“เหลือเพียงที่สุดท้ายเท่านั้น”กู้หว่านเยว่ถือแผนที่ สถานที่สุดท้ายนี้คือเหมืองทองคำ เมื่อหันกลับมา นางก็เห็นว่าสายตาของซูจิ่งสิงดูมืดมน“ท่านพี่?”ซูจิ่งสิงรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เริ่มอธิบายทันที“น้องหญิง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเสียสมาธิ เพียงสงสัยว่าเป้าหมายต่อไปของหญิงลึกลับคนนั้น คือจินอ๋องหรือเปล่า”หากเป็นจริงดังที่กงซุนหงพูด หญิงลึกลับคนนั้น คงเป็นทายาทหนานหลี่อ๋องเป้าหมายต่อไปของนาง คงจะเป็นจินอ๋อง คนที่สามที่เข้าร่วมโจมตีหนานหลี่อ๋อง“คลังสมบัติส่วนตัวสุดท้ายของมู่หรงอวี้ ดูเหมือนจะอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ”เหอตงอุดมไปด้วยแร่ มีเหมืองมากมายนับไม่ถ้วน“ไปที่คลังสมบัติส่วนตัวของมู่หรงอวี้ก่อน”ซูจิ่งสิงสงบลง เขาไม่สนิทกับจิ้นอ๋อง แต่กลับพุ่งเข้าไปบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่ายต่อหน้า อนาคตอาจเป็นปัญหาได้คาดว่าอีกฝ่ายคงจะไล่เขาออกมา ไม่ก็แจ้งศาลให้มาจับตัว“เอาล่ะ ไปที่เหมืองของมู่หรงอวี้กันก่อนเถอะ”ทั้งสองจอดเฮลิคอปเตอร์ในพื้นที่เปิดโล่งด้านนอกเหมือง จากนั้นกู้หว่านเยว่ก็โบกมือ เก็บเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในมิติ และพาซูจิ่งสิงไปที่เหมือง“ข้างหน้ามีหมู่บ้านอยู่ ไปดูกันเถอะ”แม้ว่า
“เหมืองอะไรหรือ? ข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ”เห็นได้ชัดว่าป้าเก่อกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ทั้งนางยังกลัวมากจนเผลอเทน้ำร้อนหกลงพื้นโชคดีที่ซูจิ่งสิงมือไวตาเร็ว จับอ่างน้ำร้อนเอาไว้ทัน“ข้ากับภรรยาก็แค่สงสัยเลยอยากถาม ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้น”ซูจิ่งสิงเดินเข้าไปในห้องโดยถืออ่างน้ำร้อนไว้ในมือ ส่วนป้าเก่อหันหลังกลับไปด้วยความตื่นตระหนกทั้งสองมองหน้ากัน เข้าใจตรงกันโดยปริยายก่อนจะมองเห็นป้าเก่อเดินไปที่ลานข้างๆ“เป็นอย่างไรบ้าง? สองคนนั้นถูกเจ้าทำให้สลบหรือยัง?”ชายสูบบุหรี่คนหนึ่งกล่าว“ยังเลยเจ้าค่ะๆ หนึ่งในนั้นคือหญิงตั้งครรภ์ พวกเขาระวังตัวกันมาก”ป้าเก่อเล่าเรื่องที่ทั้งสองสืบหาข่าวเหมืองออกมาอย่างลังเล“คงไม่ใช่ว่าเบื้องบนส่งคนมาก่อปัญหาหรอกนะ?”“จะเป็นไปได้อย่างไร? เหมืองของเราถูกซ่อนไว้มิดชิด และทุกครั้งก็เลือกลงมือเฉพาะคนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่นอน”ชายคนนั้นหยิบผงยาออกมาหนึ่งห่อ พูดออกมาอย่างไม่เห็นด้วย“เจ้าใส่ยานี้ในอาหารของพวกเขา ผู้ชายยกให้คนของข้า ส่วนผู้หญิงพาเข้ามาในห้องข้า”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนอนฟังอยู่บนหลังคา หลังจากที่ชายคนนั้นพูดออกมา
กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิง ก้าวไปข้างหน้า จัดการอันธพาลที่ขวางประตูไว้จากนั้นก็หยิบกุญแจออกมาจากอันธพาลแล้วเปิดประตูเข้าไปคนที่ถูกขังอยู่ข้างใน คือหญิงงามผู้หนึ่ง ระหว่างคิ้วปรากฏท่าทางอย่างสตรีผู้กล้าอาจเป็นเพราะนางไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามากะทันหัน เสียงก่นด่าจึงชะงักลงหลังจากกลับมามีสติ นางก็เริ่มถากถาง“เจ้าสองคนเป็นใคร? ไปบอกหวังซานนั่นเสีย ว่าข้าจะไม่มีวันเชื่อฟังมัน!”“อยากให้ข้าแต่งงานด้วย ชาติหน้าเถอะ!”นางตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เกือบจะทุบถ้วยชาจนแตกด้วยซ้ำกู้หว่านเยว่กลัวว่าเสียงของนางจะเรียกคนอื่นมาเพิ่ม จึงรีบพูดว่า“แม่นาง หวังซานที่ท่านพูดถึง คือผู้ชายที่มีไฝดำขนาดใหญ่บนหน้าหรือ?”“ใช่แล้ว” เนี่ยชิงหลานมองดูกู้หว่านเยว่อย่างระมัดระวังอาจเป็นเพราะเห็นว่านางดูไม่ใช่คนไม่ดี นางจึงสงบลงเล็กน้อย“พวกเจ้าเป็นใคร? ไม่ใช่ลูกน้องของหวังซานหรอกหรือ?”“ข้าท้องป่องเช่นนี้ จะไปเป็นลูกน้องเขาได้อย่างไร? อีกอย่าง เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายของเรา”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างหยิ่งผยองท่าทางอย่างผู้พเนจร เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของเนี่ยชิงหลาน ไม่เพียงแต่ชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังรู้สึก
เมื่อมองดูใบหน้าของทั้งสองคน หวังซานก็นึกถึงสิ่งที่ป้าเก่อพูดขึ้นมาทันที ก่อนจะคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างคลุมเครือ“ดีเลย ข้าไม่เจอปัญหาให้แก้มานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะมาพร้อมกันตั้งสองคน”หวังซานขยับข้อต่อ แต่ทันทีที่ได้สบตา ซูจิ่งสิงก็ล้มเขาลงกับพื้นคนอื่นๆ อยากจะวิ่งหนี แต่เนี่ยชิงหลานก็รีบกระโดดออกไปจัดการกับพวกเขา“มัดพวกมันไว้”พวกเขามัดทุกคนเอาไว้แล้วโยนทั้งหมดไปที่กลางลานกู้หว่านเยว่นำเก้าอี้มา ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง“กล้าลักพาตัวข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร กล้าหาญนักนะ!”เนี่ยชิงหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบวิ่งไปเตะต่อยหวังซาน ไม่อาจไม่พูด ผู้หญิงคนนี้ อารมณ์รุนแรงไม่น้อยแต่สิ่งนี้ก็โทษนางไม่ได้ นางอัดอั้นมานาน สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าทุกวันนี้ ในที่แห่งนี้นางใช้ชีวิตแบบใด“ยังคิดจะแต่งข้าเป็นภรรยาอีก อยากเข้าหอกับข้า ตอนนี้ฉันจะตัดรากเหง้าเจ้าทิ้งเสีย แล้วจะรอดูว่าเจ้าจะเข้าหออย่างไร?!”เนี่ยชิงหลานก่นด่าเสียงดังหวังซาน ชายแก่นิสัยเสีย เห็นคนงามก็เกิดละโมบ เกิดความคิดอันคดเคี้ยว คิดจะกักขังนางไว้ที่นี่“แม่นางไว้ชีวิตด้วย แต่ข้าก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้านี่นา? ดูสิ
จากการตัดสินของเนี่ยชิงหลาน นางรู้สึกว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่ใช่คนไม่ดีจึงบอกทุกสิ่งที่รู้มาแก่ทั้งสองไป“ฮูหยิน ท่านอาจจะไม่รู้อะไร ครึ่งเดือนก่อน ข้าช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ตามที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า สามีและพ่อตาของนางมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ถูกลักพาตัวไป”ที่แท้ ที่แห่งนี้ก็คือเหมืองแร่ ใต้เหมืองมีคนงานจำนวนนับไม่ถ้วน หวังซานเชี่ยวชาญด้านการจับคนที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะโยนพวกเขาเข้าไปในเหมืองเพื่อทำงาน“เหลวไหล อย่ามาใส่ร้ายข้านะ!” หวังซานโต้เถียง แต่ดวงตาที่แวววาวของเขากลับทรยศเขาเขาเปิดปากพูดโกหก เพื่อพยายามปกปิดข้อเท็จจริง“ผู้หญิงบ้าคนนี้เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าซื้อมา สมองไม่ค่อยดีนัก”หวังซานเทน้ำสกปรกใส่เนี่ยชิงหลาน โดยไม่ลืมที่จะทำความสะอาดตัวเอง“พวกเราทุกคนเป็นเพียงชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีเจตนาชั่วร้ายอย่างแน่นอน”“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นชาวบ้านที่ซื่อสัตย์...”คนที่อยู่ริมขอบก็คร่ำครวญเช่นกัน“ยังแก้ตัวอยู่อีก!” เนี่ยชิงหลานโกรธมากนางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเตะหวังซานอีกสองสามครั้ง “บอกข้ามาว่าทางเข้าเหมืองอยู่ที่ไหน”ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าเหมืองอยู่
แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนรอบข้างจะใจง่าย ทรยศเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ“ไอ้สารเลว ข้าเคยทำผิดต่อเจ้าหรือไร?”เจ้าสี่หวาดกลัวและพูดว่า “พี่สามอย่าโทษข้าเลย ข้ากลัวจริงๆ ถ้าสิ่งนั้นถูกสาดใส่ข้า เช่นนั้นข้าคงต้องพิการแน่ ข้าจำเป็นต้องพูด”เขาแค่อยากปกป้องตัวเอง เขาทำอะไรผิด?“ข้าถามเจ้า เหมืองอยู่ที่ไหน?”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินสิ่งนี้ นางก็เข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แล้วที่นี่คือเหมืองของมู่หรงอวี้ แต่เขายุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ ไม่ค่อยมาตรวจสอบลูกน้องเขาขโมยเงิน หลอกผู้คนไปทำเหมืองดูเหมือนว่า ขอเพียงแค่พบเหมืองที่พวกเขากำลังพูดถึง ก็จะสามารถเข้าไปในเหมืองของมู่หรงอวี้ได้“ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ขอรับ” เจ้าสี่ร้องไห้ และเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว เขาก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“ฮูหยินไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆทุกครั้งที่ข้าไปเหมือง จะมีพี่สามนำทาง ส่วนข้าเข็นเกวียนอยู่ด้านหลัง ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น พวกเราเลยไม่รู้ทางขอรับ”“เจ้าสี่ เจ้าสมควรตาย!”เมื่อเห็นว่าคนของตนกำลังชี้ทางให้ศัตรู หวังซานก็โกรธมาก ดวงตาของซูจิ่งสิงที่มองมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทามากยิ่งขึ
ทั้งสองร่ำลากันอยู่นาน ก่อนจะเดินตามหวังซานไปที่หน้าถ้ำเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรอบแล้ว ถ้ำนี้น่าจะเปิดได้วันมะรืนนี้“เหมืองอยู่ตรงนี้ขอรับ” หวังซานกลอกตาเขาชี้ไปที่หน้าถ้ำ “พวกท่านเข้าไปทางนี้ ก็จะสามารถไปจนสุดก้นเหมืองได้”“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หยิบคบเพลิงออกมา แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวังทว่า ทันทีที่เดินเข้าไป หวังซานก็แสดงสีหน้าน่ากลัว และทันใดนั้นก็เหยียบกลไกที่ทางเข้าถ้ำ“ไปลงนรกซะเถอะ!”หวังซานตะโกนหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากด้านบน ท่าทางของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที หากนางถูกหินก้อนนี้หล่นทับ คงกลายเป็นเนื้อบดแน่นางโบกมือโดยไม่ต้องคิด เก็บหินลงไปในมิติอย่างรวดเร็วหวังซานหัวเราะเสียงดัง เฝ้ารอให้คนทั้งสองตายโหงไปต่อหน้าทว่าหินที่หายไปจากอากาศ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อ“ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่? ว่าอย่าตุกติก” กู้หว่านเยว่หันหลังกลับไปมองอย่างไม่พอใจ หยิบปืนออกมาจากมิติหวังซานกลัวมากจนเสียสติ “ไว้ชีวิตด้วย…”ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกกู้หว่านเยว่ยิงเสียชีวิตไปแล้วหลังจากจัดการกับหวังซานแล้ว ทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปในเหม
แต่เส้นทางนี้กลับดูแน่นขนัดมาก หากคนกลุ่มนี้เบียดเสียดกันออกมา อาจจะเกิดเหตุการณ์เหยียบกันก็ได้“พวกเจ้าทุกคนจงฟังข้า วันนี้ข้ามาช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องรับปากข้าว่าจะเข้าแถวทยอยกันออกไปจากที่นี่”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หลังประตูคุกบานนี้มีคนที่เข้าใจสถานการณ์อยู่ไม่น้อย จึงตระหนักได้ถึงสิ่งที่กู้หว่านเยว่กำลังเป็นกังวล ก่อนจะรีบพยักหน้า“ท่านทั้งสองโปรดวางใจ ตราบใดที่ปล่อยพวกข้าออกไป พวกข้าจะยอมทำทุกอย่าง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง จากนั้นก็หันกลับไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้นหากมีคนตาย นางจะนำร่างไร้ลมหายใจของพวกเขาวางไว้ด้านข้าง หากมีคนรอดชีวิต นางจะให้คนที่มีพละกำลังแบกพวกเขาออกไปก่อน เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ทุกคนจึงรีบหันไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะแบกร่างของคนที่รอดชีวิตออกไปตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ เมื่อเห็นทุกคนต่างเข้าแถว กู้หว่านเยว่ก็กล่าวกับซูจิ่งสิงว่า“ท่านพี่ ท่านเปิดประตูคุกให้ทุกคนออกไปเถิด”“อื้อ”ซูจิ่งสิงชักดาบออกมา จากนั้นก็ทำการตัดกลอนกุญแจออกเป็นสองส่วน
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก