“เหลือเพียงที่สุดท้ายเท่านั้น”กู้หว่านเยว่ถือแผนที่ สถานที่สุดท้ายนี้คือเหมืองทองคำ เมื่อหันกลับมา นางก็เห็นว่าสายตาของซูจิ่งสิงดูมืดมน“ท่านพี่?”ซูจิ่งสิงรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เริ่มอธิบายทันที“น้องหญิง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเสียสมาธิ เพียงสงสัยว่าเป้าหมายต่อไปของหญิงลึกลับคนนั้น คือจินอ๋องหรือเปล่า”หากเป็นจริงดังที่กงซุนหงพูด หญิงลึกลับคนนั้น คงเป็นทายาทหนานหลี่อ๋องเป้าหมายต่อไปของนาง คงจะเป็นจินอ๋อง คนที่สามที่เข้าร่วมโจมตีหนานหลี่อ๋อง“คลังสมบัติส่วนตัวสุดท้ายของมู่หรงอวี้ ดูเหมือนจะอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ”เหอตงอุดมไปด้วยแร่ มีเหมืองมากมายนับไม่ถ้วน“ไปที่คลังสมบัติส่วนตัวของมู่หรงอวี้ก่อน”ซูจิ่งสิงสงบลง เขาไม่สนิทกับจิ้นอ๋อง แต่กลับพุ่งเข้าไปบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่ายต่อหน้า อนาคตอาจเป็นปัญหาได้คาดว่าอีกฝ่ายคงจะไล่เขาออกมา ไม่ก็แจ้งศาลให้มาจับตัว“เอาล่ะ ไปที่เหมืองของมู่หรงอวี้กันก่อนเถอะ”ทั้งสองจอดเฮลิคอปเตอร์ในพื้นที่เปิดโล่งด้านนอกเหมือง จากนั้นกู้หว่านเยว่ก็โบกมือ เก็บเฮลิคอปเตอร์เข้าไปในมิติ และพาซูจิ่งสิงไปที่เหมือง“ข้างหน้ามีหมู่บ้านอยู่ ไปดูกันเถอะ”แม้ว่า
“เหมืองอะไรหรือ? ข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ”เห็นได้ชัดว่าป้าเก่อกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ทั้งนางยังกลัวมากจนเผลอเทน้ำร้อนหกลงพื้นโชคดีที่ซูจิ่งสิงมือไวตาเร็ว จับอ่างน้ำร้อนเอาไว้ทัน“ข้ากับภรรยาก็แค่สงสัยเลยอยากถาม ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้น”ซูจิ่งสิงเดินเข้าไปในห้องโดยถืออ่างน้ำร้อนไว้ในมือ ส่วนป้าเก่อหันหลังกลับไปด้วยความตื่นตระหนกทั้งสองมองหน้ากัน เข้าใจตรงกันโดยปริยายก่อนจะมองเห็นป้าเก่อเดินไปที่ลานข้างๆ“เป็นอย่างไรบ้าง? สองคนนั้นถูกเจ้าทำให้สลบหรือยัง?”ชายสูบบุหรี่คนหนึ่งกล่าว“ยังเลยเจ้าค่ะๆ หนึ่งในนั้นคือหญิงตั้งครรภ์ พวกเขาระวังตัวกันมาก”ป้าเก่อเล่าเรื่องที่ทั้งสองสืบหาข่าวเหมืองออกมาอย่างลังเล“คงไม่ใช่ว่าเบื้องบนส่งคนมาก่อปัญหาหรอกนะ?”“จะเป็นไปได้อย่างไร? เหมืองของเราถูกซ่อนไว้มิดชิด และทุกครั้งก็เลือกลงมือเฉพาะคนที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่นอน”ชายคนนั้นหยิบผงยาออกมาหนึ่งห่อ พูดออกมาอย่างไม่เห็นด้วย“เจ้าใส่ยานี้ในอาหารของพวกเขา ผู้ชายยกให้คนของข้า ส่วนผู้หญิงพาเข้ามาในห้องข้า”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนอนฟังอยู่บนหลังคา หลังจากที่ชายคนนั้นพูดออกมา
กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิง ก้าวไปข้างหน้า จัดการอันธพาลที่ขวางประตูไว้จากนั้นก็หยิบกุญแจออกมาจากอันธพาลแล้วเปิดประตูเข้าไปคนที่ถูกขังอยู่ข้างใน คือหญิงงามผู้หนึ่ง ระหว่างคิ้วปรากฏท่าทางอย่างสตรีผู้กล้าอาจเป็นเพราะนางไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามากะทันหัน เสียงก่นด่าจึงชะงักลงหลังจากกลับมามีสติ นางก็เริ่มถากถาง“เจ้าสองคนเป็นใคร? ไปบอกหวังซานนั่นเสีย ว่าข้าจะไม่มีวันเชื่อฟังมัน!”“อยากให้ข้าแต่งงานด้วย ชาติหน้าเถอะ!”นางตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เกือบจะทุบถ้วยชาจนแตกด้วยซ้ำกู้หว่านเยว่กลัวว่าเสียงของนางจะเรียกคนอื่นมาเพิ่ม จึงรีบพูดว่า“แม่นาง หวังซานที่ท่านพูดถึง คือผู้ชายที่มีไฝดำขนาดใหญ่บนหน้าหรือ?”“ใช่แล้ว” เนี่ยชิงหลานมองดูกู้หว่านเยว่อย่างระมัดระวังอาจเป็นเพราะเห็นว่านางดูไม่ใช่คนไม่ดี นางจึงสงบลงเล็กน้อย“พวกเจ้าเป็นใคร? ไม่ใช่ลูกน้องของหวังซานหรอกหรือ?”“ข้าท้องป่องเช่นนี้ จะไปเป็นลูกน้องเขาได้อย่างไร? อีกอย่าง เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนายของเรา”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างหยิ่งผยองท่าทางอย่างผู้พเนจร เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของเนี่ยชิงหลาน ไม่เพียงแต่ชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังรู้สึก
เมื่อมองดูใบหน้าของทั้งสองคน หวังซานก็นึกถึงสิ่งที่ป้าเก่อพูดขึ้นมาทันที ก่อนจะคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างคลุมเครือ“ดีเลย ข้าไม่เจอปัญหาให้แก้มานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะมาพร้อมกันตั้งสองคน”หวังซานขยับข้อต่อ แต่ทันทีที่ได้สบตา ซูจิ่งสิงก็ล้มเขาลงกับพื้นคนอื่นๆ อยากจะวิ่งหนี แต่เนี่ยชิงหลานก็รีบกระโดดออกไปจัดการกับพวกเขา“มัดพวกมันไว้”พวกเขามัดทุกคนเอาไว้แล้วโยนทั้งหมดไปที่กลางลานกู้หว่านเยว่นำเก้าอี้มา ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง“กล้าลักพาตัวข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร กล้าหาญนักนะ!”เนี่ยชิงหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบวิ่งไปเตะต่อยหวังซาน ไม่อาจไม่พูด ผู้หญิงคนนี้ อารมณ์รุนแรงไม่น้อยแต่สิ่งนี้ก็โทษนางไม่ได้ นางอัดอั้นมานาน สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าทุกวันนี้ ในที่แห่งนี้นางใช้ชีวิตแบบใด“ยังคิดจะแต่งข้าเป็นภรรยาอีก อยากเข้าหอกับข้า ตอนนี้ฉันจะตัดรากเหง้าเจ้าทิ้งเสีย แล้วจะรอดูว่าเจ้าจะเข้าหออย่างไร?!”เนี่ยชิงหลานก่นด่าเสียงดังหวังซาน ชายแก่นิสัยเสีย เห็นคนงามก็เกิดละโมบ เกิดความคิดอันคดเคี้ยว คิดจะกักขังนางไว้ที่นี่“แม่นางไว้ชีวิตด้วย แต่ข้าก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้านี่นา? ดูสิ
จากการตัดสินของเนี่ยชิงหลาน นางรู้สึกว่ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงไม่ใช่คนไม่ดีจึงบอกทุกสิ่งที่รู้มาแก่ทั้งสองไป“ฮูหยิน ท่านอาจจะไม่รู้อะไร ครึ่งเดือนก่อน ข้าช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ตามที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า สามีและพ่อตาของนางมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่พวกเขาก็ถูกลักพาตัวไป”ที่แท้ ที่แห่งนี้ก็คือเหมืองแร่ ใต้เหมืองมีคนงานจำนวนนับไม่ถ้วน หวังซานเชี่ยวชาญด้านการจับคนที่เดินผ่านไปมา ก่อนจะโยนพวกเขาเข้าไปในเหมืองเพื่อทำงาน“เหลวไหล อย่ามาใส่ร้ายข้านะ!” หวังซานโต้เถียง แต่ดวงตาที่แวววาวของเขากลับทรยศเขาเขาเปิดปากพูดโกหก เพื่อพยายามปกปิดข้อเท็จจริง“ผู้หญิงบ้าคนนี้เป็นลูกสะใภ้ที่ข้าซื้อมา สมองไม่ค่อยดีนัก”หวังซานเทน้ำสกปรกใส่เนี่ยชิงหลาน โดยไม่ลืมที่จะทำความสะอาดตัวเอง“พวกเราทุกคนเป็นเพียงชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีเจตนาชั่วร้ายอย่างแน่นอน”“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นชาวบ้านที่ซื่อสัตย์...”คนที่อยู่ริมขอบก็คร่ำครวญเช่นกัน“ยังแก้ตัวอยู่อีก!” เนี่ยชิงหลานโกรธมากนางอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเตะหวังซานอีกสองสามครั้ง “บอกข้ามาว่าทางเข้าเหมืองอยู่ที่ไหน”ถ้าไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าเหมืองอยู่
แต่เขาไม่คาดคิดว่าคนรอบข้างจะใจง่าย ทรยศเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ“ไอ้สารเลว ข้าเคยทำผิดต่อเจ้าหรือไร?”เจ้าสี่หวาดกลัวและพูดว่า “พี่สามอย่าโทษข้าเลย ข้ากลัวจริงๆ ถ้าสิ่งนั้นถูกสาดใส่ข้า เช่นนั้นข้าคงต้องพิการแน่ ข้าจำเป็นต้องพูด”เขาแค่อยากปกป้องตัวเอง เขาทำอะไรผิด?“ข้าถามเจ้า เหมืองอยู่ที่ไหน?”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้ยินสิ่งนี้ นางก็เข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แล้วที่นี่คือเหมืองของมู่หรงอวี้ แต่เขายุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ ไม่ค่อยมาตรวจสอบลูกน้องเขาขโมยเงิน หลอกผู้คนไปทำเหมืองดูเหมือนว่า ขอเพียงแค่พบเหมืองที่พวกเขากำลังพูดถึง ก็จะสามารถเข้าไปในเหมืองของมู่หรงอวี้ได้“ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ขอรับ” เจ้าสี่ร้องไห้ และเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว เขาก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“ฮูหยินไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆทุกครั้งที่ข้าไปเหมือง จะมีพี่สามนำทาง ส่วนข้าเข็นเกวียนอยู่ด้านหลัง ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น พวกเราเลยไม่รู้ทางขอรับ”“เจ้าสี่ เจ้าสมควรตาย!”เมื่อเห็นว่าคนของตนกำลังชี้ทางให้ศัตรู หวังซานก็โกรธมาก ดวงตาของซูจิ่งสิงที่มองมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทามากยิ่งขึ
ทั้งสองร่ำลากันอยู่นาน ก่อนจะเดินตามหวังซานไปที่หน้าถ้ำเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรอบแล้ว ถ้ำนี้น่าจะเปิดได้วันมะรืนนี้“เหมืองอยู่ตรงนี้ขอรับ” หวังซานกลอกตาเขาชี้ไปที่หน้าถ้ำ “พวกท่านเข้าไปทางนี้ ก็จะสามารถไปจนสุดก้นเหมืองได้”“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หยิบคบเพลิงออกมา แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวังทว่า ทันทีที่เดินเข้าไป หวังซานก็แสดงสีหน้าน่ากลัว และทันใดนั้นก็เหยียบกลไกที่ทางเข้าถ้ำ“ไปลงนรกซะเถอะ!”หวังซานตะโกนหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากด้านบน ท่าทางของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที หากนางถูกหินก้อนนี้หล่นทับ คงกลายเป็นเนื้อบดแน่นางโบกมือโดยไม่ต้องคิด เก็บหินลงไปในมิติอย่างรวดเร็วหวังซานหัวเราะเสียงดัง เฝ้ารอให้คนทั้งสองตายโหงไปต่อหน้าทว่าหินที่หายไปจากอากาศ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อ“ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่? ว่าอย่าตุกติก” กู้หว่านเยว่หันหลังกลับไปมองอย่างไม่พอใจ หยิบปืนออกมาจากมิติหวังซานกลัวมากจนเสียสติ “ไว้ชีวิตด้วย…”ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกกู้หว่านเยว่ยิงเสียชีวิตไปแล้วหลังจากจัดการกับหวังซานแล้ว ทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปในเหม
แต่เส้นทางนี้กลับดูแน่นขนัดมาก หากคนกลุ่มนี้เบียดเสียดกันออกมา อาจจะเกิดเหตุการณ์เหยียบกันก็ได้“พวกเจ้าทุกคนจงฟังข้า วันนี้ข้ามาช่วยพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องรับปากข้าว่าจะเข้าแถวทยอยกันออกไปจากที่นี่”กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม หลังประตูคุกบานนี้มีคนที่เข้าใจสถานการณ์อยู่ไม่น้อย จึงตระหนักได้ถึงสิ่งที่กู้หว่านเยว่กำลังเป็นกังวล ก่อนจะรีบพยักหน้า“ท่านทั้งสองโปรดวางใจ ตราบใดที่ปล่อยพวกข้าออกไป พวกข้าจะยอมทำทุกอย่าง”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง จากนั้นก็หันกลับไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้นหากมีคนตาย นางจะนำร่างไร้ลมหายใจของพวกเขาวางไว้ด้านข้าง หากมีคนรอดชีวิต นางจะให้คนที่มีพละกำลังแบกพวกเขาออกไปก่อน เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ทุกคนจึงรีบหันไปสำรวจคนที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะแบกร่างของคนที่รอดชีวิตออกไปตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ เมื่อเห็นทุกคนต่างเข้าแถว กู้หว่านเยว่ก็กล่าวกับซูจิ่งสิงว่า“ท่านพี่ ท่านเปิดประตูคุกให้ทุกคนออกไปเถิด”“อื้อ”ซูจิ่งสิงชักดาบออกมา จากนั้นก็ทำการตัดกลอนกุญแจออกเป็นสองส่วน
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง