คำตอบนั้นของนภิศาทำเอาเกื้อกูลที่ยืนฟังอยู่ถึงกับตาเบิกโพลง แม้แต่ชิดชลเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าติดกังวลของเกื้อกูลดูสว่างขึ้นในทันตา เขากำลังจะก้าวเข้าไปหาแต่นภิศาสั่งห้ามเอาไว้
“อย่าเข้ามาค่ะ”
ทันทีที่ถูกสั่งห้าม ขาที่กำลังก้าวของเกื้อกูลก็หยุดชะงัก หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ
“นัทจะอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้”
“อะไร”
“อย่างแรก คุณเกื้อต้องขอโทษพี่ชลก่อนค่ะ”
ชิดชลหันไปมองหน้า เห็นเกื้อกูลมองมาที่เขาตาขวาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะได้ยินคำขอโทษจากพ่อของลูกนภิศา เกื้อกูลจ้องหน้าเขาอยู่สักพักก็เอ่ยขอโทษคุณหมอชิดชลอย่างเสียมิได้ และไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
“ขอโทษ”
คุณเกรียงศักดิ์เห็นอย่างนั้นก็หันมองหน้าภรรยา เห็นคุณพรประภานั่งเฉยตัวท่านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเขาพูดคุยกันเอาเอง ส่วนการุณย์ก็หลบฉากออกไปนานแล้ว
“อย่างที่สอง”
เมื่อเห็นว่าปัญหาชกต่อยที่เกื้อกูลทำกับชิดชลถูกเคลียร์ไปได้ นภิศาก็เอ่ยข้อแม้ข้อที่สองขึ้นมาทันที
&
เสียงอ้อแอ้ของเด็กเล็กทำให้บ้านประชาพิพัฒน์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก จากปกติที่คุณพรประภาจะตื่นขึ้นมาชื่นชมกุหลาบในแปลงที่สรรหามาปลูกไว้หลากสายพันธุ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่สนใจ พอตื่นเช้ามาก็มุ่งหน้ามาที่ห้องนอนของลูกสะใภ้อุ้มเอาหลานชายตัวจ้อยไปชมสวนนภิศาใจชื้นขึ้นมามากที่เห็นคุณแม่ของเกื้อกูลเอ็นดูและรักใคร่ลูกของเธอ และไม่บังคับหรือโต้แย้งในสิ่งที่เธอร้องขอจากลูกชายของท่าน“ตอนกลางคืนเป็นยังไงบ้างนัท น้องกานต์งอแงมากมั้ย”คุณพรประภาหันมาถามแม่ของหลานชายที่เดินตามมาข้างหลัง สองมือที่อุ้มหลานก็เขย่าคลอนกล่อมให้หลับอยู่แนบอก“มีบ้างค่ะ แต่พอให้กินนมแล้วก็หาย หลับต่อไปได้อีกพัก”“ไหวมั้ย ให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนมั้ย เด็กอ่อนตื่นทั้งคืน ถ้าไม่ไหวให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนดีกว่า ปั๊มนมไว้แล้วสลับกับพลอยช่วยกันดูก็ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากดูลูกเองมากกว่า”“แล้วน้ำนมล่ะ พอให้ลูกมั้ย”“พอค่ะ เหมือนจะออกมาเยอะด้วย”“ดีเลย งั้นเดี๋ยวให้ยายพลอยไปซื้อที่ปั๊มนมมาให้ จะได้ปั๊มเก็บไว้ แบ่งกินขวดบ้างนั่นแหละ คนเป็นแม่จะได้พักบ้าง แรกๆ อาจจะไม
ตั้งแต่วันนั้นเกื้อกูลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของนภิศาอีกเลย หรือแม้แต่การไปแจ้งเกิดลูกเธอก็ไม่ให้เขาพาไปและไม่ยอมให้ใครไปทำแทนทั้งนั้น จึงเป็นการุณย์ที่อาสาขับรถให้ ส่วนน้องกานต์ก็ถูกฝากไว้ที่คุณพรประภาผู้เป็นย่าแต่ถึงอย่างนั้นนภิศาก็ไม่ได้ระแวงว่าเกื้อกูลจะแอบมาจับมาอุ้มลูกในวันที่เธอไม่อยู่ เพราะเท่าที่ได้รู้จักกับเขามาชายหนุ่มเป็นคนที่ถือมั่นในสัจวาจาเป็นอย่างดี และถ้าหากเขาผิดกติกาถ้าเธอรู้เธอก็จะไม่ยอมผ่อนผันให้เขาอย่างเด็ดขาด ถ้าแตะต้องลูกเมื่อไหร่ เธอจะไปจากบ้านนั้นทันที และเกื้อกูลก็ย่อมรู้ดีว่าเธอเอาจริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากในตอนนี้ผ่านไปห้าเดือนเจ้าหนูชลกานต์โตวันโตคืนอวบอ้วนจ้ำม่ำจนน่าฟัด ใครเห็นก็อยากจับอยากอุ้ม โดยเฉพาะคนเป็นอาที่เห่อหลานเอามากๆ ก่อนไปทำงานถ้าเห็นว่าเจ้าตัวเล็กออกมาจากห้องนอนแม่ก็มักจะแวะเล่นหยอกล้อเสียทุกครั้ง หรือแม้แต่ตอนเลิกงาน เสื้อผ้ายังไม่ผลัดไม่เปลี่ยน ก็วิ่งหาหลานรักก่อนทุกทีจนคนเป็นพี่อิจฉาวันนี้ก็เช่นกัน เกื้อกูลกับการุณย์เลิกงานกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เสียงอ้อแอ้ๆ ของเจ้าหนูชลกานต์ที่อ
เกื้อกูลยืนนิ่งอยู่ข้างหัวเตียงภายในห้องนอนของเขาเอง ในมือเขามีสร้อยคอทองคำขาวที่เคยซื้อให้นภิศาเป็นของขวัญ สร้อยคอที่มีจี้รูปหัวใจสลักชื่อของเขาไว้ที่ด้านหลัง สร้อยเส้นเล็กๆ ที่คนเป็นเจ้าของถอดทิ้งเอาไว้ไม่ไยดี เขาอยากจะเอาสร้อยเส้นนี้ไปคืนให้เธอใส่ไว้เหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวว่าหญิงสาวจะไม่รับ ปกตินภิศาใส่สร้อยเส้นนี้ติดตัวไว้ตลอด แต่จนถึงตอนนี้เธอถอดมันทิ้งเป็นเวลาครบปีพอดีเกื้อกูลยืนชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจ เขาเอาสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดลิ้นชักหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีเทาผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันแต่อ่อนกว่ายัดใส่กระเป๋ากางเกง ตบปุๆ อยู่สองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของสิ่งนั้นจะไม่ส่งเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไปเสียงเคาะประตูทำให้นภิศาที่นอนเล่นกับลูกอยู่บนเตียงหันไปมอง ปกติถ้าเป็นน้ำพลอยเธอจะต้องได้ยินเสียงเรียก แต่นี่เคาะแล้วยังคงเงียบเธอเลยร้องถามขึ้น“ใครคะ”“ฉันเอง”“...”“นัท เปิดประตูให้หน่อย”“นัทห้ามไม่ให้คุณเกื้อเข้ามาในห้องนี้ จำไม่ได้เหรอคะ”“จำได้ แต่มีธุระ เปิดให้หน่อย”นภิศาหันมอ
เกื้อกูลลงมาจากห้องทันมื้อเช้าของพ่อกับแม่พอดี แต่เขามีงานด่วนต้องรีบไปเลยขอแค่กาแฟกับขนมปัง ส่วนการุณย์ยังคงละเลียดอยู่กับข้าวต้มปลาอ้อยอิ่ง ดูไม่รีบไม่ร้อน กินไปไถดูมือถือไปจนคนเป็นพี่ชักเริ่มขัดตา“วันนี้ไม่มีธุระไปไหนเหรอ”“มีตอนบ่าย เดี๋ยวตอนเช้าจะอยู่เล่นกับเจ้าอ้วนก่อน”ตอบพี่ชายแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ลืมนึกไปว่าจี้ใจดำเข้า จึงเงยมองหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้“อดทนอีกนิดเดียวน่าพี่ นี่แป๊บๆ เจ้าลูกหมูของพี่ก็ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยก็คลาน อีกหน่อยก็วิ่ง พอวิ่งได้ก็ครบขวบพอดี เดี๋ยวพี่ก็จะได้อุ้มแล้ว”การุณย์พยายามปลอบใจพี่ชาย ทำไงได้ก็ดันไปทำร้ายๆ กับเขาไว้หนักขนาดนั้น ดีเท่าไหร่ที่นภิศายังยอมอยู่ที่บ้านนี้ให้ได้เห็นหน้าลูกบ้างยังไม่ทันที่เกื้อกูลจะได้ตอบโต้น้อง เสียงกำไลข้อเท้าเด็กกรุ๊งกริ๊งๆ ก็ดังมาให้ได้ยิน เพียงเท่านั้นใบหน้าเฉาๆ ของเขาก็ผ่องขึ้นเหมือนทานตะวันได้แดด เกื้อกูลรีบหันขวับไปยังที่มาของเสียงเห็นนภิศากำลังอุ้มลูกเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอคงจะพาน้องกานต์ไปนั่งกินข้าวที่เฉลียงติดแปลงกุหลาบของคุณพ
ตกเย็นวันเดียวกัน หลังกลับจากทำงานเกื้อกูลกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าคุณหมอชิดชลมาหานภิศาอีกแล้วก็ไม่พอใจ“มันจะมาหาลูกเมียคนอื่นอะไรนักหนาได้ทุกวี่ทุกวันวะ”แค่เห็นรถก็หงุดหงิดจนอยากจะเตะรถประชดเจ้าของมันให้ยางแตกไปสักล้อแทนที่จะเดินขึ้นห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เกื้อกูลก็เลือกที่จะเข้ามาในห้องรับแขกเพื่อยืนดูลูกเมียตัวเองกับคุณหมอชิดชลที่นั่งอยู่ตรงเฉลียงแทน“พี่มาทุกวันแบบนี้คุณเกื้อเห็นเขาคงไม่พอใจแน่ๆ ใช่มั้ย”คุณหมอชิดชลเอ่ยถามขณะที่ป้อนกล้วยให้หลานที่นั่งอยู่บนตัก“ก็มีบ้างค่ะ ส่วนมากก็แค่บ่นประชดใส่นัท แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรมากเพราะกลัวว่านัทจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น แล้วนี่พี่ชลมีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหานัทวันนี้อีก อย่าบอกนะว่ามาเล่นกับน้องกานต์ คลินิกพี่ชลกับบ้านคุณเกื้อไม่ได้ใกล้กันเลยนะคะ”หญิงสาวตั้งข้อสังเกต เพราะปกติชิดชลจะมาเยี่ยมเธอกับลูกเดือนละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เพราะนอกจากจะอยู่ไกลกันแล้วตัวเขาเองก็งานยุ่งมาก“พี่มีธุระจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มาอีกวันนี้”“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่ชลดูจริงจังจัง
“ลูกหลับแล้วเหรอ”“ก็หลับแล้วน่ะสิ ป่านนี้แล้ว คุณออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวน้องกานต์ตื่น”บอกพร้อมกับดันให้เขาถอยหลังแต่เกื้อกูลไม่ยอมไป นอกจากไม่ยอมเขยื้อนไปไหนแล้วยังคว้าเอาเอวบางเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเธอจนดังฟอด“คุณเกื้อ! ปล่อยนะ ถ้าเมาแล้วก็กลับไปนอนห้องตัวเองอย่ามาทำแบบนี้นะ”“ก็รักเมีย จูบแก้มเมียแล้วผิดตรงไหน” เอ่ยจบก็ก้มลงจูบแก้มเธออีกทั้งสองข้าง ทำเอานภิศาต้องหลีกหลบเป็นพัลวัน“คุณเกื้อ อย่ามาทำแบบนี้ กลับไปนอนห้องตัวเองเดี๋ยวนี้นะ”“ทำไมชอบไล่ ทีกับหมอชิดชลไม่เห็นจะไล่แบบนี้”“ก็เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบที่คุณเกื้อกำลังทำอยู่นี่”“หึ ก็ลองมาทำดูสิ ฉันจะขับรถชนให้ตายคารั้วบ้านเลย”“บ้า! ทำไมพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ออกไปเลยนะ นัทจะนอน”“ก็บอกว่าไม่ไป จะนอนด้วย”เกื้อกูลไม่พูดเปล่า เขาก้มลงช้อนเอาร่างบางของนภิศาขึ้นมาอุ้มจนหญิงสาวเผลอหวีดร้องด้วยความตกใจ“คุณเกื้อ!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เล
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ
“ลูกหลับแล้วเหรอ”“ก็หลับแล้วน่ะสิ ป่านนี้แล้ว คุณออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวน้องกานต์ตื่น”บอกพร้อมกับดันให้เขาถอยหลังแต่เกื้อกูลไม่ยอมไป นอกจากไม่ยอมเขยื้อนไปไหนแล้วยังคว้าเอาเอวบางเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเธอจนดังฟอด“คุณเกื้อ! ปล่อยนะ ถ้าเมาแล้วก็กลับไปนอนห้องตัวเองอย่ามาทำแบบนี้นะ”“ก็รักเมีย จูบแก้มเมียแล้วผิดตรงไหน” เอ่ยจบก็ก้มลงจูบแก้มเธออีกทั้งสองข้าง ทำเอานภิศาต้องหลีกหลบเป็นพัลวัน“คุณเกื้อ อย่ามาทำแบบนี้ กลับไปนอนห้องตัวเองเดี๋ยวนี้นะ”“ทำไมชอบไล่ ทีกับหมอชิดชลไม่เห็นจะไล่แบบนี้”“ก็เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบที่คุณเกื้อกำลังทำอยู่นี่”“หึ ก็ลองมาทำดูสิ ฉันจะขับรถชนให้ตายคารั้วบ้านเลย”“บ้า! ทำไมพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ออกไปเลยนะ นัทจะนอน”“ก็บอกว่าไม่ไป จะนอนด้วย”เกื้อกูลไม่พูดเปล่า เขาก้มลงช้อนเอาร่างบางของนภิศาขึ้นมาอุ้มจนหญิงสาวเผลอหวีดร้องด้วยความตกใจ“คุณเกื้อ!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เล
ตกเย็นวันเดียวกัน หลังกลับจากทำงานเกื้อกูลกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าคุณหมอชิดชลมาหานภิศาอีกแล้วก็ไม่พอใจ“มันจะมาหาลูกเมียคนอื่นอะไรนักหนาได้ทุกวี่ทุกวันวะ”แค่เห็นรถก็หงุดหงิดจนอยากจะเตะรถประชดเจ้าของมันให้ยางแตกไปสักล้อแทนที่จะเดินขึ้นห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เกื้อกูลก็เลือกที่จะเข้ามาในห้องรับแขกเพื่อยืนดูลูกเมียตัวเองกับคุณหมอชิดชลที่นั่งอยู่ตรงเฉลียงแทน“พี่มาทุกวันแบบนี้คุณเกื้อเห็นเขาคงไม่พอใจแน่ๆ ใช่มั้ย”คุณหมอชิดชลเอ่ยถามขณะที่ป้อนกล้วยให้หลานที่นั่งอยู่บนตัก“ก็มีบ้างค่ะ ส่วนมากก็แค่บ่นประชดใส่นัท แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรมากเพราะกลัวว่านัทจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น แล้วนี่พี่ชลมีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหานัทวันนี้อีก อย่าบอกนะว่ามาเล่นกับน้องกานต์ คลินิกพี่ชลกับบ้านคุณเกื้อไม่ได้ใกล้กันเลยนะคะ”หญิงสาวตั้งข้อสังเกต เพราะปกติชิดชลจะมาเยี่ยมเธอกับลูกเดือนละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เพราะนอกจากจะอยู่ไกลกันแล้วตัวเขาเองก็งานยุ่งมาก“พี่มีธุระจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มาอีกวันนี้”“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่ชลดูจริงจังจัง
เกื้อกูลลงมาจากห้องทันมื้อเช้าของพ่อกับแม่พอดี แต่เขามีงานด่วนต้องรีบไปเลยขอแค่กาแฟกับขนมปัง ส่วนการุณย์ยังคงละเลียดอยู่กับข้าวต้มปลาอ้อยอิ่ง ดูไม่รีบไม่ร้อน กินไปไถดูมือถือไปจนคนเป็นพี่ชักเริ่มขัดตา“วันนี้ไม่มีธุระไปไหนเหรอ”“มีตอนบ่าย เดี๋ยวตอนเช้าจะอยู่เล่นกับเจ้าอ้วนก่อน”ตอบพี่ชายแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ลืมนึกไปว่าจี้ใจดำเข้า จึงเงยมองหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้“อดทนอีกนิดเดียวน่าพี่ นี่แป๊บๆ เจ้าลูกหมูของพี่ก็ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยก็คลาน อีกหน่อยก็วิ่ง พอวิ่งได้ก็ครบขวบพอดี เดี๋ยวพี่ก็จะได้อุ้มแล้ว”การุณย์พยายามปลอบใจพี่ชาย ทำไงได้ก็ดันไปทำร้ายๆ กับเขาไว้หนักขนาดนั้น ดีเท่าไหร่ที่นภิศายังยอมอยู่ที่บ้านนี้ให้ได้เห็นหน้าลูกบ้างยังไม่ทันที่เกื้อกูลจะได้ตอบโต้น้อง เสียงกำไลข้อเท้าเด็กกรุ๊งกริ๊งๆ ก็ดังมาให้ได้ยิน เพียงเท่านั้นใบหน้าเฉาๆ ของเขาก็ผ่องขึ้นเหมือนทานตะวันได้แดด เกื้อกูลรีบหันขวับไปยังที่มาของเสียงเห็นนภิศากำลังอุ้มลูกเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอคงจะพาน้องกานต์ไปนั่งกินข้าวที่เฉลียงติดแปลงกุหลาบของคุณพ
เกื้อกูลยืนนิ่งอยู่ข้างหัวเตียงภายในห้องนอนของเขาเอง ในมือเขามีสร้อยคอทองคำขาวที่เคยซื้อให้นภิศาเป็นของขวัญ สร้อยคอที่มีจี้รูปหัวใจสลักชื่อของเขาไว้ที่ด้านหลัง สร้อยเส้นเล็กๆ ที่คนเป็นเจ้าของถอดทิ้งเอาไว้ไม่ไยดี เขาอยากจะเอาสร้อยเส้นนี้ไปคืนให้เธอใส่ไว้เหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวว่าหญิงสาวจะไม่รับ ปกตินภิศาใส่สร้อยเส้นนี้ติดตัวไว้ตลอด แต่จนถึงตอนนี้เธอถอดมันทิ้งเป็นเวลาครบปีพอดีเกื้อกูลยืนชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจ เขาเอาสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดลิ้นชักหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีเทาผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันแต่อ่อนกว่ายัดใส่กระเป๋ากางเกง ตบปุๆ อยู่สองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของสิ่งนั้นจะไม่ส่งเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไปเสียงเคาะประตูทำให้นภิศาที่นอนเล่นกับลูกอยู่บนเตียงหันไปมอง ปกติถ้าเป็นน้ำพลอยเธอจะต้องได้ยินเสียงเรียก แต่นี่เคาะแล้วยังคงเงียบเธอเลยร้องถามขึ้น“ใครคะ”“ฉันเอง”“...”“นัท เปิดประตูให้หน่อย”“นัทห้ามไม่ให้คุณเกื้อเข้ามาในห้องนี้ จำไม่ได้เหรอคะ”“จำได้ แต่มีธุระ เปิดให้หน่อย”นภิศาหันมอ
ตั้งแต่วันนั้นเกื้อกูลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของนภิศาอีกเลย หรือแม้แต่การไปแจ้งเกิดลูกเธอก็ไม่ให้เขาพาไปและไม่ยอมให้ใครไปทำแทนทั้งนั้น จึงเป็นการุณย์ที่อาสาขับรถให้ ส่วนน้องกานต์ก็ถูกฝากไว้ที่คุณพรประภาผู้เป็นย่าแต่ถึงอย่างนั้นนภิศาก็ไม่ได้ระแวงว่าเกื้อกูลจะแอบมาจับมาอุ้มลูกในวันที่เธอไม่อยู่ เพราะเท่าที่ได้รู้จักกับเขามาชายหนุ่มเป็นคนที่ถือมั่นในสัจวาจาเป็นอย่างดี และถ้าหากเขาผิดกติกาถ้าเธอรู้เธอก็จะไม่ยอมผ่อนผันให้เขาอย่างเด็ดขาด ถ้าแตะต้องลูกเมื่อไหร่ เธอจะไปจากบ้านนั้นทันที และเกื้อกูลก็ย่อมรู้ดีว่าเธอเอาจริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากในตอนนี้ผ่านไปห้าเดือนเจ้าหนูชลกานต์โตวันโตคืนอวบอ้วนจ้ำม่ำจนน่าฟัด ใครเห็นก็อยากจับอยากอุ้ม โดยเฉพาะคนเป็นอาที่เห่อหลานเอามากๆ ก่อนไปทำงานถ้าเห็นว่าเจ้าตัวเล็กออกมาจากห้องนอนแม่ก็มักจะแวะเล่นหยอกล้อเสียทุกครั้ง หรือแม้แต่ตอนเลิกงาน เสื้อผ้ายังไม่ผลัดไม่เปลี่ยน ก็วิ่งหาหลานรักก่อนทุกทีจนคนเป็นพี่อิจฉาวันนี้ก็เช่นกัน เกื้อกูลกับการุณย์เลิกงานกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เสียงอ้อแอ้ๆ ของเจ้าหนูชลกานต์ที่อ
เสียงอ้อแอ้ของเด็กเล็กทำให้บ้านประชาพิพัฒน์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก จากปกติที่คุณพรประภาจะตื่นขึ้นมาชื่นชมกุหลาบในแปลงที่สรรหามาปลูกไว้หลากสายพันธุ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่สนใจ พอตื่นเช้ามาก็มุ่งหน้ามาที่ห้องนอนของลูกสะใภ้อุ้มเอาหลานชายตัวจ้อยไปชมสวนนภิศาใจชื้นขึ้นมามากที่เห็นคุณแม่ของเกื้อกูลเอ็นดูและรักใคร่ลูกของเธอ และไม่บังคับหรือโต้แย้งในสิ่งที่เธอร้องขอจากลูกชายของท่าน“ตอนกลางคืนเป็นยังไงบ้างนัท น้องกานต์งอแงมากมั้ย”คุณพรประภาหันมาถามแม่ของหลานชายที่เดินตามมาข้างหลัง สองมือที่อุ้มหลานก็เขย่าคลอนกล่อมให้หลับอยู่แนบอก“มีบ้างค่ะ แต่พอให้กินนมแล้วก็หาย หลับต่อไปได้อีกพัก”“ไหวมั้ย ให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนมั้ย เด็กอ่อนตื่นทั้งคืน ถ้าไม่ไหวให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนดีกว่า ปั๊มนมไว้แล้วสลับกับพลอยช่วยกันดูก็ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากดูลูกเองมากกว่า”“แล้วน้ำนมล่ะ พอให้ลูกมั้ย”“พอค่ะ เหมือนจะออกมาเยอะด้วย”“ดีเลย งั้นเดี๋ยวให้ยายพลอยไปซื้อที่ปั๊มนมมาให้ จะได้ปั๊มเก็บไว้ แบ่งกินขวดบ้างนั่นแหละ คนเป็นแม่จะได้พักบ้าง แรกๆ อาจจะไม
คำตอบนั้นของนภิศาทำเอาเกื้อกูลที่ยืนฟังอยู่ถึงกับตาเบิกโพลง แม้แต่ชิดชลเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าติดกังวลของเกื้อกูลดูสว่างขึ้นในทันตา เขากำลังจะก้าวเข้าไปหาแต่นภิศาสั่งห้ามเอาไว้“อย่าเข้ามาค่ะ”ทันทีที่ถูกสั่งห้าม ขาที่กำลังก้าวของเกื้อกูลก็หยุดชะงัก หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ“นัทจะอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้”“อะไร”“อย่างแรก คุณเกื้อต้องขอโทษพี่ชลก่อนค่ะ”ชิดชลหันไปมองหน้า เห็นเกื้อกูลมองมาที่เขาตาขวาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะได้ยินคำขอโทษจากพ่อของลูกนภิศา เกื้อกูลจ้องหน้าเขาอยู่สักพักก็เอ่ยขอโทษคุณหมอชิดชลอย่างเสียมิได้ และไม่ค่อยจะเต็มใจนัก“ขอโทษ”คุณเกรียงศักดิ์เห็นอย่างนั้นก็หันมองหน้าภรรยา เห็นคุณพรประภานั่งเฉยตัวท่านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเขาพูดคุยกันเอาเอง ส่วนการุณย์ก็หลบฉากออกไปนานแล้ว“อย่างที่สอง”เมื่อเห็นว่าปัญหาชกต่อยที่เกื้อกูลทำกับชิดชลถูกเคลียร์ไปได้ นภิศาก็เอ่ยข้อแม้ข้อที่สองขึ้นมาทันที&