภาหันมาถามแม่ของหลานชายที่เดินตามมาข้างหลัง สองมือที่อุ้มหลานก็เขย่าคลอนกล่อมให้หลับอยู่แนบอก“มีบ้างค่ะ แต่พอให้กินนมแล้วก็หาย หลับต่อไปได้อีกพัก”“ไหวมั้ย ให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนมั้ย เด็กอ่อนตื่นทั้งคืน ถ้าไม่ไหวให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนดีกว่า ปั๊มนมไว้แล้วสลับกับพลอยช่วยกันดูก็ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากดูลูกเองมากกว่า”“แล้วน้ำนมล่ะ พอให้ลูกมั้ย”“พอค่ะ เหมือนจะออกมาเยอะด้วย”“ดีเลย งั้นเดี๋ยวให้ยายพลอยไปซื้อที่ปั๊มนมมาให้ จะได้ปั๊มเก็บไว้ แบ่งกินขวดบ้างนั่นแหละ คนเป็นแม่จะได้พักบ้าง แรกๆ อาจจะไม
คำตอบนั้นของนภิศาทำเอาเกื้อกูลที่ยืนฟังอยู่ถึงกับตาเบิกโพลง แม้แต่ชิดชลเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าติดกังวลของเกื้อกูลดูสว่างขึ้นในทันตา เขากำลังจะก้าวเข้าไปหาแต่นภิศาสั่งห้ามเอาไว้“อย่าเข้ามาค่ะ”ทันทีที่ถูกสั่งห้าม ขาที่กำลังก้าวของเกื้อกูลก็หยุดชะงัก หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ“นัทจะอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้”“อะไร”“อย่างแรก คุณเกื้อต้องขอโทษพี่ชลก่อนค่ะ”ชิดชลหันไปมองหน้า เห็นเกื้อกูลมองมาที่เขาตาขวาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะได้ยินคำขอโทษจากพ่อของลูกนภิศา เกื้อกูลจ้องหน้าเขาอยู่สักพักก็เอ่ยขอโทษคุณหมอชิดชลอย่างเสียมิได้ และไม่ค่อยจะเต็มใจนัก“ขอโทษ”คุณเกรียงศักดิ์เห็นอย่างนั้นก็หันมองหน้าภรรยา เห็นคุณพรประภานั่งเฉยตัวท่านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเขาพูดคุยกันเอาเอง ส่วนการุณย์ก็หลบฉากออกไปนานแล้ว“อย่างที่สอง”เมื่อเห็นว่าปัญหาชกต่อยที่เกื้อกูลทำกับชิดชลถูกเคลียร์ไปได้ นภิศาก็เอ่ยข้อแม้ข้อที่สองขึ้นมาทันที&