เมื่อแมเดอลีนตื่นมาก็ไม่เห็นเงาของเอสเตบันแล้ว เธอลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาก่อนจะเริ่มทำอาหาร
ที่ด้านหน้าบ้านมีม้าตัวหนึ่งกำลังยืนกินหญ้าอยู่ บ่งบอกได้ว่าการมาของท่านยุคไม่ใช่เรื่องที่เธอเพ้อฝันไปคนเดียวอีกทั้ง..อาการเจ็บปวดตามร่างกายนั่นก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาโหยหาเธอมากแค่ไหน และหากว่าเธอเดาไม่ผิด ในยามนี้เขาคงจะกำลังไปหามิก้าที่คฤหาสน์เลเซินอย่างแน่นอน “ท่านแม่!” ยังไม่ทันที่แมเดอลีนจะทำอาหารเสร็จเสียงเรียกของมิก้าก็ดังขึ้นมาในทันที เมื่อเธอมองออกไปด้านนอกหน้าต่างก็พบว่าเอสเตบันกำลังอุ้มมิก้าเข้ามาในบ้าน “ไปไหนกันมาคะ” เธอเดินไปรับข้าวของในมือของเอสเตบัน มันมีทั้งเนื้อและขนมมากมาย “ไปที่ตลาดน่ะ..” เอสเตบันกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้กับมิก้า เขารับปากกับลูกสาวเอาไว้แล้วว่าเรื่องที่เขาพามิก้าไปจัดการเด็กที่ล้อเธอนั้นจะต้องเก็บเป็นความลับจากแมดดี้ เมื่อเห็นท่าทีที่ลูกสาวของเขาหวาดกลัวท่านแม่ของนางแล้วเขาก็อดจะรู้สึกเอ็นดูไม่ได้เลย “มิก้า...ลูกคงไม่ได้พาท่านดยุคไปทำอะไรแปลกๆ หรอกใช่ไหม..” “ท่านพ่อต่างหาก มาท่านดยุคอะไรกัน” เอสเตบันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาวางมิก้าลงบนเก้าอี้ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวแล้วตักซุปขึ้นมาชิม แมเดอลีนมองแผ่นหลังของเขาด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นมา นั่นสินะ..การที่มิก้าเรียกเขาว่าพ่อก็ถูกต้องแล้วล่ะ “หลังจากกลับไปที่เมืองหลวง..ข้าจะจัดงานแต่งงานขึ้นมาให้ยิ่งใหญ่ที่สุด..” เอสเตบันกล่าวออกมาพร้อมกับมองหน้าของแมเดอลีน ครั้งนี้เขาจะไม่ขอเธอแต่งงานอีกแล้ว แต่เขาจะบังคับเธอแทน หัวใจของเขารับการปฏิเสธไม่ไหวอีกไหวอีกแล้วล่ะ เพราะแบบนั้นเขาจะไม่ถามหาความเห็นของเธออีก “แล้ว..เดมเลลานี่” เอสเตบันยื่นมือไปจับเข้าที่แก้มของแมเดอลีนเบาๆ “เลล่าหนีตามลุควิคไปแล้ว..ทั้งสองคนอาจจะหายตัวไปด้วยกันสักสองปี สามปี หรือสี่ปี ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหน แต่อาจจะนานจนกว่าพวกเขาจะแน่ใจว่าเมื่อกลับไป ทั้งท่านพ่อของเลล่าและท่านแม่ของลุควิคจะยินยอมให้พวกเขาแต่งงานกัน หรือไม่ในบางทีพวกเขาอาจจะใช้วิธีของข้า..มีหลานกลับไปสักคน..” เมื่อแมเดอลีนได้ยินเช่นนั้นเธอก็รู้สึกตื้นตันไม่ได้ พระเอกกับนางเอกของเรื่องนี้คงจะกำลังมีความสุขกัน เช่นนั้นแล้ว..ตัวร้ายผู้นี้เธอจะขอโอบกอดเขาเอาไว้เอง “เช่นนั้นก็ดีแล้วค่ะ..” เอสเตบันจับมือของแมเดอลีนเอาไว้ “ข้าไม่ขอเจ้าแต่งงานหรอกนะ เพราะว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ทันทีที่ข้ากลับไปที่พระราชวังจะต้องมีงานเลี้ยงฉลองต้อนรับข้า และข้าจะใช้โอกาสนั้นในการร้องขอราชโองการการแต่งงานกับเจ้าเป็นรางวัลที่ข้าชนะสงครามในครั้งนี้” รับรองได้เลยว่าท่านบารอนเรเซเดนก็ขัดขวางราชโองการนั่นมิได้ แมเดอลีนพยักหน้า “ในเมื่อไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เช่นนั้นข้าก็คงจะต้องหลับตาลงข้างหนึ่งแล้วยินยอมเป็นดัชเชสของท่านดู..” มิก้ามองท่านพ่อกับท่านแม่ที่กำลังพูดคุยกัน เด็กน้อยแลบลิ้นออกมาเลียลูกกวาดอย่างอารมณ์ดี “ท่านป้อบอกกับมิก้าว่า ท่านแม่เป็นฝ่ายจีบท่านป้อก่อน..จริงไหมคะ” แมเดอลีนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้นจากลูกสาว “ข้าพูดจริงนะ หากอ้างอิงจากครั้งแรกของเรา เป็นเจ้าที่เดินเข้ามาหาข้าก่อน” แมเดอลีนแค่นหัวเราะ “ข้าเข้าหาท่านแค่ครั้งเดียว แต่ครั้งที่เหลือ เป็นท่านทั้งนั้นที่เดินเข้ามาหาข้าเอง..ทั้งที่พระราชวัง ที่คฤหาสน์เรเซเดน และที่นี่..” เอสเตบันยักไหล่ “ก็ได้ๆ มิก้าลูกรัก แม่ของลูกจีบพ่อก่อนก็จริงอยู่ แต่พ่อต่างหากที่เป็นฝ่ายรักท่านแม่ของลูกมากกว่า..” เมื่อกล่าวจบเขาก็ดึงรั้งร่างกายของแมเดอลีนเข้ามากอดเอาไว้ “เป็นข้าเองที่รักเจ้ามากกว่าแมดดี้..” เธอหลับตาลงในอ้อมแขนของเขา “แน่ใจได้ยังไงคะว่าท่านรักข้ามากกว่า” “อืม..ตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วล่ะ..เช่นนั้นคืนนี้ช่วยทำให้ดูหน่อยสิว่าใครกันแน่ที่รักมากกว่ากัน” แมดดี้ตีลงไปเบาๆ บนแขนของเอสเตบัน “อย่ากล่าวเช่นนั้นต่อหน้าลูกสิคะ” เขาหอมแก้มแมเดอลีนแรงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวอีกครั้งหนึ่ง “ข้าหิวแล้วที่รัก..” แมดดี้เดินเข้าไปสวมกอดเอสเตบันจากด้านหลัง “ข้าเองก็หิวแล้วเช่นกันค่ะ” เอสเตบันหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อมองภรรยาคนงาม เขาแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ “นี่เรา..หิวอย่างเดียวกันรึเปล่า?” “นั่นสินะ ใช่อย่างเดียวกันรึเปล่าน้า~” เอสเตบันตักซุปใส่ถ้วยมาให้ลูกสาวพร้อมกับขนมปังและโจ้กร้อนๆ “วันนี้ท่านตาจะพามิก้าไปขี่ม้าด้วยค่ะ” เอสเตบันใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากลูกสาวที่เปื้อนเบาๆ “อ่า..เช่นนั้นมิก้าของพ่อก็จะต้องทานให้มากหน่อย จะได้มีแรงเรียนเรื่องการขี่ม้ากับท่านตา” เซอร์เลเซินเป็นคนเก่ง เขาดีใจซะด้วยซ้ำที่ลูกสาวของเขาได้คนที่เก่งกาจอย่างท่านเซอร์มาสอนเรื่องการขี่ม้า และในอนาคตนางอาจจะได้เรียนเรื่องการฟันดาบไปด้วย “ลูก..ชอบขี่ม้าอย่างนั้นหรือ?” มิก้าพยักหน้า “มิก้าชอบขี่ม้า ชอบม้าตัวเล็ก..” เอสเตบันพยักหน้า “ที่บ้านของพ่อมีม้าเยอะแยะเลย รับรองได้เลยว่ามิก้าไปอยู่ที่นั่นจะต้องชอบมากแน่ๆ” มิก้าส่งยิ้มให้ท่านพ่อของเธอ “มิก้าชอบบ้านท่านย่า แล้วก็ชอบท่านตากับท่านยาย มากๆ ด้วย” เอสเตบันลูบผมของมิก้าเบาๆ “ลูกจะได้ทำทุกอย่างที่ลูกชอบ ได้เรียนทุกอย่างที่ลูกอยากเรียน ได้เล่นทุกอย่างที่ลูกอยากจะเล่น ไม่ว่าลูกจะอยากทำอะไร..ทำได้ทั้งนั้น นับจากนี้เป็นต้นไปมิก้าของพ่อจะต้องเป็นเด็กที่มีความสุขมากที่สุดในโลกใบนี้” ช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน พ่อจะชดเชยมันให้ลูกเอง มิก้าตักซุปในถ้วยของตัวเองป้อนท่านพ่อของเธอ “มิก้าอยากอยู่กับท่านป้อค่ะ..มิก้าชอบอยู่กับท่านป้อที่สุด” เอสเตบันหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “เห็นไหมแมดดี้ ลูกอยากอยู่กับข้ามากกว่าเจ้าแล้วล่ะ อย่าร้องไห้เสียใจไปเลยนะแมดดี้ เดี๋ยวข้าจะ..มอบลูกคนที่สองของเราให้เจ้าดีไหม” แมเดอลีนนิ่วหน้าในทันที การเลี้ยงมิก้านั้นไม่ลำบากก็จริงอยู่เพราะมีแต่ผู้คนที่แย่งกันเลี้ยง แต่ทว่าการจะทำความเข้าใจเด็กสักคนมันคือเรื่องละเอียดอ่อนมากทีเดียว จนกว่ามิก้าจะโต เธอยังไม่ขอมีน้องให้มิก้าตอนนี้ดีกว่า “มิก้าอยากมีน้องค่ะ มิก้าอยากมีเพื่อน” “ทานข้าวเร็วเถิดมิก้า ท่านตารอเจ้าอยู่ เดี๋ยวจะไปขี่ม้าไม่ทันเอานะ”“อาดาล ไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะต้องไปตามหาแลนดรีให้พบเจอ น้องชายของเจ้าหายตัวไปร่วมสามเดือนแล้วจะไม่ให้อาเป็นห่วงได้อย่างไรกัน”อาดาลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อทันทีที่เขากลับมาถึงเมืองหลวงเขาก็พบเจอกับการถูกบ่นในทันทีเพราะแลนดรีเดินทางกลับมาก่อนเขา แต่หมอนั่นดันยังเดินทางไปไม่ถึงตระกูลกรีน..คนที่บ้าฟันดาบไปวันๆ อย่างแลนดรีหายหัวไปไหนกันนะ?“ท่านอา ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นพี่ชาย แต่ว่าข้าเกิดก่อนแลนดรีไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้น..ข้าไม่ว่างไปตามหาแลนดรีหรอกครับ เดี๋ยวพอหมอนั่นหาทางกลับบ้านเจอ ท่านก็จะเห็นเขาเองนั่นแหละ..”อดัมมองหน้าของอาดาลด้วยความรู้สึกที่หมดความอดทน เขาเหนื่อยล้ามากทีเดียวกับเจ้าหลานสองคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเช่นนี้ อาจจะเพราะในช่วงวัยเด็กเขาเลี้ยงหลานทั้งสองคนนี้ตามใจมากเกินไป พอพวกหลานทั้งสองโตขึ้นถึงไม่มีใครพอจะพึ่งพาได้สักคนเดียว“อาดาล..เจ้าไปตามหาแลนดรีเดี๋ยวนี้เลย หากว่าเจ้ายังไม่พบเจอแลนดรีแล้วละก็ ข้าจะจัดการระงับเงินรายเดือนของเจ้าซะ จะไม่ให้พ่อบ้านมอบเงินให้เจ้า ดูซิว่าเซอร์อาดาลเมื่อไม่มีเงินแล้ว จะยินยอมทำตามคำสั่งของอาหรือไม่”อาดาลกลอกตามองบนด้วยอาการหัวเสี
“เอส..”แมเดอลีนเรียกชื่อของเอสเตบันออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นักที่อยู่ๆ เขาก็เข้ามาโอบกอดที่ด้านหลังของเธออย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว“ลูกไปแล้วแมดดี้..”ปลายจมูกของเขาฝังลงไปที่ลำคอของแมเดอลีนเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะหว่านพรมรอบจูบไปทั่วทั้งลำคอ เขากระชับร่างเธอเข้ามาแนบชิด แผ่นอกของเขาแข็งแกร่งดังหินผา แต่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้ามาในทุกครั้งที่ฝ่ามือของเขาลูบไล้ที่ตามเอวและสะโพกของเธอ“เอส ข้าต้องจัดการทำงานบ้านก่อนค่ะ..”แมดดี้กล่าวเสียงแข็งพร้อมกับหันหน้ามามองใบหน้าของสามีเขาหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกมากมาย แมดดี้ของเขานั้นน่ารักมากกว่าใครทั้งนั้น ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ที่ถึงแม้ว่าความต้องการของเขานั้นจะพุ่งสูงขึ้นมาแต่ว่าแมดดี้ไม่ยินยอมทำตามใจเขาเอสเตบันคิดว่าในช่วงนี้คือช่วงเวลาสุดแสนจะพิเศษ ที่เราจะได้อยู่ตามลำพังและใช้ชีวิตเหมือนกับสามีภรรยาทั่วๆ ไป เพราะเมื่อเขาพาเธอเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงเมื่อไหร่ เราจะไม่ได้ใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายเช่นนี้อีกเธอจะเป็นดัชเชสและเขาคือท่านดยุค มิก้าคือว่าที่เลดี้ของวีไซร์..แต่หากท่านบารอนไม
ดวงตาของเอสเตบันกำลังลุกโชนขึ้นมาราวกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ร่างกายของแมเดอลีนอย่างช้าๆ เธอช้อนสายตามองหน้าเขาก่อนจะลดสายตาลงแล้วมองไปยังส่วนกลางกายที่ตั้งตระหง่านขึ้นมาเมื่อคืนก็พึ่งจะทำไป เขาผละออกจากร่างกายของเธอในยามเช้าอย่างไม่รู้จักถึงความเหน็ดเหนื่อย และนี่..มันจะเริ่มต้นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ“แมดดี้..อ้าปากออกสิ ระวังฟันของเจ้าด้วยที่รัก”เธอใช้ริมฝีปากสัมผัสเบาๆ ที่ปลายยอดบวมแดง ทำให้เขารู้สึกถึงความสั่นไหวในทุกสัมผัส ริมฝีปากของเธอค่อยๆ ไล้ผ่านไปตามบนลำแท่งแข็งตึงราวกับเสาหิน ถึงแม้จะเห็นมาหลายครั้งแต่ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เห็นมันในระยะประชิดเช่นนี้ เธอไล้เลียไปตามเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาด้วยความแผ่วเบาราวกับว่ากำลังเลียอยู่บนลูกกวาด แมเดอลีนกดจูบอย่างนุ่มนวลสร้างความรู้สึกท่วมท้นในทุกสัมผัส“อ่า..แบบนั้น ลองเอามันเข้าไปในปากของเจ้าดูสิแมดดี้ อ้าปากออกกว้างๆ ..การเลียที่ด้านนอกทำให้ข้ารู้สึกดีก็จริงอยู่ แต่ข้าปรารถนาที่จะรู้สึกดีมากกว่านั้น..”ริมฝีปากเล็กๆ ของแมเดอลีนอ้าออกเพื่อรับส่วนนั้นของเขาเข้าไปด้านใน เธอค่อยๆ กลืนมันเข้ามาอย่างช้าๆ ในโพรงปาก เธอดูดดึงมันเบาๆ แล้วกดลึกเ
ในจักรวรรดิโอลิวีเย่ร์นั้นจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นมายาวนานหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่ท่านดยุควีไซร์ชนะสงคราม ประชาชนทุกคนของจักรวรรดิต่างสรรเสริญและยินดีกับชัยชนะของท่านดยุค จนที่ด้านหน้าคฤหาสน์วีไซร์มีผู้คนจำนวนมากหอบหิ้วดอกไม้ไปวางเอาไว้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับท่านดยุคผู้เก่งกาจและกล้าหาญ“นี่คือเรื่องที่น่ายินดีนะคะท่านพี่..”เดวากล่าวกับสามีของเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในขณะที่โอทีสอ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้อยู่“ข้าก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่น่ายินดีสักหน่อย”เดวาเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย“ท่านหญิงกล่าวว่าดยุคแห่งวีไซร์กำลังเดินทางไปที่แกรนด์ดัชชีการปกครองของ เซอร์เลเซิน และในยามนี้ข้าคิดว่าแมดดี้และเอสเตบันน่าจะพบเจอกันแล้ว”โอทีสลดหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนที่เขาจะมองหน้าภรรยา“แล้วอย่างไรกัน? แมดดี้ของข้าน่ะ ไม่มีทางใจอ่อนกับบุรุษที่ทอดทิ้งนางไปตั้งหลายปีหรอกนะ”เดวาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย“แล้วใครกันคะที่ทำให้ดยุคแห่งวีไซร์ต้องนำทัพไปออกรบ ไม่ใช้ท่านพี่อย่างนั้นหรือ? ท่านสั่งให้เขาไปออกรบเพราะว่าเขาบุกมาหาแมดดี้ในคืนนั้น โอทีสข้าจะไม่ทนแล้วนะคะกับความอคติของท่าน ข้าต้องการให้มิก้าอยู่ที่นี่อ
“นี่แมดดี้ ครั้งแรกก็จะต้องเกิดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรทั้งนั้น ก็แค่ทำทุกอย่างไปตามที่หัวใจต้องการ คนเราก็ควรจะมีช่วงเวลาที่ปล่อยให้หัวใจนำทางบ้างไม่ใช่รึไง?”ฉันยกแก้วเหล้ารัมขึ้นมาดื่มพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของเพื่อนรักอย่างดาเนียฉันอยากจะมีครั้งแรกที่สุดแสนจะประทับใจ เหล่าเลดี้ชนชั้นสูงต่างก็ทำเช่นนี้ด้วยกันทั้งนั้น การแต่งงานทางการเมืองมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะแบบนั้นในชีวิตของสตรีผู้หนึ่ง ครั้งแรกของเราก็ควรจะส่งมอบให้กับบุรุษที่เห็นแค่ครั้งเดียวก็สามารถบอกได้เต็มปากว่านี่แหละ บุรุษที่พร้อมจะทำให้เรารู้สึกลุ่มหลงทั้งตัวและหัวใจนี่คือร้านสุราที่มีผู้คนมากมายเดินผ่านเข้าออก กฎของที่นี่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะต้องสวมใส่สร้อยคอที่ทำจากหินเวทมนตร์ความสามารถของสร้อยคอเส้นนี้คือจะให้เช้าวันรุ่งขึ้นความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะถูกลบออกไป เพราะแบบนั้นไม่ว่าวันนี้ฉันจะทำตัวแบบไหนที่นี่ วันพรุ่งนี้จะไม่มีใครจดจำฉันได้ทั้งนั้น“ครั้งแรกก็จะต้องเกิดขึ้นกับบุรุษที่หล่อเหลาหน่อยไม่ใช่รึไง”ดาเนียพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น“ขอให้คืนนี้
จักรวรรดิโอลีวีเย่ร์นั้นประกอบไปด้วยตระกูลที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ 5 ตระกูลตระกูลดยุควีไซร์ ผู้มีเส้นผมสีเงินบริสุทธิ์ตระกูลเคาน์แบล็ค ผู้มีเส้นผมสีดำนิลตระกูลบารอนเรเซเดน ผู้มีเส้นผมสีแดงเพลิงตระกูลเซอร์กรีน ผู้มีเส้นผมสีเขียวเข้มและตระกูลเดมเกโลทีส ผู้มีเส้นผมสีทองสว่างส่วนตระกูลชนชั้นสูงอื่นๆ ก็จะมีสีของเส้นผมที่แตกต่างกันไปตามสายเลือด ในตระกูลสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ตระกูล มีเรื่องที่ทุกตระกูลต่างหวาดหวั่นนั่นคือเรื่องของทายาทผู้สืบทอดตระกูลสตรีจะให้กำเนิดบุตรที่มีเส้นผมเหมือนกับบิดาเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากอยากมีผู้สืบทอดตระกูลจะต้องมีบุตรชาย เพราะสตรีไม่สามารถสืบทอดเชื้อสายของตระกูลได้และใน 5 ตระกูลนี้ มีเพียงสองตระกูลเท่านั้นที่มีบุตรีที่ถึงวัยพร้อมจะแต่งงาน หนึ่งคือตระกูลของฉัน เรเซเดน และสองคือตระกูลเกโลทีส ของนางเอกนิยายเรื่องนี้สิ่งที่เบาใจไปได้เลยคือทั้งท่านดยุควีไซร์และท่านเคาน์แบล็คต่างมุ่งมั่นและทุ่มเทที่จะตามจีบนางเอกอย่างเอาเป็นเอาตายสุดท้ายคนที่ชนะคือท่านเคาน์แบล็ค ส่วนท่านดยุคเพราะไม่ชนะก็เลย เป็นตัวร้ายมันซะเลย เขาจับตัวของเดมเกโลทีสมากักขังเอาไว้ในคฤหา
หนึ่งในเหตุผลที่ท่านบารอนจะต้องเก็บตัวของบุตรีเอาไว้ให้มิดชิดนั่นก็เพราะว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าตระกูลที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ทั้ง4ตระกูลจะต้องการบุตรีของเขาไปให้กำเนิดทายาทของตระกูลอย่างแน่นอนแมเดอลีนคือเด็กน้อยที่แสนน่ารักและไร้เดียงสา ลูกสาวที่น่ารักและบริสุทธิ์ผุดผ่องของเขาไม่ใช่แม่วัวที่จะให้กำเนิดทายาทของตระกูลพวกนั้นสักหน่อย เพราะแบบนั้นใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะแตะต้องลูกสาวของเขาเลย!!“ข้าคิดว่าเราควรจะเลื่อนพิธีบรรลุนิติภาวะของแมดดี้ไปอีกสักปีนะเดวา”บารอนโอทีสกล่าวกับภรรยาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม บารอนเนสเดวาส่ายหน้าเบาๆ“เราเลื่อนมาสี่ปีแล้วที่รัก ทางพระราชวังไม่ยินยอมให้เราเลื่อนวันบรรลุนิติภาวะของแมดดี้อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งปีนี้ลูกสาวตัวน้อยของท่านอายุ20แล้วที่รัก บรรดาเลดี้ทั้งหลายที่อายุเท่ากับแมดดี้มีหลานให้กับท่านตาท่านยายของพวกเขาไม่รู้กี่คนแล้ว”บารอนโอทีสยกมือเพื่อเป็นการห้ามปรามไม่ให้ภรรยากล่าวต่อ“แมดดี้ยังเด็ก..เกินกว่าที่จะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษพวกนั้น ลูกสาวที่สุดแสนจะไร้เดียงสาของเรานั้น..นางดีงามมากเกินกว่าจะอยู่ในกำมือของเจ้าเด็กพวกนั้น พวกสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ม
“เอส นี่คือเรื่องการแต่งงานที่สำคัญ เจ้าไม่ควรกล่าวถึงชื่อของสตรีอื่นเพื่อให้นางเสื่อมเสียเกียรติ”อ่า..พระเอกก็ยังคงเป็นพระเอกอยู่วันยังค่ำสินะ ผู้ชายธงเขียวแบบภูเขาสิบลูกนี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน“สิ่งที่ข้ากำลังจะบอกเจ้าคือการเตือนด้วยความหวังดีต่างหากลุควิค ข้าต้องการ เลล่านางเหมาะสมจะเป็นดัชเชสของข้ามากกว่าเป็นเคาน์เตสของเจ้า”ดาเนียซี๊ดปากด้วยความรู้สึกสนุก“ให้ตายสิ รู้สึกได้ถึงความกดดันของทั้งสองคนเลย ทำไมข้าไม่เกิดมาเป็นเดมเกโลทีส บ้างนะ จะมีได้บุรุษมาแย่งข้าบ้าง”แมเดอลีนเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ กับความน่ารักของดาเนีย แต่รู้สึกว่าเธอน่าจะหัวเราะเสียงดังไปหน่อยเพราะในตอนนี้สายตาของคนทั่วร้านขายเครื่องประดับกำลังหันมามองที่เธอไม่เว้นแม้แต่สายตาของท่านดยุคและท่านเคาน์ที่กำลังโต้เถียงกันเมื่อรู้ว่าตัวเองเสียงดังมากเกินไปแมเดอลีนจึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ เธอสวมวิกผมสีน้ำตาลเพราะเลดี้เรเซเดนยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อสังคม เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่สมควรจะออกมาข้างนอกในนามของเลดี้ตระกูลเรเซเดน“มีเรื่องอะไรให้น่าหัวเราะกัน ไร้มารยาท!!”เอสเตบันปรายตามองหน้าของสตรีผู้หนึ่งที่กำลัง
ในจักรวรรดิโอลิวีเย่ร์นั้นจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นมายาวนานหลายเดือนแล้วตั้งแต่ที่ท่านดยุควีไซร์ชนะสงคราม ประชาชนทุกคนของจักรวรรดิต่างสรรเสริญและยินดีกับชัยชนะของท่านดยุค จนที่ด้านหน้าคฤหาสน์วีไซร์มีผู้คนจำนวนมากหอบหิ้วดอกไม้ไปวางเอาไว้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับท่านดยุคผู้เก่งกาจและกล้าหาญ“นี่คือเรื่องที่น่ายินดีนะคะท่านพี่..”เดวากล่าวกับสามีของเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในขณะที่โอทีสอ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้อยู่“ข้าก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่น่ายินดีสักหน่อย”เดวาเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย“ท่านหญิงกล่าวว่าดยุคแห่งวีไซร์กำลังเดินทางไปที่แกรนด์ดัชชีการปกครองของ เซอร์เลเซิน และในยามนี้ข้าคิดว่าแมดดี้และเอสเตบันน่าจะพบเจอกันแล้ว”โอทีสลดหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนที่เขาจะมองหน้าภรรยา“แล้วอย่างไรกัน? แมดดี้ของข้าน่ะ ไม่มีทางใจอ่อนกับบุรุษที่ทอดทิ้งนางไปตั้งหลายปีหรอกนะ”เดวาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย“แล้วใครกันคะที่ทำให้ดยุคแห่งวีไซร์ต้องนำทัพไปออกรบ ไม่ใช้ท่านพี่อย่างนั้นหรือ? ท่านสั่งให้เขาไปออกรบเพราะว่าเขาบุกมาหาแมดดี้ในคืนนั้น โอทีสข้าจะไม่ทนแล้วนะคะกับความอคติของท่าน ข้าต้องการให้มิก้าอยู่ที่นี่อ
ดวงตาของเอสเตบันกำลังลุกโชนขึ้นมาราวกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ร่างกายของแมเดอลีนอย่างช้าๆ เธอช้อนสายตามองหน้าเขาก่อนจะลดสายตาลงแล้วมองไปยังส่วนกลางกายที่ตั้งตระหง่านขึ้นมาเมื่อคืนก็พึ่งจะทำไป เขาผละออกจากร่างกายของเธอในยามเช้าอย่างไม่รู้จักถึงความเหน็ดเหนื่อย และนี่..มันจะเริ่มต้นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ“แมดดี้..อ้าปากออกสิ ระวังฟันของเจ้าด้วยที่รัก”เธอใช้ริมฝีปากสัมผัสเบาๆ ที่ปลายยอดบวมแดง ทำให้เขารู้สึกถึงความสั่นไหวในทุกสัมผัส ริมฝีปากของเธอค่อยๆ ไล้ผ่านไปตามบนลำแท่งแข็งตึงราวกับเสาหิน ถึงแม้จะเห็นมาหลายครั้งแต่ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เห็นมันในระยะประชิดเช่นนี้ เธอไล้เลียไปตามเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาด้วยความแผ่วเบาราวกับว่ากำลังเลียอยู่บนลูกกวาด แมเดอลีนกดจูบอย่างนุ่มนวลสร้างความรู้สึกท่วมท้นในทุกสัมผัส“อ่า..แบบนั้น ลองเอามันเข้าไปในปากของเจ้าดูสิแมดดี้ อ้าปากออกกว้างๆ ..การเลียที่ด้านนอกทำให้ข้ารู้สึกดีก็จริงอยู่ แต่ข้าปรารถนาที่จะรู้สึกดีมากกว่านั้น..”ริมฝีปากเล็กๆ ของแมเดอลีนอ้าออกเพื่อรับส่วนนั้นของเขาเข้าไปด้านใน เธอค่อยๆ กลืนมันเข้ามาอย่างช้าๆ ในโพรงปาก เธอดูดดึงมันเบาๆ แล้วกดลึกเ
“เอส..”แมเดอลีนเรียกชื่อของเอสเตบันออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นักที่อยู่ๆ เขาก็เข้ามาโอบกอดที่ด้านหลังของเธออย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว“ลูกไปแล้วแมดดี้..”ปลายจมูกของเขาฝังลงไปที่ลำคอของแมเดอลีนเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากจะหว่านพรมรอบจูบไปทั่วทั้งลำคอ เขากระชับร่างเธอเข้ามาแนบชิด แผ่นอกของเขาแข็งแกร่งดังหินผา แต่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แทรกซึมเข้ามาในทุกครั้งที่ฝ่ามือของเขาลูบไล้ที่ตามเอวและสะโพกของเธอ“เอส ข้าต้องจัดการทำงานบ้านก่อนค่ะ..”แมดดี้กล่าวเสียงแข็งพร้อมกับหันหน้ามามองใบหน้าของสามีเขาหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกมากมาย แมดดี้ของเขานั้นน่ารักมากกว่าใครทั้งนั้น ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ที่ถึงแม้ว่าความต้องการของเขานั้นจะพุ่งสูงขึ้นมาแต่ว่าแมดดี้ไม่ยินยอมทำตามใจเขาเอสเตบันคิดว่าในช่วงนี้คือช่วงเวลาสุดแสนจะพิเศษ ที่เราจะได้อยู่ตามลำพังและใช้ชีวิตเหมือนกับสามีภรรยาทั่วๆ ไป เพราะเมื่อเขาพาเธอเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงเมื่อไหร่ เราจะไม่ได้ใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่ายเช่นนี้อีกเธอจะเป็นดัชเชสและเขาคือท่านดยุค มิก้าคือว่าที่เลดี้ของวีไซร์..แต่หากท่านบารอนไม
“อาดาล ไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะต้องไปตามหาแลนดรีให้พบเจอ น้องชายของเจ้าหายตัวไปร่วมสามเดือนแล้วจะไม่ให้อาเป็นห่วงได้อย่างไรกัน”อาดาลพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อทันทีที่เขากลับมาถึงเมืองหลวงเขาก็พบเจอกับการถูกบ่นในทันทีเพราะแลนดรีเดินทางกลับมาก่อนเขา แต่หมอนั่นดันยังเดินทางไปไม่ถึงตระกูลกรีน..คนที่บ้าฟันดาบไปวันๆ อย่างแลนดรีหายหัวไปไหนกันนะ?“ท่านอา ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นพี่ชาย แต่ว่าข้าเกิดก่อนแลนดรีไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้น..ข้าไม่ว่างไปตามหาแลนดรีหรอกครับ เดี๋ยวพอหมอนั่นหาทางกลับบ้านเจอ ท่านก็จะเห็นเขาเองนั่นแหละ..”อดัมมองหน้าของอาดาลด้วยความรู้สึกที่หมดความอดทน เขาเหนื่อยล้ามากทีเดียวกับเจ้าหลานสองคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเช่นนี้ อาจจะเพราะในช่วงวัยเด็กเขาเลี้ยงหลานทั้งสองคนนี้ตามใจมากเกินไป พอพวกหลานทั้งสองโตขึ้นถึงไม่มีใครพอจะพึ่งพาได้สักคนเดียว“อาดาล..เจ้าไปตามหาแลนดรีเดี๋ยวนี้เลย หากว่าเจ้ายังไม่พบเจอแลนดรีแล้วละก็ ข้าจะจัดการระงับเงินรายเดือนของเจ้าซะ จะไม่ให้พ่อบ้านมอบเงินให้เจ้า ดูซิว่าเซอร์อาดาลเมื่อไม่มีเงินแล้ว จะยินยอมทำตามคำสั่งของอาหรือไม่”อาดาลกลอกตามองบนด้วยอาการหัวเสี
เมื่อแมเดอลีนตื่นมาก็ไม่เห็นเงาของเอสเตบันแล้ว เธอลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาก่อนจะเริ่มทำอาหารที่ด้านหน้าบ้านมีม้าตัวหนึ่งกำลังยืนกินหญ้าอยู่ บ่งบอกได้ว่าการมาของท่านยุคไม่ใช่เรื่องที่เธอเพ้อฝันไปคนเดียวอีกทั้ง..อาการเจ็บปวดตามร่างกายนั่นก็บอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาโหยหาเธอมากแค่ไหน และหากว่าเธอเดาไม่ผิด ในยามนี้เขาคงจะกำลังไปหามิก้าที่คฤหาสน์เลเซินอย่างแน่นอน“ท่านแม่!”ยังไม่ทันที่แมเดอลีนจะทำอาหารเสร็จเสียงเรียกของมิก้าก็ดังขึ้นมาในทันที เมื่อเธอมองออกไปด้านนอกหน้าต่างก็พบว่าเอสเตบันกำลังอุ้มมิก้าเข้ามาในบ้าน“ไปไหนกันมาคะ”เธอเดินไปรับข้าวของในมือของเอสเตบัน มันมีทั้งเนื้อและขนมมากมาย“ไปที่ตลาดน่ะ..”เอสเตบันกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้กับมิก้า เขารับปากกับลูกสาวเอาไว้แล้วว่าเรื่องที่เขาพามิก้าไปจัดการเด็กที่ล้อเธอนั้นจะต้องเก็บเป็นความลับจากแมดดี้ เมื่อเห็นท่าทีที่ลูกสาวของเขาหวาดกลัวท่านแม่ของนางแล้วเขาก็อดจะรู้สึกเอ็นดูไม่ได้เลย“มิก้า...ลูกคงไม่ได้พาท่านดยุคไปทำอะไรแปลกๆ หรอกใช่ไหม..”“ท่านพ่อต่างหาก มาท่านดยุคอะไรกัน”เอสเตบันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาวางมิก้าลงบนเ
แลนดรีเบนสายตาไปมองหน้าของท่านดยุค แต่ไหนแต่ไรชายผู้นี้มิใช่คนใจเย็น แต่ทว่าในวันนี้ถึงแม้ว่าจะถูกพูดจาถากถางเช่นนั้นท่านดยุคแห่งวีไซร์กลับยืนนิ่งๆ ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองหรือว่าโมโหอะไรเลย“ท่านอุง..วันนี้มิก้าจะไปกับท่านป้อนะคะ”มิก้ากล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้แก่เอดิตตามประสาเด็กๆเอดิตพยักหน้า“ได้สิมิก้า ลุงจะไปรอที่บ้านกับท่านแม่..”“เรื่องนั้นเห็นทีว่าจะไม่ได้เพราะว่าแมดดี้ยังไม่ตื่นน่ะ เมื่อคืนเราสองคนใช้ช่วงเวลารำลึกความหลังด้วยกันนานไปหน่อย และข้าก็ไม่สบายใจด้วยหากท่านจะไปรบกวนช่วงเวลาที่แสนมีค่าในการหลับของภรรยา..ข้าหวังอย่างยิ่งว่าคาดินันจะเข้าใจนะครับ”ใบหน้าของเอดิตสลดลงเล็กน้อย เขาพยักหน้าอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก“เข้าใจแล้วครับ”เอสเตบันมองหน้าของแลนดรีก่อนจะยักคิ้วให้“ฝากเจ้าดูแลคาดินันด้วยนะแลนดรี หวังอย่างยิ่งว่าเจ้าจะส่งคาดินันกลับไปที่โบสถ์ด้วยดี”ประโยคสุดท้ายที่ดยุคเน้นย้ำนั่นมันทำให้แลนดรีเข้าใจได้ในทันทีเลยว่า ท่านดยุคกำลังสั่งการให้เขาสั่งสอนคาดินันผู้นี้สักหน่อย“ได้ครับท่านดยุค”เอสเตบันหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี เขาเองก็แปลกใจเหมือนก
การปฏิเสธเขาคงยากมากพอๆ กับที่ห้ามตัวเองไม่ให้หายใจ มือทั้งสองข้างของเธอจับเข้าที่เรือนผมสีเงินของเขาอย่างลืมตัวแมเดอลีนนั่งอยู่บนขอบอ่าง แผ่นหลังของเธอแนบชิดติดกับกำแพง เรียวขาขาวเนียนถูกจับแยกออก ก่อนที่เขาจะมุดใบหน้าเข้าไปในซอกขาที่กางออกและสั่นเล็กน้อยจากอากาศที่หนาวเย็นในยามค่ำคืน เธอขบกัดริมฝีปากแน่นพร้อมกับร้องครางออกมาเสียงดัง ลิ้นของเขาตวัดเลียอย่างชำนาญและหิวกระหายมองจากมุมนี้ เธอมองเห็นเพียงเส้นผมของเขาเท่านั้น และในความรู้สึกฉายชัดถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ปลายลิ้นร้อนของเขาให้ความรู้สึกสุขสมที่แตกต่างจากนิ้วมือพอเขาละใบหน้าออกมาจากตรงนั้น มุมปากของเขาก็เลอะคราบน้ำหวาน เอสเตบันกำแก่นกายที่พร้อมนานแล้วดันเข้าไปอย่างไม่รอช้า การสอดแทรกรวดเร็วป่าเถื่อนเหมือนกับที่เขาละเลงลิ้นเมื่อครู่“อะ..อ่า..ช้า..ช้าลงหน่อยค่ะ!”หลังของเธอกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏให้เห็น มีแต่ความสุขสมที่แผ่ซ่านขึ้นมาในร่างกายเขาก้มหน้าลงแล้วงับยอดอกที่กำลังชูชันของเธอเบาๆ เสียงดูดดึงดังขึ้นมาจนแมเดอลีนรู้สึกเขินอายไม่น้อยเธอยกขาขึ้นมาเกี
ใบหน้าหวานของแมเดอลีนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อท่านดยุคถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก ตามมาด้วยเสื้อตัวในและกางเกงที่เขาสวมเธอจัดเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ในอ่างเรียบร้อยแล้ว และแมเดอลีนกำลังก้มหน้าลงเพื่อรอคอยให้ท่านดยุคที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดินลงไปในอ่างน้ำที่ทำจากไม้ ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเคยอยู่ เพราะแบบนั้นเธอก็เลยคิดว่าเขาจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร“อายอะไรกัน มิใช่ว่าทุกส่วนบนร่างกายของข้านั้น เจ้าเคยเห็นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”เธอเคยเห็นมาแล้วก็จริงแต่ทว่ามันเป็นในช่วงเวลายามราตรีที่ทั่วทั้งห้องไม่มีแสงไฟสักดวง ในคืนนั้นมีแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างและเป็นพยานให้เรา..เมื่อเอสเตบันเห็นว่าแมเดอลีนเงียบไป เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ บอกตามตรงว่าเขาชื่นชอบบ้านหลังนี้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกย่อส่วนไปหมด ห้องอาบน้ำเล็กๆ อ่างน้ำเล็กๆ ที่เข้าไปนั่งสองคนคงจะอึดอัด..มือของเอสเตนบันเอื้อมไปที่ด้านหลังก่อนที่เขาจะดึงรั้งผ้ากันเปื้อนออกจากเอวของแมดดี้“ข้าคิดถึงเจ้ามาโดยตลอด..”เธอช้อนสายตามองหน้าเขา“ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่คำลวงแสนหวานที่
ดาเนียอุ้มมิก้าในอ้อมแขน เธอหอมแก้มสลับกับจุมพิตลงไปบนเส้นผมของหลานสาวตัวน้อยด้วยความแผ่วเบา“ท่านน้า..ทำไมท่านป้อของมิก้าถึงมาช้าจัง”คำถามที่เต็มไปด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสาราวกับเด็กๆ นั้นทำให้ดาเนียอดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดูไม่ได้“มิก้า..เพราะว่าทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ท่านพ่อของมิก้าไม่ได้อยู่กับมิก้าก็จริงแต่ว่าท่านพ่อของมิก้าเป็นฮีโร่ที่ช่วยคนอื่นที่กำลังทุกข์ยากจากสภาวะของสงคราม.."มิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย“สงคราม คืออะไยคะท่านน้า”นั่นสินะ คงยังเร็วไปที่จะบอกกล่าวทุกอย่างกับเด็กน้อยในวัยสามขวบเช่นนี้“เอาเป็นว่าในยามนี้พ่อของหลานกลับมาแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่รึไง มิก้าเองก็..ควรจะดีใจกับการกลับมาของท่านพ่อนะ”มิก้าหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก“มิก้ามีท่านป้อเหมือนเพื่อนคนอื่นแล้ว..คอยดูเถอะในวันพรุ่งนี้ มิก้าจะพาท่านป้อไปอวดเพื่อน!”ดาเนียพยักหน้า“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยล่ะ ใครที่เคยล้อมิก้าของน้าต้องสมควรที่จะถูกจัดการ วันพรุ่งนี้หลานพาท่านพ่อของหลานไปจัดการสั่งสอนเด็กคนนั้นเลยเข้าใจไหม”มิก้าพยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ“ได้เยย