ในตอนนั้นเองเหล่าผุ้อาวุโสของหอบรรพบุรุษออกมาพอดี พวกเขามองหลี่เฉินอันและกู้หว่านเยว่ด้วยความเคารพ“ชายหญิงคู่นั้นเป็นใคร?” ผู้อาวุโสลำดับสามกล่าวถามด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง“ได้ยินว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตองค์ชายไว้ องค์ชายเรียกพวกเขาว่าอาจารย์ และเชื่อฟังพวกเขามาก”คนที่อยู่ถัดไปกล่าวไขข้อข้องใจ ผู้อาวุโสลำดับสามสบถด่าอย่างไม่สบอารมณ์“องค์ชายยังเด็กนัก จึงย่อมอ่อนน้อมถ่อมตนต่อคนนอก เขาไม่ได้เห็นพวกเขาเป็นผู้มีพะคุณอะไรหรอก แค่กลัวว่าเจดีย์หนิงกู่แห่งนี้จะกลายเป็นของคนนอกเท่านั้น”“ไม่ใช่หรอก” ผู้อาวุโสสกุลหลี่คนอื่นต่างพากันส่ายหน้าผู้อาวุโสลำดับสามกลับคิดจริงจัง เขาลูบเคราพลางกล่าวว่า “ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่รู้ว่ามีคนไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่ในสายตาของนาง นางต้องทำเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าก่อน“นี่คือแผนที่ของเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่คลี่แผนที่ที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ“ทิศเหนือคือเมืองตงโจว ทิศใต้คือเมืองหลวงของฮ่องเต้”นางสร้างความโกลาหลใหญ่โตถึงเพียงนี้ แม้จะบอกว่าห่างไกลจากพระเนตรของฮ่องเต้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว
“ผู้ว่าการเมืองอวี้ชื่อว่าทังต่า เป็นลูกเขยของผู้อาวุโสลำดับสามสกุลหลี่”ซูจิ่งสิงกล่าวเสียงเบากู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”บุรุษผู้นี้กำลังทำอะไรบางอย่างลับหลังนาง!ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มที่น่าเชื่อถือออกมา “ภรรยาของข้าอยากเปิดกิจการขนาดใหญ่ในเจดีย์หนิงกู่ ข้าจึงอยากช่วยอย่างสุดกำลัง”เขากล่าวพร้อมกับยื่นรายชื่อไปให้นางด้วยสายตาเอาใจ“นี่คือรายชื่อของขุนนางของเมืองอวี้ ในนั้นมีประวัติส่วนตัวของทุกคนเขียนไว้อย่างละเอียด”กู้หว่านเยว่เปิดดู หนึ่งในนั้นมีชื่อของผู้ว่าการทังด้วยเมื่อเงยหน้าขึ้นมองซูจิ่งสิง ในใจของนางก็พลันดีใจ “สามีของข้าพึ่งพาได้จริง ๆ”แต่ผู้ว่าการถังผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ หลังจากปิดรายชื่อลง กู้หว่านเยว่ก็ตัดสินใจไปเจออีกฝ่ายก่อนแล้วค่อยว่ากันเรื่องที่กู้หว่านเยว่อยากเจอผู้ว่าการของเมืองอวี้และเมืองตู้เปียน ได้แพร่กระจายเข้าหูทุกคนแล้ว“กู้หว่านเยว่ผู้นี้เป็นใครกัน องค์ชายหลี่อยากเจอข้า ข้ายังคิดหนักว่าจะไปหรือไม่ไป สตรีอย่างนางอยากเจอข้าอย่างนั้นหรือ?”ผู้ว่าการทังยิ้มเยาะด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เขาไม่เคยเห็นกู้หว่านเยว่อยู่
ซูจิ่งสิงไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่เขากลับเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะสร้างความขุ่นเคืองให้ภรรยาของตน“ไม่เป็นไร เกิ่งกวงจะถึงเมื่อไหร่”กู้หว่านเยว่กวาดตามองตำราเรียนอย่างนิ่งสงบ ตั้งใจจะเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างสักหน่อย“พรุ่งนี้น่าจะถึงแล้ว”เกิ่งกวงมาพร้อมกับทหารระดับยอดฝีมือหนึ่งพันคน กู้หว่านเยว่กระตุกมุมปาก และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“ดูจากเวลาแล้ว ผู้ว่าการหลิวก็น่าจะถึงแล้วเช่นกัน เช่นนั้นหากผู้ว่าการทังไม่มา ก็ให้เกิ่งกวงไปลากตัวเขามาล่ะกัน”ในเมื่อนางได้ครอบครองเจดีย์หนิงกู่และเป็นเจ้าเมืองของเจดีย์หนิงกู่แล้ว ใครจะกล้าคัดค้านนางละ? รนหาที่ตายเสียเปล่า ๆ “ผู้ว่าการทังทำงานได้ดี ไว้ข้าจะคอยดู”กู้หว่านเยว่เปิดตำราอ่านต่อ เช้าวันรุ่งขึ้น เกิ่งกวงพาทหารระดับยอดฝีมือหนึ่งพันคนเข้ามาในเมืองอวี้ จากนั้นก็ตรงมาตั้งถิ่นฐานใกล้กับจวนโหว อำนาจบารมีของเขาสร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนไม่น้อย“ยอดเยี่ยม เจดีย์หนิงกู่ของเรามีทหารม้าที่แข็งแกร่งและชุดเกราะอันประณีตงดงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ทหารยอดฝีมือหนึ่งพันคนหน้าประตูจวนโหวสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนไม่น้อยในความทรงจำของทุกคน เจดีย์ห
“สตรีที่ออกเรือนแล้วนางนี้คือใคร เหตุใดถึงมานั่งอยู่กลางโถง?”ผู้ว่าการอำเภอทังพูดกับกู้หว่านเยว่อย่างไม่เกรงใจผู้ว่าการอำเภอหลิวรออยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกโรง จึงรีบพูดว่า“บังอาจนัก เหตุใดถึงพูดจากับแม่นางกู้เช่นนั้น แม่นางกู้คือนายของพวกเรา”กู้หว่านเยว่เหลือบมองผู้ว่าการอำเภอหลิว ผู้ว่าการอำเภอหลิวผู้นี้ต่างหากที่เป็นตัวตลก“นายหรือ? ฮ่า ๆ ข้ามีนายเพียงคนเดียว นั่นก็คือหลี่โหวเหย”ผู้ว่าการอำเภอทังพูดอย่างจงใจ“แต่ว่า เวลานี้หลี่โหวเหยกำลังป่วยหนักอยู่บนเตียง ข้าไม่มีนาย”ทังฮูหยินก็ยังวางมาดเป็นผู้อาวุโส มองไปยังหลี่เฉินอันอย่างไม่พอใจ“องค์รัชทายาท หลี่โหวเหยป่วยหนักอยู่บนเตียง ถ้ารู้ว่าท่านได้มอบจวนโหวให้คนนอก เกรงว่าจะโมโหจนต้องฟื้นขึ้นมา”“ใครสองคนนี้มาจากไหนกัน มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งพ่อของข้า?”ข้างกายทังฮูหยิน เด็กชายวัยห้าหกขวบเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจเด็กชายตัวน้อยมองไปยังผู้ว่าการอำเภอทัง สายตาเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมสายตาของกู้หว่านเยว่หยุดอยู่ที่เด็กชายตัวน้อย รู้สึกขบขันเล็กน้อย “เจ้าคือทังเหวิน บุตรบุญธรรมของผู้ว่าการอำเภอทังใช่ไหม?”นางจ
ผู้ว่าการอำเภอทังตวาดเสียงลั่น“ไหนจะฮ่องเต้อีก ฮ่องเต้ทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากฮ่องเต้รู้ว่าท่านกล้าทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ มอบอำนาจศักดินาทั้งหมดให้กับสตรีนางหนึ่ง ต้องโกรธดั่งสายฟ้าฟาดเป็นแน่!”ภายใต้ความโกรธแค้นของผู้ว่าการอำเภอทัง ถึงกับยกฮ่องเต้มาอ้างผู้ว่าการอำเภอหลิวมองผู้ว่าการอำเภอทังเหมือนเห็นคนโง่ คนผู้นี้ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของซูจิ่งสิงสินะ?ในเมื่อสามีภรรยาคู่นี้กล้าสร้างความโกลาหลในเจดีย์หนิงกู่ คงไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาเป็นแน่อีกอย่างเจดีย์หนิงกู่ยังอยู่ห่างจากเมืองหลวงมากขนาดนั้น ต่อให้ฮ่องเต้ต้องการเข้าไปยุ่มย่าม ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่อาจเอื้อมถึงเช่นกัน“ผู้ว่าการอำเภอทัง ข้าขอแนะนำท่านว่า ผู้รู้สถานการณ์คืออัจฉริยชน”ผู้ว่าการอำเภอหลิวกล่าวเบา ๆ ประโยคหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่มิตรภาพระหว่างทั้งสอง เขาจะไม่พูดอะไรมากเด็ดขาดผู้ว่าการอำเภอทังยิ้มเยาะกล่าวว่า “ท่านรักตัวกลัวตาย แต่ข้าไม่กลัว เรื่องใดที่ท่านไม่อยากยุ่ง ข้าจะจัดการเอง ข้าเคยพูดเสมอว่า วันนี้ข้าจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ยอมรับสตรีมาเป็นนายของข้า”ความจริงพูดไป
“หุบปาก!”ดูเหมือนว่าผู้ว่าการอำเภอทังรู้ว่ากู้หว่านเยว่จะพูดอะไร จึงรีบห้ามไว้อย่างร้อนใจ ขาที่ไขว่ห้างอยู่ก็วางลง“นางมาร เจ้าต้องการจะพูดอะไร อย่ามาปล่อยข่าวให้คนตกใจที่นี่”เหงื่อเย็นเยียบหยดลงมาจากหน้าผากของผู้ว่าการอำเภอทัง หรือว่าความลับของเขาจะถูกเปิดเผยเสียแล้ว?เป็นไปไม่ได้ แม้แต่คนของสกุลหลี่ก็ไม่รู้กู้หว่านเยว่บุ้ยปาก ราวกับเห็นหนูเที่ยวกระโดดโลดเต้นไปทั่ว“ข้ายังพูดไม่จบ ผู้ว่าการอำเภอทังก็ตื่นเต้นไปก่อนแล้ว”“ฮูหยิน พวกเราไปกันเถอะ”ยิ่งสบตากับกู้หว่านเยว่มากเท่าไหร่ ผู้ว่าการอำเภอทังก็ยิ่งประหม่ามากขึ้นเท่านั้น รีบดึงมือของทังฮูหยินและทังเหวินขึ้นมากำลังจะออกไป“ช้าก่อนท่านพี่”เมื่อครู่ทังฮูหยินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นผู้ว่าการอำเภอทังกำลังจะออกไป ในใจก็เริ่มสงสัยมากขึ้น“อย่าเพิ่งรีบร้อนออกไป ข้าอยากฟังว่าที่แม่นางกู้พูดมันหมายถึงอะไรกันแน่ เหตุใดเหวินเอ๋อร์ถึงไม่ใช่ลูกบุญธรรมของสกุลทัง”“ฮูหยิน อย่าไปฟังผู้หญิงคนนั้นพูดจาไร้สาระ”ผู้ว่าการอำเภอทังกระทืบเท้า“นางต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างเรา ที่พูดมาไม่มีความจริงสักประโยคเดียว เจ้าอย่าปล่อ
ตอนนั้นเพราะเรื่องนี้ ทังฮูหยินยังรู้สึกว่าตัวเองขี้ระแวงไปเรื่อย ทำให้นายอำเภอทังเสียหน้า รู้สึกผิดต่อเขาเป็นอย่างมากในเวลานั้นทังเหวินเข้าไปในจวน นายอำเภอทังจับความรู้สึกผิดของนางได้“ส่งคนไปที่ตรอกไป่ฮวา พาผู้หญิงคนนั้นมานี่”ทังฮูหยินสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากสงบสติอารมณ์ลง ก็หาเก้าอี้มานั่ง“ฮูหยิน ถ้ามีอะไรจะพูด เรากลับไปค่อยคุยกัน...”สีหน้าของนายอำเภอทังดูหม่นหมอง ทังฮูหยินเมินเฉยเขาอย่างสิ้นเชิงไม่นานหลังจากนั้น หญิงชราสองคนก็พาสตรีที่ออกเรือนแล้วแต่ยังพราวเสน่ห์เห็นแล้วก็หลงรักคนหนึ่งเข้ามา“ฮูหยิน ผู้หญิงคนนี้ชื่อหลิ่วเหนียง”“ทำไมต้องจับข้า ข้าทำผิดอะไร?” ทันทีที่หลิ่วเหนียงเข้ามาก็พูดด้วยความหวาดกลัวทังฮูหยินไม่พลาดจังหวะที่นายอำเภอทังเห็นนาง สายตาที่หวาดหวั่นนั้น แววตาของนางเผยความผิดหวังออกมาอย่างรุนแรงเดิมทีเคยคิดว่านางกับนายอำเภอทังมีความรักต่อกันอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่สุดท้ายปรากฏว่าตัวตลกกลับกลายเป็นนางเอง?คำนวณจากการตั้งครรภ์สิบเดือน หญิงผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาอย่างน้อยเจ็ดปีแล้ว“ท่านอยู่กับนางมานานแค่ไหนแล้ว”เมื่อยอมรับความจริงแล้ว
ทังเหวินจับมือผู้ว่าการอำเภอทังไว้ “ท่านพ่อ นางตีแม่ของข้า ท่านต้องจัดการให้ท่านแม่!”“เหวินเอ๋อร์ อย่าพูดจาเหลวไหล”สีหน้าของผู้ว่าการอำเภอทังดูแย่มาก ที่เขามีวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนพึ่งพาทังฮูหยิน“ฮูหยิน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด...”“ทังต่า ท่านเห็นข้าเป็นคนโง่จริงหรือ?”ทังฮูหยินถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ“ท่านอยู่กับหญิงชู้นางนี้มานานแค่ไหนแล้ว ท่านจะไม่บอกข้าใช่ไหม ได้ ถงจือสวี่เจ้าพูดมา”ตอนแรกถงจือสวี่ปกปิดให้ผู้ว่าการอำเภอทัง ถึงทำให้นางคิดว่าหลิ่วเหนียงเป็นอนุของถงจือสวี่“ทังฮูหยิน ท่าน ทำไมพวกท่านต้องทำให้ข้าลำบากใจด้วย”ถงจือสวี่เหงื่อแตกพลั่ก เขาไม่สามารถล่วงเกินผู้บังคับบัญชาหรือคนในสกุลหลี่ได้“ฮูหยิน เจ้าอย่าวุ่นวายอีกเลย นี่คือแผนยุแยงตะแคะรั่วของกู้หว่านเยว่”ถงจือสวี่ไม่พูด ทังฮูหยินก็ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น ผลักผู้ว่าการอำเภอทังที่เข้ามากอดนางออกไป“ไปให้พ้น ข้ารังเกียจความสกปรก แต่งงานมาหกปี ข้าคิดว่าท่านเสื่อมสมรรถภาพ ที่แท้ก็แค่เสื่อมสมรรถภาพกับข้า”ฮ่า ๆ เรื่องตลก เป็นเรื่องตลกระดับชาติจริง ๆ นางยังเข้าใจว่าทังต่าเสื่อมสมรรถภาพ
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะสั่งอาหารตามรายการเมนู ปรากฏว่าครู่ต่อมา เจียงหรงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”นางทำความเคารพทั้งสองคนกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเราสองคนแต่งกายปลอมตัวมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?”นางประคองเจียงหรงให้รีบลุกขึ้น เจียงหรงยิ้มอย่างขัดเขิน “เสี่ยวเอ้อร์ที่รับรองพวกท่านเข้ามารายงาน บอกว่ามีแขกสองท่านที่ท่าทางไม่ธรรมดามาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงลองซักถามไปสองสามคำ ก็เดาได้ว่าเป็นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”“ฉลาดจริง ๆ ”กู้หว่านเยว่กล่าวชื่นชมสมแล้วที่เป็นยอดภรรยาผู้มากความสามารถของท่านราชเลขาธิการ“ข้าและฝ่าบาทแต่งกายปลอมตัวออกมา ได้ยินว่าเจ้าเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง จึงตั้งใจมาลองชิมดูว่ารสชาติอาหารเสฉวนของที่นี่เป็นต้นตำรับหรือไม่ ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าให้ฐานะของพวกเรารั่วไหลออกไป ปฏิบัติต่อเราเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”เจียงหรงพยักหน้า “นายท่าน ฮูหยิน วางใจเถิดเพคะ”นางสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน “หากนายท่านและฮูหยินต้องการจะลองอาหารเสฉวน ลองชิมสักสองสามอย่างนี้ดูเพคะ ต้มเลือดเป็ดผ้าขี้ริ้ว ไก่ทอดผัดพริกเสฉวน
ตอนนั้นเถ้าแก่ให้นางพักอยู่ในคอกม้า ลูกของนางยังตัวร้อนเป็นไข้สูงกู้หว่านเยว่จำได้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางดูไม่เหมือนชาวต้าฉีหญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?“หงเจา” หากเป็นพวกต้มตุ๋นหากินทั่วไป กู้หว่านเยว่ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แต่ยังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุดใหญ่ แต่เวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว โบกมือเรียกหงเจาให้เข้ามา“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”หงเจาถึงกับถกแขนเสื้อขึ้นแล้ว ตั้งใจจะไปโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้นกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หยิบเศษเงินมาสักก้อน แล้วยื่นให้หญิงสาวผู้นั้น”“ฮูหยินเจ้าคะ?”“เร็วเข้า ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ปล่อยม่านรถม้าลง ไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นหน้าตาของนางแต่หญิงสาวผู้นั้นคงจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงยังคงหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสอดส่ายไปยังบนรถม้า“เฮ้อ ฮูหยินช่างใจบุญเสียจริง”หงเจาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงทำเช่นนี้ แต่คำสั่งของฮูหยิน นางย่อมต้องฟัง ดังนั้นจึงหยุดโต้เถียงในทันที รีบล้วงหยิบเศษเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วโยนให้หญิงสาวผู้นั้น“เร็วเข้า ๆ ๆ เงินนี่ให้เจ้าแล้ว เอ
อวิ๋นมู่รับยาน้ำมาด้วยสองมือเขาร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ร่างกายจึงเปราะบางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป เคยมีหมอวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้าปีภายใต้การดูแลรักษาของกู้หว่านเยว่ สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด“ฮองเฮา ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”สายตาของอวิ๋นมู่ฉายแววซาบซึ้งกู้หว่านเยว่มิใช่เป็นเพียงคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเทพธิดาที่เขาเทิดทูนบูชาอยู่ในใจเขาคือสาวกผู้ภักดีของนาง“เรื่องดินปืน เจ้าจงฟังคำสั่งจากเกาเจี้ยน แม่ทัพใหญ่ในการโจมตีหนานเจียงครั้งนี้คือเขา”“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นมู่พยักหน้า เขากับเกาเจี้ยนสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการสื่อสารย่อมไม่มีอุปสรรคหลังจากปรึกษาหารือเรื่องดินปืนเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากสกุลอวิ๋น ขึ้นรถม้าไปยังร้านอาหารที่เจียงหรงเปิดเพื่อรับประทานอาหาร“ปึง!”ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกดังมาจากด้านหน้ารถม้ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็พากันสะดุ้งตกใจกับเสียงนี้“นายท่าน ชนคนเข้าแล้วเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตื่นตระหนกของหงเจาดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิด
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ใหญ่ ขอบพระทัยพี่สะใภ้ใหญ่ กระหม่อมจะรีบนำข่าวดีไปบอกชิงหว่านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจื่อชิงดีใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะไปยังทั้งสองคนเสียงดังตุบ ๆ จากนั้นก็ทำราวกับเด็กหนุ่มใจร้อนคนหนึ่ง วิ่งออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้เรื่อง”ซูจิ่งสิงทนมองไม่ได้กู้หว่านเยว่กล่าวหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าน้องชายของตนเองเสียอีก”“นั่นไม่ได้เรียกว่าไม่ได้เรื่อง นั่นเรียกว่าต่อหน้าน้องหญิง ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา”ซูจิ่งสิงท่าทางดูจริงจังทั้งสองคนปรึกษาหารือเรื่องของซูจื่อชิงเสร็จแล้ว ก็หันมาปรึกษาหารือเรื่องการยกทัพไปปราบปรามหนานเจียงต่อ ในที่สุดสามีภรรยาทั้งสองคนก็ตัดสินใจตรงกันว่า การปราบปรามหนานเจียงนั้นต้องรวดเร็วและตัดสินผลแพ้ชนะให้เด็ดขาด“ส่งสาส์นประกาศศึกก่อน จากนั้นค่อยใช้ปืนใหญ่ ยิงถล่มหนานเจียงโดยตรง”ซูจิ่งสิงยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างเงียบ ๆ “น้องหญิง วิธีการของเจ้าช่างหยาบและง่ายดายจริง ๆ ”“ก็ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดสิ ข้าไม่อยากจะไปพัวพันกับชาวหนานเจียงนานเกินไป”กู้หว่านเยว่หันไปใส่ใจอีกเรื่องหนึ่ง“จริงสิ ทางด้านเฟิ่งอู๋ชีมีท่าทีอย่างไ