กู้หว่านเยว่มองตามสายตานางไป โจวเซ่อและนานนานเข้ากันได้ดีจริงๆ“พี่หญิงทำเช่นนี้ ภายภาคหน้าจะไม่เสียใจหรือ หากภายภาคหน้าได้พบคนที่ชอบจะทำเยี่ยงไร?”กู้หว่านเยว่มักคิดว่าทำเช่นนี้ไม่ดีนัก“ข้าอายุขนาดนี้แล้ว ลูกก็คลอดแล้ว ยังจะสามารถมีอะไรได้อีก? มีคนที่ชอบ หาคนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ได้ก็พอ ส่วนความคิดอย่างอื่นก็ไม่คิดแล้ว”ซ่งเสวี่ยถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่อยากให้พ่อสามีและแม่สามีกังวล ล้วนอายุมากแล้ว ระยะก่อนใส่ใจเรื่องของข้าอยู่ตลอด ข้าเองก็พูดเอาชนะพวกเขาไม่ได้”กู้หว่านเยว่ทำได้เพียงถอนหายใจ “โจวเหล่าและโจวฮูหยินดีต่อท่านด้วยใจจริง”“แน่นอนพวกเขาเห็นข้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ชนิดที่ว่าก่อนหน้านี้ยังอยากให้ข้าเปลี่ยนเป็นสกุลโจว เข้าลำดับวงศ์ตระกูล เป็นลูกสาวของพวกเขาโดยตรงเพียงแต่ถูกข้าปฏิเสธไปแล้ว ข้าอยากอยู่เฝ้าสามีผู้ล่วงลับ อย่างไรเสียข้าและเขาก็เป็นคู่รักในวัยเยาว์ที่รักกันมาก...”ซ่งเสวี่ยพูดไปน้ำตาก็เอ่อคลอ หลายปีมานี้ไม่มีเรื่องใดสามารถสะเทือนอารมณ์ของนางได้ เว้นเสียแต่เอ่ยถึงสามีผู้ล่วงลับ อารมณ์ของนางถึงเปลี่ยนไปนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยามคุณชายโจวยังอยู่ เดิมทีพวกเขาสอ
ในสายตาของผู้เฒ่ามีเพียงเสี่ยวจ้านจ้าน กู้หว่านเยว่กลับดีใจมาก มีคนเอ็นดูลูกเพิ่มขึ้นอีกคนนับเป็นเรื่องดียิ่งไปกว่านั้นลูกศิษย์ของโจวเหล่ากระจัดกระจายอยู่ทุกหนแห่ง คนมากมายขอร้องให้เขาสอนแต่กลับไม่สมปรารถนา“นี่คือวาสนาของจ้านจ้านเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่อุ้มจ้านจ้านไว้แล้วโค้งคำนับโจวเหล่า นับว่ายอมรับอาจารย์ท่านนี้แล้ว“ดี ดี ข้าจะนำความรู้ที่มีทั้งหมด ถ่ายทอดออกไป”โจวเหล่าซับน้ำตา เมื่อแรกเขาเองก็พูดกับอดีตองค์รัชทายาทเช่นนี้ หวังให้อดีตองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ สามารถนำพาต้าฉีสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอดีตองค์รัชทายาทจะด่วนจากไป สิ้นพระชนม์อย่างคลุมเครือเขามองจ้านจ้าน น้ำตาเอ่อคลอหวังว่าเด็กคนนี้ จะสามารถทำให้ความหวังของปู่เขาในปีนั้นสำเร็จ“อา...”จ้านจ้านยกมือขึ้น เช็ดน้ำตาให้โจวเหล่าเบาๆเหตุใดผู้เฒ่าร้องไห้แล้วเล่า?โจวเหล่าเหน็ดเหนื่อย เดินทางมาไกล กู้หว่านเยว่สั่งให้ห้องครัวเล็กเตรียมงานเลี้ยงไว้อย่างดีตั้งนานแล้ว จะได้เลี้ยงต้อนรับพวกเขาอย่างเต็มที่ก่อนรับประทานอาหาร คนอีกสองกลุ่มก็เดินทางมา“เจ้าเด็กตัวเหม็น มีของกินกลับไม่เรียกผู้เฒ่าข้า ไ
เฉินจื่อวั่งยิ้มขมปร่า “เรื่องนี้ ยากจะพูดให้จบได้ภายในคำเดียว”เขาย่อมไม่สามารถพูดว่า เพราะหน้าละอ่อนนี้ของเขา ไม่เพียงทำให้เสียตำแหน่งทั่นฮวาหลาง ยังถูกจับขังคุก เกือบถูกบั่นคอหรอกกระมัง?“บัดนี้ศิษย์เป็นผู้อำนวยการสำนักศึกษาของสำนักศึกษาถงซันขอรับ”เฉินจื่อวั่งพูดยิ้มๆ “ภายภาคหน้าสามารถพบท่านอาจารย์ได้บ่อยๆ แล้ว”“อืม” โจวเหล่าลูบเคราเงียบๆ ภายภาคหน้ามีคนลำบากลงแรงโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้วคล้ายเรื่องคัดลอกหนังสือทำนองนี้ ก็สมควรให้คนหนุ่มมาทำ“ข้าว่าพวกเจ้ายืนอยู่ทำไม? รีบกินข้าวเถอะ ข้าวใกล้จะเย็นแล้ว พวกเจ้าไม่รู้สึกอยากอาหารรึ?”ปรมาจารย์แพทย์นั่งลงอย่างรอแทบไม่ไหว ทำเสียจนโจวเหล่าถลึงตาใส่เขาอีกหนึ่งปราดทุกคนต่างพากันนั่งที่ กู้หว่านเยว่ให้ห้องครัวเล็กเตรียมอาหารเลิศรส เพียงครู่เดียว ระหว่างงานเลี้ยงก็ผลัดกันยกจอกสุรา บรรยากาศครึกครื้นกู้หว่านเยว่ยังตกตะลึงกับหนี้ก้อนใหญ่ที่ปรมาจารย์แพทย์ติดค้างไว้ แปลกใจมาก “ผู้อาวุโส ตกลงท่านทำอะไร เหตุใดติดเงินมากเพียงนั้นเล่า?”“พวกเราสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เขาติดหนี้ข้า ติดหนี้ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ตัวก็สั่งส
“โจวเหล่าเห็นซ่งเซวี่ยเป็นลูกสาวแท้ๆ เคยตรวจสอบโจวเซ่อมาก่อน ครอบครัวไร้มลทิน”ซูจิ่งสิงมิได้มีความประทับใจต่อโจวเซ่อ แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายค่อนข้างซื่อสัตย์ ตอนที่อยู่ที่งานเลี้ยงเมื่อครู่ก็ไม่ได้ทำตัววุ่นวายอะไร“อาจเป็นสัมผัสที่หกของผู้หญิง อย่างไรเสียข้าก็คิดว่าโจวเซ่อไม่ใช่คนดีอะไร”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก แต่หวังว่าสัมผัสที่หกของนางจะผิดพลาดไปอย่างไรเสียนางก็ยังหวังให้พี่หญิงซ่งมีความสุข“ข้าส่งคนไปจับตาดูมากหน่อย”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดแล้วจึงพูด เขาเองก็ไม่หวังให้สกุลโจวชักนำภัยเข้าบ้านตอนนี้เองอวิ๋นมู่เดินเข้ามาใบหน้าบึ้งตึง สีหน้าอ่อนล้าเล็กน้อย “หว่านเยว่ เกิดเรื่องแล้ว”“เกิดอะไรขึ้น?”หลายวันนี้กู้หว่านเยว่ให้อวิ๋นมู่ช่วยไปซื้อของใช้จำเป็นอย่างเช่นหนังสือ กระดาษให้แก่สำนักศึกษาถงซัน กลับกันไม่ได้พบหน้าเขามาระยะหนึ่งแล้ว“ราชสำนัก ไม่อนุญาตสำนักศึกษาทุกแห่งให้พวกเรายืมหนังสือมาคัดลอก อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ทางการขายกระดาษให้พวกเรา”เปิดสำนักศึกษาจะขาดกระดาษหมึกพู่กันแท่นฝนหมึกไปไม่ได้ รวมถึงหนังสือด้วยหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ สำนักศึกษาจะเปิดได้อย่างไร ศิษย์ไม่มีกระดาษเขียนแม้แ
กู้หว่านเยว่ยิ้มน้อยๆ“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลวิธีทำกระดาษถูกราชสำนักผูกขาด ในมือข้านี้มีวิธีทำกระดาษ”“ท่านมีวิธีทำกระดาษ?”ครู่ต่อมาอวิ๋นมู่ตกตะลึงเหม่อไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าภายในมือกู้หว่านเยว่ถึงขั้นมีวิธีทำกระดาษ ตกลงนี่คือสตรีเช่นไรกันแน่ ถึงขั้นมีของล้ำค่ามหัศจรรย์มากมายเพียงนี้ได้?เจ้าดูนางไม่เพียงรู้วิชาแพทย์ ยังสร้างดินปืน ถังดินปืน ไปจนถึงสร้างกระจก สร้างถนนคอนกรีต บัดนี้ถึงขั้นรู้วิธีทำกระดาษ“ข้าก็แค่มีสูตรอยู่ในมือเท่านั้น ส่วนทำออกมาเยี่ยงไร ยังต้องให้คนทดลองซ้ำไปมา”มิใช่พูดว่าเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำกระดาษสำเร็จ จะต้องให้คนทดลองซ้ำไปมาอวิ๋นมู่รีบพูด “เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ”เขาซื้อกระดาษกลับมาไม่ได้ อยากทำความดีชดเชยความผิด“ข้าจะพาคนไม่สร้างโรงงานผลิตกระดาษแห่งหนึ่งเดี๋ยวนี้เลย พาคนงานไปทำกระดาษ”“ได้”กู้หว่านเยว่คิ้วกระตุกเบาๆ “เจ้าไปห้องหนังสือรับวิธีทำกระดาษกับข้า”นางยังต้องเข้ามิติไปซื้อจากจากแพลตฟอร์มการซื้อขาย ไปห้องหนังสือเพียงแค่ตบตาเท่านั้นวิธีทำกระดาษของเล่นนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่สิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองข้า นางได้ยินจนคุ้นหูแ
“หลังเสวียนเอ๋อร์จากไปพร้อมพวกเจ้า เขาก็หายตัวไปแล้ว ไม่กลับมาอีก ตกลงเจ้าพาเขาไปอยู่ที่ใด?”เผยฮูหยินถลึงตาใส่เมี่ยชิงหว่านอย่างโกรธแค้น มือออกแรงบีบจนเกิดรอยมือสีแดง“เขาตายแล้ว”เมี่ยชิงหว่านผลักเผยฮูหยินออก ลูบข้อมือของตนอย่างรังเกียจ“เจ้าพูดอะไร? ลูกชายข้าชอบเจ้าถึงเพียงนั้น เจ้าถึงขั้นฆ่าเขา”เผยฮูหยินเห็นเผยเสวียนหายตัวไปหลายวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเรื่องในจวนอย่างต่อเนื่อง เตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วครั้นได้ยินจากปากเมี่ยชิงหว่าน ยังรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด“เขาเป็นคู่หมั้นของเจ้า เหตุใดเจ้าใจร้ายถึงเพียงนี้ เจ้าคืนลูกชายข้ามานะ”เผยฮูหยินโมโหถลันเข้าหาเมี่ยชิงหว่าน ถูกซูจื่อชิงใช้ขาเตะออกไป“ลูกชายท่านทำเรื่องอะไรไว้ ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจมิใช่หรือ?”ดวงตาซูจื่อชิงทอประกายเย็นชา ทำให้เผยฮูหยินร้อนตัว “ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่ควรฆ่าเขา”เมี่ยชิงหว่านถลึงตาใส่เผยฮูหยิน หากพูดว่าคนแรกที่นางเกลียดคือเผยเสวียน คนที่สองที่นางเกลียดก็คือเผยฮูหยิน“เผยเสวียนบอกข้า ความคิดเรื่องภาพม้วน เป็นฝีมือท่าน”สายตานางทอประกายเย็นชา “ท่านพูด ผู้หญิงรู้จักผู้หญิงดีที่สุดยังต้องกลัวอะไ
ทั้งสองคนเหินบินเข้าจวนเผย ไม่ต้องพูดเชียว สกุลเผยสมเป็นตระกูลชนชั้นสูงนับร้อยปีของเจดีย์หนิงกู่ ตกแต่งได้อย่างหรูหรางดงามกู้หว่านเยว่เดินเข้าไป เก็บเครื่องเรือนไม้หวงฮวา ฉากกั้น ภาพอักษรงดงามบางส่วนตามใจ ลงท้ายถึงขั้นพบอย่างแปลกใจ ภายในห้องหนังสือของสกุลเผยมีหนังสือไม่น้อย มากเสียจนเต็มผนังห้องหนึ่งด้าน“สกุลเผยสมเป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปี มีมรดกทางปัญญาติดตัวอยู่บ้าง มีหนังสือเหล่านี้กลับไม่ใช่เรื่องแปลก”ซูจิ่งสิงพูดยิ้มๆ“สำนักศึกษาถงซันของเจ้าต้องการหนังสือมิใช่หรือ เก็บหนังสือเหล่านี้ไปทั้งหมดเลยเถอะ”“ขอบคุณท่านพี่”กู้หว่านเยว่ต้องการหนังสือเหล่านี้จริง นี่ก็ไม่เกรงใจเขาแล้ว โบกมือเก็บหนังสือทั้งหมดเข้ามิติทั้งคู่ค้นหาทั้งภายในภายนอกห้องหนังสือหนึ่งรอบน่าเสียดายเหลือเกิน หาจดหมายลับหรือเบาะแสอะไรไม่พบ“แม้แต่เผยเสวียนเองก็ไม่รู้ คนบงการอยู่เบื้องหลังเขาเป็นใคร รู้เพียงเป็นคนในเชื้อพระวงศ์ ต้องการหาตัวออกมา น่ากลัวว่ายากเสียยิ่งกว่ายาก”ความหวังสุดท้าย ก็อยู่บนตัวคนสกุลเผยเหล่านั้นทั้งสองคนย้อนกลับมาที่เรือนส่วนหน้าอีกครั้งขณะเดียวกัน ฉู่เฟิงเพิ่งสอบสวนมาหนึ่ง
ไม่ตัดรากถอนโคน ก็อาจเกิดหายนะอีกครั้ง“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ท่านแม่ข้าเองก็ด้วย”เผยเสียรีบพูดต่อ “หลายปีมานี้พวกเราสองคนอยู่อย่างลำบากที่สกุลเผย ท่านแม่ข้าถูกเดรัจฉานคนนั้นทำร้ายพรากความบริสุทธิ์ไป ก็ไม่มีใครสนใจความเป็นตายของนางอีก ชนิดที่ว่าเผยฮูหยินยังทิ้งท่านแม่ข้าไว้ภายในเรือน ไม่ใส่ใจไยดีท่านแม่ข้าคลอดข้าออกมาเพียงลำพัง อีกทั้งยังเลี้ยงข้าจนเติบโตอย่างยากลำบากเพียงคนเดียว หลายปีมานี้สกุลเผยไม่เคยปกป้องคุ้มครองพวกเรา คุณชายคุณหนูของสกุลเผยเหล่านั้นก็ด่าว่าทุบตีพวกเรา”เผยเสียยิ้มเย็น “พูดอย่างไม่เกรงใจหนึ่งประโยค ข้าไม่แก้แค้นพวกเขาก็นับว่าดีแล้ว ไฉนเลยจะช่วยล้างแค้นแทนพวกเขา”แววตานางเฉยเมย ภายในก้นบึ้งของสายตายังมีความแค้นอี๋เหนียงทางด้านหลังหดเกร็งตัว รูปร่างผอมบาง สติก็ไม่ค่อยดีกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หากเจ้าไม่ได้ทำเรื่องชั่วกับสกุลเผย ข้าสามารถรับปากเงื่อนไขของเจ้าได้”เผยเสียรีบพูด “ข้าสาบาน ข้าและท่านแม่สำรวมตนมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำเรื่องชั่ว”“ดี เจ้าพูดเถอะ”กู้หว่านเยว่มองคนเหล่านี้แวบหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงคนปากมาก เรียกเผยเสียไปพูดที่ฝั่ง
ตอนแรกซูจิ่งสิงยกกองทัพเจดีย์หนิงกู่ไปก่อการกบฏ ต่อมาหนานหยางอ่องก็ฟื้นคืนชีพ ทำให้ลั่วยางต้องโบกธงขาวยอมจำนนจากนั้นเขตซีเป่ยและเหอตงต่างก็ยอมจำนนต่อกองทัพเจดีย์หนิงกู่เมืองหลวงของพวกเขาถูกล้อม้าไว้ทุกทิศทางหัวเดียวกระเทียมลีบ บัดนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว กองทัพหนานเจียงยกทัพมาใกล้ถึงแล้ว มู่หรงถิงต้องใช้ยาแก้ปวดคอยบรรเทาติดต่อกันหลายวัน กว่าจะออกราชกิจได้ลึก ๆ ในใจเขารู้ดีว่าเก้าอี้มังกรไม่มั่งคงอีกต่อไป พลังหยินหยางภายในร่างกายก็อ่อนแอลงทุกวัน กระทั่งองค์หญิงหนานเจียงกลับมาพร้อมกับข่าวดี กองทัพหนานเจียงเชี่ยวชาญด้านวิชาหนอนพิษ ดังนั้นการสู้กับศัตรูซึ่ง ๆ หน้าอาจไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก แต่การลอบกัดด้านหลัง ร้ายกาจยิ่งกว่า“นี่คือผลงานของพระมเหสีเจ้าค่ะ”มู่หรงถิงภูมิใจมากในตอนที่เขาไปเยือนจวนหนานหลีอ๋องนั้น เขาก็ตกหลุมรักหนานหลีม่านตั้งแต่แรกเห็น เพื่อจะได้ตัวนาง เขายอมแลกทุกอย่างอย่างไม่เสียดายในตอนที่หนานหลี่ม่านขึ้นเป็นพระมเหสีนั้น เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างพยายามขัดขวาง บัดนี้ เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากหลังจากที่ทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานขุนนางช
ซูจิ่งสิงส่ายหน้าเกาเจี้ยนมีความกล้าหาญก็จริง แต่ขาดสติปัญญาเมืองหลวงในตอนนี้เป็นแหล่งรวมของคนต่างถิ่น หากเขาไปที่นั้น เกรงว่าจะกลับออกมาไม่ได้“ข้าจะส่งคนอื่นไปดู”ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่กำลังคิดหาคนที่เหมาะสม ทันทีที่ลั่วยางได้ยิน ก็รีบเสนอตัวอย่างรวดเร็ว“ให้ข้าไปเถิด”นางให้เหตุผลว่า“ข้ารู้จักเมืองหลวงเป็นอย่างดี ในตอนที่ข้าช่วยงานของมู่หรงอวี้ ข้ามักจะไปเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้ง”“ไม่ค่อยมีคนรู้จักข้านัก โดยส่วนใหญ่ไม่มีทางรู้ว่าข้ากับพวกท่านติดต่อกันหรอกเจ้าค่ะ”“ข้าเป็นหมอ หมอทำการอันใดย่อมราบรื่น ข้ามีหน้ากากหนังมนุษย์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าไว้ เปลี่ยนรูปลักษณ์ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”ทันทีที่เกาเจี้ยนได้ยินก็ตื่นตกใจ เขาจะให้แก้วตาดวงใจไปเสี่ยงได้อย่างไร?“ไม่ได้ อันตรายเกินไป”เขารู้ว่าลั่วยางเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง จึงไม่กล้าพูดเด็ดขาดนัก เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดความไม่พอใจ“ไม่อันตรายหรอก ท่านพูดเองไม่ใช่หรือว่าเฟิ่งอู๋ชีกำลังป่วยหนัก”ลั่วยางแสดงสีหน้าจริงจัง“ข้ามีทักษะการแพทย์ ให้ข้าไปไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้เจ้าค่ะ”พี่หว่านเยว่ ให้ข้าช่วยท่านเถอะ” น้
“ให้นางกำนัลสักสองสามคนไปยกถังน้ำเข้ามา ล้างพื้นที่นางยืนเมื่อครู่ให้เกลี้ยง ลากเก้าอี้ที่นางเคยนั่งออกมาทุบทิ้งทำเป็นฟืนเสีย”นางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ด้านในต่างมองหน้ากัน แต่ถึงอย่างไรก็เคยชินกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้วหลังจากเข้าวังมานางก็คล้ายกับเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาในตำหนักของนาง แม้ว่าฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่นางก็ยังสั่งให้คนทำความสะอาดทั้งราชวังอยู่เสมอ“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”นางกำนัลเหล่านั้นไม่กล้าคัดค้าน รีบเดินออกไป ให้คนยกอ่างน้ำเข้ามาทำความสะอาดราชวังพระมเหสีเดินเข้าไปภายในตำหนักอย่างเหม่อลอยนางเปิดลิ้นชักโต๊ะประทินโฉม หยิบกุญแจรูปหัวใจออกมาจากด้านล่างสุดของลิ้นชักโต๊ะประโฉมครั้นเห็นกุญแจรูปหัวใจดอกนั้น ใบหน้าของพระมเหสีก็แสดงความรู้สึกบางอย่างที่น้อยนักจะได้เห็น“เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ท่านพี่ ท่านอยู่โลกนั้นสบายดีหรือไม่เจ้าคะ?”นางลูบกุญแจรูปหัวใจดอกนั้นอย่างเบามือ ราวกับว่ากำลังลูบสิ่งของที่มีมูลค่าที่สุดในโลก“คำสาบานที่ข้าให้ไว้ต่อหน้าหลุมศพของท่านกำลังจะเป็นความจริงแล้วนะเจ้าคะ”นางพึมพำด้วยอย่างผ่อนคลาย“ข้า
“จะว่าไปองค์ชายของพวกเราก็ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก จับจุดอ่อนขององค์ชายอู๋ชีได้อยู่หมัด”“หากไม่ใช่เพราะจับจุดอ่อนของเขาได้ องค์ชายของพวกเราคงจะสิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว เจ้าและข้าก็คงตายไปนานแล้ว รีบหุบปากเสียเถอะ อย่ามัวแต่ยืนงงว่าใครเป็นนายของตนเองอยู่เลย”เสียงปริศนาเสียงหนึ่งดังขยายมาจากนอกจวนดูเหมือนว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่มาลาดตระเวนจะได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทหารเฝ้ารักษาการณ์ทั้งสองคน จึงรีบตำหนิพวกเขา“เจ็บ!”“เจ็บยิ่งนัก!”เสียงของเฟิ่งอู๋ชีที่อยู่ด้านในยังคงดังออกมาอย่างไม่ขาดสายแต่ในเวลานี้เอง องค์หญิงหนานเจียงที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับเขากำลังนั่งหัวเราะเยาะอยู่ภายในตำหนักพระมเหสี“น้องชายของข้าช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก เสด็จแม่บอกข้าเรื่องอาการป่วยของเขาตั้งนานแล้ว คิดจะบีบบังคับเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก”นางหัวเราะเยาะเบา ๆ พลางเล่นกับเล็บสีแดงสดราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอายุสามสิบกว่าปี แต่ใบหน้ายังคงคล้ายกับเด็กสาววัยยี่สิบกว่าปีสาเหตุที่นางตกลงร่วมมือกับฮ่องเต้ชั่วในครั้งนี้ด้วยการยกทัพไปต้าฉี ช่วยฮ่องเต้ชั่วออกมานั้นเพราะพระมเหสีหนานหลีม่านได้ให้สูตรค
“ครั้งนี้ฮ่องเต้ชั่วหาผิดคนซะแล้ว”เกาเจี้ยนหัวเราะเสียงดัง“ไม่รู้ว่าเฟิ่งอู๋ชีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”แววตากู้หว่านเยว่กังวลเล็กน้อยนางมักรู้สึกว่าครั้งนี้ทางเฟิ่งอู๋ชีไม่ราบรื่นนัก“พวกเราต้องออกจากเมืองจางโจวแล้ว”ซูจิ่งสิงเอ่ยขึ้นพวกเขาอยู่ในเมืองจางโจวมานานมากแล้ว ช่วงที่ผ่านมาหนานหยางอ๋องได้นำทัพใหญ่เดินทางมุ่งหน้าไปเมืองต่อไปแล้ววันนี้ ทางโน้นส่งสารเร็วมารายงาน บอกว่าหนานหยางอ๋องยึดเมืองแห่งนั้นได้แล้วแม้ในมิติของกู้หว่านเยว่จะมียุ้งฉางจำนวนหมื่นล้านแต่การทำศึกให้ความสำคัญที่จบศึกอย่างรวดเร็ว ซูจิ่งสิงวางแผนไว้แล้ว ภายในหนึ่งปีต้องยกทัพไปถึงเมืองหลวง“ได้”นอกจากหลิ่วเพียวเพียว ในเมืองจางโจวไม่มีสิ่งใดให้กู้หว่านเยว่เป็นห่วงหลิวชวี่รับปากแล้ว จะช่วยดูแลหลิ่วเพียวเพียวและเจี่ยอวิ๋นอย่างดีหลังหลิ่วเพียวเพียวคลอดลูก จะให้คนส่งพวกเขากลับเมืองเหยากู้หว่านเยว่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาส่วนน้องสาวของหลิวชวี่ หลังจากรักษาตามวิธีของกู้หว่านเยว่ อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกไม่นาน คงหายดีเป็นปลิดทิ้งคนสกุลฟ่านที่รังแกคุณหนูหลิว ถูกหลิวชวี่หาข้ออ้างแล้วจัดการทีเด
กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงอ่านจบ รู้สึกเย็นเยือกไปทั่วร่างเพื่อให้ชนะสงคราม มู่หรงถิงถึงขนาดส่งคนไปเจรจาเงื่อนไขกับทูเจวี๋ยรับปากทูเจวี๋ย ขอเพียงทูเจวี๋ยส่งทหารฝีมือดีมาเมื่อใดที่สถานการณ์พลิกผัน ทุกเมืองที่ยึดคืนมาจากซูจิ่งสิงทหารทูเจวี๋ยสามารถยกทัพเข้าเมือง หรือฆ่าล้างเมือง หรือเผาฆ่าปล้นสะดมภ์ ล้วนได้ทั้งสิ้นสายตาซูจิ่งสิงเย็นเยียบ “สำหรับทหารที่วนเวียนอยู่บนคมดาบแล้ว การฆ่าล้างเมืองหลังจบศึกคือรางวัลอันยิ่งใหญ่”ปล่อยให้ทหารฆ่าล้างเมืองได้ตามใจชอบ เพื่อให้พวกเขาได้ระบาย กระทั่งให้พวกเขาปล้นสะดมภ์ ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นไหว“เหอะเหอะ ฮ่องเต้ชั่วคงจะหมดสิ้นหนทางแล้วสินะ”กู้หว่านเยว่เหน็บแนม“ประเด็นคือเรื่องนี้หรือ?”เกาเจี้ยนรีบเอ่ยขึ้นทันใด“เหตุใดสีหน้าของพวกท่านสองสามีภรรยาจึงยังเรียบเฉยนัก? เพื่อชนะสงคราม ฮ่องเต้ชั่วถึงขนาดรับปากพวกทูเจวี๋ยเช่นนี้เมื่อใดที่ทูเจวี๋ยตกลง ไม่ว่าพวกเขาจะชนะหรือไม่ คนที่ทุกข์ร้อนก็คือประชาชน”ใจเขาร้อนดั่งไฟเผากู้หว่านเยว่กลับหัวเราะ “ทูเจวี๋ยไม่ตกลงหรอก”ไม่ตกลง?เกาเจี้ยนเบิกตาโตทูเจวี๋ยจ้องจะขย้ำต้าฉีอยุ่ตลอดเวลาเว้นแต่สมองพ
กู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่คิดขัดขวางขณะนี้เด็กน้อยสองคนด้านหลังที่ตกใจมาก จู่ๆ ร้องไห้เสียงดัง“ท่านแม่ถูกตีจนตาย” หลี่เจาตี้ร้องไห้พร้อมเอ่ยขึ้นนางอายุห้าขวบแล้ว จึงพอรู้เรื่องรู้ราวอยู่บ้างสายตาโกรธแค้นมองไปที่หลี่เหวิน“ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นคนทำร้ายทุบตีท่านแม่ เตะท่านแม่จนตาย”นางชี้ไปที่หลี่เหวินแล้วตะโกนเสียงดัง“เจ้าลูกชั่ว เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน?”หลี่เหวินแทบอยากจะเข้าไปบีบคอหลี่เจาตี้ให้ตาย ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับตบหน้าหลี่เจาตี้อย่างแรง“แกมันนางของขาดทุน พูดจาเหลวไหลอะไรกัน? อยากให้พ่อเจ้าตายหรือ? เป็นเด็กผู้หญิงมันเนรคุณจริงๆ เลี้ยงเสียข้าวสุก”“เจาตี้!”เจี่ยอวิ๋นรีบไปปกป้องเด็กน้อยเอาไว้ “เจ้าไม่เป็นไรนะ?”เมื่อเห็นเด็กน้อยถูกตีจนเลือดกำเดาไหล เขาสงสารจับใจ“ท่านน้า ท่านแม่ของข้าตายแล้ว ต่อไปข้าไม่มีท่านแม่อีกแล้ว”หลี่เจาตี้ร้องไห้เสียใจ น้องสาวที่อยู่ข้างกันก็ร้องไห้ตาม“อย่าร้องไห้ น้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง”เจี่ยอวิ๋นกัดฟัน แล้วหันหลัง จากนั้นสาวหมัดใส่หน้าหลี่เหวินทีละหมัดชกจนฟันในปากของเขาร่วงออกมาเป็นแถว“เจ้าฆ่าพี่สาวข้า ข้าจะให้เจ้าชด
มองปราดเดียว นางก็รู้ว่าเจี่ยหงไม่ได้ตายด้วยโรคลำไส้อุดตันส่วนจะตายด้วยสาเหตุใดนั้น ต้องตรวจดูอย่างละเอียดอีกทีกู้หว่านเยว่ถอดเสื้อผ้าส่วนบนของเจี่ยหงออก หลังจากนางได้เห็นผิวหนังของเจี่ยหงที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ม่านตาหดตัวอย่างรุนแรงรอยแผลเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นก่อนตาย แผลใหม่แผลเก่าผสมกัน อนาถจนทนดูไม่ได้กู้หว่านเยว่อดกลั้นต่ออาการสั่นเทา ถอดเสื้อผ้าส่วนล่างของเจี่ยหงออกเป็นไปตามคาด พบเห็นร่องรอยการถูกทารุณกรรมบนร่างกายของนางในนั้น ตรงท้องน้อยยังมีอาการฟกช้ำที่รุนแรงกู้หว่านเยว่ยื่นมือไปจับดู แล้วลองกดดู“หาสาเหตุการตายของพี่สาวเจ้าได้แล้ว”นางสวมเสื้อผ้ากลับไปให้เจี่ยหง แล้วเดินออกมาจากด้านใน ใบหน้าเผยความสงสาร“ถูกเตะจนตาย มีอาการม้ามแตก ภายในท้องเต็มไปด้วยเลือดคั่ง”จินตนาการได้ยากมาก ว่าก่อนตายเจี่ยหงถูกทารุณกรรมอย่างไรสายตาเยือกเย็นของกู้หว่านเยว่กวาดมองหลี่เหวินคนที่ทำร้ายเจี่ยหงจนมีสภาพเช่นนี้ ทั่วทั้งสกุลหลี่คงมีแต่หลี่เหวินคนเดียวไอ้คนซ้อมเมียที่สมควรตาย!“พี่หญิง” เจี่ยอวิ๋นขอบตาแดงก่ำ “นางถูกเตะจนตายทั้งเป็นหรือ?”เขาหันหลังด้วยใบหน้าที่โกรธแ
ด้านหลังตามมาด้วยฮูหยินผู้เฒ่าหลี่และหลี่เหวินที่ด่าทอไม่หยุด“รีบวางศพลงเดี๋ยวนี้”“พวกเจ้ากำลังขโมยศพ ยังเคารพกฏหมายกันอยู่หรือไม่?”“รีบวางศพลูกสะใภ้ข้าลงเดี๋ยวนี้”ทั้งสองคนร้อนใจมาก จึงพูดออกไปวิธีที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดเป็นวิธีที่ดี จุดไฟเผาศพของเจี่ยหง ถึงตอนนั้นค่อยบอกว่าไม่ระวังจึงเกิดเพลิงไหม้อย่างไรก็ไม่มีหลักฐานแต่ใครจะไปคิด จู่ๆ มีคนชุดดำสองคนบุกเข้ามา แล้วแบกศพหนีไปทันทีความเร็วนั้นรวดเร็วราวกับลมพัดผ่านตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่และหลี่เหวินจึงลนลานมากรีบกุลีกุจอตามไป แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ถีบจนกระเด็ดออกไป“ทหาร สองคนนี้คิดจะลอบสังหารท่านอ๋อง จับตัวพวกเขาเอาไว้”ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้ตั้งตัว กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง ทหารที่อยู่ด้านหลังรีบกรูกันเข้ามา แล้วจับทั้งสองกดลงกับพื้นซูจิ่งสิงเกือบจะหัวเราะออกมา น้องหญิงของเขาช่างมีไหวพริบ ชิงลงมือก่อน“รีบปล่อยข้า ข้าไม่ได้คิดจะลอบสังหารท่านอ๋อง”หลี่เหวินถูกกดไว้กับพื้น ยังคงร้องตะโกนเสียงดัง“คืนศพของเมียข้ามาเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าบุกเข้าจวนโดยพลการ ข้าจะไปแจ้งทางการ”เขาดิ้นรนขัดขืนแทบอยากจะทำลายศพของเจี่ยหงต