แต่กว่าเขาจะได้สติกลับมาก็สายเกินไปเสียแล้ว ผิวน้ำแข็งที่อยู่ใต้เท้าของกงซุนจ่างเย่เกิดเสียง ‘แกรก’ ดังขึ้น ตามมาด้วยรอยแตกร้าวที่ทอดเป็นทางยาว“เกิดอะไรขึ้น?”เขาที่เมื่อครู่ทำตัวหยิ่งยโสมาก จู่ ๆ ก็ตัวแข็งทื่อคล้ายกับก้อนหินไปโดยปริยาย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเขากลัวว่าผิวน้ำแข็งจะแยกจากกันโดยสมบูรณ์ ทำให้เขาร่วงตกลงไป“แกรก แกรก....”เขายังคงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ผิวน้ำแข็งเริ่มแตกร้าวอีกครั้ง กงซุนจ่างเย่ตกใจจนเกือบจะร้องไห้ ในเสี้ยววินาทีที่แผ่นน้ำแข็งกำลังจะแยกออกจากกันนั้น กู้หว่านเยว่ก็ได้ตะโกนด้วยเจตนามุ่งร้าย“หากข้าเป็นท่าน ข้าจะยืนนิ่ง ๆ ไม่ขยับ!”“ยืนนิ่งไม่ขยับอย่างนั้นหรือ?”กงซุนจ่างเย่หยุดวิ่งด้วยความตื่นตระหนก ผลปรากฏว่าผิวน้ำแข็งผืนนี้หยุดแตกร้าวในทันที แต่เขาไม่สามารถขยับตัวได้“แล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไร?”เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองทรมานเช่นนี้มาก่อน“ไม่รู้สิ”กู้หว่านเยว่ยกมือแสดงท่าทีอย่างจนปัญญา พลางกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสาว่า “ใครใช้ให้ท่านกระโดดโลดเต้นจนทำให้ผิวน้ำแตกเล่า ไม่เช่นนั้นท่านก็ต้องยืนอยู่ที่นี่ตลอด รอจนกว่าน้ำจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง”แบบ
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกว่าความโหดร้ายของอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เหมือนกับที่มู่หรงอวี้ว่าไว้?อย่างมากก็แค่ชอบยั่วโมโหจนน่าหงุดหงิดไปหน่อย?“คุณชาย เมื่อครู่เจ้าขอร้องกู้หว่านเยว่แล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ท่านจะต้องถูกพี่สาวทั้งห้าหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน”“.....หุบปากไปเลย เจ้าจะไปรู้อะไร เขาเรียกว่าผู้รู้สถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด ข้าจะรีบตามไปแก้แค้นอย่างแน่นอน!”ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ หลังจากข้ามแม่น้ำมาได้แล้วก็ไม่หยุดพักแต่อย่างใด เพื่อป้องกันไม่ให้กงซุนจ่างเย่กลับมาอีก นางจึงให้ซุนอู่เร่งเดินทางจนกระทั่งหันกลับไปไม่เห็นทิศทางของแม่น้ำมู่ตันแล้ว ทุกคนถึงได้โล่งใจ และแวะพักกลางทาง“ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว รีบกางกระโจมและพักผ่อนกันเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบเสื่อน้ำมันออกมาสร้างกระโจม ซูจิ่นเอ๋อร์และคนอื่นพากันก่อกองไฟอย่างรู้งานทุกคนต่างสัมผัสได้ว่าเวลากลางคืนในป่าลึกเช่นนี้จะหนาวเหน็บถึงระดับไหน ความหนาวนั้นอาจจะถึงระดับที่ทำให้คนตัวแข็งตายได้ ทุกคนจึงทยอยล้อมกันเข้ามาผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่นกู้หว่านเยว่แอบหยิบขิงสดออกมาจากในห้วงมิติ จากนั้นก็ต้มเป็นน้ำขิงหม้อใหญ่อากาศแบบนี้ไม่
กู้หว่านเยว่ไม่รู้ว่ามู่หรงอวี้กำลังวางแผนลับหลังตน ทันทีที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ทุกคนก็เดินทางกันต่อเมื่อเห็นเสบียงอาหารบนเกวียนใกล้หมดแล้ว นางก็รีบกระโดดลงจากเกวียน ถือจอบไปขุดผักป่ากลางทางเนื่องจากมีผู้ถูกเนรเทศจำนวนมาก ทำให้ผักป่าทั้งสองข้างทางถูกขุดไปจนหมด กู้หว่านเยว่ออกตามหาทั่วสารทิศ กระทั่งเจอขิงฝรั่งในดินที่ยังไม่มีใครขุดเจอนัยน์ตาของนางเปล่งประกาย ถึงขั้นตะโกนบอกซูจิ่นเอ๋อร์“จิ่นเอ๋อร์ ตรงนี้มีขิงฝรั่งด้วย เอาตะกร้ามาเก็บเร็วเข้า!”“มาแล้ว!”ซูจิ่นเอ๋อร์เชื่อฟังนางมาก นางยกงานบังคับเกวียนให้กับซูจื่อชิง ส่วนตัวเองรีบหยิบตะกร้าเดินมาข้างกายของกู้หว่านเยว่“พี่สะใภ้ใหญ่ ขิงฝรั่งเหล่านี้ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง?”“ฮ่า ๆ แม้ว่ามันจะขึ้นชื่อว่าเป็นขิง แต่มันไม่ใช่ขิงหรอกนะ ขิงฝรั่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง ใช้ทำเป็นยำและโจ๊กรสชาติไม่เลวเลย”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้าน นางรู้สึกเหมือนมีคนแอบซุ่มอยู่ ในใจของนางเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ชอบมาพากลบางอย่าง“เรารีบขุดกันเถอะ ขุดเสร็จแล้วก็รีบกลับไปรวมตัวกับขบวน”“เจ้าค่ะ” ซูจิ่นเอ๋อร์เร่งมือขุดทันที สองมือช่วยกัน นางในต
ชายวัยกลางคนที่อยู่หน้าสุดแต่งกลายด้วยชุดเกราะทั้งตัวตะโกนด้วยเสียงที่ทรงพลังและแข็งแกร่งเขาชักมีดออกมา จากนั้นก็สังหารผู้อพยพที่สร้างปัญหาที่โหดร้ายที่สุดภายในฉับเดียวผู้อพยพรอบตัวพากันตื่นตกใจ เพื่ออาหารคำเดียวถึงกับทำให้พวกเขาเสียสติได้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่อยากตาย“อ๊าก! มีคนตาย มีคนตาย หนีเร็วเข้า!”เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นผู้อพยพกลุ่มนี้สลายตัวไป นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะเดียวกันก็มองไปทางชายวัยกลางคนด้วยสายตาซาบซึ้ง“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือ ขอถามหน่อยท่านคือใคร?”ซุนอู่รีบรุดหน้าเข้าไปกล่าวขอบคุณ นายทหารที่อยู่ด้านหลังคนหนึ่งกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพของเราคือหนานหยางอ๋องผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เจ้าเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่?”หนานหยางอ๋อง?กู้หว่านเยว่ใจเต้นแรง เมื่อเห็นหนานหยางอ๋องที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็นึกเห็นใจขึ้นมาฉับพลันนี่คงไม่ใช่บุรุษผู้โง่เขลาที่ยอมทุ่มเทให้กับการเป็นทหารทั้งชีวิตทำงานเพื่อคนอื่นตามในต้นฉบับหรอกนะ?!คิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่นี่เขาไม่ได้อยู่ในหนานหยางตลอดหรือ?จริงสิ เขาตายอย่างไรกันนะ?ในต้นฉบับเขียนไว้อย่างคลุมเครือ บอกแค่ว่าฟู่เยียนหรา
แล้วซุนอู่ก็ยิ้มออกมา มีแม่นางกู้เดินไปดู เรียบร้อยแล้ว!“หว่านเยว่” ซูจิ่งสิงเผยสีหน้ากังวลใจหนานหยางอ๋องผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้ มีทหารอันธพาลภายใต้บังคับบัญชาเป็นจำนวนมากทำการปกป้องบ้านเมือง แต่ก็โหดร้ายมากเช่นกัน“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไร พวกเขาไม่มีทางลงไม้ลงมือกับหมอหรอก ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน”พอกู้หว่านเยว่ออกไป ทหารเหล่านั้นก็เข้ามาพอดีเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ หลายคนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทหารหนุ่มนายหนึ่งในนั้นกวาดสายตามองกู้หว่านเยว่สักพักอย่างคลุมเครือ จากนั้นก็ส่ายหน้า“ยังเด็กเกินไป...”เด็กขนาดนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง แล้วใครจะรับผิดชอบ?“รู้สึกว่าข้าเด็กหรือ? เช่นนั้นข้าจะไป” เดิมทีนางก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากนี้อยู่แล้วซุนอู่พูดไม่ออก กว่าเขาจะเกลี้ยกล่อมแม่นางกู้ได้ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย เด็กแล้วเป็นอย่างไร ทักษะทางการแพทย์ของแม่นางกู้นั้นแม้แต่อาการขาหักของซูจิ่งสิงยังรักษาจนหายได้!“ช้าก่อน!”หวังปี้ก็มึนงงเช่นกัน เขาพูดไปอย่างนั้นเอง เหตุใดถึงจะไปจริง ๆ เล่า หมอคนนี้ขี้โมโหขนาดนั้นเชียวหรือ?“เอ่อ ถึงเจ้าจะยังเด็ก แต่ที่นี่ก็ไม่มีหมอคนอ
“พิ้ว!” ฝูงชนแตกตื่นโดยพลัน “น้ำเสียงแม่นางน้อยมั่นใจมาก พิษนี้ถูกคิดค้นโดยชาวต่างแคว้น แม้แต่หมอหลวงก็รักษาไม่ได้ เจ้ารักษาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ “ถึงเวลาปรับเปลี่ยนหมอหลวงในวังทั้งชุดแล้ว”นางไม่ได้พูดเกินจริงเลย ยิ่งไปกว่านั้นพิษกระดูกข้อเท้าเป็นเพียงพิษธรรมดาเท่านั้นเป็นหมอหลวงยังคลายไม่ได้ ไม่สมควรจริง ๆหนานหยางอ๋องอดลืมตาขึ้นมาไม่ได้ พลางถามด้วยเสียงแหบพร่า“แม่นางน้อย เจ้าช่วยคลายพิษให้ข้าได้จริงหรือ?”เขาทรมานด้วยพิษนี้มานานกว่าสิบปี ในฤดูหนาวทุกปีต้องอยู่แบบตายทั้งเป็นหลายวัน หากแม่นางน้อยคนนี้สามารถช่วยคลายพิษนี้ให้เขาได้ ในอนาคตเขาจะได้หลุดพ้นจากวันเวลาเช่นนี้ไปได้!กู้หว่านเยว่มองไปที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของหนานหยางอ๋อง ตกอยู่ในภวังค์แม้ว่าหนานหยางอ๋องผู้นี้จะเป็นบิดาของฟู่เยียนหราน แต่ก็เป็นวีรบุรุษที่ปกป้องประชาชนของต้าฉีเช่นกันเหรียญตราคุณงามความดีมีอยู่ทั่วใบหน้าและในมือเขาแม้ว่านางจะเกลียดชังฟู่เยียนหราน แต่ก็ยังตัดสินใจคลายพิษให้หนานหยางอ๋องพลางถอนหายใจทันที “ใช่แล้ว ข้าสามารถคลายพิษให้ท่านได้”“แต่ข้าไม่มียาถอนพิษสำเร็จรูปอยู่ในมือ ต้องใช้เวลา
“เรื่องอะไรหรือ?” กู้หว่านเยว่มองหวังปี้ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มหวังปี้ขนหัวลุกจากสายตาของนางสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหนไม่ควรล่วงเกินบทสะอื้นของดาวร้ายนางนี้ตั้งแต่แรก“มันไม่เหมาะที่จะพูดที่นี่ หาสถานที่ที่คนน้อยกว่านี้ได้หรือไม่?”สายตาเหมือนเสือจ้องเขมือบเหยื่อของซูจิ่นเอ๋อร์ เขาเห็นแล้วรู้สึกขนหัวลุก“ตกลง” กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นเดินออกไปอีกด้านหนึ่งกับเขา ความจริงก็พอจะรู้ว่าที่หวังปี้อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นั้นต้องการพูดอะไร แต่ว่า เฮ้? นางแค่ไม่พูดขึ้นมาก่อนหวังปี้ประดิดประดอยในใจอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปาก“เอ่อ แม่นางน้อยกู้ ข้ามีภาวะไตพร่องจริงหรือ เจ้าช่วยตรวจหรือเขียนใบสั่งยาให้ข้าด้วยได้ไหม?”กู้หว่านเยว่ทำหน้าใสซื่อ “เมื่อครู่ขุนพลหวังยังรู้สึกว่าข้ายังเด็กอยู่มิใช่หรือ?”หวังปี้: ต้องผูกใจเจ็บเช่นนี้เลยหรือ!“ข้าผิดไปแล้ว ข้ามีตาหามีแววไม่ แม่นางกู้ได้โปรดอย่าถือสาคนที่มีความคิดตื้นเขินอย่างข้าเลย ฮือฮือ เจ้าช่วยข้าด้วยเถอะ ข้ายังไม่ได้แต่งงาน ข้าไม่อยากกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ...”หวังปี้ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตามป่ารกร้างผืนนี้ก็ไม่มีหมออีกแล้วเขากลัวมาก
เปิดดูด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม แต่เป็นเงินแค่ยี่สิบตำลึงเท่านั้นสีหน้าเผยความผิดหวังทันที “ขุนพลอย่างพวกท่านยากจนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”เมื่อครั้งที่สกุลซูถูกยึดทรัพย์ครั้งแรก ทรัพย์สินเงินทองของสกุลซูก็มีน้อยนิดเช่นกัน นี่คือผลลัพธ์จากการที่หลายครอบครัวของสกุลซูสะสมทรัพย์สินไว้โดยมิชอบคลังส่วนตัวของซูจิ่งสิงขาดแคลนอย่างน่าเวทนา!“การเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบ บางครั้งเบี้ยหวัดและเสบียงทหารไม่เพียงพอ พวกข้าต้องโปะเงินตัวเองเสริมด้วยทรัพย์สินที่ยึดมาจากการตีเมืองแตก โดยทั่วไปเอามาใช้เป็นรางวัลสำหรับทหารสามเหล่าทัพด้วยหนานหยางอ๋องก็เป็นขุนพลที่ดี ดูท่าทางก็เป็นแบบนี้เช่นกัน”ซูจิ่งสิงกระดากอายเล็กน้อย ชายารังเกียจที่เขายากจนเสียแล้ว...“เฮ้อ ช่างเถอะ ช่างเถอะ ข้ามีเงินก็พอแล้ว พี่หญิงจะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”กู้หว่านเยว่โบกมืออย่างใจกว้าง แต่ในขณะที่ปรุงยาถอนพิษให้หนานหยางอ๋อง นางก็พบว่าขาดตัวยาสองชนิดไป ตัวยาสองชนิดนี้นางหาซื้อบนแพลตฟอร์มซื้อขายอย่างไรก็ไม่พบ จึงบอกชื่อวัตถุดิบกับหนานหยางอ๋อง ให้เขาส่งคนไปค้นหา“ท่านอ๋องช่วยส่งคนไปค้นหาทางทิศใต้ ตัวยาชนิดนี้หาไม่ยาก ขอเพียงท่านอ๋อง