กู้หว่านเยว่พูดอย่างแปลกใจมาก “งานใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้าของตลาดมืดถึงขั้นไม่ปรากฏตัวออกมาหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เจ้าของตลาดมืดอินซานไปมาโดยไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ปกติเขาไม่เปิดเผยโฉมหน้าออกมาอย่างง่ายดาย ล้วนมอบให้สามผู้ดูแลของตนไปจัดการผู้ดูแลมาจัดงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ในครั้งนี้ ชื่อว่าเฉียนต้า”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญ มองดูแล้วเจ้าของงานประมูลนี้ลึกลับมากจริงๆในเมื่อเขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน เช่นนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับเขาโดยตรง ก็อาจจำไม่ได้ว่าเขาคือเจ้าของงานประมูลนั่นก็หมายความว่าต้องการตามหาเขา ยากไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร“แม้ว่าพวกเราไม่เคยพบเจ้าของงานประมูลมาก่อน แต่ผู้ดูแลอยู่ใต้อาณัติเขาทั้งสามคนจะต้องเคยพบมาก่อนแน่”ดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกาย จากนั้นไม่ชักช้าร่ำไรอีก พาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปบนคานบ้านของห้องเล็กแห่งนั้นทั้งสองคนมาถึงที่นี่ถึงรู้ว่าห้องเล็กแห่งนี้อยู่ตำแหน่งสูงที่สุดของตลาดประมูล คนนั่งอยู่ทางด้านล่างสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งงานประมูลได้ขณะเดียวกันที่กำลังนั่งอยู่กลางห้องก็คือชายวัยกลางคนร่างอ้วนอัปลักษณ์คนหนึ
กู้หว่านเยว่ที่อยู่บนคานบ้านหรี่ตาลงทูเจวี๋ยเป็นชนเผ่าเร่ร่อน หมายปองดินแดนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาและข้าวของต้าฉีมานานหลายปี เข้ามารุกรานแถบชายแดนต้าฉีแทบทุกปี หลังเข่นฆ่าปล้นสะดมแล้ว ก็จากไปอย่างว่องไวเนื่องจากพวกเขาเชี่ยวชาญการต่อสู้บนหลังม้า ต้าฉีจึงไม่สามารถทำอันใดพวกเขาได้ทว่านับตั้งแต่ซูจิ่งสิงไปที่ชายแดน ภายในระยะเวลาสามถึงห้าปี ปราบพวกเขาจนพ่ายแพ้ราบคาบ ชนิดที่ว่ายังบังคับให้พวกเขาลงนามในหนังสือยอมจำนนมอบทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง เงินขาวหนึ่งแสนตำลึง วัวแกะห้าพันตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังห้ามรุกรานภายในระยะเวลาห้าสิบปีนี่เพิ่งผ่านมาได้หนึ่งถึงสองปี ก็เริ่มก่อเรื่องอีกแล้ว“ระวังคำพูดหน่อย ซูจิ่งสิงอยู่ที่ห้องหมายเลขหนึ่งนะ”ผู้ดูแลเฉียนขมวดคิ้วเอ่ยเตือน เขาชอบสาวงาม เว้นเสียแต่คนที่สร้างปัญหาให้เขานี่คือเจดีย์หนิงกู่ เป็นอาณาเขตของซูจิ่งสิง ทั้งหมดต้องระมัดระวังให้ดีลี่จีถลึงตาใส่ห้องหมายเลขหนึ่งอย่างโมโห พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ“ข้ารู้แล้ว”ผู้ดูแลเฉียนโอบปลอบนาง “เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีแล้ว?”เห็นแก่ลี่จีปรนนิบัติจนสบายตัว เขาอธิบายอย่างเชื่องช้าหนึ่งประโยค“ตกปลาใหญ่ต้องอ
ที่นี่คืองานประมูล ไม่ใช่ห้องเตียงใหญ่เสียหน่อย!“ท่านพี่ ท่านว่าคนอยู่เบื้องหลังหญิงคนนี้เป็นใคร? ฮ่องเต้ทูเจวี๋ยหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เป็นเหยลวี่เจิง”“เหยลวี่เจิงเป็นใคร?”กู้หว่านเยว่สงสัยมากยิ่งขึ้นซูจิ่งสิงอธิบายเสียงเครียด “ปีนั้นคนที่ต่อสู้กับข้าในสนามรบ แม่ทัพของทูเจวี๋ย”เขาพูดเสียงค่อย “เหยลวี่เจิงอายุไล่เลี่ยกับข้า วิชายุทธ์ล้ำเลิศ จิตใจล้ำลึก ในมือของเขายังมีกลุ่มหนึ่งชื่อว่าหอร้อยบุปผา ภายในล้วนคือหญิงงามอันดับหนึ่ง อาศัยขายความงาม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือได้รับรายงานข่าว”กู้หว่านเยว่กะพริบตา “หญิงเมื่อครู่คนนั้น ก็คือคนของหอร้อยบุปผาหรือ?”“ถูกต้อง”ซูจิ่งสิงอธิบาย “หญิงของหอร้อยบุปผาล้วนมีรอยสักรูปดอกโบตั๋นบนอก รอยตรานั้นเว้นเสียแต่เฉือนเนื้อออกก็ไม่สามารถล้างออกได้ เพราะเหตุนี้หากเข้าหอร้อยบุปผาแล้ว ก็จะมีรอยตราของหอร้อยบุปผาชั่วชีวิต อย่าคิดว่าจะหนีไปได้”จู่ๆ เขาก็มีท่าทางประหม่า อย่างไรเสียบริเวณนั้นก็ชวนเก้อกระดากอยู่บ้าง“บนหน้าอกของหญิงเมื่อครู่คนนั้นก็คือลายดอกโบตั๋น”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยนี้สองสามีภรรยาฟังผ่านคำพูด
อีกคนหนึ่งเดินเข้ามาดู ยังไม่ต้องพูดถึงเงาคน แม้แต่หนูตัวเดียวก็ไม่พบ“ข้างนอกมียามเฝ้ามากถึงเพียงนี้ ไม่มีวันมีคนเข้ามาได้ ไปเถอะๆ อีกเดี๋ยวก็จะถึงการประมูลหมายเลขยี่สิบสามแล้ว พวกเรายกกล่องหมายเลขยี่สิบสามไปก่อน”ยามเฝ้าอีกคนพยักหน้าอย่างสงสัย แปลกยิ่งนัก เมื่อครู่เขาได้ยินเสียง หรือว่าตนเองหูฝาดไป?ตรวจดูสองรอบอย่างไม่วางใจ แต่หาคนไม่พบจริงๆเขารีบยกกล่องออกจากคลังสินค้าพร้อมกับอีกคนหนึ่งแล้วจากไปได้ยินเสียงลงสลักที่นอกประตูคลังสินค้าแล้ว กู้หว่านเยว่มิได้พาซูจิ่งสิงออกมาในทันที แต่อยู่ภายในมิติต่ออีกครู่หนึ่งกู้หว่านเยว่อาศัยโอกาสนี้โยนถ่านเข้าหอแห่งโอสถเพื่อทดสอบ ทำเสียจนซูจิ่งสิงแปลกใจมาก“น้องหญิง ตกลงถ่านนี้มีความพิเศษอะไรหรือ?”กู้หว่านเยว่หยิบรายงานผลการทดสอบ พูดอธิบาย “ภายในถ่านมีพิษ เพียงแต่พิษนี้ไร้สีไร้กลิ่น พบเห็นได้ยาก หลังถูกจุดแล้ว ยาพิษจะค่อยๆ กำจายภายในอากาศ หากคนสูดดมยาพิษนี้เข้าไป ก็จะถูกวางยาพิษยิ่งไปกว่านั้นต่อให้พิษนี้กำเริบ คนทั่วไปก็สังเกตไม่เห็น มันจะค่อยๆ ทำให้เส้นประสาทของท่านเป็นอัมพาต ทำให้ท่านกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนภายในระยะเวลาสองสามเดือน”
“ต้องรวยแน่นอน หากข้าร่ำรวยเหมือนเขาแล้วล่ะก็ ชาตินี้ก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”เนี่ยชิงหลานเผยสีหน้าอิจฉา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันเจ้าของตลาดมืดอินซานร่ำรวยถึงเพียงนี้ เชื่อว่าไม่ขาดแคลนเงิน ก็ไม่รู้ว่าทูเจวี๋ยใช้สิ่งใดถึงทำให้เขายอมร่วมมือทำร้ายพวกเขาดูท่าแล้ว คืนนี้จะต้องจับผู้ดูแลเฉียนมาสอบสวนดีๆ สักรอบ“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านกลับมาแล้ว”หางตาของซูจื่อชิง มองเห็นสองคนเดินเข้ามาจากภายนอก“อืม” ซูจิ่งสิงพยักหน้า พากู้หว่านเยว่มานั่งลง ปรมาจารย์แพทย์เอ่ยปากอย่างหวังดี“อีกเดี๋ยวหลังงานประมูลจบลง ข้าจะลองจับชีพจรให้เจ้าดู”ทีแรกซูจิ่งสิงยังตอบสนองไม่ทัน เหตุใดต้องจับชีพจรรอจนกระทั่งดึงสติกลับมาได้แล้ว สีหน้าดำทะมึน สายตาตำหนิทอดมองกู้หว่านเยว่“น้องหญิง”เขาเสียสละเพื่อครอบครัวมากถึงเพียงนี้ ถึงขั้นถูกคนสงสัยว่านกเขาไม่ขันมุมปากกู้หว่านเยว่กระตุกริก เมื่อครู่นางคิดเพียงต้องการแย่งอ๋องหกประมูล คิดไม่ถึงเลยว่าทุกคนจะเข้าใจผิดไป“แค่กๆ ปรมาจารย์แพทย์ ท่านเข้าใจผิดไปแล้ว ร่างกายสามีไม่มีปัญหาอะไร”ปรมาจารย์แพทย์เผยสีหน้าเข้าใจ “วางใจเถอะ วางใจเถอะ ข้ามิได้พูดว่าร่
ใบหูแดงเรื่อ ทันใดนั้นถึงขั้นไม่รู้ว่าสมควรเข้าไปหรือไม่ซ่งเสวี่ยเองก็ตกตะลึง ดึงสติกลับมาได้อย่างว่องไว เห็นท่าทางยืนลังเลอยู่หน้าประตูของอีกฝ่าย เอ่ยเตือนว่า“คุณชายโจวรีบเข้ามาเถอะ อย่ายืนหน้าประตูรถม้าเลย”โจวเซิงนี่ถึงดึงสติกลับมาได้ บัดนี้ยามเผชิญหน้ากับซ่งเสวี่ย ถึงขั้นเกิดความคิดวู่วามอยากหนีไปทำนองนั้นแต่เขาขึ้นรถม้ามาแล้ว ลงไปตอนนี้ กลับคล้ายยิ่งปกปิดก็ยิ่งเปิดเผยออกมานี่ถึงกัดฟันเดินเข้ารถม้า กลับไม่กล้านั่งข้างกายซ่งเสวี่ย พยายามนั่งที่มุมหนึ่งซ่งเสวี่ยนึกถึงเรื่องในวันนั้น เดิมทียังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับโจวเซิงเยี่ยงไร เพราะนางไม่แน่ใจว่าโจวเซิงได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นไปแล้วหรือไม่ขณะเดียวกันโจวเซิงหดตัวที่มุมหนึ่ง ท่าทางคล้ายกลัวทำให้คนอื่นอึดอัดนั้น กลับทำให้หลุดหัวเราะออกมาแล้ว“คุณชายโจว วันนั้นขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้า”ที่แท้นางก็รู้ หัวใจโจวเซิงร้อนรุ่ม คำขอบคุณนี้ห่างไปนานทีเดียว“ไม่ต้องเกรงใจ สถานการณ์เช่นนั้นในวันนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ”โจวเซิงรีบตอบ ท่าทางระมัดระวังของเขา ทำเสียจนซ่งเสวี่ยรู้สึกอยากขัน บรรยากาศไม่ตึงเครียดเหมือนเมื่อ
“น้องหญิง สองคนนั้นเป็นคนของอ๋องหก”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างโสตนางเสียงค่อย เสียงทำให้นางรู้สึกคันหูยุบยิบกู้หว่านเยว่มองตามสายตาของเขาไป ก็มองเห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของทั้งสองคนที่กำลังจับตามองพวกเขา แสร้งเดินบนเส้นทางสายเดียวกับพวกเขา“ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเราออกเดินทางเถอะ”กู้หว่านเยว่ยิ้มเย็นทีหนึ่ง ในเมื่อกลางคืนต้องการมาสืบงานประมูลอีกครั้ง ดังนั้นทั้งสองคนจึงไม่คิดกลับเมืองอวี้ แต่ตัดสินใจวนอยู่ที่ละแวกใกล้เคียงหนึ่งรอบบังเอิญละแวกนี้มีโรงเรือนปลูกผักขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง สามารถไปดูได้กู้หวานเยว่กระโดดขึ้นรถม้า ซูจิ่งสิงมาขับรถม้าเห็นว่ารถม้าออกเดินทางแล้ว ใบหน้าอ๋องหกเผยสีหน้าเย็นชา“ตามไป ชิงผลต้นเกล็ดหิมะมาหากมีโอกาส ฆ่าพวกเขาสองสามีภรรยาไปเสียเลย”“พ่ะย่ะค่ะ” คนชุดดำหลายคนได้ยินคำสั่ง จากนั้นต่างพากันไล่ตามรถม้าของกู้หว่านเยว่ไปขณะเดียวกัน รถม้ามีเพียงกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสองคน เพื่อความสะดวก พวกเขาไล่องครักษ์จันทราออกไปแล้วหลังรถม้าขับมาได้ระยะหนึ่ง ก็ค่อยๆ เข้าสู่ถนนสายเล็กมีคนน้อยมาก“มาแล้ว”สีหน้าซูจิ่งสิงเย็นชา สังเกตเห็นว่าข้างหลังมีคนกำลังเข้าใกล้รถม้าอย
“เจ้าคิดจะ...”คนชุดดำทั้งสองสวดภาวนาให้อ๋องหกของพวกเขาภายในใจ นี่โหดเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าต้องใส่ใจ อย่าคิดเล่นลูกไม้”กู้หว่านเยว่ตวัดสายตาคมกริบมองไป คนชุดดำต่างพากันเงียบกริบ“พวกเรารับปากเจ้า มอบยาถอนพิษให้พวกเราเถอะ”ยาพิษนี้ทรมานคนเกินไปแล้ว คนชุดดำขอร้องอ้อนวอนกู้หว่านเยว่โยนยาให้สองเม็ด “นี่คือยาบรรเทาอาการ หลังเสร็จงานแล้ว ข้าค่อยให้ยาถอนพิษกับพวกเจ้า”ทั้งสองคนรีบกินยาลงไป รู้สึกว่าความเจ็บปวดภายในร่างกายลดลงไม่น้อย โล่งใจขึ้นมาพวกเขารู้ตอนนี้ชีวิตของตนอยู่ในเงื้อมมือกู้หว่านเยว่ ไม่กล้าโกหก“ท่านอ๋องอยู่ที่โรงเตี๊ยมห่างจากตลาดประมูลไม่ไกล”“นำทาง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงใส่ผ้าปิดหน้าสีดำคนชุดดำทั้งสองนำทางไป พวกเขามิได้ออกห่างมากนัก ผ่านไปไม่นานก็เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมของอ๋องหกขณะเดียวกันอ๋องหกกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวายอยู่ภายในห้อง“จะต้องเอาผลต้นเกล็ดหิมะมาให้ได้ เสด็จแม่ต้องพึ่งผลต้นเกล็ดหิมะนั้น...”องครักษ์มีสีหน้ากระตือรือร้นเข้ามา “ท่านอ๋อง มือสังหารที่ส่งไปกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“จริงหรือ แล้วผลต้นเกล็ดหิมะเล่า?”“นำกลับ
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป