แชร์

บทที่ 5

ผู้แต่ง: อรุณอำไพ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
3 วันต่อมาทางนักสืมไม่มีความคืบหน้า

หลายวันที่เสิ่นชิงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นไม่ได้ไปไหนเลย

ท่าทางคงจะต้องหาอะไรให้พวกเขาทำสักหน่อย

ผมนำสัญญากู้ยืมที่เสิ่นเว่ย น้องชายของเสิ่นชิงเซ็นกับผมในตอนนั้นส่งไปที่ศาล

คงจะคิดว่าขอแค่มีเสิ่นชิงอยู่ก็จะจับผมได้อยู่หมัด จึงเขียนสัญญากู้ยืมส่งๆ ไปเพื่อกลบเกลื่อนผม

พวกเขาเป็นเหมือนกันทั้งบ้าน ทั้งหยิ่งทรนงและโง่เขลา

ตอนที่หมายศาลไปถึงตระกูลเสิ่น ทั้งตระกูลก็ระเบิดในทันที

แม่เสิ่น เสิ่นชิง เสิ่นเว่ยสลับกันโทรหาผม

ไม่ใช่ด่าทอผมชุดใหญ่ก็ใช้เสิ่นชิงกับลูกข่มขู่ผม

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เสิ่นชิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาเงินของตัวเองออกมาอุดรูรั่วของเสิ่นเว่ยเลย

แต่เมื่อเห็นผมจะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ แม่เสิ่นจึงได้แต่บังคับให้เสิ่นชิงคิดหาวิธีไม่หยุด

เสิ่นชิงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นไม่ไหวอีกต่อไป วันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สางก็พาลูกออกมาเงียบๆ

นักสืบติดตามเสิ่นชิงไปตลอดทาง ในที่สุด 2 วันให้หลังก็ส่งข่าวมา

เมื่ออ่านข้อมูลที่นักสืบส่งมาให้จนจบก็ทำให้ผมอึ้งไม่น้อย

คนที่เป็นชู้ของเสิ่นชิงคือรองผอ.ของบริษัทผม เฉินจื้อฉี

ชื่อ ZQ ผมคิดถึงทุกคนที่ผมรู้จักที่แซ่ขึ้นต้นด้วย Z มีเพียงแค่เฉินจื้อฉีเท่านั้นที่ผมคิดไม่ถึง

เฉินจื้อฉี แท้จริงเป็นคนที่ไม่มีความสามารถอะไร ที่เขาสามารถนั่งอยู่บนตำแหน่งรองผอ.ได้

ก็เพราะแต่งงานกับลูกสาวของประธานเหยียน

ผมให้นักสืบตามสืบข้อมูลของเฉินจื้อฉีต่อไป

เฉินจื้อฉีกับเหยียนอวี่หรานมีลูกสาวอายุ 5 ขวบหนึ่งคน ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันทั้งบริษัท

พอลองถามเพื่อนร่วมงานที่มีลูก ก็รู้โรงเรียนอนุบาลที่ลูกของเฉินจื้อฉีกับเหยียนอวี่หรานกำลังเรียนอยู่

วันต่อมา ผมล่วงหน้าไปรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล ในที่สุดก็พบผู้หญิงที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับในรูปอยู่บ้าง

หากไม่ใช่เพราะเด็กหญิงที่เธอกำลังจูงมืออยู่หน้าตาคล้ายกับคังคังอย่างกับแกะ ผมก็คงไม่กล้ายืนยัน

เหตุผลหลักๆ ก็เพราะผู้หญิงในรูปรูปร่างผอมสูง หน้าตาเป็นสัดเป็นส่วน ทว่าคนที่อยู่ตรงหน้า...

ออกจะอ้วนท้วนมากไป จนมองหน้าตาเดิมไม่ออก

มีเพียงแค่ส่วนสูงที่ไม่เปลี่ยน แต่เนื่องจากตัวสูง และน้ำหนักตัวไม่เบา จึงทำให้ยิ่งดูร่างใหญ่เข้าไปอีก

เมื่อเห็นเหยียนอวี่หรานส่งลูกเข้าโรงเรียนแล้ว ผมก็รีบเดินเข้าไปหา

"คุณเหยียน ขอโทษที่รบกวนครับ ผมมีรูปถ่ายของประธานเฉินอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าคุณเหยียนสนใจไหมครับ"

เหยียนอวี่หรานมีท่าทีระแวงผมที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันมาก แต่ก็รู้สึกสนใจในคำพูดของผม

เมื่อเห็นดังนั้น ผมก็รีบเปิดรูปใบหนึ่งในโทรศัพท์

หลังจากที่สายตาของเหยียนอวี่หรานเห็นรูปก็เบิกตากว้าง สีหน้าอึ้งตะลึงในทันที

"ขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหมคะ"

ครั้งนี้เหยียนอวี่หรานตอบรับอย่างง่ายดาย พร้อมกับพาผมมาที่ร้านกาแฟใกล้ๆ

ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียว

ผมนำข้อมูล และรูปที่เฉินจื้อฉีกับเสิ่นชิงสนิทสนมกันที่สืบได้ให้เหยียนอวี่หรานดู

"เสิ่นชิง"

หลังจากที่ดูรูปอย่างละเอียด เหยียนอวี่หรานก็พูดขึ้นด้วยความตกใจ

"คุณเหยียนรูกจักเสิ่นชิงเหรอครับ"

เหยียนอวี่หรานเงยหน้ามองผม และถามว่า

"คุณคือ"

"จ้าวเซิง สามี...ของเสิ่นชิงครับ"

เหยียนอวี่หรานเลิกคิ้วขึ้น คิดไม่ถึงว่าผมกับเธอจะเป็นโชคร้ายเหมือนกัน

สีหน้าระแวดระวังจึงผ่อนคลายลง เธอพิงเก้าอี้แล้วค่อยๆ พูดขึ้นว่า

"เสิ่นชิงเหรอ พวกคุณแต่งงานกันกี่ปีแล้วคะ"

"3 ปีครับ"

"3 ปีเหรอ ถ้างั้นสายตาคุณก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนะ"

"6 ปีก่อนฉันจับได้ว่าเฉินจื้อฉีเป็นชู้กับเสิ่นชิง จึงไปอาละวาดถึงบริษัทของเสิ่นชิง

เสิ่นชิงสูญเสียงานที่ทำและหายตัวไป เฉินจื้อฉีเองก็รับรองกับฉันนักหนาว่าตัดขาดกันแล้ว

หลายปีมานี้เขาก็ทำตัวอยู่ในกฎเกณฑ์จริงๆ นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วไม่เคยตัดขาดกันมาก่อนเลย"

พูดถึงตรงนี้ เหยียนอวี่หรานก็โมโหขึ้นมาอีก

6 ปีก่อน ผมกับเสิ่นชิงกำลังคบหาดูใจกัน ซึ่งก็หมายความว่าระหว่างที่คบหากัน

หลังจากที่เสิ่นชิงเป็นชู้กับเฉินจื้อฉีที่มีครอบครัวแล้ว เธอก็ยังตอบรับคำขอแต่งงานของผม

เกรงว่าเด็กหญิงที่แทงไปในตอนนั้นจนทำให้ผมรู้สึกผิดมาตั้งนานก็อาจไม่ใช่ลูกของผมเหมือนกัน

เมื่อคิดถึงตรนี้ผมก็โมโหเช่นกัน ผมเลื่อนมือเปิดรูปของคังคังขึ้นมารูปหนึ่ง

เมื่อเห็นรูปของคังคัง แววตาของเหยียนอวี่หรานก็ตะลึงอย่างมาก

หน้าตาที่เหมือนกับลูกสาวของเธออย่างมาก ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นลูกของเฉินจื้อฉีกับเสิ่นชิง

มือที่กำโทรศัพท์ของเหยียนอวี่หรานสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ หายใจเร็ว และโกรธจนตัวสั่น

แล้วผมก็เปิดประวัติยอดเงินโอนที่เสิ่นชิงได้รับทั้งหมดในหลายปีมานี้ให้เธอดูอีก

ผมไม่เพียงแค่ต้องการให้ตระกูลเสิ่นคืนเงินที่ค้างผมคืนมาเท่านั้น

แต่ผมจะทำให้เสิ่นชิงคายทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ใช่เธอออกมาด้วย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 6

    หลังจากที่แลกเปลี่ยนวิธีติดต่อกับเหยียนอวี่หรานแล้ว ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากนายหน้ามีคนอยากซื้อบ้านหลังจากที่กลับไปอย่างเร่งรีบ และตกลงเรื่องราคากับคนซื้อได้แล้วผมก็ส่งข้อความหาเสิ่นชิง บอกให้เธอรีบเก็บข้าวของออกโดยเร็วในที่สุดคราวนี้เสิ่นชิงนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป สายหนึ่งโทรเข้ามา"จ้าวเซิง คุณหมายความว่ายังไง ขายย้านทำไมไม่ปรึกษาฉัน คุณให้ฉันกับลูกไปอยู่ที่ไหน""ไปอยู่กับแม่คุณก่อนสักพักก็แล้วกัน ผมเห็นคุณก็ชอบพาลูกกลับไปนี่""คุณ คุณเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมจ้าวเซิง วันหลังลูกไปโรงเรียนจะทำยังไง"มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เสิ่นชิงพูดถูก บ้านโทรมๆ หลังนี้อยู่ติดกับโซนการศึกษาที่ดีมากแห่งหนึ่งตำแหน่งนับว่าเคยอยู่ใกล้กับใจกลางเมือง เพียงแต่ตอนนี้เมืองกำลังพัฒนาไปฝั่งตะวันออกตอนนั้นเพราะผมเล็งเห็นแนวโน้มของการพัฒนาแล้ว ถึงได้คิดจะซื้อบ้านใหม่ทางฝั่งตะวันออกที่อยู่ใกล้กับบริษัทซึ่งปัจจุบันราคาบ้านโซนนั้นสูงขึ้นหลายเท่าตัว"จ้าวเซิง ถ้าวันหลังลูกไม่ยอมรับคุณ คุณอย่ามาโทษฉันแล้วกัน"เสิ่นชิงวางสายด้วยความโมโหเมื่อก่อนงานยุ่งมาก ผมก็กลัวว่าลูกยิ่งโตจะยิ่งห่างเหินกับผมจริงๆแต่ว่าตอนน

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 7

    โดนพักงานผมไม่ได้สนใจนัก ความจริงแล้วโปรเจ็คที่ผมพูดกับเสิ่นชิงเป็นเรื่องจริงเพื่อนสมัยม.ปลายคนนั้นกับผมมากจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกันพวกเราสนิทกันมาก โปรเจ็คนี้พวกเราก็ศึกษากันมานานมากหากไม่ได้เป็นเพราะได้เลื่อนตำแหน่งอย่างกะทันหัน ผมก็มีความคิดที่จะลาออกแล้วด้วยแต่หากถูกไล่ออก ผมจะจากไปด้วยชื่อเสียงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดในเมื่อแม่เสิ่นอาละวาดมาถึงบริษัทของผมได้ ก็หมายความว่าเธอไม่รู้ว่าลูกสาวแสนดีของเธอมีเงินเก็บอยู่เท่าไรแบบนี้ได้ยังกันวันนั้นผมจึงใช้ชื่อนิรนามถ่ายภาพหน้าจอหน้ายอดคงเหลือในธนาคารของเสิ่นชิงส่งไปให้เสิ่นเว่ยพร้อมทั้งระบุเวลาโอนเงินทุกรอบไว้ให้อย่างเอาใจใส่ด้วยด้านตระกูลเสิ่นทะเลาะกันยังไงบ้างผมไม่รู้ แต่เสิ่นชิงก็ไม่มีเวลามาหาผมแล้วเช่นกันเพราะเหยียนอวี่หรายบอกผมว่าเธอเตรียมออกมือแล้วส่วนผม ไหนๆ ก็อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งทีผมจึงนำเงินที่ขายบ้านได้ไปเลือกหมู่บ้านที่สภาพแวดล้อมใช้ได้ หลังวางเงินดาว์นก้อนแรกแล้ว ก็หาบริษัทตกแต่งภายในมาออกแบบตามสไตล์ที่ผมชอบและจ่ายเงินจ้างโค้ชส่วนตัวอีกคนหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเลี่ยงงานเลี้ยงเข้าสังคมไม่ได้ ท

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 8

    ตอนที่เสิ่นชิงมาถึงสำนักงานเขต สภาพเธอทุลักทุเลมาก เมื่อเห็นผมปรากฏตัว ก็เค้นเสียงถาม "จ้าวเซิง คุณใช่ไหม คุณรู้แต่แรกแล้วสินะ" "รู้อะไรเหรอ" รักมา 8 ปีเต็ม ทว่า ณ ตอนนี้ที่เผชิญหน้ากับเสิ่นชิง ผมกลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด เมื่อไม่มีรักแล้วก็ไม่แค้นแล้ว เมื่อก่อนก็ถือเสียว่าผมอ่านคนไม่ออก จากนี้ไม่ว่าจะมีผลลัพธ์ยังไง ก็เป็นสิ่งที่เสิ่นชิงทำตัวเองทั้งนั้น แต่พอคิดถึงเรื่องที่เหยียนอวี่หรานพูดกับผมเมื่อหลายวันก่อนว่าเธอมีหลักฐานที่เฉินจื้อฉียักยอกทรัพย์ หลังจากนี้เกรงว่าเฉินจื้อคงจะถูกเธอส่งเข้าคุก เงินที่เขาเคยให้เสิ่นชิง เธอจะเรียกคืนให้หมด พอไม่มีผม ไม่มีเฉินจื้อฉี จากนี้เสิ่นชิงต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คงลำบากไม่น้อย เสิ่นชิงดูเหมือนจะคิดได้ว่าวันหลังตัวเองจะมีชีวิตอย่างไรต่อไป ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผมเผชิญหน้ากับเธอด้วยความใจเย็นขนาดนี้ รู้ว่าผมปล่อยวางจากเธอแล้วจริงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจภายหลัง "พี่เซิง ไม่หย่าได้ไหมคะ เมื่อก่อนฉันทำผิดกับคุณ ให้โอกาสฉันได้ชดใช้สักครั้งได้ไหมคะ" "ยังมีคังคัง เขา ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณ แต่เขาก็เห็นคุณเ

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 9

    1 ปีต่อมาบริษัทของผมกับหวังเทาไปได้ค่อนข้างสวยเลยทีเดียวโปรเจ็คที่เล็งไว้ในตอนนั้นไม่ทำให้พวกเราผิดหวังอย่างที่คิดไส้ ในเวลาสั้นๆ ค่าตัวของพวกเรากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตอนที่เข้าร่วมงานเลี้ยง ผมจะทักทายเหยียนอวี่หรานจากมุมไกลๆตอนนี้เธอได้กลับคืนสู่คนในรูปภาพแล้ว ดวงตาเป็นประกายสุกใส รูปร่างสูงโปร่งผอมเพรียวเธอสวมรองเท้าส้นสูง ชุดพิธีการ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางผู้คนเธอกลับไปที่เหยียนกรุ๊ป และรับหน้าที่ดูแลบริษัทของที่บ้านด้วยตนเองท่ามกลางผู้คนที่คั่นกลาง เธอมองผม ชั่วขณะที่เรายิ้มให้กัน เธอยกแก้วไวน์ในมือขึ้น ดื่มให้กับวันพรุ่งนี้ที่สวยงามของเราต่อมาด้วยค่าตัวของผมที่พุ่งสูงขึ้น เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยก็ได้ส่งเทียบเชิญงานพบปะมาหาผมบ่อยๆครั้งหนึ่งผมไม่สามารถเลี่ยงได้ จึงต้องไปร่วมอย่างช่วยไม่ได้ตอนที่เข้าไปในห้อง ทันใดนั้นทุกคนก็พากันเงียบ ผมเห็นเสิ่นชิงที่มาโดยไม่ได้รับเชิญได้ยินมาว่าหลังจาดเฉินจื้อฉีออกจากคุก ก็ถูกตระกูลเหยียนขัดรั้งจนหางานไม่ได้จึงได้แต่พึ่งพาเสิ่นชิง เสิ่นชิงจึงต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงเขาและลูกต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็ยังทั้งด่าว่าและทุบตี

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 1

    ในที่สุดก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วอดทนลำบากมาตั้งหลายปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกแล้วได้หลุดพ้นจากงานจุกจิกที่น่าเหนื่อยหน่ายเหล่านั้นเสียทีทีนี้ผมก็สามารถมีเวลาอยู่กับลูกชายมากขึ้น และแบ่งเบาความกดดันจากการดูแลครอบครัวของภรรยาได้ด้วยหลังจากที่ส่งรับงานก่อนหน้านี้เสร็จ วันนี้ก็ได้เลิกงานเร็วบ้างเมื่อคิดถถึงภรรยาที่คอยดูแลลูกชายที่บ้านคนเดียว มุมปากของผมก็เผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาตอนที่กลับบ้าน ผมแวะที่ซื้อดอกไม้ที่ภรรยาชอบมากที่สุดจากร้านขายดอกไม้มาด้วยหนึ่งช่อ และตั้งใจจะแบ่งปันความยินดีที่ได้เลื่อนตำแหน่งงานกับเธอเมื่อกลับถึงบ้าน ก็พบว่าภรรยากำลังหลับอยู่ข้างเตียงของลูกชาย หน้าตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าส่วนลูกชายนั่งอยู่ในเตียงเด็กอย่างเชื่อฟัง และกำลังเล่นไถรถของเล่นอย่างเงียบๆผมวางดอกไม้ไว้ด้านข้างขณะที่เดินไปด้วยความระวัง และเตรียมยื่นมือไปอุ้มภรรยาไปไว้ในห้องนอนทันใดนั้นหน้าจอของโทรศัพท์ที่ภรรยาวางเอาไว้ข้างตัวก็สว่างขึ้นข้อความหนึ่งแจ้งเตือนขึ้นมาผมรู้รหัสโทรศัพท์ขของภรรยา แต่หลายปีมานี้พวกเราต่างก็เชื่อใจซึ่งกันและกันมากพอ เราต

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 2

    นอกจากสองครั้งนั้น เธอก็เรียกผมว่าพี่เซิงด้วยความรู้สึกเฉยๆ มาตลอดผมคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะพ่อแม่ของเธอเห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว เข้าข้างน้องชายตั้งแต่เด็กทำให้เธอขาดความรู้สึกปลอดภัย ไม่รู้วิธีการแสดงความรู้สึก จึงเก็บซ่อนความรักเอาไว้แต่ที่จริงแล้วเธอรู้จักวิธีแสดงความรู้สึกตอนที่เธอคุยกับสามีที่รัก คำพูดที่เร่าร้อนเปิดเผย ผมอ่านจนหน้าแดงถ้าผมไม่ใช่สามีที่จดทะเบียนถูกต้องของเธอ ผมคงจะรู้สึกว่านี่เป็นครอบครัวที่มีความสุขมากๆในบทสนทนาภรรยาที่แบ่งปันเรื่องต่างๆ กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทั้งเรื่องที่คังคังยิ้มครั้งแรก คลานครั้งแรก เรียกพ่อครั้งแรกทั้งหมดนั้นต่างเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกเสียภายหลังมากๆ ที่ตัวเองพลาดช่วงเวลาเติบโตอันล้ำค่าของลูกชายไปผมที่กำลังดูรูปเหล่านั้นอยู่ตอนนี้รู้สึกว่าความคิดสับสนปนเปไปหมดเมื่อมองคังคังที่เป็นเด็กดีอยู่ข้างๆ ก็พบว่าลูกชายที่เมื่อก่อนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมากๆ ที่จริงแล้วไม่มีจุดที่เหมือนกันเลยเด็กๆ มักจะไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อคังคังเห็นแววตาที่ผมมองเขาไม่เหมือนกับสายตาของคุณพ่อที่เอ็นดูรักใคร่เขาอย่างตอนปกติ มิหนำซ้ำยังดูน่ากลัวด้วย

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 3

    วันต่อมาหลังตื่นนอนผมก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารของทั้งสองคนด้วยท่าทางปกติจากนั้นก่อนออกจากบ้าน ผมก็หันไปพูดกับเสิ่นชิงว่า"จริงสิชิงชิง เงินที่น้องชายคุณยืมไปคืนผมได้แล้วใช่ไหมสองวันก่อนผมเจอกับเพื่อนสมัยม.ปลาย เขามีโปรเจ็คดีมากอยู่หนึ่งโปรเจ็ค ผมอยากไปลองดู""ถ้ายังไม่ไหว ก็ให้เขาหาคืนผมมาก่อน 5 แสนก็ได้"ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเสิ่นชิงก็เย็นเยือกลงก่อนที่เธอจะเอ่ยปาก ผมก็ชิงพูดตัดขึ้นมา"จะไปทำงานสายแล้ว อย่าลืมบอกน้องชายคุณด้วยนะ ผมไปก่อนล่ะ"พอออกจากบ้าน ผมก็ถอนหายใจยาวอย่างเซ็งน้องชายของเสิ่นชิงเป็นคนไม่เอาไหน หลายปีมานี้ผมช่วยเขาเช็ดล้างไม่น้อย ให้เขาคืนเงินนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วก็แค่ไม่รู้ว่าถ้าผมดึงดันจะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ละก็ เสิ่นชิงจะยอมเสียสละเงินเก็บของเธอ หรือเสียสละน้องชายที่เธอบอกรักนักรักหนาหรือจะลดศักดิ์ศรีลงเรียกผมว่าที่รักด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยน แล้วให้ผมคิดหาวิธีอื่นเองหลังเลิกงานกลับมาทันทีที่เข้าบ้านก็พบว่าพ่อแม่ของเสิ่นชิงนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเห็นว่าผมกลับมา พ่อแม่ของเสิ่นชิงก็แทบไม่อยากชายตามองผมด

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 4

    หลังจากที่คนตระกูลเสิ่นจากไป ผมก็ลุกขึ้นค้นทั่วทุกมุมบ้านอย่างละเอียดคังคังยังเด็ก จึงหาผมของคังคังไม่เจอแต่ผมเจอเล็บที่เสิ่นชิงตัดให้คังคังในถังขยะผมเก็บเศษเล็บขึ้นมา และรวบรวมอุปกรณ์จำพวกจุกนมที่คังคังใช้เป็นประจำในเวลาปกตินำไปส่งตรวจที่โรงพยาบาลพร้อมกับตัวอย่างของผมในเช้าวันที่สองพอกลับถึงบ้านผมก็หยิบทะเบียนบ้านออกมาไปหานายหน้าเพื่อประกาศขายบ้านหลังจากที่ฝากกุญแจให้นายหน้าแล้ว ผมก็ลงทะเบียนห้องพักพนักงานกับบริษัทผมจัดเก็บสัมภาระของตัวเองคร่าวๆพบว่าผมอาศัยอยู่บ้านนี้มา 3 ปี ทว่าของของผมมีน้อยจนน่าสงสารตอนแต่งงานใหม่ๆ การเงินยังอัตคัด หลังแต่งงานเสิ่นชิงไม่ยอมทำงาน แน่นอนว่าผมก็เคารพการตัดสินใจทุกอย่างของเธอผมให้เงินเดือนทั้งหมดกับเสิ่นชิง เพราะกลัวว่าเธอที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ นานในบ้านจะเกรงใจที่ต้องเอ่ยปากขอในตอนที่สถานการณ์คับขันตอนนั้นผมยังนึกซาบซึ้งเองว่า ในเมื่อเธอยอมอยู่ที่บ้าน เป็นแม่บ้านเต็มตัว ผมก็จะให้เธอด้อยกว่าคนอื่นไม่ได้หลายปีมานี้ นอกจากยูนิฟอร์มสองชุดที่ใส่ทำงานและชุดลำลองหนึ่งชุดที่ใส่ในบ้าน ผมก็ไม่เคยซื้ออย่างอื่นให้ตัวเองเลยนอกจาก

บทล่าสุด

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 9

    1 ปีต่อมาบริษัทของผมกับหวังเทาไปได้ค่อนข้างสวยเลยทีเดียวโปรเจ็คที่เล็งไว้ในตอนนั้นไม่ทำให้พวกเราผิดหวังอย่างที่คิดไส้ ในเวลาสั้นๆ ค่าตัวของพวกเรากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตอนที่เข้าร่วมงานเลี้ยง ผมจะทักทายเหยียนอวี่หรานจากมุมไกลๆตอนนี้เธอได้กลับคืนสู่คนในรูปภาพแล้ว ดวงตาเป็นประกายสุกใส รูปร่างสูงโปร่งผอมเพรียวเธอสวมรองเท้าส้นสูง ชุดพิธีการ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางผู้คนเธอกลับไปที่เหยียนกรุ๊ป และรับหน้าที่ดูแลบริษัทของที่บ้านด้วยตนเองท่ามกลางผู้คนที่คั่นกลาง เธอมองผม ชั่วขณะที่เรายิ้มให้กัน เธอยกแก้วไวน์ในมือขึ้น ดื่มให้กับวันพรุ่งนี้ที่สวยงามของเราต่อมาด้วยค่าตัวของผมที่พุ่งสูงขึ้น เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยก็ได้ส่งเทียบเชิญงานพบปะมาหาผมบ่อยๆครั้งหนึ่งผมไม่สามารถเลี่ยงได้ จึงต้องไปร่วมอย่างช่วยไม่ได้ตอนที่เข้าไปในห้อง ทันใดนั้นทุกคนก็พากันเงียบ ผมเห็นเสิ่นชิงที่มาโดยไม่ได้รับเชิญได้ยินมาว่าหลังจาดเฉินจื้อฉีออกจากคุก ก็ถูกตระกูลเหยียนขัดรั้งจนหางานไม่ได้จึงได้แต่พึ่งพาเสิ่นชิง เสิ่นชิงจึงต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงเขาและลูกต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็ยังทั้งด่าว่าและทุบตี

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 8

    ตอนที่เสิ่นชิงมาถึงสำนักงานเขต สภาพเธอทุลักทุเลมาก เมื่อเห็นผมปรากฏตัว ก็เค้นเสียงถาม "จ้าวเซิง คุณใช่ไหม คุณรู้แต่แรกแล้วสินะ" "รู้อะไรเหรอ" รักมา 8 ปีเต็ม ทว่า ณ ตอนนี้ที่เผชิญหน้ากับเสิ่นชิง ผมกลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด เมื่อไม่มีรักแล้วก็ไม่แค้นแล้ว เมื่อก่อนก็ถือเสียว่าผมอ่านคนไม่ออก จากนี้ไม่ว่าจะมีผลลัพธ์ยังไง ก็เป็นสิ่งที่เสิ่นชิงทำตัวเองทั้งนั้น แต่พอคิดถึงเรื่องที่เหยียนอวี่หรานพูดกับผมเมื่อหลายวันก่อนว่าเธอมีหลักฐานที่เฉินจื้อฉียักยอกทรัพย์ หลังจากนี้เกรงว่าเฉินจื้อคงจะถูกเธอส่งเข้าคุก เงินที่เขาเคยให้เสิ่นชิง เธอจะเรียกคืนให้หมด พอไม่มีผม ไม่มีเฉินจื้อฉี จากนี้เสิ่นชิงต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คงลำบากไม่น้อย เสิ่นชิงดูเหมือนจะคิดได้ว่าวันหลังตัวเองจะมีชีวิตอย่างไรต่อไป ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผมเผชิญหน้ากับเธอด้วยความใจเย็นขนาดนี้ รู้ว่าผมปล่อยวางจากเธอแล้วจริงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจภายหลัง "พี่เซิง ไม่หย่าได้ไหมคะ เมื่อก่อนฉันทำผิดกับคุณ ให้โอกาสฉันได้ชดใช้สักครั้งได้ไหมคะ" "ยังมีคังคัง เขา ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณ แต่เขาก็เห็นคุณเ

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 7

    โดนพักงานผมไม่ได้สนใจนัก ความจริงแล้วโปรเจ็คที่ผมพูดกับเสิ่นชิงเป็นเรื่องจริงเพื่อนสมัยม.ปลายคนนั้นกับผมมากจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกันพวกเราสนิทกันมาก โปรเจ็คนี้พวกเราก็ศึกษากันมานานมากหากไม่ได้เป็นเพราะได้เลื่อนตำแหน่งอย่างกะทันหัน ผมก็มีความคิดที่จะลาออกแล้วด้วยแต่หากถูกไล่ออก ผมจะจากไปด้วยชื่อเสียงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดในเมื่อแม่เสิ่นอาละวาดมาถึงบริษัทของผมได้ ก็หมายความว่าเธอไม่รู้ว่าลูกสาวแสนดีของเธอมีเงินเก็บอยู่เท่าไรแบบนี้ได้ยังกันวันนั้นผมจึงใช้ชื่อนิรนามถ่ายภาพหน้าจอหน้ายอดคงเหลือในธนาคารของเสิ่นชิงส่งไปให้เสิ่นเว่ยพร้อมทั้งระบุเวลาโอนเงินทุกรอบไว้ให้อย่างเอาใจใส่ด้วยด้านตระกูลเสิ่นทะเลาะกันยังไงบ้างผมไม่รู้ แต่เสิ่นชิงก็ไม่มีเวลามาหาผมแล้วเช่นกันเพราะเหยียนอวี่หรายบอกผมว่าเธอเตรียมออกมือแล้วส่วนผม ไหนๆ ก็อุตส่าห์มีเวลาว่างทั้งทีผมจึงนำเงินที่ขายบ้านได้ไปเลือกหมู่บ้านที่สภาพแวดล้อมใช้ได้ หลังวางเงินดาว์นก้อนแรกแล้ว ก็หาบริษัทตกแต่งภายในมาออกแบบตามสไตล์ที่ผมชอบและจ่ายเงินจ้างโค้ชส่วนตัวอีกคนหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาเลี่ยงงานเลี้ยงเข้าสังคมไม่ได้ ท

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 6

    หลังจากที่แลกเปลี่ยนวิธีติดต่อกับเหยียนอวี่หรานแล้ว ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากนายหน้ามีคนอยากซื้อบ้านหลังจากที่กลับไปอย่างเร่งรีบ และตกลงเรื่องราคากับคนซื้อได้แล้วผมก็ส่งข้อความหาเสิ่นชิง บอกให้เธอรีบเก็บข้าวของออกโดยเร็วในที่สุดคราวนี้เสิ่นชิงนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป สายหนึ่งโทรเข้ามา"จ้าวเซิง คุณหมายความว่ายังไง ขายย้านทำไมไม่ปรึกษาฉัน คุณให้ฉันกับลูกไปอยู่ที่ไหน""ไปอยู่กับแม่คุณก่อนสักพักก็แล้วกัน ผมเห็นคุณก็ชอบพาลูกกลับไปนี่""คุณ คุณเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมจ้าวเซิง วันหลังลูกไปโรงเรียนจะทำยังไง"มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เสิ่นชิงพูดถูก บ้านโทรมๆ หลังนี้อยู่ติดกับโซนการศึกษาที่ดีมากแห่งหนึ่งตำแหน่งนับว่าเคยอยู่ใกล้กับใจกลางเมือง เพียงแต่ตอนนี้เมืองกำลังพัฒนาไปฝั่งตะวันออกตอนนั้นเพราะผมเล็งเห็นแนวโน้มของการพัฒนาแล้ว ถึงได้คิดจะซื้อบ้านใหม่ทางฝั่งตะวันออกที่อยู่ใกล้กับบริษัทซึ่งปัจจุบันราคาบ้านโซนนั้นสูงขึ้นหลายเท่าตัว"จ้าวเซิง ถ้าวันหลังลูกไม่ยอมรับคุณ คุณอย่ามาโทษฉันแล้วกัน"เสิ่นชิงวางสายด้วยความโมโหเมื่อก่อนงานยุ่งมาก ผมก็กลัวว่าลูกยิ่งโตจะยิ่งห่างเหินกับผมจริงๆแต่ว่าตอนน

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 5

    3 วันต่อมาทางนักสืมไม่มีความคืบหน้าหลายวันที่เสิ่นชิงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นไม่ได้ไปไหนเลยท่าทางคงจะต้องหาอะไรให้พวกเขาทำสักหน่อย ผมนำสัญญากู้ยืมที่เสิ่นเว่ย น้องชายของเสิ่นชิงเซ็นกับผมในตอนนั้นส่งไปที่ศาลคงจะคิดว่าขอแค่มีเสิ่นชิงอยู่ก็จะจับผมได้อยู่หมัด จึงเขียนสัญญากู้ยืมส่งๆ ไปเพื่อกลบเกลื่อนผมพวกเขาเป็นเหมือนกันทั้งบ้าน ทั้งหยิ่งทรนงและโง่เขลาตอนที่หมายศาลไปถึงตระกูลเสิ่น ทั้งตระกูลก็ระเบิดในทันทีแม่เสิ่น เสิ่นชิง เสิ่นเว่ยสลับกันโทรหาผมไม่ใช่ด่าทอผมชุดใหญ่ก็ใช้เสิ่นชิงกับลูกข่มขู่ผมแต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เสิ่นชิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาเงินของตัวเองออกมาอุดรูรั่วของเสิ่นเว่ยเลยแต่เมื่อเห็นผมจะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ แม่เสิ่นจึงได้แต่บังคับให้เสิ่นชิงคิดหาวิธีไม่หยุดเสิ่นชิงอยู่ที่ตระกูลเสิ่นไม่ไหวอีกต่อไป วันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สางก็พาลูกออกมาเงียบๆนักสืบติดตามเสิ่นชิงไปตลอดทาง ในที่สุด 2 วันให้หลังก็ส่งข่าวมาเมื่ออ่านข้อมูลที่นักสืบส่งมาให้จนจบก็ทำให้ผมอึ้งไม่น้อยคนที่เป็นชู้ของเสิ่นชิงคือรองผอ.ของบริษัทผม เฉินจื้อฉีชื่อ ZQ ผมคิดถึงทุกคนที่ผมรู้จักที่แซ่ขึ้นต้นด้วย Z

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 4

    หลังจากที่คนตระกูลเสิ่นจากไป ผมก็ลุกขึ้นค้นทั่วทุกมุมบ้านอย่างละเอียดคังคังยังเด็ก จึงหาผมของคังคังไม่เจอแต่ผมเจอเล็บที่เสิ่นชิงตัดให้คังคังในถังขยะผมเก็บเศษเล็บขึ้นมา และรวบรวมอุปกรณ์จำพวกจุกนมที่คังคังใช้เป็นประจำในเวลาปกตินำไปส่งตรวจที่โรงพยาบาลพร้อมกับตัวอย่างของผมในเช้าวันที่สองพอกลับถึงบ้านผมก็หยิบทะเบียนบ้านออกมาไปหานายหน้าเพื่อประกาศขายบ้านหลังจากที่ฝากกุญแจให้นายหน้าแล้ว ผมก็ลงทะเบียนห้องพักพนักงานกับบริษัทผมจัดเก็บสัมภาระของตัวเองคร่าวๆพบว่าผมอาศัยอยู่บ้านนี้มา 3 ปี ทว่าของของผมมีน้อยจนน่าสงสารตอนแต่งงานใหม่ๆ การเงินยังอัตคัด หลังแต่งงานเสิ่นชิงไม่ยอมทำงาน แน่นอนว่าผมก็เคารพการตัดสินใจทุกอย่างของเธอผมให้เงินเดือนทั้งหมดกับเสิ่นชิง เพราะกลัวว่าเธอที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ นานในบ้านจะเกรงใจที่ต้องเอ่ยปากขอในตอนที่สถานการณ์คับขันตอนนั้นผมยังนึกซาบซึ้งเองว่า ในเมื่อเธอยอมอยู่ที่บ้าน เป็นแม่บ้านเต็มตัว ผมก็จะให้เธอด้อยกว่าคนอื่นไม่ได้หลายปีมานี้ นอกจากยูนิฟอร์มสองชุดที่ใส่ทำงานและชุดลำลองหนึ่งชุดที่ใส่ในบ้าน ผมก็ไม่เคยซื้ออย่างอื่นให้ตัวเองเลยนอกจาก

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 3

    วันต่อมาหลังตื่นนอนผมก็ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารของทั้งสองคนด้วยท่าทางปกติจากนั้นก่อนออกจากบ้าน ผมก็หันไปพูดกับเสิ่นชิงว่า"จริงสิชิงชิง เงินที่น้องชายคุณยืมไปคืนผมได้แล้วใช่ไหมสองวันก่อนผมเจอกับเพื่อนสมัยม.ปลาย เขามีโปรเจ็คดีมากอยู่หนึ่งโปรเจ็ค ผมอยากไปลองดู""ถ้ายังไม่ไหว ก็ให้เขาหาคืนผมมาก่อน 5 แสนก็ได้"ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเสิ่นชิงก็เย็นเยือกลงก่อนที่เธอจะเอ่ยปาก ผมก็ชิงพูดตัดขึ้นมา"จะไปทำงานสายแล้ว อย่าลืมบอกน้องชายคุณด้วยนะ ผมไปก่อนล่ะ"พอออกจากบ้าน ผมก็ถอนหายใจยาวอย่างเซ็งน้องชายของเสิ่นชิงเป็นคนไม่เอาไหน หลายปีมานี้ผมช่วยเขาเช็ดล้างไม่น้อย ให้เขาคืนเงินนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วก็แค่ไม่รู้ว่าถ้าผมดึงดันจะเอาเงินก้อนนี้ให้ได้ละก็ เสิ่นชิงจะยอมเสียสละเงินเก็บของเธอ หรือเสียสละน้องชายที่เธอบอกรักนักรักหนาหรือจะลดศักดิ์ศรีลงเรียกผมว่าที่รักด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยน แล้วให้ผมคิดหาวิธีอื่นเองหลังเลิกงานกลับมาทันทีที่เข้าบ้านก็พบว่าพ่อแม่ของเสิ่นชิงนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกอย่างพร้อมเพรียงเมื่อเห็นว่าผมกลับมา พ่อแม่ของเสิ่นชิงก็แทบไม่อยากชายตามองผมด

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 2

    นอกจากสองครั้งนั้น เธอก็เรียกผมว่าพี่เซิงด้วยความรู้สึกเฉยๆ มาตลอดผมคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะพ่อแม่ของเธอเห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว เข้าข้างน้องชายตั้งแต่เด็กทำให้เธอขาดความรู้สึกปลอดภัย ไม่รู้วิธีการแสดงความรู้สึก จึงเก็บซ่อนความรักเอาไว้แต่ที่จริงแล้วเธอรู้จักวิธีแสดงความรู้สึกตอนที่เธอคุยกับสามีที่รัก คำพูดที่เร่าร้อนเปิดเผย ผมอ่านจนหน้าแดงถ้าผมไม่ใช่สามีที่จดทะเบียนถูกต้องของเธอ ผมคงจะรู้สึกว่านี่เป็นครอบครัวที่มีความสุขมากๆในบทสนทนาภรรยาที่แบ่งปันเรื่องต่างๆ กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ทั้งเรื่องที่คังคังยิ้มครั้งแรก คลานครั้งแรก เรียกพ่อครั้งแรกทั้งหมดนั้นต่างเป็นเรื่องที่ผมรู้สึกเสียภายหลังมากๆ ที่ตัวเองพลาดช่วงเวลาเติบโตอันล้ำค่าของลูกชายไปผมที่กำลังดูรูปเหล่านั้นอยู่ตอนนี้รู้สึกว่าความคิดสับสนปนเปไปหมดเมื่อมองคังคังที่เป็นเด็กดีอยู่ข้างๆ ก็พบว่าลูกชายที่เมื่อก่อนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมากๆ ที่จริงแล้วไม่มีจุดที่เหมือนกันเลยเด็กๆ มักจะไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อคังคังเห็นแววตาที่ผมมองเขาไม่เหมือนกับสายตาของคุณพ่อที่เอ็นดูรักใคร่เขาอย่างตอนปกติ มิหนำซ้ำยังดูน่ากลัวด้วย

  • ชีวิตคู่ที่แหลกสลาย   บทที่ 1

    ในที่สุดก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วอดทนลำบากมาตั้งหลายปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกแล้วได้หลุดพ้นจากงานจุกจิกที่น่าเหนื่อยหน่ายเหล่านั้นเสียทีทีนี้ผมก็สามารถมีเวลาอยู่กับลูกชายมากขึ้น และแบ่งเบาความกดดันจากการดูแลครอบครัวของภรรยาได้ด้วยหลังจากที่ส่งรับงานก่อนหน้านี้เสร็จ วันนี้ก็ได้เลิกงานเร็วบ้างเมื่อคิดถถึงภรรยาที่คอยดูแลลูกชายที่บ้านคนเดียว มุมปากของผมก็เผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาตอนที่กลับบ้าน ผมแวะที่ซื้อดอกไม้ที่ภรรยาชอบมากที่สุดจากร้านขายดอกไม้มาด้วยหนึ่งช่อ และตั้งใจจะแบ่งปันความยินดีที่ได้เลื่อนตำแหน่งงานกับเธอเมื่อกลับถึงบ้าน ก็พบว่าภรรยากำลังหลับอยู่ข้างเตียงของลูกชาย หน้าตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าส่วนลูกชายนั่งอยู่ในเตียงเด็กอย่างเชื่อฟัง และกำลังเล่นไถรถของเล่นอย่างเงียบๆผมวางดอกไม้ไว้ด้านข้างขณะที่เดินไปด้วยความระวัง และเตรียมยื่นมือไปอุ้มภรรยาไปไว้ในห้องนอนทันใดนั้นหน้าจอของโทรศัพท์ที่ภรรยาวางเอาไว้ข้างตัวก็สว่างขึ้นข้อความหนึ่งแจ้งเตือนขึ้นมาผมรู้รหัสโทรศัพท์ขของภรรยา แต่หลายปีมานี้พวกเราต่างก็เชื่อใจซึ่งกันและกันมากพอ เราต

DMCA.com Protection Status