“ทั้งหมดนั่นก็แค่หลอกเจ้า ใครใช้ให้เจ้าให้เงินข้ามากมายเช่นนั้น ข้าก็ต้องพูดอะไรดี ๆ ให้เจ้าฟังสิ”“ทะ ท่าน...อุ๊บ!” สวีหลานคงไม่คาดคิดว่าจางเย่ว์จะพูดเช่นนี้ นางโกรธจนกระอักเลือดออกมา แล้วล้มลงไปบนตัวจางเย่ว์อย่างอ่อนแรงจางเย่ว์เหมือนอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง รีบผลักสวีหลานออกจากตัวเขา“ตอนนี้พวกท่านคงเชื่อแล้วสินะ ขอแค่พวกท่านปล่อยข้าไป ข้ารับรองว่าจะไม่แก้แค้นอ้อ แล้วก็ข้ายังสามารถช่วยเป็นพยานให้พวกท่าน เปิดโปงนางด้วย”ในขณะที่จางเย่ว์กำลังเอาตัวรอด เขาก็ไม่ลืมที่จะหักหลังสวีหลานแม้ว่ากู้หว่านเยว่จะเกลียดสวีหลานมาก แต่ในเวลานี้ก็อดสงสารนางไม่ได้ผู้ชายคนนี้ น่ากลัวมากจริง ๆ !”“น้องหญิง ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่มีวันเป็นแบบนี้”ซูจิ่งสิงรีบเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองจางเย่ว์ด้วยสายตารังเกียจ เขาตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตของจางเย่ว์ก็ต้องจบลง“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ ท่านรักข้า”สวีหลานยังคงส่ายหัว“ข้ารู้ว่าท่านรักตัวกลัวตาย นี่ต้องเป็นเรื่องโกหกที่ท่านพูดเพื่อเอาตัวรอดแน่ ๆ ข้าไม่โทษท่านหรอก พี่เย่ว์”“ไม่ ข้าไม่ได้รักเจ้าจริง ๆ ”จางเย่ว์กลอกตาไปมา ไม่รู้ว่าสำนึกผิดห
ซูจิ่งสิงมองตามสายตาของกู้หว่านเยว่ กระทั่งเห็นบุรุษผมขาวผู้หนึ่งเดินนำผู้ติดตามเข้ามาอีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมสีดำทมิฬ ขับให้ผมสีขาวของเขาดูโดดเด่นมากขึ้น ยามเขาเดินอยู่บนถนนก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนในบริเวณนั้นไปไม่น้อยบุรุษผมขาวมีท่าทีนิ่งสงบ สายตามองตรงไม่มีไขว่เขวแต่จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาของสองสามีภรรยากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง จนต้องหันไปมองพวกเขาเมื่อสายตาประสานกัน ในใจของกู้หว่านเยว่กลับไม่ได้รู้สึกเกลียงชัง ทั้งยังพยักหน้าเล็กน้อยให้บุรุษผมขาวเพื่อแสดงความเป็นมิตรนัยน์ตาของจงหลี่วูบไหวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมสตรีผู้นี้ถึงทำให้เขารู้สึกคุ้นหน้ายิ่งนักแต่น่าเสียดายที่กู้หว่านเยว่ใส่ผ้าคลุมหน้า เขาเห็นแค่ดวงตาคู่นั้นแม้ว่าจะเห็นเพียงดวงตาคู่นั้น แต่เรื่องที่น่าแปลกใจก็คือ จงหลี่เกิดความรู้สึกดีกับเจ้าของดวงตาคู่นี้เขาผู้ซึ่งไม่ชอบปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แม้ว่าจะอยากเข้าไปทำความรู้จักกับกู้หว่านเยว่แต่กู้หว่านเยว่กลับละสายตากลับไป นางชอบดูคนซุบซิบนินทากันแต่ก็ได้แค่ดูเท่านั้น ในใจของนางยังอยากเดินเล่นตลาดในเมืองอวี้ อยากเห็นว่าเมืองอวี้แห่งนี้เป็นอย่างไร“ท่านพ
กู้หว่านเยว่กำชับสั้น ๆ หลี่เฉินอันพยักหน้าน้อมรับคำสั่งทั้งสามคนเดินมาถึงห้องโถง มู่หรงอวี้กำลังรออย่างกระวนกระวายใจ จากเมืองตู้เปียนมาถึงเมืองอวี้ เส้นทางนี้ไม่ใช่ทางเดียวกับโรงเตี๊ยมเลยสักนิด ทุกคนรู้ดีว่าเจดีย์หนิงกู่นั้นยากจน แต่ไม่คิดว่าจะยากจนข้นแค้นเช่นนี้มู่หรงอวี้เดินทางอยู่หลายวัน แทบไม่ได้ล้างเนื้อล้างตัวเลย คนกลัวความสกปรกอย่างเขาจึงค่อนข้างทรมานจนแทบทนไม่ไหวเดิมทีคิดว่าหากถึงจวนโหวแล้ว ทุกคนคงรู้สถานะของเขา ต้อนรับเขาราวกับแขกผู้มีเกียรติใครจะรู้ละว่าเขาและเถาเอ๋อร์จะถูกทิ้งอยู่ในนี้ รอจนเวลาผ่านไปแล้วครึ่งชั่วยามทันทีที่หลี่เฉินอันและกู้หว่านเยว่เข้ามา ก็ได้ยินเสียงที่พยายามข่มความโกรธและประชดประชันของมู่หรงอวี้“อ๋องหลี่ก็ช่างวางอำนาจบาตรใหญ่เสียจริง ๆ ปล่อยให้ข้ารออยู่ในนี้หนึ่งชั่วยามแล้ว ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำเรื่องใหญ่อะไรนะขอรับ”สายตาคู่นั้นมองข้ามหลี่เฉินอันไปโดยสิ้นเชิง เด็กอายุเพียงสิบสองสิบสามปี แต่จิตใจกลับต่ำช้ายิ่งกว่าสิ่งใดสายตาคู่นั้นกวาดมองมายังกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง ทั้งสองคนปลอมตัวเข้ามา มู่หรงอวี้กลับมองไม่ออก เพียงแวบเดียวก็ไม่ได้ใ
บุรุษผู้ใส่เสื้อผ้ารัดรูปทั้งตัว ดูแล้วคล้ายกับข้ารับใช้ของขุนนางใหญ่ เคราบนหน้าก็รกรุงรังน่าขยะแขยงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้“เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ”หลี่เฉินอันกำหมัดแน่น ทุบโต๊ะอย่างโกธเคือง “อาจารย์และอาจารย์หญิงของข้าไม่ใช่พลหทารไร้นาม ท่านเป็นใคร กล้าดียังไงมาพูดแทรกเช่นนี้?”กล้าว่าร้ายอาจารย์ของเขาโดยเฉพาะอาจารย์หญิง? เขาทนไม่ได้เถาเอ๋อร์กลับคิดไม่ถึงว่าหลี่เฉินอันจะกล้าลองดีกับตนเช่นนี้ ในสายตาของนางหลี่เฉินอันเป็นแค่เครื่องมือ “หากไม่ใช่เพราะข้าเขียนถึงเจ้า เดิมทีเจ้าก็ไม่มีตัวตน เจ้ากล้าดีอย่างไรมากล่าวหาว่าข้าเป็นใคร?”นางคือผู้เขียนต้นฉบับ เทียบกับองค์หญิงแล้ว ไม่สิ เทียบกับฮ่องเฮาแล้วยังมีเกียรติมากกว่าเสียอีก ชะตาของทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนแต่อยู่ในการควบคุมของนางทั้งสิ้น!หลี่เฉินอันตกอยู่ในความงุนงง “ท่านแม่ให้กำเนินข้า จะมีตัวตนหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าไม่ทราบ?”วาจาของคนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก หางตาของกู้หว่านเยว่กลับปรากฏเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่แท้เถาเอ๋อร์ก็เป็นผู้เขียนต้นฉบับนี่เองในต้นฉบับกู้หว่านเยว่มักจะพูดแขวะถึงผู้เขียนอยู่หลายครั้ง ทำไมต้องเขียนให้ข
ทางฝั่งของมู่หรงอวี้เมื่อถูกกล่าวเช่นนี้ ก็เริ่มหวั่นไหว สุดท้ายเขาก็ยังตัดสินใจที่จะเลือกจัดการกับซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ก่อนแล้วค่อยว่ากันตราบใดที่สองคนนี้ยังอยู่ เขาก็ยังต้องเจอกับความโชคร้าย จากคำกล่าวของเถาเอ๋อร์ เพียงจัดการกับพวกเขา เหตุใดยังต้องกังวลว่าตนจะหวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้งไม่ได้?“บนตัวของข้าเหลือเงินอยู่เพียงเท่านี้”มู่หรงอวี้ล้วงหยิบตั๋วเงินที่มีออกมา โชคดีที่เขายังมีคลังส่วนตัวหลายแห่งในเมืองที่ยังไม่โดนกวาดล้าง รอใช้เงินหมดเมื่อไหร่ ค่อยกลับไปเติมเงินในเมืองก็ย่อมได้กู้หว่านเยว่ชำเลืองมองเงินห้าร้อยเหรียญด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย “น้อยขนาดนี้ มู่หรงอวี้เจ้าช่างยากจนยิ่งนัก”ทันทีที่ได้เงินมา กู้หว่านเยว่ก็ใช้เสียงของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงอวี้เริ่มรู้สึกถึงบางอย่างไม่ชอบมาพากล น้ำเสียงของอีกฝ่ายช่างคุ้นหูยิ่งนัก“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”มู่หรงอวี้เริ่มครุ่นคิดอย่างตื่นตระหนก ทั้งยังแอบคิดในใจ ‘เขาคงไม่ได้ล่มเรือในหนองน้ำเองหรอกนะ’ซูจิ่งสิงที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่อยากปลอมตัวแล้วเช่นกัน รีบกระชากหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าออกทันที
เมื่อเห็นท่าทางของกู้หว่านเยว่เหมือนจะยิ้มแต้ก็ไม่ยิ้ม มู่หรงอวี้ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“กู้หว่านเยว่ เจ้ากล้าดูถูกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” มู่หรงอวี้เคียดแค้นชิงชังกู้หว่านเยว่มาก ยิ่งกว่าซูจิ่งสิงไปแล้ว สตรีที่ทำให้เขาเสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าผู้นี้ เขาเกลียดเข้ากระดูกดำจนอยากให้กู้หว่านเยว่ได้ลิ้มลองรสชาติของการโดนล้อบ้าง“เจ้าอยากฆ่าข้าหรือ?”กู้หว่านเยว่นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยกแก้วชาขึ้นมาแกว่งเล่น“นี่คืออาณาบริเวณของข้า เจ้าอยากฆ่าข้าดูเหมือนจะยากอยู่ไม่น้อย ไม่สู้เป็นห่วงชีวิตของตัวเองก่อนดีหรือไม่?”เพียงแวบเดียว เหล่าผู้คุ้มกันของจวนโหวก็ทยอยกันตวัดมีด ข่มขู่ให้มู่หรงอวี้กลัวจนขาอ่อนดูท่าคนของจวนโหวผู้นี้จะเชื่อฟังกู้หว่านเยว่“ข้าคือท่านอ๋อง เจ้ากล้าฆ่าข้า ไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะเข้าหูฝ่าบาทหรอกหรือ?”“หากข้ากราบทูลฮ่องเต้น้อยว่าคลังส่วนตัวของเจ้าแอบซ่อนสมบัติและคลังอาวุธไว้ล่ะ?” กล้าข่มขู่นางนักใช่ไหม ก็คอยดูว่าใครจะข่มขู่ใครกันแน่“เจ้าเก่งนักนะ!”มู่หรงอวี้เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมา เขาไม่กล้ากราบทูลให้ฮ่องเต้จัดการซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ทั้งยั้งเป็นกังวลว่าซูจิ่
มู่หรงอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย ใช่ เวลานี้ซูจิ่งสิงอยู่ในเมืองอวี้แล้ว คงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันหมู่บ้านสือหานแต่อย่างใดหากเขาถือโอกาสนี้พากลุ่มคนเข้าไปล้อมโจมตีหมู่บ้านสืนหาน ไม่เพียงแต่จะสามารถจับตัวครอบครัวของซูจิ่งสิงได้แล้ว ยังสามารถยึดของมีค่าอยู่วางอยู่แนวหลังของอีกฝ่ายมาบีบบังคับพวกเขาได้อีกด้วยต้องรู้ว่าหมู่บ้านสือหานไม่ได้มีเพียงสหายและครอบครัวของซูจิ่งสิง แต่ยังมีเสบียงอีกไม่น้อย.......ทางฝั่งกู้หว่านเยว่หลังจากขับไล่มู่หรงอวี้แล้ว จู่ ๆ นางก็นึกถึงเรื่องของสวีหลานขึ้นมาได้ นางจึงหันไปถามหลี่เฉินอันว่า “เรื่องของสวีหลานจัดการเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?”หลี่เฉินอันพยักหน้าอย่างสุภาพ “จากหลักฐานที่ปรากฏ สวีหลานดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสที่เดิมทีอยู่ข้างนางก็ถึงกับหมดคำพูด”“ช่วงบ่ายคนของสกุลสวีจะมาที่นี่ แต่ข้าคิดว่า ต่อให้คนของสกุลสวีมาถึงที่นี่ ก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาทอดทิ้งนาง ไม่มีทางช่วยนางอย่างแน่นอน”สวีหลานในตอนนี้คือคนล้มที่ทุกคนพร้อมจะเหยียบย่ำกู้หว่านเยว่ไม่ได้สนใจชีวิตของสวีหลาน “ชีวิตของนาง เจ้าตัดสินเองเถอะ”หลี่เฉินอันพยักหน้าและกล่าวทันทีว่
เสียงร้องคร่ำครวญจากการถูกทรมานของสวีหลานดังขึ้นอย่างน่าเวทนา แม้แต่กู้หว่านเยว่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในจวนด้านหลังก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน“ท่านพี่ เราไปดูกันเถอะ”เมื่อถูกก่อกวนจนไม่สามารถทำงานได้ กู้หว่านเยว่จึงอยากไปดูให้เห็นกับตา“ไปกันเถอะ”ซูจิ่งสิงรักภรรยามาก เขาอุ้มนางและกระโดดไปบนกำแพงของหอบรรพบุรุษสกุลหลี่สวีหลานถูกขึงมือและเท้าอยู่บนกระดานไม้เหมือนเมื่อวาน ไม่ว่าจะโดนเฆี่ยนกี่ครั้ง นางก็ยังปกป้องจางเยว่อยู่เสมอ“จะฆ่าจะแกงก็มาลงที่ข้า ปล่อยพี่เยว่ไป”ท่าทางที่ดูไร้ค่านั้นยิ่งยั่วโมโหผู้อาวุโสสกุลหลี่มากกว่าเดิม“นังสารเลว ไร้ยางอายยิ่งนัก ต่อหน้าพวกข้าเจ้ายังปกป้องชายชู้ของเจ้า”“น่าขายหน้ายิ่งนัก คุณธรรมประจำตระกูลของสกุลหลี่ถูกเจ้าทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี”ในตระกูลนี้มีผู้อาวุโสที่หน้าบางอยู่หลายคน พวกเขาโกรธจนต้องเมินหน้าไปทางอื่นไม่อยากเห็นสวีหลานและจางเยว่ที่กำลังแสดงฉากรักที่น่าขยะแขยงผู้อาวุโสสำดับสองเห็นว่าทุกคนถูกสอบสวนเสร็จแล้ว จึงรีบกล่าวว่า“เสี่ยวอัน พอได้แล้ว รีบพาสวีหลานไปขังเถอะ”ความจริงแล้วเขาไม่อยากได้ยินวาจาหยาบคายของสวีหลานต่างหาก เขารู้สึกดีอย
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก