พลบค่ำ งานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ของเจียงฉินจัดขึ้นที่โรงแรมลี่เจียง เจียงฉินถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเซียวแล้ว ดังนั้นงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ครั้งนี้จึงดึงดูดผู้คนมาไม่น้อย เสิ่นม่านได้รับคำเชิญมาด้วย วันนี้เธอสวมชุดเดรสยาวสีฟ้าน้ำทะเลดึงดูดสายตาผู้อื่นเป็นพิเศษ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงานแล้ว“ม่านม่าน!”เจียงฉินใส่ส้นสูงวิ่งเข้ามาหาเสิ่นม่านจากที่ไกล พร้อมสวมกอดแน่นๆ อย่างเล่นใหญ่อลังการงานสร้าง ส่วนฟู่ฉือโจวที่ช่วยเจียงฉินถือชายกระโปรงอยู่ข้างหลังนั้นตามฝีเท้าของเจียงฉินไม่ทัน“นี่เจ๊ ช้าหน่อยสิ! เจ๊ใส่ส้นสูงนะนั่น!”เจียงฉินไม่สนใจ กล่าวว่า “งานเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้ อย่างน้อยๆ ฉันก็จะทำกำไรได้หลายหมื่นล้านเชียวนะ ขอดีใจล่วงหน้าหน่อยไม่ได้หรือไง?”“จ้าๆๆ”สำหรับเจียงฉินแล้ว ฟู่ฉือโจวไม่เคยพูดคำว่าไม่เลยเสิ่นม่านกวาดมองรอบๆ แต่ไม่เห็นเงาของเซียวตั๋วบางทีหลังจากที่เซียวตั๋วเห็นข้อความนั้น เขาอาจจะล้มเลิกความตั้งใจไปแล้วมั้งล้มเลิกแล้วก็ดีขณะเดียวกัน หางตาของเสิ่นม่านเหลือบมองเห็นเงาคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง เป็นซูเฉี่ยน
ซูเฉี่ยนเฉี่ยนดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำที่กำลังกล่าวหาคนที่รังแกเธออยู่หากใช้วิธีนี้ในรั้วมหาวิทยาลัย บางที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนอาจได้รับความเห็นใจจากคนอื่นๆ แต่ที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย คนที่จะมาอยู่ที่นี่ได้ล้วนแต่เป็นพวกเจ้าเล่ห์ในวงการทั้งนั้น ประสบการณ์แต่ละคนรวมกันคงนับพันปีได้แล้วมั้งมารยาธรรมดาทั่วไปของซูเฉี่ยนเฉี่ยนนี้ไม่ได้ผลหรอก ฝูงชนเพียงแค่มองว่าเป็นเรื่องสนุกขำขันเท่านั้นมีเพียงซูเฉี่ยนเฉี่ยนเท่านั้นที่คิดว่าคนพวกนั้นจะเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย“หน้าไม่อายจริงๆ”เจียงฉินหัวเราะแห้ง เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่เห็นผู้หญิงหน้าไม่อายขนาดนี้ซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกเจียงฉินว่าจนน้ำตาไหลพรากพลางกล่าวว่า “คุณหนูเจียง ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉัน แต่ฉันไม่ใช่คนอย่างที่คุณคิดจริงๆ วันนั้นฉันจำคนผิด คิดว่าเป็นคุณ ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดมาก ขอคุณหนูเจียงยกโทษให้ฉันด้วย ฉันขอแค่คุณยกโทษให้ฉันก็พอ”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนแลดูน่าสงสารมากผู้จัดการเจิ้งที่คอยประจบซูเฉี่ยนเฉี่ยนตลอดก็ทำหน้าทำตาพูดกับเจียงฉินว่า “ประธานเจียงครับ คุณซูเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ประธานป๋อให้ความสำคัญมาก อุปนิสัยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ป๋อซือเหยียนมีฉันเป็นตัวแทนแค่คนเดียวก็พอแล้ว คนอื่นไม่ต้องมาก็ได้” เสิ่นม่านที่เงียบอยู่นานพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ประทานเจียงจะไล่หล่อนออกไป หากเกิดเรื่องฉันจะรับผิดชอบเอง ผู้จัดการเจิ้งไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก”ผู้จัดการเจิ้งหัวเราะเยาะ “คุณเนี่ยนะ? คุณคิดว่าคุณเป็นใครถึงจะมาเป็นตัวแทนประทานป๋อได้?”เสิ่นม่านเลิกคิ้ว แม้แต่เจียงฉินเองก็หัวเราะกับคำพูดนี้ด้วย “เป็นใครงั้นเหรอ? คำถามโง่ๆ แบบนี้ก็ถามออกมาได้เนอะ? นี่คุณทำงานให้ป๋อซื่อกรุปจริงหรือเปล่าเนี่ย? แม้แต่ภรรยาประธานป๋อของพวกคุณ ก็ไม่รู้จักเหรอ?”พอได้ยินเจียงฉินพูดดังนั้น สีหน้าของผู้จัดการเจิ้งก็เปลี่ยนไป พูดอะไรไม่ออกราวกับมีก้างปลาติดคออย่างไรอย่างนั้น“อ้อ จริงสิ คุณซูไม่เคยบอกคุณหรอกเหรอว่าคนนี้คือเสิ่นม่านภรรยาของประธานป๋อ และเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเสิ่น ดูจากการกระทำของคุณเมื่อกี้นี้ ฉันคิดว่าคิดตั้งใจบาดหมางกับคุณหญิงป๋อแล้วไปปกป้องหล่อนซะอีก”เจียงฉินไม่ชอบพูดอ้อมค้อม เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาตลอดสีหน้าของผู้จัดการเจิ้งราวกับเป็นจานผสมสี เพียงเวลาครู่เดียวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปไม่รู้กี่รอบแล้วเสิ่นม่านพูดอย่า
นี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฟู่ฉือโจวได้ยินมาในปีนี้แล้วมั้งงานเลี้ยงดำเนินการมาถึงช่วงหลัง ประตูใหญ่ของลี่เจียงถูกเปิดออก บอดี้การ์ดชุดดำพุ่งเข้ามา แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยยังห้ามไม่ไหว ป๋อซือเหยียนเดินเข้ามาในชุดสูทเป็นทางการ สายตาเฉียดคมราวกับมีด ฝูงชนต่างก็หยุดหายใจกันไปชั่วขณะ คาดไม่ถึงว่าป๋อซือเหยียนจะมาจริงๆป๋อซือเหยียนกวาดตามองรอบๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายก็มองไปที่เสิ่นม่านและเจียงฉิน“เก็บงาน”ป๋อซือเหยียนหรี่ตาลงอย่างเป็นอันตราย คนรอบๆ ต่างถูกเชิญออกจากโรงแรมลี่เจียง“ป๋อซือเหยียน หมายความว่ายังไง?”เจียงฉินกำลังจะเดินเข้าไป แต่ถูกฟู่ฉือโจวห้ามเอาไว้เรื่องของผู้หญิงให้ผู้หญิงจัดการ ส่วนเรื่องของผู้ชาย ก็ต้องให้ผู้ชายของพวกเขาจัดการเองฟู่ฉือโจวเดินมาข้างหน้าเจียงฉิน แล้วกล่าวว่า “ป๋อซือเหยียน วันนี้เป็นงานของตระกูลเจียง คุณคงไม่ได้ไร้มารยาทหรอกมั้ง?”ป๋อซือเหยียนไม่สนใจคำพูดของฟู่ฉือโจว แต่เปลี่ยนเป็นมองที่เจียงฉิน “คุณไล่เฉี่ยนเฉี่ยนออกไปเหรอ?”“ใช่ ฉันไล่ออกไปเอง คุณจะทำไม? จะแก้แค้นแทนเมียน้อยคุณเหรอ?”น้ำเสียงของเจียงฉินเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ทำให้ป๋อซือเหยีย
ขณะที่ทั้งสองกำลังหยุดชะงักอยู่ เลขาหลี่ก็เดินเข้ามาแล้วกระซิบข้างหูป๋อซือเหยียนเบาๆสีหน้าของป๋อซือเหยียนดูไม่ดีกว่าเดิม “ไป!”“ครับ ประธานป๋อ”เลขาหลี่เดินตามหลังป๋อซือเหยียน ขณะที่หันกลับไปมองเสิ่นม่าน ในสายตากลับซ่อนไปด้วยความรู้สึกหมดหนทางและความกังวลใจเสิ่นม่านขมวดคิ้ว กล่าว “เซียวตั๋ว เรื่องนี้คุณอย่ามายุ่งดีกว่า”เธอรู้ดีว่าต้องเกิดบางอย่างขึ้นกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนแน่นอน ไม่อย่างนั้นป๋อซือเหยียนคงไม่รีบร้อนออกไปขนาดนี้และหากเกิดอะไรขึ้นกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนจริง ป๋อซือเหยียนจะหักหน้าเธอจริงๆ แน่นอนเธอไม่อยากทำให้เรื่องนี้ไปเกี่ยวโยงกับเซียวตั๋วเพราะอย่างไร เซียวตั๋วก็ไม่รู้อะไรกับเรื่องนี้เลยเซียวตั๋วกล่าว “เขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก”“จริง! เขามีสิทธิ์อะไร? เพื่อเมียน้อยคนหนึ่ง ถึงกับต้องมาอาละวาดในงานแบบนี้ เขาคิดว่าเขาจะควบคุมเมืองไห่เฉิงได้จริงๆ หรือไง?”เจียงฉินโกรธจัดเสิ่นม่านกล่าว “งานเปิดตัวดีๆ แบบนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ขอโทษด้วยจริงๆ นะพี่เจียง”“ไม่ใช่ความผิดเธอ เพราะไอ้ป๋อซือเหยียนนั่นทั้งนั้นเลย!”เจียงฉินกล่าว “ครั้งนี้ยังมีเรื่องขนาดนี้ ฉันว่านะพวกเธอ
“พวกคุณ?”ป๋อซือเหยียนหัวเราะแห้งราวกับได้ยินเรื่องตลก “ที่แท้คุณกับเซียวตั๋วพวกเขา ก็แทนกันว่า ‘พวกเรา’ แล้วสินะ”เสิ่นม่านขมวดคิ้วป๋อซือเหยียนเดินเข้าไปใกล้เสิ่นม่านทีละก้าวๆ ความรู้สึกกดดันพลันพุ่งออกมากะทันหัน “ที่โรงแรมเมื่อคราวก่อน คุณก็อยู่กับเซียวตั๋วและฟู่ฉือโจวใช่ไหม? เจียงฉินเพียงแค่มาช่วยแก้ต่างให้คุณเท่านั้นใช่ไหม? คุณกับเซียวตั๋วเป็นอะไรกันแน่? พวกคุณไปถึงไหนกันแล้ว?”ป๋อซือเหยียนจับข้อมือของเสิ่นม่านแน่น เสิ่นม่านเห็นดวงตาที่แดงก่ำของป๋อซือเหยียนจึงสะบัดมือของป๋อซือเหยียนออกโดยสัญชาตญาณ “ป๋อซือเหยียน! พอได้แล้ว! ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่!”เมื่อเห็นมือที่ถูกสะบัดออก ป๋อซือเหยียนจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เสิ่นม่าน คุณไปภาวนาให้หน้าของเฉี่ยนเฉี่ยนสามารถรักษาให้หายดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าผมทำอะไรกับตระกูลเสิ่นแล้วกัน”สิ้นเสียง ก็มีเสียงกรีดร้องของซูเฉี่ยนเฉี่ยนดังมาจากข้างในห้องป๋อซือเหยียนผลักประตูเข้าไปทันควัน พบว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนกำลังโยนแก้วน้ำบนโต๊ะอยู่ ตอนที่เสิ่นม่านเข้าไป ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็จับแขนของป๋อซือเหยียนไว้แน่น แล้วกอดป๋อซือเหยียนเอาไว้ “หน
ป๋อซือเหยียนรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “อยากไป ก็ให้เธอไป!”เมื่อได้ยินคำพูดของป๋อซือเหยียนแล้ว ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็หยุดสะอื้น แล้วเงยหน้ามองป๋อซือเหยียนอย่างน่าสงสาร “ถ้างั้น ฉันสามารถไปรักษาตัวที่บ้านป๋อได้จริงๆ เหรอคะ?”ป๋อซือเหยียนลูบศีรษะของซูเฉี่ยนเฉี่ยนเบาๆ ตอบว่า “เดี๋ยวผมจะให้เสี่ยวหลี่ไปย้ายของที่หอพักคุณ ช่วงที่คุณรักษาตัวอยู่หอไม่ค่อยสะดวกนัก อยู่ที่บ้านนั่นแหละ”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนฟุดฟิดจมูก แล้วพิงศีรษะอยู่ในอ้อมกอดของป๋อซือเหยียนพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ขอบคุณค่ะประธานป๋อ…”เลขาหลี่ที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้น ก็อดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาเหมือนดั่งคำพูดที่ว่า คนยืนดูรู้ คนอื่นๆ เพียงแค่มองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนเสแสร้ง แต่ป๋อซือเหยียนกลับมองไม่ออกคืนนั้น เสิ่นม่านก็เรียกบริษัทขนส่งให้มาช่วยขนย้ายของของตัวเองออกจากบ้านป๋อทันทีรอจนถึงพลบค่ำ ป๋อซือเหยียนก็พยุงซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บกลับมาถึงบ้านป๋อ สิ่งของต่างๆ ในบ้านหายไปเยอะมาก แถมยังดูเงียบเหงาอีกด้วยป๋อซือเหยียนที่เห็นฉากนี้ ในใจพลันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาซูเฉี่ยนเฉี่ยนถาม “ประธานป๋อคะ ฉันนอนห้องไหนเหรอคะ?”“ข้าง
เจียงฉินฟังจบก็ปรบมือรัวๆ“เริ่ด ปัง!”ใบหน้าของเสิ่นม่านเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะจัดการซูเฉี่ยนเฉี่ยนโดยตรงแบบนี้ แต่เพราะซูเฉี่ยนเฉี่ยนเริ่มก่อนเอง ฉะนั้นเธอก็ไม่อาจทนดูต่อไปได้อีกตอนเที่ยง ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเดินลงจากชั้นสองอย่างช้าๆ เพราะขาของเธอไม่สะดวก ตอนลงบันไดจึงลำบากมาก แต่ทว่าเมื่อเห็นแม่บ้านหลิวที่ทำงานอยู่ในห้องรับแขกแล้ว ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็เกิดความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมา“ป้า ฉันหิวแล้ว ไปทำกับข้าวเถอะ”น้ำเสียงของซูเฉี่ยนเฉี่ยนฟังดูไม่เกรงใจเลยสักนิด ไม่อ่อนโยนเหมือนตอนอยู่ในอ้อมกอดของป๋อซือเหยียนเมื่อคืนเลยสักนิดหลังจากที่แม่บ้านหลิวเห็นซูเฉี่ยนเฉี่ยนแล้ว ก็อารมณ์เสียจนแสดงออกทางสีหน้าขึ้นมา แต่ติดอยู่ที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนของป๋อซือเหยียน แม่บ้านหลิวจึงทำได้เพียงพูดว่า “ตอนเที่ยงจะเริ่มทานอาหารกัยตอนเที่ยงตรง นี่เป็นกฎที่คุณหญิงตั้งไว้ค่ะ”เมื่อเอ่ยถึงเสิ่นม่าน ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็รู้สึกเหมือนถูกแทงเข้าที่หัวใจ“นี่ป้าทำงานยังไงกัน? ฉันบอกว่าฉันหิวไง ไม่ได้ยินเหรอ?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเพราะเสียโฉม นิสัยของเธอก็เลยก้าวร้าวมากแม่บ