“พระชายาอ๋องเจิ้นเป่ย ท่านไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งหรือ?”แววตาของเจี่ยชิงอวิ๋นเผยความเกลียดชังออกมา“ท่านไม่ได้ฆ่าปั๋วเหริน แต่ปั๋วเหรินก็ตายเพราะท่าน”ซูจิ่งสิงไม่เคยทำร้ายนาง แต่คนในครอบครัวของนางก็ตายเพราะเขากู้หว่านเยว่นึกอะไรได้บางอย่าง พลางเชยตาขึ้นอย่างเฉียบแหลม “เจ้าสกุลเจี่ย เจ้าคือบุตรสาวของเจ้าเมืองเจี่ยแห่งเจียงหนาน!”รูม่านตาของเจี่ยชิงอวิ๋นหดตัวลง “ท่าน!” คนผู้นี้ฉลาดขนาดนี้เชียวหรือ?”เรื่องนี้จะโทษนางก็ไม่ได้ตอนที่ซูจิ่งสิงใช้ยาพูดความจริงกับนาง นางสูญเสียความตระหนักรู้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองได้เรียกชื่อเดิมออกไปแล้วและในขณะที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังสืบสวนการสิ้นพระชนม์ของอดีตรัชทายาท ก็เคยเห็นขุนนางที่ติดตามอดีตรัชทายาทไปลาดตระเวนในเจียงหนานจากในเอกสารราชการมีขุนนางสกุลเจี่ยอยู่คนหนึ่ง ดูแลจัดการคลองเดินเรืออยู่อดีตรัชทายาทบังเอิญเกิดอุบัติเหตุในคลองเดินเรือที่เขาดูแลจัดการอยู่ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับต้องสูญเสียบุตรอันเป็นที่รักไปอย่างเจ็บปวดด้วยความโกรธดั่งสายฟ้าฟาด สกุลเจี่ยทั้งครอบครัวถูกจองจำในเรือนจำใหญ่ด้วยเหตุที่ดูแลจัดการไม่ดีสุดท้าย คนสกุ
“ฮูหยิน ข้าจะลากนางออกไปใช้เครื่องทรมาน”ชิงเหลียนกำหมัดแน่นอยู่ทางด้านหนึ่งคนผู้นี้ไม่รู้อะไรดีรู้อะไรชั่วจริง ๆ ต้องการแก้แค้น เหตุใดถึงมาหาพวกเขา?” “ลากออกไปเถอะ” กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนนางโบกมือ เพื่อป้องกันไม่ให้เจี่ยชิงอวิ๋นคิดไม่ได้ดื้อดึงไม่ยอมรับสารภาพนางต้องค้นหาหนอนกู่ทั้งหมดออกมา ดูว่าจะหาวิธีได้หรือไม่“ใช่แล้ว ส่งคนไปหาหวงเหล่า”กู้หว่านเยว่เรียกฉู่เฟิงเข้ามา นางจำได้ว่าหวงเหล่ารอบรู้เรื่องหนอนกู่“พระชายา?”เจี่ยอวิ๋นก้าวออกมาข้างหน้า“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”เขาเห็นภายในจวนดูเหมือนจะโกลาหลขึ้นมาทันใด ราวกับมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นหลิ่วเพียวเพียวไม่วางใจ ให้เขาเข้ามาสอบถามดู“มีอะไรที่เราสามารถช่วยได้ไหม?”กู้หว่านเยว่ส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร ให้พี่หญิงบำรุงครรภ์อย่างสบายใจได้”เรื่องที่ซูจิ่งสิงถูกพิษกู่ ไม่สามารถปล่อยให้รั่วไหลออกไปได้แม้แต่นิดเดียวขณะที่กำลังพูดอยู่ หงเจาก็กระวีกระวาดเข้ามา“ไม่ได้การแล้วฮูหยิน”นางมีสีหน้าสับสน เมื่อกู้หว่านเยว่ออกมา ก็ขอให้นางช่วยดูแลซูจิ่งสิงที่อยู่ในห้องดี ๆ“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”เจี่ยอวิ๋นก็เป็นคนมีวิจารณ
ตอนขัดขวางซูจิ่งสิง เจียงเฟิ่งรับการโจมตีต่อหน้าจากซูจิ่งสิงหลายครั้ง“เจ้ามานี่”กู้หว่านเยว่กวักมือเรียกเจียงเฟิ่งเจียงเฟิ่งรู้อุปนิสัยของนาง เดินเข้าไปอย่างว่าง่ายกู้หว่านเยว่ตรวจบาดแผลของเขาเล็กน้อยแล้วโยนยาหนึ่งขวดให้“นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บภายใน เจ้าต้องกินทุกวันสองวันนี้ไม่ต้องมา พักรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีก่อนเถอะ”ภายในสายตาเจียงเฟิ่งเผยความซาบซึ้งใจแวบหนึ่ง จากนั้นส่ายหน้า “ไม่ได้ ข้าต้องอยู่ปรนนิบัติข้างกายนายท่านขอรับ”ซูจิ่งสิงเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เขาที่เป็นผู้อยู่ใต้อาณัติจะไปพักรักษาตัวได้เยี่ยงไร?วันนี้โชคดีมีเขาอยู่ หากเขาไม่อยู่ ซูจิ่งสิงอาจออกไปแล้ว ไม่รอกู้หว่านเยว่มา“เชื่อฟัง”กู้หว่านเยว่พูดเสียงเครียด“สองสามกระบวนท่านั้นของเจ้านายเจ้าไม่เบา หากไม่อยากเกิดโรคเรื้อรังก็พักรักษาดีๆ รอหายดีแล้วค่อยมาก็ยังไม่สาย”แต่ไหนแต่ไรมานางมีเมตตาต่อผู้อยู่ใต้อาณัติเสมอ“ส่วนทางฝั่งนี้ ให้ฉู่เฟิงเฝ้าเถอะ”“ขอรับ”เจียงเฟิ่งจนใจ ทำได้เพียงพยักหน้าตกลงแต่ภายในใจยังไม่อาจวางใจซูจิ่งสิง ผินมองเจ้านายที่กำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติบนเตียงแวบหนึ่ง ถึงหันหลังไปรักษ
“ก็แค่ไม่รู้ท่านอ๋องจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ยามใด หากท่านอ๋องไม่ฟื้น เรื่องนี้ก็ไม่ใช่แผนระยะยาว”“เร็วๆ นี้”กู้หว่านเยว่สั่งให้คนไปตามหาผู้เฒ่าหวงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งนางก็มีวิธีแล้ว“ใช่แล้ว น้องสาวท่านเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่มองทางหลิวชวี่แล้วเอ่ยถามหนึ่งประโยคเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าหลิวชวี่เผยรอยยิ้ม“อาศัยวาสนาของพระชายา น้องสาวดีขึ้นไม่น้อยแล้ว เช้าวันนี้ยังดื่มโจ๊กข้าวฟ่างได้ครึ่งชาม จิตใจดีกว่าก่อนหน้านี้มาก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีอาการป่วยของหลิวหว่านอี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่พบวิธีรักษาก็เท่านั้น บัดนี้พบวิธีแล้ว ย่อมต้องหายได้อย่างว่องไว“ทว่าคนตระกูลฟ่านน่าขยะแขยง ข้ากำลังวางแผนจะไปจัดการพวกเขาอยู่เชียว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ต้องจัดการชายชั่วให้ดีจริงๆ”“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว”หนานหยางอ๋องและหลิวชวี่มาเพื่อถามอาการของซูจิ่งสิง ได้รู้ว่าซูจิ่งสิงยังไม่ฟื้น แต่กู้หว่านเยว่กลับสุขุมถึงเพียงนี้ หัวใจตึงเครียดของทั้งคู่ก็วางใจลงครึ่งหนึ่ง รีบกลับออกไปขณะเดียวกัน ฉู่เฟิงวิ่งเข้ามาจากภายนอกด้วยความดีใจ“พระชายา ท่านดูว่าข้าพาใครมาแล้ว?”
ผู้เฒ่าหวงลูบเคราสีขาวเทา “หาแม่หนอนกู่ออกมา ย่อมสามารถนำออกมาได้อย่างปลอดภัย”สีหน้ากู้หว่านเยว่เคร่งขรึมดูท่าแล้วจะต้องง้างปากเค้นถามเจี่ยชิงอวิ๋นให้ได้“ต้องเร็วหน่อย หากไม่นำลูกหนอนกู่นี้ออกมาภายในสิบวัน คนจะพิการ กลายเป็นคนฟั่นเฟือน”ผู้เฒ่าหวงเอ่ยเตือนสิบวัน?นั่นก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้วหัวใจกู้หว่านเยว่หนักอึ้ง ใบหน้ายังรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ “ผู้เฒ่าหวง รบกวนท่านช่วยข้าดูแลท่านพี่ด้วย ข้าจะหาแม่หนอนกู่ออกมาให้ได้ภายในสิบวันเจ้าค่ะ”นางอธิบายเข็มเงินบนตัวซูจิ่งสิง ไปจนถึงเรื่องเขาอาจคุ้มคลั่งหนึ่งรอบ “เจ้าเก็บเข็มเงินไปเถอะ”ผู้เฒ่าหวงเดินมาหยุดหน้าไม้กระถาง เด็ดออกมาหนึ่งใบ พูดยิ้มๆ“ข้าสามารถใช้ดนตรีบำบัด ทำให้เขาฟื้นคืนสติได้”“ขอบคุณผู้เฒ่าหวงมากเจ้าค่ะ!”สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ปัญหาอื่นไม่อาจล้มกู้หว่านเยว่ได้ แต่เรื่องศาสตร์ลี้ลับหนอนกู่ทำนองนี้ กู้หว่านเยว่คนยุคหลังนี้มีความรู้น้อยมากนางรีบดึงเข็มเงินออกจากตัวซูจิ่งสิงผู้เฒ่าหวงเลื่อนใบไม้เข้าใกล้ริมฝีปาก เป่าเบาๆเสียงขลุ่ยดังออกมา ซูจิ่งสิงมีสัญญาณฟื้นคืนสติอย่างว่องไว“ท่านพี่?”กู้หว่านเย
ครู่ต่อมากู้หว่านเยว่ผินมองซูจิ่งสิงอดีตฮ่องเต้มีทายาทน้อย หากพระชายาในองค์รัชทายาทสามารถคลอดพระนัดดาองค์โตให้รัชทายาทได้ นั่นตำแหน่งของตำหนักบูรพารัชทายาทก็มั่นคงยิ่งขึ้นแล้ว“ก็คือปีนั้น อดีตฮ่องเต้ค่อยๆ รู้สึกว่าอายุมากแล้ว ร่างกายไม่แข็งแรงอย่างใจคิดพระองค์มีพระประสงค์สละราชบัลลังก์ให้อดีตรัชทายาท อย่างไรเสียปีนั้นตำหนักบูรพารัชทายาทก็มั่นคงอย่างมาก”ผู้เฒ่าหวงโบกพัดปัดเป่ากู้หว่านเยว่จิกนิ้วคำนวณ ราชครูโจวน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มตำหนักบูรพาองค์รัชทายาทกระมัง“หลังเกิดความคิดนี้แล้ว อดีตฮ่องเต้ก็ให้รัชทายาทเดินทางลงใต้ สร้างบารมีน่าเกรงขามวางแผนรอรัชทายาทเดินทางกลับจากใต้แล้วค่อยมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้เขา”แต่ใครรู้เล่าว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันตอนเดินทางลงใต้เรือหลวงเผชิญหน้ากับโจรสลัด ไฟไหม้ อดีตรัชทายาทหนึ่งครอบครัวสามคนล้วนถูกสังหาร“ผู้เฒ่าหวง เหตุใดท่านจำเรื่องในปีนั้นได้กระจ่างชัดเจนถึงเพียงนี้เล่า?” กู้หว่านเยว่เอ่ยถามอย่างสงสัยผู้เฒ่าหวงหัวเราะ ทันใดนั้นกะพริบตาให้ซูจิ่งสิง“เพราะปีนั้นข้าเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มตำหนักบูรพารัชทายาท”บัดซบ!กู้หว่านเยว
บัดนี้นึกขึ้นได้ ผู้เฒ่าหวงบอกเขาไม่ผิดไปเลยสักเศษเสี้ยว หากเขากลับเมืองหลวงก็จะต้องเผชิญหน้ากับหายนะซูจิ่งสิงเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นภายในมิติของกู้หว่านเยว่มาก่อนเจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงถูกเรียกตัวเข้าวังและถูกลงโทษข้อหากบฏ ประทานเหล้าพิษ ตายกลางทางระหว่างเนรเทศตอนอายุยี่สิบสองปีหากไม่ใช่กู้หว่านเยว่มาช่วยพลิกชะตาชีวิตเขา เช่นนั้นสิ่งที่บรรยายไว้ภายในต้นฉบับก็อาจเป็นจุดจบของเขาคำทำนายของผู้เฒ่าหวงเองก็ไม่ผิดหากเขากลับเมืองหลวงก็จะเกิดหายนะซูจิ่งสิงหายใจเข้าลึกๆ จับมือกู้หว่านเยว่เบาๆ“ข้าเข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่เองก็นึกหวาดกลัวขึ้นในภายหลัง หากนางไม่ทะลุมิติเข้ามา สามีของนางก็อาจตายอย่างอนาถเฉกเดียวกับต้นฉบับผู้เฒ่าหวงเห็นการกระทำของทั้งสองคน ลูบเคราพลางคลี่ยิ้มมีเลศนัย“ทว่าบัดนี้ข้าได้เห็นเจ้าแล้ว โหงวเฮ้งเจ้าไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป”บนตัวซูจิ่งสิงปกคลุมด้วยแสงทองชั้นหนึ่ง หนำซ้ำต้นกำเนิดของแสงทองนี้ยังมาจากกู้หว่านเยว่ทางด้านข้างผู้เฒ่าหวงสามารถมองออกได้ เป็นกู้หว่านเยว่พลิกชะตากรรมอันเลวร้ายของซูจิ่งสิงทว่าตกลงกู้หว่านเยว่มีโหงวเฮ้งเยี่ยงไร ผู้เฒ่าหวงกลับมองไ
จุมพิตบนหน้าผากซูจิ่งสิงเบาๆ ทีหนึ่ง“ข้าไปก่อนแล้ว ท่านพี่ ท่านพักผ่อนดีๆ”สุ้มเสียงนางนุ่มนวล คล้ายกำลังกล่อมเด็ก ทำเสียจนใบหน้าซูจิ่งสิงแดงเรื่อผู้เฒ่าหวงทางด้านข้างยื่นมือออกมาปิดตาของตน“ไอหยา ข้าว่าพวกเจ้าคนหนุ่มสาวไม่ระวังเอาเสียเลย จูบๆ หอมๆ ต่อหน้าผู้ชรา นี่จะให้ผู้ชราหงำเหงือก หนำซ้ำยังครองโสดคนหนึ่งทนไหวได้เยี่ยงไร?”คำพูดสัพยอกของผู้เฒ่าหวงทำให้ทั้งสองคนหัวเราะออกมาในทันใด กู้หว่านเยว่รีบหันหลังจากไปหลังออกไปแล้ว นางก็เรียกชิงเหลียนและหงเจาเข้ามาเพื่อทำตามแผนของซูจิ่งสิง“ฮูหยิน พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”หงเจาและชิงเหลียนฟังจบก็พยักหน้า รีบไปเตรียมการขณะเดียวกันเจี่ยชิงอวิ๋นถูกขังไว้ในห้องเก็บฟืนนางถูกกู้หว่านเยว่ป้อนยาพิษ บัดนี้กำลังรู้สึกเจ็บปวด โดนยาพิษทรมานไปไม่รู้กี่รอบแล้ว กำลังหมอบอยู่บนพื้นเจ็บปวดจนอยากตายยามกู้หว่านเยว่เข้ามา ทั้งตัวนางเปียกชื้น คล้ายเพิ่งขึ้นมาจากน้ำก็มิปานโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ภายในเล็บล้วนมีเลือดซึมเห็นกู้หว่านเยว่เข้ามา เจี่ยชิงอวิ๋นเงยหน้ามองนางอย่างโกรธแค้น“ซูจิ่งสิงตายแล้วกระมัง?”เพียงนางเอ่ยปากก็คือคำพูดหยาบคาย ก
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก