———— ในขณะเดียวกัน, บนผิวน้ำเหนือมหาดันเจี้ยน ในเวลาเดียวกันกับที่ปาร์ตี้ของพวกกรกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่คาดฝันกันอยู่ ฝ่ายกองกำลังป้องกันทมี่เป็นปราการด่านแรกก่อนที่มอนสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนจะเคลื่อนที่ไปถึงแผ่นดินใหญ่เองก็กำลังเจอศึกหนักไม่ต่างกัน เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั่วน่าน้ำ เสียงปืนกลดังลั่นรัวราวประทัดงานเทศกาล ผสมปนเปกับเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งของเหล่ามอนสเตอร์ที่กรูกันออกมาจากปากทางน้ำวนด้วยจำนวนที่เกินกว่าจะนับด้วยสายตา ด้วยจำนวนราวกับมดแตกรังก็เพียงพอจะทำให้เหล่าทหารศึกและลูกเรือรบทุกคนหวาดผวาแล้ว ยังต้องยอมรับความจริงที่น่าสิ้นหวังอีกอย่างหนึ่งอีกคือ พวกมันทุกตัวมีสเตตัสสูงกว่าบอสของมหาดันเจี้ยนทุกตัวที่พวกกรเคยประมือด้วยเสียอีก แถมยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สเตตัสของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เวรเอ้ย! นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้ไม่ใช่รึไงวะเนี่ย!” เสือที่อยู่ในห้องศูนย์บัญชาการตวาดพลางทุบโต๊ะอย่างหงุดหงิด เพราะแผนที่ตนกับกรช่วยกันคิดเหมือนจะทำได้แค่ยื้อเวลาจนกว่าพวกกรจะเคลียร์มหาดันเจี้ยนได้ ซึ่งอันที่จริง การทำได้แค่ยื้อเวลาก็เ
———— ในเวลาเดียวกัน, ทางฝั่งของมีอา หลังจากการปรากฏตัวของดันเจี้ยนมาสเตอร์อย่างอาร์เคมีดีสในฐานะของศัตรูอย่างเป็นทางการ พร้อมการช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝันจากเหล่าดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยนที่พวกกรเคยพิชิตมาแล้ว ทำให้พวกกรที่ตอนนี้ถูกแยกออกเป็น 4 ปาร์ตี้เข้าสู่ทางเข้าเพื่อไปยังชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยนโบราณแห่งนี้ได้สำเร็จ ดังเช่นปาร์ตี้ของมีอาที่ประกอบด้วยริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ที่กำลังเดินวิ่งลงบันไดวนหลังจากผ่านทางเข้ามาได้ แต่อย่างไรก็ดี... การจะบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้โล่งอกก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะรู้กันอยู่ว่ายิ่งลงไปดันเจี้ยนชั้นที่ลึกมาเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นมหาทวีคูณ แม้จะปลอดภัยกว่าการที่ดันเจี้ยนมาสเตอร์ลงมาจัดการเองก็ตาม“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ฉันงงไปหมดแล้ว!”“แล้วดิฉันจะรู้ไหมคะเนี่ย!” แต่ที่สำคัญกว่าความอันตรายของสถานการณ์ คือเรื่องที่อยู่ ๆ เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นดันเกิดขึ้น ทำให้ความกังวลและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของทุกคนตื่นตัวถึงขีดสุด อาจเพราะแบบนั้นเจนนี่กับชาลอตถึงได้แสดงความกังวลออกมามากปกต
ไร้เหตุผลชะมัด ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว...... อุษณกร เด็กหนุ่มไทยอายุ 17 ปี ที่ปกติแล้วช่วงวัยและเวลานี้น่าจะต้องนั่งเรียนหนังสืออยู่ใน ห้องเรียนกับเหล่าเพื่อนร่วมชั้น ในประเทศ....ไม่สิโลกที่สงบสุข ตอนนี้กลับกำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตายเต็มทีจากการปะทะกับกลุ่มมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนของต่างโลก กำลังนั่งเอาหลังพึงกำแพง แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่แหบแห้งและแผ่วเบาอย่างที่สุดอยู่เพียงลำพังตึก ตัก............ตึก ตัก.......................ตึก............ตัก.............................ตึก...................ตัก ชีพจรของเด็กหนุ่มกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ แต่สัมผัสทางกายที่น่าจะหายไปจากการเสียเลือดของเด็กหนุ่มยังไม่ได้จางลงแม้แต่น้อย ความร้อนจากของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาทั่วร่างไม่หยุดก็ยังคงชัดเจน ความเจ็บปวดที่ปากแผลจากการสูญเสียแขนซ้ายไปเองก็ยังชัดเจน สัมผัสความเย็นจากโลหะของมีดสั้นที่เสียบอยู่ที่หน้าอกค่อนไปทางซ้าย และใบมีดของดาบยาวสองคมมือเดียวอีก 2 เล่มที่ท้องน้อยทะลุผ่านลำตัวและทะลุต้นขาขวาไปก็ยังชัดเจนทรมาน......ให้ตายสิ ถ้าจะตายทั้งทีขอตายแบบไม่ทรมานไม่ได้รึไง......
พอรู้สึกตัวอีกที ฉันก็อยู่ในห้องสีขาว ...ไม่สิเหมือนกับว่าโลกใบนี้ ทั้งพื้นดินและท้องฟ้า ทั้งหมดมันเปลี่ยนเป็นสีขาวหมดเลย ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากฉัน เครื่องเกมที่น่าจะอยู่ติดตัวฉันเองก็ไม่มีด้วย ขณะที่กำลังคิดแบบนั้น รอบๆตัวของกรก็มี เหล่าผู้คนในวัยหนุ่มสาวปรากฏขึ้นมามากมาย มีกระทั่งที่สีผิวและเครื่องแบบแตกต่างจากเขา ทั้งที่ใส่ชุดนักเรียนอยู่ ชุดลำลองและชุดแปลกๆที่ไม่รู้จักเองก็มีโอ๊ะ!!! ทางนั้นมีพี่สาวใส่ชุดมิโกะด้วยหล่ะ! ไม่นะ! เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!อย่าปล่อยให้กิเลสเข้าครอบงำสิตัวฉัน ก่อนอื่นเรียบเรียงสถานการณ์ก่อน ใจเย็น〜เข้าไว้〜ฟู่-ฮ่า... ฟู่-ฮ่า... ฟู่-ฮ่า... หลังจากกรหายใจเข้า-ออกยาวๆ 3 ครั้ง กรก็ตั้งสติแล้วกลับสู่ความเป็นจริงได้ในที่สุดทุกคนที่อยู่ที่นี่ เท่าที่สังเกตมีแต่พวกหนุ่มสาวอายุประมาณเราหมดเลยแฮะ แต่ก็มีเด็ก ม.ต้น หรือวัยทำงานขึ้นไปอยู่บ้างเหมือนกัน จะว่าไปแล้ว... ยังไม่เห็นเพื่อนของเราซักคนเลยแฮะวูม〜 หลังสิ้นเสียงที่เหมือนกับ Special Effect ในหนังอวกาศ เหล่าเพื่อนร่วมชั้นและนักเรียนในห้องอื่นๆ ทั้งพวกรุ่นพี่และรุ่นน้อ
หลังตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเลยหล่ะ สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยจัดละมั้ง เมื่อคืนเลยหลับซะลึกเลย ให้ตายสิ! ทั้งเรื่องไอ้แก่พระเจ้า การมาต่างโลก(แถมเป็นโลกแฟนตาซีอีกต่างหาก) สภาวะสงครามของอาณาจักรที่ถูกวาร์ปมา ถูกขอร้องให้ช่วยโดยพระราชาของอาณาจักรที่ว่า แล้วสุดท้ายก็ต้องเข้าฝึกกับกองอัศวินทุกอย่างเป็นเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อและกะทันหันเกินไป ไม่คิดว่าชั่วชีวิตจะได้เจอด้วยซ้ำ ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในวันเดียวจนฉันยังล้าเลยหล่ะ จิตใจหน่ะนะ คิดว่าคนอื่นก็คงไม่ต่างกันก็อง!!!! ก็อง!!!! ก็อง!!!! เสียงระฆังหนักๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ 3 ครั้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากระฆังดังขึ้น ทุกคนก็ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวานแล้วมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง อาจมีบางคนคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงเป็นแค่ฝันร้ายที่น่ากลัว แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่ามันเป็นความจริงเช่นนี้คงใจเสียไม่น้อย กรเองก็มีความรู้สึกนั้นอยู่บ้างเช่นกัน แต่เพราะนิสัยง่ายๆ เลยทำให้ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาจึงรีบลุกจากเตียงที่ทางอาณาจักรเตรียมไว้ให้ แม้เตียงในห้องท
〝ไว้เจอกันเน้อ! คุณโอตาคุ!!!〞〝อย่ามัวแต่เล่นจนมาซ้อมไม่ทันหล่ะคุณโอตาคุ ฮ่าฮ่าฮ่า!!!〞〝อะ อา ขอบใจ——〞 ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ที่ทุกคนถูกส่งมาต่างโลก หลังจากเหตุการณ์ที่กรถูกเสือประจาน บรรยากาศรอบตัวของกรก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังเช่นเหตุการณ์ที่มีนักเรียนชายหญิงมาทักทายกร แล้วกรเองก็โบกมือลาแล้วตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อซักครู่นี่มัน... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?คิดไปเองรึเปล่าว่าทุกคนทักเราเหมือนคนปกติ... แต่จะไม่ปกติก็ตรงที่เรียกว่า『คุณโอตาคุ』นั่นหล่ะ… อย่างน้อยๆก็เรียกฉันด้วยชื่อเล่นซักหน่อยเถอะ...แต่ถึงอย่างงั้น น้ำเสียงก็ไม่ได้มีการประชดประชันแฝงอยู่เลย.... รึว่าเพราะเหตุการณ์ครั้งก่อนทุกคนเลยรู้สึกสงสารงั้นเหรอ? แหม่ ไม่อยากจะคิดแบบนั้นเลยแฮะ น่าสงสารตัวเองจริงๆรึจะเป็นไอ้นั่น.... ไอ้『ปรากฏการณ์สะพานแขวน』ที่ว่า พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ใจเต้นกับเพศตรงข้ามแล้วเข้าใจผิดว่าตกหลุมรักนั่นหน่ะ แต่ในกรณีนี้คงไม่ใช่ตกหลุมรัก แต่เป็นรู้สึกผิดซะมากกว่าละมั้ง.....แต่ดูแล้วทุกคน(หรือบางคน)นี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา งั้นฉันจะไม่คิดมากก็แล้วกัน เนื่องด้วยเวลานี้เ
เฮ้อ!!!!!!!!! เสียงที่กำลังถอนหายใจของกรนั้นดังมากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามองได้เลย แต่เพราะอยู่คนเดียวจึงทำแบบนั้นได้อย่างเต็มที่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั่นขึ้น ก็เพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ กรที่กำลังคิดว่าจะขอโทษรินยังไงดีก็เลยมาหาสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ที่ม้านั่งในสวนของลานกว้างอยู่คนเดียวนั่นเองโอ๊ย!!!! ทำไมปัญหาของฉันมันเยอะแบบนี้ฟ้า!!!! อ๊ากกกก!!!! อยากหายไปชะมัดเลย....แล้วจะทำไงให้หายโกรธดีเนี่ย... รินคงไม่เกลียดขี้หน้าของฉันไปแล้วหรอกนะ…เฮ้อ!!!!!!!!! หลังจากที่คิดนู่นนี่ไปเรื่อย กรก็ถอนหายใจหนักๆแบบนั้นออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางม้านั่งที่กรนั่งอยู่〝เอ่อ กะ กร〞〝!!!!?〞ระ รินงั้นเหรอ มาหาฉันก่อนแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? รึจะมาต่อว่าอะไร....เอาเถอะก็สมควรแล้วหล่ะ แต่จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำแบบนั้นก่อนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องขอโทษอย่างใจจริงซะก่อน หลังจากนั้นค่อยรับฟังคำด่าทอก็ยังไม่สาย เอาหล่ะน่ะปฏิบัติการณ์ขอขมาสายฟ้าแลบเริ่มได้!!!!!!!〝คะ คือว่า เรื่องตอนประลองนั่นฉันขอโ——〞〝ขอประทานโทษด้วยคร้าบ!!! กระผมผิดไปแล้ว!!!
ฮี้ๆๆๆ〜!!!คลึ๊กๆๆๆๆ!!! เสียงของม้าที่กำลังลากเกวียนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถบรรทุกคนสิบกว่าคนได้สบายๆดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเป็นจังหวะ เกวียนที่ม้าลากอยู่นี้มีลักษณะคล้ายกับที่ชาวนาใช้ขนฟาง แต่เนื่องจากมีหลังคาคลุมที่นั่งอย่างแน่นหนามันถึงได้ดูเหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล และหากสังเกตดูจะเห็นว่ามีเกวียนที่มีม้าลากแบบเดียวกันนี้เป็นจำนวนกว่า 30 เล่ม เคลื่อนที่ติดกันเป็นขบวนอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนม้าทุกตัวจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มันจึงสามารถเดินตามกันได้โดยที่ไม่ต้องมีคนคุมบังเหียนด้วยซ้ำ ส่วนด้านหน้าของขบวนก็มีทหารชายวัยกลางคนคนนึงสวมชุดเกราะหนาทั้งตัว มีบริเวณเนื้อหนังโผล่ออกมาให้เห็นบางส่วนเท่านั้นกำลังนั่งบนหลังม้าแล้วนำขบวนอยู่ คนๆนั้นก็คือ ฮันซี่นั่นเอง ส่วนรอบเกวียนของคณะเดินทางก็มีทหารคุ้มกันที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกัน แต่สวมหมวกเหล็กไว้ทุกคนต่างจากฮันซี่ที่เปิดใบหน้าให้เห็น กำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆเกวียนที่มีนักเรียนทุกคนนั่งอยู่ข้างใน ในขณะที่เดินทางไปพร้อมกัน ใช่แล้ว ตอนนี้นักเรียนทุกคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังแถบชานเมืองเพื่อฝึกฝนการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั
———— ในเวลาเดียวกัน, ทางฝั่งของมีอา หลังจากการปรากฏตัวของดันเจี้ยนมาสเตอร์อย่างอาร์เคมีดีสในฐานะของศัตรูอย่างเป็นทางการ พร้อมการช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝันจากเหล่าดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยนที่พวกกรเคยพิชิตมาแล้ว ทำให้พวกกรที่ตอนนี้ถูกแยกออกเป็น 4 ปาร์ตี้เข้าสู่ทางเข้าเพื่อไปยังชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยนโบราณแห่งนี้ได้สำเร็จ ดังเช่นปาร์ตี้ของมีอาที่ประกอบด้วยริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ที่กำลังเดินวิ่งลงบันไดวนหลังจากผ่านทางเข้ามาได้ แต่อย่างไรก็ดี... การจะบอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้โล่งอกก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะรู้กันอยู่ว่ายิ่งลงไปดันเจี้ยนชั้นที่ลึกมาเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นมหาทวีคูณ แม้จะปลอดภัยกว่าการที่ดันเจี้ยนมาสเตอร์ลงมาจัดการเองก็ตาม“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ฉันงงไปหมดแล้ว!”“แล้วดิฉันจะรู้ไหมคะเนี่ย!” แต่ที่สำคัญกว่าความอันตรายของสถานการณ์ คือเรื่องที่อยู่ ๆ เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นดันเกิดขึ้น ทำให้ความกังวลและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของทุกคนตื่นตัวถึงขีดสุด อาจเพราะแบบนั้นเจนนี่กับชาลอตถึงได้แสดงความกังวลออกมามากปกต
———— ในขณะเดียวกัน, บนผิวน้ำเหนือมหาดันเจี้ยน ในเวลาเดียวกันกับที่ปาร์ตี้ของพวกกรกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ไม่คาดฝันกันอยู่ ฝ่ายกองกำลังป้องกันทมี่เป็นปราการด่านแรกก่อนที่มอนสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนจะเคลื่อนที่ไปถึงแผ่นดินใหญ่เองก็กำลังเจอศึกหนักไม่ต่างกัน เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั่วน่าน้ำ เสียงปืนกลดังลั่นรัวราวประทัดงานเทศกาล ผสมปนเปกับเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งของเหล่ามอนสเตอร์ที่กรูกันออกมาจากปากทางน้ำวนด้วยจำนวนที่เกินกว่าจะนับด้วยสายตา ด้วยจำนวนราวกับมดแตกรังก็เพียงพอจะทำให้เหล่าทหารศึกและลูกเรือรบทุกคนหวาดผวาแล้ว ยังต้องยอมรับความจริงที่น่าสิ้นหวังอีกอย่างหนึ่งอีกคือ พวกมันทุกตัวมีสเตตัสสูงกว่าบอสของมหาดันเจี้ยนทุกตัวที่พวกกรเคยประมือด้วยเสียอีก แถมยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สเตตัสของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เวรเอ้ย! นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้ไม่ใช่รึไงวะเนี่ย!” เสือที่อยู่ในห้องศูนย์บัญชาการตวาดพลางทุบโต๊ะอย่างหงุดหงิด เพราะแผนที่ตนกับกรช่วยกันคิดเหมือนจะทำได้แค่ยื้อเวลาจนกว่าพวกกรจะเคลียร์มหาดันเจี้ยนได้ ซึ่งอันที่จริง การทำได้แค่ยื้อเวลาก็เ
หลังจากนั้นปาร์ตี้ของพวกกรก็ใช้เวลาไม่นานนักในการเดินออกมานอกป่าที่เป็นวิวทิวทัศน์ตลอดเกือบชั่วโมงที่ผ่านมา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและกลายเป็นจุดรวมสายตาเป็นอย่างแรกของพวกกร แน่นอนว่าคือต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้า แทบหาคำเปรียบเปรยมิได้ว่ามาปลายสุดของมันไปจรดที่ดาวดวงไหน ส่วนโบราณสถานที่อยู่ในสภาพเป็นซากปรักหักพังที่ฟลอร่าบอกก่อนหน้านี้ก็อยู่เบื้องหน้าพวกกรนี้เอง ดูจากภายนอกวัสดุที่ใช้คล้ายกับอิฐโบกทับด้วยสีขาว สภาพของมันดูเก่าแก่เป็นพันปีหากใช้มาตรฐานปกติเป็นเกณฑ์ แต่เพราะที่นี่เป็นดันเจี้ยน กาลเวลาไม่น่าเป็นปัจจัยสำคัญเท่าพลังที่ดึงมาจากชีพจรพิภพมาใช้ เพราะตราบใดที่พลังที่ดึงมาใช้ยังมีอยู่ การคงสภาพวัตถุในดันเจี้ยนย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น การที่มันอยู่สภาพปรักหักพัง จึงเดาได้เกือบ 100% เลยว่าเป็นความตั้งใจของดันเจี้ยนมาสเตอร์“แต่ดูภายนอกแล้ว น่าจะเรียกว่าเป็นเขาวงกตมากกว่านะคะเนี่ย”“นั่นสิ เห็นด้วยเลย” ไมน์กับกรเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนั้นหลังสังเกตด้วยสายตาในระยะที่มองเห็น การออกแบบภายในของมันดูซับซ้อนเกินกว่าที่จะเคยเป็นสถาน
———— ในขณะเดียวกัน, ทางฝั่งของปาร์ตี้ B หากนับปาร์ตี้ของพวกกรเป็นปาร์ตี้ A แน่นอนว่าในขณะเดียวกัน ทุกคนที่กระะจัดกระจายไปเพราะเวทมนตร์ที่น่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติสู่เกาะต่าง ๆ ในสถานที่แห่งหนึ่ง สมาชิกคนอื่น ๆ ของดาร์คไนท์ซิริอุสเองก็ถูกจับปาร์ตี้แบบสุ่มจากการที่โดนสุ่มเคลื่อนย้ายมาเช่นกัน และสำหรับปาร์ตี้ B อันมีสมาชิกประกอบไปด้วยมีอา ริน ชาลอต ซาช่าและเจนนี่ รวม 5 คน หากนับแค่จำนวนสมาชิก ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนถ้าประเมินจากกำลังรบเป็นรายคนก็ถือว่าใช้ได้ เพราะมีซาช่าที่ถูกประเมินจากในกลุ่มว่าเป็นระดับ S คือ ซาช่า ระดับ A อย่างมีอาและเจนนี่ ส่วนระดับ B ได้แก่รินและชาลอต ซึ่งผ่านขั้นต่ำที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามข้อตกลงของกลุ่ม กระนั้น... ก็คงพูดไม่ได้ว่าสบายนัก เพราะตอนนี้ทั้งปาร์ตี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันยากลำบากกันอยู่ สภาพพื้นที่ของเกาะที่พวกเธอทั้ง 5 คนกำลังเผชิญอยู่ต่างกับป่าดิบชื้นที่พวกกรเจออยู่บางส่วน นั่นคือมันเป็นป่าโปร่งเหนือทะเลทราย และมีหย่อมโอเอซิสเป็นพัก ๆ อากาศเองก็ร้อนกว่าพอสมควรแต่ไม่เกินคว
คงมีไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นทิวทัศน์อันกลมกลืนจนแทบจะเป็นสีเดียวอยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว กับทิวทัศน์ตามธรรมชาติก็ยิ่งยากแก่โอกาสเข้าไปใหญ่ สีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สุดปลายขอบ แทบจะกลมกลืนเป็นสีเดียวกับน้ำทะเลที่อยู่สุดปลายสายตา เป็นภาพที่ดูแปลกประหลาดที่แต่ก็งดงามยิ่ง เสียงประกอบที่อยู่โดยรออบก่อเกิดจากคลื่นซัดกระแทกและจากเหล่าวิหคสีขาวนวลทำให้เสพบรรยากาศน่ามหัศจรรย์อันถูกรังสรรค์โดยธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ จะมีก็เพียงสิ่งเดียวที่มิได้เกิดขึ้นเอง หากแต่เป็นฝีมือของมนุษย์... มันคือเรือรบเหล็กขนาดมหึมาเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง ขนาดที่คนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนคิดว่ามันเป็นเปลือกทวีปเคลื่อนที่เลยทีเดียว มันฝ่าเกลียวคลื่นของมหาสมุทรโดยไม่ครั่นคร้ามต่อสิ่งใด เพราะนอกจากตัวมันเองแล้วก็ยังมีบริวารติดสอยห้อยตามมาอีกเป็นจำนวนที่มากพอควร นอกจากเรือธงที่เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดอย่าง UFG Glory ของมหาอำนาจอย่างแอนดรูวส์ แล้วก็ยังมีเรือประจัญบานกันกุต รีวาลูซาของคัทยูช่าแห่งไซบีเรียน ไทเกอร์ขนาบข้างมาด้วย นอกจากนั้นยังมีเรือบรรทุ
———— 1 เดือนต่อมา1 เดือนผ่านไปไวยังกับโกหก... ที่เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วนี่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะเพราะแล้วพอรู้ตัวอีกที ก็มาถึง ‘วันตัดสินชี้ชะตา’ ซะแล้วถึงจะไม่อยาก แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเข้าซักวันอยู่ดีส่วนเรื่องที่ว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างนั้น...ขออดเปรี้ยวไว้กินหวาน พูดถึงเรื่องงานก่อนก็แล้วกันหลังจากการประชุมสภาโต๊ะจัตุรัสหนก่อน จนได้ข้อสรุปว่าจะขยายกองกำลังป้องกันให้มากขึ้นกว่าเดิม พวกเราก็ดำเนินการตามแผนกันในทันทีเริ่มจากการจัดหาทรัพยากรสร้างเรือรบ ไม่สิ เพราะมีฟังก์ชั่นลอยตัวของแกนเวทใหม่ของเมอร์ลิน เพราะงั้นก็ต้องเป็น ‘เรือเหาะเวทมนตร์’เดิมทีแผนก็คือสร้างอู่ต่อเรือ 10 แห่งให้เสร็จภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเราภาคีโต๊ะจัตุรัสก็ทำผลงานได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ผลก็คือสามารถสร้างอู่ต่อเรือเพิ่มได้ถึง 15 แห่งในเวลาเพียงแค่ 6 วันอาจมองว่าเป็นความต่างเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมากมหาศาลเลยเชียวล่ะเพราะตอนแรกประมาณการณ์ไว้ว่าจะมีเรือเหาะที่เป็นกำลังรบได้ 42 ลำ จากการใช้เวลาสร้าง 1 ลำต่อ 1 สัปดาห์ โดยใช้อู่
หลังจากที่ประชุมแผนการพิชิตมหาดันเจี้ยนอย่างเป็นรูปธรรมเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเป็นภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งเอาเรื่องเลยสำหรับเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุไม่ถึง 20 (ไม่นับอายุทางจิตใจของฉันนะ)พอมานึกดูเล่น ๆ... กลับกลายเป็นพวกเราทุกคนมีงานมีการ มีหน้าที่รับผิดชอบกันเป็นชิ้นเป็นอันกันหมดแล้วก็ถ้าเป็นในโลกเดิม พวกเราทุกคนกำลังเรียน ม.ปลายกันอยู่เลยนี่นะแต่ดูตอนนี้สิ... มีทั้งงาน มีทั้งบ้าน มีทั้งครอบครัวแล้วด้วยมาไกลเหมือนกันแฮะตัวเรา... ทั้งที่เพิ่งจากโลกเดิมมาได้ไม่ถึงครึ่งปีเลยแท้ ๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรามีคู่ชีวิตดี ๆ นั่นแหล่ะนะ ถึงมาได้ไกลขนาดนี้อ๊ะ... เผลอนอกเรื่องอีกแล้วประเด็นที่อยากจะบอกก็คือ ถึงตอนนี้จะมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็อย่าลืมครอบครัวที่คอยสนับสนุนอยู่ต่างหากก็นะ ถึงฉันจะยกเรื่องครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเหนือเรื่องงานอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากจะย้ำกับตัวเองอีกหลาย ๆ รอบอยู่ดีแล้วก็เพราะแบบนั้น ถึงได้ทำให้นึกถึงเรื่องสำคัญที่อยากจะทำออกด้วยคุยกับแมรี่ไว้แล้วนี่นะว่าจะให้แกเข้าโรงเรียนแล้วเดิมที จุดประสงค์หลักที่เป็นแบบนั้นก็คือ อยากจะ
เฮ้อ... ท่ามกลางบรรยากาศสงบสุขในเมือง กลางท้องถนนย่านการค้าที่กำลังคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ กลับมีเด็กหนุ่มถอนหายใจราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่างในชีวิต ทั้งที่เขาคนนี้มีสาวน้อยน่ารักเดินควงแขนอยู่แท้ ๆ“ กร ไม่สนุกที่มาเดทกับดิฉันเหรอคะ ” เด็กสาวเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนกับผิดหวังอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้ากังวลใจของเด็กสาวที่เป็นแฟนของตัวเอง เด็กหนุ่มก็ดีดผึงจนหลังตรงหันมาให้ความสนใจกับเธอในทันที“ ไม่ ๆ ไม่ได้ไม่สนุกที่มาเดทกับเธอหรอกชาลอต แค่นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ ” เด็กหนุ่ม... กรตอบกลับแฟนสาวอย่างชาลอตในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด เพราะเดิมที การมาเดทกับเจ้าตัวก็เพื่อให้ชาลอตอารมณ์ดี รวมถึงต้องการจะเห็นแผนสาวสุดที่รักอย่าชาลอตยิ้มออกมาเยอะ ๆ ดังนั้นหากจะทำอะไรให้เธอกังวลและไม่พอใจ นั่นคงเป็นการผิดจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ของตัวเอง“ เรื่องเมื่อกี้? ที่ทุกคนตกลงว่ากรต้องเดทกับทุกคนทุกวันน่ะเหรอ? ” ชาลอตเอ่ยถาม คิ้วเธอขมวดเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจว่ากรจะกังวลเรื่องนี้ทำไม ซึ่งก็จริง เพราะกรมีแต่ได้กับได้“ ก็ฉันกลัวจะรับมือกับทุก
“ นาย... เอลกินจริงเหรอ? ” กรถึงกับต้องขมวดคิ้วจ้องมองชายคนที่อยู่ตรงหน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ซึ่งมีอาเองก็ทำแบบเดียวกัน“ ขอโทษด้วยนะครับ มากะทันหันแบบนี้คงตกใจกันน่าดู ” เอลกินยิ้มตอบแบบไม่ได้คิดมาก“ ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ตกใจเรื่องที่มาปุบปับซะหน่อย ” กรอดที่จะพูดเหมือนกับตกมุกแบบนั้นไม่ได้“ นั่นสิ... ยังกับคนละคนเลยเนาะกร ” มีอาเองก็แอบกระซิบแบบนั้นข้างหูกรเหมือนกัน“ นั่นสินะครับ ต้องอธิบายเรื่องนั้นด้วย แต่ก่อนอื่น... ” และดูเหมือนเอลกินเองก็ได้ยินเสียงกระซิบของมีอา แต่ยังไงก็ตาม เจ้าตัวก็พยายามทำเรื่องที่ตั้งใจไว้หนแรกก่อน เขาจึงยื่นช่อดอกไม้ในมือให้กับกร“ อันนี้แทนคำขอโทษของผมนะครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่พูดจาเสียมารยาทไปมากมายเมื่อตอนนั้น ” เอลกินพูดจบก็โค้งให้พวกกรอย่างนอบน้อม ท่าทางนั้นออกมาจากใจจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เดิมที หากเขาเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีและโอ้อวดศักดาตัวเองแบบที่เจอกันครั้งแรกจริง เขาคงไม่มีทางยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเต็มใจแน่“ อืม... ยังไงก็เข้ามาก่อนแล้วกัน ว่างั้นไหมมีอา ”“ นั่นสินะ ถ้าขอโทษกันแล้วฉันก็ไม่ต