“เรื่องอะไรหรือ?” กู้หว่านเยว่มองหวังปี้ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มหวังปี้ขนหัวลุกจากสายตาของนางสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหนไม่ควรล่วงเกินบทสะอื้นของดาวร้ายนางนี้ตั้งแต่แรก“มันไม่เหมาะที่จะพูดที่นี่ หาสถานที่ที่คนน้อยกว่านี้ได้หรือไม่?”สายตาเหมือนเสือจ้องเขมือบเหยื่อของซูจิ่นเอ๋อร์ เขาเห็นแล้วรู้สึกขนหัวลุก“ตกลง” กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นเดินออกไปอีกด้านหนึ่งกับเขา ความจริงก็พอจะรู้ว่าที่หวังปี้อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นั้นต้องการพูดอะไร แต่ว่า เฮ้? นางแค่ไม่พูดขึ้นมาก่อนหวังปี้ประดิดประดอยในใจอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปาก“เอ่อ แม่นางน้อยกู้ ข้ามีภาวะไตพร่องจริงหรือ เจ้าช่วยตรวจหรือเขียนใบสั่งยาให้ข้าด้วยได้ไหม?”กู้หว่านเยว่ทำหน้าใสซื่อ “เมื่อครู่ขุนพลหวังยังรู้สึกว่าข้ายังเด็กอยู่มิใช่หรือ?”หวังปี้: ต้องผูกใจเจ็บเช่นนี้เลยหรือ!“ข้าผิดไปแล้ว ข้ามีตาหามีแววไม่ แม่นางกู้ได้โปรดอย่าถือสาคนที่มีความคิดตื้นเขินอย่างข้าเลย ฮือฮือ เจ้าช่วยข้าด้วยเถอะ ข้ายังไม่ได้แต่งงาน ข้าไม่อยากกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ...”หวังปี้ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตามป่ารกร้างผืนนี้ก็ไม่มีหมออีกแล้วเขากลัวมาก
เปิดดูด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม แต่เป็นเงินแค่ยี่สิบตำลึงเท่านั้นสีหน้าเผยความผิดหวังทันที “ขุนพลอย่างพวกท่านยากจนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”เมื่อครั้งที่สกุลซูถูกยึดทรัพย์ครั้งแรก ทรัพย์สินเงินทองของสกุลซูก็มีน้อยนิดเช่นกัน นี่คือผลลัพธ์จากการที่หลายครอบครัวของสกุลซูสะสมทรัพย์สินไว้โดยมิชอบคลังส่วนตัวของซูจิ่งสิงขาดแคลนอย่างน่าเวทนา!“การเข่นฆ่าศัตรูในสนามรบ บางครั้งเบี้ยหวัดและเสบียงทหารไม่เพียงพอ พวกข้าต้องโปะเงินตัวเองเสริมด้วยทรัพย์สินที่ยึดมาจากการตีเมืองแตก โดยทั่วไปเอามาใช้เป็นรางวัลสำหรับทหารสามเหล่าทัพด้วยหนานหยางอ๋องก็เป็นขุนพลที่ดี ดูท่าทางก็เป็นแบบนี้เช่นกัน”ซูจิ่งสิงกระดากอายเล็กน้อย ชายารังเกียจที่เขายากจนเสียแล้ว...“เฮ้อ ช่างเถอะ ช่างเถอะ ข้ามีเงินก็พอแล้ว พี่หญิงจะเลี้ยงดูเจ้าเอง!”กู้หว่านเยว่โบกมืออย่างใจกว้าง แต่ในขณะที่ปรุงยาถอนพิษให้หนานหยางอ๋อง นางก็พบว่าขาดตัวยาสองชนิดไป ตัวยาสองชนิดนี้นางหาซื้อบนแพลตฟอร์มซื้อขายอย่างไรก็ไม่พบ จึงบอกชื่อวัตถุดิบกับหนานหยางอ๋อง ให้เขาส่งคนไปค้นหา“ท่านอ๋องช่วยส่งคนไปค้นหาทางทิศใต้ ตัวยาชนิดนี้หาไม่ยาก ขอเพียงท่านอ๋อง
แม้แต่ซุนอู่ยังเข้ามาต้มน้ำขิงด้วยอาการไอ ร่างกายของซุนอู่แข็งแรงเสมอมา“พี่ใหญ่ซุน ท่านก็เป็นไข้หวัดแล้วหรือ?”ซุนอู่แตะหน้าผากพลางถอนหายใจ“อย่าเอ่ยถึงเลย ปวดหัวมาก ซ้ำยังมีไข้และหนาวสั่น ทำให้เหล่าซุนของเราทรมานแทบแย่ นักการในศาลาว่าการครึ่งหนึ่งในคณะล้มตายกันหมด”“มีคนป่วยไข้มากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ?”เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกผิดปกติอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้น“พี่ใหญ่ซุน ช่วยแลบลิ้นของท่านออกมาให้ข้าดูหน่อย”ซุนอู่อ้าปาก “อา” แลบลิ้นเขียวซีดออกมา ดูค่อนข้างน่ากลัวสีหน้าของกู้หว่านเยว่หนักใจ ลิ้นของคนที่เป็นไข้หวัดเพียงอย่างเดียวจะซีดขาว ไม่ปรากฏสีเขียวซีดเด็ดขาดนางรีบวางน้ำขิงลง กลับไปที่เตียงนอนรวมและเปิดปากของนางหยางเพื่อตรวจดูลิ้นของนางเหมือนกับของซุนอู่ เขียว ๆ ซีด ๆ“เหยียนฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง พวกท่านช่วยแลบลิ้นออกมาให้ข้าดูด้วย”เพื่อยืนยันการคาดเดาในใจ กู้หว่านเยว่จึงมองไปที่คนอื่น ๆผลสรุปคือไม่มีข้อยกเว้น ลิ้นของทุกคนเป็นสีเขียวซีดกันหมดเหยียนฮูหยินถามด้วยความเป็นห่วง “แม่นางน้อยกู้ พวกเขาเป็นอะไรไปหรือ?”“ตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจ แต่พวกท่า
ซูจิ่นเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างด้วยความหวาดกลัว “เขาคือปรมาจารย์แพทย์”“เจ้าพบปรมาจารย์แพทย์หรือ?”กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยชายชราปรมาจารย์แพทย์ผู้นี้คุ้มดีคุ้มร้าย ครั้งหนึ่งเคยมีลูกเศรษฐีล่วงเกินเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางยาพิษตายทั้งครอบครัวในชั่วข้ามคืนแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีความเคียดแค้นใด ๆ กับเขา เหตุใดเขาถึงลงมือกับซูจิ่นเอ๋อร์“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าพบเขาที่ทางเข้าโรงเตี๊ยม”“เขาบอกว่าเขาวางยาพิษทุกคน ถ้าต้องการยาถอนพิษ ก็ให้ไปหาเขาที่ทะเลสาบหูลูทางทิศตะวันออกของโรงเตี๊ยม”“ข้าโกรธมากอยากจะดึงตัวเขามาตะโกนใส่ แต่ผลคือเขาแตะบนหัวของข้า แล้วข้าก็หน้ามืดล้มลงกับพื้น”เมื่อนึกถึงหน้าตาปรมาจารย์แพทย์ ซูจิ่นเอ๋อร์ก็อดตัวสั่นไม่ได้ ชายชราผู้นั้นน่ากลัวจริง ๆ!“เป็นเช่นนี้เอง”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว นางว่าแล้วเหตุใดทุกคนถึงถูกวางยาพิษโดยไม่มีสาเหตุ ที่แท้ก็เป็นวิธีการลงมือของปรมาจารย์แพทย์นี่เองไม่ว่าปรมาจารย์แพทย์จะมีจุดประสงค์อะไร นางต้องเอายาถอนพิษกลับมาให้ได้“ทะเลสาบหูลูใช่ไหม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย...”“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ซูจิ่งสิงอ่านความคิดของกู้หว่านเยว่ออก ย่อมไม่ปล่อ
“น้อมรับคำสั่ง น้องหญิง”ซูจิ่งสิงย่อมรู้ว่ากู้หว่านเยว่หมายถึงอะไร จึงเหาะทะยานล่องูเหลือมยักษ์มาถึงตรงหน้าปรมาจารย์แพทย์ปรมาจารย์แพทย์กำลังเฝ้าดูอย่างสนอกสนใจเขารู้มานานแล้วว่ามีงูเหลือมยักษ์อายุร้อยปีอยู่ที่นี่ รอดูงูเหลือมยักษ์ฉีกพวกเขาทั้งสองเป็นสองท่อน แก้แค้นให้กับลั่วยางผู้เป็นศิษย์รักของเขาเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามาถึงตรงหน้าในทันใด แถมยังเผยรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายให้เขาอีกด้วยจากนั้น เลือดไก่ถุงหนึ่งก็ราดลงบนตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า“โอ๊ย ๆ ๆ นังหนูสารเลวช่างร้ายกาจนัก บังอาจเทเลือดไก่ใส่ตัวข้า!”ปรมาจารย์แพทย์ตกตะลึง ก่อนจะดีดตัวขึ้นงูเหลือมยักษ์ชอบกลิ่นคาวที่สุด เมื่อได้กลิ่นเลือดไก่ จะไม่คิดว่าเขาเป็นอาหารกลางวันได้อย่างไร?เห็นงูเหลือมยักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งตามคาด จากนั้นก็โยนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงทิ้งไป สะบัดหางยักษ์พุ่งตรงไปที่ปรมาจารย์แพทย์“โอ๊ย ๆ ๆ ช่วยด้วย!”ปรมาจารย์แพทย์ชูมือทั้งสองขึ้น สาวเท้าวิ่งหนีไป หนวดเคราผมเผ้าหงอกขาวสั่นระริกกลางอากาศ“อ๊ะ ฮ่า ๆ ๆ”กู้หว่านเยว่เห็นสภาพทุลักทุเลของปรมาจารย์แพทย์ ก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้หลังจากหัวเราะได้สักพั
โอ๊ย น่าโมโหชะมัด! พวกเจ้าสองคนกำลังพลอดรักกันต่อหน้าคนแก่อย่างข้า!”ปรมาจารย์แพทย์ที่อยู่ไม่ไกลร้องโอดครวญอย่างไม่สบอารมณ์ สางเคราหงอกขาวของตัวเองเจ็บปวดใจเคราหงอกขาวที่เขาได้ทะนุถนอมมานานแสนนาน สกปรกไปหมดจากการวิ่งหนี!“ปรมาจารย์แพทย์ เรื่องพิษเย็น ข้าจะมาหาหารือกับท่านวันหลัง”กู้หว่านเยว่ชั่งน้ำหนักเน่ยตันภายในมือ วางแผนที่จะกลับไปช่วยเหลือผู้คนที่โรงเตี๊ยมก่อน ค่อยมาคิดบัญชีกับปรมาจารย์แพทย์อีกครั้งปรมาจารย์แพทย์ย่อมไม่ยอมปล่อยให้นางจากไปอยู่แล้วบัญชีแค้นของลั่วยางก็ยังไม่ชำระ เคราที่เขาพากเพียรบำรุงรักษามาก็สกปรกถึงเพียงนี้ มันทำให้เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง“คิดจะไปหรือ ไม่มีทาง”ปรมาจารย์แพทย์รีบเดินมาถึงด้านหลังของทั้งสอง พลางหัวเราะคิกคัก “รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนอยู่ข้างหลังคนอื่นเสมอ?เพราะมันให้ความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น สะดวกมากขึ้นในการวางยาพิษผู้คน”ว่าแล้วเขาก็หายใจใส่กู้หว่านเยว่ในลมหายใจนั้นมีผงแป้งผสมอยู่ด้วย“ผงหอมดูดวิญญาณ!”กู้หว่านเยว่กลั้นหายใจ ผงหอมดูดวิญญาณเป็นยาหลอนประสาท ปรมาจารย์แพทย์ผู้นี้เลวทรามจริง ๆระหว่างทางที่มา นางได้กินยาถอนพิษไว้ล่วงหน
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเขาเด็ก ๆ เข่นฆ่าผู้คนมากมายเกินไป จนทำให้น้องหวงเพื่อนรักของเขาไม่พาเขาไปเที่ยวเล่น เขาจำต้องสาบานว่าจะไม่ฆ่าใครอีก ก็คงจะวางยาพิษกู้หว่านเยว่ตายไปนานแล้ว“โอ๊ย ๆ ๆ ข้าต้องไปล้างหน้าโกนหนวดแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์นวยนาดจากไปมู่หรงอวี้มองคนทั้งสองบนพื้นด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย“เอาพวกเขาลงมา เตรียมอุปกรณ์ทรมาน เดี๋ยวข้าจะมาทรมานพวกเขาด้วยตัวเอง!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นอนอยู่บนพื้นหิมะถูกหามขึ้นมาอีกครั้งหลู่ซื่อพาพวกเขาเข้าไปในห้อง จับมัดมือมัดเท้าเดิมทีควรจะตรวจสอบอีกครั้ง แต่หลู่ซื่อเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลงกลอนประตูเสร็จก็ไปแล้วพร้อมกับที่ประตูปิดลง ซูจิ่งสิงก็ลืมตาขึ้น หลังหลุดจากเชือกมัดได้แล้ว ก็มองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นอย่างแรก“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”จากนั้นก็ช่วยกู้หว่านเยว่คลายเชือก“ข้าไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่ขยับมือและเท้าครู่หนึ่ง นึกถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา รู้สึกจุกอกพูดไม่ออก“เจ้ามู่หรงอวี้สารเลว ข้าว่าแล้วว่าการตายของลั่วยางถูกโยนความผิดมาที่ข้าได้อย่างไร ที่แท้เขาก็อยู่เบื้องหลังนี่เอง”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้ว เมื่อวิเคราะ
เมื่อมาถึงนอกเรือน เขาก็ผลักประตูเรือนออก เข้าไปด้วยสีหน้าระแวดระวัง ถือโอกาสลงกลอนประตูเสร็จสรรพ“ตามเข้าไปดู”ซูจิ่งสิงโอบเอวของกู้หว่านเยว่ พานางเหาะขึ้นไปบนหลังคายกแผ่นกระเบื้องออกมองลงไปด้านล่าง ผลคือได้เห็นคนที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา“หมอหญิงลั่ว ยังไงท่านก็กินสักหน่อยเถอะ กว่าข้าจะช่วยท่านกลับมาได้ไม่ง่ายเลย ถ้าท่านอดข้าวตาย ข้าไม่ช่วยท่านเสียเปล่าหรอกหรือ?”ใช่แล้ว ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือดก็คือลั่วยางที่แท้นางยังไม่ตาย และได้รับการช่วยชีวิตโดยหลู่ซื่อทว่า ในเวลานี้ลั่วยางก็ไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้วนางเคยมีรูปร่างบอบบาง คิ้วและดวงตาเผยความหยิ่งทะนง แต่ตอนนี้แก้มตอบลงจากความหิวโหย มองแวบแรกช่างน่าตกใจจริง ๆลั่วยางจ้องมองเขา“ท่านขังข้าไว้ที่นี่ ไม่ยอมปล่อยข้าออกไป ข้ายอมตายดีกว่ากินข้าว”กู้หว่านเยว่ที่แอบดูอยู่เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีโซ่ตรวนเส้นหนึ่งที่ขาของลั่วยาง ทำให้การเคลื่อนไหวของนางในห้องถูกจำกัดหลู่ซื่อคิดผู้นี้คิดจะทำอะไร เหตุใดถึงช่วยใครมาแล้วขังเอาไว้หลู่ซื่อเองก็จนปัญญาเช่นกัน“หมอหญิงลั่ว ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ปล่อยท่านไป เพียงแต่
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง