อวิ๋นมู่และนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่สามารถปกปิดความกังวลเอาไว้ได้“ตามข้ามา”กู้หว่านเยว่เผลอหัวเราะ แล้วเดินนำหน้าไปหลี่เฉินอันย้ายเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในจวนโหวฝั่งตะวันออกออกไปชั่วคราว ทางนี้เหลือเพียงกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงอาศัยอยู่ สะดวกสบายและเงียบสงบดีเหมือนกันเมื่อเห็นนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นนอนลงตามคำสั่งของกู้หว่านเยว่ อวิ๋นมู่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ“หว่านเยว่ พิษของพ่อข้าจะคลายได้จริงหรือ?”เขายิ้มเจื่อน ๆ พลางแสยะมุมปากอย่างจนปัญญา“พูดอย่างไม่ปิดบัง เกือบครึ่งเดือนแล้วที่พ่อของข้ากินยาถอนพิษครั้งสุดท้าย ถ้าพิษยังไม่คลายอีก พิษก็จะกำเริบแล้ว”อีกทั้งพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองหลวงมากเกินไป ผู้ลึกลับนั่นอาจจะสังเกตเห็นได้ทุกเมื่อ“เชื่อข้า”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางเข้าใจความวิตกกังวลของอวิ๋นมู่ดี เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพ่อของเขาเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่หยิบเข็มทองขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจัง นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นกลับยังสงบนิ่ง พลางปลอบโยนกู้หว่านเยว่ด้วยรอยยิ้ม“ท่านเจ้าบ้าน ท่านไม่ต้องแบกรับภาระทางจิตใจใด ๆ แม้ว่าจะกำจัดพิษในตัวคนแก่อย่างข้าไม่ได้ก็ไ
ขณะที่อวิ๋นมู่ยังคงดูแลนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นต่อไป กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้อยู่รบกวนในห้อง สบตากับซูจิ่งสิงแล้วหันหลังเดินออกไปหลังจากช่วยเขาได้แล้ว ร่างกายของกู้หว่ายเยว่ก็อ่อนล้าอย่างหนัก จึงตัดสินใจเข้านอนก่อนการนอนหลับครั้งนี้กินเวลาจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นวันรุ่งขึ้นมีข่าวจากสกุลทัง หลังจากทังฮูหยินกลับไปที่บ้านเดิมแล้ว ก็ได้สืบหาหลิ่วเหนียงและทังเหวินจนแทบพลิกแผ่นดิน จากนั้นจึงไปอาละวาดที่สกุลทังถังเป็นเรื่องใหญ่โต“ทังฮูหยินตรวจสอบทีละนิดจนกระจ่าง พบว่าหลิ่วเหนียงคือคู่รักในวัยเด็กของทังต่า ทั้งสองคบหากันมาเป็นเวลานานแล้วแม้แต่ทังเหวินก็เป็นลูกชายแท้ ๆ ของทังต่ากับหลิ่วเหนียงทังฮูหยินตกหลุมรักทังต่าตั้งแต่แรกเห็น หลายปีที่ผ่านมานางใช้บ้านครอบครัวเดิมมาสนับสนุนทังต่า แต่กลับถูกหลอกแบบนี้”หลี่เฉินอันเดินเข้ามาพร้อมกับข่าว พลางกระซิบว่า“ได้ยินมาว่าทังฮูหยินรู้ความจริงแล้ว กระอักเลือดออกมาทันที ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย”ทังต่ารักษาตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อหลิ่วเหนียง แต่งงานกันมาหกปีบอกว่าตัวเองเสื่อมสมรรถภาพทังฮูหยินโกรธจนสลบไป บ้านสามของสกุลหลี่มีทังฮูหยินเป็นลูกสาวคนเดียว ผู้อาวุ
“ตามที่พวกเราได้หารือกันก่อนหน้านี้ ข้าได้สั่งให้คนของสกุลอวิ๋นเข้าไปในเขาหูหลางเงียบ ๆ เพื่อขุดเหมืองน้ำมันก๊าด ตอนนี้น้ำมันก๊าดจำนวนมากได้ถูกสกัดออกมา กำลังถูกขนส่งไปที่เจดีย์หนิงกู่อย่างลับ ๆ ในนั้นบางส่วนได้มาถึงเจดีย์หนิงกู่แล้ว”ต้องขอบคุณเส้นทางการค้าที่ครอบคลุมและแหล่งเงินทุนที่เพียบพร้อมของสกุลอวิ๋น หากเป็นคนอื่นต้องการขนส่งน้ำมันก๊าดไปยังหเจดีย์หนิงกู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนี้กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ท่านช่วยข้าขนน้ำมันก๊าดทั้งหมดไปที่ภูเขาหลังหมู่บ้านสือหานที”นางวางแผนที่จะหากลุ่มคนที่เชื่อถือได้มาผลิตดินปืนในภูเขา ทันทีที่มีดินปืน เจดีย์หนิงกู่ของพวกเขาจะเทียบเท่ากับถังเหล็กหนึ่งใบ เป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาโจมตีอวิ๋นมู่รีบพยักหน้า “ได้ ข้าบังเอิญได้รู้จักถนนเส้นหนึ่ง สามารถแอบขนน้ำมันก๊าดเข้ามาได้อย่างเป็นความลับ ท่านไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ข้าต้องจัดการได้เป็นอย่างดีแน่นอน”ในเมื่อกู้หว่านเยว่ช่วยคลายพิษให้นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมู่ เช่นนั้นเรื่องที่นางชี้แจง เขาย่อมได้รับหัวใจเต็มร้อย“มอบให้ท่านจัดการแล้ว ข้าก็วางใจ”หลังจากหารือกั
เวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่รู้ตัวซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่ เดินรอบคฤหาสน์หนึ่งรอบจนกระทั่งรู้สึกเมื่อยขาแล้ว ทั้งสองคนถึงจูงมือกันออกจากคฤหาสน์ กู้หว่านเยว่เพลิดเพลินจนลืมทางกลับบ้าน คฤหาสน์หลังนี้ถูกใจนางทั้งหมด เดาได้ไม่ยากว่าซูจิ่งสิงใส่ใจมากน้อยเพียงใดกู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า จุมพิตมุมปากของซูจิ่งสิงทีหนึ่ง “ท่านพี่ ข้าชอบคฤหาสน์หลังนี้มาก ไม่มีของขวัญใดดีไปยิ่งกว่าสิ่งนี้แล้ว!”ซูจิ่งสิงใส่ใจมาก ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ก็เพื่อเอาใจกู้หว่านเยว่บัดนี้แลกมากับรอยยิ้มพิมพ์ใจ สายตาเขาลึกล้ำ กระหายความอบอุ่นที่มุมปาก จับหลังคอของกู้หว่านเยว่ กลีบปากเยียบเย็นประทับลงบนกลีบปากแดง จูบนี้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอย่างสุดระงับกู้หว่านเยว่ไม่ปฏิเสธจูบของเขา หลับตาพริ้ม เพลิดเพลินกับท่วงท่าเกี่ยวกระหวัดชวนเศร้าของทั้งคู่เงียบๆจนกระทั่งเสียงมาอย่างไม่ถูกเวลาดังขึ้นจากภายนอกรถม้า ขัดการกระทำของพวกเขา“เรื่องใด?”สีหน้าซูจิ่งสิงรำคาญอยู่บ้าง งอขาทั้งสองข้างเล็กน้อย กลัวถูกกู้หว่านเยว่สังเกตเห็นบางอย่างฉู่เฟิงพูดผ่านประตูรถม้ากั้น “นายท่าน คนจากบ้านสามสกุลหลี่มาแล้ว พูดว่าขอเชิญ
“แม่นางกู้ หากเจ้ายินดีไปรักษาลูกสาวที่จวนข้า ภายภาคหน้าข้าจะตกรางวัลเจ้าอย่างงาม”ผู้อาวุโสลำดับสามครุ่นคิดภายในใจ บางเรื่องเขาอดทนได้ก็ต้องอดทนขอเพียงกู้หว่านเยว่ไม่ทำเลยเถิดเกินไปนัก ภายภาคหน้าก็ไม่เป็นปรปักษ์กับกู้หว่านเยว่อีกแล้วกู้หว่านเยว่ได้พบบ่าวรับใช้สกุลหลี่ ก็เพราะผู้อาวุโสลำดับสามดูเบา จึงไม่ยินดีช่วยเหลือบัดนี้ผู้อาวุโสลำดับสามมาเชิญด้วยตนเองแล้ว นางย่อมไม่ปฏิเสธ ยกมุมปากยิ้มทีหนึ่ง“รบกวนผู้อาวุโสลำดับสามรอสักครู่ ข้าจะไปหยิบกล่องยาของข้า”พูดไป หมุนตัวไปหยิบกล่องยา พูดเสียงเรียบ “ไปเถอะ”“น้องหญิง ข้าไปกับเจ้า” ซูจิ่งสิงรีบตามติดข้างกายกู้หว่านเยว่ กลัวกู้หว่านเยว่ออกไปแล้วถูกรังแกผู้อาวุโสลำดับสามผินมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง ใคร่ครวญภายในใจ ดีร้ายอย่างไรเจิ้นเป่ยอ๋องก็เป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เหตุใดเป็นทาสเมียเช่นนี้?ทว่าเขาคล้ายไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ เพราะเขาเองก็เป็นทาสเมียคนหนึ่งเฉกเช่นเดียวกัน“ไป”สองสามคนขึ้นรถม้า กู้หว่านเยว่ยังนั่งรถม้าของตน ผู้อาวุโสลำดับสามนำทางอยู่ข้างหน้าระหว่างทาง ผู้อาวุโสลำดับสามเร่งความเร็วอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากังวลอยู่บ้าง
ผู้อาวุโสลำดับสามสงสัยวิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ขึ้นมาในทันใด หาไม่แล้วก็เป็นนางยังแค้นใจ ตั้งใจหลอกพวกเขากู้หว่านเยว่เดาะลิ้น เอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าเดินทางมาเพื่อหลอกท่านกระนั้นรึ?”“แม่นางกู้ พวกเรามิได้หมายความเช่นนี้”ฮูหยินสามนี่ถึงมองเห็นว่ากู้หว่านเยว่กำลังตั้งครรภ์ ไฉนเลยจะมีหญิงตั้งครรภ์มาหลอกคนได้เล่า? กู้หว่านเยว่ยอมช่วยเหลือก็คือไว้หน้าพวกเขาแล้ว พวกเขาจะเสียมารยาทไม่ได้เป็นอันขาด“ท่านหุบปาก ดีร้ายอย่างไรลูกสาวก็กำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ท่านอย่าได้สร้างความวุ่นวายเป็นอันขาด”“ข้า...” ผู้อาวุโสลำดับสามอึดอัดใจ นี่เขากำลังสร้างความวุ่นวายอะไร กำลังร้อนใจจนไม่รู้สมควรทำเยี่ยงไรต่างหาก“แม่นางกู้ เจ้าอย่าขุ่นเคืองไปเลย ข้าเชื่อเจ้า ในเมื่อเจ้าพูดว่าชิวเตี๋ยมิได้ป่วย เช่นนั้นตกลงนางเป็นอะไรกันแน่?”ฮูหยินสามถามต่อ บัดนี้นางกังวลลูกสาวที่ยังนอนหมดสติอยู่ตลอดของตนที่สุดกู้หว่านเยว่เองก็ล้มเลิกการแกล้งปิดเงียบไว้ พูดตามสัตย์จริง“ทังฮูหยินนี่คือป่วยใจ เรื่องของทังต่าทำร้ายนางหนักมากเกินไป นางไม่ยินดีฟื้นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง ดังนั้นจึงเลือกใช้วิธีนี้หลบหนี ทำใ
มิสู้ให้คนอยู่ต่อที่จวน หากหลี่ชิวเตี๋ยมีอาการอะไร จะได้เรียกคนมาได้ทันท่วงทีซูจิ่งสิงเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ภรรยาข้ามิใช่หมอประจำจวนของพวกท่าน”สามารถมาได้ก็นับว่าไว้หน้ามากแล้ว พูดว่าอยู่ต่อก็อยู่ต่อคือสถานการณ์อะไรกัน?ฮูหยินสามรีบพูดว่า “นายท่านซู ข้าจะดูแลแม่นางกู้อย่างดีแน่นอน หากท่านไม่วางใจ สามารถอยู่ต่อด้วยกันที่นี่ได้”นางไฉนเลยจะกล้าล่วงเกินกู้หว่านเยว่ หากกู้หว่านเยว่ยินดีอยู่ต่อจริงๆ ย่อมต้องได้รับการปรนนิบัติเป็นแขกทรงเกียรติก็มิปานซูจิ่งสิงเพียงกังวลสกุลหลี่จะทำให้กู้หว่านเยว่ลำบากจึงเอ่ยปากเตือนแต่ลงท้ายคนตัดสินใจย่อมต้องเป็นกู้หว่านเยว่“น้องหญิง เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“อยู่ก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ใคร่ครวญดูแล้ว อยู่ต่อก็สะดวกต่อการตรวจอาการหลี่ชิวเตี๋ยจริงนั่นล่ะยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็อยากเห็นว่าตกลงเกิดอันใดขึ้นกับบ้านสามนี้ ภายภาคหน้าจะสร้างปัญหาให้ตนหรือไม่ หากยังแยกแยะได้ไม่ชัดเจน นางก็ยินดีอยู่ในเมืองอวี้มากอีกสองสามวัน กำจัดบ้านสามทิ้งไปเสียเลย“ข้าจะไปจัดแจงเดี๋ยวนี้เลย”ฮูหยินสามรีบส่งแม่นมข้างกายตนออกไป พากู้หว่านเยว่ไปที่พักด้วยตนเอง“ต้องกระตือ
ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่เพิ่งตื่นนอนบังเอิญพบซูจิ่งสิงที่ออกไปสืบสถานการณ์ยามราตรีกลับมาพอดี“เป็นเช่นไร?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างอดใจรอแทบไม่ไหว เป้าหมายในการมาของนางในครั้งนี้ ก็คือต้องการยืนยันว่าบ้านสามสกุลหลี่มีเจตนาร้ายหรือไม่“บ้านสามสะอาดมาก ภายในจวนไม่มีของได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ผู้อาวุโสลำดับสามและฮูหยินสามสกุลอวี้รักกันมานานหลายปี เงินภายในคลังล้วนมีไว้ให้หลี่ชิวเตี๋ย”ซูจิ่งสิงลดผ้าปิดหน้าลง สืบมาตลอดทั้งคืน เขามีสีหน้าอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด“ลำบากท่านพี่แล้ว” กู้หว่านเยว่รีบยกนมร้อนๆ หนึ่งแก้วออกจากมิติ เร่งให้ซูจิ่งสิงนอนพักผ่อนในเมื่อผู้อาวุโสลำดับสามนับว่าประพฤติดี นางก็วางใจแล้ว ส่วนที่เหลือมากที่สุดคือผู้อาวุโสลำดับสามไม่ยอมแพ้ตนเองและซูจิ่งสิงก็เท่านั้น ภายภาคหน้ากู้หว่านเยว่ย่อมหาทางเปลี่ยนความคิดของเขาผู้อาวุโสลำดับสามเคยนำสกุลหลี่ไปขับไล่ศัตรูจากต่างแดน ชื่อเสียงน่าเกรงขาม สำหรับเขาผู้นี้หากไม่หาเรื่องได้ย่อมดีที่สุดหลังพักผ่อนกับซูจิ่งสิงดีแล้ว บังเอิญฮูหยินสามก็มาหาพูดว่าหลี่ชิวเตี๋ยฟื้นแล้วกู้หว่านเยว่รีบกินมื้อเช้าให้เสร็จ ถือเข็มเงินไปยังเรือนด้าน
เดิมทีหญิงสาวนึกว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่ากลับเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน“เจ้า”สวีซื่อฉวนอยากก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกคนของถูเอ้อร์ขวางไว้“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คนข้างหลังเขาก็ร้อนใจเช่นกัน เมื่อเห็นว่ากำลังจะตีกับถูเอ้อร์ จู่ๆ สวีซื่อฉวนเอ่ยขึ้น “ถอยให้หมด พวกเราไป”“หัวหน้ารอง...” หลายคนไม่พอใจ“ไป”สวีซื่อฉวนหันมองใบหน้าคนชั่วได้ใจของถูเอ้อร์แวบหนึ่ง แล้วกำหมัดแน่น พาคนของตัวเองจากไปอย่างเงียบเชียบ“ถุย คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้ารองจริงๆ หรือ”ถูเอ้อร์ถุยน้ำลายใส่แผ่นหลังเขาที่จากไป แล้วลากหญิงสาวที่เหลือออกไปหลังจากพวกเขาไปหมดแล้ว บนหลังคามีคนกระโดดลงมาสองคนซึ่งก็คือกู้หว่านเยว่กับหวังปี้ที่ดูอยู่เมื่อครู่“ดูท่าภายในของโจรพวกนี้ ก็ไม่ได้สามัคคีกันมากนัก”หวังปี้กล่าวพร้อมถอนหายใจ“ก่อนหน้านี้ทุกคนอยู่บนเขา เรียกท่านพี่ใหญ่ เรียกข้าพี่รอง เรียกขานกันดุจพี่น้องตอนนี้ยึดเมืองเหยาได้แล้ว จึงคิดอยากเป็นใหญ่ จะยอมแบ่งอำนาจได้หรือ”หวังปี้บ่นพร้อมส่ายหน้า กู้หว่านเยว่เพียงเม้มปากยิ้ม“นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่หรือ จะได้ยุยงให้พวกเขาแตกคอกัน”นางดึงหวังปี้ “ไป พวกเ
ก่อนจากมา กู้หว่านเยว่ยัดเงินใส่มือของจางเอ้อร์“ตอนนี้อยู่ข้างนอก อีกทั้งท่านยังบาดเจ็บ มีเงินอยู่กับตัวดีกว่าไม่ดี รับไว้เถอะ”“แม่นางกู้ บรรพบุรุษของข้าจางเอ้อร์ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้มารู้จักกับท่าน”จางเอ้อร์ชั่งน้ำหนักเงินที่อยู่ในมือซึ่งน้ำหนักค่อนข้างมาก น้ำเสียงสะอื้น แล้วมองทั้งสองจากไป“พระชายา เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรารีบไปเมืองเหยากันเถอะ”หวังปี้เอ่ยเตือน ในไม่ช้าทั้งสองคนมาถึงนอกเมืองเหยาขณะนี้ภายในเมืองเหยาเงียบสงัดบนถนนเต็มไปด้วยศพที่นอนเกลื่อนกลาด ในอากาศกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เลือดไหลมาบรรจบกันดุจแม่น้ำสายเล็กแล้วไหลลงสู่คูเมือง จนทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงฉานร้านรวงสองข้างทางถูกปล้นจนว่างเปล่า ถูกทำลายบ้าง ถูกเผาบ้างภายในจวนเจ้าเมือง มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง กอดกันร้องไห้ส่วนมากพวกนางเป็นหญิงชาวบ้านในเมืองถูกโจรจับมาไว้ในจวน เพื่อให้พวกมันย่ำยี“ข้าอยากกลับบ้าน...”“ท่านพ่อท่านแม่ตายแล้ว พี่น้องก็ตายหมดแล้ว”“พวกเรายังมีบ้านหรือ?”“ไม่มี ไม่มีบ้านแล้ว ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว...”จากนั้นเสียงร้องไห้ดังขึ้นระงมขณะนี้ นอกประตูมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามากะทันหันแ
แต่นึกไม่ถึงว่าทำดีไม่ได้ดี ความเมตตานี้กลับถูกคนชั่วหลอกใช้หลังจากเอ้อร์คำนับเสร็จ ก็ยันตัวลุกขึ้นยืนกู้หว่านเยว่ตรวจดูอาการของเขาสักครู่“ข้ากับแม่ทัพหวังยังมีธุระต่อ เกรงว่าคงอยู่ดูแลเจ้าที่นี่ไม่ได้ ที่นี่มีเงินถึงหนึ่ง เจ้ารับไป แล้วหาที่รักษาตัวเถอะ”กู้หว่านเยว่นำก้อนเงินเล็กถุงหนึ่งยื่นให้จางเอ้อร์จางเอ้อร์เห็นถุงก้อนเงินเล็กขอบตาแดงไปหมด มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาตื้นตันในยามนั้นการทำดีตอนเนรเทศ วันนี้ถือว่ามีส่วนช่วยเขาอย่างใหญ่หลวง“แม่นางกู้”แต่ว่าเขาไม่ได้ยื่นมือไปรับถุงก้อนเงินเล็กมา“พวกท่านจะไปเมืองเหยาหรือ?”กู้หว่านเยว่สบตากับหวังปี้แวบหนึ่ง เนื่องจากจางเอ้อร์ไม่ใช่คนเลว ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ปิดบัง แต่ว่าทัพใหญ่ของหนางหยางอ๋องตั้งค่ายอยู่ในภูเขาเหยา ทั้งสองไม่ได้เปิดเผยให้รู้“ถูกต้อง พวกเราสองคนต้องไปทำธุระในเมืองเหยา”“พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” จางเอ้อร์ถามหยั่งเชิงคราวนี้กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล ส่ายหน้าทันที“ท่านคงยังไม่รู้สถานการณ์ในเมืองเหยา เมืองเหยาถูกพวกโจรโจมตีแล้ว ตอนนี้พวกโจรกำลังฆ่าคนไปทั่วเมือง คนทั่วไปเมื่อเข้าไปก็จะไม่ได้ออกมาอีกอีกอย่าง
ไม่ว่าเขาจะเรียกร้องอย่างไร หัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังก็เหมือนคนนอนหลับ ไม่มีการตอบสนองสักนิด“จางเอ้อร์ หักห้ามใจเถอะ”หวังปี้ถอนหายใจ พร้อมเอ่ยเตือนเขาเข้าใจอาการคลุ้มคลั่งในยามนี้ของจางเอ้อร์ดี เพียงแต่ คนตายไม่อาจฟื้นคืน“ข้าผิดคำพูดแล้ว”ในใจจางเอ้อร์เสียใจอย่างที่สุดเขาเคยรับปากหัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังว่าจะช่วยเขา“ข้าจะทำแผลให้ท่านก่อน”กู้หว่านเยว่นำขวดยาและผ้าพันแผลที่ติดตัวมา ทำแผลให้จางเอ้อร์“ขอบคุณแม่นางกู้”จางเอ้อร์น้ำตาร่วงต่อให้ในใจจะเสียใจเพียงใด เขาก็รู้ว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงบาดแผลบนตัวจางเอ้อร์ค่อนข้างลึก กู้หว่านเยว่ทำแผลได้เพียงเบื้องต้น เพื่อไม่ให้บาดแผลอักเสบ“ท่านลุกขึ้นยืนได้หรือไม่?”หลังทำแผลเสร็จ กู้หว่านเยว่สอบถามนางและหวังปี้ต้องเข้าไปสืบข่าวในเมืองเหยา จึงดูแลจางเอ้อร์เป็นเวลานานไม่ได้“ข้า ข้าพอยืนได้”หลังกินยาของกู้หว่านเยว่เข้าไป เรี่ยวแรงของจางเอ้อร์ฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง“ยืนได้ก็ดีแล้ว ใช่สิ สำนักคุ้มภัยของพวกท่านพบเจอเรื่องใดหรือ ถึงได้ล้มตายกันหมดเช่นนี้?”กู้หว่านเยว่สอบถาม เมื่อครู่ระหว่างทำแผลให้จางเอ้อร์ นางมองสำรวจโดยรอบพ
เขาโกรธจนกำหมัดแน่นเพื่อให้ทหารระบายความแค้น ก่อนและหลังโจมตีเมือง บางกองทัพจะฆ่าล้างบางชาวบ้านหนึ่งเพื่อข่มขวัญผู้คนที่อยู่ในเมืองสองเพื่อให้เหล่าทหารผ่อนคลายเพียงแต่หนางหยางอ๋องและซูจิ่งสิงปกครองอย่างเข้มงวด ไม่เคยปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น“พวกเราไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงเก็บสายตากลับมาเงียบๆตั้งแต่โบราณผู้ที่ทุกข์ร้อนในศึกสงครามก็คือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ขณะที่ทั้งสองเตรียมจากไป จู่ๆ ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแผ่วเบามาจากถนนสายเล็กด้านข้าง“ทางนั้นเหมือนจะมีคน”หวังปี้รีบหันมองทันที“ไป พวกเราไปดูสักหน่อย” กู้หว่านเยว่ลากหวังปี้เข้าไปตรวจดูด้วยกัน ปรากฏว่าเห็นคนสองคนล้มอยู่ในพงหญ้าบนตัวทั้งสองคนเต็มไปด้วยเลือด บนตัวมีบาดแผลจากดาบไม่น้อย“น้องเล็ก ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาน่าจะเป็นคนของสำนักคุ้มภัย”หวังปี้เปลี่ยนสรรพนามอย่างระวัง กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินไปหาคนที่ขอความช่วยเหลือนางรู้สึกว่าเสียงของคนผู้นี้คุ้นหูอยู่บ้างพอดีกับที่ชายผู้นั้นเห็นว่ามีคนเข้ามา จึงรีบมองไปทางพวกกู้หว่านเยว่เมื่อทั้งสองสบตากัน ต่างชะงักไปทันใด กู้หว่าน
“พี่น้องสกุลฮั่ว เจ้าไม่เป็นไรนะ?” กู้หว่านเยว่เดินมาตรงหน้าฮั่วจี๋ แต่อีกฝ่ายยังอยู่บนหลังของหวังปี้ ไม่มีแรงลงมา“คารวะพระชายา”ฮั่วจี๋ใช้หางตาเหลือบมองกู้หว่านเยว่แวบหนึ่งท้องฟ้ามืดสลัว เขาเองก็มองไม่ชัดว่าหน้าตากู้หว่านเยว่เป็นอย่างไรแต่ว่าเขาเพิ่งเคยเห็นหญิงสาวลอบโจมตีสนามรบพร้อมกองทัพยามวิกาลเป็นครั้งแรก ในใจจึงรู้สึกนับถือมาก คำพูดที่พูดกับกู้หว่านเยว่จึงเคารพมาก“พระชายาโปรดอภัย ข้าน้อยไม่อาจลงไปคารวะด้วยตัวเอง”“แค่พิธีเท่านั้น รักษาตัวสำคัญกว่า”กู้หว่านเยว่เป็นคนในยุคปัจจุบัน จึงไม่ใส่ใจพิธีรีตองมากนักอีกอย่างพวกนางกำลังเร่งเดินทาง ไม่จำเป็นต้องให้ฮั่วจี๋ลงจากหลังหวังปี้ เพียงเพื่อทำความเคารพเท่านั้นฮั่วจี๋คุยกับกู้หว่านเยว่เพียงไม่กี่คำ พลันหลับตาลงอย่างอึดอัดบิดาและพี่ชายเพิ่งเสียชีวิต ประชาชนชาวเมืองเหยาตกอยู่ในอันตราย เขาเป็นแม่ทัพน้อยแห่งเมืองเหยา จึงไม่มีแก่ใจพูดคุยกับใครเมื่อนึกถึงกลุ่มโจรเหล่านั้นในเมืองเหยา ที่เข้ามาปล้นชิงฉุดคร่าทำให้หมัดของฮั่วจี๋ กำแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมเขาโกรธมาก!สกุลฮั่วเฝ้ารักษาเมืองเหยามาตลอดชีวิตราษฎรเมืองเหยาคือครอบ
ฮั่วจี๋รู้สึกแค้นเคืองภายในใจเพียงเขาหลับตาลงหนึ่งข้าง เบื้องหน้าก็ปรากฏภาพศีรษะของบิดาและพี่ชายถูกห้อยอยู่หน้าประตูเมืองหากมิใช่เพราะฮ่องเต้ชั่วตัดสินใจผิดพลาด ไฉนเลยสกุลฮั่วของเขาจะตกลำบากมาถึงขั้นนี้ได้?“ก่อนกองโจรโจมตียึดครองเมืองสองสามวัน ท่านพ่อและพี่ชายได้รับข่าวมาแล้ว ตั้งใจเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ ขอความเมตตาจากฝ่าบาทเคลื่อนย้ายกำลังพลจากคูเมืองละแวกใกล้เคียงมาเพียงน่าเสียดาย ฝ่าบาทไม่สนใจพวกเราเลยแม้แต่น้อย”ฮั่วจี๋ย้อนนึกถึงความทรงจำทีละน้อย ภายในสายตาเปี่ยมไอแค้น“บิดาและพี่ชายไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงย้ายข้าออกมาก่อนเป็นอันดับแรก”ที่แท้ฮั่วจี๋ไปเลือกกำลังพลในวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่สกุลฮั่วสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่แรก ตั้งใจส่งเขาออกไป“ข้าไม่เต็มใจจากไป ท่านพ่อและท่านพี่สั่งให้คนตีข้าจนหมดสติตอนข้าฟื้นขึ้นมา ทั้งหมดก็สายไปแล้ว”อาจเพราะคนของสกุลฮั่วรู้ว่าไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้อีก ดังนั้นจึงต้องการเก็บสายเลือดสุดท้ายไว้ นี่ถึงส่งฮั่วจี๋ออกไป“หลานชาย”หนานหยางอ๋องถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ไม่รู้สมควรปลอบเยี่ยงไรนึกถึงตอนแรก เขาและเหล่าฮั่วสองคนต่อสู้เ
“ข้ารู้แล้ว ขอบคุณเจ้าที่ยอมเล่าให้พวกเราฟัง”กู้หว่านเยว่มองเจียงม่านมากอีกทีหนึ่ง กลับไม่ดูเบาเพียงเพราะนางเป็นสตรีในโลกีย์“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เล่าความจริงให้พวกท่านฟัง นั่นเพราะข้าไม่สามารถแยกออกว่าพวกท่านเป็นมิตรหรือศัตรูกังวลพูดฐานะของคุณชายฮั่วออกไป จะนำมาซึ่งหายนะ”เจียงม่านคำนับกู้หว่านเยว่“ล่วงเกินไปที่ใด หวังว่าแม่นางจะให้อภัย”บัดนี้ได้เห็นกู้หว่านเยว่ออกมือช่วยเหลือฮั่วจี๋ด้วยตนเอง นางก็คือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตฮั่วจี๋ปัดเศษดูแล้ว ภายภาคหน้าก็เป็นผู้มีบุญคุณของเจียงม่านนางเฉกเดียวกัน“ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้”กู้หว่านเยว่ยื่นอาหารแห้งให้นาง“ยังไม่ได้กินข้าวกระมัง รองท้องก่อนเถอะ”เจียงม่านเลียริมฝีปาก นับตั้งแต่หนีออกจากเมืองเหยา เพื่อป้องกันถูกคนพบเห็น นางเองก็ไม่กล้าพาฮั่วจี๋ไปยังที่ที่มีคนมากนางไม่กล้าไปแม้แต่โรงน้ำชาเพื่อจิบชา กลัวถูกคนรู้ฐานะนางไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว ได้เห็นอาหารแห้งตาก็ลุกวาว รีบรับอาหารแห้งไปด้วยสองมือ ขอบคุณกู้หว่านเยว่นับพันนับหมื่นครั้งทุกคนเดินไปราวระยะหนึ่ง ฮั่วจี๋ก็ฟื้นขึ้นมาหลังเขาฟื้นแล้ว หนานหยางอ๋องก็แสดงตัว พูดคุย
นางอยากเปิดบาดแผลของฮั่วจี๋ให้พวกเขาดู แต่มือสองข้างถูกมัดไว้“คุณชายถูกยิงที่อก ลูกธนูยังอยู่ข้างในเจ้าค่ะ!”หนานหยางอ๋องเลื่อนคบเพลิงเข้าใกล้อกของฮั่วจี๋ได้เห็นลูกธนูที่บาดแผลบนอกของเขาไม่ผิดไปดังคาด ถูกเกราะบังไว้ เห็นได้ไม่ชัดนัก“พระชายา ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”หนานหยางอ๋องมองทางกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้พวกเขาออกมาเป็นหน่วยจู่โจมสายฟ้าแลบ ข้างกายมิได้พาหมอทหารมาด้วย“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่พกกระเป๋ายาติดมาด้วย ก็เพื่อรับมือในยามจำเป็นแผลถูกธนูยิงนี้สำหรับนางกลับเป็นเรื่องเล็ก“วางคนนอนราบก่อน ข้าจะดูอาการของเขา”หวังปี้รีบขยับขึ้นไป “ข้าเอง”เขามือเท้าคล่องแคล่วว่องไว แก้มัดเชือกบนตัวฮั่วจี๋ออก จากนั้นจับคนนอนราบ“เอาคบเพลิงมาอีกสองอัน ส่องสว่างให้ข้า”เพื่อป้องกันมิให้มีแสงไฟ ทำให้คนสังเกตเห็นเบาะแสดังนั้นภายในหน่วยจึงจุดคบเพลิงเพียงหนึ่งถึงสองอันหนานหยางอ๋องนำคบเพลิงสองอันมา สั่งให้คนย่อตัวถือคบเพลิงข้างกายกู้หว่านเยว่ ส่องแสงให้นางขั้นตอนการดึงธนูออกมีเลือดเล็กน้อยกู้หว่านเยว่สวมถุงมือ การกระทำเป็นขั้นเป็นตอน คีบลูกธนูที่หักออกมาก่อน ล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ โรยผงยาแก