เสียงเคาะแป้นพิมพ์จากปลายนิ้วเรียวยาวที่ตบแต่งเล็บเจลด้วยลายดอกซากุระสีหวานดังรัวเป็นปืนกล เพราะเอกสารสรุปรายงานที่หญิงสาวกำลังพิมพ์อยู่ หัวหน้างานของเธอบอกว่าต้องรีบใช้ด่วน
นภิศาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการในบริษัทของลูกชายเจ้านายเก่าของผู้เป็นพ่อทันทีที่เรียนจบ จะว่าไปแล้วจุดงานตำแหน่งนี้เธอถูกจับวางแบบไม่มีสิทธิ์เลือกเองด้วยซ้ำ จะบอกว่าไม่ชอบก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเต็มใจก็ไม่เชิง ใจจริงเธออยากออกไปหางานทำด้วยตัวเอง ไม่อยากเป็นเด็กฝากเด็กฝังอะไรของใคร แต่เป็นเพราะเธอมีอีกหน้าที่ที่ทำด้วยใจจึงได้ยอมอยู่ในจุดที่เขาวางไว้ให้อย่างไม่มีแง่งอน
การุณย์ ประชาพิพัฒน์ ชายหนุ่มผู้แสนใจดี มีความรับผิดชอบ เขาเหมือนพี่ชายที่แสนดีของเธอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฐานะเจ้านายก็ตามที ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความห่วงใยจะไม่ถูกแสดงออกหากเมื่อไหร่ที่เธอมีปัญหา และการที่เธอมาทำงานอยู่ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความรับผิดชอบที่เขาจะต้องดูแล
“นัท”
ชื่อของเธอถูกเอ่ยเรียกทันทีที่ประตูห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มถูกเปิดออก หญิงสาวชะงักปลายนิ้วที่กำลังรัวแป้นพิมพ์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองที่ต้นเสียงโดยสัญชาตญาณ
“คะ”
“เสร็จงานแล้วลงไปรอที่หน้าตึกนะ เดี๋ยวมีรถมารับ”
แน่นอนว่าคำว่าเสร็จงานหมายถึงเฉพาะงานที่ค้างอยู่ในมือตอนนี้เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเลิกงาน หรืออย่างช้าไม่เกินครึ่งชั่วโมงนับจากที่เธอได้รับสาร เพราะถ้าเกินจากนั้นสิ่งที่เธอจะต้องทำคือการฝากงานต่อ ไม่สามารถอิดเอื้อนหรือขอต่อเวลาออกไปให้นานกว่านั้นได้อีกเพราะมีคนสำคัญที่รออยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เต็มใจ ใบหน้าที่เคร่งเครียดตอนนี้อิ่มเอิบขึ้นด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเธอจะพยายามอมมันไว้ในแก้มอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหลบผู้เป็นเจ้านายที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้
“ดีใจมากเหรอที่พี่เกื้อกลับมาแล้ว”
หญิงสาวก้มหน้าหลบตาไม่ตอบรับ เธอไม่กล้าบอกออกไปหรอกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน เกื้อกูล ประชาพิพัฒน์พี่ชายแท้ๆ ของการุณย์ ประชาพิพัฒน์ผู้ที่เป็นคนฝากฝังให้เธอมาทำงานกับน้องชายของเขาที่นี่
มารดาของนภิศาแต่งงานใหม่กับชายหนุ่มรุ่นน้องที่อายุห่างกันค่อนข้างมาก ในตอนที่เธอเรียนจบมัธยมปลายและกำลังจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ด้วยความที่กลัวจะมีปัญหาลูกเลี้ยงสาวกับพ่อเลี้ยงหนุ่มจึงได้นำตัวเธอมาฝากกับบ้านเจ้านายเก่าของอดีตสามีเพื่อเล่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ
ตั้งแต่นั้นมานภิศาจึงกลายมาเป็นเด็กในอุปการะของคุณพรประภา ภรรยาคุณเกรียงศักดิ์ เจ้านายเก่าของบิดาเธอที่เมื่อก่อนทำงานรับใช้ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่กฎหมายของบริษัทเจริญพัฒน์ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายและปล่อยเช่ารถทุ่นแรงและเครื่องจักรขนาดใหญ่ ปัจจุบันคนที่ดูแลงานแทนก็คือเกื้อกูล ประชาพิพัฒน์
เขาคือชายหนุ่มที่ไม่เคยคิดจะสุงสิงกับเธอเลยตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณพรประภาเลี้ยงดูนภิศาเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง ห้องหับที่ให้อยู่ก็เป็นห้องในบ้านใหญ่เพียงแต่อยู่ชั้นล่างเท่านั้น ไม่ได้ให้ไปอยู่รวมกับพ่อบ้านแม่บ้านที่มีห้องพักอยู่ด้านหลังแต่อย่างใด
ระหว่างที่เรียนนภิศาไม่เคยไปค้างอ้างแรมที่อื่นหรือทำเรื่องให้คุณพรประภาต้องลำบากใจ จนกระทั่งปีสุดท้ายที่อยู่ๆ หญิงสาวก็ขอออกไปเช่าหอพักอยู่ข้างนอกโดยการให้เหตุผลว่าต้องทำโปรเจคจบและฝึกงาน ซึ่งนั่นเป็นความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะคนที่จ่ายค่าคอนโดฯ คือ เกื้อกูล ประชาพิพัฒน์
“เดี๋ยวผมจะรับผิดชอบในส่วนของค่าที่พักให้นัทเองครับคุณแม่”
นั่นคือความเอื้อเฝื้อแรกที่เขาแสดงออกกับมารดาว่ามีให้กับเธอเหมือนผู้ใหญ่ใจดี แต่ในความเป็นจริงเขานั่นแหละคือเสือร้ายที่เธอเต็มใจที่จะเป็นเหยื่อ
นภิศาตกเป็นของเกื้อกูลอย่างเต็มใจโดยที่เขาไม่ได้ใช้วิธีใดมาหลอกล่อ ที่ผ่านมาเธอเข้าใจว่าชายหนุ่มไม่ชอบหน้าถึงมีท่าทางเฉยเมยเย็นชา แต่เมื่อเห็นว่าเธอมีชายหนุ่มมาติดพัน การแสดงออกว่าต้องการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของเขาจึงเกิดขึ้น และเธอก็เต็มใจจนเกิดเป็นสัมพันธ์ที่มากกว่าเด็กในบ้านและลูกเจ้านาย
“คุณเกื้อ”
เมื่อเปิดประตูห้องพักเข้ามาเห็นบุรุษร่างสูงยืนหันหลังให้นภิศาก็เอ่ยเรียกและโผเข้ากอดเขาทันทีด้วยความยินดี พอเงยหน้าขึ้นสบตาริมฝีปากร้อนผ่าวก็ประกบจูบลงมาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่แง่งอน ยอมโอนอ่อนให้เขาบดจูบดูดดึงจนพอใจ
“ทำไมรอบนี้คุณเกื้อไปนานจังคะ ไหนว่าไปดูงานแค่อาทิตย์เดียวไง”
เธอเอ่ยถามแง่งอนเมื่อเขาผละจูบจากมา แล้วพาเธอมานั่งที่โซฟาด้วยกัน
“มีงานติดพันเลยต้องอยู่ต่อ”
“ไม่ใช่ว่ามีใครอยู่กับคุณเกื้อที่นู่นด้วยเหรอคะ”
“เหลวไหลน่า ฉันบอกให้เธอไปด้วยเธอไม่ไปเองนี่”
“นัทเกรงใจคุณการุณย์นี่คะ ถ้าไปญี่ปุ่นกับคุณเกื้อนัทก็ต้องหยุดงานไปหลายวัน”
“การุณย์ไม่ว่าอะไรหรอก เขารู้อยู่แล้วว่าฉันฝากเธอให้ทำงานกับเขาเพราะอะไร”
“ทำไมคะ ไม่ให้นัทไปทำงานด้วย แต่ให้มาทำงานกับคุณการุณย์แทนเพราะไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัดเหรอ”
“เรื่องนั้นไม่ได้กลัวหรอก แต่กลัวจะไม่ได้งานซะมากกว่า”
“ทำไมเหรอคะ คิดว่านัทจะทำงานให้คุณเกื้อไม่ได้อย่างนั้นใช่มั้ย”
“เปล่า แต่กลัวว่าห้องทำงานมันจะไม่ได้ใช้ทำแต่งานอย่างเดียวนะสิ”
ว่าแล้วกดจูบลงที่แก้มนวล ทำเอานภิศาเอียงอายเบนหน้าหลบแต่ก็ไม่พ้นเมื่อเขาประกบจูบลงที่ริมฝีปากเธออีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานดูดดื่มหวามหวานยิ่งกว่าครั้งแรกที่เจอกันเสียอีก
ปลายลิ้นอุ่นร้อนชอนไชเข้าไปดูดดึงเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกับลิ้นของเธอในโพรงปากอย่างดูดดื่มหิวกระหาย กายบางถูกเขากอดรั้งเข้าหาตัวอย่างแนบสนิท ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารถมาตามแนวคางและซอกคออุ่น ริมฝีปากแตะจูบลงที่ซอกคอจนคนถูกจูบขนลุกเกลียว
“อื้อ..คุณเกื้อคะ ไม่อาบน้ำก่อนเหรอคะ นัทพึ่งกลับมาจากทำงานนะ ตัวเหนียวด้วยเนี๊ยะ”
“ไม่เหนียวหรอก ยังหอมอยู่เลย เสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียว”
ว่าแล้วลุกขึ้นยืนจับจูงมือของเธอพาเข้าห้องนอน ก่อนที่ร่างบางของนภิศาจะลอยหวือขึ้นจากพื้น แล้วถูกเขาบรรจงวางลงกลางเตียงอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา
“คิดถึงจัง”
เขาเอ่ยชิดแก้มนิ่มในตอนที่ขึ้นมานอนเคียงข้างและโอบกอดเธอไว้แนบตัว
นั่นช่างเป็นคำพูดที่หวานซ่านสุขเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้นภิศาอยากจะอยู่กับเขาต่อไปอีกนานเท่านาน แม้ไม่มีคำรัก แม้ไม่ได้ออกหน้าออกตาว่าเป็นเมียหรือคู่ชีวิต ขอเพียงแค่เขาโหยหาเธอ คิดถึงกันในยามที่ต้องไกลห่าง เพียงเท่านั้นนภิศาก็พอใจแล้ว
“คุณเกื้อคิดถึงนัทจริงๆ เหรอคะ”
“คิดถึงจริงๆ สิ คราวหน้าถ้ารู้ว่าจะต้องไปดูงานต่างประเทศนานแบบนี้ฉันจะเอาเธอไปด้วย ไม่ปล่อยให้มีหนุ่มๆ ที่ไหนมาคอยขายขนมจีบตอนที่ฉันไม่อยู่อย่างนี้หรอก”
“หวงนัทเหรอคะ”
“ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือว่ามีใครมาจีบจริงๆ” เขาถามอย่างแคลงใจ นภิศาทำเพียงยิ้มให้แล้วโน้มศีรษะเขาลงมาหาก่อนจะยื่นริมฝีปากขึ้นจูบอ้อยอิ่ง
“ถึงจะมีจริงๆ นัทก็รักแค่คุณเกื้อค่ะ คุณเกื้อรู้ใช่มั้ยคะว่านัทรักคุณมาก มากจนยอมที่จะอยู่แบบนี้”
“ลำบากใจมากหรือเปล่า”
เขามองสบตาเอ่ยถามจริงจัง แต่หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่จริงจังไม่แพ้กัน
“ไม่ค่ะ ไม่ลำบากใจเลย ขอแค่คุณเกื้อมีนัทแค่คนเดียวได้มั้ยคะ นัทจะไม่ขออะไรเลย นอกจากขอให้คุณเกื้ออย่าทิ้งนัทได้มั้ยคะ”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่มีใครนี่”
“แค่ตอนนี้เหรอคะ”
เธอถามออกไปแผ่วระโหย จากคำว่าคิดถึงของเขาที่เหมือนเป็นน้ำทิพย์ แต่ตอนนี้กลับแห้งหายเพียงแค่เขาตอบว่าตอนนี้ไม่มีใคร แค่ตอนนี้เหรอ เขาไม่ได้ต้องการมีเธอตลอดไปหรือยังไง
เกื้อกูลไม่ตอบคำ เขาทำเพียงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าแล้วหันมาจัดการกับเธอจนล่อนจ้อนก่อนจะนอนทาบทับลงไปทั้งตัว
“อย่าถามอะไรที่ไร้สาระ”
เอ่ยบอกชิดริมฝีปากอิ่มก่อนจะกดแนบริมฝีปากหยักลึกลงชิดแล้วบดเบียดเคล้าคลึง ดูดดึงเหมือนต้องการลงโทษคนที่กำลังน้อยใจ นภิศาแอ่นกายหยัดสู้มือเมื่อเขาลูบไล้ที่อกอวบแน่นตึงของเธอด้วยความกระสันซ่าน
“อื้อ...คุณเกื้อคะ”
เธอครางเรียกชื่อเขาแผ่วระโหยเมื่อรู้สึกถึงยอดอกที่หายเข้าไปในปากของชายหนุ่ม ปลายลิ้นที่ปัดป่ายดูดดึงสร้างความเสียวซ่านจนนภิศาต้องกำมือขยุ้มขยำที่เส้นผมบนหนังศีรษะของเขาพร้อมกับร่างกายที่บิดเร้าทุรนทุราย เพราะไม่ใช่แค่ปลายลิ้นของเกื้อกูลเท่านั้นที่กำลังทรมานเธอ แต่มืออีกข้างของเขาก็กำลังสอดนิ้วเข้ามาสำรวจช่องทางที่ห่างหายไปนาน กายบางสั่นสะท้าน ดวงตาหวานฉ่ำปรือเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองสบมา
“ถ้าเธอมีฉันคนเดียว ฉันก็จะมีเธอคนเดียว”
‘ตลอดไปมั้ยคะ’
นั่นคือคำถามที่ดังอยู่แค่ในใจไม่กล้าเอ่ยออกไปให้เขาได้ยิน เธอไม่รู้ว่าสิทธิ์ของเมียบำเรออย่างเธอทำได้มากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เธอท้องไม่ได้นั่นคือความจริง เพราะเขาเคยให้ไปทำแท้งมาครั้งหนึ่งแล้วในตอนที่มีสัมพันธ์กันใหม่ๆ โดยให้เหตุผลว่าเธอยังเรียนไม่จบ และมันก็เร็วเกินไป หลังจากนั้นการป้องกันจึงเป็นไปอย่างเข้มงวด แต่ไม่นับรวมการสวมถุงยางเพราะทุกครั้งที่นอนกับเธอเขาไม่แตะต้องมันเลย
“อ๊ะ คุณเกื้อ..อือ..อื้อ”
นภิศาผวาเฮือกสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขึงสวมสอดเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อย่ามัวแต่คิดอะไรไร้สาระสิ” เขาว่าให้พร้อมขยับโยกแบบที่ไม่รอให้เธอพร้อม
“นัทเปล่า อ๊ะ..อ๊า คุณเกื้อ เบาก่อน เจ็บ”
บอกพร้อมกับใช้มือดันที่หน้าท้องของเขาไว้ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เพราะแม้ความฉ่ำชื้นจะเกิดขึ้นแล้วแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงคับแน่นฝืดตึงจนเธอรู้สึกเจ็บ
เกื้อกูลกดจูบลงที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง บดจูบดูดดึงปิดเสียงประท้วงนั้น พร้อมกับส่ายวนสะโพกสอบกดคลึงหน่วงหนักเนิบช้าให้เธอผ่อนคลายแล้วเอ่ยถามเสียงพร่า
“อ๊า ดีขึ้นมั้ย”
“ค่ะ อือ อื้อ เสียว คุณเกื้อ อ๊า”
นภิศาแอ่นหยัดสะโพกสวนเข้าหา สองมือโอบประคองบั้นท้ายของเขาไว้แล้วลูบไล้บีบขยำด้วยความเสียดซ่าน นั่นยิ่งเพิ่มความซ่านเสียวให้เกื้อกูลอยากขยับโยกตอกตรึงเธอให้ถึงใจ
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง จับขาเธอให้กางอ้าออกแล้วกดสะโพกเบียดเข้าหาแนบแน่นแอ่นหยัดขยับโยกจนความฉ่ำชื้นของเธอไหลทะลักอาบลำลึงค์จนมันวาว เสียงขยับเข้าออกเพราะความเปียกชื้นดังมาให้ได้ยินเป็นระยะสร้างความกระสันซ่านจนต้องกัดฟันเพราะแรงตอดรัดที่รุนแรง ก่อนจะก้มจูบที่ปากเธออีกครั้งแล้วบีบขยำที่ทรวงงามอย่างมันมือ สะโพกสอบเร่งสาวถี่ระรัวยิ่งโยกยิ่งมันในอารมณ์ทำเอานภิศาถึงกับครางระงมอื้ออึงอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะความสุขซ่านจากช่องทางรักที่เขาลุกล้ำ มิหนำซ้ำยังใช้ปลายนิ้วบดบี้ติ่งเนื้ออ่อนของเธอให้สั่นสะท้าน
“อ๊า คุณเกื้อ อ๊ะ อ๊า! เสียว นัทเสียวคุณเกื้อ”
“อย่าคิดอะไรเลอะเทอะอีก เข้าใจมั้ย”
เขาก้มบอกที่ข้างหูแล้วจูบแก้มเธอไปหนักๆ ก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นมากอดรัดจับวางเธอให้นั่งคร่อมตักแล้วขยับโยกสะโพกมนอัดใส่ความแข็งขึงของเขาด้วยความรุนแรงหนักหน่วง นภิศาเสียวซ่านจนต้องกดฟันสู้ เธอซบหน้าลงกับไหล่ของเขาขยับโยกเอวบางบิดส่ายเร่งเร้าเมื่อความเสียวกระสันวิ่งพล่านเล่นงานเธออย่างหนักจนแทบทนไม่ไหว
หญิงสาวผลักไหล่เขาให้นอนราบแล้วทำหน้าที่เป็นฝ่ายบดคลึงเองด้วยความรนราน สองมือค้ำยันที่หน้าอกแกร่งขยับสะโพกส่ายสะบัดขย่มโยกเป็นจังหวะถี่กระชั้น เรียกเสียงคำรามด้วยความพอใจของเกื้อกูลให้ดังมาเป็นระยะ ยิ่งทำเอานภิศามีกำลังใจอยากทำให้เขามีความสุขและพอใจเธอที่สุด หญิงสาวเอนตัวไปด้านหลังแล้วเด้งเอวเข้าหาเขาถี่ๆ ซ้ำๆ เปิดขาอ้ากว้างให้เขามองเห็นจุดเชื่อมประสานจนเกื้อกูลอดใจไม่ไหวลุกขึ้นเอาศอกค้ำยันแล้วใช้มืออีกข้างลูบไล้ที่เนินนางบดบี้ติ่งกระสันจนนภิศาถึงกับครางระงม
“อ๊า ซี้ด..อ๊า..คุณเกื้อขา..ช่วยนัทหน่อย ช่วยทีไม่ไหวแล้ว” เธอร้องขอเขาเมื่อความเสียวกระสันเสียดซ่านเล่นงานจนเธอแทบทรงตัวไม่ไหว
เกื้อกูลลุกขึ้นนั่งสลับให้เธอนอนราบลงไปก่อนจะจับเอวคอดกิ่วไว้แล้วสาวสะโพกใส่แบบไม่ยั้งตามแรงอารมณ์ที่โหมกระพือ
“อ๊า..อ๊า..ซี้ด..โอ้ว”
“อ๊ะ...อ๊ะ..อร๊าย คุณเกื้อ อ๊า...อร๊ายยย”
สองมือของเธอกำที่ผ้าปูที่นอนแน่นแอ่นหยัดสะโพกเข้าใส่ เมื่อความสุขสมวิ่งเข้ามาใกล้ร่างกายเธอยิ่งเกร็งสะท้าน และไม่นานความเสร็จสุขนั้นก็แตกผลิพร่างพรายเมื่อเขาตอกตรึงเข้าใส่แบบไม่ออมแรง
ร่างบางของนภิศาอ่อนระโหยโรยแรงหอบหายใจถี่ระรวย หันมองสบตาเขาที่กำลังหอบถี่อยู่เช่นกัน เกื้อกูลเห็นแบบนั้นก็ก้มลงกอดจูบซุกไซร้อย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะพลิกกายบางให้คว่ำหน้าโก้งโค้งรับเอาการตอกตรึงจากเขาอีกครั้งจนสุดท่อนลำ
“อ๊ะ..อ๊า..คุ..คุณเกื้อ อื้อ”
นภิศาสั่นสะท้านเสียววาบเมื่อเขากดอัดเข้ามาอีกครั้งจากด้านหลังจนสุดทาง
“ยังไหวอยู่หรือเปล่า ฉันยังไม่พอ” เอ่ยกระซิบบอกข้างหู สองมือโอบอุ้มที่ปทุมงามบีบขยำเคล้นคลึงอย่างเอาแต่ใจ
“หวะ..ไหวค่ะ นัทไหว”
แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เธอก็ตอบรับด้วยความเต็มใจหากว่าจะทำให้เขาพอใจได้ มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลยกับการที่จะให้ความสุขกับคนที่เธอรักในทุกช่วงจังหวะและความปรารถนาที่เขาต้องการ ขอเพียงได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา ขอเพียงได้ยินความสุขสมของเขาที่เกิดจากตัวเธอ เพียงเท่านี้นภิศาก็ยินดีที่จะพลีให้เขาได้ทุกอย่างตามที่เขาร้องขอมา
นภิศาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงานแต่เช้า แต่ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเกื้อกูลตื่นแล้วและกำลังจ้องมองมาที่เธอ“ทำไมคุณเกื้อตื่นเร็วจังเลยคะ หรือว่ามีงานที่ต้องเข้าบริษัท”“เปล่า ไม่มีธุระเข้าบริษัทหรอก แต่มีธุระอย่างอื่น” บอกพลางลุกเดินเข้ามาหาแล้วรวบเอาเอวบางมากอดไว้ ก่อนจะกดจูบลงที่ข้างแก้มอย่างอดใจไม่ได้“อื้อ..ทำอะไรคะเนี๊ยะ ทำไมไม่ไปนุ่งผ้า เดินโทงๆ มาอย่างนี้ได้ยังไง น่าอายจะตาย”“อายอะไร อายใคร อายเธอเหรอ เห็นกันมาสี่ห้าปียังจะต้องมาอายอะไรอีก หรือเธอไม่เคยจับมันเลย ฮึ”ถามพลางหรี่ตามองจ้องหน้าแล้วขยับไปจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างหยอกเย้า นภิศาเขินอายจนต้องเบือนหน้าหลบแล้วทุบลงที่หัวไหล่เขาไปเบาๆ จึงโดนเขาจูบไซร้ไปที่ซอกคออีกจนขนลุกเกรียว“อื้อ..อย่าค่ะ พอแล้ว เดี๋ยวนัทไปทำงานสาย”“ไม่ต้องไปทำงานหรอก ฉันโทรไปบอกการุณย์ให้แล้ว”“อ้าว! ทำไมล่ะคะ คุณเกื้อจะพานัทไปไหนเหรอ”เกื้อกูลไม่ตอบ จับจูงมือเธอไปที่เตียงแล้วรั้งให้นั่งลงที่ตักพร้อมกับกอดเอวบางเอาไว้ ก่อนจะบอก“จะพาไปเที่ยว”นภิศ
ในเช้าวันจันทร์ที่นภิศามาทำงานปกติ แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะไม่ปกติเหมือนอย่างเช่นทุกวัน หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวจนต้องขอยาดมกับพี่ปานเลขาหน้าห้องของการุณย์มาดม“เป็นอะไรนัท ไม่สบายมากหรือเปล่า พี่ว่าไปหาหมอดีมั้ย”ปานกมลเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นผู้ช่วยของเธอดูมีอาการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ปกตินภิศาเป็นคนแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยให้เห็นบ่อยๆ นอกจากเป็นหวัดเป็นไข้ทั่วไปที่กินยาแล้วก็หาย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คงจะไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะนอกจากจะเวียนหัวแล้วนภิศายังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนจนต้องพักขอยาดมจากเธอ“นัทก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ปาน เมื่อเช้าตอนที่แวะซื้อเต้าหู้หน้าออฟฟิศได้กลิ่นปาท่องโก๋ทอดแล้วก็เวียนหัวพะอืดพะอมมาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ”“นัทก็แวะซื้อบ่อยแต่ไม่เคยเป็นไม่ใช่เหรอ”“ค่ะ ไม่เคยเป็นเลย แต่วันนี้ทำไมอยู่ๆ ถึงมีอาการขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ มันเหม็นแล้วก็เวียนหัวจนต้องเดินหนี”“นัท...” ปานกมลคว้ามือของผู้ช่วยของเธอมากุมไว้แล้วมองจ้องหน้าอย่างพิจารณา“พี่ว่าอาการนัทมันแปลกๆ แล้วนะ ลองไปซื้อที่ตรวจมาตรวจดูหน่อยมั้ย”ปานกมล
ในเช้าวันถัดมาเกื้อกูลนั่งอ่านรายงานที่เลขาส่งมาให้ในห้องทำงานที่ออฟฟิศของบริษัท สิบโมงเช้าเขาจะต้องเข้าประชุมกับทีมฝ่ายขาย แต่รายงานที่อ่านไปกลับไม่เข้าหัวเอาซะเลยตั้งแต่เมื่อวานที่เขาจากมาจนกระทั่งถึงตอนนี้นภิศายังคงเงียบหาย เธอไม่ติดต่อกลับมาหาเขาและเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเธอเช่นกัน เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง เรื่องนี้มันเข้าใจยากตรงไหน เคยบอกไปแล้วว่าให้ป้องกันให้ดี แล้วทำไมนภิศาถึงได้ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกจนได้ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เขาไม่ต้องการหาทางแก้อย่างอื่นนอกจากการที่จะให้นภิศาเอาเด็กออก เขาไม่ต้องการให้เธอท้อง ไม่ต้องการเลยโทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะดังอยู่ครืดๆ ช่วยดึงความคิดของเกื้อกูลออกจากภวังค์ เขาหันไปมองที่หน้าจอเห็นว่าเป็นน้องชายโทร.มาจึงคว้ามากดรับสาย“ว่าไงการุณย์”“พี่เกื้อ นัทเขาไม่มาทำงาน พี่พาเขาไปไหนหรือเปล่า”“เปล่า ฉันมาทำงาน”“เขาไม่ได้โทร.มาลางานก่อนเลยนะพี่ ผมให้คุณปานโทร.หาก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้แล้วด้วย เมื่อ
เสียงรถที่ขับเข้ามาในบ้านทำให้คุณพรประภาหันไปมองที่ต้นทาง ในใจแอบลุ้นว่าเป็นลูกชายคนไหนที่กลับมา ช่วงนี้ดูเหมือนว่าทั้งเกื้อกูลและการุณย์จะดูยุ่งจนลืมทางกลับบ้านกันทั้งคู่ แม้แต่นภิศาเองก็หายไปหลายเดือนแล้ว พอถามจากการุณย์ก็บอกแค่ว่าจะปรับตำแหน่งงานให้น้องเลยส่งไปเรียนภาษาเพิ่มในวันหยุดทำให้ไม่มีเวลามาเยี่ยม แต่บอกเจ้าตัวให้แล้วว่าท่านถามหาส่วนเกื้อกูลก็เงียบหายไม่ต่างกัน จากปกติที่กลับบ้านอยู่บ้างอาทิตย์ล่ะสองสามวัน แต่ที่ผ่านมาแทบจะกลายเป็นเดือนละครั้ง ถ้าคุณเกรียงศักดิ์ผู้เป็นบิดาไม่เรียกหาก็ยากที่จะได้เจอตัว“ว่าไงล่ะ วันนี้ลมอะไรหอบมา แม่จะได้ไปขอบคุณพระพายท่านที่ได้เอาลูกชายมาส่ง”ทันทีที่เห็นว่าคนที่เดินเข้าบ้านมาคือการุณย์ คุณพรประภาเองก็เอยถามอย่างประชดประชันออกไปทันที มีลูกชายถึงสองคน แต่ก็เหมือนไม่มีใคร พอจะมีลูกสาวกับเขาบ้างเจ้าลูกชายคนเล็กก็ส่งน้องไปเรียนเพิ่มจนไม่มีเวลาให้ท่านอีกเช่นกัน แบบนี้มันน่าน้อยใจน้อยเสียเมื่อไหร่“ไม่มีลมอะไรหอบมาหรอกครับคุณแม่ ผมมีธุระนิดหน่อย ว่าจะมาหาพี่เกื้อเขากลับมาบ้านบ้างหรือเปล่าครับ”“อ้าว! ทำไมไม่โ
การุณย์ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายด้วยความรีบร้อน เขามีข่าวความคืบหน้าใหม่มาบอกแก่เกื้อกูลถึงคนที่พวกเขาพยายามตามหากันมาหลายเดือน“ว่ายังไงบ้างการุณย์ ได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย”“เจอแล้วครับพี่เกื้อ นักสืบที่เราจ้างไปเขาเจอที่อยู่ของนัทและเจอตัวนัทด้วยครับ”คนเป็นน้องตอบมาพร้อมกับยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ เกื้อกูลเอื้อมจับมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขานั่งลงที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน แกะซองกระดาษออกแล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมารูปถ่ายของผู้หญิงท้องกลมโตใกล้คลอดในชุดคลุมสีหวาน กำลังทำงานอยู่ในคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง รูปที่เธอเดินตลาด และภาพคอนโดฯที่เธอพักอาศัยอยู่ เกื้อกูลใช้มือคลี่รูปออกกระจายจนเต็มโต๊ะ ไล่ดูทีละภาพด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คนในรูปคือนภิศาอย่างแน่นอน เขาจำเธอได้แม้ว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไป“การุณย์นัทสบายดีใช่มั้ย”เขาเอ่ยถามน้องชายออกไป ในใจภาวนาว่าขอให้เธอยังคงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี หวังว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับเธอ“นักสืบที่จ้างไปบอกว่าเธอสบายดีครับ อ๋อแล้วก็นี่”การุณย์หยิบรูป
เช้าวันใหม่นภิศาเดินลงมาจากคอนโดฯที่พัก นอกจากจะเห็นขวัญฤทัยที่มารับแล้ว ยังพบว่าอินทรก็อยู่ด้วย“คุณเกื้อให้พี่มารับนัทไปทำงาน”เขารีบออกตัวทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามาหา ขวัญฤทัยมองหน้าเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายแล้วนภิศาก็ให้อินทรขับรถตามรถของขวัญฤทัยไปเหมือนเดิม เธอจะไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ จากเกื้อกูลอีกเด็ดขาดตกเย็นหลังเลิกงานอินทรหายไปแล้ว พอเห็นว่าเธอไม่ให้มารับมาส่งเจ้านายของเขาคงเรียกตัวกลับ คนอย่างเกื้อกูลน่ะเหรอจะมาใส่ใจเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ หรอกโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยอยู่ในสถานะเมียบำเรออย่างเธอคิดไปแล้วความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาคลอ ในเมื่อเธอหนีออกมาแล้วจะมาตามกันอีกทำไม ตามแค่พอให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนแต่ไม่ได้คิดจะมาใส่ใจกันจริงๆ เลยอย่างนั้นเหรอ เขาไม่ใช่แค่ไม่รักลูก แต่เขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย แค่เสียดายของ แค่ไม่พอใจที่เธอขัดคำสั่งก็เท่านั้นนภิศาหันหน้าหนีมองออกนอกตัวรถแอบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อในตอนที่ขวัญฤทัยขับรถมาส่งเธอในตอนเย็นหลังเลิกงาน หลังจากเพื่อนร่วมงานผู้ใจดีกลับไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาในตัวตึกเพื่อ
“กอดกับเมียคนอื่นมันรู้สึกดีมากหรือเปล่าครับคุณหมอ”เสียงเยียบเย็นเอ่ยถามขึ้น ไม่ได้อยากรู้แต่แค่อยากบอกว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ สามีของนภิศา คนที่มีสิทธิ์ที่จะโอบกอดเธอได้มีแค่เขาคนเดียว“คุณเกื้อ”นภิศามองไปที่เกื้อกูลดวงตาเบิกโพลง ทั้งเธอและชิดชลผละออกจากกันในทันทีที่ได้ยินเสียง คุณหมอหนุ่มมองดูผู้มาใหม่อย่างพิจารณาก่อนจะหันมามองที่นภิศาที่ยืนอยู่ข้างตัว ชายคนนี้คงเป็นสามีของเธอ คนที่หญิงสาวพึ่งบอกกับเขาว่าเป็นพ่อที่ไม่ต้องการลูกและบอกให้คนเป็นภรรยาทำร้ายลูกของตัวเองได้ลงคอ“กลับบ้าน”นั่นเป็นคำพูดเดียวที่เกื้อกูลนึกออก ไม่ต้องมีอะไรอ้อมค้อมหรือพิธีรีตองอะไรกันอีกแล้ว นภิศาเป็นเมียเขา เธอต้องกลับไปกับเขา หมดเวลาวิ่งไล่จับกันสักที และหมดเวลาที่ผู้ชายคนอื่นจะมาแตะต้องเมียเขาได้อีกเกื้อกูลเดินเข้าไปหาแต่นภิศาถอยไปหลบอยู่หลังชิดชล ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ออกตัวกันเธอให้ห่างจากเขาเช่นกัน นั่นทำให้คนที่พึ่งจะอ้างตัวว่าเป็นสามีถึงกับหน้าตึง“กลับบ้านนัท”“ดูเหมือนว่าเธ
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของนภิศาอยู่ในการดูแลของคุณพยาบาลในแผนกดูแลเด็กอ่อน ส่วนคนเป็นแม่ก็นอนหลับอยู่ในห้องพักฟื้น คุณหมอชิดชลกลับไปแล้ว อินทรและน้ำพลอยถูกสั่งให้ไปจัดหาของใช้สำหรับเด็กมาให้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เกื้อกูลกับนภิศาอยู่ด้วยกันในห้องพักเพียงลำพังสองคนชายหนุ่มนั่งมองแม่ของลูกอยู่เงียบๆ ในหัวของเขากำลังเตรียมคำพูดมากมายเพื่อจะคุยกับเธอในตอนที่ตื่น จะทำยังไงถึงจะพานภิศาและลูกกลับไปอยู่ที่บ้านได้ จะต้องพูดยังไงเธอถึงจะยอมไปกับเขา คำพร่ำพรรณนามากมายมันคงใช้ไม่ได้หรอกสำหรับความผิดของเขาในครั้งนี้เกื้อกูลคว้ามือบางของคนที่กำลังหลับมาจับไว้ในอุ้งมือ เขาลูบไล้มือนั้นเบาๆ อย่างแสนรักแล้วจูบลงด้วยความรู้สึกผิดที่ท่วมท้นหัวใจ เขาทำผิดต่อเธอมากมาย เขาทำร้ายความรู้สึกเธออย่างมหันต์ จะมีสิ่งใดเล่าที่จะชดเชยในความผิดครั้งนี้ของเขาได้ เขาจูบลงที่หลังมือของเธออีกครั้งแล้วหันไปมองหน้าของคนที่คิดว่าหลับอยู่ แต่กลับเจอสายตาว่างเปล่าที่กำลังมองมา นภิศาเห็นการกระทำนั้นของเขาอยู่ตลอด เธอไม่ดึงมือออก ไม่ปฏิเสธการกระทำนั้น แต่ก็ไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาที่จ้องมองมาโดยไร้ความยินดี“ตื่น
เสียงครางงึมงำของเกื้อกูลที่ดังอยู่ข้างหูทำให้นภิศาหันมามอง คนที่นอนอยู่ข้างๆเธอเขายังคงหลับตา แต่ริมฝีปากก็ยังพึมพำอะไรบางอย่างที่เธอฟังไม่ค่อยชัด“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ละเมอเหรอคะ คุณเกื้อคะ”เธอพยายามเขย่าปลุกเรียกให้ตื่น แต่เกื้อกูลก็ยังคงเพ้อไม่หยุด“ไม่ ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่จริง มันไม่ใช่ความจริง”คราวนี้นภิศาได้ยินชัดเพราะเขาพูดคำเดิมซ้ำๆและดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกำลังเถียงกับตัวเอง นอกจากนั้นท่าทางของเกื้อกูลยังดูหวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเขาเองกำลังปฏิเสธมันออกมา“คุณเกื้อคะ คุณเกื้อ ตื่นค่ะ คุณเกื้อ เพี๊ยะ!!”เมื่อเห็นว่าแค่ปลุกเรียกเขาคงไม่ตื่น เธอจึงฟาดฝ่ามือลงที่ท่อนแขนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมาเต็มแรง ทำเอาคนที่กำลังหลับละเมอสะดุ้งตื่น เขาหันมามองหน้าเธอสีหน้างงงวย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นภิศาจึงอธิบายให้ฟังว่าเขาละเมอ เธอพยายามปลุกอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมตื่นเลยต้องฟาดฝ่ามือตีแรงๆ“พี่ละเมอเหรอ”“ค่ะ คุณเกื้อละเมอ จำได้มั้ยคะว่าละเมอว่าอะไร นัทได้ยินคุณเกื้อบอกว่าไม่ ไม่จริง
เค้กช็อคโกแลตก้อนใหญ่ปักเทียนเอาไว้โดยรอบ ถูกยื่นมาตรงหน้าของเจ้าหนูกุลกานต์ ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก รายล้อมไปด้วยปู่ย่า พ่อแม่ และอา รวมทั้งคนงานในบ้านทุกคน ต่างมาร่วมอวยพรและร้องเพลงวันเกิดให้ ทำเอาน้องกานต์ชอบใจปรบมือแปะๆตามทุกคน ปากก็ร้องงึมงำงึมงำตามไม่เป็นภาษา จนเมื่อเพลงจบเกื้อกูลจึงบอกให้ลูกเป่าเค้ก พ่อกับแม่ช่วยกันเป่าดับไปแล้วบางส่วน เจ้าตัวเล็กเห็นแบบนั้นก็เอาบ้าง เป่าลมพรูออกจากปากจนน้ำลายกระเด็น แต่เทียนก็ยังดับไม่หมดจนคนเป็นพ่อต้องช่วยเป่าแทนอีกรอบ พอเทียนดับหมดน้องกานต์ก็ปรบมือแปะๆชอบใจ“หนึ่งขวบแล้วนะครับหลานย่า”คุณพรประภาก้มจูบลงที่ศีรษะของหลานรักด้วยความเอ็นดู คนเป็นปู่ก็ยื่นมือมายีหัวอย่างรักใคร่ ใครต่อใครต่างเข้ามาห้อมล้อมเต็มไปหมด จนเจ้ากานต์น้อยไม่รู้จะหันไปมองใคร จึงทำได้แต่กวักมือเรียกหาแม่อยู่ไหวๆ“แหมะๆๆ แหมะ”การุณย์ได้ยินหลานเรียกแม่แบบนั้นก็ขำใหญ่ หัวเราะงอหายท้องขดท้องแข็ง“โธ่ เจ้าอ้วนหลานอา นั่นแม่นะลูก ไม่ใช่แพะ จะมาเรียกแหมะๆแบบนั้นไม่ได้ ไหนเรียกใหม่ซิ แม่ เรียกเร็วเรียก แม่ ไ
หลายวันผ่านไปห้องของเกื้อกูลที่รีโนเวทไว้ก็เรียบร้อย จากที่ตั้งใจจะเร่งให้เสร็จโดยไวแต่ก็ทิ้งระยะไปเป็นเดือนเพราะเตียงไซน์ใหญ่ที่เขาสั่งทำขึ้นมาใหม่ยังไม่พร้อมโชคดีเป็นของชายหนุ่มอยู่บ้างที่ระหว่างรอนั้นเขาคืนดีกับนภิศาได้แล้ว จึงทำให้มีที่หลับนอน ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอาศัยห้องของการุณย์แล้วคอยตื้อขอนอนห้องเธออยู่อย่างนั้นจนกวาจะใจอ่อนวันนี้เกื้อกูลสั่งให้คนในบ้านช่วยกันย้ายข้าวของของนภิศากับลูกมาไว้ที่ห้องนอนของเขาจนเกลี้ยง แน่นอนว่าเกลี้ยงชนิดที่กลับมานอนอีกไม่ได้ แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างเขาก็ยกให้คนงานในบ้านแบ่งกันเอาไปใช้ให้หมดเพราะเกื้อกูลคิดไว้แล้วว่าหากเผลอทำอะไรให้นภิศางอน จะต้องไม่มีห้องให้เธอหอบลูกหนีมานอนแยกกับเขาได้อีกหลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพ รวมทั้งช่วยกันกับอินทรยกชั้นออกไปไว้ที่ห้องพักเขาก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน พอเดินผ่านห้องนั่งเล่น พ่อกับแม่ของเขาก็เรียกให้เข้าไปหา“พ่อกับแม่มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่าครับ”“มีสิ” คุณพรประภาเป็นคนตอบ ก่อนจะมองหน้าแล้วเอ่ยถามลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง&l
“อ๊ะ! อ๊า คุณเกื้อเบาๆ ค่ะ นัทเจ็บ”นภิศาห่อไหล่ครางซี้ดซ้าด ทั้งเจ็บทั้งเสียวจากแรงดูดดึงและขบเม้มของเกื้อกูล เขาผละจากอกอิ่มข้างหนึ่งมาดูดดึงอีกข้างหนึ่งจนพอใจ จึงลุกขึ้นมาถอดทิ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดก่อนจะโน้มลงคร่อมร่างของเธอเอาไว้แล้วกดจูบลงไปที่สองข้างแก้ม ริมฝีปาก ปลายคาง ซอกคอ หัวไหล่ซ้าย หัวไหล่ขวา ลูบไล้ไปทั่วผิวกายอ่อนละมุน กดจูบดอมดมไปทั่วทุกอณูเนื้อนวลสัมผัสแผ่วเบาของเขาลากเรื่อยไปตามผิวกายของนภิศาจูบไล่ลงมาตามร่องอก เคลื่อนริมฝีปากลงต่ำมาจนถึงสะดือเล็ก แล้วช้อนตาขึ้นมองเธออีกครั้งก่อนจะวางฝ่ามือลงที่หว่างขา ลูบไล้ไปมาเบาๆ ทำเอานภิศาถึงกับต้องกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นหัวใจสั่นไหวในตอนที่เขาจ้องมอง“อยากให้พี่ทำยังไงครับ”เกื้อกูลเอ่ยถามเสียงพร่า นภิศาปิดปากส่ายหน้า ไม่รู้ว่าจะต้องตอบเขาว่ายังไง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรให้เธอก็ยินยอมทั้งนั้นเกื้อกูลยิ้มในหน้า ฝ่ามือของเขายังคงลูบไล้อยู่ที่กลุ่มใหมบางของเธอไปมา ก่อนจะกดปลายนิ้วเข้าหาความฉ่ำชื้นที่กำลังเอ่อไหลแล้วค่อยจมมิดหายเข้าสู่กายสาวถึงสองนิ้วพร้อมกันอย่างช้าๆ“อ๊ะ..อื้อ..คุณเกื
หนึ่งอาทิตย์ถัดจากนั้นคุณหมอชิดชลก็ถูกเชิญให้มาทานข้าวที่บ้านประชาพิพัฒน์ด้วยคำชวนของคุณพรประภา ทันตแพทย์หนุ่มยังคงงงงวยอยู่ไม่น้อยที่หลังจากที่เขามาพบนภิศาไม่นาน เธอกับเกื้อกูลก็คืนดีกัน ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนยังรักกันอยู่ แต่คุณหมอชิดชลก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเร็วจนเขานึกไม่ถึง“ว่าไงครับเจ้าลูกหมู น้องกานต์ลูกพ่อชล มาหาพ่อหน่อยมา คิดถึงจังเลยลูก”เมื่อเห็นนภิศาอุ้มลูกชายเข้ามาหาคุณหมอหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะขออุ้มทันที เพราะตอนนี้เจ้าหนูกุลกานต์พึ่งอาบน้ำประแป้งมาซะตัวหอมเลยทีเดียวพอรับเจ้าลูกหมูมาไว้ในอ้อมแขนก็จัดการฟัดแก้มซ้ายขวาเอาซะหน้าคุณหมอหนุ่มติดแป้งขาวตามลูกชายของเขาจนนภิศาอดขำไม่ได้“อะ แฮ่ม!!”เสียงกระแอมที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้คุณหมอชิดชลเงยหน้าจากการฟัดแก้มยุ้ยขึ้นมามอง เห็นเกื้อกูลเดินมาหยุดซ้อนหลังแม่เจ้าอ้วนแล้วมองที่เขาตาขุ่นขวางก็เอ่ยทักทาย“เป็นไงบ้างครับคุณเกื้อกูล ดูเหมือนว่าลูกชายของเราจะโตวันโตคืนเชียวนะครับ”เอ่ยกับคนเป็นพ่อแล้วอุ้มเอาลูกเขาตรงไปที่ห้องรับแขกที่คุณพรประภาและคุณเกรียงศักดิ์นั่งรออยู่
เช้าวันใหม่สำหรับเกื้อกูลวันนี้เป็นเช้าที่สดใสที่สุดตั้งแต่มีชีวิตเกิดมาสามสิบกว่าปี ในอ้อมแขนของเขาคือเจ้าหนูกุลกานต์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนในวัยห้าเดือนเศษ เขาตื่นมาพาลูกออกมาเดินเล่นที่สวนหน้าบ้านตั้งแต่ฟ้าเริ่มสาง ปล่อยให้นภิศาจัดการกิจวัตรของเธออยู่ในห้องเพียงลำพัง“ว่าไงครับลูกพ่อ หนูอยากไปไหนอีกมั้ย เมื่อยหรือยังลูก หืม หนูเมื่อยหรือยังครับ”“แอ้แอ้”เจ้าหนูน้อยนี่ก็ช่างเอาใจพ่อเก่ง พ่อพูดพ่อคุยอะไรมาก็ตอบรับอ้อแอ้ไปซะหมด ยิ่งทำให้เกื้อกูลได้ใจไปใหญ่ ถึงจะมีบางครั้งที่มือน้อยๆ นั้นจะยังหันมาฟาดหน้าพ่ออยู่บ้างแต่ก็ไม่เป็นไร เขาทนได้ถ้าลูกเขาชอบ“นั่นคุณเกื้ออุ้มน้องกานต์อยู่เหรอคะ”น้ำพลอยที่เดินผ่านมาเห็นเอ่ยถามด้วยความสงสัยท่าทางของเธอดูจะตกใจมากกว่าประหลาดใจเสียด้วยซ้ำ“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม ก็ลูกฉัน ฉันจะอุ้มลูกตัวเองออกมาเดินเล่นบ้างไม่ได้เหรอ”“แต่คุณเกื้อถูกสั่งห้ามไม่ให้แตะต้องน้องกานต์นะคะ”“นั่นมันเป็นคำสั่งเก่า ตอนนี้นัทเขายอมให้ฉันแตะลูกได้แล้ว จริงมั้ยครับลูกพ่อ หืม น้องกานต์ชอบอยู่กับพ่อมั้ยครับลูก”ตอบก
นภิศาพาลูกมานอนลงที่กลางเตียงใหญ่ จูบลงที่หน้าผากลูกน้อยอย่างแสนรัก ตอนนี้น้องกานต์หลับไปแล้ว เขาคงจะร้องไห้จนเหนื่อย กว่าลูกจะมีอาการดีขึ้นคนเป็นแม่ก็เจ็บไปทั้งใจ ถึงคุณหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่การที่เห็นลูกร้องไห้แบบที่คนเป็นแม่ไม่รู้จะแก้ไขยังไงได้ก็ทำเอาเธอใจแทบขาด เธอจูบเธอหอมหน้าลูกอยู่หลายครั้งทั้งรักทั้งหวงโดยที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่การที่เธอรักษาชีวิตเขาไว้ได้ กว่าที่เขาจะเติบใหญ่นภิศาก็ไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเจ็บป่วยอะไรอีกแล้วเกื้อกูลนั่งมองนภิศาคุยกับลูก และจูบหอมลูกอยู่พักใหญ่แล้วตั้งแต่ที่เธออุ้มเอาลูกไปวางที่เตียง ความรักที่เธอแสดงต่อลูกมันทำให้เขาเจ็บหน่วงไปทั้งใจ หากวันนั้นเธอตัดสินใจทำลงไปในสิ่งที่เขาบอก ชีวิตของเขาและเธอคงมีความสุขด้วยกันไปวันๆ เป็นความสุขที่เขามองเห็นจากภายนอก แต่ภายในใจของนภิศาคงบอบช้ำและเป็นตราบาปในใจไปตลอดกาลเขายังจำได้ถึงเหตุการณ์ที่อยู่บนเครื่องบินตอนที่เขาและเธอกลับจากเที่ยวกระบี่ด้วยกัน นภิศาเห็นเด็กกับแม่บนเครื่องบินแล้วเธอก็ร้องไห้“คุณเกื้อ”เธอหันมามองที่เ
เกื้อกูลกลับมาถึงบ้านอีกทีในตอนบ่ายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว หลังกลับมาถึงบ้านไม่เกินห้านาทีก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่งวิ่งตามมา“พาใครมาด้วยน่ะเกื้อ”คุณพรประภาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเห็นว่าเขากำลังยืนรอเจ้าของรถอีกคันอยู่ที่หน้าบ้าน“สถาปนิกครับแม่ ผมจะให้เขามารีโนเวทห้องให้ใหม่ ห้องข้างๆ กันจะเจาะประตูเชื่อมทำเป็นห้องน้องกานต์ตอนที่แกเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย ส่วนห้องนอนจะให้เขาเพิ่มขนาดเตียงและแบ่งเป็นโซนเด็กเล็กด้วย”“พูดเหมือนนัทเขายอมคืนดีด้วยแล้วงั้นแหละ เห็นยายพลอยบอกว่าเมื่อเช้าก็ถูกเขาไล่ออกจากห้องมาไม่ใช่เหรอ”“แต่เมื่อคืนผมก็ได้นอนห้องนั้นนะครับ”บอกกับมารดาอย่างโอ้อวดแล้วยิ้มจนหน้าบาน ก่อนจะนำสถาปนิกที่พามาเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนของเขาเองหลังจากสถาปนิกมาดูห้องเขาได้สามวันทีมช่างก็เข้ามาทำงาน นภิศาต้องพาลูกออกไปนั่งเล่นที่นอกบ้าน เพราะในบ้านค่อนข้างเสียงดัง ยิ่งวันแรกช่างเริ่มทำการเจาะผนังเพื่อทำประตูเชื่อม ทำเอาเจ้าหนูกุลกานต์ไม่ยอมหลับยอมนอน สะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้ง“คุณเกื้อให้ช่างมาทำอะไรพี่พลอย เสียงดังน้องกานต์นอนไม่ได้
เสียงกรุ๊งกริ๊งและอ้อแอ้ของลูกน้อยปลุกให้นภิศาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนหกโมงเช้า ดูเหมือนวันนี้เธอจะตื่นสายกว่าปกติโชคดีที่เจ้าตัวเล็กตื่นมาแล้วไม่งอแง ได้ยินแต่เสียงอ้อแอ้ๆ เล่นอยู่คนเดียว พอหันมามองที่คนเป็นพ่อก็เห็นว่าเกื้อกูลยังคงหลับเป็นตายนภิศาจัดการกิจวัตรประจำเช้าของเธอจนเรียบร้อย ทั้งให้นมลูก พาลูกอาบน้ำ และจัดการตัวเองจนเสร็จแต่เกื้อกูลก็ยังคงหลับสนิท เธอจึงเอาลูกไปวางที่เตียงเด็ก ก่อนจะมาปลุกคนเป็นพ่อที่ยังคงนอนไม่ตื่น“คุณเกื้อ คุณเกื้อคะ สายแล้วนะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”หญิงสาวพยายามเขย่าปลุก แต่คนที่นอนอยู่ไม่ยอมลุกทั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้ว มิหนำซ้ำยังเกี่ยวเอาร่างบางของเธอให้ล้มตัวลงไปนอนด้วยกันอีก“อุ๊ย! คุณเกื้อลุกได้แล้วค่ะ มันเช้าแล้วนะ ลุกไปทำงานได้แล้วค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”บอกพร้อมกับขยับกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าอยู่กับซอกคออุ่นแล้วหลับต่อ เขารู้สึกว่าพึ่งจะได้นอนไปไม่เท่าไหร่นี่เอง ยังไม่พร้อมจะตื่นตอนนี้เลยจริงๆ นภิศาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องปลุกเขาให้ลุกออกไปจากห้อ