ซูจิ่งสิงเอ่ยขึ้นมาโดยพลัน “ข้าเชื่อทุกอย่างที่น้องหญิงของข้าพูด”คำพูดของเขาทำให้เศษหัวใจของซวนลู่กลายเป็นเศษแก้วทันที“ไม่ว่านางพูดอะไร ข้าก็เชื่อ ไม่ต้องการหลักฐานใด ๆ”“จิ่งสิ่ง ท่าน...” ซวนลู่แปลกใจ นัยน์ตามีแววริษยาพาดผ่าน “นางทำอะไรไว้กันแน่ สามารถทำให้ท่านรักอย่างสุดหัวใจขนาดนี้?”คำพูดนี้ทำให้นางใจสลายจริง ๆ“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”ซูจิ่งสิงจับมือกู้หว่านเยว่ขึ้นมา แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง “ถ้าไม่มีน้องหญิง ก็คงไม่มีข้าในวันนี้”“พวกข้าก็เชื่อมั่นในตัวพี่สะใภ้ใหญ่เช่นกัน” ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพร้อมกัน นางหยางถอนหายใจ “ชีวิตของข้า หว่านเยว่ได้ช่วยไว้ ซวนลู่ เจ้าเข้าใจไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”ซวนลู่พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว เพราะนางช่วยเหลือพวกท่านระหว่างทางที่ถูกเนรเทศ พวกท่านจึงเชื่อมั่นในตัวนางขนาดนี้”แต่ แต่ว่าเป็นเพราะข้าไม่ได้รับข่าวคราวการถูกเนรเทศของท่าน ดังนั้นจึงไม่ได้รีบรุดมา”นางค่อนข้างรู้สึกผิด ความจริงนางได้รับข่าว เพียงแต่ในขณะที่ได้รับข่าวคราวนั้น ได้ยินว่าสกุลซูทั้งหมดถูกเนรเทศ และซูจิ่งสิงเป็นอัมพาตทั้งสองขา อยู่เหมือนตายทั้งเป็นนางจึ
“ข้าต้องการเพียงจิ่งสิงเท่านั้น”ซวนลู่ทำหูทวนลม จ้องมองซูจิ่งสิงอย่างลุ่มหลง สายตานั้นทำให้ทุกคนอดเบือนสายตาหนีไม่ได้ซูจิ่งสิงคิดว่าต่อไปยังมีเรื่องอื่นต้องสอบถามซวนลู่อีก เลยถือโอกาสพูดกับพวกเขาว่า“ท่านพ่อท่านแม่ออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะไต่สวนนางสักหน่อย”คำว่า “ไต่สวน” ทำให้ซวนลู่ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นใบหน้าไร้ความรู้สึกของซูจิ่งสิง นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด“ท่านคิดจะทำอะไร” ซวนลู่กัดฟัน จิ่งสิง ข้าโตมากับเจ้านะ”ซูจิ่งสิงเบื่อจะมองนางแล้ว“ท่านอาซู ท่านจะเพิกเฉยต่อข้ามิได้ ท่านต้องชี้แจ้งให้ท่านพ่อของข้าฟัง”ซวนลู่พูดจาคุกคาม ยั่วให้เจ้ารองกระอักเลือดในเวลานี้ถือว่าพวกเขารู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของซวนลู่แล้ว“เรื่องนี้พวกเราจะชี้แจงให้พ่อของเจ้าทราบอย่างชัดเจนอยู่แล้ว หากท่านแม่ทัพโกรธจริง ๆ มิตรภาพระหว่างสองครอบครัวของเราคงต้องจบลงเพียงเท่านี้”ซูจิ้งเอ่ยเสียงขรึมการวางยา ได้แตะขีดจำกัดของเขาแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงสถานะของซูจิ่งสิง หากเขาถูกพิษดอกฉิงฮวาจริง ๆ ความหวังของซื่อจื่อองค์ก่อน ความหวังของพวกเขานี้ก็จะสูญสิ้นไปเขาเชื่อว่าแม่ทัพซวนเห
“วันนี้ตอนที่ไปล่าสัตว์ เมื่อเจ้ากลับมาข้าได้กลิ่นอื่นจากตัวเจ้า เจ้าไปพบคนอื่นมา”นางเอ่ยอย่างมั่นใจ“เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร การลงโทษอย่างต่อเนื่องดั่งสายน้ำไหลของที่นี่กำลังรอเจ้าอยู่ ไม่มีใครสามารถทานทนได้”“หญิงชั่ว!”ซวนลู่ด่าทอคำหนึ่ง แล้วมองไปที่ซูจิ่งสิง “ท่านอ๋อง ท่านเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางหรือยัง นางมีจิตใจที่โหดเหี้ยม”“ข้ามีแต่จะโหดเหี้ยมกว่าหว่านเยว่เท่านั้น” แววตาของซูจิ่งสิงเย็นชา เขาเป็นคนที่ถูกวางยาคนนั้น“คนที่ติดต่อกับเจ้าผู้นั้น น่าจะเป็นคนทูเจวี๋ยสินะ”“อะไรนะ?” ประโยคเดียวทำให้รูม่านตาของซวนลู่หดตัว นางมองไปรอบ ๆ สายตาวิบวับไม่หยุด ดูท่าทางจะประหม่าจนถึงขีดสุด“ไม่ ไม่ใช่นะ...”“ไม่ใช่หรือ ดอกฉิงฮวาชนิดนี้เจริญเติบโตในทูเจวี๋ย มีเพียงราชวงศ์ทูเจวี๋ยเท่านั้นที่มี เจ้าคิดว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีใครที่จะได้รับของสิ่งนี้อีกหรือ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว “เจ้าเป็นแม่ทัพหญิง แต่กลับร่วมมือกับคนทูเจวี๋ยอย่างไม่ลังเลเพื่อชายเพียงคนเดียว เจ้าไม่ละอายต่อหอกพู่แดงในมือของเจ้าหรือ?”ซวนลู่สั่นสะท้านไปทั้งตัว แนวป้องกันในจิตใจของนางพังทลายลงบางส่วนเพราะประโยคนี้
สองสามีภรรยารับรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจซวนลู่หลังจากทั้งสองหารือกันแล้ว ก็ตัดสินใจคุมขังซวนลู่ไว้ก่อน ล่อให้คนทูเจวี๋ยที่อยู่เบื้องหลังออกมา แล้วค่อยจัดการซูจิ่งสิงโบกมือให้ฉู่เฟิงปิดปากซวนลู่ แล้วจับกุมออกไป“หน้ากากหนังมนุษย์ของสุ่ยเซียน อาจได้ออกโรงแล้ว”กู้หว่านเยว่จำได้ว่าปรมาจารย์แพทย์ได้ศึกษาวิจัยหน้ากากหนังมนุษย์ของคนผู้นั้นแล้ว ขณะที่กำลังจะไปหาปรมาจารย์แพทย์ ด้านนอกประตูก็มีเสียงอันเบิกบานดังเข้ามาอย่างกะทันหัน“จิ่งสิง น้องชายของข้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!”ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างสูงกำยำในชุดสีเทาก็วิ่งก้าวสวบ ๆ เข้ามา“เกาเจี้ยน?”แววตาซูจิ่งสิงประหลาดใจ จากนั้นจึงเดินเข้าไปสวมกอดคนที่มาหา“พี่ชาย!” เขาแทบไม่เคยหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้เลยทั้งสองตบบ่าซึ่งกันและกันก่อนจะแยกออก สายตาของเกาเจี้ยนจับจ้องไปที่กู้หว่านเยว่“ท่านนี้คือภรรยาของเจ้าสินะ?”รอยยิ้มของเขาดูตื่นเต้นเล็กน้อย กู้หว่านเยว่จับจ้องไปที่ตาขวาที่ไร้แววของเขา คาดเดาว่าดวงตาข้างนี้เองที่บอดเพราะซูจิ่งสิง“ท่านรู้จักข้าหรือ?”“จะไม่รู้จักได้ยังไง จิ่งสิงพูดถึงเจ้าเ
สิ่งที่เขาคิดก็คือ หากพวกเขาไม่เห็นซวนลู่ เขาคงต้องออกไปตามหาทั้งคืนถึงอย่างไรซวนลู่ก็เป็นหญิงสาวตัวคนเดียว เดินทางมาที่เจดีย์หนิงกู่ที่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คนเลย หากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?“เห็นแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยเสียงขรึม“แต่ตอนนี้นางยังพบเจ้าไม่ได้ เจ้าไปพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”“ทำไมถึงพบข้าไม่ได้?”เกาเจี้ยนค่อนข้างสับสน“เกิดอะไรขึ้นกับอาลู่หรือ?”เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ซูจิ่งสิงก็อดทนไม่ได้อีกต่อไป พลางส่ายหัวพูดว่า “เปล่า นางปลอดภัยดี”“ปลอดภัยก็ดีแล้ว”เกาเจี้ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในใจกลับสงสัยอยู่บ้าง แต่เขารู้จักจิ่งสิงดี หากเขาไม่ยอมพูดอะไรจะซักไซ้ไปก็ไม่มีประโยชน์หลังจากเกาเจี้ยนตามหงเจาออกไป ซูจิ่งสิงก็เอ่ยเสียงขรึม“พรุ่งนี้จับคนทูเจวี๋ยนั่นได้เมื่อไหร่ ค่อยบอกความจริงกับเขา”ดูจากความรู้สึกของเกาเจี้ยนที่มีต่อซวนลู่ หากไม่เอาหลักฐานวางลงตรงหน้าเขา ก็คงจะไม่เชื่อ“หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปหาปรมาจารย์แพทย์ ทั้งสองเคยหารือกันไว้ว่า พรุ่งนี้กู้หว่านเยว่จะปลอมตัวเป็นซวนลู่ ไปพบกั
เวลานี้ ซูจิ่งสิงกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงในห้องเพื่อไม่ให้คนทูเจวี๋ยเกิดความสงสัย พรุ่งนี้เขาจะไม่ออกไปข้างนอกตลอดทั้งวัน จะแสร้งทำเป็นว่าถูกพิษดอกฉิงฮวาเข้าแล้วเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา เขาก็เลิกคิ้วขึ้นถามว่า “เจ้าได้หน้ากากหนังมนุษย์มาแล้วหรือ?”“ได้มาแล้ว ข้าจะไปปลูกสมุนไพรในมิติ”สมุนไพรที่กวาดต้อนมาจากในถ้ำยังไม่ได้เพาะปลูก กู้หว่านเยว่กำลังนึกถึงสมุนไพรเหล่านั้น หลังจากเห็นซูจิ่งสิงพยักหน้า นางก็รีบเข้าไปในมิติก่อนอื่นให้เตรียมสมุนไพรและผลต้นเกล็ดหิมะที่ปรมาจารย์แพทย์ต้องการ จากนั้นจึงใช้ระบบควบคุมส่วนกลาง ทำการเพาะปลูกสมุนไพรทั้งหมดลงในทุ่งสมุนไพรสุดท้ายหลังจากฝึกเพลงควบคุมสัตว์ร้ายเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว ก็ออกจากมิติ แล้วปีนขึ้นไปนอนบนเตียงวันรุ่งขึ้น นางหยางและคนอื่น ๆ ได้รู้ข่าวการมาถึงของเกาเจี้ยนและรู้ด้วยว่าที่แท้สกุลเกาและสกุลซวนทั้งสองครอบครัวได้กำหนดการแต่งงานระหว่างซวนลู่กับเกาเจี้ยนไว้แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย กู้หว่านเยว่จึงบอกพวกเขาไว้ล่วงหน้า ขอให้พวกเขาอย่าเพิ่งพูดเรื่องซวนลู่ต่อหน้าเกาเจี้ยนหลายคนรู้จักลำดับความสำคัญ
เพื่อลูกแล้ว นางหลิวก้มศีรษะอันหยิ่งยโสลง นางหยางถอนหายใจเบา ๆ ไม่อยากทำให้นางลำบากใจแล้ว“เจ้าทิ้งเด็กไว้เถอะ ในเมื่อเรารับเด็กคนนี้ไว้แล้ว ต่อไปก็จะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี จะไม่เอาบุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อนมาใส่ตัวนาง”“ขอบคุณ”นางหลิวผู้นี้ ปากเสีย แต่จิตใจไม่ได้มืดบอด นางรู้ว่าบ้านสามมีนิสัยใจคออย่างไร พวกเขาจะไม่โหดร้ายกับตัวตัว ไม่เช่นนั้นนางคงไม่กล้ายกลูกให้“เจ้าบอกลาลูกซะ” นางหยางหันหลังกลับ ทนเห็นฉากนี้ไม่ได้นางหลิวได้ยินดังนั้นก็ร่ำไห้ ตัวตัวก็ร่ำไห้เช่นกัน แต่นางอดกลั้นไว้ เด็กน้อยวัยห้าขวบเข้าใจอะไรแล้ว ก่อนออกเดินทาง นางหลิวได้จับมือของนางไว้และพูดหลักการอันยิ่งใหญ่ให้นางฟัง นางเข้าใจทุกอย่าง“เด็กดี ต่อไปเจ้าต้องเชื่อฟังครอบครัวของนายท่านในจวนกู้แห่งนี้ให้มาก ๆ พวกเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าต้องจำไว้ว่า พวกเขาคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเจ้า เจ้าต้องปรนนิบัติพวกเขาเป็นอย่างดี ตอบแทนพวกเขาในอนาคต อย่าตำหนิผู้ใด ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อแม่เอง พ่อแม่ไม่สามารถเลี้ยงดูเจ้าให้เติบใหญ่ได้ แม่ แม่ต้องขอโทษเจ้าด้วย”นางหลิวพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว เสียงของนางขาดห้วงไปหมด
เกาเจี้ยนเอ่ยคำยกยอก่อน จากนั้นก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว“เมื่อวานข้าถามพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าว่า พี่หญิงซวนของเจ้าอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าพวกเขาไม่ยอมบอกข้า วันนี้ที่โต๊ะอาหาร ข้าเห็นพวกเจ้าแต่ละคนมีท่าทีที่แตกต่างกันไป ราวกับว่ากำลังปิดบังบางอย่างจากข้านังหนูจิ่น เจ้าพูดกับข้าตามตรง เกิดอะไรขึ้นกับอาลู่หรือเปล่า?”ซูจิ่นเอ๋อร์หัวชาทันที สีหน้าลำบากใจ “มี มีที่ไหนกันเล่า พี่หญิงซวนสบายดี”“ในเมื่อสบายดี แล้วทำไมถึงพบหน้าไม่ได้?”เกาเจี้ยนขมวดคิ้ว “พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าโง่ นางบาดเจ็บหรือเปล่า หรือว่านางป่วย อย่าปิดบังข้าเลย!”“พี่ใหญ่เกา”ใบหน้าของเกาเจี้ยนแดงก่ำ ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นเขาเป็นกังวลมากเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจมากนางถอนหายใจ “ข้าหมายความว่า สมมติว่า ถ้าพี่หญิงซวนทำอะไรไม่ดี”“อะไรที่ว่าไม่ดี?” เกาเจี้ยนยิ่งงุนงงกว่าเดิม ราวกับว่ามีมดนับหมื่นตัวกำลังกัดแทะจิตใจ จนทำให้เขาอยู่ไม่สุขเป็นอย่างมาก“บอกข้าเถอะ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ารับได้ทุกเรื่อง พวกเจ้าปิดบังไว้แบบนี้ต่างหากที่ทำให้ข้าร้อนใจ”ซูจิ่นเอ๋อร์หวั่นไหวไปกับคำพูดของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเกาเจี้ยนก็เป็นกังวลมากจริง ๆ
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป