“แน่นอนอยู่แล้ว”เนี่ยชิงหลานพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ข้าเคยไปงานประมูลตั้งแต่สิบขวบแล้ว งานประมูลอินซานในปีนั้นจัดขึ้นในเขตเหอตงของเราพอดี”ซูจื่อชิง...ก็ดี ตอนแรกนึกว่าเจ้าเสแสร้ง แต่ปรากฏว่าเจ้าเคยไปจริง ๆ“เดี๋ยวถ้าพวกเจ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ก็สามารถถามข้าได้”เนี่ยชิงหลานสีหน้ากระตือรือร้น ในขณะที่ซูจิ่นเอ๋อร์เดินตามอยู่ข้างหลัง ดูไม่ค่อยสบายใจ“ขอสวรรค์โปรดอวยพร งานประมูลจงมีดอกน้ำแข็งนิลด้วยเถิด”ซูจิ่นเอ๋อร์ท่องในใจเงียบ ๆหลายคนขึ้นไปชั้นสอง ปรากฏว่าที่มุมหนึ่ง กู้หว่านเยว่มองเห็นเจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งหลายจับกุมชายชราไว้คนหนึ่ง“เจ้าแอบมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ที่นี่ทำไม? เจ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของงานประมูล”“เฮ้อ ข้าบอกไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ ข้ามากวาดพื้น ข้าเป็นพนักงานทำความสะอาด ในรายชื่อย่อมไม่มีชื่อของข้าอยู่แล้ว”ชายชราที่มีผมและหนวดเคราหงอกขาวคนนั้นคือปรมาจารย์แพทย์อย่างไม่น่าเชื่อกู้หว่านเยว่สับสนไปหมด ชายชราผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่? “พูดจาเหลวไหล ต่อให้เป็นพนักงานทำความสะอาดในรายชื่อก็ต้องมีบันทึกไว้ พวกข้าค้นหาในรายชื่อจนทั่วแล้ว แต่ไม่มีชื่อของเจ้าเลย” เจ้าหน้าที่คุ้มกันเอ่
“ทุกท่านโปรดทราบ เชิญรับประทานของว่างและจิบน้ำชา”พนักงานบริการคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก เข็นรถเค้กผลไม้และสุราเลิศรสเข้ามาซูจื่อชิงเหลือบมอง พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ “เป็นสุราซูเหอเซียงจริง ๆ สุราประเภทนี้มีราคาแพงมาก มีเฉพาะในราชสำนักเท่านั้น ตลาดมืดอินซานนำสุราประเภทนี้มาต้อนรับแขกเหรื่ออย่างเหลือเชื่อ? สุรุ่ยสุร่ายเกินไปหน่อยไหม!”เนี่ยชิงหลานบ่นพึมพำ “เงินที่ตลาดมืดอินซานหาได้จากการประมูลในทุก ๆ สามปีนั้น เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะใช้ชีวิตได้หลายชั่วอายุคนแล้ว และเขายังมีตลาดซื้อขาย คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถนำสิ่งของมาวางขายได้ที่ตลาดซื้อขาย งานประมูลก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูง”นางหยิบสมุดออกมาจากก้นลิ้นชักสองสามเล่ม “นี่คือสิ่งของที่ถูกนำขึ้นประมูลในวันนี้ อันที่จริงตอนนี้งานประมูลก็ยังไม่เริ่ม พวกเจ้าสามารถลองอ่านดูก่อนได้”ซูจิ่นเอ๋อร์รีบหยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะพลิกดูกู้หว่านเยว่ยื่นสมุดมาตรงหน้าซูจิ่งสิง “ท่านรู้ไหมว่าอ๋องหกต้องการซื้ออะไร?”ซูจิ่งสิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่ค่อนข้างผิดหวัง แต่คิดว่าเดี๋ยวงานประมูลเริ่มแล้วก็รู้เอง จึงไม่ตอแยอะไรมากเกินไปนางพลิกดูสม
“ท่านอ๋อง ฝ่าบาทรับสั่งว่า สิ่งของที่จะนำมาประมูลในครั้งนี้ต้องไม่ให้หลุดมือไป ข้าน้อยเห็นผู้คนมากมายมาในวันนี้ ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย”อ๋องหกยังคงนิ่งเฉย “มีอะไรให้ต้องกังวล เสด็จพี่ให้เงินมามากพอแล้ว หากเกินงบ ถึงตอนนั้นก็กลับวังไปเบิกคืนจากเสด็จพี่ก็จบ”“ขอรับ”เด็กรับใช้ไม่ออกเสียง ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่าทางราชสำนักไม่ได้มีเงินทองมากนัก“พวกซูจิ่งสิงมาถึงแล้วหรือยัง?”จู่ ๆ อ๋องหกก็เอ่ยถึงซูจิ่งสิง ทำให้คนทั้งสองในห้องแต่งตัวหูผึ่ง“มาถึงแล้วขอรับ ข้าน้อยได้ยินว่าพวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลขหนึ่ง”อ๋องหกหรี่ตาลง “จับตาดูเขาไว้ คนผู้นี้สามารถสร้างเจดีย์หนิงกู่ได้ขนาดนี้ จงอย่าประมาท”เมื่อได้ยินคำพูดของอ๋องหก กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็สบตากัน ดูเหมือนว่าอ๋องหกจะไม่ใช่คนไม่เอาไหนที่เอาแต่มองสาวงามอย่างที่ร่ำลือกัน สามารถพูดออกมาเช่นนี้ได้ ต้องเป็นคนที่มีแผนการอันล้ำลึกขณะที่ทั้งสองกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด อ๋องหกก็ถอนหายใจพร้อมกับเผยข้อมูลสำคัญออกมา “แต่หวังว่าการประมูลครั้งนี้ จะสามารถประมูลสมุนไพรที่เสด็จแม่ต้องการได้”“ต้องได้แน่นอน เงินที่ท่านอ๋องเตรียมไว้มากพอแล้ว”กู้หว่า
“หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง!”ผู้คนในห้องหมายเลขหนึ่งต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่เคยคาดคิดว่ายาเม็ดธรรมดาเม็ดหนึ่งจะขายได้ในราคาสูงเช่นนี้“ยาเม็ดธรรมดาอะไรกัน? นี่คือสิ่งที่ข้าได้คิดค้นออกมาจากความพยายามอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า มันเป็นรอยยิ้มราคาถูกที่ผู้ชายที่ไหนก็หาไม่ได้”ว่าแล้วก็ชูมือทั้งสองร้องเรียก “ที่รัก สูงขึ้นอีก สูงขึ้นอีก หาเงินให้ข้าอีกหน่อย”“สองแสนตำลึง”ขณะที่ห้องหมายเลข 49 กำลังคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว จู่ ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากห้องหมายเลข 2“ห้าแสนตำลึง”“...” เพิ่มไปอีกสามแสนตำลึงในชั่วพริบตา หมายเลข 40 และหมายเลข 52 ก็ไม่กล้าเสนอราคาอีกกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองหน้ากัน คนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในห้องหมายเลข 2 คือใคร แต่พวกเขาเพิ่งกลับออกมาจากที่นั่นอ๋องหกไม่มีทางซื้อของสิ่งนี้ให้กับมารดาของเขา มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ของสิ่งนี้ฮ่องเต้ใช้ให้เขาซื้อจู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้ชั่วผู้นี้? มั่วโลกีย์เกินไปหรือเปล่า? ทำไมถึงต้องการของแบบนี้?ในเมื่อของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ชั่วต้องการ ทั้ง
คนอื่นอีกสองสามคนต่างพากันหันมองซูจิ่งสิงด้วยสายตาสงสาร คิดไม่ถึง พี่ใหญ่ผู้ห้าวหาญดุจเทพสงคราม ถึงขั้นมีปัญหาทางด้านนั้นภายในห้องหมายเลขสอง อ๋องหกมองยากระทิงดุที่ถูกส่งเข้ามา ขมวดคิ้วมุ่นเพื่อทำให้ซูจิ่งสิงไม่ได้รับของสิ่งนี้ไป วันนี้เขาใช้จ่ายเกินงบประมาณไปบ้างมีของประมูลอีกสองสามชิ้นส่งเข้าไปอีกครั้ง“ลำดับต่อจากนี้คือประมูลผลต้นเกล็ดหิมะ ตำนานเล่าว่าท่ามกลางต้นเกล็ดหิมะหนึ่งหมื่นต้นจะออกผลเพียงหนึ่งเดียว ผลต้นเกล็ดหิมะสามารถถอนพิษได้ทุกชนิด เริ่มประมูลที่หนึ่งหมื่น!”อ๋องหกมองผลต้นเกล็ดหิมะบนโต๊ะก็หวั่นไหวเล็กน้อยได้รับผลนี้มา อาการป่วยของเสด็จแม่ก็มีทางรักษาแล้ว“หนึ่งแสนตำลึง”เขาเสนอราคาอย่างทนรอแทบไม่ไหวภายในห้องหมายเลขหนึ่ง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน เมื่อครู่ตอนพวกเขาอยู่ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ยินคำพูดของอ๋องหก พอจะเดาออกว่าอ๋องหกต้องการประมูลผลต้นเกล็ดหิมะนี้มอบให้เสด็จแม่ของเขา“แปลกยิ่งนัก ผลต้นเกล็ดหิมะใช้สำหรับถอนพิษ หรือว่าเสด็จแม่ของอ๋องหกถูกพิษหรือ?” กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงแผ่วพลางใคร่ครวญซูจิ่งสิงพูดเสียงเบา “คนในราชวงศ์เต็มไปด้วยการชิงดีช
ปรมาจารย์แพทย์มองดูอยู่ครู่หนึ่งก็คืนต้นเกล็ดหิมะให้กู้หว่านเยว่เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าสมุนไพรทุกชนิดในใต้หล้ามีข้อดีของตน ไม่ใช่ยิ่งแพงก็ยิ่งดี ยาทุกชนิดล้วนสามารถใช้งานได้ตามความเหมาะสมของมันเขาย่อมไม่มีวันยอมรับว่าเพราะตนเองยากจน เดิมทีก็ไม่สามารถใช้สมุนไพรราคาแพงได้“อย่างไรเสียครั้งนี้ ข้าก็นับว่าได้รับอย่างเต็มที่แล้ว”ก่อนหน้านี้ก็เพราะปรมาจารย์แพทย์ดูเบาที่จะเข้าร่วมงานประมูลเช่นนี้ ไม่อยากนำยาที่ตนปรุงออกมาอย่างยากลำบากมาประมูล หาไม่แล้วอิงตามวิชาแพทย์ของเขา ก็ไม่รู้ว่ามีทรัพย์สินกี่มากน้อยไปตั้งนานแล้ว ไม่มีวันขาดแคลนเงินงานประมูลดำเนินต่อไป ในที่สุดก็มาถึงตำราควบคุมสัตว์ร้ายที่กู้หว่านเยว่ต้องการอย่างว่องไวเดิมทีนางเตรียมจะประชันขันแข่งแล้ว สรุปคือนางต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าทุกคนไม่รู้จักสิ่งนี้ ไม่รู้ว่านำของสิ่งนี้ไปแล้วมีประโยชน์อันใด ดังนั้นจึงไม่มีใครเสนอราคาแม้แต่คนเดียว ลงท้ายนางก็ได้มาในราคาต่ำเพียงหนึ่งพันตำลึง ราคาโน้ตเพลงนี้ราคาต่ำเกินคาดชั่วขณะได้โน้ตเพลงนี้มาถือไว้ในมือ กู้หว่านเยว่ตื่นเต้นมาก อยากรีบวิ่งเข้ามิติและค้นคว้าโน้ตเพลงนี้ในทันทีทว่าลงท้ายยั
กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านข้าเป็นสามีภรรยา ระหว่างสามีภรรยาไม่พูดห่างเหินกันเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้ว่าท่านเองก็คำนึงถึงราษฎร์ของเจดีย์หนิงกู่”แม้นางมิใช่คนต้าฉีเลยเสียทีเดียว แต่เคยอ่านต้นฉบับมาก่อน ก็รู้ว่าคนทูเจวี๋ยต้องการฆ่าล้างราษฎร์ต้าฉีให้สิ้นซากที่ชายแดนในทุกปีคนทูเจวี๋ยมักข้ามแนวป้องกันมาลักพาตัวราษฎร์ ทารุณกรรมเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แม้แต่ผู้หญิงและเด็กก็ไม่ละเว้นสามารถมองเห็นได้ หากคนเช่นนี้เข้ามาที่เจดีย์หนิงกู่ ไม่แน่ว่าอาจนำมาซึ่งการทำลายล้างเจดีย์หนิงกู่“เจดีย์หนิงกู่เองก็เป็นบ้านที่ข้าสร้างขึ้น เป็นดินแดนแห่งสวรรค์ที่ข้าสร้างขึ้น หากพวกเขาต้องการลงมือที่นี่ ข้าเองก็ไม่มีวันยอม”กู้หว่านเยว่หัวเราะ ซูจิ่งสิงสบมองนางอย่างอ่อนโยน จิตวิญญาณของทั้งคู่ในเวลานี้สอดประสานกันได้ดีในเมื่อตัดสินใจสืบค้นทั้งตลาดประมูลแล้ว เช่นนั้นอย่างแรกก็ต้องมีแผนที่ของตลาดประมูลก่อนกู้หว่านเยว่นึกคิดก็เข้ามาในมิติ ให้ระบบมอบแผนที่ตลาดประมูลให้นางหนึ่งฉบับจากนั้นทั้งสองคนก็อ้างว่ามีธุระ ออกจากห้องหมายเลขหนึ่งไป“วันนี้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไป เหตุใดคล้ายมีง
กู้หว่านเยว่พูดอย่างแปลกใจมาก “งานใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้าของตลาดมืดถึงขั้นไม่ปรากฏตัวออกมาหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เจ้าของตลาดมืดอินซานไปมาโดยไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ปกติเขาไม่เปิดเผยโฉมหน้าออกมาอย่างง่ายดาย ล้วนมอบให้สามผู้ดูแลของตนไปจัดการผู้ดูแลมาจัดงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ในครั้งนี้ ชื่อว่าเฉียนต้า”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญ มองดูแล้วเจ้าของงานประมูลนี้ลึกลับมากจริงๆในเมื่อเขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน เช่นนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับเขาโดยตรง ก็อาจจำไม่ได้ว่าเขาคือเจ้าของงานประมูลนั่นก็หมายความว่าต้องการตามหาเขา ยากไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร“แม้ว่าพวกเราไม่เคยพบเจ้าของงานประมูลมาก่อน แต่ผู้ดูแลอยู่ใต้อาณัติเขาทั้งสามคนจะต้องเคยพบมาก่อนแน่”ดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกาย จากนั้นไม่ชักช้าร่ำไรอีก พาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปบนคานบ้านของห้องเล็กแห่งนั้นทั้งสองคนมาถึงที่นี่ถึงรู้ว่าห้องเล็กแห่งนี้อยู่ตำแหน่งสูงที่สุดของตลาดประมูล คนนั่งอยู่ทางด้านล่างสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งงานประมูลได้ขณะเดียวกันที่กำลังนั่งอยู่กลางห้องก็คือชายวัยกลางคนร่างอ้วนอัปลักษณ์คนหนึ
นางออกคำสั่งเป็นปกติ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้างกายทำได้แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่คิดจะออกความคิดเห็นแต่อย่างใดเฉิงเหลียนรู้ว่านางเชื่อถือได้ “ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”ตอนจากไป นางย่างก้าวราวกับเหาะออกไปเลยทีเดียว“พระชายาช่างใจดียิ่งนัก” ชิงเหลียนอดทอดถอนใจไม่ได้แน่นอนว่าครั้นแม่นางเฉิงเหลียนได้รับความไม่ยุติธรรมจากตระกูลเฉิง นางจึงอยากพาอีกฝ่ายไปด้วย“นางสมควรได้รับ”กู้หว่านเยว่เห็นฝีมือและประสบการณ์ด้านการนำทัพของเฉิงเหลียนแล้ว นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งเพียงแต่น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี จึงได้รับข้อจำกัดทุกด้านแต่หากนางได้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลมากนักนางให้โอกาสเฉิงเหลียนได้แสดงความสามารถของตัวเองอย่างอิสระ“ท่านพี่ เรากลับกันเถอะ”หลังจากเสียเวลามาตลอดครึ่งเช้า ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปกินมื้อเที่ยงแล้วกู้หว่านเยว่จูงมือของซูจิ่งสิงกลับมาถึงจวน กระทั่งเห็นสาวใช้วิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจ“ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้ว ท่านหญิงฉางเล่อหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”นี่คือสาวใช้ของมู่หรงฉางเล่อ ชื่อว่ากู๋อวี่กู๋อวี่ถือจดหมายฉบับหนึ่ง ด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้“ข้าน้อยไป
กู้หว่านเยว่กุมขมับ ไม่มีใครปากหนักได้เหมือนเฉิงซิน หวังว่านางจะจำมันไว้เป็นบทเรียน “โธ่ ๆ ท่านพี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!” แม่นางตั่วล้มลงไปกองบนพื้น พลางยกมือกุมอกด้วยท่าทางยั่วสวาท ความจริงแล้วนางมีรูปโฉมงดงามมาก แม้จะไม่ได้บอกว่านางงดงามยิ่งกว่าใครในปฐพี แต่ก็มั่นใจได้ว่าเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากและเย้ายวนเก่งมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เฉิงซินจะชื่นชอบ“ฮูหยิน ก่อนหน้านั้นแม่นางผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดในหอนางโลมซุ่ยโจวเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนกระซิบนินทาเสียงเบาข้างหูของกู้หว่านเยว่ นางรู้ว่าพระชายาของตัวเองชอบฟังเรื่องเหล่านี้เป็นที่สุด“ต่อมาครั้นถึงวัยออกเรือน นางก็ได้แต่งงานกับคนขี่ม้าผู้หนึ่ง ทว่าแม้ว่านางจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่กลับยังออกไปรับแขกเฉกเช่นเดิม...”กู้หว่านเยว่มีคำว่า ‘ให้ตายเถอะ’ ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ว่าควรโพล่งหรือไม่ควรโพล่งออกมา “แม่นางตั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?”ครั้นเฉิงซินได้ยินเสียงของแม่นางตั่วก็รีบวิ่งออกมาทันที ท่าทางนั้นของเขาดูร้อนใจกว่าตอนที่แม่เขาเป็นลมเสียอีก“ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าค่ะ....” แม่นางตั่วถูเข่าของตัวเอง“ไปกันเถอะ”
“พระชายา ท่านอ่อง เรื่องนี้...”ซูจิ่งสิงโบกมือเบาๆ “เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าจัดการเองเถอะ”ตอนเฉิงฮูหยินเพิ่งฟื้นขึ้น เอาแต่เป็นห่วงลูกชายที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้หันมาสนใจกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรู้ว่ากู้หว่านเยว่ช่วยนางไว้ จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีกฝ่าย“ชีวิตอันต่ำต้อยของข้าน้อยจะให้พระชายามาเองได้อย่างไร รบกวนพระชายาเกินไปแล้ว”นอกจากรักลูกชายมากเกินไปแล้ว ด้านอื่นๆ ของเฉิงฮูหยินก็ยังถือว่าปกติดีกู้หว่านเยว่โบกมือ“เฉิงฮูหยินไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น รีบลุกเถอะ สุขภาพของท่านไม่ค่อยดี”“ถูกต้องท่านแม่ ท่านรีบลุกขึ้นมาเถอะ”เฉิงซินเข้าไปประคองเฉิงฮูหยินอย่างกระตือรือร้น สายตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่ เขายังรู้สึกกลัวกู้หว่านเยว่อยู่บ้างช่วงเวลาที่ถูกมู่หรงฉางเล่อจับตัวไป เขาถูกทรมานมาไม่น้อยในมือกู้หว่านเยว่มียาพิษมากมาย มียาพิษหลายชนิดที่เขาได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง“รีบสั่งให้แม่นางตั่วของเจ้าไปซะ” เฉิงฮูหยินด่าทออย่างไม่สบอารมณ์“เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลากลับตัวกลับใจได้แล้ว”ที่ลูกชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ข้างนอก ต้อง
“รีบให้คนไปปล่อยซินเอ๋อร์ลงมาเดี๋ยวนี้!”เมื่อเฉิงฮูหยินลุกขึ้น หัวใจพลันปวดแปลบ นางจึงต้องเชื่อฟังและนอนลงแต่โดยดีทว่าก็ยังชะเง้อคอ อยากจะมองดูลูกรักที่อยู่ตรงลานบ้าน“เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างนอกหรือ? เหลียนเอ๋อร์ รีบปล่อยตัวพี่ใหญ่เจ้าเร็วสิ!”“ฮูหยิน!”เฉิงทั่วไม่เห็นด้วยกับวิธีการของนาง“เจ้าลูกอกตัญญูทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าขนาดนี้ หากไม่ลงโทษให้ดี ต่อไปเขาจะใจกล้ามากยิ่งกว่านี้”เขาอยากถือโอกาสนี้ ลงโทษเฉิงซินให้เข็ดหลาบ“เพราะหญิงสำส่อนนั่นให้ท่า เกี่ยวอะไรกับลูกด้วย?” แต่เห็นได้ชัดว่าเฉิงฮูหยินลำเอียงคนลำเอียงมักพบได้ทั่วไป แต่ผู้ที่ลำเอียงขนาดนี้พบได้ไม่บ่อยนักกู้หว่านเยว่จับมือซูจิ่งสิงยืนสอดรู้อยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขแม้แต่เฉิงทั่วเองก็ทนฟังต่อไปไม่ได้ สั่งสอนเฉิงฮูหยินด้วยใบหน้าแดงเถือก“ฮูหยิน หากไม่ใช่เพราะลูกชายของเราทำตัวเละเทะเอง ออกไปลักลอบได้เสียกับแม่นางตั่วอะไรนั่น หนำซ้ำยังพานางกลับมาที่บ้าน เจ้าจะหมดสติได้อย่างไร?”เฉิงทั่วโกรธที่ลูกชายไม่เอาไหนเจ้าลูกชายทำตัวเละเทะก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสจัดการลูกชายสักที วันนี้จะต้องสั่งสอ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป