แต่มีความสามารถด้านการต่อสู้เป็นอย่างมาก โดยหยางเทียนหนานเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหยางหรือตระกูลนักรบที่อยู่คู่บ้านเมืองมาอย่างยาวนานพอ ๆ กับตระกูลซ่งและตอนนี้อดีตแม่ทัพใหญ่หยางเหอซานเองก็ได้ส่งคืนอำนาจให้กับฮ่องเต้ก่อนจะใช้ชีวิตกับฮูหยินสุดที่รักอยู่ภายในจวนตระกูลหยางอย่างสงบสุขและส่งหยางเทียนหนานมาทำหน้าที่แทนตนเองหลังจากนั้นทั้งสามคนก็ขี่อาชาเข้าไปด้านในค่ายทหารก่อนจะลงจากหลังม้าเมื่อเข้ามาพ้นประตูของค่ายและส่งม้าให้กับผู้ดูแลนำไปดูแลต่อทางด้านพวกเขาทั้งสามก็เดินตรงไปยังกระโจมของแม่ทัพซ่งทันที แต่เดินไปถึงลานฝึกการต่อสู้กับเห็นว่าเหล่าทหารนั้นกำลังมุงดูอะไรสักอย่างด้วยความสงสัยชินอ๋องจึงได้เปลี่ยนจุดหมายแล้วเดินตรงไปยังลานฝึกเพื่อดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นถึงได้ดูวุ่นวายเช่นนี้ด้านแม่ทัพซ่งพร้อมอดีตราชครูเองหลังจากได้รับรายงานว่าชินอ่องเสด็จมาตรวจค่ายพวกเขาทั้งสองต่างก็รีบออกมาต้อนรับที่ด้านหน้ากระโจมแต่รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่มาจึงเกิดความสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ทั้งสองจึงได้รุดหน้าไปยังด้านหน้าทางเข้าทันทีเช่นกันลานฝึกในตอนนี้สถานการณ์ก็กำลังจะเริ่มการต่อสู้ อวี
พลั่ก! กรี๊ดด!! ตุบ!“คุณหนู!”เสียงกรีดร้องของสาวใช้คนสนิทของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากเห็นร่างของคุณหนูของตนพลัดตกจากบันไดลงไปยังชั้นล่าง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมชื่อดังของเมืองหญิงสาวที่ร่วงลงมาจากบันไดนับสิบขั้นแน่นิ่งหมดสติไปหลังจากกลิ้งลงถึงพื้นด้านล่างพร้อมกับเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาบริเวณขมับด้านซ้ายที่เกิดจากแผลกระแทกสาวใช้ตัวเล็กที่ได้สติรีบวิ่งลงไปดูคุณหนูของตนเองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกระคนหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด“คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู อึก…คุณหนูอย่าเป็นอันใดไปนะเจ้าคะ อึก.. ใครก็ได้ช่วยตามหมอให้ข้าที..”สาวใช้ตัวเล็กที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างน่ารักทั้งที่อายุก็ปาไป 18 ปีแล้วนั้นในตอนนี้ดวงตากลมโตของเจ้าตัวกำลังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินเป็นทางพร้อมกับพร่ำเอ่ยเรียกคุณหนูของตนด้วยสีหน้าหวาดกลัวเป็นภาพที่ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์อยู่นั้นต้องเบือนหน้าหนีด้วยความเห็นใจส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวตกลงมานั้นทำเพียงยืนมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าราบเรียบอย่างไร้ความรู้สึกอยู่ที่เดิม โดยที่ภายในอ้อมกอดของบุรุษผู้นั้นยังมีร่างของหญิงสาวอีกคนอยู่ด้วย
ตั้งแต่เด็กจนโตมานั้นคนที่คอยเลี้ยงดูนางและเคียงข้างนางมาตลอดก็คือ หลิวหวัง หรือแม่นมหลิว สาวใช้คนสนิทที่ติดตามท่านแม่ของนางมากับเด็กสาวเสี่ยวอิงสาวใช้ที่เติบโตมาพร้อมกับนางเสี่ยวอิงนั้นเป็นหลานสาวของแม่นมหลิวที่ท่านรับมาดูแลก่อนที่มารดาของไป๋อวี้หลันจะแต่งเข้ามาที่จวนตระกูลไป๋แห่งนี้แต่ที่ทำให้อวี้หลันหญิงสาวจากยุค 2023 รู้สึกอยากจะตะโกนให้คอแตกก็ตรงที่โลกที่นางมาอยู่ในตอนนี้ดันเป็นโลกนิยายในเรื่อง’ ชายารักองค์รัชทายาท’นิยายที่เพื่อนสนิทของนางนำมาให้อ่านเมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง และจุดจบนางร้ายไร้สมองยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายโดยไม่สนว่าจะทำให้ใครต้องเดือดร้อนไปด้วยจุดจบอันแสนบัดซบคือนางร้ายต้องโทษประหารเพราะจ้างวานคนให้ไปลอบสังหารหญิงอันเป็นที่รักขององค์รัชทายาทผู้แสนจะเย็นชากับทุกคนโลกแต่กลับอบอุ่นอ่อนโยนแค่เพียงนางเอกของเรื่องเท่านั้นแต่ที่นางสงสารนั้นไม่ใช่คนตระกูลไป๋กับบิดาสารเลวผู้นี้ แต่เป็นตระกูลซ่งของท่านตา ท่านยาย และเหล่าท่านลุงท่านป้าพร้อมทุกคนในตระกูลซ่งที่ต้องมารับจุดจบเช่นนี้พร้อมกับนางร้ายของเรื่องเพียงเพราะไม่อาจจะทนมองเห็นหลานสาวเพียงคนเดียวต้องตกตายไปอย่างน่าสงสา
“แม่นมท่านอย่าได้ทำสีหน้าเช่นนั่นสิ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก”ไป๋อวี้หลันเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่กำลังยืนน้ำตาคลออย่างน่าสงสารด้วยรอยยิ้มบางเบา“อึก…คุณหนูของนม ใครกันถึงกล้าทำร้ายท่านจนเลือดตกยางออกถึงเพียงนี้เจ้าคะ”หลิวหวังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือโทสะเป็นอย่างมาก“ก็คู่หมั้นสุดเลิศเลอของข้าอย่างไรเล่า เพื่อปกป้องสตรีที่เขารัก เขาถึงกับกล้าผลักข้าตกบันไดเชียวนะ แม่นมคิดว่าข้าควรที่จะตบแต่งกับบุรุษเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่กัน”ไป๋อวี้หลันเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าตัวนางกำลังบอกเล่าเรื่องราวทั่วไป แต่หญิงวัยกลางคนกลับมีสีหน้าตื่นตะลึเพราะความจริงที่ได้รับรู้ตัวของหลิวหวังเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าองค์รัชทายาทจะกล้าลงมือทำร้ายคุณหนูของตนเองได้ถึงเพียงนี้ยิ่งมองดูสภาพหญิงสาวที่ตนเองรักสุดหัวใจคอยเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมกลับต้องมาเจ็บตัวเพราะบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของตนช่างน่าสงสารยิ่งนักไหนจะบิดาที่เห็นแต่ผลประโยชน์และหลงมัวเมาในมารยาสตรีแพศยานางนั้นจนลืมสิ้นสิ่งที่นายหญิงของนางได้ร้องขอเอาไว้ก่อนตายว่าให้ดูแลปกป้องคุณหนูของนางให้ดีที่สุดแต่ผ่านไปเพียงแค่สามเดือ
แต่พออยู่กันตามลำพังกับพี่สาวต่างมารดากลับกลายร่างเป็นสตรีร้ายกาจเสียอย่างนั้น ชอบอิจฉาในรูปโฉมของพี่สาวต่างมารดา คอยหาทางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้โมโหอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่มาของข่าวลือที่ว่าคุณหนูใหญ่ไป๋นั้นมีนิสัยโหดร้ายชอบทำร้ายทุบตีน้องสาวต่างมารดาและบ่าวไพร่ในเรือนนั่นเอง“ข้าบอกให้เจ้าโผล่หัวออกมา! อย่ามัวแต่มุดหัวอยู่ในกระดอง วันนี้ข้าจะต้องถามเอาความจริงจากปากของเจ้าให้ได้ว่าไปสร้างเรื่องอะไรให้องค์รัชทายาททรงไม่พอใจกัน!”เสียงแหลมสูงยังคงตะโกนอยู่นอกเรือนอย่างโกรธเกรี้ยวจนทำให้ไป๋อวี้หลันที่ไม่ชอบเสียงดังถึงกับรู้สึกไม่สบายหูขึ้นมาทันทีนางคิดแล้วว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมไปไหนอย่างแน่นอนจึงได้บอกให้เสี่ยวอิงเปิดประตูเรือน ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมายืนด้านหน้าเรือนด้วยท่าทีสงบนิ่งเมื่อไป๋ลี่หลินเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีโมโหเหมือนเช่นทุกครั้งที่ตนมาหาเรื่องก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที บวกกับข่าวลือที่ได้ยินมาเมื่อสักครู่นี้ว่าพี่สาวผู้โง่งมของตนได้ไปสร้างเรื่องให้กับองค์รัชทายาทบุรุษที่นางหลงรักและอยากจะแย่งชิงมารู้สึกไม่พอใจขึ้น“วันนี้เจ้าไปทำสิ่งใดให้องค์รัชทายาททรงโกรธจนถึงกับต้อ
“ข้าคิดเองได้เจ้าค่ะไม่จำเป็นต้องมีใครมาสอนในเรื่องนี้”ไป๋อวี้หลันเอ่ยตอบผู้เป็นบิดาด้วยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก“ดียิ่ง! นอกจากจะเอาแต่สร้างปัญหาให้ข้าคอยตามล้างตามเช็ดแล้ว แกยังทำตัวหน้าด้านตามหึงหวงบุรุษไปทั่วเช่นเดียวกับมารดาของเจ้าสินะนังลูกสารเลว!”ไป๋ฮุ่ยหมิงที่เผลอเอ่ยพาดพิงถึงมารดาของอีกฝ่ายอย่างลืมตัวเพราะความโมโห“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ? ถ้าหากว่าการที่ตระกูลไป๋มีข้าเป็นคุณหนูใหญ่มันสร้างความอับอายและปัญหามากมายให้กับท่านเสนาบดีไป๋ถึงขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นข้าขอรบกวนท่านช่วยลบชื่อข้าออกจากผังตระกูลด้วยก็แล้วกันเจ้าค่ะ”เพียะ!จบคำของไป๋อวี้หลันฝ่ามือหนาของไป๋ฮุ่ยหมิงก็ตบลงไปที่แก้มนวลอย่างแรงจนใบหน้างามของไป๋อวี้หลันนั้นหันไปตามแรงตบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงและปรากฏรอยฝ่ามือในเวลาต่อมาจนดูน่ากลัว“!!!”“นะ นายท่าน!”เสียงของแม่นมหลิวเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ“อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงมือกับเจ้านะ ต่อให้จะเป็นหลานสาวของตระกูลซ่ง แต่ที่นี่เจ้าคือลูกสาวของข้าไม่ว่าข้าจะทำอะไรกับเจ้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาโต้แย้งทั้งสิ้น!”เสียงตวาดของไป๋ฮุยหมิงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณเพราะโทสะที่เจ้าของจวนมี
“คะ คุณหนู! ทำไมท่านจึงได้ถามข้าเช่นนั้นกันเจ้าคะ ต่อให้ต้องไปตกระกำลำบากข้างนอกมากมายเพียงใด ขอแค่มีคุณหนูอยู่ข้าก็พร้อมจะไปกับท่านเจ้าค่ะ”“ขอบใจแม่นมมาก แล้วเจ้าเล่าเสี่ยวอิง”ไป๋อวี้หลันเอ่ยขอบคุณกับแม่นมของตนเสร็จก็หันไปเอ่ยถามสาวใช้คนสนิทต่อ“ข้าก็ต้องไปกับคุณหนูอยู่แล้วเจ้าค่ะ”“ได้ เช่นนั้นในเมื่อสินเดิมของท่านแม่ข้าก็ไม่ได้คืนแล้วข้าขอแค่ทั้งสองคนนี้ไปกับข้าคงจะไม่มากเกินไปหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ”ไป๋อวี้หลันที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าสินเดิมของมารดาคงถูกบุรุษเห็นแก่ตัวผู้นี้นำไปใช้แล้วจึงได้เอ่ยแกมข่มขู่ให้อีกฝ่ายยอมมอบทั้งสองคนนี้ให้กับตนเองเสียเพื่อจบปัญหาเรื่องนี้“ได้ เอาตามที่เจ้าต้องการ”เอ่ยจบไป๋ฮุ่ยหมิงก็เดินจากไปทันทีเหลือก็เพียงแค่ไป๋ลี่หลินที่ยังคงยืนหัวเราะเย้ยหยันหญิงสาวด้วยความสาแก่ใจ“ในที่สุดวันที่เจ้าโดนเขี่ยออกจากตระกูลก็มาถึง ข้าจะรอดูว่าคนอย่างเจ้า ถ้าไม่ได้เป็นคุณหนูใหญ่ไป๋แล้ว เจ้าจะยังเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองแบบนี้ได้อีกไหม”ไป๋ลี่หลินเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยความสุขที่ได้เห็นศัตรูหัวใจและมารความสุขโดนไล่ออกไปเสียที“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวผิดเองเจ้าค่ะที่ไม่ยอมเอ่ย
เสียงเย็นชาดุจน้ำแข็งพันปีหลุดออกมาจากปากหยักของบุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่มีใบหน้าสง่างามและงดงามในเวลาเดียวกันข่าวลือที่ว่าชายหนุ่มนั้นช่างมีใบหน้าราวกับเทพเซียนลงมาจุตินั้นไม่เกินจริง เพราะบุรุษผู้ที่กำลังยืนอยู่ระเบียงหน้าต่างแล้วจ้องมองหญิงสาวที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงฝันนั้นก็คือ ชินอ๋องจวินซีฮันพระอนุชาร่วมบิดามารดาเดียวกันเพียงคนเดียวของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ทรงรักและดูแลมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างชินอ๋องซีฮันก็ยังดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของแคว้นชิงแห่งนี้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาที่สง่างามราวกับเทพเซียน หรือจะเป็นความสามารถทั้งด้านบุ๋นและบู้ต่างก็เก่งกาจทั้งสิ้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ชินอ๋องได้นำทัพออกรบก็สามารถชนะศึกกลับมาได้เสมอและได้ฉายาในสนามรบว่า เทพมรณะแห่งสนามรบ และที่แห่งนี้ก็คือจวนลับที่ชายหนุ่มซื้อและสร้างเอาไว้เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายในวังหลวงเดิมทีเขาเองก็มีตำหนักส่วนตัวที่ฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชายมอบเอาไว้ให้แต่ก็นั่นแหละ เมื่อเป็นของพระราชทานย่อมต้องมีผู้คนรู้จักและพวกสตรีที่วัน ๆ คอยแต่จะนำพาตั
แต่มีความสามารถด้านการต่อสู้เป็นอย่างมาก โดยหยางเทียนหนานเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหยางหรือตระกูลนักรบที่อยู่คู่บ้านเมืองมาอย่างยาวนานพอ ๆ กับตระกูลซ่งและตอนนี้อดีตแม่ทัพใหญ่หยางเหอซานเองก็ได้ส่งคืนอำนาจให้กับฮ่องเต้ก่อนจะใช้ชีวิตกับฮูหยินสุดที่รักอยู่ภายในจวนตระกูลหยางอย่างสงบสุขและส่งหยางเทียนหนานมาทำหน้าที่แทนตนเองหลังจากนั้นทั้งสามคนก็ขี่อาชาเข้าไปด้านในค่ายทหารก่อนจะลงจากหลังม้าเมื่อเข้ามาพ้นประตูของค่ายและส่งม้าให้กับผู้ดูแลนำไปดูแลต่อทางด้านพวกเขาทั้งสามก็เดินตรงไปยังกระโจมของแม่ทัพซ่งทันที แต่เดินไปถึงลานฝึกการต่อสู้กับเห็นว่าเหล่าทหารนั้นกำลังมุงดูอะไรสักอย่างด้วยความสงสัยชินอ๋องจึงได้เปลี่ยนจุดหมายแล้วเดินตรงไปยังลานฝึกเพื่อดูว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นถึงได้ดูวุ่นวายเช่นนี้ด้านแม่ทัพซ่งพร้อมอดีตราชครูเองหลังจากได้รับรายงานว่าชินอ่องเสด็จมาตรวจค่ายพวกเขาทั้งสองต่างก็รีบออกมาต้อนรับที่ด้านหน้ากระโจมแต่รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่มาจึงเกิดความสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ทั้งสองจึงได้รุดหน้าไปยังด้านหน้าทางเข้าทันทีเช่นกันลานฝึกในตอนนี้สถานการณ์ก็กำลังจะเริ่มการต่อสู้ อวี
ความเงียบยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่องแต่ว่าคนที่เอ่ยถึงเมื่อครู่นั้นจะได้สติคืนกลับมาหลังจากที่ตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ย กับตนเอง ก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะเริ่มแดงขึ้นตามแรงโทสะที่มี“ถ้าคุณหนูอวี้หลันอยากจะพิสูจน์ความสามารถของรองแม่ทัพอย่างข้า ถ้าเช่นนั้นก็อย่ามาโวยวายว่าโดนข้ารังแกทีหลังก็แล้วกัน”เผิงซานฉีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับจ้องมองใบหน้างามอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่แน่นอน ข้าเป็นฝ่ายเอ่ยท้าประลองกับท่านเองแล้วจะไปกล่าวโทษท่านรองแม่ทัพเผิงได้อย่างไรกัน”อวี้หลันเอ่ยตอบบุรุษตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมา“แล้วท่านต้องการที่จะแข่งกับข้าในด้านใดกันเล่า”เมื่อเห็นว่าสตรีตรงหน้าไม่มีท่าทีร้อนใจรองแม่ทัพเผิงจึงเอ่ยถามว่านางต้องการจะแข่งกับเขาด้านใด“ต่อสู้มือเปล่าก็แล้วกัน”“นี่หลันเอ๋อร์เจ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันอยู่นะ อย่าทำให้เป็นเรื่องเลย”ฉือลู่เองกับเป็นคนไม่เห็นด้วยที่น้องสาวของตนกำลังจะสร้างเรื่องให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเช่นนี้“พี่ฉือลู่ไม่ต้องกังวลไปเจ้าค่ะ ข้าไหว”อวี้หลันเอ่ยบอกกับญาติผู้พี่ของตนพร้อมส่งรอยยิ้มบางเบาไปให้อีกฝ่าย“เช่นนั้นก็เอาตาม
ภายใต้สถานการณ์อันน่าหวาดกลัวและกดดันจู่ ๆ เสียงเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นราวกับเป็นเสียงสวรรค์ที่ลงมาโปรดพวกนายทหารทั้งหลาย“ทะ…ท่านรองแม่ทัพซ่ง!”เสียงนายทหารหลายคนเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่เดินมาจากด้านหลังด้วยความสนใจอวี้หลันจึงไห้หันกลับไปมองยังทิศทางของเสียงซ่งฉือลู่เป็นบุรุษที่สูงโปร่งดูองอาจสมชายชาติทหารแถมเขายังมีใบหน้าที่หล่อเหลาที่ถูกส่งต่อมาจากท่านตาและบิดา นิสัยใจเย็น เจ้าระเบียบ รักความถูกต้อง ซื่อตรง ซื่อสัตย์ เข้มงวดในกฎที่พึงปฏิบัติเป็นอย่างมาก นี้คือสิ่งที่บรรยายถึงตัวละครรองแม่ทัพซ่งสำหรับอวี้หลันแล้วพอได้เจอตัวจริงนางก็คิดว่าตรงกับสิ่งที่เพื่อนของตนเขียนเอาไว้ทุกอย่าง ในตอนนี้ชายหนุ่มก็ได้เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าของนางพร้อมกับมองมาด้วยสายตาสงบนิ่งจนคนถูกมองอย่างอวี้หลันต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายขึ้นก่อน“คารวะพี่ฉือลู่เจ้าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับย่อตัวทำความเคารพอีกฝ่าย การกระทำนั้นของนางทำให้หว่างคิ้วของรองแม่ทัพหนุ่มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยถาม“เจ้ารู้จักข้าด้วยรึ?”“ข้าอวี้หลันเองเจ้าค่ะ”เมื่อได้รับคำถามมาหญิงสาวจึงได้เอ่ยแนะนำตัวกับคนตรงหน้า จบคำแนะนำ
หลังจากที่อวี้หลันเดินออกมาจากกระโจมของท่านลุงของนางแล้วหญิงสาวจึงเริ่มเดินสำรวจจากฝั่งด้านซ้ายที่ดูเหมือนจะเป็นลานฝึกสำหรับยิงธนูกับฟันดาบโดยค่ายทหารแห่งนี้แบ่งสัดส่วนออกเป็นสามส่วนคือส่วนทางด้านปีกซ้ายจะเป็นลานยิ่งธนู ฟันดาบ ส่วนทางด้านปีกขวาจะเป็นลาน หอกกับฝึกการต่อสู้และฝึกฝนร่างกาย และตรงกลางของทั้งสองปีกนั้นจะเป็นที่พักของนายทหารตั้งแต่ชั้นผู้น้อยไปจนถึงกระโจมแม่ทัพที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของค่ายทหารในตอนนี้อวี้หลันเลือกที่จะเดินมาดูทางด้านปีกซ้ายที่ภายในสนามฝึกยิ่งธนูนั้นกำลังมีการฝึกยิงธนูกันอยู่พอดี ดังนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกสนใจและอดไม่ได้ที่จะยืนมองดูเหล่าทหารกำลังทำการฝึกแต่พอนางได้เห็นทักษะการยิงธนูของพวกทหารแล้วกลับทำให้หว่างคิ้วของหญิงสาวขมวดเข้าหากันขึ้นมาในทันทีพร้อมกับความสงสัยที่ผุดขึ้นมาภายในหัว‘นี่ใช่การฝึกของทหารจริง ๆ ใช่หรือไม่ทำไมมันถึงได้ดูเหลาะแหละเหมือนเด็ก ๆ เล่นยิงธนูกันเช่นนี้ ทั้งการวางท่าทางของมือ การลงน้ำหนักและการเล็งเป้าล้วนแล้วแต่ใช้ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกขัดใจกับพวกนายทหารพวกนี้เสียจริง ๆ’‘นี่ถ้าไปออกรบในโลกก่อนของนางมีหวังตายตั้งแต่ยังไม่ได้หยิบคั
จากนั้นนายท่านซ่งกับหลานสาวก็ขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังค่ายทหารที่บุตรชายคนโตเป็นผู้ดูแลอยู่ในตอนนี้ในทันที ค่ายทหารแห่งนี้นั้นตั้งอยู่ทิศใต้ของเมืองหลวงห่างจากประตูเมืองออกไปพอสมควรดังนั้นจึงใช้เวลาในการเดินทางราว ๆ หนึ่งชั่วยามสองตาหลานจึงได้มาถึงยังหน้าประตูของค่ายทหารเมื่อมาถึงแล้วตามกฎของค่ายนั้นไม่สารถให้นำรถม้าเข้าไปได้สองตาหลานกับผู้ติดตามคือเสี่ยวอิง หวังอู่และผู้ติดตามของนายท่านซ่งอีกสองคนจึงได้เดินตรงไปยังประตูก่อนที่จะได้ยินเสียงเอ่ยถามจากทหารยามเฝ้าหน้าประตู“คารวะนายท่านซ่ง ไม่ทราบว่ามาพบใครหรือขอรับ”“ข้ามาพบท่านแม่ทัพฉือตงรบกวนเจ้าไปแจ้งให้ข้าที”ชายชราเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างที่เคย“ขอรับ นายท่านซ่งโปรดรอสักครู่”เอ่ยจบนายทหารคนนั้นก็วิ่งไปยังประตูพร้อมกันเอ่ยบางอย่างกับทหารหนุ่มอีกนายจากนั้นทหารคนนั้นก็วิ่งเข้าไปด้านในทันที ใช้เวลาราว ๆ หนึ่ง เค่อ ทหารคนนั้นก็วิ่งกลับออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกสองตาหลานที่ยืนรออยู่ด้านหน้าค่ายทหาร“เชิญนายท่านกับคุณหนูด้านในได้เลยขอรับท่านแม่ทัพกำลังรออยู่”“อืม เจ้านำทางไปเถิด”จบคำของชายชราคนทั้งหมดก็เดินตามหลังนายทหารคนนั้นเข้าไปยั
จากความทรงจำในเนื้อเรื่องของนิยายดูเหมือนว่าในอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีคณะทูตจากต่างแคว้นเดินทางมายังแคว้นชิงของนางเพื่อร่วมฉลองวันพระราชสมภพครบ 50 ชันษาของฮ่องเต้ ไท่เฟยฮุ่ย และครั้งนี้ผู้ที่รับหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยของคณะทูตก็คือแม่ทัพซ่งฉือตงกับบุตรชายหรือก็คือรองแม่ทัพซ่งฉือลู่โดยทั้งสองก็คือท่านลุงใหญ่กับพี่ชายของอวี้หลัน ท่านลุงใหญ่นั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุ 45 ปี มีรูปร่างสูงใหญ่ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามใบหน้ายังได้ท่านตาไปถึงแปดส่วนส่วนพี่ฉือลู่เองก็เป็นชายหนุ่มอายุ 25 ปีรูปร่างองอาจสมชายชาติทหารมีใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสตรีเกือบทั่วทั้งเมืองหลวงเพียงแต่ว่าพี่ชายของนางนั้นส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในค่ายทหารจึงไม่ได้มีเวลามองหาสะใภ้ให้กับท่านป้าใหญ่หรือก็คือ ฮูหยินเหยาอิน ปีนี้อายุ 40 ปี แต่ว่าท่านป้าใหญ่ในความทรงจำของนางนั้นคล้ายจะดูเลือนรางไปมากแต่ในวันนั้นฉากสำคัญที่จะเกิดขึ้นก็คือองค์รัชทายาทจะทูลขอสมรสพระราชทานระหว่างชายหนุ่มกับคุณหนูใหญ่ของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายหวังซูเซียนแต่ถูกองค์ชายสามจากแคว้นโจวเอ่ยขอสมรสระหว่างตนเองกับคุณหนูใหญ่ซูเซียนเช่นกันจึงทำให้ยิ่งสร้างความ
ช่วงสายของวันอวี้หลันในวันนี้มีนัดพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างจวนกับหัวหน้าช่างที่ท่านตาเป็นผู้เลือกหามาให้ก็กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงข้ามกับชายวัยกลางคนอีกสามคน ชายวัยกลางคนทั้งสามนั้นคือ ห่าวอู๋ นายช่างใหญ่เจ้าของกิจการก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง อายุ 57 ปี ห่าวซวน บุตรชายคนรองของนายช่าง อายุ 39 ปี หลี่จิ้ง ผู้ช่วยคนสนิทของนายช่าง อายุ 45 ปีตอนนี้บุรุษทั้งสามกำลังก้มลงมองแบบจวนที่หญิงสาวต้องการให้พวกตนเองสร้างขึ้น แบบจวนที่อวี้หลันต้องการนั้นจะเป็นจวนที่มีบ้านทั้งหมดสามหลังซึ่งจะสร้างเอาไว้เรียงกันตรงด้านหน้า ส่วนด้านหลังนั้นนางจะสร้างเป็นบ้านสองชั้นแบบสมัยใหม่ที่ชั้นล่างจะมีห้องนอนสองห้อง ห้องนั่งเล่นหนึ่งห้องและห้องน้ำอีกหนึ่งห้อง ส่วนด้านบนนั้นนางต้องการห้องนอนหนึ่งห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ห้องทำงานหนึ่งห้องก่อนจะเป็นห้องเก็บสมบัติอีกห้องโดยอวี้หลันต้องการสร้างจากอิฐมุงด้วยกระเบื้องทั้งหมดพร้อมกันนั้นก็ฉาบด้วยปูนสีขาวเพื่อให้ดูสบายตา ส่วนเรือนทั้งสามหลังด้านหน้าก็จะประกอบไปด้วยสองเรือนแรกจะเป็นเรือนรับรองแขกที่มีห้องนอนอยู่หลังละสามห้อง เรือนที่สามจะเป็นเรือนเอาไว้สำหรับต้
ท่ามกลางความมืดมิดค่ำคืนที่ผู้คนต่างก็พากันนอนหลับไปแล้ว แต่กับมีเงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดสีดำทั้งชุดปกปิดใบหน้ากำลังใช้วิชาตัวเบากระโดนผ่านหลังคาบ้านเรือนของผู้คนไปอย่างแผ่วเบาจุดหมายของคนชุดดำกลุ่มนี้ก็คือจวนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับจวนร้างคนชุดดำกลุ่มนั้นก็ยังคงเร้นกายไปในความมืดและใช้วิชาตัวเบาได้อย่างชำนาญจำคิดว่าคนธรรมดาคงไม่มีทางรู้สึกถึงพวกเขาได้ และหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นก็ยังมีบุรุษที่น่าจะเป็นผู้นำของพวกเขาวิ่งนำหน้าจนมาถึงเรือนร้างที่อยู่ติดกับจวนเป้าหมายด้วยความคิดว่าที่จวนแห่งนี้เป็นเพียงจวนที่ไม่มีใครอาศัยอยู่คนชุดดำกลุ่มนั้นจึงได้วิ่งผ่านหลังคาจวนไปแต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนั้นเมื่อในขณะที่พวกเขากำลังวิ่งอยู่บนหลังคาก็ถูกก้อนหินปริศนาปาเข้าใส่อย่างรวดเร็วและแม่นยำแต่ด้วยความที่พวกเขาเองก็ถูกฝึกมาอย่างหนักจึงทำให้สามารถหลบการโจมตีที่มาในความมืดได้อย่างรวดเร็วก่อนที่คนกลุ่มนั้นจะหยุดนิ่งลงเพื่อเฝ้าระวัง“ขออภัยแขกทุกท่าน ไม่ทราบว่าดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้พวกท่านยังมีเวลามาเดินชมนกชมไม้บนหลังคาบ้านของผู้อื่นอยู่อีกหรือ”เสียงใสกังวานดังขึ้น
"แก!.....นักสารเลววันนี้ถ้าข้าคนนี้ไม่ได้ตบเอาเลือดปากของแกมาล้างเท้าเพื่อขอขมาแล้วละก็อย่าหวังเลยว่าแกจะได้กลับไป!" เสียงแหลมปี๊ดของไป๋ลี่หลินแผดดังไปทั่วก่อนที่หญิงสาวจะปรี่เข้าไปหาร่างของอวี้หลันเพื่อหมายจะตบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายให้สาแกใจหวือ หมับ เพี้ยะ! ตุบแต่มีหรือที่อวี้หลันจะยืนเฉย ๆ ให้ใครมาทำร้ายตนเองได้ตามใจชอบหญิงสาวเพียงแค่เอี้ยวตัวหลบฝ่ามือที่ฟาดลงมาพร้อมกับจับเข้าไปที่ข้อมือเล็กของอีกฝ่ายกันจะออกแรงบีบแล้วตวัดฝ่ามืออีกข้างฟาดลงไปบนใบหน้างามอีกอีกฝ่ายเต็มแรงจนเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบพร้อมกับเสียงเหยียบเย็นจากร่างบางที่เอ่ยกับหญิงสาวที่ล้มลงไปนังแหมะอยู่ที่พื้น"แต่ก่อนเจ้าสู้ข้าไม่ได้ยังไงในตอนนี้ก็ยิ่งสู้ไม่ได้มากขึ้นไปอีก ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้สักนิดนะไป๋ลี่หลิน อย่าให้ข้าคนนี้หมดความอดทนกับเจ้ามิเช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสได้ลืมตามาดูพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ก็เป็นได้""กะ..แก..""อ้อแล้วก็อีกอย่างหนึ่งอย่าคิดว่าข้าจะกลัวท่านเสนาบดีไป๋เพราะเจ้าจงพึงระลึกเอาไว้บ้างว่านอกจากข้าจะเคยเป็นใคร แต่ข้าก็ยังเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลซ่งเช