ในเช้าวันถัดมาเกื้อกูลนั่งอ่านรายงานที่เลขาส่งมาให้ในห้องทำงานที่ออฟฟิศของบริษัท สิบโมงเช้าเขาจะต้องเข้าประชุมกับทีมฝ่ายขาย แต่รายงานที่อ่านไปกลับไม่เข้าหัวเอาซะเลย
ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาจากมาจนกระทั่งถึงตอนนี้นภิศายังคงเงียบหาย เธอไม่ติดต่อกลับมาหาเขาและเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเธอเช่นกัน เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง เรื่องนี้มันเข้าใจยากตรงไหน เคยบอกไปแล้วว่าให้ป้องกันให้ดี แล้วทำไมนภิศาถึงได้ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกจนได้
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาไม่ต้องการหาทางแก้อย่างอื่นนอกจากการที่จะให้นภิศาเอาเด็กออก เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง ไม่ต้องการเลย
โทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะดังอยู่ครืดๆ ช่วยดึงความคิดของเกื้อกูลออกจากภวังค์ เขาหันไปมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นน้องชายโทร.มาจึงคว้ามากดรับสาย
“ว่าไงการุณย์”
“พี่เกื้อ นัทเขาไม่มาทำงาน พี่พาเขาไปไหนหรือเปล่า”
“เปล่า ฉันมาทำงาน”
“เขาไม่ได้โทร.มาลางานก่อนเลยนะพี่ ผมให้คุณปานโทร.หาก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้วด้วย เมื่อวานนี้ไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ไปดูเขาบ้างหรือยัง”
“ไปแล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เกื้อกูลบอกปัดน้องชาย เพราะไม่อยากให้เขารู้เรื่องที่นภิศาตั้งครรภ์
“แต่นัทเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ เดี๋ยวผมจะไปดูเขาที่ห้อง”
“ไม่ต้องไป!”
“พี่ นี่พี่ไม่คิดจะเป็นห่วงนัทเขาบ้างเลยเหรอ”
“แล้วนายล่ะ เป็นห่วงเขามากนักหรือไง”
“เป็นห่วงสิ เป็นห่วงมากด้วย น้องสาวผมทั้งคนทำไมผมจะไม่เป็นห่วง ว่าแต่พี่เองเถอะ ไม่คิดจะเป็นห่วงเป็นใยเขาบ้างเลยเหรอ นัทเขาเป็นเมียพี่นะ”
เอ่ยจบการุณย์ก็กดตัดสายไป เกื้อกูลนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่สักพักจึงลองกดโทร.ออกหานภิศาแต่ปรากฏว่าปลายสายติดต่อไม่ได้จริงอย่างที่การุณย์บอก จากเหตุการณ์เมื่อวานและอาการที่นภิศาแสดงออกมันทำให้ความรู้สึกบางอย่างวิ่งผ่านเข้ามาในใจจนไหววูบ
เกื้อกูลลุกเดินออกจากห้องทำงาน สั่งเลขาให้เลื่อนประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด คนขับรถวิ่งตามทันทีที่เห็นเขาเดินมาแต่เขาขอแค่กุญแจรถแล้วขับออกไปเองคนเดียว
การุณย์ยืนโต้เถียงอยู่กับ รปภ.ของคอนโดฯเพื่อขอขึ้นไปที่ห้องของนภิศานานมากแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเกื้อกูลมาถึง
“พี่เกื้อ”
ชายหนุ่มรีบวิ่งตามพี่ชายไปทันทีด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน เขาดีใจที่เกื้อกูลแสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยนภิศาบ้างแต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ว่าตอนนี้หญิงสาวจะเป็นยังไง อาการป่วยที่เขาเห็นเมื่อวานมันหนักหนามากเลยหรือถึงไม่ไปทำงานและไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย
เมื่อขึ้นมาถึงหน้าห้องเกื้อกูลก็รูดคีย์การ์ดเข้าไปทันที ภายในห้องพักในส่วนของห้องนั่งเล่นว่างเปล่าไร้ตัวตนของคนเป็นเจ้าของ เขาตรงไปที่ห้องนอนเปิดออกดูก็ว่างเปล่าอีกเช่นกัน เป้าหมายสุดท้ายคือห้องน้ำ ในใจของเกื้อกูลภาวนาว่าขอให้เจอว่านภิศาอยู่ในนั้น แต่เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ก็ไร้เสียงตอบรับจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป แต่ก็ไร้วี่แววของคนที่เขากำลังตามหาอีกเช่นเคย ชายหนุ่มกลับออกมาดูที่เตียงนอนอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดดูอะไรการุณย์ก็เดินมาบอกว่ากระเป๋าใบที่นภิศาใช้ประจำหายไป แต่เจอสร้อยคอที่เห็นเธอใส่อยู่ตลอดเวลาถอดวางไว้ที่หน้ากระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง
หัวใจของเกื้อกูลหล่นวูบ สร้อยคอเส้นนี้เขาเป็นคนซื้อให้ โดยที่เธอเป็นคนเลือกลายเองกับมือ
“คุณเกื้อคะ นัทขอเป็นจี้รูปหัวใจได้มั้ย แล้วให้ร้านเขาสลักชื่อคุณเกื้อไว้ที่ด้านหลังให้ด้วยได้หรือเปล่า”
“มันเป็นสร้อยเธอ จะสลักชื่อฉันไว้ทำไม”
“นัทอยากมีหัวใจของคุณเกื้อไว้กับตัวนี่คะ”
รอยยิ้มดีใจของเธอในวันนั้นเขายังจำได้หลังจากที่อนุญาตให้เธอได้ตามที่ขอ และหลังจากวันนั้นเขาก็เห็นสร้อยเส้นนี้ห้อยอยู่ที่คอของหญิงสาวตลอดเวลานับตั้งแต่วันที่เขาซื้อให้จนถึงวันนี้มันสามปีแล้ว
เขาเปิดดูลิ้นชักที่ตู้ข้างเตียงก็ไม่เห็นเอกสารสำคัญอะไรที่เธอเคยเก็บไว้ พอไปเปิดดูที่ตู้ใต้เตียงก็เห็นว่ากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอหายไป ชายหนุ่มทรุดนั่งลงที่เตียงสองมือลูบหน้าแล้วถอนหายใจหนักหน่วง
“พี่เกื้อ มันเกิดอะไรขึ้น นัทหายไปไหน แล้วทำไมถึงหายไป”
“อย่าพึ่งถามได้มั้ย ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“จะไม่ให้ถามได้ยังไง คนหายไปทั้งคน มิหนำซ้ำยังไม่สบายอีก เกิดอะไรขึ้นพี่ พี่กับนัททะเลาะกันเหรอ ไม่..ไม่ใช่ นัทเขารักพี่จะตาย ต่อให้ทะเลาะกันยังไงเขาก็ไม่มีทางหนีพี่ไปหรอก”
“การุณย์รู้จักเพื่อนของนัทบ้างมั้ย มีใครบ้างที่เขาพอจะไปหาได้”
“ไม่ ผมไม่รู้จักเลย พี่ล่ะ”
“เคยเห็นแค่บางคนแต่ไม่มีเบอร์ติดต่อ แล้วก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนด้วย”
“หรือว่านัทเขาอาจจะกลับไปหาแม่เขาที่ต่างจังหวัดหรือเปล่าพี่ อาจจะมีอะไรเร่งด่วนเลยไม่ได้บอกเราหรือเปล่า”
“ไม่หรอก”
เกื้อกูลตอบปฏิเสธเพราะรู้ดีว่านภิศาไม่มีทางกลับไปที่บ้านอย่างเด็ดขาด เธอหนีจากเขา เธอจะต้องไม่กลับไปที่บ้านแม่ของเธอแน่ๆ
“พี่รู้ได้ไง ทำไมถึงได้คิดว่าเขาจะไม่ได้ไปที่บ้านแม่ของเขา”
“เพราะนัทเขากำลังหนีพี่อยู่” เกื้อกูลตอบน้องชายโดยไม่หันไปสบตา สองมือกุมหน้าอย่างใช้ความคิด
“หนี! หนีทำไม พวกพี่มีปัญหาอะไรกันรุนแรงถึงขนาดที่นัทเขาจะต้องหนีพี่ไปเลยงั้นเหรอ”
“นัทเขาท้อง”
“หะ..ห๊ะ!” การุณย์ตะลึงงันเพราะคิดไม่ถึง ถ้าอย่างนั้นอาการของนภิศาที่ไม่สบายเมื่อวานนี้คืออาการแพ้ท้องอย่างนั้นเหรอ
“แล้ว..ท้องแล้วทำไมต้องหนี ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้เรื่องนี้พวกท่านต้องดีใจแน่ๆ”
“ฉันให้เขาไปเอาลูกออก”
“พี่เกื้อ!! นี่พี่จะบ้าไปแล้วเหรอ นั่นลูกพี่นะ พี่บอกให้นัทเขาไปทำแท้งเหรอ พี่ทำอย่างนั้นได้ยังไง”
“ฉันไม่อยากให้เขาท้องนายก็รู้ ฉัน...”
เกื้อกูลหลับตานิ่งถอนหายใจหนัก พยายามควบคุมสติตัวเองไม่ให้ว้าวุ่นไปมากกว่านี้ ตอนนี้เขาเป็นกังวลไปหมด ทั้งเป็นกังวลแล้วก็กลัว เขาเอื้อมมือไปจับมือน้องชายแล้วเอ่ยบอกอย่างขอร้อง
“การุณย์ นัทเขากำลังท้อง และเขาก็คงจะมีอาการแพ้ท้องด้วย ช่วยพี่ที ช่วยพี่หาเขาที”
มือของพี่ชายที่แตะสัมผัสมันเย็นและสั่นจนการุณย์รู้สึกได้ เกื้อกูลรักนภิศาจริงๆ สินะถึงได้เป็นอย่างนี้ ที่ไม่อยากให้ท้องก็คงเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
“พี่ใจเย็นๆ ก่อน ผมจะช่วยหา นัทเขาคงไม่เป็นอะไรหรอก เขาแข็งแรงดีจะตาย”
“ตอนนั้นเอื้อมดาวก็แข็งแรงดี”
หลังจากตัดสินใจหนีออกมาจากเกื้อกูลนภิศาก็ไม่รู้จะไปที่ไหน จะกลับบ้านก็ไม่ได้เพราะกลัวว่าเขาจะตามไป หญิงสาวเลือกที่จะโทรหากนกรัตน์เพื่อนสนิทที่สุดในจำนวนไม่กี่คนที่เธอมีอยู่
“นัท นัทแน่ใจเหรอว่าจะไม่อยู่กับเราที่บ้านจริงๆ”
กนกรัตน์เอ่ยถามย้ำมาอีกครั้งหลังจากที่เธอได้คุยกันถึงเรื่องที่นภิศามาขอความช่วยเหลือและคุยกันถึงเรื่องที่พักอยู่หลายรอบแล้ว
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน และยิ่งรู้ว่านภิศากำลังท้องเธอยิ่งไม่อยากให้ไปอยู่ไกลหูไกลตา แต่นภิศาก็ยืนยันว่าจะไปอยู่ที่อื่นให้ได้เพราะไม่อยากรบกวน กนกรัตน์จึงพาเธอมาดูคอนโดฯของพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ประกาศปล่อยเช่าอยู่พอดี
“ไม่หรอกหนูดี แค่นี้เราก็รบกวนมากแล้ว อีกอย่างเธอเองก็กำลังจะแต่งงาน อีกไม่นานก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านแฟนไม่ใช่เหรอ”
“แต่ถึงอย่างนั้นเราก็อดเป็นห่วงไม่ได้นี่ แล้วนี่ถ้าคุณเกื้อเขามาตามหานัทกับเราจะให้เราตอบว่ายังไง แล้วเขารู้หรือเปล่าว่านัทท้อง”
“รู้ แต่เขาไม่ตามมาหรอก เขาไม่รักลูก”
“ทำไมถึงว่าอย่างนั้น ทะเลาะกันหนักมากเลยเหรอ นัทถึงได้หนีเขามาแบบนี้”
ถามออกไปแล้วก็อยากจะหยิกตัวเองให้เนื้อเขียว เพราะสีหน้าของเพื่อนสลดลงเลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“เออนี่ แล้วนี่นัทจะทำยังไงต่อ ย้ายออกมาแบบนี้แล้วงานล่ะ ได้งานใหม่หรือยัง เราฝากงานให้เอามั้ย พี่ชลๆ” ถามเองเออเองแล้วหันไปเรียกพี่ชายที่เป็นเจ้าของห้องให้หันมาสนใจที่ตนกับเพื่อน
“มีอะไรหรือเปล่าหนูดี”ชิดชลชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวหน้าตี๋ออกไปทางเชื้อสายจีนหันมาที่น้องสาวและเพื่อนน้องสาวทันทีที่ถูกเรียก
ในระหว่างพักเบลคหลังจบเคสรอบบ่ายโทรศัพท์ของคนเป็นน้องสาวก็โทร.เข้ามาพอดีแล้วบอกว่าสนใจจะเช่าห้องที่ประกาศไว้เขาจึงได้รีบออกมา พอมาถึงก็เห็นว่าคนที่ต้องการเช่าคือเพื่อนของน้องสาวที่เขาไม่คุ้นหน้าแต่ต้องตาจนอดที่จะมองไม่ได้
“คลินิกพี่ชลรับพนักงานเพิ่มหรือเปล่า หนูดีฝากนัทไปทำงานด้วยสิ”
ชิดชลเป็นทันตแพทย์โรงพยาบาลเอกชน และมีคลินิกทันตกรรมเป็นของตัวเองเปิดอยู่ไม่ไกลจากคอนโดฯนี้เท่าไหร่นัก แต่ที่ต้องปล่อยเช่าเพราะมารดาของเขาไม่ค่อยแข็งแรงตัวเขาเองเลยเลือกที่จะกลับไปอยู่ที่บ้าน ถึงจะไกลหน่อยแต่ก็มีเวลาได้อยู่กับท่านมากขึ้น
คำถามของน้องสาวทำเอาคุณหมอเจ้าของคลินิกรีบตอบรับด้วยความยินดี ถึงแม้จะแอบผิดหวังอยู่บ้างที่ทราบว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ตาม และยิ่งเมื่อรู้ว่านภิศาพึ่งจะแยกทางกับพ่อของลูก ความสงสารและเห็นใจจึงเกิดขึ้นในใจอย่างห้ามไม่ได้
ด้วยความช่วยเหลือของกนกรัตน์เลยทำให้นภิศาได้ที่พักที่ดีและค่อนข้างปลอดภัย รวมทั้งได้งานใหม่ทำที่คลินิกทันตกรรมของคุณหมอชิดชลในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ประจำเคาน์เตอร์ทันตกรรม
นอกจากกนกรัตน์ที่คอยให้ความช่วยเหลือเธอเป็นอย่างดีแล้ว คุณหมอชิดชลเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยห่วงใยและใส่ใจเธออยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งนภิศารู้สึกว่ามากเกินไปจนเกรงใจ หลายครั้งที่ชิดชลคอยมารับมาส่งหรือแม้กระทั่งพาไปหาหมอในวันที่เธอมีนัดตรวจ จนเพื่อนหมอที่รู้จักกันเอ่ยแซวเพราะเข้าใจว่าเธอเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว
“พี่ชลไม่ต้องพานัทมาหาหมอทุกครั้งที่มีนัดก็ได้นะคะ นัทเกรงใจจริงๆ”
นภิศาเอ่ยบอกหลังจากที่เธอกับเขาเดินออกมาจากโรงพยาบาลด้วยกัน
“ไม่เป็นไรหรอกนัท พี่เต็มใจ แล้วยิ่งตอนนี้ท้องของนัทก็โตขึ้นเรื่อยๆ พี่จะปล่อยให้นั่งแท็กซี่มาคนเดียวได้ยังไง แดดก็ร้อน รถก็เยอะเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาหนูดีได้บ่นพี่หนักเลย”
แม้ว่าจะอ้างน้องสาวแต่ความห่วงใยนั้นเป็นของชิดชลเองล้วนๆ คุณหมอหนุ่มยอมรับว่าแอบมีใจให้เพื่อนน้องสาวที่อยู่ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้อย่างไม่ปิดบังและนภิศาเองก็รู้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฐานะที่เขาได้รับจากเธอคือพี่ชายของเพื่อนเท่านั้น
“ขอบคุณนะคะพี่ชล ขอบคุณที่ดีกับนัทมากๆ มากจนนัทไม่รู้จะตอบแทนยังไง”
“ถ้าอยากตอบแทนพี่ ก็อย่าปฏิเสธความช่วยเหลือจากพี่แค่นั้นก็พอ ถึงเป็นพ่อให้เจ้าหนูนี่ไม่ได้ นัทก็ช่วยบอกกับลูกว่าพี่เป็นคุณลุงใจดีได้มั้ยล่ะ”
ชิดชลบอกพร้อมกับหันมาส่งยิ้มให้ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วประคองคนท้องเข้านั่งในรถอย่างระมัดระวัง
เสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านทำให้คุณพรประภาหันไปมองที่ต้นทาง ในใจแอบลุ้นว่าเป็นลูกชายคนไหนที่กลับมา ช่วงนี้ดูเหมือนว่าทั้งเกื้อกูลและการุณย์จะดูยุ่งจนลืมทางกลับบ้านกันทั้งคู่ แม้แต่นภิศาเองก็หายไปหลายเดือนแล้ว พอถามจากการุณย์ก็บอกแค่ว่าจะปรับตำแหน่งงานให้น้องเลยส่งไปเรียนภาษาเพิ่มในวันหยุดทำให้ไม่มีเวลามาเยี่ยม แต่บอกเจ้าตัวให้แล้วว่าท่านถามหาส่วนเกื้อกูลก็เงียบหายไม่ต่างกัน จากปกติที่กลับบ้านอยู่บ้างอาทิตย์ล่ะสองสามวัน แต่ที่ผ่านมาแทบจะกลายเป็นเดือนละครั้ง ถ้าคุณเกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาไม่เรียกหาก็ยากที่จะได้เจอตัว“ว่าไงล่ะ วันนี้ลมอะไรหอบมา แม่จะได้ไปขอบคุณพระพายท่านที่ได้เอาลูกชายมาส่ง”ทันทีที่เห็นว่าคนที่เดินเข้าบ้านมาคือการุณย์ คุณพรประภาเองก็เอยถามอย่างประชดประชันออกไปทันที มีลูกชายถึงสองคน แต่ก็เหมือนไม่มีใคร พอจะมีลูกสาวกับเขาบ้างเจ้าลูกชายคนเล็กก็ส่งน้องไปเรียนเพิ่มจนไม่มีเวลาให้ท่านอีกเช่นกัน แบบนี้มันน่าน้อยใจน้อยเสียเมื่อไหร่“ไม่มีลมอะไรหอบมาหรอกครับคุณแม่ ผมมีธุระนิดหน่อย ว่าจะมาหาพี่เกื้อเขากลับมาบ้านบ้างหรือเปล่าครับ”“อ้าว! ทำไมไม่โ
การุณย์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายด้วยความรีบร้อน เขามีข่าวความคืบหน้าใหม่มาบอกแก่เกื้อกูลถึงคนที่พวกเขาพยายามตามหากันมาหลายเดือน“ว่ายังไงบ้างการุณย์ ได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย”“เจอแล้วครับพี่เกื้อ นักสืบที่เราจ้างไปเขาเจอที่อยู่ของนัทและเจอตัวนัทด้วยครับ”คนเป็นน้องตอบมาพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ เกื้อกูลเอื้อมจับมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขานั่งลงที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน แกะซองกระดาษออกแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมารูปถ่ายของผู้หญิงท้องกลมโตใกล้คลอดในชุดคลุมสีหวาน กำลังทำงานอยู่ในคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง รูปที่เธอเดินตลาด และภาพคอนโดฯที่เธอพักอาศัยอยู่ เกื้อกูลใช้มือคลี่รูปออกกระจายจนเต็มโต๊ะ ไล่ดูทีละภาพด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คนในรูปคือนภิศาอย่างแน่นอน เขาจำเธอได้แม้ว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไป“การุณย์นัทสบายดีใช่มั้ย”เขาเอ่ยถามน้องชายออกไป ในใจภาวนาว่าขอให้เธอยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี หวังว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเธอ“นักสืบที่จ้างไปบอกว่าเธอสบายดีครับ อ๋อแล้วก็นี่”การุณย์หยิบรูป
เช้าวันใหม่นภิศาเดินลงมาจากคอนโดฯที่พัก นอกจากจะเห็นขวัญฤทัยที่มารับแล้ว ยังพบว่าอินทรก็อยู่ด้วย“คุณเกื้อให้พี่มารับนัทไปทำงาน”เขารีบออกตัวทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามาหา ขวัญฤทัยมองหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายแล้วนภิศาก็ให้อินทรขับรถตามรถของขวัญฤทัยไปเหมือนเดิม เธอจะไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ จากเกื้อกูลอีกเด็ดขาดตกเย็นหลังเลิกงานอินทรหายไปแล้ว พอเห็นว่าเธอไม่ให้มารับมาส่งเจ้านายของเขาคงเรียกตัวกลับ คนอย่างเกื้อกูลน่ะเหรอจะมาใส่ใจเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ หรอกโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยอยู่ในสถานะเมียบำเรออย่างเธอคิดไปแล้วความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาคลอ ในเมื่อเธอหนีออกมาแล้วจะมาตามกันอีกทำไม ตามแค่พอให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้คิดจะมาใส่ใจกันจริงๆ เลยอย่างนั้นเหรอ เขาไม่ใช่แค่ไม่รักลูก แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย แค่เสียดายของ แค่ไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่งก็เท่านั้นนภิศาหันหน้าหนีมองออกนอกตัวรถแอบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อในตอนที่ขวัญฤทัยขับรถมาส่งเธอในตอนเย็นหลังเลิกงาน หลังจากเพื่อนร่วมงานผู้ใจดีกลับไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาในตัวตึกเพื่อ
“กอดกับเมียคนอื่นมันรู้สึกดีมากหรือเปล่าครับคุณหมอ”เสียงเยียบเย็นเอ่ยถามขึ้น ไม่ได้อยากรู้แต่แค่อยากบอกว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ สามีของนภิศา คนที่มีสิทธิ์ที่จะโอบกอดเธอได้มีแค่เขาคนเดียว“คุณเกื้อ”นภิศามองไปที่เกื้อกูลดวงตาเบิกโพลง ทั้งเธอและชิดชลผละออกจากกันในทันทีที่ได้ยินเสียง คุณหมอหนุ่มมองดูผู้มาใหม่อย่างพิจารณาก่อนจะหันมามองที่นภิศาที่ยืนอยู่ข้างตัว ชายคนนี้คงเป็นสามีของเธอ คนที่หญิงสาวพึ่งบอกกับเขาว่าเป็นพ่อที่ไม่ต้องการลูกและบอกให้คนเป็นภรรยาทำร้ายลูกของตัวเองได้ลงคอ“กลับบ้าน”นั่นเป็นคำพูดเดียวที่เกื้อกูลนึกออก ไม่ต้องมีอะไรอ้อมค้อมหรือพิธีรีตองอะไรกันอีกแล้ว นภิศาเป็นเมียเขา เธอต้องกลับไปกับเขา หมดเวลาวิ่งไล่จับกันสักที และหมดเวลาที่ผู้ชายคนอื่นจะมาแตะต้องเมียเขาได้อีกเกื้อกูลเดินเข้าไปหาแต่นภิศาถอยไปหลบอยู่หลังชิดชล ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ออกตัวกันเธอให้ห่างจากเขาเช่นกัน นั่นทำให้คนที่พึ่งจะอ้างตัวว่าเป็นสามีถึงกับหน้าตึง“กลับบ้านนัท”“ดูเหมือนว่าเธ
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของนภิศาอยู่ในการดูแลของคุณพยาบาลในแผนกดูแลเด็กอ่อน ส่วนคนเป็นแม่ก็นอนหลับอยู่ในห้องพักฟื้น คุณหมอชิดชลกลับไปแล้ว อินทรและน้ำพลอยถูกสั่งให้ไปจัดหาของใช้สำหรับเด็กมาให้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เกื้อกูลกับนภิศาอยู่ด้วยกันในห้องพักเพียงลำพังสองคนชายหนุ่มนั่งมองแม่ของลูกอยู่เงียบๆ ในหัวของเขากำลังเตรียมคำพูดมากมายเพื่อจะคุยกับเธอในตอนที่ตื่น จะทำยังไงถึงจะพานภิศาและลูกกลับไปอยู่ที่บ้านได้ จะต้องพูดยังไงเธอถึงจะยอมไปกับเขา คำพร่ำพรรณนามากมายมันคงใช้ไม่ได้หรอกสำหรับความผิดของเขาในครั้งนี้เกื้อกูลคว้ามือบางของคนที่กำลังหลับมาจับไว้ในอุ้งมือ เขาลูบไล้มือนั้นเบาๆ อย่างแสนรักแล้วจูบลงด้วยความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นหัวใจ เขาทำผิดต่อเธอมากมาย เขาทำร้ายความรู้สึกเธออย่างมหันต์ จะมีสิ่งใดเล่าที่จะชดเชยในความผิดครั้งนี้ของเขาได้ เขาจูบลงที่หลังมือของเธออีกครั้งแล้วหันไปมองหน้าของคนที่คิดว่าหลับอยู่ แต่กลับเจอสายตาว่างเปล่าที่กำลังมองมา นภิศาเห็นการกระทำนั้นของเขาอยู่ตลอด เธอไม่ดึงมือออก ไม่ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่ก็ไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาที่จ้องมองมาโดยไร้ความยินดี“ตื่น
“เป็นยังไงบ้างเกื้อ แล้วนี่นัทล่ะ ไหนว่าไปรับเมียกับลูกมาบ้าน”คุณพรประภารีบเดินเข้ามาหาทันทีที่เห็นลูกชายกลับมาถึงบ้าน ท่านจัดเตรียมห้องนอนเดิมของนภิศาไว้สำหรับทำเป็นห้องเด็กไว้อย่างดิบดี ทั้งเสื้อผ้าของใช้เตรียมไว้อย่างล้นเหลือ นับนาทีรอหลานตั้งแต่ที่เกื้อกูลออกจากบ้านเลยทีเดียว เพราะเขาบอกว่าจะไปรับนภิศากับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน“หมอให้ออกพรุ่งนี้ครับ เด็กยังมีภาวะตัวเหลือง คุณหมอเลยให้อยู่อีกคืน”“แล้วใครอยู่เป็นเพื่อน ยายพลอยอีกเหรอ”“ครับ”“แล้วทำไมเกื้อไม่อยู่เป็นเพื่อนน้อง”คนเป็นแม่ถามออกมาเป็นเชิงตำหนิ ในเมื่อยอมรับว่านภิศาเป็นเมีย ลูกที่คลอดออกมานั่นก็ลูกตัวเอง แล้วทำไมเกื้อกูลถึงได้ปล่อยให้เมียและลูกอยู่ที่โรงพยาบาลกันเองโดยมีแค่แม่บ้านเฝ้าอยู่อย่างนั้น“มีงานเร่งเหรอ หรือยังไง แต่ก็ไม่เห็นจะไปทำงานนี่ พ่อเขาก็เข้าไปดูงานให้แล้ว แล้วทำไมถึงไม่ไปอยู่กับนัทเขาที่โรงพยาบาล”“เขาไม่ให้ผมอยู่ด้วยครับ”เกื้อกูลบอกมาท่าทางอึดอัด เขาถอนหายใจหนักแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้กับมารดา“นัทเขาไล่ผมทุกครั้งที่เจอหน้า
เสียงรถที่ขับเข้ามาทำให้สมาชิกในบ้านประชาพิพัฒน์ต่างพากันออกมายืนออรอดูเพราะเข้าใจว่าเกื้อกูลไปรับนภิศาและลูกกลับมาที่บ้าน แต่พอเห็นเขาอุ้มลูกลงจากรถมาคนเดียวก็แปลกใจ“เกื้อ แล้วหนูนัทล่ะ เอาลูกเขามาแล้วแม่เขาไปไหน”คุณพรประภารีบวิ่งไปรับเอาหลานมาจากลูกชาย มองเข้าไปในรถก็ไม่เห็นใคร แม้แต่ของใช้เด็กก็ไม่มี จึงอดที่จะถามไม่ได้“ทำไมนัทถึงไม่มาด้วย”“เดี๋ยวเขาก็ตามมาครับ”ตอบเพียงแค่นั้นแล้วบอกให้มารดาพาลูกเข้าไปในบ้านด้วยเด็กน้อยเริ่มร้องอ้อแอ้งอแงเพราะไม่ได้กินนม ส่วนตัวเขาเองยังคงยืนรอที่หน้าบ้านอยู่อย่างนั้น มั่นใจว่ายังไงอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงนภิศาจะต้องตามเขามาถึงที่นี่อย่างแน่นอนและก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็มีรถเก๋งสีขาวมาจอดหน้าบ้าน ถึงไม่บอกก็รู้ว่ารถใครเพราะคนที่เขายืนรอกำลังกดกริ่งหน้าบ้านย้ำๆ ซ้ำๆ ในทันทีที่ลงจากรถมาได้เกื้อกูลเดินไปรอที่ทางเดินเข้าบ้าน ทันทีที่นภิศามาถึงตัว ใบหน้าของเขาก็หันขวับเจ็บแปลบที่สันกรามและข้างแก้มขึ้นมาทันทีจากแรงตบของเธอ“คนเลว เอาลูกฉันคืนมานะ”น้ำพลอ
คำตอบนั้นของนภิศาทำเอาเกื้อกูลที่ยืนฟังอยู่ถึงกับตาเบิกโพลง แม้แต่ชิดชลเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าติดกังวลของเกื้อกูลดูสว่างขึ้นในทันตา เขากำลังจะก้าวเข้าไปหาแต่นภิศาสั่งห้ามเอาไว้“อย่าเข้ามาค่ะ”ทันทีที่ถูกสั่งห้าม ขาที่กำลังก้าวของเกื้อกูลก็หยุดชะงัก หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ“นัทจะอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้”“อะไร”“อย่างแรก คุณเกื้อต้องขอโทษพี่ชลก่อนค่ะ”ชิดชลหันไปมองหน้า เห็นเกื้อกูลมองมาที่เขาตาขวาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะได้ยินคำขอโทษจากพ่อของลูกนภิศา เกื้อกูลจ้องหน้าเขาอยู่สักพักก็เอ่ยขอโทษคุณหมอชิดชลอย่างเสียมิได้ และไม่ค่อยจะเต็มใจนัก“ขอโทษ”คุณเกรียงศักดิ์เห็นอย่างนั้นก็หันมองหน้าภรรยา เห็นคุณพรประภานั่งเฉยตัวท่านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเขาพูดคุยกันเอาเอง ส่วนการุณย์ก็หลบฉากออกไปนานแล้ว“อย่างที่สอง”เมื่อเห็นว่าปัญหาชกต่อยที่เกื้อกูลทำกับชิดชลถูกเคลียร์ไปได้ นภิศาก็เอ่ยข้อแม้ข้อที่สองขึ้นมาทันที&
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ
“ลูกหลับแล้วเหรอ”“ก็หลับแล้วน่ะสิ ป่านนี้แล้ว คุณออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวน้องกานต์ตื่น”บอกพร้อมกับดันให้เขาถอยหลังแต่เกื้อกูลไม่ยอมไป นอกจากไม่ยอมเขยื้อนไปไหนแล้วยังคว้าเอาเอวบางเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเธอจนดังฟอด“คุณเกื้อ! ปล่อยนะ ถ้าเมาแล้วก็กลับไปนอนห้องตัวเองอย่ามาทำแบบนี้นะ”“ก็รักเมีย จูบแก้มเมียแล้วผิดตรงไหน” เอ่ยจบก็ก้มลงจูบแก้มเธออีกทั้งสองข้าง ทำเอานภิศาต้องหลีกหลบเป็นพัลวัน“คุณเกื้อ อย่ามาทำแบบนี้ กลับไปนอนห้องตัวเองเดี๋ยวนี้นะ”“ทำไมชอบไล่ ทีกับหมอชิดชลไม่เห็นจะไล่แบบนี้”“ก็เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบที่คุณเกื้อกำลังทำอยู่นี่”“หึ ก็ลองมาทำดูสิ ฉันจะขับรถชนให้ตายคารั้วบ้านเลย”“บ้า! ทำไมพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ออกไปเลยนะ นัทจะนอน”“ก็บอกว่าไม่ไป จะนอนด้วย”เกื้อกูลไม่พูดเปล่า เขาก้มลงช้อนเอาร่างบางของนภิศาขึ้นมาอุ้มจนหญิงสาวเผลอหวีดร้องด้วยความตกใจ“คุณเกื้อ!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เล
ตกเย็นวันเดียวกัน หลังกลับจากทำงานเกื้อกูลกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าคุณหมอชิดชลมาหานภิศาอีกแล้วก็ไม่พอใจ“มันจะมาหาลูกเมียคนอื่นอะไรนักหนาได้ทุกวี่ทุกวันวะ”แค่เห็นรถก็หงุดหงิดจนอยากจะเตะรถประชดเจ้าของมันให้ยางแตกไปสักล้อแทนที่จะเดินขึ้นห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เกื้อกูลก็เลือกที่จะเข้ามาในห้องรับแขกเพื่อยืนดูลูกเมียตัวเองกับคุณหมอชิดชลที่นั่งอยู่ตรงเฉลียงแทน“พี่มาทุกวันแบบนี้คุณเกื้อเห็นเขาคงไม่พอใจแน่ๆ ใช่มั้ย”คุณหมอชิดชลเอ่ยถามขณะที่ป้อนกล้วยให้หลานที่นั่งอยู่บนตัก“ก็มีบ้างค่ะ ส่วนมากก็แค่บ่นประชดใส่นัท แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรมากเพราะกลัวว่านัทจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น แล้วนี่พี่ชลมีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหานัทวันนี้อีก อย่าบอกนะว่ามาเล่นกับน้องกานต์ คลินิกพี่ชลกับบ้านคุณเกื้อไม่ได้ใกล้กันเลยนะคะ”หญิงสาวตั้งข้อสังเกต เพราะปกติชิดชลจะมาเยี่ยมเธอกับลูกเดือนละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เพราะนอกจากจะอยู่ไกลกันแล้วตัวเขาเองก็งานยุ่งมาก“พี่มีธุระจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มาอีกวันนี้”“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่ชลดูจริงจังจัง
เกื้อกูลลงมาจากห้องทันมื้อเช้าของพ่อกับแม่พอดี แต่เขามีงานด่วนต้องรีบไปเลยขอแค่กาแฟกับขนมปัง ส่วนการุณย์ยังคงละเลียดอยู่กับข้าวต้มปลาอ้อยอิ่ง ดูไม่รีบไม่ร้อน กินไปไถดูมือถือไปจนคนเป็นพี่ชักเริ่มขัดตา“วันนี้ไม่มีธุระไปไหนเหรอ”“มีตอนบ่าย เดี๋ยวตอนเช้าจะอยู่เล่นกับเจ้าอ้วนก่อน”ตอบพี่ชายแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ลืมนึกไปว่าจี้ใจดำเข้า จึงเงยมองหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้“อดทนอีกนิดเดียวน่าพี่ นี่แป๊บๆ เจ้าลูกหมูของพี่ก็ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยก็คลาน อีกหน่อยก็วิ่ง พอวิ่งได้ก็ครบขวบพอดี เดี๋ยวพี่ก็จะได้อุ้มแล้ว”การุณย์พยายามปลอบใจพี่ชาย ทำไงได้ก็ดันไปทำร้ายๆ กับเขาไว้หนักขนาดนั้น ดีเท่าไหร่ที่นภิศายังยอมอยู่ที่บ้านนี้ให้ได้เห็นหน้าลูกบ้างยังไม่ทันที่เกื้อกูลจะได้ตอบโต้น้อง เสียงกำไลข้อเท้าเด็กกรุ๊งกริ๊งๆ ก็ดังมาให้ได้ยิน เพียงเท่านั้นใบหน้าเฉาๆ ของเขาก็ผ่องขึ้นเหมือนทานตะวันได้แดด เกื้อกูลรีบหันขวับไปยังที่มาของเสียงเห็นนภิศากำลังอุ้มลูกเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอคงจะพาน้องกานต์ไปนั่งกินข้าวที่เฉลียงติดแปลงกุหลาบของคุณพ
เกื้อกูลยืนนิ่งอยู่ข้างหัวเตียงภายในห้องนอนของเขาเอง ในมือเขามีสร้อยคอทองคำขาวที่เคยซื้อให้นภิศาเป็นของขวัญ สร้อยคอที่มีจี้รูปหัวใจสลักชื่อของเขาไว้ที่ด้านหลัง สร้อยเส้นเล็กๆ ที่คนเป็นเจ้าของถอดทิ้งเอาไว้ไม่ไยดี เขาอยากจะเอาสร้อยเส้นนี้ไปคืนให้เธอใส่ไว้เหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวว่าหญิงสาวจะไม่รับ ปกตินภิศาใส่สร้อยเส้นนี้ติดตัวไว้ตลอด แต่จนถึงตอนนี้เธอถอดมันทิ้งเป็นเวลาครบปีพอดีเกื้อกูลยืนชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจ เขาเอาสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดลิ้นชักหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีเทาผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันแต่อ่อนกว่ายัดใส่กระเป๋ากางเกง ตบปุๆ อยู่สองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของสิ่งนั้นจะไม่ส่งเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไปเสียงเคาะประตูทำให้นภิศาที่นอนเล่นกับลูกอยู่บนเตียงหันไปมอง ปกติถ้าเป็นน้ำพลอยเธอจะต้องได้ยินเสียงเรียก แต่นี่เคาะแล้วยังคงเงียบเธอเลยร้องถามขึ้น“ใครคะ”“ฉันเอง”“...”“นัท เปิดประตูให้หน่อย”“นัทห้ามไม่ให้คุณเกื้อเข้ามาในห้องนี้ จำไม่ได้เหรอคะ”“จำได้ แต่มีธุระ เปิดให้หน่อย”นภิศาหันมอ
ตั้งแต่วันนั้นเกื้อกูลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของนภิศาอีกเลย หรือแม้แต่การไปแจ้งเกิดลูกเธอก็ไม่ให้เขาพาไปและไม่ยอมให้ใครไปทำแทนทั้งนั้น จึงเป็นการุณย์ที่อาสาขับรถให้ ส่วนน้องกานต์ก็ถูกฝากไว้ที่คุณพรประภาผู้เป็นย่าแต่ถึงอย่างนั้นนภิศาก็ไม่ได้ระแวงว่าเกื้อกูลจะแอบมาจับมาอุ้มลูกในวันที่เธอไม่อยู่ เพราะเท่าที่ได้รู้จักกับเขามาชายหนุ่มเป็นคนที่ถือมั่นในสัจวาจาเป็นอย่างดี และถ้าหากเขาผิดกติกาถ้าเธอรู้เธอก็จะไม่ยอมผ่อนผันให้เขาอย่างเด็ดขาด ถ้าแตะต้องลูกเมื่อไหร่ เธอจะไปจากบ้านนั้นทันที และเกื้อกูลก็ย่อมรู้ดีว่าเธอเอาจริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากในตอนนี้ผ่านไปห้าเดือนเจ้าหนูชลกานต์โตวันโตคืนอวบอ้วนจ้ำม่ำจนน่าฟัด ใครเห็นก็อยากจับอยากอุ้ม โดยเฉพาะคนเป็นอาที่เห่อหลานเอามากๆ ก่อนไปทำงานถ้าเห็นว่าเจ้าตัวเล็กออกมาจากห้องนอนแม่ก็มักจะแวะเล่นหยอกล้อเสียทุกครั้ง หรือแม้แต่ตอนเลิกงาน เสื้อผ้ายังไม่ผลัดไม่เปลี่ยน ก็วิ่งหาหลานรักก่อนทุกทีจนคนเป็นพี่อิจฉาวันนี้ก็เช่นกัน เกื้อกูลกับการุณย์เลิกงานกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เสียงอ้อแอ้ๆ ของเจ้าหนูชลกานต์ที่อ
เสียงอ้อแอ้ของเด็กเล็กทำให้บ้านประชาพิพัฒน์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก จากปกติที่คุณพรประภาจะตื่นขึ้นมาชื่นชมกุหลาบในแปลงที่สรรหามาปลูกไว้หลากสายพันธุ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่สนใจ พอตื่นเช้ามาก็มุ่งหน้ามาที่ห้องนอนของลูกสะใภ้อุ้มเอาหลานชายตัวจ้อยไปชมสวนนภิศาใจชื้นขึ้นมามากที่เห็นคุณแม่ของเกื้อกูลเอ็นดูและรักใคร่ลูกของเธอ และไม่บังคับหรือโต้แย้งในสิ่งที่เธอร้องขอจากลูกชายของท่าน“ตอนกลางคืนเป็นยังไงบ้างนัท น้องกานต์งอแงมากมั้ย”คุณพรประภาหันมาถามแม่ของหลานชายที่เดินตามมาข้างหลัง สองมือที่อุ้มหลานก็เขย่าคลอนกล่อมให้หลับอยู่แนบอก“มีบ้างค่ะ แต่พอให้กินนมแล้วก็หาย หลับต่อไปได้อีกพัก”“ไหวมั้ย ให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนมั้ย เด็กอ่อนตื่นทั้งคืน ถ้าไม่ไหวให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนดีกว่า ปั๊มนมไว้แล้วสลับกับพลอยช่วยกันดูก็ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากดูลูกเองมากกว่า”“แล้วน้ำนมล่ะ พอให้ลูกมั้ย”“พอค่ะ เหมือนจะออกมาเยอะด้วย”“ดีเลย งั้นเดี๋ยวให้ยายพลอยไปซื้อที่ปั๊มนมมาให้ จะได้ปั๊มเก็บไว้ แบ่งกินขวดบ้างนั่นแหละ คนเป็นแม่จะได้พักบ้าง แรกๆ อาจจะไม
คำตอบนั้นของนภิศาทำเอาเกื้อกูลที่ยืนฟังอยู่ถึงกับตาเบิกโพลง แม้แต่ชิดชลเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าติดกังวลของเกื้อกูลดูสว่างขึ้นในทันตา เขากำลังจะก้าวเข้าไปหาแต่นภิศาสั่งห้ามเอาไว้“อย่าเข้ามาค่ะ”ทันทีที่ถูกสั่งห้าม ขาที่กำลังก้าวของเกื้อกูลก็หยุดชะงัก หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ“นัทจะอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้”“อะไร”“อย่างแรก คุณเกื้อต้องขอโทษพี่ชลก่อนค่ะ”ชิดชลหันไปมองหน้า เห็นเกื้อกูลมองมาที่เขาตาขวาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะได้ยินคำขอโทษจากพ่อของลูกนภิศา เกื้อกูลจ้องหน้าเขาอยู่สักพักก็เอ่ยขอโทษคุณหมอชิดชลอย่างเสียมิได้ และไม่ค่อยจะเต็มใจนัก“ขอโทษ”คุณเกรียงศักดิ์เห็นอย่างนั้นก็หันมองหน้าภรรยา เห็นคุณพรประภานั่งเฉยตัวท่านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเขาพูดคุยกันเอาเอง ส่วนการุณย์ก็หลบฉากออกไปนานแล้ว“อย่างที่สอง”เมื่อเห็นว่าปัญหาชกต่อยที่เกื้อกูลทำกับชิดชลถูกเคลียร์ไปได้ นภิศาก็เอ่ยข้อแม้ข้อที่สองขึ้นมาทันที&