นภิศาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงานแต่เช้า แต่ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเกื้อกูลตื่นแล้วและกำลังจ้องมองมาที่เธอ
“ทำไมคุณเกื้อตื่นเร็วจังเลยคะ หรือว่ามีงานที่ต้องเข้าบริษัท”
“เปล่า ไม่มีธุระเข้าบริษัทหรอก แต่มีธุระอย่างอื่น” บอกพลางลุกเดินเข้ามาหาแล้วรวบเอาเอวบางมากอดไว้ ก่อนจะกดจูบลงที่ข้างแก้มอย่างอดใจไม่ได้
“อื้อ..ทำอะไรคะเนี๊ยะ ทำไมไม่ไปนุ่งผ้า เดินโทงๆ มาอย่างนี้ได้ยังไง น่าอายจะตาย”
“อายอะไร อายใคร อายเธอเหรอ เห็นกันมาสี่ห้าปียังจะต้องมาอายอะไรอีก หรือเธอไม่เคยจับมันเลย ฮึ”
ถามพลางหรี่ตามองจ้องหน้าแล้วขยับไปจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างหยอกเย้า นภิศาเขินอายจนต้องเบือนหน้าหลบแล้วทุบลงที่หัวไหล่เขาไปเบาๆ จึงโดนเขาจูบไซร้ไปที่ซอกคออีกจนขนลุกเกรียว
“อื้อ..อย่าค่ะ พอแล้ว เดี๋ยวนัทไปทำงานสาย”
“ไม่ต้องไปทำงานหรอก ฉันโทรไปบอกการุณย์ให้แล้ว”
“อ้าว! ทำไมล่ะคะ คุณเกื้อจะพานัทไปไหนเหรอ”
เกื้อกูลไม่ตอบ จับจูงมือเธอไปที่เตียงแล้วรั้งให้นั่งลงที่ตักพร้อมกับกอดเอวบางเอาไว้ ก่อนจะบอก
“จะพาไปเที่ยว”
นภิศาหันมองจ้องหน้าเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ไม่รู้ว่าเขาจะพาไปเที่ยวไหน แต่เธอก็ดีใจ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เกื้อกูลจะมีเวลาได้อยู่กับเธอเพียงลำพังนอกจากห้องพักที่คอนโดฯ
“คุณเกื้อพูดจริงเหรอคะ”
เธอถามออกไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ใบหน้าและแววตาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังลิงโลด
“จริงสิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนก่อน”
“อะไรคะ”
“อาบน้ำให้ฉันสิ แล้วหลังจากนั้น เธออยากไปเที่ยวไหนฉันจะพาไป”
“ไปทะเลได้มั้ยคะ” เธอต่อรองเพิ่ม
“ได้สิ เอาทะเลที่เธออยากไปเลย”
“กระบี่นะคะ”
“อืม”
“คุณเกื้อน่ารักที่สุดเลยค่ะ”
บอกแล้วจุ๊บลงที่ริมฝีปากของเขาแล้วหอมแก้มซ้ายขวา ก่อนจะลากเอาร่างสูงใหญ่ที่เปลือยเปล่าเข้าไปในห้องน้ำทันที และแน่นอนว่าการอาบน้ำในเช้านี้ไม่ได้จบแค่เธอช่วยเขาถูสบู่ แต่เป็นเธอที่โดนเขาถูไปทั้งตัว
“คุณเกื้อใส่บิกินีชุดนี้ได้มั้ยคะ”
เธอชูชุดว่ายน้ำทูพีชแบบเชือกผูกสีเหลืองอ๋อยดอกทองอุไรให้เขาดู หวังจะใส่ขับผิวให้สว่างตัดกับน้ำทะเลไปเลย แต่คำตอบที่ได้กลับทำเอาใบหน้าของคนถามงอง้ำ
“ใส่ได้ แต่ที่ก้นเธอมีรอยฟัน”
เขาตอบมาหน้าตาเฉยทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำเอาไว้แท้ๆ นภิศาสะบัดหน้าพรืดแง่งอนที่เขาเป็นต้นเหตุทำให้เธออดใส่ชุดสวยๆ อย่างที่ตั้งใจ
“คนหื่น”
เธอแอบว่าให้เขาเบาๆ พอให้ได้ระบายความขัดใจแต่ไม่ต้องการให้เขาได้ยิน ถึงอย่างนั้นเกื้อกูลก็หันมามองที่เธอเขม็งเหมือนรู้ว่ากำลังถูกว่า
สุดท้ายแล้วนภิศาก็เลือกใส่ชุดสีเหลืองอ๋อยนั้นอยู่ดี แต่สวมกางเกงยีนขาสั้นแบบสั้นจุ้ดจู๋ทับคลุมด้วยเสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซน์เนื้อบาง ที่มองยังไงก็ทะลุทะลวงไปถึงข้างใน มิหนำซ้ำคอเสื้อยังกว้างจนตกมาที่ไหล่อีกข้างอย่างยั่วตา แต่คนที่มาด้วยกลับรู้สึกขัดตาจนอยากพาเธอเดินกลับไปที่โรงแรม
“ทำไมคะ ทำไมคุณเกื้อต้องมองอย่างนั้นด้วย”
“ไว้คืนนี้ก่อนเถอะ ฉันจะทำรอยเอาไว้ทุกตารางนิ้ว”
เขากระซิบที่ข้างหูอย่างคาดโทษ แต่นภิศาไม่สนใจ เธอหัวเราะคิกคักแล้วลากแขนเขาไปขึ้นเรือเพื่อไปเล่นน้ำอีกเกาะที่อยู่ไม่ไกล
น้ำทะเลใสสีเขียวครามตัดกับหาดทรายขาวไม่ยวนตาเท่ากับหญิงสาวร่างบางในชุดบิกินีสีเหลืองสดจนแสบตา ทันทีที่มาถึงเกาะนภิศาก็ไม่สนใจสายตาของใครต่อใคร เธอถอดเสื้อยืดและกางเกงยีนขาสั้นออกแล้ววิ่งลงเล่นน้ำไม่ต่างจากเด็ก ส่วนเกื้อกูลก็มีหน้าที่เฝ้ากองเสื้อผ้าที่เธอถอดทิ้งไว้ให้ใต้ร่มไม้ พร้อมกับสัมภาระบางส่วนที่หอบหิ้วมา
พอจัดวางข้าวของและปูผ้าเสร็จเรียบร้อย กำลังจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาสายตาก็พลันหันไปเห็นว่ามีหนุ่มตาน้ำข้าวผิวขาวเคราดำพอรำไรเดินมาคุยกับนภิศาและดูท่าเหมือนจะชวนเธอดำน้ำเล่นด้วยกัน หนังสือที่หยิบมาว่าจะอ่านเลยจำเป็นต้องวางลง ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อทิ้งไว้แล้วเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ทันที
รูปร่างของเกื้อกูลสูงใหญ่ไม่ต่างจากฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น ต่างกันก็แค่เคราที่เขาไม่มีและขนอ่อนหน้าท้องที่บางกว่า แต่กล้ามท้องก็แน่นหนาไม่แพ้กันเลย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่ติดถมึงทึงเดินลุยน้ำไปหยุดซ้อนหลังของนภิศาเอ่ยทักทายฝรั่งที่มาผูกมิตรกับหญิงสาวอย่างยินดี แต่สีหน้าดูไม่ได้เป็นมิตรแต่อย่างใด
เพื่อนต่างชาติของนภิศาบอกมาแก้ตัวว่าเห็นเธอเล่นน้ำอยู่คนเดียวจึงมาชวนไปดำน้ำด้วยกัน แต่ถ้าเธอมีเพื่อนร่วมทางมาด้วยแบบนี้เขาเลยต้องขอตัว ก่อนจะเดินถอยออกมาและว่ายน้ำห่างออกไป
“ไหนคุณเกื้อบอกว่าจะไม่เล่นน้ำไงคะ”
“ยังจะมาพูดอีก”
ว่าแล้วอุ้มเอาร่างบางขึ้นพาดบ่าพาเดินลุยน้ำลงไปลึกกว่าเดิมก่อนจะโยนโครมลงไปจนน้ำทะเลแตกกระจาย ทันทีที่ทรงตัวได้นภิศาก็ไม่ยอมเธอวักน้ำใส่หน้าเขาด้วยความโมโห พอเขาถลาแหวกน้ำมาเธอก็กรีดร้องแล้วรีบแหวกน้ำหนีโดยไว แต่ก็ช้ากว่าคนร่างใหญ่ที่กระโจนน้ำไหว้เข้ามาก่อนจะคว้าตัวเธอเอาไว้ได้โดยที่เท้าของหญิงสาวลอยอยู่เหนือพื้น เลยจำต้องใช้ขาเกี่ยวเอวเขาไว้พร้อมทั้งโอบแขนรอบคอเกาะไหล่เพราะกลัวจม
“กลัวเหรอ”
“ไม่กลัว”
“ไม่กลัวแล้วทำไมเกาะแน่นเป็นลูกลิงเลย”
“ลูกลิงอะไรจะสวยขนาดนี้” ตอบเขาแล้วหัวเราะเสียงใสก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอย่างเอาใจ
“คุณเกื้อพาไปตรงนั้นหน่อย” ขอเขาเมื่อผละจูบออกมาแล้ว
“ตรงไหน”
“ตรงนั้น ตรงที่เป็นโขดหินยื่นลงมาในน้ำ” บอกพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปตรงที่ว่า แล้วหันมาถามต่อ “คุณเกื้อเอากล้องมาหรือเปล่าคะ”
“จะใช้ให้ถ่ายรูปให้เหรอ”
“ก็คุณเกื้อถ่ายรูปสวย”
“พอยอมพามาเที่ยวหน่อยก็ใช้ใหญ่เลยนะ” เขาหรี่ตามองอย่างคาดโทษ นภิศาจึงก้มจูบเขาอีกครั้ง
“ไม่ได้ให้ทำฟรีซะหน่อย นะคะคุณเกื้อ เดี๋ยวค่าตอบแทนนัทจ่ายให้คืนนี้...แบบบุพเฟ่เลย” ประโยคสุดท้ายเธอกระซิบข้างหูอย่างรู้กัน
หลังจากนั้นไม่นานนภิศาก็ได้โพสท่าสวยๆ ตามที่เธอต้องการ หญิงสาวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับรูปที่อยู่ในกล้องที่ชายหนุ่มถ่ายให้ ก่อนจะชวนเขาเข้ามาถ่ายรูปด้วยกันไม่ต่างจากคู่รักทั่วไป
ทริปเที่ยวกระบี่สามวันเหมือนนภิศาได้ขึ้นสวรรค์ยังไงยังงั้น เพราะเกื้อกูลยอมตามใจเธอทุกอย่างและแน่นอนว่าเธอเองก็ต้องตามใจเขาเช่นกัน แต่นั่นมันก็คือความเต็มใจ หัวใจของนภิศาพองโตและอิ่มสุขทุกครั้งที่เขาโอบกอดไม่ว่าจะตอนนั่ง ตอนเดิน หรือแม้กระทั่งตอนจะนอน การมาเที่ยวครั้งนี้ระหว่างเธอกับเขาไม่ต่างจากคู่แต่งงานใหม่ที่มาฮันนีมูนทั้งที่ความสัมพันธ์มันเกิดขึ้นมาแล้วถึงห้าปี ห้าปีที่เธอเป็นผู้หญิงของเขา แค่ผู้หญิงของเขาแต่ไม่ใช่ภรรยา
“แอ๊ะ แอ้ แอ้”
เสียงเด็กเล็กร้องอ้อแอ้ในระหว่างที่เธอและเขากำลังนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ นภิศาหันไปมองเพราะคิดว่าเจ้าหนูหรือแม่หนูนั่นคงจะหิวนม หรือไม่ก็คงจะตกใจตอนที่เครื่องเทคตัวขึ้น หญิงสาวนั่งมองปฏิกิริยาของคนเป็นแม่ว่าจะทำอย่างไรกับลูกน้อยบ้าง เธอเห็นว่าเด็กน้อยได้รับการโอบกอด กล่อมโอ๋อยู่สักพักก็เงียบไปเพราะผู้เป็นแม่หยิบขวดนมเข้าปากให้ได้ทัน นภิศาอดคิดถึงลูกของเธอที่เคยเอาออกไปไม่ได้ ถ้าเธอเก็บลูกไว้ป่านนี้ลูกของเธอจะโตแค่ไหนกันนะ ถ้าเธอเก็บลูกไว้ ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะเป็นยังไง อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัวจนคนที่นั่งข้างเอ่ยทักมา
“ร้องไห้ทำไม”
พอถูกถามมาแบบนั้นเธอถึงได้รู้ตัว รีบปาดเช็ดน้ำตาออกโดยไว แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธอเก็บลูกไว้ ป่านนี้เขาหรือเธอจะโตแค่ไหนกันแล้วนะ พลันสายตาก็มองไปเห็นเด็กเล็กโผล่หัวขึ้นมาจากเบาะนั่งข้างหน้า แล้วน้ำตาเธอก็ไหลออกมาอีกอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณเกื้อ”เธอหันไปมองที่เขาทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม
“เป็นอะไร” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ยิ่งเห็นเธอร้องไห้ไม่หยุดเขายิ่งสงสัย
“ถ้าตอนนั้น...นัทไม่...”
“ไม่อะไร”
“ลูก..ถ้านัทไม่เอาเขาออก ป่านนี้ลูกเราคงจะโตแล้ว”
“อย่าเหลวไหล ตอนนั้นเธอไม่พร้อมหรอก”
บอกปัดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้นภิศาใจเสีย เธอรู้สึกผิดหวังที่เขาไม่มีเยื่อใยหรือความรู้สึกอาลัยรักต่อลูกของเธอเลย
“คุณเกื้อ..แล้วถ้าตอนนี้...”
“อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก ฉันเคยบอกเธอไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”
นภิศาไม่ตอบและไม่คิดจะพูดอะไรให้ตัวเธอเองต้องหมดกำลังใจไปมากกว่านี้อีก หญิงสาวก้มหน้าปาดเช็ดน้ำตาออกจนหมดก่อนจะเงยหน้าหันไปมองที่เขาอีกครั้ง เห็นเกื้อกูลเอนหลังนั่งหลับตาเธอจึงดึงแขนเขาเข้ามากอดและซบลงที่หัวไหล่ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“นัทขอโทษค่ะ”
ในเช้าวันจันทร์ที่นภิศามาทำงานปกติ แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะไม่ปกติเหมือนอย่างเช่นทุกวัน หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวจนต้องขอยาดมกับพี่ปานเลขาหน้าห้องของการุณย์มาดม“เป็นอะไรนัท ไม่สบายมากหรือเปล่า พี่ว่าไปหาหมอดีมั้ย”ปานกมลเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นผู้ช่วยของเธอดูมีอาการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ปกตินภิศาเป็นคนแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยให้เห็นบ่อยๆ นอกจากเป็นหวัดเป็นไข้ทั่วไปที่กินยาแล้วก็หาย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คงจะไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะนอกจากจะเวียนหัวแล้วนภิศายังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนต้องพักขอยาดมจากเธอ“นัทก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ปาน เมื่อเช้าตอนที่แวะซื้อเต้าหู้หน้าออฟฟิศได้กลิ่นปาท่องโก๋ทอดแล้วก็เวียนหัวพะอืดพะอมมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ”“นัทก็แวะซื้อบ่อยแต่ไม่เคยเป็นไม่ใช่เหรอ”“ค่ะ ไม่เคยเป็นเลย แต่วันนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงมีอาการขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ มันเหม็นแล้วก็เวียนหัวจนต้องเดินหนี”“นัท...” ปานกมลคว้ามือของผู้ช่วยของเธอมากุมไว้แล้วมองจ้องหน้าอย่างพิจารณา“พี่ว่าอาการนัทมันแปลกๆ แล้วนะ ลองไปซื้อที่ตรวจมาตรวจดูหน่อยมั้ย”ปานกมล
ในเช้าวันถัดมาเกื้อกูลนั่งอ่านรายงานที่เลขาส่งมาให้ในห้องทำงานที่ออฟฟิศของบริษัท สิบโมงเช้าเขาจะต้องเข้าประชุมกับทีมฝ่ายขาย แต่รายงานที่อ่านไปกลับไม่เข้าหัวเอาซะเลยตั้งแต่เมื่อวานที่เขาจากมาจนกระทั่งถึงตอนนี้นภิศายังคงเงียบหาย เธอไม่ติดต่อกลับมาหาเขาและเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเธอเช่นกัน เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง เรื่องนี้มันเข้าใจยากตรงไหน เคยบอกไปแล้วว่าให้ป้องกันให้ดี แล้วทำไมนภิศาถึงได้ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกจนได้ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาไม่ต้องการหาทางแก้อย่างอื่นนอกจากการที่จะให้นภิศาเอาเด็กออก เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง ไม่ต้องการเลยโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะดังอยู่ครืดๆ ช่วยดึงความคิดของเกื้อกูลออกจากภวังค์ เขาหันไปมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นน้องชายโทร.มาจึงคว้ามากดรับสาย“ว่าไงการุณย์”“พี่เกื้อ นัทเขาไม่มาทำงาน พี่พาเขาไปไหนหรือเปล่า”“เปล่า ฉันมาทำงาน”“เขาไม่ได้โทร.มาลางานก่อนเลยนะพี่ ผมให้คุณปานโทร.หาก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้วด้วย เมื่อ
เสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านทำให้คุณพรประภาหันไปมองที่ต้นทาง ในใจแอบลุ้นว่าเป็นลูกชายคนไหนที่กลับมา ช่วงนี้ดูเหมือนว่าทั้งเกื้อกูลและการุณย์จะดูยุ่งจนลืมทางกลับบ้านกันทั้งคู่ แม้แต่นภิศาเองก็หายไปหลายเดือนแล้ว พอถามจากการุณย์ก็บอกแค่ว่าจะปรับตำแหน่งงานให้น้องเลยส่งไปเรียนภาษาเพิ่มในวันหยุดทำให้ไม่มีเวลามาเยี่ยม แต่บอกเจ้าตัวให้แล้วว่าท่านถามหาส่วนเกื้อกูลก็เงียบหายไม่ต่างกัน จากปกติที่กลับบ้านอยู่บ้างอาทิตย์ล่ะสองสามวัน แต่ที่ผ่านมาแทบจะกลายเป็นเดือนละครั้ง ถ้าคุณเกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาไม่เรียกหาก็ยากที่จะได้เจอตัว“ว่าไงล่ะ วันนี้ลมอะไรหอบมา แม่จะได้ไปขอบคุณพระพายท่านที่ได้เอาลูกชายมาส่ง”ทันทีที่เห็นว่าคนที่เดินเข้าบ้านมาคือการุณย์ คุณพรประภาเองก็เอยถามอย่างประชดประชันออกไปทันที มีลูกชายถึงสองคน แต่ก็เหมือนไม่มีใคร พอจะมีลูกสาวกับเขาบ้างเจ้าลูกชายคนเล็กก็ส่งน้องไปเรียนเพิ่มจนไม่มีเวลาให้ท่านอีกเช่นกัน แบบนี้มันน่าน้อยใจน้อยเสียเมื่อไหร่“ไม่มีลมอะไรหอบมาหรอกครับคุณแม่ ผมมีธุระนิดหน่อย ว่าจะมาหาพี่เกื้อเขากลับมาบ้านบ้างหรือเปล่าครับ”“อ้าว! ทำไมไม่โ
การุณย์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายด้วยความรีบร้อน เขามีข่าวความคืบหน้าใหม่มาบอกแก่เกื้อกูลถึงคนที่พวกเขาพยายามตามหากันมาหลายเดือน“ว่ายังไงบ้างการุณย์ ได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย”“เจอแล้วครับพี่เกื้อ นักสืบที่เราจ้างไปเขาเจอที่อยู่ของนัทและเจอตัวนัทด้วยครับ”คนเป็นน้องตอบมาพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ เกื้อกูลเอื้อมจับมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขานั่งลงที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน แกะซองกระดาษออกแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมารูปถ่ายของผู้หญิงท้องกลมโตใกล้คลอดในชุดคลุมสีหวาน กำลังทำงานอยู่ในคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง รูปที่เธอเดินตลาด และภาพคอนโดฯที่เธอพักอาศัยอยู่ เกื้อกูลใช้มือคลี่รูปออกกระจายจนเต็มโต๊ะ ไล่ดูทีละภาพด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คนในรูปคือนภิศาอย่างแน่นอน เขาจำเธอได้แม้ว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไป“การุณย์นัทสบายดีใช่มั้ย”เขาเอ่ยถามน้องชายออกไป ในใจภาวนาว่าขอให้เธอยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี หวังว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเธอ“นักสืบที่จ้างไปบอกว่าเธอสบายดีครับ อ๋อแล้วก็นี่”การุณย์หยิบรูป
เช้าวันใหม่นภิศาเดินลงมาจากคอนโดฯที่พัก นอกจากจะเห็นขวัญฤทัยที่มารับแล้ว ยังพบว่าอินทรก็อยู่ด้วย“คุณเกื้อให้พี่มารับนัทไปทำงาน”เขารีบออกตัวทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามาหา ขวัญฤทัยมองหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายแล้วนภิศาก็ให้อินทรขับรถตามรถของขวัญฤทัยไปเหมือนเดิม เธอจะไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ จากเกื้อกูลอีกเด็ดขาดตกเย็นหลังเลิกงานอินทรหายไปแล้ว พอเห็นว่าเธอไม่ให้มารับมาส่งเจ้านายของเขาคงเรียกตัวกลับ คนอย่างเกื้อกูลน่ะเหรอจะมาใส่ใจเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ หรอกโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยอยู่ในสถานะเมียบำเรออย่างเธอคิดไปแล้วความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาคลอ ในเมื่อเธอหนีออกมาแล้วจะมาตามกันอีกทำไม ตามแค่พอให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้คิดจะมาใส่ใจกันจริงๆ เลยอย่างนั้นเหรอ เขาไม่ใช่แค่ไม่รักลูก แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย แค่เสียดายของ แค่ไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่งก็เท่านั้นนภิศาหันหน้าหนีมองออกนอกตัวรถแอบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อในตอนที่ขวัญฤทัยขับรถมาส่งเธอในตอนเย็นหลังเลิกงาน หลังจากเพื่อนร่วมงานผู้ใจดีกลับไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาในตัวตึกเพื่อ
“กอดกับเมียคนอื่นมันรู้สึกดีมากหรือเปล่าครับคุณหมอ”เสียงเยียบเย็นเอ่ยถามขึ้น ไม่ได้อยากรู้แต่แค่อยากบอกว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ สามีของนภิศา คนที่มีสิทธิ์ที่จะโอบกอดเธอได้มีแค่เขาคนเดียว“คุณเกื้อ”นภิศามองไปที่เกื้อกูลดวงตาเบิกโพลง ทั้งเธอและชิดชลผละออกจากกันในทันทีที่ได้ยินเสียง คุณหมอหนุ่มมองดูผู้มาใหม่อย่างพิจารณาก่อนจะหันมามองที่นภิศาที่ยืนอยู่ข้างตัว ชายคนนี้คงเป็นสามีของเธอ คนที่หญิงสาวพึ่งบอกกับเขาว่าเป็นพ่อที่ไม่ต้องการลูกและบอกให้คนเป็นภรรยาทำร้ายลูกของตัวเองได้ลงคอ“กลับบ้าน”นั่นเป็นคำพูดเดียวที่เกื้อกูลนึกออก ไม่ต้องมีอะไรอ้อมค้อมหรือพิธีรีตองอะไรกันอีกแล้ว นภิศาเป็นเมียเขา เธอต้องกลับไปกับเขา หมดเวลาวิ่งไล่จับกันสักที และหมดเวลาที่ผู้ชายคนอื่นจะมาแตะต้องเมียเขาได้อีกเกื้อกูลเดินเข้าไปหาแต่นภิศาถอยไปหลบอยู่หลังชิดชล ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ออกตัวกันเธอให้ห่างจากเขาเช่นกัน นั่นทำให้คนที่พึ่งจะอ้างตัวว่าเป็นสามีถึงกับหน้าตึง“กลับบ้านนัท”“ดูเหมือนว่าเธ
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของนภิศาอยู่ในการดูแลของคุณพยาบาลในแผนกดูแลเด็กอ่อน ส่วนคนเป็นแม่ก็นอนหลับอยู่ในห้องพักฟื้น คุณหมอชิดชลกลับไปแล้ว อินทรและน้ำพลอยถูกสั่งให้ไปจัดหาของใช้สำหรับเด็กมาให้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เกื้อกูลกับนภิศาอยู่ด้วยกันในห้องพักเพียงลำพังสองคนชายหนุ่มนั่งมองแม่ของลูกอยู่เงียบๆ ในหัวของเขากำลังเตรียมคำพูดมากมายเพื่อจะคุยกับเธอในตอนที่ตื่น จะทำยังไงถึงจะพานภิศาและลูกกลับไปอยู่ที่บ้านได้ จะต้องพูดยังไงเธอถึงจะยอมไปกับเขา คำพร่ำพรรณนามากมายมันคงใช้ไม่ได้หรอกสำหรับความผิดของเขาในครั้งนี้เกื้อกูลคว้ามือบางของคนที่กำลังหลับมาจับไว้ในอุ้งมือ เขาลูบไล้มือนั้นเบาๆ อย่างแสนรักแล้วจูบลงด้วยความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นหัวใจ เขาทำผิดต่อเธอมากมาย เขาทำร้ายความรู้สึกเธออย่างมหันต์ จะมีสิ่งใดเล่าที่จะชดเชยในความผิดครั้งนี้ของเขาได้ เขาจูบลงที่หลังมือของเธออีกครั้งแล้วหันไปมองหน้าของคนที่คิดว่าหลับอยู่ แต่กลับเจอสายตาว่างเปล่าที่กำลังมองมา นภิศาเห็นการกระทำนั้นของเขาอยู่ตลอด เธอไม่ดึงมือออก ไม่ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่ก็ไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาที่จ้องมองมาโดยไร้ความยินดี“ตื่น
“เป็นยังไงบ้างเกื้อ แล้วนี่นัทล่ะ ไหนว่าไปรับเมียกับลูกมาบ้าน”คุณพรประภารีบเดินเข้ามาหาทันทีที่เห็นลูกชายกลับมาถึงบ้าน ท่านจัดเตรียมห้องนอนเดิมของนภิศาไว้สำหรับทำเป็นห้องเด็กไว้อย่างดิบดี ทั้งเสื้อผ้าของใช้เตรียมไว้อย่างล้นเหลือ นับนาทีรอหลานตั้งแต่ที่เกื้อกูลออกจากบ้านเลยทีเดียว เพราะเขาบอกว่าจะไปรับนภิศากับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน“หมอให้ออกพรุ่งนี้ครับ เด็กยังมีภาวะตัวเหลือง คุณหมอเลยให้อยู่อีกคืน”“แล้วใครอยู่เป็นเพื่อน ยายพลอยอีกเหรอ”“ครับ”“แล้วทำไมเกื้อไม่อยู่เป็นเพื่อนน้อง”คนเป็นแม่ถามออกมาเป็นเชิงตำหนิ ในเมื่อยอมรับว่านภิศาเป็นเมีย ลูกที่คลอดออกมานั่นก็ลูกตัวเอง แล้วทำไมเกื้อกูลถึงได้ปล่อยให้เมียและลูกอยู่ที่โรงพยาบาลกันเองโดยมีแค่แม่บ้านเฝ้าอยู่อย่างนั้น“มีงานเร่งเหรอ หรือยังไง แต่ก็ไม่เห็นจะไปทำงานนี่ พ่อเขาก็เข้าไปดูงานให้แล้ว แล้วทำไมถึงไม่ไปอยู่กับนัทเขาที่โรงพยาบาล”“เขาไม่ให้ผมอยู่ด้วยครับ”เกื้อกูลบอกมาท่าทางอึดอัด เขาถอนหายใจหนักแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้กับมารดา“นัทเขาไล่ผมทุกครั้งที่เจอหน้า
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ
“ลูกหลับแล้วเหรอ”“ก็หลับแล้วน่ะสิ ป่านนี้แล้ว คุณออกไปได้แล้วค่ะ เดี๋ยวน้องกานต์ตื่น”บอกพร้อมกับดันให้เขาถอยหลังแต่เกื้อกูลไม่ยอมไป นอกจากไม่ยอมเขยื้อนไปไหนแล้วยังคว้าเอาเอวบางเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเธอจนดังฟอด“คุณเกื้อ! ปล่อยนะ ถ้าเมาแล้วก็กลับไปนอนห้องตัวเองอย่ามาทำแบบนี้นะ”“ก็รักเมีย จูบแก้มเมียแล้วผิดตรงไหน” เอ่ยจบก็ก้มลงจูบแก้มเธออีกทั้งสองข้าง ทำเอานภิศาต้องหลีกหลบเป็นพัลวัน“คุณเกื้อ อย่ามาทำแบบนี้ กลับไปนอนห้องตัวเองเดี๋ยวนี้นะ”“ทำไมชอบไล่ ทีกับหมอชิดชลไม่เห็นจะไล่แบบนี้”“ก็เขาไม่ได้มาทำอะไรแบบที่คุณเกื้อกำลังทำอยู่นี่”“หึ ก็ลองมาทำดูสิ ฉันจะขับรถชนให้ตายคารั้วบ้านเลย”“บ้า! ทำไมพูดอะไรบ้าๆ แบบนั้น ออกไปเลยนะ นัทจะนอน”“ก็บอกว่าไม่ไป จะนอนด้วย”เกื้อกูลไม่พูดเปล่า เขาก้มลงช้อนเอาร่างบางของนภิศาขึ้นมาอุ้มจนหญิงสาวเผลอหวีดร้องด้วยความตกใจ“คุณเกื้อ!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เล
ตกเย็นวันเดียวกัน หลังกลับจากทำงานเกื้อกูลกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าคุณหมอชิดชลมาหานภิศาอีกแล้วก็ไม่พอใจ“มันจะมาหาลูกเมียคนอื่นอะไรนักหนาได้ทุกวี่ทุกวันวะ”แค่เห็นรถก็หงุดหงิดจนอยากจะเตะรถประชดเจ้าของมันให้ยางแตกไปสักล้อแทนที่จะเดินขึ้นห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เกื้อกูลก็เลือกที่จะเข้ามาในห้องรับแขกเพื่อยืนดูลูกเมียตัวเองกับคุณหมอชิดชลที่นั่งอยู่ตรงเฉลียงแทน“พี่มาทุกวันแบบนี้คุณเกื้อเห็นเขาคงไม่พอใจแน่ๆ ใช่มั้ย”คุณหมอชิดชลเอ่ยถามขณะที่ป้อนกล้วยให้หลานที่นั่งอยู่บนตัก“ก็มีบ้างค่ะ ส่วนมากก็แค่บ่นประชดใส่นัท แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรมากเพราะกลัวว่านัทจะพาลูกไปอยู่ที่อื่น แล้วนี่พี่ชลมีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหานัทวันนี้อีก อย่าบอกนะว่ามาเล่นกับน้องกานต์ คลินิกพี่ชลกับบ้านคุณเกื้อไม่ได้ใกล้กันเลยนะคะ”หญิงสาวตั้งข้อสังเกต เพราะปกติชิดชลจะมาเยี่ยมเธอกับลูกเดือนละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น เพราะนอกจากจะอยู่ไกลกันแล้วตัวเขาเองก็งานยุ่งมาก“พี่มีธุระจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มาอีกวันนี้”“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมพี่ชลดูจริงจังจัง
เกื้อกูลลงมาจากห้องทันมื้อเช้าของพ่อกับแม่พอดี แต่เขามีงานด่วนต้องรีบไปเลยขอแค่กาแฟกับขนมปัง ส่วนการุณย์ยังคงละเลียดอยู่กับข้าวต้มปลาอ้อยอิ่ง ดูไม่รีบไม่ร้อน กินไปไถดูมือถือไปจนคนเป็นพี่ชักเริ่มขัดตา“วันนี้ไม่มีธุระไปไหนเหรอ”“มีตอนบ่าย เดี๋ยวตอนเช้าจะอยู่เล่นกับเจ้าอ้วนก่อน”ตอบพี่ชายแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ลืมนึกไปว่าจี้ใจดำเข้า จึงเงยมองหน้าก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้“อดทนอีกนิดเดียวน่าพี่ นี่แป๊บๆ เจ้าลูกหมูของพี่ก็ห้าเดือนแล้ว อีกหน่อยก็คลาน อีกหน่อยก็วิ่ง พอวิ่งได้ก็ครบขวบพอดี เดี๋ยวพี่ก็จะได้อุ้มแล้ว”การุณย์พยายามปลอบใจพี่ชาย ทำไงได้ก็ดันไปทำร้ายๆ กับเขาไว้หนักขนาดนั้น ดีเท่าไหร่ที่นภิศายังยอมอยู่ที่บ้านนี้ให้ได้เห็นหน้าลูกบ้างยังไม่ทันที่เกื้อกูลจะได้ตอบโต้น้อง เสียงกำไลข้อเท้าเด็กกรุ๊งกริ๊งๆ ก็ดังมาให้ได้ยิน เพียงเท่านั้นใบหน้าเฉาๆ ของเขาก็ผ่องขึ้นเหมือนทานตะวันได้แดด เกื้อกูลรีบหันขวับไปยังที่มาของเสียงเห็นนภิศากำลังอุ้มลูกเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอคงจะพาน้องกานต์ไปนั่งกินข้าวที่เฉลียงติดแปลงกุหลาบของคุณพ
เกื้อกูลยืนนิ่งอยู่ข้างหัวเตียงภายในห้องนอนของเขาเอง ในมือเขามีสร้อยคอทองคำขาวที่เคยซื้อให้นภิศาเป็นของขวัญ สร้อยคอที่มีจี้รูปหัวใจสลักชื่อของเขาไว้ที่ด้านหลัง สร้อยเส้นเล็กๆ ที่คนเป็นเจ้าของถอดทิ้งเอาไว้ไม่ไยดี เขาอยากจะเอาสร้อยเส้นนี้ไปคืนให้เธอใส่ไว้เหมือนเดิม แต่อีกใจก็กลัวว่าหญิงสาวจะไม่รับ ปกตินภิศาใส่สร้อยเส้นนี้ติดตัวไว้ตลอด แต่จนถึงตอนนี้เธอถอดมันทิ้งเป็นเวลาครบปีพอดีเกื้อกูลยืนชั่งใจอยู่สักพักก็ตัดสินใจ เขาเอาสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดลิ้นชักหยิบเอาถุงกำมะหยี่สีเทาผูกด้วยริบบิ้นสีเดียวกันแต่อ่อนกว่ายัดใส่กระเป๋ากางเกง ตบปุๆ อยู่สองสามครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของสิ่งนั้นจะไม่ส่งเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไปเสียงเคาะประตูทำให้นภิศาที่นอนเล่นกับลูกอยู่บนเตียงหันไปมอง ปกติถ้าเป็นน้ำพลอยเธอจะต้องได้ยินเสียงเรียก แต่นี่เคาะแล้วยังคงเงียบเธอเลยร้องถามขึ้น“ใครคะ”“ฉันเอง”“...”“นัท เปิดประตูให้หน่อย”“นัทห้ามไม่ให้คุณเกื้อเข้ามาในห้องนี้ จำไม่ได้เหรอคะ”“จำได้ แต่มีธุระ เปิดให้หน่อย”นภิศาหันมอ
ตั้งแต่วันนั้นเกื้อกูลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของนภิศาอีกเลย หรือแม้แต่การไปแจ้งเกิดลูกเธอก็ไม่ให้เขาพาไปและไม่ยอมให้ใครไปทำแทนทั้งนั้น จึงเป็นการุณย์ที่อาสาขับรถให้ ส่วนน้องกานต์ก็ถูกฝากไว้ที่คุณพรประภาผู้เป็นย่าแต่ถึงอย่างนั้นนภิศาก็ไม่ได้ระแวงว่าเกื้อกูลจะแอบมาจับมาอุ้มลูกในวันที่เธอไม่อยู่ เพราะเท่าที่ได้รู้จักกับเขามาชายหนุ่มเป็นคนที่ถือมั่นในสัจวาจาเป็นอย่างดี และถ้าหากเขาผิดกติกาถ้าเธอรู้เธอก็จะไม่ยอมผ่อนผันให้เขาอย่างเด็ดขาด ถ้าแตะต้องลูกเมื่อไหร่ เธอจะไปจากบ้านนั้นทันที และเกื้อกูลก็ย่อมรู้ดีว่าเธอเอาจริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากในตอนนี้ผ่านไปห้าเดือนเจ้าหนูชลกานต์โตวันโตคืนอวบอ้วนจ้ำม่ำจนน่าฟัด ใครเห็นก็อยากจับอยากอุ้ม โดยเฉพาะคนเป็นอาที่เห่อหลานเอามากๆ ก่อนไปทำงานถ้าเห็นว่าเจ้าตัวเล็กออกมาจากห้องนอนแม่ก็มักจะแวะเล่นหยอกล้อเสียทุกครั้ง หรือแม้แต่ตอนเลิกงาน เสื้อผ้ายังไม่ผลัดไม่เปลี่ยน ก็วิ่งหาหลานรักก่อนทุกทีจนคนเป็นพี่อิจฉาวันนี้ก็เช่นกัน เกื้อกูลกับการุณย์เลิกงานกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เสียงอ้อแอ้ๆ ของเจ้าหนูชลกานต์ที่อ
เสียงอ้อแอ้ของเด็กเล็กทำให้บ้านประชาพิพัฒน์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก จากปกติที่คุณพรประภาจะตื่นขึ้นมาชื่นชมกุหลาบในแปลงที่สรรหามาปลูกไว้หลากสายพันธุ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นไม่สนใจ พอตื่นเช้ามาก็มุ่งหน้ามาที่ห้องนอนของลูกสะใภ้อุ้มเอาหลานชายตัวจ้อยไปชมสวนนภิศาใจชื้นขึ้นมามากที่เห็นคุณแม่ของเกื้อกูลเอ็นดูและรักใคร่ลูกของเธอ และไม่บังคับหรือโต้แย้งในสิ่งที่เธอร้องขอจากลูกชายของท่าน“ตอนกลางคืนเป็นยังไงบ้างนัท น้องกานต์งอแงมากมั้ย”คุณพรประภาหันมาถามแม่ของหลานชายที่เดินตามมาข้างหลัง สองมือที่อุ้มหลานก็เขย่าคลอนกล่อมให้หลับอยู่แนบอก“มีบ้างค่ะ แต่พอให้กินนมแล้วก็หาย หลับต่อไปได้อีกพัก”“ไหวมั้ย ให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนมั้ย เด็กอ่อนตื่นทั้งคืน ถ้าไม่ไหวให้พลอยมานอนเป็นเพื่อนดีกว่า ปั๊มนมไว้แล้วสลับกับพลอยช่วยกันดูก็ได้นะ”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยากดูลูกเองมากกว่า”“แล้วน้ำนมล่ะ พอให้ลูกมั้ย”“พอค่ะ เหมือนจะออกมาเยอะด้วย”“ดีเลย งั้นเดี๋ยวให้ยายพลอยไปซื้อที่ปั๊มนมมาให้ จะได้ปั๊มเก็บไว้ แบ่งกินขวดบ้างนั่นแหละ คนเป็นแม่จะได้พักบ้าง แรกๆ อาจจะไม
คำตอบนั้นของนภิศาทำเอาเกื้อกูลที่ยืนฟังอยู่ถึงกับตาเบิกโพลง แม้แต่ชิดชลเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าติดกังวลของเกื้อกูลดูสว่างขึ้นในทันตา เขากำลังจะก้าวเข้าไปหาแต่นภิศาสั่งห้ามเอาไว้“อย่าเข้ามาค่ะ”ทันทีที่ถูกสั่งห้าม ขาที่กำลังก้าวของเกื้อกูลก็หยุดชะงัก หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ“นัทจะอยู่ที่นี่ แต่มีข้อแม้”“อะไร”“อย่างแรก คุณเกื้อต้องขอโทษพี่ชลก่อนค่ะ”ชิดชลหันไปมองหน้า เห็นเกื้อกูลมองมาที่เขาตาขวาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาจะได้ยินคำขอโทษจากพ่อของลูกนภิศา เกื้อกูลจ้องหน้าเขาอยู่สักพักก็เอ่ยขอโทษคุณหมอชิดชลอย่างเสียมิได้ และไม่ค่อยจะเต็มใจนัก“ขอโทษ”คุณเกรียงศักดิ์เห็นอย่างนั้นก็หันมองหน้าภรรยา เห็นคุณพรประภานั่งเฉยตัวท่านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าตัวเขาพูดคุยกันเอาเอง ส่วนการุณย์ก็หลบฉากออกไปนานแล้ว“อย่างที่สอง”เมื่อเห็นว่าปัญหาชกต่อยที่เกื้อกูลทำกับชิดชลถูกเคลียร์ไปได้ นภิศาก็เอ่ยข้อแม้ข้อที่สองขึ้นมาทันที&