กู้หว่านเยว่พูดอย่างแปลกใจมาก “งานใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้าของตลาดมืดถึงขั้นไม่ปรากฏตัวออกมาหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เจ้าของตลาดมืดอินซานไปมาโดยไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ปกติเขาไม่เปิดเผยโฉมหน้าออกมาอย่างง่ายดาย ล้วนมอบให้สามผู้ดูแลของตนไปจัดการผู้ดูแลมาจัดงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ในครั้งนี้ ชื่อว่าเฉียนต้า”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญ มองดูแล้วเจ้าของงานประมูลนี้ลึกลับมากจริงๆในเมื่อเขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน เช่นนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับเขาโดยตรง ก็อาจจำไม่ได้ว่าเขาคือเจ้าของงานประมูลนั่นก็หมายความว่าต้องการตามหาเขา ยากไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร“แม้ว่าพวกเราไม่เคยพบเจ้าของงานประมูลมาก่อน แต่ผู้ดูแลอยู่ใต้อาณัติเขาทั้งสามคนจะต้องเคยพบมาก่อนแน่”ดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกาย จากนั้นไม่ชักช้าร่ำไรอีก พาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปบนคานบ้านของห้องเล็กแห่งนั้นทั้งสองคนมาถึงที่นี่ถึงรู้ว่าห้องเล็กแห่งนี้อยู่ตำแหน่งสูงที่สุดของตลาดประมูล คนนั่งอยู่ทางด้านล่างสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งงานประมูลได้ขณะเดียวกันที่กำลังนั่งอยู่กลางห้องก็คือชายวัยกลางคนร่างอ้วนอัปลักษณ์คนหนึ
กู้หว่านเยว่ที่อยู่บนคานบ้านหรี่ตาลงทูเจวี๋ยเป็นชนเผ่าเร่ร่อน หมายปองดินแดนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาและข้าวของต้าฉีมานานหลายปี เข้ามารุกรานแถบชายแดนต้าฉีแทบทุกปี หลังเข่นฆ่าปล้นสะดมแล้ว ก็จากไปอย่างว่องไวเนื่องจากพวกเขาเชี่ยวชาญการต่อสู้บนหลังม้า ต้าฉีจึงไม่สามารถทำอันใดพวกเขาได้ทว่านับตั้งแต่ซูจิ่งสิงไปที่ชายแดน ภายในระยะเวลาสามถึงห้าปี ปราบพวกเขาจนพ่ายแพ้ราบคาบ ชนิดที่ว่ายังบังคับให้พวกเขาลงนามในหนังสือยอมจำนนมอบทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง เงินขาวหนึ่งแสนตำลึง วัวแกะห้าพันตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังห้ามรุกรานภายในระยะเวลาห้าสิบปีนี่เพิ่งผ่านมาได้หนึ่งถึงสองปี ก็เริ่มก่อเรื่องอีกแล้ว“ระวังคำพูดหน่อย ซูจิ่งสิงอยู่ที่ห้องหมายเลขหนึ่งนะ”ผู้ดูแลเฉียนขมวดคิ้วเอ่ยเตือน เขาชอบสาวงาม เว้นเสียแต่คนที่สร้างปัญหาให้เขานี่คือเจดีย์หนิงกู่ เป็นอาณาเขตของซูจิ่งสิง ทั้งหมดต้องระมัดระวังให้ดีลี่จีถลึงตาใส่ห้องหมายเลขหนึ่งอย่างโมโห พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ“ข้ารู้แล้ว”ผู้ดูแลเฉียนโอบปลอบนาง “เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีแล้ว?”เห็นแก่ลี่จีปรนนิบัติจนสบายตัว เขาอธิบายอย่างเชื่องช้าหนึ่งประโยค“ตกปลาใหญ่ต้องอ
ที่นี่คืองานประมูล ไม่ใช่ห้องเตียงใหญ่เสียหน่อย!“ท่านพี่ ท่านว่าคนอยู่เบื้องหลังหญิงคนนี้เป็นใคร? ฮ่องเต้ทูเจวี๋ยหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เป็นเหยลวี่เจิง”“เหยลวี่เจิงเป็นใคร?”กู้หว่านเยว่สงสัยมากยิ่งขึ้นซูจิ่งสิงอธิบายเสียงเครียด “ปีนั้นคนที่ต่อสู้กับข้าในสนามรบ แม่ทัพของทูเจวี๋ย”เขาพูดเสียงค่อย “เหยลวี่เจิงอายุไล่เลี่ยกับข้า วิชายุทธ์ล้ำเลิศ จิตใจล้ำลึก ในมือของเขายังมีกลุ่มหนึ่งชื่อว่าหอร้อยบุปผา ภายในล้วนคือหญิงงามอันดับหนึ่ง อาศัยขายความงาม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือได้รับรายงานข่าว”กู้หว่านเยว่กะพริบตา “หญิงเมื่อครู่คนนั้น ก็คือคนของหอร้อยบุปผาหรือ?”“ถูกต้อง”ซูจิ่งสิงอธิบาย “หญิงของหอร้อยบุปผาล้วนมีรอยสักรูปดอกโบตั๋นบนอก รอยตรานั้นเว้นเสียแต่เฉือนเนื้อออกก็ไม่สามารถล้างออกได้ เพราะเหตุนี้หากเข้าหอร้อยบุปผาแล้ว ก็จะมีรอยตราของหอร้อยบุปผาชั่วชีวิต อย่าคิดว่าจะหนีไปได้”จู่ๆ เขาก็มีท่าทางประหม่า อย่างไรเสียบริเวณนั้นก็ชวนเก้อกระดากอยู่บ้าง“บนหน้าอกของหญิงเมื่อครู่คนนั้นก็คือลายดอกโบตั๋น”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยนี้สองสามีภรรยาฟังผ่านคำพูด
อีกคนหนึ่งเดินเข้ามาดู ยังไม่ต้องพูดถึงเงาคน แม้แต่หนูตัวเดียวก็ไม่พบ“ข้างนอกมียามเฝ้ามากถึงเพียงนี้ ไม่มีวันมีคนเข้ามาได้ ไปเถอะๆ อีกเดี๋ยวก็จะถึงการประมูลหมายเลขยี่สิบสามแล้ว พวกเรายกกล่องหมายเลขยี่สิบสามไปก่อน”ยามเฝ้าอีกคนพยักหน้าอย่างสงสัย แปลกยิ่งนัก เมื่อครู่เขาได้ยินเสียง หรือว่าตนเองหูฝาดไป?ตรวจดูสองรอบอย่างไม่วางใจ แต่หาคนไม่พบจริงๆเขารีบยกกล่องออกจากคลังสินค้าพร้อมกับอีกคนหนึ่งแล้วจากไปได้ยินเสียงลงสลักที่นอกประตูคลังสินค้าแล้ว กู้หว่านเยว่มิได้พาซูจิ่งสิงออกมาในทันที แต่อยู่ภายในมิติต่ออีกครู่หนึ่งกู้หว่านเยว่อาศัยโอกาสนี้โยนถ่านเข้าหอแห่งโอสถเพื่อทดสอบ ทำเสียจนซูจิ่งสิงแปลกใจมาก“น้องหญิง ตกลงถ่านนี้มีความพิเศษอะไรหรือ?”กู้หว่านเยว่หยิบรายงานผลการทดสอบ พูดอธิบาย “ภายในถ่านมีพิษ เพียงแต่พิษนี้ไร้สีไร้กลิ่น พบเห็นได้ยาก หลังถูกจุดแล้ว ยาพิษจะค่อยๆ กำจายภายในอากาศ หากคนสูดดมยาพิษนี้เข้าไป ก็จะถูกวางยาพิษยิ่งไปกว่านั้นต่อให้พิษนี้กำเริบ คนทั่วไปก็สังเกตไม่เห็น มันจะค่อยๆ ทำให้เส้นประสาทของท่านเป็นอัมพาต ทำให้ท่านกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนภายในระยะเวลาสองสามเดือน”
“ต้องรวยแน่นอน หากข้าร่ำรวยเหมือนเขาแล้วล่ะก็ ชาตินี้ก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”เนี่ยชิงหลานเผยสีหน้าอิจฉา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันเจ้าของตลาดมืดอินซานร่ำรวยถึงเพียงนี้ เชื่อว่าไม่ขาดแคลนเงิน ก็ไม่รู้ว่าทูเจวี๋ยใช้สิ่งใดถึงทำให้เขายอมร่วมมือทำร้ายพวกเขาดูท่าแล้ว คืนนี้จะต้องจับผู้ดูแลเฉียนมาสอบสวนดีๆ สักรอบ“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านกลับมาแล้ว”หางตาของซูจื่อชิง มองเห็นสองคนเดินเข้ามาจากภายนอก“อืม” ซูจิ่งสิงพยักหน้า พากู้หว่านเยว่มานั่งลง ปรมาจารย์แพทย์เอ่ยปากอย่างหวังดี“อีกเดี๋ยวหลังงานประมูลจบลง ข้าจะลองจับชีพจรให้เจ้าดู”ทีแรกซูจิ่งสิงยังตอบสนองไม่ทัน เหตุใดต้องจับชีพจรรอจนกระทั่งดึงสติกลับมาได้แล้ว สีหน้าดำทะมึน สายตาตำหนิทอดมองกู้หว่านเยว่“น้องหญิง”เขาเสียสละเพื่อครอบครัวมากถึงเพียงนี้ ถึงขั้นถูกคนสงสัยว่านกเขาไม่ขันมุมปากกู้หว่านเยว่กระตุกริก เมื่อครู่นางคิดเพียงต้องการแย่งอ๋องหกประมูล คิดไม่ถึงเลยว่าทุกคนจะเข้าใจผิดไป“แค่กๆ ปรมาจารย์แพทย์ ท่านเข้าใจผิดไปแล้ว ร่างกายสามีไม่มีปัญหาอะไร”ปรมาจารย์แพทย์เผยสีหน้าเข้าใจ “วางใจเถอะ วางใจเถอะ ข้ามิได้พูดว่าร่
ใบหูแดงเรื่อ ทันใดนั้นถึงขั้นไม่รู้ว่าสมควรเข้าไปหรือไม่ซ่งเสวี่ยเองก็ตกตะลึง ดึงสติกลับมาได้อย่างว่องไว เห็นท่าทางยืนลังเลอยู่หน้าประตูของอีกฝ่าย เอ่ยเตือนว่า“คุณชายโจวรีบเข้ามาเถอะ อย่ายืนหน้าประตูรถม้าเลย”โจวเซิงนี่ถึงดึงสติกลับมาได้ บัดนี้ยามเผชิญหน้ากับซ่งเสวี่ย ถึงขั้นเกิดความคิดวู่วามอยากหนีไปทำนองนั้นแต่เขาขึ้นรถม้ามาแล้ว ลงไปตอนนี้ กลับคล้ายยิ่งปกปิดก็ยิ่งเปิดเผยออกมานี่ถึงกัดฟันเดินเข้ารถม้า กลับไม่กล้านั่งข้างกายซ่งเสวี่ย พยายามนั่งที่มุมหนึ่งซ่งเสวี่ยนึกถึงเรื่องในวันนั้น เดิมทียังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับโจวเซิงเยี่ยงไร เพราะนางไม่แน่ใจว่าโจวเซิงได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นไปแล้วหรือไม่ขณะเดียวกันโจวเซิงหดตัวที่มุมหนึ่ง ท่าทางคล้ายกลัวทำให้คนอื่นอึดอัดนั้น กลับทำให้หลุดหัวเราะออกมาแล้ว“คุณชายโจว วันนั้นขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้า”ที่แท้นางก็รู้ หัวใจโจวเซิงร้อนรุ่ม คำขอบคุณนี้ห่างไปนานทีเดียว“ไม่ต้องเกรงใจ สถานการณ์เช่นนั้นในวันนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ”โจวเซิงรีบตอบ ท่าทางระมัดระวังของเขา ทำเสียจนซ่งเสวี่ยรู้สึกอยากขัน บรรยากาศไม่ตึงเครียดเหมือนเมื่อ
“น้องหญิง สองคนนั้นเป็นคนของอ๋องหก”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างโสตนางเสียงค่อย เสียงทำให้นางรู้สึกคันหูยุบยิบกู้หว่านเยว่มองตามสายตาของเขาไป ก็มองเห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของทั้งสองคนที่กำลังจับตามองพวกเขา แสร้งเดินบนเส้นทางสายเดียวกับพวกเขา“ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเราออกเดินทางเถอะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มเย็นทีหนึ่ง ในเมื่อกลางคืนต้องการมาสืบงานประมูลอีกครั้ง ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่คิดกลับเมืองอวี้ แต่ตัดสินใจวนอยู่ที่ละแวกใกล้เคียงหนึ่งรอบบังเอิญละแวกนี้มีโรงเรือนปลูกผักขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง สามารถไปดูได้กู้หวานเยว่กระโดดขึ้นรถม้า ซูจิ่งสิงมาขับรถม้าเห็นว่ารถม้าออกเดินทางแล้ว ใบหน้าอ๋องหกเผยสีหน้าเย็นชา“ตามไป ชิงผลต้นเกล็ดหิมะมาหากมีโอกาส ฆ่าพวกเขาสองสามีภรรยาไปเสียเลย”“พ่ะย่ะค่ะ” คนชุดดำหลายคนได้ยินคำสั่ง จากนั้นต่างพากันไล่ตามรถม้าของกู้หว่านเยว่ไปขณะเดียวกัน รถม้ามีเพียงกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสองคน เพื่อความสะดวก พวกเขาไล่องครักษ์จันทราออกไปแล้วหลังรถม้าขับมาได้ระยะหนึ่ง ก็ค่อยๆ เข้าสู่ถนนสายเล็กมีคนน้อยมาก“มาแล้ว”สีหน้าซูจิ่งสิงเย็นชา สังเกตเห็นว่าข้างหลังมีคนกำลังเข้าใกล้รถม้าอย
“เจ้าคิดจะ...”คนชุดดำทั้งสองสวดภาวนาให้อ๋องหกของพวกเขาภายในใจ นี่โหดเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าต้องใส่ใจ อย่าคิดเล่นลูกไม้”กู้หว่านเยว่ตวัดสายตาคมกริบมองไป คนชุดดำต่างพากันเงียบกริบ“พวกเรารับปากเจ้า มอบยาถอนพิษให้พวกเราเถอะ”ยาพิษนี้ทรมานคนเกินไปแล้ว คนชุดดำขอร้องอ้อนวอนกู้หว่านเยว่โยนยาให้สองเม็ด “นี่คือยาบรรเทาอาการ หลังเสร็จงานแล้ว ข้าค่อยให้ยาถอนพิษกับพวกเจ้า”ทั้งสองคนรีบกินยาลงไป รู้สึกว่าความเจ็บปวดภายในร่างกายลดลงไม่น้อย โล่งใจขึ้นมาพวกเขารู้ตอนนี้ชีวิตของตนอยู่ในเงื้อมมือกู้หว่านเยว่ ไม่กล้าโกหก“ท่านอ๋องอยู่ที่โรงเตี๊ยมห่างจากตลาดประมูลไม่ไกล”“นำทาง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงใส่ผ้าปิดหน้าสีดำคนชุดดำทั้งสองนำทางไป พวกเขามิได้ออกห่างมากนัก ผ่านไปไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมของอ๋องหกขณะเดียวกันอ๋องหกกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่ภายในห้อง“จะต้องเอาผลต้นเกล็ดหิมะมาให้ได้ เสด็จแม่ต้องพึ่งผลต้นเกล็ดหิมะนั้น...”องครักษ์มีสีหน้ากระตือรือร้นเข้ามา “ท่านอ๋อง มือสังหารที่ส่งไปกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“จริงหรือ แล้วผลต้นเกล็ดหิมะเล่า?”“นำกลับ
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน
เยียนอวิ๋นชูน่าสงสารนัก กู้หว่านเยว่ก็ใจอ่อนในชั่วพริบตา“เชื่อข้าเถอะ พิษในร่างกายของท่านจะถูกขับออกมาแน่นอน ต่อไปท่านจะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้วแต่ขาของท่าน เนื่องจากไม่ได้เดินมานานเกินไป อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ”เยียนอวิ๋นชูก็ไม่ได้คาดหวังว่าขาของเขาจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืนพิการมานานสิบกว่าปี ได้มีความหวังที่จะยืนขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับเขาก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้วเขาดื่มยาหม้อหมดในคราเดียวในไม่ช้า ความไม่สบายก็เข้ามาภายในร่างกาย“ยาหม้อนี้มีสรรพคุณในการล้างพิษ ต่อไปท่านอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อาจถึงขั้นมีไข้สูง แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นระเบียบขั้นตอน ราวกับว่ามองเห็นเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วน้ำเสียงสุขุมของนาง ทำให้จิตใจที่ไม่เป็นสุขของเยียนอวิ๋นชูสงบลงมากร่างกายเจ็บปวดมากเกินไป เขาจึงพยายามหลับตาทั้งสอง ข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาดั่งสายฝนกู้หว่านเยว่ถือผ้าขนหนูไว้ คอยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างอดทน เมื่อพบว่าเขาทนไม่ไ
ความคิดของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่ จะหลอกลวงเขาในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษจริง ๆ และพิษนี้เริ่มตั้งแต่ขาทั้งสองของเขายืนไม่ได้ อย่างน้อยก็สิบกว่าปีแล้วเยียนอวิ๋นชูนึกย้อนกลับไปในหัวใครกันที่สามารถวางยาพิษเขาได้ในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เวลามันเนิ่นนานเกินไปแล้วเขารู้ว่า ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การตามหาคนที่วางยาพิษ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างพิษในร่างกายของเขา“เจ้า เจ้าล้างพิษในร่างกายของข้าได้ไหม?”“ตอนนี้รู้จักขอร้องข้าแล้วหรือ เมื่อครู่ยังหน้าซีดรีบร้อนขับไล่ข้าออกไปมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตายั่วเย้า ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้เยียนอวิ๋นชูหน้าแดง แทบจะพาลโกรธเอาดื้อ ๆ อีกครั้ง“เจ้า...”เมื่อเห็นเขากัดริมฝีปาก กู้หว่านเยว่ก็หัวเราะคิกคัก“เอาล่ะ ข้าแค่หยอกล้อท่านเฉย ๆ ข้าสามารถล้างพิษได้ วางใจเถิด”นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ได้เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมาอย่างฉับพลันเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูใบหน้าที่เปล่งประกายของนาง รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงเขารีบกุมหัวใจเอาไว้ แล
เซียวหลิ่นหลีกทางให้โดยจิตใต้สำนึก กู้หว่านเยว่กำลังจะจับมือของเยียนอวิ๋นชู แต่ฝ่ายหลังกลับดันรถเข็นถอยหลังอย่างไม่คาดคิดปากก็ยังด่าทอเสียงดัง“ไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้าหรือ ปล่อยข้าไว้คนเดียวให้สงบสติอารมณ์สักพัก รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”เยียนอวิ๋นชูคำรามลั่น ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อย คำพูดที่เอ่ยออกมาแย่มากจนทำให้มุมปากของเซียวหลิ่นกระตุก“คุณชายรอง!”คุณชายรองเกิดลมบ้าหมูอะไรขึ้นมา จอมยุทธหนุ่มท่านนี้เมื่อครู่สามารถใช้เข็มเงินนั่นฆ่าใครก็ได้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก หวังดีจะช่วยชีวิตเขา เหตุใดเขาถึงยังด่าทออย่างรุนแรง?“จอมยุทธหนุ่ม ขอโทษด้วยจริง ๆ”เซียวหลิ่นรีบขอโทษกู้หว่านเยว่ หวังว่านางจะใจกว้างไม่ถือสาคนต่ำทรามและกู้หว่านเยว่ก็มองดูท่าทางต่อต้านของเยียนอวิ๋นชู ครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านผู้นี้ ช่างดื้อรั้นเสียจริง!”เขาคงกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมและทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงพูดจาดุดันเพราะต้องการขับไล่นางออกไป ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังดึงดันที่จะแสร้ง
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ