ถึงอย่างไรผู้ลึกลับผู้นั้นก็เป็นคนทูเจวี๋ย หากไม่ใช่เพื่อเสด็จแม่ เขาไม่มีทางร่วมมือกับคนทูจวี๋ยแน่นอนส่วนเสด็จพี่ เห็น ๆ อยู่ว่าเขาไม่มีอำนาจทางการทหารและไม่มีเงิน แต่กลับหวาดระแวงเขา ไม่แน่อาจจะฆ่าเขาในสักวันหนึ่งครั้นคิดดูแล้ว ไม่สู้ไว้ใจซูจิ่งสิงดีกว่าครั้นเด็กรับใช้เห็นมู่หรงฝูระมัดระวังตัวเช่นนี้ จึงเปลี่ยนมาคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “มาเจดีย์หนิงกู่ก็ดีแล้ว ตลอดการเดินทางข้าน้อยเห็นด้านนอกของเมืองอวี้เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ อากาศก็ไม่ได้หนาวเหน็บอย่างที่เป็นข่าวลือ เสียงนกร้องระงม ดอกไม้เบ่งบานตามฤดูกาล ไท่เฟยผู้เฒ่าจะต้องทรงโปรดปรานอย่างแน่นอน”“ใช่”นัยน์ตาของมู่หรงฝูว่างเปล่า เขาเองก็ตกใจกับบรรยากาศในเจดีย์หนิงกู่“ท่านพี่ เราไปกินบะหมี่ตรงแผงลอยกันเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเดินออกจากโรงเตี๊ยม ครั้นเห็นว่าท้องฟ้ายังไม่มืด จึงเดินมานั่งในบริเวณแผงลอยขายของข้างทาง“เจ้าสองคนอยากกินอะไร?”ทันทีที่ทั้งสองคนนั่งลง เจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับ“บะหมี่หยางชุนสองชาม”ซูจิ่งสิงล้วงหยิบตำลึงเงินออกมา ทันทีที่เถ้าแก่ร้านจากไป ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันระลอกหนึ่งด
“เจ้าหูหนวกหรือไร? ข้าพูดกับเจ้าอยู่!”หลัวจือฉิงอยากจะง้างมือตบกู้หว่านเยว่ แต่ครั้นสายตามเหลือบไปเห็นซูจิ่งสิงบุรุษร่างสูงใหญ่ก็ตะลึงงันในทันที“พ่อหนุ่ม เจ้าช่างรูปงามยิ่งนัก”“ไสหัวออกไป”นัยน์ตาของซูจิ่งสิงฉายแววรังเกียจ ก่อนจะตวาดอย่างไม่ปรานี“พ่อหนุ่ม เจ้าเองก็ควรมาเป็นสามีของข้านะ เจ้าโตแล้ว ส่วนเขายังเด็กนัก”หลัวจือฉิงชี้ไปทางหร่านถิง ท่าทางดูวางมาดนั้นทำให้คนที่เห็นอยากตบนางยิ่งนักหร่านถิงหมดความอดทน ในที่สุดก็ยกเท้าเตะนางจนกระเด็นออกไป“ไสหัวไป นังบ้า!”ครานี้ไม่มีใครคุยกับหลัวจือฉิงอีก ถึงอย่างไรวิธีการของนางก็น่าประหลาดเกินไป“เจ้า เจ้ากล้าเตะข้า!”เด็กรับใช้รีบพุ่งเข้าไป แต่ก็ถูกซูจิ่งสิงเตะกลับไปกองบนพื้นตามเดิมจู่ ๆ หลัวจือฉิงก็รู้สึกว่าไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ จึงพาคนเหล่านั้นวิ่งหนีกระเจิงแต่ก่อนจะไปนั้น ก็ยังตะโกนว่า “พวกเจ้า พวกเจ้ารอก่อนเถอะ จะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า!”“ได้ เราจะรอ เจ้าอย่าขี้ขลาดก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะเสียงดัง หลัวจือฉิงเดินโซซัดโซเซด้วยความโกรธ สตรีผู้นี้โหดร้ายมากครั้นเห็นหลัวจือฉิงจากไปไกลแล้ว หร่านถิงก็หัน
เวลานี้ตลาดประมูลค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีความผิดปกติใด บริเวณด้านนอกของตลาดประมูลมีทหารเฝ้าอยู่หลายกลุ่ม กู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงพาเข้าไปภายในงานประมูล “ตลาดประมูลดูคึกคักมาก”พ่อบ้านเฉียนกำลังตั้งใจนับตั๋วเงินอยู่ในห้อง เขายิ้มไม่หุบเลย การประมูลในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างเงินได้มหาศาลแล้ว ทั้งยังแอบวางยาซูจิ่งสิงอย่างเงียบ ๆ ได้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว“ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของเจ้า นำยาพิษไปวางไว้ในกระถางธูป ทำให้ซูจิ่งสิงโดนวางยาอย่างเงียบ ๆ”ลี่จีควงแขนของพ่อบ้านเฉียนออกมาและกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวัง “แค่คิดว่าซูจิ่งสิงจะกลายเป็นคนโง่ ข้าก็มีความสุขมากแล้ว”“หลังจากนี้จะยิ่งมีความสุขมากกว่านี้” พ่อบ้านเฉียนทำปากจู๋และจุ๊บหน้าผากของลี่จีราวกับไม่มีใครเห็นเวลานี้ ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ที่นั่งอยู่ในโรงไม้ก็ได้กระโดดลงมากู้หว่านเยว่พ่นยาพิษออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อทำให้คนอื่นหมดสติ ส่วนซูจิ่งสิงก็รัดคอของพ่อบ้านเฉียนและจี่ลีไว้ จากนั้นก็กระชากพวกเขาออกมาอย่างรวดเร็วกู้หว่านเยว่โบกมือไปมา ก่อนจะพาพวกเขาเข้าไปในห้วงมิติครั้นเห็นทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปรอบ ๆ ตัว พ่อ
“สัตว์น้ำแข็ง?!”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ กระทั่งโพล่งพูดออกมาซูจิ่งสิงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “สัตว์น้ำแข็ง เป็นสัตว์แบบไหน?”“เป็นสัตว์ตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำแข็งตัวหนึ่ง ลำตัวขาวโพลนดุจหิมะ มีลักษณะคล้ายกับน้ำแข็ง ดังนั้นจึงเรียกว่าสัตว์น้ำแข็ง”กู้หว่านเยว่หยิบตำราเล่มหนึ่งออกมา แล้วพลิกเปิดไปหน้าหนึ่งและยื่นให้ซูจิ่งสิง“สัตว์น้ำแข็ง กินดอกไม้น้ำแข็งเป็นอาหาร ตามตำนาน ต่อให้เขาทั้งสองข้างของพวกเขาจะหัก ก็ยังสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง หากได้เขามาบดเป็นผง สามารถช่วยคนที่กำลังจะตายให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งได้”แต่แน่นอนว่าเป็นแค่ตำนาน ความจริงอาจจะไม่ได้น่าตกใจถึงเพียงนั้นแต่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วถึงความล่ำค่าของสัตว์น้ำแข็งตัวนี้ ชักอยากรู้จริง ๆ ว่ายังมีสิ่งใดในโลกใบนี้ที่กล้าบอกว่าช่วยคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้?ครั้นพ่อบ้านเฉียนเห็นกู้หว่านเยว่หยิบของจากในอากาศได้ ก็พลันตื่นตกใจจนตัวสั่นระริก“สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาด!”หากมองดี ๆจะเห็นคราบสกปรกที่ไหลออกมาจากกางเกงของเขา นั้นคือปัสสาวะกู้หว่านเยว่แสดงสีหน้ารังเกียจ “ครั้งต่อไปอย่าพาใครเข้ามาสอบสวนในนี้อีก เปื้อนบ้าน
พูดได้ว่าท่อนบนของบทเพลง กู้หว่านเยว่เป่าจนชินมือแล้ว ครั้นนางเห็นท่อนล่างของบทเพลง หัวคิ้วก็เริ่มขมวดมุ่น ท่อนล่างของเพลงควบคุมสัตว์ร้าย นั้นยากกว่าแต่ก่อน ไม่เพียงแต่เนื้อหาที่เข้าใจยากแล้ว แม้แต่ทำนองก็ยังซับซ้อนอีกด้วยกู้หว่านเยว่หยิบขลุ่ยออกมา และทดลองเป่าสองสามท่อนของบทเพลง ผลปรากฏว่าเป่าติดขัด ไม่สามารถเป่าอย่างราบรื่นได้“ดูท่าทางถ้าหากจะเรียนรู้บทเพลงท่อนหลัง ยังต้องฝึกฝนอยู่บ่อยครัังถึงจะเป่าได้”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้ท้อใจ ถึงอย่างไรนางก็มีเวลา ตราบใดที่ยังว่าง ก็ยังเข้ามาฝึกฝนอยู่ในห้วงมิติได้ในขณะเดียวกัน นางเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย บทเพลงควบคุมสัตว์ร้ายท่อนล่างใช้ทำอะไรได้บ้างกู้หว่านเยว่ฝึกฝนอยู่ครู่หนึ่ง ทางฝั่งของซูจิ่งสิงก็สอบสวนเสร็จพอดี“เป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาสองคนเล่นตุกติกหรือไหม?”กู้หว่านเยว่กล่าวถามอย่างประหลาดใจ ซูจิ่งสิงพยักหน้า “จี่ลีเองก็ไม่รู้ว่าเหยลวี่เจิงอยู่ที่ไหน แต่นางบอกว่านางมีสหายคนหนึ่งในในหอร้อยบุปผา และอยู่ในเจดีย์หนิงกู่ อีกฝ่ายกำลังดำเนินตามแผนที่สองของเหยลวี่เจิง”“แผนที่สอง คือใช้การประมูลมาลอบทำร้ายพวกเรา แผนที่สองนั้นคื
ซูจิ่งสิงรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “เจ้าเก็บตั๋วเงินเหล่านี้ไปเถอะ”หลังจากสิ้นสุดการประมูล ปรมาจารย์แพทย์และผู้ฝากขายสมบัติคนอื่น ๆ ต่างก็ได้กำไรไปหมดแล้วดังนั้นตั๋วเงินในนี้ล้วนแต่เป็นตำลึงเงินที่ประมูลมาจากอินซานทั้งสิ้น“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”ครั้นนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ก็ไม่ยั้งมือแต่อย่างใด เพียงโบกมือเดียวก็กวาดเอากล่องตั๋วเงินจำนวนหนึ่งภายในห้องเข้าไปในห้วงมิติในเวลาเดียว นางเดินเข้ามาในมุมหนึ่งของห้อง รวบรวมสมบัติที่มากองไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องเกรงว่าคงจะไม่มีใครรู้ เงินทั้งหมดที่ประมูลได้ในวันนี้ได้เข้ามาอยู่ในกระเป๋าของกู้หว่านเยว่เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่านางคือผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”สิ่งที่ควรถามก็ถามไปหมดแล้ว อยู่ในตลาดประมูลต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไรกู้หว่านเยว่หยิบน้ำมันเชื้อเพลิงถังหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ แล้วลาดทั่วห้อง จากนั้นก็หยิบคบเพลิงหนึ่งอันมาจุดไฟเผาบ้านจนวอดวาย ก่อนจะพาซูจิ่งสิงกระโดดออกไปจากที่นี่ทั้งสองคนลอยตัวออกไปจากตลาดประมูล กระทั่งมาถึงยอดเขาที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเม
กู้หว่านเยว่พาซ่งเสวี่ยไปทานอาหารเช้าด้วยกัน ซ่งเสวี่ยหยิบหญ้าสงซินที่ประมูลได้เมื่อวานออกมา“เมื่อวานเห็นเจ้ามีธุระ จึงไม่ได้มารบกวนเจ้า ข้าแค่อยากมาถามเจ้าว่าช่วยหลอมยาจีนชนิดนี้เป็นยาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”ทั้งสองคนสนิทกันมาก ซ่งเสวี่ยก็ไม่ได้หยิ่งยโส จึงเปิดประเด็นทันทีกู้หว่านเยว่พิจารณาหญ้าสงซินครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า “หญ้าสงซินชนิดนี้มีมูลค่ามาก อีกทั้งประสิทธิภาพก็แรงกล้า หากใช้ทั้งต้นมาหลอมเป็นยา ร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าโจวจะทนไม่ไหวเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจะใช้หญ้าสงชนิดนี้หลอมออกมาเป็นยาที่มีปริมาณเท่ากัน แต่เหมาะสมกับร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าโจวยิ่งกว่า”ซ่งเสวี่ยรีบกล่าว “ใช่ ๆ หมอที่ข้าเชิญมาก็กล่าวเช่นนี้ เดิมทีอยากให้หมอหลินช่วยหลอมยาจีน แต่สำหรับเขาการหลอมยาจีนดูเหมือนจะง่าย แต่ขั้นตอนการทำกลับยากยิ่งกว่า เขาไม่มีฝีมือด้านนี้ เกรงว่าจะทำลายหญ้าที่มีมูลค่าเหล่านั้นไปเสียเปล่า”นางคลี่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด “อย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ข้าทำจึงต้องมารบกวนเจ้า”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้ม “เจ้ากับข้าสนิทกัน ทำไมต้องบอกว่ารบกวนด้วย เจ้าควรมาให้ข้าช่วยหลอมยาจีนให้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”เสี่ยวชิวร้องไห้วิ่งโผเข้าไปกอดวุนมู่เจี้ยง จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “ท่านพ่อไม่หายใจแล้ว!”ซุนเอ้อร์หลางได้ยินแต่กลับไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ทั้งยังถือโอกาสล้วงกระเป๋าของซุนมู่เจี้ยง ก่อนจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นและวิ่งออกไปด้านนอก“เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน!”ชิงเหลียนลอยตัวขึ้นมา ก่อนจะใช้เท้าข้างหนึ่งเตะอีกฝ่ายจนล้มไปกองบนพื้น“ไอ้คนสารเลว ปล่อยข้า!”ซุนเอ้อร์หลางด่ากราดด้วยความโกรธเคือง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นสีหน้าเย็นยะเยือกของกู้หว่านเยว่ก็พลันตื่นตกใจโดยไม่กล้าส่งเสียง“เจ้ายังเป็นคนหรือไม่? ท่านพ่อข้าตกอยู่ในสภาพนี้ เจ้าหวังแต่จะขโมยเงินทองอีกหรือ”เสี่ยวชิวเสียใจอย่างมาก โอบกอดซุนมู่เจี้ยงพลางร้องไห้อย่างเจ็บปวดกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วมุ่น เสียดายฝีมือของซุนมู่เจี้ยง จึงเดินเข้าไป“ถอยไป ข้าเป็นหมอ ให้ข้าดูหน่อย”เสี่ยวชิวรีบถอยไปด้านข้าง กู้หว่านเยว่ตรวจอาการของซุนมู่เจี้ยงครู่หนึ่งโชคดีที่ไม่ได้โกรธจนเลือดคลั่งในสมอง แค่โกรธมากจนหายใจไม่ทันก็เท่านั้นนางรีบหยิบเข็มออกมา แล้วฝังเข็มบนตัวของซุนมู่เจี้ยง ในขณะเดียวกันก็หยิบเครื่องเป่าลมออกมา จากนั้น
“ขอรับ คุณหนู ท่านนี่รอบคอบจริง ๆ คนที่อยู่ชั้นบนคือคู่หมั้นของท่านใช่ไหม?”เจ้าของรับเงินไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดหยอกเย้า หงเจาแตะข้อมือที่เพิ่งถูกจับโดยสัญชาตญาณก่อนจะจากไปโดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ครึ่งชั่วยามต่อมา บะหมี่หยางชุนก็ถูกนำมาให้หร่านถิง“ข้าไม่ได้สั่งบะหมี่หยางชุนนี่” เขาเอ่ยด้วยความมึนงงเล็กน้อยบริกรอธิบายว่า “คู่หมั้นของท่านสั่งให้ท่าน จ่ายค่าห้องไว้ห้าวัน ยังกำชับข้าเป็นพิเศษว่า ช่วงนี้ให้ทางเราทำอาหารบำรุงร่างกายให้ท่านทุกวันด้วย คู่หมั้นของท่านดีกับท่านมากจริง ๆ”คู่หมั้น? คู่หมั้นของเขามาจากไหนกัน หร่านถิงไม่รู้จักตัวตนของหงเจา อาจเป็นเพราะเขาผ่านความยากลำบากในช่วงนี้มามากเกินไป หัวใจที่ไม่ได้ถูกสัมผัสมาเป็นเวลายี่สิบปีเกิดความรู้สึกประทับใจบางอย่างตอนที่กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยพาลูก ๆ มาเที่ยวเล่น เมื่อเห็นหงเจากลับมาก็ไม่ได้ถามอะไรเลยการก่อสร้างสำนักศึกษาถงซันเสร็จสมบูรณ์แล้ว กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยหารือเรื่องการไปสอนหนังสือที่สำนักซ่งเสวี่ยยินดีปรีดามาก “ข้าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับพ่อสามีไปเมื่อไม่นานมานี้เองเดิมทีคิดว่าเขาจะคัดค้าน แต่ไม่นึกว่าเขาจะตอบตก
ความหมายของเจ้าก็คือ เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองอวี้ เห็นกับตาตัวเองว่าสุยเซียนถูกพวกเราจับตัวไป ดังนั้นจึงมาปลิดชีวิตของสุยเซียนได้ทันท่วงที?”ซูจิ่งสิ่งเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ทันทีกู้หว่านเยว่ส่ายหัว “มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น”สายตาของซูจิ่งสิงจับจ้องไปที่ร่างของสุยเซียน ก่อนจะสั่งให้ผู้ว่าการอำเภอจัดการศพ สำหรับสมาชิกสกุลหลัวนั้น“คนของสกุลหลัวเหล่านี้ ให้ทางการมาจัดการเถอะ”คุกใต้ดินสกปรกเกินไป บวกกับการรีบเร่งไปศึกษาแมลงตัวน้อยของกู้หว่านเยว่ จึงไม่อยู่ในคุกใต้ดินนานนัก รีบออกไปอย่างรวดเร็วตอนที่ออกมา ก็บังเอิญพบกับซูจื่อชิง เนี่ยชิงหลานและคนอื่น ๆ ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“พี่หญิงกู้ เป็นยังไงบ้าง หญิงผู้นั้นสารภาพแล้วหรือ เรื่องสูตรยาลับมันคืออะไรกัน?”หลายคนรายล้อมเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า“สูตรยาลับเป็นของปลอม นางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย”“เป็นสายลับของทูเจวี๋ยจริงด้วย ชาวทูเจวี๋ยนั้นน่ารังเกียจ ทำไมสายลับของทูเจวี๋ยถึงแทรกซึมเข้าไปในเจดีย์หนิงกู่ของพวกเราได้?”ซูจื่อชิงถามด้วยความอยากรู้ ซูจิงสิ่งไม่อยากพูดอะไรมากนักข้างนอ
จะเห็นได้ว่าแม่ทัพอย่างเหยลวี่เจิง มีความคิดชั่วร้ายขนาดไหน“ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ารู้จักลี่จีไหม?”“ข้ารู้จัก พวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกันจากหอร้อยบุปผา ครั้งนี้นางทำภารกิจที่หนึ่ง ส่วนข้าทำภารกิจที่สอง ถ้าภารกิจที่หนึ่งสำเร็จ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำสองภารกิจที่สองต่อ แต่ถ้าภารกิจที่หนึ่งล้มเหลว ภารกิจที่สองของข้าจะเริ่มทันที”สุยเซียนพูดโดยจิตใต้สำนึก“เมื่อหลายวันก่อน ข้ารู้เรื่องการตายของลี่จี้ คาดเดาว่าภารกิจที่หนึ่งอาจจะล้มเหลว ดังนั้นจึงเริ่มภารกิจที่สองทันที”“งานเลี้ยงในวันนี้หรือ?”“ถูกต้อง โดยการแสดงให้ทุกคนในงานเลี้ยงได้เห็นว่าผิวพรรณของหลัวไฉ่ในวัยสามสิบนั้นบอบบางพอ ๆ กับตอนอายุสิบแปด ร่างกายก็ดีขึ้นด้วย ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัยอีก”ขอเพียงขุนนางระดับสูงเหล่านี้เชื่อถือ ประชาชนทั่วไปก็จะเลียนแบบ“ทำไมเจ้าไม่ใช้หน้าของตัวเอง?”กู้หว่านเยว่ค่อนข้างอยากรู้ เหตุใดสุยเซียนถึงต้องเสียเวลาใช้หน้ากากผิวหนังมนุษย์ด้วยผิวพรรณของสุยเซียนยังดูอ่อนเยาว์และงดงามมาก สามารถหลอกลวงผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ“ข้าเป็นชาวทูเจวี๋ย ถึงอย่างไรก็มีความแตกต่างบางอย่างจากชาวต้าฉี เป
หลัวเฉิงค่อนข้างหวาดกลัว แต่ยังคงเชิดหน้า “ไฉ่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า นางไม่รู้เรื่องอะไร”“ทรมานเขา”ซูจิ่งสิงโบกมือ การกระทำนี้ทำให้หลัวเฉิงไร้ความสามารถไปแล้ว ไม่ใช่ว่าควรสอบสวนก่อนสักครู่ แล้วค่อยใช้การทรมานหรือ? ทำไมพอมาถึงก็จะทรมานเลย?เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่นำที่หนีบนิ้วมาเข้ามา หลัวเฉิงก็กลืนน้ำลาย หวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก วิงเวียนไปหมด“หนีบ”ซูจิงสิ่งสั่งการ เจ้าหน้าที่ออกแรงทันที หลัวเฉิงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ถูกส่งมาจากนิ้ว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น ถึงขนาดที่ว่าร่างกายท่อนล่างยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ก็ได้เปลี่ยนน้ำเสียงขอความเมตตา“หญิงชั่วช้า ข้าต้องการมีชีวิตอยู่...นางไม่ใช่หลัวไฉ่ หลัวไฉ่ตัวจริงตายไปแล้ว นางคือหญิงที่ข้าพบในอารามเต๋า หยุด!ซูจิงสิ่งพูดอีกครั้ง “หยุด”หลัวเฉิงน้ำมูกน้ำตาไหลปะปนกัน แทบจะหมดสติไป พิงอยู่บนไม้ตรึงนักโทษ หอบเหมือนลูกหมาที่กำลังจมน้ำกลัวว่าที่หนีบจะรัดแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาจึงรีบพูดออกมา“หญิงผู้นี้บอกว่านางชื่อสุยเซียน เป็นอนุที่หลบหนีออกมาจากขุนนาง ขอให้ข้าคุ้มครองนาง ตอนแรกข้าไม่ตอบตกล
“อ๊อก หยุดพูดเถอะ ข้าอยากอาเจียน”หร่านถิงหน้าเหยแก รู้สึกหวาดกลัวผู้หญิงเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีหญิงใดที่หลงใหลเขา แต่ที่จะเป็นจะตายเพราะเขา ต้องการให้เขาตาย หลัวจือฉิงนั้นเป็นคนแรก“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย” หลัวจือฉิงมองไปที่หลัวฮูหยิน นางถูกหร่านถิงตีด้วยไม้กวาดจนเจ็บปวดมากไม่นึกว่าหลัวฮูหยินจะพูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัว “ตัวเองทำผิด ถูกทุบตีก็ต้องอดทนไว้”หร่านถิงผู้นี้รู้จักกับชายาท่านอ๋อง ถูกตีมากกว่านี้อีกหน่อยบางทีชายาท่านอ๋องอาจจะคลายโมโหได้ ไม่ทำให้สกุลหลัวลำบาก“ท่านแม่?” หลัวจือฉิงยังคิดว่าตัวเองหูฝาดไป “นี่ท่านกำลังพูดภาษาคนอยู่หรือเปล่า?”เมื่อเห็นหลัวฮูหยินเบือนหน้าหนี นางก็โกรธจนกระอักเลือด ระเบิดออกมาอย่างหนักหน่วงออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด“ต่อให้ข้าแอบเลี้ยงผู้ชายไว้ในเรือน แต่ก็เพราะเรียนรู้มาจากท่าน ดูนางให้ดูแม่!”“...”“บัดซบ หลัวฮูหยินแอบเลี้ยงผู้ชายไว้ในเรือนอย่างไม่น่าเชื่อ!”“ปกตินางมักจะเสแสร้งทำตัวเป็นหญิงบริสุทธิ์ยึดมั่นในคุณธรรม แล้วยังดูถูกอนุภรรยาอีกด้วย จะเป็นไปได้อย่างไร?”ทุกคนรู้จักกันหมด หลัวฮูหยินนั้นอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี“ห
ปรมาจารย์แพทย์กำลังศึกษาค้นคว้าหน้ากากผิวหนังมนุษย์ หน้ากากนี้เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ บางราวกับว่างเปล่า คลุมใบหน้าเบา ๆ ก็สามารถเปลี่ยนรูปโฉมของคนได้“ให้ข้าดูหน่อยว่ามันทำยังไง หนังหมู กระเพาะปลา ยังมีอะไรอีก?”“เจ้าหุบเขา แสดงให้ศิษย์ดูหน่อย”หมอหลินอิจฉา เขายังไม่เคยเห็นหน้ากากผิวหนังมนุษย์มาก่อน ปรมาจารย์แพทย์เองก็ไม่ได้ใจแคบเช่นกัน ก่อนจะโบกมือให้“มา ๆ ๆ เสี่ยวหลิน เจ้าดูซิช่าว่าขนคิ้วบนนี้ทำจากอะไร”ชายชราและชายหนุ่มกำลังศึกษาหน้ากากผิวหนังมนุษย์อยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง“ไม่ทราบว่าท่านคือเจ้าหุบเขาของหุบเขาราชาโอสถหรือไม่?”ชายที่เพิ่งร้องไห้อย่างขมขื่นที่ไม่สามารถช่วยชีวิตแม่ได้รีบถามขึ้น“ข้าน้อยแซ่หลิว เป็นถงจือของเมืองอวี้ ในเรือนของข้าน้อยมีมารดาสูงอายุนอนป่วยติดเตียงอยู่คนหนึ่ง ท่านเจ้าหุบเขาช่วยแม่ของข้าได้หรือไม่”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปรมาจารย์แพทย์ต้องไม่ไปแน่นอน แต่ตอนนี้ที่เขาต้องการก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ต้องรีบสร้างชื่อเสียงให้ขจรขจายออกไป“รอสักครู่ หลังจากงานเลี้ยงจบลง ข้าจะไปดูเอง””ขอบคุณเจ้าหุบเขา”ถงจือหลิวก็เป็นคนสายตาแหลมคมเช่นกัน มองออกว่
“ตกลง แม่รับปากเจ้า หย่าก็หย่า!”สวีฮูหยินพูดพลางแอบสังเกตกู้หว่านเยว่สักครู่ เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร จึงรีบฉวยโอกาสนี้ดึงฮูหยินน้อยหลัวออกไปทางด้านข้างกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกเห็นใจฮูหยินน้อยหลัวเช่นกัน ไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยอะไร พลางส่งสายตาให้ชิงเหลียน ให้นางจับหลัวเฉิงไว้ จากนั้นก็มองไปที่หลัวไฉ่“เจ้าเป็นใครกันแน่?”หลัวไฉ่ถูกตรึงอยู่กับพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ พลางมองไปที่กู้หว่านเยว่พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะ“อยากรู้ว่าข้าเป็นใครใช่ไหม? ยังไงข้าก็ไม่บอกท่านหรอก ท่านฆ่าข้าเสียเถอะ อันที่จริงเมื่อตกอยู่ในมือท่านข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่มองดูหลัวไฉ่ในสภาพนี้ ช่างเหมือนกับลี่จีจริง ๆ แล้วความคิดก็ผุดขึ้นมาในใจของนาง“หงเจา ไปดูซิว่ามีดอกโบตั๋นบนหน้าอกของนางหรือไม่”“เจ้าค่ะ” หงเจารีบเดินเข้าไป พลางคว้าหลัวไฉ่ที่กำลังถอยหนี ก่อนจะฉีกเสื้อผ้าตรงหน้าอกของนางออก เห็นรอยสักดอกหนึ่งบนนั้นดังคาด“ฮูหยิน มีดอกโบตั๋นอยู่ดอกหนึ่งจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเป็นคนจากหอร้อยบุปผา”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง สงสัยว่าหลัวไฉ่ตัวจริงอาจจะตายไปแล้วก็ได้“ข้าไม่ใช่!” หลัวไฉ่รีบส่ายหั
ครั้งหนึ่งหลัวฮูหยินเคยคัดค้านเรื่องนี้ แต่หลัวเฉิงยืนกรานอย่างหนักแน่น หากหลัวฮูหยินไม่เห็นด้วย เขาจะแขวนคอฆ่าตัวตาย“กลัวว่าเขาจะคลุ้มคลั่ง ข้าเลยทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง”หลัวฮูหยินพยายามแก้ต่าง“ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ว่านางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย จะไม่ยอมให้นางเข้าไปในจวนเด็ดขาด”“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” หลัวเฉิงโมโหมาก“ก่อกวนก็ต้องมีขีดจำกัด ตอนนี้สกุลหลัวของเราทั้งหมดมีอันตรายรออยู่ ข้าทำเพื่อปกป้องครอบครัวของเรา”หลัวฮูหยินหลับตาลงอย่างเย็นชา แสดงให้เห็นว่าไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อหลัวไฉ่เลย“ท่านแม่!” หลัวเฉิงกำหมัด อดมองไปที่หลัวไฉ่ไม่ได้สายตานี้จับจ้องไปที่ดวงตาของฮูหยินน้อยหลัว ตื่นเต้นจนนางไม่อยากจะเชื่อ พลางถามว่า“คนผู้นี้ไม่ใช่น้องสาวของเจ้าจริง ๆ”“ไม่ใช่ แม่ของข้าพูดจาเหลวไหล ไฉ่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า”หลัวเฉิงส่ายหัว ไม่กล้าสบตากับฮูหยินน้อยหลัว ท่าทางหวาดหวั่นของเขาชัดเจนว่ากำลังพูดโกหก ฮูหยินน้อยหลัวมีหรือจะไม่เข้าใจ?นางพุ่งเข้าไปจับเส้นผมของหลัวเฉิงด้วยความโมโห ก่อนจะออกแรงกระชาก“ข้าว่าแล้ว ทำไมท่านถึงชอบเข้าไปในห้องของนางกลางดึกเสมอ ข้าค
กู้หว่านเยว่หาเก้าอี้นั่งลง โยนหน้ากากหนังนั่นลงบนโต๊ะด้วยท่าทางรังเกียจ ปรมาจารย์แพทย์หยิบขึ้นมาทันที“วิชาปลอมตัวนี่น่าสนใจดี ข้าจะศึกษาวิจัยดู”“ท่านดูได้ตามสบาย”กู้หว่านเยว่ใจกว้างกับคนกันเองมาก หลัวฮูหยินกลับมาถึงช้า“ท่านอ๋อง นี่มันเกิดอะไรขึ้น สกุลหลัวของเราทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องส่งทหารมาล้อมพวกเรา?”“เรื่องนี้ถามลูกสาวสุดที่รักของเจ้าจะไม่ดีกว่าหรือ?”กู้หว่านเยว่จ้องมองหลัวไฉ่“ให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ใครส่งเจ้ามา เจ้าเผยแพร่สูตรลับนี้มีจุดประสงค์อะไร”“ถุย”หลัวไฉ่ถ่มน้ำลายด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ท่านฆ่าข้าเสียเถิด ข้าไม่มีวันปริปากหรอก”“ใครอนุญาตให้เจ้าพูดกับพระชายาแบบนี้?”ชิงเหลียนปกป้อง ตบหน้านางไปหนึ่งฉาดหลัวไฉ่มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก ดวงตาฉายแววเคียดแค้น กู้หว่านเยว่ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับนาง ดูจากท่าทางของหลัวไฉ่แล้ว ก็รู้ว่านางปากแข็งมาก“ท่านพี่ ในเมื่อนางไม่ยอมพูด ก็จับคนสกุลหลัวไปขังคุกให้หมดเถิด”พอไปถึงคุกใต้ดินแล้ว ค่อยสอบสวนนางอีกที“อืม จับตัวพวกเขาไปให้หมด”ซูจิ่งสิงโบกมือ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา จับคนสกุลหลัวทั้งหมด รวมถึงบ่าวไพร่