คนอื่นอีกสองสามคนต่างพากันหันมองซูจิ่งสิงด้วยสายตาสงสาร คิดไม่ถึง พี่ใหญ่ผู้ห้าวหาญดุจเทพสงคราม ถึงขั้นมีปัญหาทางด้านนั้นภายในห้องหมายเลขสอง อ๋องหกมองยากระทิงดุที่ถูกส่งเข้ามา ขมวดคิ้วมุ่นเพื่อทำให้ซูจิ่งสิงไม่ได้รับของสิ่งนี้ไป วันนี้เขาใช้จ่ายเกินงบประมาณไปบ้างมีของประมูลอีกสองสามชิ้นส่งเข้าไปอีกครั้ง“ลำดับต่อจากนี้คือประมูลผลต้นเกล็ดหิมะ ตำนานเล่าว่าท่ามกลางต้นเกล็ดหิมะหนึ่งหมื่นต้นจะออกผลเพียงหนึ่งเดียว ผลต้นเกล็ดหิมะสามารถถอนพิษได้ทุกชนิด เริ่มประมูลที่หนึ่งหมื่น!”อ๋องหกมองผลต้นเกล็ดหิมะบนโต๊ะก็หวั่นไหวเล็กน้อยได้รับผลนี้มา อาการป่วยของเสด็จแม่ก็มีทางรักษาแล้ว“หนึ่งแสนตำลึง”เขาเสนอราคาอย่างทนรอแทบไม่ไหวภายในห้องหมายเลขหนึ่ง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน เมื่อครู่ตอนพวกเขาอยู่ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ยินคำพูดของอ๋องหก พอจะเดาออกว่าอ๋องหกต้องการประมูลผลต้นเกล็ดหิมะนี้มอบให้เสด็จแม่ของเขา“แปลกยิ่งนัก ผลต้นเกล็ดหิมะใช้สำหรับถอนพิษ หรือว่าเสด็จแม่ของอ๋องหกถูกพิษหรือ?” กู้หว่านเยว่กระซิบเสียงแผ่วพลางใคร่ครวญซูจิ่งสิงพูดเสียงเบา “คนในราชวงศ์เต็มไปด้วยการชิงดีช
ปรมาจารย์แพทย์มองดูอยู่ครู่หนึ่งก็คืนต้นเกล็ดหิมะให้กู้หว่านเยว่เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าสมุนไพรทุกชนิดในใต้หล้ามีข้อดีของตน ไม่ใช่ยิ่งแพงก็ยิ่งดี ยาทุกชนิดล้วนสามารถใช้งานได้ตามความเหมาะสมของมันเขาย่อมไม่มีวันยอมรับว่าเพราะตนเองยากจน เดิมทีก็ไม่สามารถใช้สมุนไพรราคาแพงได้“อย่างไรเสียครั้งนี้ ข้าก็นับว่าได้รับอย่างเต็มที่แล้ว”ก่อนหน้านี้ก็เพราะปรมาจารย์แพทย์ดูเบาที่จะเข้าร่วมงานประมูลเช่นนี้ ไม่อยากนำยาที่ตนปรุงออกมาอย่างยากลำบากมาประมูล หาไม่แล้วอิงตามวิชาแพทย์ของเขา ก็ไม่รู้ว่ามีทรัพย์สินกี่มากน้อยไปตั้งนานแล้ว ไม่มีวันขาดแคลนเงินงานประมูลดำเนินต่อไป ในที่สุดก็มาถึงตำราควบคุมสัตว์ร้ายที่กู้หว่านเยว่ต้องการอย่างว่องไวเดิมทีนางเตรียมจะประชันขันแข่งแล้ว สรุปคือนางต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าทุกคนไม่รู้จักสิ่งนี้ ไม่รู้ว่านำของสิ่งนี้ไปแล้วมีประโยชน์อันใด ดังนั้นจึงไม่มีใครเสนอราคาแม้แต่คนเดียว ลงท้ายนางก็ได้มาในราคาต่ำเพียงหนึ่งพันตำลึง ราคาโน้ตเพลงนี้ราคาต่ำเกินคาดชั่วขณะได้โน้ตเพลงนี้มาถือไว้ในมือ กู้หว่านเยว่ตื่นเต้นมาก อยากรีบวิ่งเข้ามิติและค้นคว้าโน้ตเพลงนี้ในทันทีทว่าลงท้ายยั
กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านข้าเป็นสามีภรรยา ระหว่างสามีภรรยาไม่พูดห่างเหินกันเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้ว่าท่านเองก็คำนึงถึงราษฎร์ของเจดีย์หนิงกู่”แม้นางมิใช่คนต้าฉีเลยเสียทีเดียว แต่เคยอ่านต้นฉบับมาก่อน ก็รู้ว่าคนทูเจวี๋ยต้องการฆ่าล้างราษฎร์ต้าฉีให้สิ้นซากที่ชายแดนในทุกปีคนทูเจวี๋ยมักข้ามแนวป้องกันมาลักพาตัวราษฎร์ ทารุณกรรมเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แม้แต่ผู้หญิงและเด็กก็ไม่ละเว้นสามารถมองเห็นได้ หากคนเช่นนี้เข้ามาที่เจดีย์หนิงกู่ ไม่แน่ว่าอาจนำมาซึ่งการทำลายล้างเจดีย์หนิงกู่“เจดีย์หนิงกู่เองก็เป็นบ้านที่ข้าสร้างขึ้น เป็นดินแดนแห่งสวรรค์ที่ข้าสร้างขึ้น หากพวกเขาต้องการลงมือที่นี่ ข้าเองก็ไม่มีวันยอม”กู้หว่านเยว่หัวเราะ ซูจิ่งสิงสบมองนางอย่างอ่อนโยน จิตวิญญาณของทั้งคู่ในเวลานี้สอดประสานกันได้ดีในเมื่อตัดสินใจสืบค้นทั้งตลาดประมูลแล้ว เช่นนั้นอย่างแรกก็ต้องมีแผนที่ของตลาดประมูลก่อนกู้หว่านเยว่นึกคิดก็เข้ามาในมิติ ให้ระบบมอบแผนที่ตลาดประมูลให้นางหนึ่งฉบับจากนั้นทั้งสองคนก็อ้างว่ามีธุระ ออกจากห้องหมายเลขหนึ่งไป“วันนี้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไป เหตุใดคล้ายมีง
กู้หว่านเยว่พูดอย่างแปลกใจมาก “งานใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้าของตลาดมืดถึงขั้นไม่ปรากฏตัวออกมาหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เจ้าของตลาดมืดอินซานไปมาโดยไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ปกติเขาไม่เปิดเผยโฉมหน้าออกมาอย่างง่ายดาย ล้วนมอบให้สามผู้ดูแลของตนไปจัดการผู้ดูแลมาจัดงานประมูลที่เจดีย์หนิงกู่ในครั้งนี้ ชื่อว่าเฉียนต้า”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญ มองดูแล้วเจ้าของงานประมูลนี้ลึกลับมากจริงๆในเมื่อเขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน เช่นนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับเขาโดยตรง ก็อาจจำไม่ได้ว่าเขาคือเจ้าของงานประมูลนั่นก็หมายความว่าต้องการตามหาเขา ยากไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร“แม้ว่าพวกเราไม่เคยพบเจ้าของงานประมูลมาก่อน แต่ผู้ดูแลอยู่ใต้อาณัติเขาทั้งสามคนจะต้องเคยพบมาก่อนแน่”ดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกาย จากนั้นไม่ชักช้าร่ำไรอีก พาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปบนคานบ้านของห้องเล็กแห่งนั้นทั้งสองคนมาถึงที่นี่ถึงรู้ว่าห้องเล็กแห่งนี้อยู่ตำแหน่งสูงที่สุดของตลาดประมูล คนนั่งอยู่ทางด้านล่างสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งงานประมูลได้ขณะเดียวกันที่กำลังนั่งอยู่กลางห้องก็คือชายวัยกลางคนร่างอ้วนอัปลักษณ์คนหนึ
กู้หว่านเยว่ที่อยู่บนคานบ้านหรี่ตาลงทูเจวี๋ยเป็นชนเผ่าเร่ร่อน หมายปองดินแดนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาและข้าวของต้าฉีมานานหลายปี เข้ามารุกรานแถบชายแดนต้าฉีแทบทุกปี หลังเข่นฆ่าปล้นสะดมแล้ว ก็จากไปอย่างว่องไวเนื่องจากพวกเขาเชี่ยวชาญการต่อสู้บนหลังม้า ต้าฉีจึงไม่สามารถทำอันใดพวกเขาได้ทว่านับตั้งแต่ซูจิ่งสิงไปที่ชายแดน ภายในระยะเวลาสามถึงห้าปี ปราบพวกเขาจนพ่ายแพ้ราบคาบ ชนิดที่ว่ายังบังคับให้พวกเขาลงนามในหนังสือยอมจำนนมอบทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง เงินขาวหนึ่งแสนตำลึง วัวแกะห้าพันตัว ยิ่งไปกว่านั้นยังห้ามรุกรานภายในระยะเวลาห้าสิบปีนี่เพิ่งผ่านมาได้หนึ่งถึงสองปี ก็เริ่มก่อเรื่องอีกแล้ว“ระวังคำพูดหน่อย ซูจิ่งสิงอยู่ที่ห้องหมายเลขหนึ่งนะ”ผู้ดูแลเฉียนขมวดคิ้วเอ่ยเตือน เขาชอบสาวงาม เว้นเสียแต่คนที่สร้างปัญหาให้เขานี่คือเจดีย์หนิงกู่ เป็นอาณาเขตของซูจิ่งสิง ทั้งหมดต้องระมัดระวังให้ดีลี่จีถลึงตาใส่ห้องหมายเลขหนึ่งอย่างโมโห พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ“ข้ารู้แล้ว”ผู้ดูแลเฉียนโอบปลอบนาง “เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีแล้ว?”เห็นแก่ลี่จีปรนนิบัติจนสบายตัว เขาอธิบายอย่างเชื่องช้าหนึ่งประโยค“ตกปลาใหญ่ต้องอ
ที่นี่คืองานประมูล ไม่ใช่ห้องเตียงใหญ่เสียหน่อย!“ท่านพี่ ท่านว่าคนอยู่เบื้องหลังหญิงคนนี้เป็นใคร? ฮ่องเต้ทูเจวี๋ยหรือ?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “เป็นเหยลวี่เจิง”“เหยลวี่เจิงเป็นใคร?”กู้หว่านเยว่สงสัยมากยิ่งขึ้นซูจิ่งสิงอธิบายเสียงเครียด “ปีนั้นคนที่ต่อสู้กับข้าในสนามรบ แม่ทัพของทูเจวี๋ย”เขาพูดเสียงค่อย “เหยลวี่เจิงอายุไล่เลี่ยกับข้า วิชายุทธ์ล้ำเลิศ จิตใจล้ำลึก ในมือของเขายังมีกลุ่มหนึ่งชื่อว่าหอร้อยบุปผา ภายในล้วนคือหญิงงามอันดับหนึ่ง อาศัยขายความงาม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหรือได้รับรายงานข่าว”กู้หว่านเยว่กะพริบตา “หญิงเมื่อครู่คนนั้น ก็คือคนของหอร้อยบุปผาหรือ?”“ถูกต้อง”ซูจิ่งสิงอธิบาย “หญิงของหอร้อยบุปผาล้วนมีรอยสักรูปดอกโบตั๋นบนอก รอยตรานั้นเว้นเสียแต่เฉือนเนื้อออกก็ไม่สามารถล้างออกได้ เพราะเหตุนี้หากเข้าหอร้อยบุปผาแล้ว ก็จะมีรอยตราของหอร้อยบุปผาชั่วชีวิต อย่าคิดว่าจะหนีไปได้”จู่ๆ เขาก็มีท่าทางประหม่า อย่างไรเสียบริเวณนั้นก็ชวนเก้อกระดากอยู่บ้าง“บนหน้าอกของหญิงเมื่อครู่คนนั้นก็คือลายดอกโบตั๋น”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ไม่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยนี้สองสามีภรรยาฟังผ่านคำพูด
อีกคนหนึ่งเดินเข้ามาดู ยังไม่ต้องพูดถึงเงาคน แม้แต่หนูตัวเดียวก็ไม่พบ“ข้างนอกมียามเฝ้ามากถึงเพียงนี้ ไม่มีวันมีคนเข้ามาได้ ไปเถอะๆ อีกเดี๋ยวก็จะถึงการประมูลหมายเลขยี่สิบสามแล้ว พวกเรายกกล่องหมายเลขยี่สิบสามไปก่อน”ยามเฝ้าอีกคนพยักหน้าอย่างสงสัย แปลกยิ่งนัก เมื่อครู่เขาได้ยินเสียง หรือว่าตนเองหูฝาดไป?ตรวจดูสองรอบอย่างไม่วางใจ แต่หาคนไม่พบจริงๆเขารีบยกกล่องออกจากคลังสินค้าพร้อมกับอีกคนหนึ่งแล้วจากไปได้ยินเสียงลงสลักที่นอกประตูคลังสินค้าแล้ว กู้หว่านเยว่มิได้พาซูจิ่งสิงออกมาในทันที แต่อยู่ภายในมิติต่ออีกครู่หนึ่งกู้หว่านเยว่อาศัยโอกาสนี้โยนถ่านเข้าหอแห่งโอสถเพื่อทดสอบ ทำเสียจนซูจิ่งสิงแปลกใจมาก“น้องหญิง ตกลงถ่านนี้มีความพิเศษอะไรหรือ?”กู้หว่านเยว่หยิบรายงานผลการทดสอบ พูดอธิบาย “ภายในถ่านมีพิษ เพียงแต่พิษนี้ไร้สีไร้กลิ่น พบเห็นได้ยาก หลังถูกจุดแล้ว ยาพิษจะค่อยๆ กำจายภายในอากาศ หากคนสูดดมยาพิษนี้เข้าไป ก็จะถูกวางยาพิษยิ่งไปกว่านั้นต่อให้พิษนี้กำเริบ คนทั่วไปก็สังเกตไม่เห็น มันจะค่อยๆ ทำให้เส้นประสาทของท่านเป็นอัมพาต ทำให้ท่านกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนภายในระยะเวลาสองสามเดือน”
“ต้องรวยแน่นอน หากข้าร่ำรวยเหมือนเขาแล้วล่ะก็ ชาตินี้ก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”เนี่ยชิงหลานเผยสีหน้าอิจฉา กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันเจ้าของตลาดมืดอินซานร่ำรวยถึงเพียงนี้ เชื่อว่าไม่ขาดแคลนเงิน ก็ไม่รู้ว่าทูเจวี๋ยใช้สิ่งใดถึงทำให้เขายอมร่วมมือทำร้ายพวกเขาดูท่าแล้ว คืนนี้จะต้องจับผู้ดูแลเฉียนมาสอบสวนดีๆ สักรอบ“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านกลับมาแล้ว”หางตาของซูจื่อชิง มองเห็นสองคนเดินเข้ามาจากภายนอก“อืม” ซูจิ่งสิงพยักหน้า พากู้หว่านเยว่มานั่งลง ปรมาจารย์แพทย์เอ่ยปากอย่างหวังดี“อีกเดี๋ยวหลังงานประมูลจบลง ข้าจะลองจับชีพจรให้เจ้าดู”ทีแรกซูจิ่งสิงยังตอบสนองไม่ทัน เหตุใดต้องจับชีพจรรอจนกระทั่งดึงสติกลับมาได้แล้ว สีหน้าดำทะมึน สายตาตำหนิทอดมองกู้หว่านเยว่“น้องหญิง”เขาเสียสละเพื่อครอบครัวมากถึงเพียงนี้ ถึงขั้นถูกคนสงสัยว่านกเขาไม่ขันมุมปากกู้หว่านเยว่กระตุกริก เมื่อครู่นางคิดเพียงต้องการแย่งอ๋องหกประมูล คิดไม่ถึงเลยว่าทุกคนจะเข้าใจผิดไป“แค่กๆ ปรมาจารย์แพทย์ ท่านเข้าใจผิดไปแล้ว ร่างกายสามีไม่มีปัญหาอะไร”ปรมาจารย์แพทย์เผยสีหน้าเข้าใจ “วางใจเถอะ วางใจเถอะ ข้ามิได้พูดว่าร่
“ขอรับ คุณหนู ท่านนี่รอบคอบจริง ๆ คนที่อยู่ชั้นบนคือคู่หมั้นของท่านใช่ไหม?”เจ้าของรับเงินไว้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดหยอกเย้า หงเจาแตะข้อมือที่เพิ่งถูกจับโดยสัญชาตญาณก่อนจะจากไปโดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ ครึ่งชั่วยามต่อมา บะหมี่หยางชุนก็ถูกนำมาให้หร่านถิง“ข้าไม่ได้สั่งบะหมี่หยางชุนนี่” เขาเอ่ยด้วยความมึนงงเล็กน้อยบริกรอธิบายว่า “คู่หมั้นของท่านสั่งให้ท่าน จ่ายค่าห้องไว้ห้าวัน ยังกำชับข้าเป็นพิเศษว่า ช่วงนี้ให้ทางเราทำอาหารบำรุงร่างกายให้ท่านทุกวันด้วย คู่หมั้นของท่านดีกับท่านมากจริง ๆ”คู่หมั้น? คู่หมั้นของเขามาจากไหนกัน หร่านถิงไม่รู้จักตัวตนของหงเจา อาจเป็นเพราะเขาผ่านความยากลำบากในช่วงนี้มามากเกินไป หัวใจที่ไม่ได้ถูกสัมผัสมาเป็นเวลายี่สิบปีเกิดความรู้สึกประทับใจบางอย่างตอนที่กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยพาลูก ๆ มาเที่ยวเล่น เมื่อเห็นหงเจากลับมาก็ไม่ได้ถามอะไรเลยการก่อสร้างสำนักศึกษาถงซันเสร็จสมบูรณ์แล้ว กู้หว่านเยว่และซ่งเสวี่ยหารือเรื่องการไปสอนหนังสือที่สำนักซ่งเสวี่ยยินดีปรีดามาก “ข้าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับพ่อสามีไปเมื่อไม่นานมานี้เองเดิมทีคิดว่าเขาจะคัดค้าน แต่ไม่นึกว่าเขาจะตอบตก
ความหมายของเจ้าก็คือ เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองอวี้ เห็นกับตาตัวเองว่าสุยเซียนถูกพวกเราจับตัวไป ดังนั้นจึงมาปลิดชีวิตของสุยเซียนได้ทันท่วงที?”ซูจิ่งสิ่งเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ทันทีกู้หว่านเยว่ส่ายหัว “มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น”สายตาของซูจิ่งสิงจับจ้องไปที่ร่างของสุยเซียน ก่อนจะสั่งให้ผู้ว่าการอำเภอจัดการศพ สำหรับสมาชิกสกุลหลัวนั้น“คนของสกุลหลัวเหล่านี้ ให้ทางการมาจัดการเถอะ”คุกใต้ดินสกปรกเกินไป บวกกับการรีบเร่งไปศึกษาแมลงตัวน้อยของกู้หว่านเยว่ จึงไม่อยู่ในคุกใต้ดินนานนัก รีบออกไปอย่างรวดเร็วตอนที่ออกมา ก็บังเอิญพบกับซูจื่อชิง เนี่ยชิงหลานและคนอื่น ๆ ที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“พี่หญิงกู้ เป็นยังไงบ้าง หญิงผู้นั้นสารภาพแล้วหรือ เรื่องสูตรยาลับมันคืออะไรกัน?”หลายคนรายล้อมเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า“สูตรยาลับเป็นของปลอม นางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย”“เป็นสายลับของทูเจวี๋ยจริงด้วย ชาวทูเจวี๋ยนั้นน่ารังเกียจ ทำไมสายลับของทูเจวี๋ยถึงแทรกซึมเข้าไปในเจดีย์หนิงกู่ของพวกเราได้?”ซูจื่อชิงถามด้วยความอยากรู้ ซูจิงสิ่งไม่อยากพูดอะไรมากนักข้างนอ
จะเห็นได้ว่าแม่ทัพอย่างเหยลวี่เจิง มีความคิดชั่วร้ายขนาดไหน“ขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ารู้จักลี่จีไหม?”“ข้ารู้จัก พวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกันจากหอร้อยบุปผา ครั้งนี้นางทำภารกิจที่หนึ่ง ส่วนข้าทำภารกิจที่สอง ถ้าภารกิจที่หนึ่งสำเร็จ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำสองภารกิจที่สองต่อ แต่ถ้าภารกิจที่หนึ่งล้มเหลว ภารกิจที่สองของข้าจะเริ่มทันที”สุยเซียนพูดโดยจิตใต้สำนึก“เมื่อหลายวันก่อน ข้ารู้เรื่องการตายของลี่จี้ คาดเดาว่าภารกิจที่หนึ่งอาจจะล้มเหลว ดังนั้นจึงเริ่มภารกิจที่สองทันที”“งานเลี้ยงในวันนี้หรือ?”“ถูกต้อง โดยการแสดงให้ทุกคนในงานเลี้ยงได้เห็นว่าผิวพรรณของหลัวไฉ่ในวัยสามสิบนั้นบอบบางพอ ๆ กับตอนอายุสิบแปด ร่างกายก็ดีขึ้นด้วย ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัยอีก”ขอเพียงขุนนางระดับสูงเหล่านี้เชื่อถือ ประชาชนทั่วไปก็จะเลียนแบบ“ทำไมเจ้าไม่ใช้หน้าของตัวเอง?”กู้หว่านเยว่ค่อนข้างอยากรู้ เหตุใดสุยเซียนถึงต้องเสียเวลาใช้หน้ากากผิวหนังมนุษย์ด้วยผิวพรรณของสุยเซียนยังดูอ่อนเยาว์และงดงามมาก สามารถหลอกลวงผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ“ข้าเป็นชาวทูเจวี๋ย ถึงอย่างไรก็มีความแตกต่างบางอย่างจากชาวต้าฉี เป
หลัวเฉิงค่อนข้างหวาดกลัว แต่ยังคงเชิดหน้า “ไฉ่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า นางไม่รู้เรื่องอะไร”“ทรมานเขา”ซูจิ่งสิงโบกมือ การกระทำนี้ทำให้หลัวเฉิงไร้ความสามารถไปแล้ว ไม่ใช่ว่าควรสอบสวนก่อนสักครู่ แล้วค่อยใช้การทรมานหรือ? ทำไมพอมาถึงก็จะทรมานเลย?เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่นำที่หนีบนิ้วมาเข้ามา หลัวเฉิงก็กลืนน้ำลาย หวาดกลัวจนตัวสั่นงันงก วิงเวียนไปหมด“หนีบ”ซูจิงสิ่งสั่งการ เจ้าหน้าที่ออกแรงทันที หลัวเฉิงรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ถูกส่งมาจากนิ้ว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น ถึงขนาดที่ว่าร่างกายท่อนล่างยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ก็ได้เปลี่ยนน้ำเสียงขอความเมตตา“หญิงชั่วช้า ข้าต้องการมีชีวิตอยู่...นางไม่ใช่หลัวไฉ่ หลัวไฉ่ตัวจริงตายไปแล้ว นางคือหญิงที่ข้าพบในอารามเต๋า หยุด!ซูจิงสิ่งพูดอีกครั้ง “หยุด”หลัวเฉิงน้ำมูกน้ำตาไหลปะปนกัน แทบจะหมดสติไป พิงอยู่บนไม้ตรึงนักโทษ หอบเหมือนลูกหมาที่กำลังจมน้ำกลัวว่าที่หนีบจะรัดแน่นขึ้นอีกครั้ง เขาจึงรีบพูดออกมา“หญิงผู้นี้บอกว่านางชื่อสุยเซียน เป็นอนุที่หลบหนีออกมาจากขุนนาง ขอให้ข้าคุ้มครองนาง ตอนแรกข้าไม่ตอบตกล
“อ๊อก หยุดพูดเถอะ ข้าอยากอาเจียน”หร่านถิงหน้าเหยแก รู้สึกหวาดกลัวผู้หญิงเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีหญิงใดที่หลงใหลเขา แต่ที่จะเป็นจะตายเพราะเขา ต้องการให้เขาตาย หลัวจือฉิงนั้นเป็นคนแรก“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย” หลัวจือฉิงมองไปที่หลัวฮูหยิน นางถูกหร่านถิงตีด้วยไม้กวาดจนเจ็บปวดมากไม่นึกว่าหลัวฮูหยินจะพูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัว “ตัวเองทำผิด ถูกทุบตีก็ต้องอดทนไว้”หร่านถิงผู้นี้รู้จักกับชายาท่านอ๋อง ถูกตีมากกว่านี้อีกหน่อยบางทีชายาท่านอ๋องอาจจะคลายโมโหได้ ไม่ทำให้สกุลหลัวลำบาก“ท่านแม่?” หลัวจือฉิงยังคิดว่าตัวเองหูฝาดไป “นี่ท่านกำลังพูดภาษาคนอยู่หรือเปล่า?”เมื่อเห็นหลัวฮูหยินเบือนหน้าหนี นางก็โกรธจนกระอักเลือด ระเบิดออกมาอย่างหนักหน่วงออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด“ต่อให้ข้าแอบเลี้ยงผู้ชายไว้ในเรือน แต่ก็เพราะเรียนรู้มาจากท่าน ดูนางให้ดูแม่!”“...”“บัดซบ หลัวฮูหยินแอบเลี้ยงผู้ชายไว้ในเรือนอย่างไม่น่าเชื่อ!”“ปกตินางมักจะเสแสร้งทำตัวเป็นหญิงบริสุทธิ์ยึดมั่นในคุณธรรม แล้วยังดูถูกอนุภรรยาอีกด้วย จะเป็นไปได้อย่างไร?”ทุกคนรู้จักกันหมด หลัวฮูหยินนั้นอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี“ห
ปรมาจารย์แพทย์กำลังศึกษาค้นคว้าหน้ากากผิวหนังมนุษย์ หน้ากากนี้เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ บางราวกับว่างเปล่า คลุมใบหน้าเบา ๆ ก็สามารถเปลี่ยนรูปโฉมของคนได้“ให้ข้าดูหน่อยว่ามันทำยังไง หนังหมู กระเพาะปลา ยังมีอะไรอีก?”“เจ้าหุบเขา แสดงให้ศิษย์ดูหน่อย”หมอหลินอิจฉา เขายังไม่เคยเห็นหน้ากากผิวหนังมนุษย์มาก่อน ปรมาจารย์แพทย์เองก็ไม่ได้ใจแคบเช่นกัน ก่อนจะโบกมือให้“มา ๆ ๆ เสี่ยวหลิน เจ้าดูซิช่าว่าขนคิ้วบนนี้ทำจากอะไร”ชายชราและชายหนุ่มกำลังศึกษาหน้ากากผิวหนังมนุษย์อยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง“ไม่ทราบว่าท่านคือเจ้าหุบเขาของหุบเขาราชาโอสถหรือไม่?”ชายที่เพิ่งร้องไห้อย่างขมขื่นที่ไม่สามารถช่วยชีวิตแม่ได้รีบถามขึ้น“ข้าน้อยแซ่หลิว เป็นถงจือของเมืองอวี้ ในเรือนของข้าน้อยมีมารดาสูงอายุนอนป่วยติดเตียงอยู่คนหนึ่ง ท่านเจ้าหุบเขาช่วยแม่ของข้าได้หรือไม่”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปรมาจารย์แพทย์ต้องไม่ไปแน่นอน แต่ตอนนี้ที่เขาต้องการก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ต้องรีบสร้างชื่อเสียงให้ขจรขจายออกไป“รอสักครู่ หลังจากงานเลี้ยงจบลง ข้าจะไปดูเอง””ขอบคุณเจ้าหุบเขา”ถงจือหลิวก็เป็นคนสายตาแหลมคมเช่นกัน มองออกว่
“ตกลง แม่รับปากเจ้า หย่าก็หย่า!”สวีฮูหยินพูดพลางแอบสังเกตกู้หว่านเยว่สักครู่ เมื่อเห็นว่ากู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร จึงรีบฉวยโอกาสนี้ดึงฮูหยินน้อยหลัวออกไปทางด้านข้างกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกเห็นใจฮูหยินน้อยหลัวเช่นกัน ไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยอะไร พลางส่งสายตาให้ชิงเหลียน ให้นางจับหลัวเฉิงไว้ จากนั้นก็มองไปที่หลัวไฉ่“เจ้าเป็นใครกันแน่?”หลัวไฉ่ถูกตรึงอยู่กับพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ พลางมองไปที่กู้หว่านเยว่พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะ“อยากรู้ว่าข้าเป็นใครใช่ไหม? ยังไงข้าก็ไม่บอกท่านหรอก ท่านฆ่าข้าเสียเถอะ อันที่จริงเมื่อตกอยู่ในมือท่านข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่มองดูหลัวไฉ่ในสภาพนี้ ช่างเหมือนกับลี่จีจริง ๆ แล้วความคิดก็ผุดขึ้นมาในใจของนาง“หงเจา ไปดูซิว่ามีดอกโบตั๋นบนหน้าอกของนางหรือไม่”“เจ้าค่ะ” หงเจารีบเดินเข้าไป พลางคว้าหลัวไฉ่ที่กำลังถอยหนี ก่อนจะฉีกเสื้อผ้าตรงหน้าอกของนางออก เห็นรอยสักดอกหนึ่งบนนั้นดังคาด“ฮูหยิน มีดอกโบตั๋นอยู่ดอกหนึ่งจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เจ้าเป็นคนจากหอร้อยบุปผา”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง สงสัยว่าหลัวไฉ่ตัวจริงอาจจะตายไปแล้วก็ได้“ข้าไม่ใช่!” หลัวไฉ่รีบส่ายหั
ครั้งหนึ่งหลัวฮูหยินเคยคัดค้านเรื่องนี้ แต่หลัวเฉิงยืนกรานอย่างหนักแน่น หากหลัวฮูหยินไม่เห็นด้วย เขาจะแขวนคอฆ่าตัวตาย“กลัวว่าเขาจะคลุ้มคลั่ง ข้าเลยทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง”หลัวฮูหยินพยายามแก้ต่าง“ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ว่านางเป็นสายลับของทูเจวี๋ย จะไม่ยอมให้นางเข้าไปในจวนเด็ดขาด”“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?” หลัวเฉิงโมโหมาก“ก่อกวนก็ต้องมีขีดจำกัด ตอนนี้สกุลหลัวของเราทั้งหมดมีอันตรายรออยู่ ข้าทำเพื่อปกป้องครอบครัวของเรา”หลัวฮูหยินหลับตาลงอย่างเย็นชา แสดงให้เห็นว่าไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อหลัวไฉ่เลย“ท่านแม่!” หลัวเฉิงกำหมัด อดมองไปที่หลัวไฉ่ไม่ได้สายตานี้จับจ้องไปที่ดวงตาของฮูหยินน้อยหลัว ตื่นเต้นจนนางไม่อยากจะเชื่อ พลางถามว่า“คนผู้นี้ไม่ใช่น้องสาวของเจ้าจริง ๆ”“ไม่ใช่ แม่ของข้าพูดจาเหลวไหล ไฉ่เอ๋อร์เป็นน้องสาวของข้า”หลัวเฉิงส่ายหัว ไม่กล้าสบตากับฮูหยินน้อยหลัว ท่าทางหวาดหวั่นของเขาชัดเจนว่ากำลังพูดโกหก ฮูหยินน้อยหลัวมีหรือจะไม่เข้าใจ?นางพุ่งเข้าไปจับเส้นผมของหลัวเฉิงด้วยความโมโห ก่อนจะออกแรงกระชาก“ข้าว่าแล้ว ทำไมท่านถึงชอบเข้าไปในห้องของนางกลางดึกเสมอ ข้าค
กู้หว่านเยว่หาเก้าอี้นั่งลง โยนหน้ากากหนังนั่นลงบนโต๊ะด้วยท่าทางรังเกียจ ปรมาจารย์แพทย์หยิบขึ้นมาทันที“วิชาปลอมตัวนี่น่าสนใจดี ข้าจะศึกษาวิจัยดู”“ท่านดูได้ตามสบาย”กู้หว่านเยว่ใจกว้างกับคนกันเองมาก หลัวฮูหยินกลับมาถึงช้า“ท่านอ๋อง นี่มันเกิดอะไรขึ้น สกุลหลัวของเราทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องส่งทหารมาล้อมพวกเรา?”“เรื่องนี้ถามลูกสาวสุดที่รักของเจ้าจะไม่ดีกว่าหรือ?”กู้หว่านเยว่จ้องมองหลัวไฉ่“ให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ใครส่งเจ้ามา เจ้าเผยแพร่สูตรลับนี้มีจุดประสงค์อะไร”“ถุย”หลัวไฉ่ถ่มน้ำลายด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ท่านฆ่าข้าเสียเถิด ข้าไม่มีวันปริปากหรอก”“ใครอนุญาตให้เจ้าพูดกับพระชายาแบบนี้?”ชิงเหลียนปกป้อง ตบหน้านางไปหนึ่งฉาดหลัวไฉ่มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก ดวงตาฉายแววเคียดแค้น กู้หว่านเยว่ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับนาง ดูจากท่าทางของหลัวไฉ่แล้ว ก็รู้ว่านางปากแข็งมาก“ท่านพี่ ในเมื่อนางไม่ยอมพูด ก็จับคนสกุลหลัวไปขังคุกให้หมดเถิด”พอไปถึงคุกใต้ดินแล้ว ค่อยสอบสวนนางอีกที“อืม จับตัวพวกเขาไปให้หมด”ซูจิ่งสิงโบกมือ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา จับคนสกุลหลัวทั้งหมด รวมถึงบ่าวไพร่