ในที่สุดก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วอดทนลำบากมาตั้งหลายปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกแล้วได้หลุดพ้นจากงานจุกจิกที่น่าเหนื่อยหน่ายเหล่านั้นเสียทีทีนี้ผมก็สามารถมีเวลาอยู่กับลูกชายมากขึ้น และแบ่งเบาความกดดันจากการดูแลครอบครัวของภรรยาได้ด้วยหลังจากที่ส่งรับงานก่อนหน้านี้เสร็จ วันนี้ก็ได้เลิกงานเร็วบ้างเมื่อคิดถถึงภรรยาที่คอยดูแลลูกชายที่บ้านคนเดียว มุมปากของผมก็เผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาตอนที่กลับบ้าน ผมแวะที่ซื้อดอกไม้ที่ภรรยาชอบมากที่สุดจากร้านขายดอกไม้มาด้วยหนึ่งช่อ และตั้งใจจะแบ่งปันความยินดีที่ได้เลื่อนตำแหน่งงานกับเธอเมื่อกลับถึงบ้าน ก็พบว่าภรรยากำลังหลับอยู่ข้างเตียงของลูกชาย หน้าตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าส่วนลูกชายนั่งอยู่ในเตียงเด็กอย่างเชื่อฟัง และกำลังเล่นไถรถของเล่นอย่างเงียบๆผมวางดอกไม้ไว้ด้านข้างขณะที่เดินไปด้วยความระวัง และเตรียมยื่นมือไปอุ้มภรรยาไปไว้ในห้องนอนทันใดนั้นหน้าจอของโทรศัพท์ที่ภรรยาวางเอาไว้ข้างตัวก็สว่างขึ้นข้อความหนึ่งแจ้งเตือนขึ้นมาผมรู้รหัสโทรศัพท์ขของภรรยา แต่หลายปีมานี้พวกเราต่างก็เชื่อใจซึ่งกันและกันมากพอ เราต
นอกจากสองครั้งนั้น เธอก็เรียกผมว่าพี่เซิงด้วยความรู้สึกเฉยๆ มาตลอดผมคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะพ่อแม่ของเธอเห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว เข้าข้างน้องชายตั้งแต่เด็กทำให้เธอขาดความรู้สึกปลอดภัย ไม่รู้วิธีการแสดงความรู้สึก จึงเก็บซ่อนความรักเอาไว้แต่ที่จริงแล้วเธอรู้จักวิธีแสดงความรู้สึกตอนที่เธอคุยกับสามีที่รัก คำพูดที่เร่าร้อนเปิดเผย ผมอ่านจนหน้าแดงถ้าผมไม่ใช่สามีที่จดทะเบียนถูกต้องของเธอ ผมคงจะรู้สึกว่านี่เป็นครอบครัวที่มีความสุขมากๆในบทสนทนาภรรยาที่แบ่งปันเรื่องต่างๆ กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทั้งเรื่องที่คังคังยิ้มครั้งแรก คลานครั้งแรก เรียกพ่อครั้งแรกทั้งหมดนั้นต่างเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกเสียภายหลังมากๆ ที่ตัวเองพลาดช่วงเวลาเติบโตอันล้ำค่าของลูกชายไปผมที่กำลังดูรูปเหล่านั้นอยู่ตอนนี้รู้สึกว่าความคิดสับสนปนเปไปหมดเมื่อมองคังคังที่เป็นเด็กดีอยู่ข้างๆ ก็พบว่าลูกชายที่เมื่อก่อนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมากๆ ที่จริงแล้วไม่มีจุดที่เหมือนกันเลยเด็กๆ มักจะไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อคังคังเห็นแววตาที่ผมมองเขาไม่เหมือนกับสายตาของคุณพ่อที่เอ็นดูรักใคร่เขาอย่างตอนปกติ มิหนำซ้ำยังดูน่ากลัวด้วย
วันต่อมาหลังตื่นนอนผมก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารของทั้งสองคนด้วยท่าทางปกติจากนั้นก่อนออกจากบ้าน ผมก็หันไปพูดกับเสิ่นชิงว่า"จริงสิชิงชิง เงินที่น้องชายคุณยืมไปคืนผมได้แล้วใช่ไหมสองวันก่อนผมเจอกับเพื่อนสมัยม.ปลาย เขามีโปรเจ็คดีมากอยู่หนึ่งโปรเจ็ค ผมอยากไปลองดู""ถ้ายังไม่ไหว ก็ให้เขาหาคืนผมมาก่อน 5 แสนก็ได้"ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเสิ่นชิงก็เย็นเยือกลงก่อนที่เธอจะเอ่ยปาก ผมก็ชิงพูดตัดขึ้นมา"จะไปทำงานสายแล้ว อย่าลืมบอกน้องชายคุณด้วยนะ ผมไปก่อนล่ะ"พอออกจากบ้าน ผมก็ถอนหายใจยาวอย่างเซ็งน้องชายของเสิ่นชิงเป็นคนไม่เอาไหน หลายปีมานี้ผมช่วยเขาเช็ดล้างไม่น้อย ให้เขาคืนเงินนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วก็แค่ไม่รู้ว่าถ้าผมดึงดันจะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ละก็ เสิ่นชิงจะยอมเสียสละเงินเก็บของเธอ หรือเสียสละน้องชายที่เธอบอกรักนักรักหนาหรือจะลดศักดิ์ศรีลงเรียกผมว่าที่รักด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยน แล้วให้ผมคิดหาวิธีอื่นเองหลังเลิกงานกลับมาทันทีที่เข้าบ้านก็พบว่าพ่อแม่ของเสิ่นชิงนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเห็นว่าผมกลับมา พ่อแม่ของเสิ่นชิงก็แทบไม่อยากชายตามองผมด
หลังจากที่คนตระกูลเสิ่นจากไป ผมก็ลุกขึ้นค้นทั่วทุกมุมบ้านอย่างละเอียดคังคังยังเด็ก จึงหาผมของคังคังไม่เจอแต่ผมเจอเล็บที่เสิ่นชิงตัดให้คังคังในถังขยะผมเก็บเศษเล็บขึ้นมา และรวบรวมอุปกรณ์จำพวกจุกนมที่คังคังใช้เป็นประจำในเวลาปกตินำไปส่งตรวจที่โรงพยาบาลพร้อมกับตัวอย่างของผมในเช้าวันที่สองพอกลับถึงบ้านผมก็หยิบทะเบียนบ้านออกมาไปหานายหน้าเพื่อประกาศขายบ้านหลังจากที่ฝากกุญแจให้นายหน้าแล้ว ผมก็ลงทะเบียนห้องพักพนักงานกับบริษัทผมจัดเก็บสัมภาระของตัวเองคร่าวๆพบว่าผมอาศัยอยู่บ้านนี้มา 3 ปี ทว่าของของผมมีน้อยจนน่าสงสารตอนแต่งงานใหม่ๆ การเงินยังอัตคัด หลังแต่งงานเสิ่นชิงไม่ยอมทำงาน แน่นอนว่าผมก็เคารพการตัดสินใจทุกอย่างของเธอผมให้เงินเดือนทั้งหมดกับเสิ่นชิง เพราะกลัวว่าเธอที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ นานในบ้านจะเกรงใจที่ต้องเอ่ยปากขอในตอนที่สถานการณ์คับขันตอนนั้นผมยังนึกซาบซึ้งเองว่า ในเมื่อเธอยอมอยู่ที่บ้าน เป็นแม่บ้านเต็มตัว ผมก็จะให้เธอด้อยกว่าคนอื่นไม่ได้หลายปีมานี้ นอกจากยูนิฟอร์มสองชุดที่ใส่ทำงานและชุดลำลองหนึ่งชุดที่ใส่ในบ้าน ผมก็ไม่เคยซื้ออย่างอื่นให้ตัวเองเลยนอกจาก
3 วันต่อมาทางนักสืมไม่มีความคืบหน้าหลายวันที่เสิ่นชิงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นไม่ได้ไปไหนเลยท่าทางคงจะต้องหาอะไรให้พวกเขาทำสักหน่อย ผมนำสัญญากู้ยืมที่เสิ่นเว่ย น้องชายของเสิ่นชิงเซ็นกับผมในตอนนั้นส่งไปที่ศาลคงจะคิดว่าขอแค่มีเสิ่นชิงอยู่ก็จะจับผมได้อยู่หมัด จึงเขียนสัญญากู้ยืมส่งๆ ไปเพื่อกลบเกลื่อนผมพวกเขาเป็นเหมือนกันทั้งบ้าน ทั้งหยิ่งทรนงและโง่เขลาตอนที่หมายศาลไปถึงตระกูลเสิ่น ทั้งตระกูลก็ระเบิดในทันทีแม่เสิ่น เสิ่นชิง เสิ่นเว่ยสลับกันโทรหาผมไม่ใช่ด่าทอผมชุดใหญ่ก็ใช้เสิ่นชิงกับลูกข่มขู่ผมแต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เสิ่นชิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาเงินของตัวเองออกมาอุดรูรั่วของเสิ่นเว่ยเลยแต่เมื่อเห็นผมจะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ แม่เสิ่นจึงได้แต่บังคับให้เสิ่นชิงคิดหาวิธีไม่หยุดเสิ่นชิงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นไม่ไหวอีกต่อไป วันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สางก็พาลูกออกมาเงียบๆนักสืบติดตามเสิ่นชิงไปตลอดทาง ในที่สุด 2 วันให้หลังก็ส่งข่าวมาเมื่ออ่านข้อมูลที่นักสืบส่งมาให้จนจบก็ทำให้ผมอึ้งไม่น้อยคนที่เป็นชู้ของเสิ่นชิงคือรองผอ.ของบริษัทผม เฉินจื้อฉีชื่อ ZQ ผมคิดถึงทุกคนที่ผมรู้จักที่แซ่ขึ้นต้นด้วย Z
หลังจากที่แลกเปลี่ยนวิธีติดต่อกับเหยียนอวี่หรานแล้ว ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากนายหน้ามีคนอยากซื้อบ้านหลังจากที่กลับไปอย่างเร่งรีบ และตกลงเรื่องราคากับคนซื้อได้แล้วผมก็ส่งข้อความหาเสิ่นชิง บอกให้เธอรีบเก็บข้าวของออกโดยเร็วในที่สุดคราวนี้เสิ่นชิงนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป สายหนึ่งโทรเข้ามา"จ้าวเซิง คุณหมายความว่ายังไง ขายย้านทำไมไม่ปรึกษาฉัน คุณให้ฉันกับลูกไปอยู่ที่ไหน""ไปอยู่กับแม่คุณก่อนสักพักก็แล้วกัน ผมเห็นคุณก็ชอบพาลูกกลับไปนี่""คุณ คุณเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมจ้าวเซิง วันหลังลูกไปโรงเรียนจะทำยังไง"มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เสิ่นชิงพูดถูก บ้านโทรมๆ หลังนี้อยู่ติดกับโซนการศึกษาที่ดีมากแห่งหนึ่งตำแหน่งนับว่าเคยอยู่ใกล้กับใจกลางเมือง เพียงแต่ตอนนี้เมืองกำลังพัฒนาไปฝั่งตะวันออกตอนนั้นเพราะผมเล็งเห็นแนวโน้มของการพัฒนาแล้ว ถึงได้คิดจะซื้อบ้านใหม่ทางฝั่งตะวันออกที่อยู่ใกล้กับบริษัทซึ่งปัจจุบันราคาบ้านโซนนั้นสูงขึ้นหลายเท่าตัว"จ้าวเซิง ถ้าวันหลังลูกไม่ยอมรับคุณ คุณอย่ามาโทษฉันแล้วกัน"เสิ่นชิงวางสายด้วยความโมโหเมื่อก่อนงานยุ่งมาก ผมก็กลัวว่าลูกยิ่งโตจะยิ่งห่างเหินกับผมจริงๆแต่ว่าตอนน
โดนพักงานผมไม่ได้สนใจนัก ความจริงแล้วโปรเจ็คที่ผมพูดกับเสิ่นชิงเป็นเรื่องจริงเพื่อนสมัยม.ปลายคนนั้นกับผมมากจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกันพวกเราสนิทกันมาก โปรเจ็คนี้พวกเราก็ศึกษากันมานานมากหากไม่ได้เป็นเพราะได้เลื่อนตำแหน่งอย่างกะทันหัน ผมก็มีความคิดที่จะลาออกแล้วด้วยแต่หากถูกไล่ออก ผมจะจากไปด้วยชื่อเสียงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดในเมื่อแม่เสิ่นอาละวาดมาถึงบริษัทของผมได้ ก็หมายความว่าเธอไม่รู้ว่าลูกสาวแสนดีของเธอมีเงินเก็บอยู่เท่าไรแบบนี้ได้ยังกันวันนั้นผมจึงใช้ชื่อนิรนามถ่ายภาพหน้าจอหน้ายอดคงเหลือในธนาคารของเสิ่นชิงส่งไปให้เสิ่นเว่ยพร้อมทั้งระบุเวลาโอนเงินทุกรอบไว้ให้อย่างเอาใจใส่ด้วยด้านตระกูลเสิ่นทะเลาะกันยังไงบ้างผมไม่รู้ แต่เสิ่นชิงก็ไม่มีเวลามาหาผมแล้วเช่นกันเพราะเหยียนอวี่หรายบอกผมว่าเธอเตรียมออกมือแล้วส่วนผม ไหนๆ ก็อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งทีผมจึงนำเงินที่ขายบ้านได้ไปเลือกหมู่บ้านที่สภาพแวดล้อมใช้ได้ หลังวางเงินดาว์นก้อนแรกแล้ว ก็หาบริษัทตกแต่งภายในมาออกแบบตามสไตล์ที่ผมชอบและจ่ายเงินจ้างโค้ชส่วนตัวอีกคนหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเลี่ยงงานเลี้ยงเข้าสังคมไม่ได้ ท
ตอนที่เสิ่นชิงมาถึงสำนักงานเขต สภาพเธอทุลักทุเลมาก เมื่อเห็นผมปรากฏตัว ก็เค้นเสียงถาม "จ้าวเซิง คุณใช่ไหม คุณรู้แต่แรกแล้วสินะ" "รู้อะไรเหรอ" รักมา 8 ปีเต็ม ทว่า ณ ตอนนี้ที่เผชิญหน้ากับเสิ่นชิง ผมกลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด เมื่อไม่มีรักแล้วก็ไม่แค้นแล้ว เมื่อก่อนก็ถือเสียว่าผมอ่านคนไม่ออก จากนี้ไม่ว่าจะมีผลลัพธ์ยังไง ก็เป็นสิ่งที่เสิ่นชิงทำตัวเองทั้งนั้น แต่พอคิดถึงเรื่องที่เหยียนอวี่หรานพูดกับผมเมื่อหลายวันก่อนว่าเธอมีหลักฐานที่เฉินจื้อฉียักยอกทรัพย์ หลังจากนี้เกรงว่าเฉินจื้อคงจะถูกเธอส่งเข้าคุก เงินที่เขาเคยให้เสิ่นชิง เธอจะเรียกคืนให้หมด พอไม่มีผม ไม่มีเฉินจื้อฉี จากนี้เสิ่นชิงต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คงลำบากไม่น้อย เสิ่นชิงดูเหมือนจะคิดได้ว่าวันหลังตัวเองจะมีชีวิตอย่างไรต่อไป ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผมเผชิญหน้ากับเธอด้วยความใจเย็นขนาดนี้ รู้ว่าผมปล่อยวางจากเธอแล้วจริงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจภายหลัง "พี่เซิง ไม่หย่าได้ไหมคะ เมื่อก่อนฉันทำผิดกับคุณ ให้โอกาสฉันได้ชดใช้สักครั้งได้ไหมคะ" "ยังมีคังคัง เขา ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณ แต่เขาก็เห็นคุณเ