ถูกคนไล่ล่าเช่นเดียวกัน กลุ่มที่ไล่ล่านางมีแค่สองคน แต่กลุ่มที่ไล่ล่าตงฟางจิ่ง มองไปปราดเดียว นับได้อย่างน้อยยี่สิบคน เพิ่มขึ้นสิบเท่าโดยตรงชั่วขณะเฟิ่งเชียนอวี่ไม่แน่ใจว่า การได้พบหมอนี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องแย่กันแน่“ท่านอ๋อง พวก พวกมันมาแล้ว” นางกล่าวอย่างทุลักทุเล“ข้าเห็นแล้ว ไป”ตงฟางจิ่งกล่าวพลางรวบเอวเฟิ่งเชียนอวี่ พลันโคจรกำลังภายใน ร่างกายลอยขึ้นอย่างปราดเปรียวอีกครั้ง“จับให้แน่น หากร่วงตายข้าไม่รับผิดชอบนะ”ทันทีที่เขากล่าวจบ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ยกมือยกเท้าเกาะร่างกายเขาไว้แน่นอย่างเจียมตัว เห็นแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตุ๊กแกตงฟางจิ่ง “...”เฟิ่งเชียนอวี่กอดคอของเขา มองกลุ่มคนชุดดำที่ไล่ตามอย่างไม่ลดละข้างหลัง หัวใจเต้นตุ๊บๆ อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า“ท่านอ๋อง ท่านรีบบินสิ บินเร็วหน่อย พวกมันตามมาแล้ว”การเคลื่อนไหวของตงฟางจิ่งนับว่าเร็วมากแล้ว แต่กลุ่มคนที่ไล่ล่าเขา แต่ละคนก็มีฝีมือไม่ธรรมดา การเคลื่อนไหวก็ว่องไวเช่นกันประกอบกับเขายังต้องแบกเฟิ่งเชียนอวี่ด้วยทุกครั้งที่ตงฟางจิ่งเร่งความเร็ว สลัดคนกลุ่มนั้นหลุด ผ่านไปเพียงครู่เดียว คนกลุ่มนั้นก็จะไล่ตามมาอีกครั้ง
“เสียวอวี่ เอาเป็นว่าเจ้าจะหนีไม่ได้นะ”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”“อย่าฟังนางพูดเหลวไหล นางกำลังทำร้ายเจ้า”เวลานี้เอง มีเสียงอีกสายหนึ่งผุดขึ้น เป็นเสียงที่แหลมเล็กน้อยเฟิ่งเชียนอวี่หันไปมอง เห็นเพียงปีศาจจิ๋วตนหนึ่งเกาะอยู่บนไหล่ขวาของนาง สวมชุดกระโปรงสีดำ มีปีกสีดำหนึ่งคู่ เท้าเหยียบเมฆดำ ใบหน้าก็เหมือนนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเช่นกัน“แล้วเจ้าเป็นใคร?”ปีศาจจิ๋วหัวเราะเหอะๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ข้าก็คือเจ้า ข้าคือด้านที่ชั่วร้ายในจิตใจของเจ้า”ทันทีที่เพิ่งพูดจบ เฟิ่งเชียนอวี่ก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไป ตบจนปีศาจจิ๋วมึนงง“ไสหัวไป พูดจาเป็นหรือไม่ แม่เจ้าสิจิตใจชั่วร้าย เห็นๆ อยู่ว่าตัวข้านั้นเป็นเทพธิดาตัวน้อยที่น่ารักและจิตใจดี”ปีศาจจิ๋ว “...” เกรงว่าเจ้ามีเข้าใจอะไรบางอย่างผิดเกี่ยวกับตัวเจ้าแล้วนางฟ้าจิ๋วรีบกล่าว “ถูกต้องๆ เสียวอวี่ เจ้าเป็นคนจิตใจดีที่สุด ตอนนี้เจ้าไม่ควรคิดเรื่องหนี แต่ต้องคิดหาวิธีช่วยผู้ชายของเจ้า”มุมปากเฟิ่งเชียนอวี่กระตุก มือก่ายหน้าผาก “เขาไม่ใช่ผู้ชายของข้า”“เขาเป็นสามีเจ้า ก็คือผู้ชายของเจ้า”เฟิ่งเชียนอวี่ “...”ปีศาจจิ๋วจ้องนางฟ้าจิ๋วอย่
เฟิ่งเชียนอวี่ฟังพวกนางทะเลาะกันจนปวดศีรษะ ทนไม่ไหวจนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าสองคนหุบปากไปเลย น่ารำคาญชะมัด”พลันนางโบกมือ ปีศาจจิ๋วกับนางฟ้าจิ๋วหายไปอย่างไร้ร่องรอยเฟิ่งเชียนอวี่เพิ่งจะพบว่า เหมือนข้างหลังจะสงบลงมาก จึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปกล่าวอย่างระมัดระวังเห็นเพียงนักฆ่าชุดดำที่ร่างกายบิดเบี้ยวนอนเกลื่อนบนพื้นที่โล่งตรงหน้า และมีแขนขาที่ขาดตกกระจายเต็มพื้น เป็นภาพที่สยดสยองมากมีเพียงตงฟางจิ่งยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว ชุดลายหม่างบนร่างกายควรดูเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นดวงตาเฟิ่งเชียนอวี่ลุกวาว ชนะแล้ว? หมอนี่เก่งจริงๆ โชคดีที่เมื่อครู่ตนไม่ได้หนีนางยกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปทันที “ท่านอ๋อง” ตงฟางจิ่งเหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเรียบเฉย “ไป”วินาทีต่อมา เฟิ่งเชียนอวี่รู้สึกเพียงภาพตรงหน้ามืดฉับพลัน หลังจากหวนคืนสติ นางถูกตงฟางจิ่งพาบินไปตามป่าอีกครั้งนางได้ยินเสียงหายใจที่หอบเล็กน้อยของตงฟางจิ่ง อดไม่ได้ที่จะกล่าว “ท่านอ๋อง ในเมื่อจัดการนักฆ่าหมดแล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเร่งเช่นนี้แล้วกระมัง”“ไม่ใช่แค่นี้”“ฮืม? อะไรไม่ใช่แค่นี้?”ไม่นาน เฟิ่งเชียนอวี่ก็เข้าใจ
นางกล่าวยังไม่ทันจบ คนชุดดำกลุ่มนั้นก็พุ่งเข้ามาแล้ว เฟิ่งเชียนอวี่สะอึก คิดแล้วคิดอีก กัดฟันประคองตงฟางจิ่งวิ่งต่อไป“ท่านอดทนอีกนิด อีกนิดก็พอ”แค่วิ่งไปในที่ที่คนชุดดำมองไม่เห็น นางก็พาตงฟางจิ่งเข้าไปในห้องทดลองตงฟางจิ่งในเวลานี้ฝืนจนถึงขีดจำกัดแล้ว เขากล่าวอย่างทุลักทุเล “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ข้ายังต้านได้อีกสักพัก เจ้า รีบหนีไป”เฟิ่งเชียนอวี่เม้มปาก มองข้ามความตื้นตันที่ผุดขึ้นในใจ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “พอแล้ว ท่านไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น วางใจได้ พวกเราไม่ตายแน่นอน”ไม่นาน นางก็ต้องมองตาค้างเพราะทั้งสองวิ่งได้ไม่กี่ก้าว ภาพตรงหน้าก็สว่างกะทันหัน หน้าผาที่ตั้งชันปรากฏต่อหน้าทั้งสอง“ไม่ใช่กระมัง สวรรค์กลั่นแกล้งข้า” เฟิ่งเชียนอวี่แทบกระอักเลือดคนชุดดำไล่ตามมาติดๆ คนที่เป็นหัวหน้าหรี่ตา กล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านอ๋องหก ดูเหมือนแม้แต่สวรรค์ก็อยากให้ท่านตาย”“แต่ว่า มีพระชายาอ๋องหกอยู่เคียงข้าง คิดว่าบนเส้นทางยมโลก ก็คงไม่เหงานัก”ตงฟางจิ่งในเวลานี้หมดสติไปแล้ว ไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง เพราะเสียเลือดมากเกินไป และพิษเข้าสู่อวัยวะภายใน เฟิ่งเชียนอวี่กำหมัดแน่น มองคนกลุ่มนี้อย่าง
เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง กลับมีความห้าวหาญและเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีกันได้“หัวหน้า สองคนนั้นไม่น่ารอดกระมัง” ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังกล่าว“ไร้สาระ หน้าผาสูงเช่นนี้ ใครโดดลงไปแล้วไม่ตาย? เกรงว่าแม้แต่ศพก็หาไม่เจอแล้ว” หัวหน้านักฆ่ากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ เวลานี้ คนทั้งสองที่ถูกระบุว่าตายไม่เหลือซาก กำลังลอยแกว่งไปแกว่งมากลางอากาศ และร่อนลงทีละนิดเฟิ่งเชียนอวี่สะพายร่มชูชีพ มือข้างหนึ่งจับตงฟางจิ่ง มืออีกข้างดึงเชือกร่มชูชีพ พยายามควบคุมทิศทาง ความสมดุล และความเร็วในการร่อนลง ใต้หน้าผาเป็นป่าที่หนาทึบ ภายใต้การควบคุมของเฟิ่งเชียนอวี่ พวกเขาร่อนลงพื้นอย่างปลอดภัยนางปลดเชือกที่ผูกไว้บนร่างกาย แล้วเก็บร่มชูชีพ ไม่มีเวลาสนใจว่าใต้หน้าผาเป็นอย่างไร เพราะตงฟางจิ่งยังอยู่ในอาการหมดสติเพราะถูกพิษถ้าหากยังไม่ถอนพิษให้เขา ไม่แน่หมอนี้อาจจะตายก็ได้ยังไม่พูดถึงว่านางเป็นหมอก่อน ต่อให้เห็นแก่ที่ตงฟางจิ่งช่วยนางกันอาวุธลับ และช่วยนางไว้ก่อนหน้านี้ เฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาตายโดยมาสนใจนางนำยาชาออกมาฉีดให้ตงฟางจิ่งหนึ่งเข็ม หลังจากนั้นพาเขาวาร์ปเข้าไปในห้อ
เฟิ่งเชียนอวี่ถอนพิษของเขาเสร็จ ก็ล้างแผลให้เขา และยังได้นำผ้าห่มบางๆ ผืนหนึ่งมาคลุมบนร่างกายของเขานางหาวทีหนึ่ง ฝืนเก็บและทำความสะอาดเครื่องมือผ่าตัดทั้งหมด หลังจากนั้นเดินไปนอนบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเฟิ่งเชียนอวี่ง่วงมากจริงๆ ก่อนหน้านี้สภาพจิตใจตึงเครียดมาโดยตลอด ตอนนี้ผ่อนคลายลงแล้ว ความง่วงก็เข้าจู่โจมทันที ต้านอย่างไรก็ต้านไม่ไหว หลังจากตั้งนาฬิกาปลุก ก็นอนหลับไปอย่างรวดเร็วอย่างไรที่นี่ก็เป็นห้องทดลองของนาง เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกนี้การนอนครั้งนี้ เฟิ่งเชียนอวี่นอนจนถึงเช้าของวันที่สองโดยตรง นางตื่นเพราะความหิว นาฬิกาปลุกดังหลายครั้ง ก็ไม่สามารถปลุกนางตื่นเฟิ่งเชียนอวี่ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย บิดขี้เกียจทีหนึ่ง ตบหน้าตัวเองสองสามที รู้สึกตื่นตัวขึ้นไม่น้อยพลันนางนึกถึงอะไรบางอย่าง หันไปมองทางเตียงผ่าตัด ตงฟางจิ่งยังคงนอนอยู่ตรงนั้น จึงลุกขึ้นไปดูเยี่ยม สารพิษในร่างกายถูกขจัดจนเกือบหมดแล้ว การทำงานต่างๆ ของร่างกายได้รับการฟื้นฟู และเริ่มทำงานได้ตามปกติเฟิ่งเชียนอวี่ไปเอาหม้อหุงข้าวกับข้าวหอมหนึ่งถุงจากห้องเก็บของ แล้วหยิบน้ำแร่ ผักเขียวสองสามอย่าง และกุนเชียงจา
สำหรับคำถามนี้ เฟิ่งเชียนอวี่ได้คิดข้ออ้างไว้นานแล้ว“พวกเราโชคดี ตอนที่กระโดดลงมา ถูกกิ่งไม้ของต้นไม้ต้นหนึ่งเกี่ยวเอาไว้ จึงทำให้พวกเราไม่ได้พบกับจุดจบที่ร่างแหลกเป็นชิ้นเนื้อ”ตงฟางจิ่งมองนาง แล้วมองตัวเอง สีหน้าแปลกๆ “เจ้าแน่ใจนะ?”อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่กระโปรงบนร่างกายเฟิ่งเชียนอวี่ก็ไม่ฉีกขาดเลยสักนิด และถึงขั้นไม่มีฝุ่นติดด้วยซ้ำตกลงมาจากหน้าผาที่สูงเช่นนี้ ต่อให้โชคดีถูกกิ่งไม้เกี่ยวเอาไว้ ด้วยแรงที่ตกลงมา เสื้อผ้าบนร่างกายก็ควรถูกเกี่ยวจนฉีกขาดกระมังเฟิ่งเชียนอวี่ย่อมรู้ว่าข้ออ้างนี้ไม่น่าเชื่อเสียเท่าไร แต่แล้วมันอย่างไรล่ะนางพยักหน้าอย่างหน้าตาย “แน่ใจสิ ไม่เช่นนั้นท่านอ๋องรู้สึกว่า เหตุใดพวกเราสองคนกระโดดลงมาแล้วยังไม่ตกตายล่ะ?”ตงฟางจิ่ง “...”เขาจะไปรู้ได้อย่างไรแต่สติสัมปชัญญะบอกเขาว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังโกหกเขา แต่ถ้าหากไม่เชื่อคำพูดที่เหมือนแถไปเรื่อยนี้ เช่นนั้นพวกเขาลงมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไรกันแน่?ด้วยความสูงและความชันของหน้าผานี้ ต่อให้เป็นคนที่มีวิชาตัวเบาดีเพียงใดกระโดดลงมา แม้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสตงฟางจิ่งคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เขามองไปทางเฟิ่ง
เจ้าหกคงจะไม่ได้…เขาหลับตา มือที่ไพล่อยู่ข้างหลัง กำหมัดแน่นจนสั่นเล็กน้อย ส่วนเหล่าองค์ชายที่อยู่ข้างล่าง มีสีหน้าที่แตกต่างกันไปรัชทายาทตงฟางหล่างหลุบตา จิบน้ำชาเบาๆ ทีหนึ่ง รู้สึกเพียงเข้าปากแล้วหวาน หอมกลมกล่อม ดื่มจนร่างกายรู้สึกสดชื่นถึงขีดสุดส่วนตงฟางเย่าไม่อยากเชื่อเล็กน้อย ไอ้คนขี้โรคเจ้าหกที่เขาไม่ชอบหน้ามาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตายอย่างง่ายดายทั้งเช่นนี้แล้ว?ในใจเขาแทบกำลังระเบิดเสียงหัวเราะ สวรรค์มีตาจริงๆ เหอะ ไอ้ขี้โรคคนนั้นสมควรตายตั้งนานแล้ว“ไปหาที่ใต้หน้าผา” สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนเย็นชา กล่าวออกมาทีละคำเขารู้สึกผิดต่อเจ้าหกลูกชายคนนี้มาโดยตลอด และอยากชดเชยให้เขามาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าแค่เข้าร่วมพิธีล่าสัตว์ ก็ประสบเคราะห์ร้ายแล้วเป็นถึงองค์ชาย กลับถูกนักฆ่าบีบคั้นจนกระโดดหน้าผาในสนามล่าสัตว์ของตัวเอง นี่มันเป็นการตบหน้าราชวงศ์ เป็นการตบหน้าเขาชัดๆฮ่องเต้เทียนหยวนโกรธจนถึงขีดสุด เขาตบโต๊ะฉับพลัน เผลอใส่กำลังภายในเข้าไปด้วยโดยไม่รู้ตัว เสียงดังตูม โต๊ะแตกเป็นเสี่ยงๆ“อีกอย่าง ตรวจสอบให้ถึงที่สุด เราก็อยากรู้เช่นกันว่าตกลงใครกันแน่ ที่มันกล้าลงม