กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึงห้องโถงด้านหน้า ก็เล่าเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสสกุลโจวทั้งสองฟังเมื่อทั้งสองได้ยินว่าโจวเซิงโชคร้ายมาหลายปี เพียงเพราะโจวเซ่อซื้อตัวนักพรตเต๋ามาทำคุณไสยใส่เขา ต่างก็ตกตะลึง“สวรรค์เมตตา โชคดีที่ก่อนหน้านี้ได้เห็นธาตุแท้ของโจวเซ่อ”ฮูหยินผู้เฒ่าโจวนึกถึงโจวเซ่อคนชั่วผู้นี้ เกือบจะได้แต่งงานกับซ่งเสวี่ยเข้ามาอยู่ในบ้านของพวกเขา ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ถ้าเขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านเราจริง ๆ บ้านของเราคงจะถูกทำให้ปั่นป่วนวุ่นวายเป็นแน่”โจวเหล่าลูบเครา พยักหน้าเห็นด้วย “ก่อนหน้านี้สืบจนรู้ว่าเขาจงใจเข้าใกล้เสวี่ยเอ๋อร์ ก็เพื่อหวังทรัพย์สมบัติของพวกเราสกุลซ่ง เห็นได้ว่าคนผู้นี้มีเจตนาร้าย”เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะลงมือทำร้ายพี่น้องร่วมสายเลือดได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว“นายท่านโจวรู้เรื่องนี้หรือยัง?”โจวเหล่าเอ่ยถาม ที่จริงแล้วเขากับนายท่านโจวมีศักดิ์เป็นญาติกัน ทั้งสองคนนับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันได้“ให้คนส่งข่าวกลับไปแล้ว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คาดว่านายท่านโจวคงไม่ปล่อยโจวเซ่อไปง่าย ๆ ”อย่างไรเสีย ซูจิ่งสิงก็จะไม่ยอมปล่อยให้งูพิษแบบนี้อย
เพียงแต่ไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวนี้จากปากของนางจิน “พวกท่านรู้ได้อย่างไร?”นางจินก็ไม่ได้ปิดบัง รวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้น “วันนี้ข้าไปซื้อผักที่ตลาด แล้วเห็นคนมุงกันอยู่ที่มุมกองขยะริมถนน บอกว่ามีคนตายอยู่ตรงนั้น ข้าก็เลยเดินเข้าไปดู ตอนแรกก็แค่มองผ่าน ๆ แต่พอสังเกตดี ๆ กลับพบว่าเป็นน้องสะใภ้สี่...”นางรู้สึกสงสารเล็กน้อย“น้องสะใภ้สี่ตายอย่างอนาถมาก ไม่รู้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร ทั่วทั้งร่างกายไม่มีส่วนไหนดี ๆ เลย ตอนที่ข้าไปถึง ยังมีแมลงวันตอมอยู่รอบตัวนาง...”ต่างเป็นลูกสะใภ้ของสกุลซูเหมือนกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ถูกกัน แต่ตอนนี้เห็นนางหลิวต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ นางจินก็รู้สึกเศร้าใจซูเช่อตบบ่าปลอบใจนางจิน “หลังจากที่แม่ของข้ารู้ว่าคนคนนั้นคืออาสะใภ้สี่ ก็รีบกลับมาหาข้า พวกเราสองคนไปซื้อเสื่อฟางม้วนหนึ่ง ซื้อที่ดินฝังศพอีกที่หนึ่ง แล้วพานางไปฝังเรียบร้อยแล้ว ถือว่าได้ให้นางได้ตายอย่างสงบสุข”กู้หว่านเยว่พยักหน้า มองซูเช่อด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อก่อนคนผู้นี้ขี้ขลาดตาขาว ท่านพ่อบอกให้เขาทำอย่างไร เขาก็ทำตามนั้น ไม่กล้าขัดคำสั่งคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เขาจากท่านพ่อ
“พวกท่านอยากรับเลี้ยงตัวตัวจริง ๆ หรือ?”กู้หว่านเยว่รับปากนางหลิวไว้ว่าจะดูแลเด็กคนนี้ ย่อมต้องถามให้แน่ชัดว่านางจะไปอยู่ที่ไหน“ข้าและท่านแม่ของข้าคำนวณดูแล้ว ตอนนี้ข้าทำงานเป็นผู้ดูแลของศูนย์พักพิง เดือนหนึ่งก็ได้เงินหนึ่งตำลึง ท่านแม่ของข้าก็พอมีรายได้บ้าง พวกเราสองคนเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งย่อมไม่มีปัญหา”ซูเช่อถอนหายใจ“คนของสกุลซูที่เหลืออยู่มีไม่มากแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสายเลือดของพวกเราสกุลซู”เขามองทั้งสองคนด้วยความลำบากใจ “ข้ารู้ว่าบ้านสี่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีกับพวกเจ้ามากมาย การมารบกวนพวกเจ้า จริง ๆ แล้วเป็นความผิดของข้าและท่านแม่ของข้า...เพียงแต่เราสองคนก็ไม่มีทางเลือก”ดูก็รู้ว่าพวกเขาแม่ลูกสองคนปรึกษากันอยู่นาน จนกระทั่งจนตรอกจริง ๆ ถึงได้มาหาพวกเขานางจินพูดตะกุกตะกัก “ชะ ใช่แล้ว เด็กคนนี้อายุแค่ห้าขวบ อยู่ข้างนอกนานเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น หากสามารถหาตัวนางเจอได้เร็วก็ยิ่งดี”“เด็กคนนี้อยู่ที่จวนของข้า”ในตอนนี้กู้หว่านเยว่มั่นใจแล้วว่า แม่ลูกสองคนนี้อยากรับเลี้ยงตัวตัวจริง ๆ นางคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว หากตัวตัวสามารถไปอยู่กับพวกเขาสองคนได้ อันที่จริงก็ดีกว่า
นางจินรีบโน้มตัว แล้วกอดตัวตัวเอาไว้ในอ้อมแขน“เด็กดี ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ เจ้ายังจำป้าได้ด้วยหรือ? ดูสิ นี่คืออะไร ลูกกวาดน้ำตาลที่เจ้าชอบกินที่สุด”นางจินพกลูกกวาดน้ำตาลติดตัวมาด้วย จึงยื่นให้ตัวตัวหนึ่งเม็ด ดวงตาของตัวตัวเป็นประกายทันที รีบรับลูกกวาดน้ำตาลมา แล้วใส่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย“หวานหรือไม่?”“หวาน หวานมาก” ตัวตัวเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “ท่านป้า ท่านแม่ของข้าเล่า?”“แม่ของเจ้า...” นางจินไม่รู้จะพูดอะไรดี นางไม่อาจเล่าสภาพอันน่าเวทนาก่อนตายของนางหลิวออกมาได้ จึงได้แต่ลูบศีรษะตัวตัวเบา ๆ “ท่านแม่ของเจ้าไปอยู่ที่ไกลแสนไกล แต่เจ้าไม่ต้องห่วง สักวันนางต้องกลับมาแน่ ๆ ก่อนหน้านั้น เจ้าต้องรีบโตไว ๆ นะ ดีหรือไม่?”“เจ้าค่ะ”ขอบตาของตัวตัวแดงก่ำ จริง ๆ แล้วนางเข้าใจทุกอย่างดีนางจินจับมือของตัวตัวไว้ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับกู้หว่านเยว่ “พระชายา ขอบคุณท่านมาก”นางถอนหายใจ “เลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เติบใหญ่ ความบาดหมางของคนรุ่นก่อนก็ควรจะจบลงเสียที”นี่ก็เป็นเหตุผลที่กู้หว่านเยว่มอบตัวตัวให้พวกเขาเลี้ยงดู“ต่อไปถ้ามีเรื่องลำบากอะไรก็มาหาข้าได้”แน่นอนว่าตราบใดที่อยู่ในขอ
“จริงสิ แดดดีขนาดนี้ อุ้มจ้านจ้านออกมาเล่นข้างนอกกันเถิด” นางหยางคิดจะกลับไปอุ้มหลานชายออกมาอาบแดด“ท่านแม่ ข้าไปกับท่านด้วย”กู้หว่านเยว่ก็คิดถึงลูกเช่นกัน ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง มีเพียงตอนกลางคืนเข้านอนเท่านั้นถึงจะได้นอนกับลูก โชคดีที่จ้านจ้านเป็นเด็กดี ไม่ร้องไห้งอแงเลยแม่สามีและลูกสะใภ้ทั้งสองเดินไปยังสวนหลังเรือน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของแม่นม“ใครก็ได้ คุณชายน้อยถูกคนลักพาตัวไปแล้ว!”“เจ้าบอกว่าจ้านจ้านถูกลักพาตัวไปแล้วหรือ?”กู้หว่านเยว่สีหน้าเปลี่ยนทันที ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พุ่งตัวออกไป“ท่านอ๋อง พระชายา พวกท่านมาพอดี เมื่อครู่นี้มีคนชุดดำสองคนบุกเข้ามา แล้วลักพาตัวคุณชายน้อยไปเจ้าค่ะ”แม่นมร้องไห้วิ่งออกมาเห็นคนทั้งสอง ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิตกู้หว่านเยว่รีบวิ่งเข้าไปในห้อง เห็นเพียงเปลเด็กที่ว่างเปล่านางหยางเกือบจะเป็นลม ร้องไห้ออกมาทันที“หลานชายผู้น่าสงสารของข้า ใครกันที่ใจร้ายลงมือกับเด็กตัวเล็ก ๆ เช่นนี้?”นางดึงซูจิ่งสิงไว้“จิ่งสิง ตอนนี้จะทำอย่างไรดี จะไปตามหาลูกที่ไหน ลูกจะเป็นอะไรหรือไม่?”คนที่สามารถบุกมาลักพาตัวเด็กไปได้ ต้องเป็นศัตรูอย่าง
ก็ไม่น่าแปลกใจนัก หากพวกเขาไม่มีวิชาตัวเบาที่สูงส่ง ก็คงไม่สามารถลักพาตัวคนออกไปจากสายตาขององครักษ์จันทราได้“ตกลง”ซูจิ่งสิงแทบจะใช้ความเร็วสูงสุดของตัวเอง พุ่งตัวไล่ตามไป“จุดแดงหยุดแล้ว”กู้หว่านเยว่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตามหลักแล้ว พวกเขาน่าจะเร่งเดินทางให้เร็วที่สุด ไม่น่าจะหยุดพักในเวลานี้แต่แผนที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พวกเขาหยุดอยู่ข้างหน้าไม่ไกลจริง ๆ ทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ก็เห็นชาวนาสองคนวิ่งมาจากฝั่งตรงข้าม“คุณชาย พวกท่านทั้งสองอย่าเพิ่งเข้าไปเลย ในป่าข้างหน้านั่นอันตรายนะ”ชาวนาทั้งสองคนตกใจจนหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าเจอเรื่องที่น่ากลัวมา“เกิดอะไรขึ้น?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ทั้งสองรู้สึกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูก“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หมูป่าที่อยู่ในป่าเกิดคลั่งขึ้นมา จู่ ๆ ก็วิ่งออกมาหมดเลย แล้วก็รุมล้อมคนชุดดำสองคนนั้นไว้”ชาวนาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก“คนชุดดำสองคนนั้นไปขุดสุสานบรรพบุรุษของหมูป่าหรือไร? ข้ามีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ”“ใช่แล้ว หมูป่าหลายสิบตัววิ่งออกมาหมด ภาพนั้นน่ากลัวมากจร
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”“อาว้าว!” ดวงตาของเสี่ยวจ้านจ้านเป็นประกาย ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย“สมควรตาย ทั้งหมดเป็นเพราะหมูป่าพวกนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงไปกันตั้งนานแล้ว”คนชุดดำด่าทอ ในวินาทีที่สบตากับซูจิ่งสิง เขามีลางสังหรณ์ว่าตัวเองจบสิ้นแล้ว“เหตุใดที่นี่ถึงมีหมูป่าเยอะขนาดนี้?”กู้หว่านเยว่พูดจบ หมูป่าเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา พวกมันหันหลังกลับ แล้ววิ่งพรวดพราดเข้าไปในป่า พื้นดินสะเทือน หลังจากนั้นก็หายไปจนหมดหมูป่าเหล่านี้คงไม่ได้มาปกป้องเสี่ยวจ้านจ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่เกิดความคิดหนึ่งขึ้นในใจ เงยหน้ามองไปยังคนชุดดำสองคนนั้น แววตาเย็นชาจนน่ากลัว“จับพวกเขาสองคนเอาไว้”กล้ามาลักพาตัวลูกชายของนาง นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่“ไม่ต้องห่วง”ซูจิ่งสิงพูดขึ้นประโยคหนึ่ง พลางชักกระบี่อาทิตย์คำรามออกมา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปต่อสู้กับทั้งสองคนทันทีคนชุดดำสองคนนี้ก็มีพรรคพวกเช่นกัน พวกเขาผิวปากส่งสัญญาณ ไม่นานนัก ก็มีคนชุดดำอีกสิบกว่าคนมาจากทุกสารทิศน่าเสียดายที่พวกเขาต่างประเมินซูจิ่งสิงต่ำไป โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เขาโกรธมาก“รนหาที่ตาย!”เขาโมโหอย่างยิ่ง ทุกท่วงท่าล้วนหมายเ
ในเมื่อท่านทำลายงานประมูลที่ล้ำค่าที่สุดของตลาดมืดอินซาน จึงเสนอให้อินซานลักพาตัวลูกที่ท่านรักมากที่สุด แล้วนำไปประมูลที่ตลาดมืดอินซาน...”“โครม!” ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ หักออกเป็นสองท่อนทันทีคนชุดดำตกใจกลัวจนตัวสั่น ทั้งคนแทบจะหมอบลงกับพื้น“สิ่งที่ข้าน้อยรู้ ข้าน้อยก็บอกไปหมดแล้ว เรื่องนี้คนทูเจวี๋ยนั่นเป็นคนบอกนายท่านของพวกเราจริง ๆ ข้าน้อยไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณชายน้อย แค่พาคุณชายน้อยกลับไปให้นายท่านเท่านั้น”ซูจิ่งสิงมองเขาอย่างเย็นชา เขายังมีคำถามสุดท้ายอีกหนึ่งข้อ“รู้หรือไม่ว่านายท่านของพวกเจ้าหน้าตาเป็นอย่างไร?”เจ้าของตลาดมืดอินซานผู้อยู่เบื้องหลัง ปรากฏตัวอย่างลึกลับและไร้ร่องรอย ไม่มีใครในโลกนี้รู้จักหน้าตาของเขาจริง ๆ ครั้งที่แล้วที่พวกเขาสองสามีภรรยาถามพ่อบ้านเฉียน ปรากฏว่าพ่อบ้านเฉียนก็ไม่รู้เช่นกันครั้งนี้ ซูจิ่งสิงก็ถามไปโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คำตอบ“ข้าไม่รู้”เป็นไปอย่างที่คิดไว้ คนชุดดำส่ายหัว แต่หลังจากที่เห็นแววตาเย็นชาของเขา ก็รีบเอ่ยขึ้นมา“แต่ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่านายท่านหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ข้าเคยเห็นนายท่านสวมเสื้อคลุม ข้าสามารถวาดรูปลักษณะนั้นออก
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ