“พวกเจ้าเป็นคนของพ่อบุญธรรมหรือ?”หากไม่ใช่คนของเจี่ยงฝูไฉ ย่อมไม่มีวันพูดว่า “ภารกิจสำเร็จแล้ว เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์” เช่นนี้คนชุดดำไม่ปฏิเสธ แต่ทุกการกระทำล้วนมุ่งหมายเอาชีวิตเจี่ยชิงอวิ๋นเกิดความสงสัย“พ่อบุญธรรมต้องการกำจัดข้า?”นี่เป็นไปไม่ได้ พ่อบุญธรรมลากนางออกจากกองศพของสกุลเจี่ย เลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ เห็นนางเป็นลูกสาวก็มิปานเหตุใดจึงส่งคนมาฆ่านางกันเล่า?เจี่ยชิงอวิ๋นรู้สึกสับสนภายในใจอย่างมาก แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดทำให้นางเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของศัตรูนางถูกวางยาพิษ การเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้ามือสังหารไม่ได้ฆ่านาง แต่ทำให้นางบาดเจ็บสาหัส“เข้ามา!”กู้หว่านเยว่ยกถ้วยชา ทุบลงบนพื้นนี่คือสัญญาณ องครักษ์เฝ้าหน้าประตูต่างกรูกันเข้ามาคนชุดดำเห็นสถานการณ์ผิดปกติ กระโดดออกจากหน้าต่าง “หนี” ไปแล้ว“ฮูหยิน ไหล่นางได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนแสร้งประคองเจี่ยชิงอวิ๋นขึ้น“พานางไปอยู่ที่ห้องอื่น”กู้หว่านเยว่พูดเสียงเรียบเฉย เปลือกตาเจี่ยชิงอวิ๋นยกขึ้นเบาๆ คล้ายยังไม่หมดสติไปเสียทีเดียวนางพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ส่งกำลังทั้งหมดตามสืบมือสังหาร ห้ามมิให้ปล่อยพวกเขาหนี
หากไม่ระวังก็จะถูกเปิดโปง“หว่านเยว่”ซูจิ่งสิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ทันเวลา ช่วยกู้หว่านเยว่กลบเกลื่อน “ทางฝั่งเจี่ยชิงอวิ๋นมีความคืบหน้าเยี่ยงไร?”“อ้อ คนได้รับบาดเจ็บหมดสติไป แต่ข้าให้นางกินยาแล้ว กลางคืนนางจะฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยทำตามแผนของพวกเรา”กู้หว่านเยว่เดินไปหยุดข้างกายซูจิ่งสิง จับมือเขาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ“ลำบากเจ้าแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบเส้นผมนาง“คืนนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”“พวกเจ้าเด็กสองคนนี้วางแผนแสดงละครอีกแล้วกระมัง?”ผู้เฒ่าหวงขยับไปอยู่ทางด้านข้าง ดื่มน้ำชานั้นอีกหลายอึกอย่างไม่อาจทนไหวช่างเป็นของดีโดยแท้ เขาต้องดื่มมากหน่อยราตรีมาเยือนกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงมาบนหลังคา ทั้งสองคนเปิดแผ่นกระเบื้องออก มองลงไปเบื้องล่างเจี่ยชิงอวิ๋นได้รับบาดเจ็บไม่เบาบัดนี้ยังนอนบนเตียง แต่ศีรษะนางเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันร้าย นอนหลับไม่สนิท“ชู่ว์ มาแล้ว”กู้หว่านเยว่กระซิบเตือนข้างโสตซูจิ่งสิงเบาๆ สองสามีภรรยากลั้นหายใจในทันใด รอรับชมละครฉากสนุกเงียบๆเจี่ยชิงอวิ๋นกินน้ำแกงยาผสมบางอย่างเข้าไปเรียบร้อยแล้วก็ฝันร้ายอยู่ตลอดนางสะลึมสะลือ คิดว่า
หร่านถิงประกบมือเข้าหากันอย่างถ่อมตนพลางพูด “ผู้น้อยไม่กล้ารับความดีความชอบขอรับ”“พูดเรื่องความดีความชอบ เรื่องวันนี้ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”นับตั้งแต่หงเจาและหร่านถิงคบหาดูใจกัน เขาก็กลายเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกู้หว่านเยว่ทว่าปกติมีเรื่องให้ใช้งานเขาน้อยมาก วันนี้ก็ได้ใช้งานแล้วมิใช่หรือ“ผู้น้อยขอตัวก่อน”หร่านถิงถนอมช่วงเวลาสงบสุขที่ได้ใช้กับหงเจาเป็นพิเศษ กลัวกู้หว่านเยว่ไม่ชอบเขาจึงรีบถอนตัวจากไปชิงเหลียนและหงเจาเดินเข้ามา“ฮูหยิน เช่นนั้นนางจะทำเยี่ยงไร?”“ขังนางไว้ก่อน ให้หมอมาดูอาการนาง อย่าให้ถูกกระตุ้นมากเกินไปจนตาย”บัดนี้ยังไม่ยืนยันอย่างแน่นอนว่าหนอนกู่อยู่ภายในซองจดหมายจริง หลังถอนหนอนกู่ออกจากร่างกายซูจิ่งสิงแล้ว ถึงจะสามารถจัดการนางได้“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนรีบขังคนไว้หงเจากลับออกไปพบหร่านถิง “ทำได้ดีมาก ครั้งนี้ท่านช่วยฮูหยินครั้งใหญ่ ฮูหยินจะต้องตกรางวัลท่านอย่างงามแน่”หร่านถิงยิ้มขมปร่า สบมองสตรีตรงหน้า“ตราบใดที่ฮูหยินไม่คัดค้านข้าคบหากับเจ้า ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ยอม”พวงแก้มหงเจาแดงเรื่อ“เหตุใดดีต่อข้าถึงเพียงนี้?”หร่านถิงผ่านสตรีมาน
“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เจ้าระวังหน่อย หนอนกู่นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก อย่าปล่อยให้มันเข้าไปในรูจมูกของเจ้าได้ ใช้ผ้าอุดรูจมูกและใบหูเอาไว้เถอะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้านางหยิบผ้าออกมาหนึ่งผืนจากใต้วงแขน อุดรูจมูกและใบหูไว้แล้วผู้เฒ่าหวงหยิบซองจดหมายออกมา วางซองจดหมายลงไปในน้ำอย่างระมัดระวังผ่านไปครู่หนึ่งซองจดหมายก็มีท่าทีตอบสนองต่อน้ำยาที่อยู่ภายในอ่าง แผ่กลิ่นหอมแปลกบางอย่างออกมา“กลิ่นนี้หอมเหลือเกิน”“ฮ่าๆๆๆ ไม่เพียงแค่เจ้าที่คิดเช่นนี้ หนอนกู่เองก็คิดเช่นนี้ มันได้กลิ่นหอมนี้แล้วย่อมออกมาอย่างว่าง่าย”กู้หว่านเยว่เข้าใจหลักการแล้ว พยักหน้าลง“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”“เร็ว หยิบขวดใบหนึ่งให้ข้า”ผู้เฒ่าหวงออกคำสั่งอย่างตื่นเต้นหนึ่งประโยค ภายในกล่องเครื่องมือมีขวดมากมาย กู้หว่านเยว่เลือกมาหนึ่งอัน รีบส่งถึงมือผู้เฒ่าหวงจากนั้นก็ได้เห็นหนอนกู่ตัวเล็กมากหนึ่งตัวคลานออกจากซองจดหมาย ทั้งตัวหนอนเป็นสีดำ ซ่อนตัวภายในความมืดย่อมแยกไม่ออกหากไม่ใช่มันปีนออกมาด้วยตนเอง กู้หว่านเยว่ย่อมคิดไม่ถึงว่าภายในร่องรอยความมืดดุจหมึกนี้ ถึงขั้นยังซ่อนหนอนกู่ตัวหนึ่งไว้ก็ไม่รู้ว่าเพราะผลกระทบจากน้ำย
หลังผู้เฒ่าหวงรับมีดสั้นไป จึงกรีดข้อมือซูจิ่งสิงออกจนเป็นแผล“นังหนู เจ้าสายตาดีกว่าข้า อีกเดี๋ยวตอนที่หนอนกู่คลานออกมาเจ้ารีบใช้ขวดหยก จับหนอนไว้ตั้งแต่แรกเลยนะ”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่รีบนำขวดที่ใส่หนอนกู่ตัวแม่ออกมา วางไว้ด้านข้าง แล้วรออย่างจดจ่อผู้เฒ่าหวงหยิบธูปหนึ่งก้านออกมา แล้วจุดไฟ“นี่คือสิ่งใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“นี่คือธูปหอม สามารถทำให้แม่หนอนกู่เหน็บชา ทำให้นางปล่อยสัญญาณผิดพลาด ให้ลูกหนอนกู่ออกมาจากร่างกายมนุษย์” ผู้เฒ่าหวงอธิบาย“สิ่งที่หนอนกู่ทนไม่ได้ที่สุดก็คือธูปหอม”“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้ากลิ่นธูปหอมนี้แข็งกร้าวมาก จุดเพียงไม่นาน ภายใจห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมประหลาด“ออกมาแล้ว”จากนั้นผู้เฒ่าหวงทำท่าให้เงียบงดใช้เสียงกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ สายตาต่างมองไปที่บาดแผลเพียงไม่นาน กู้หว่านเยว่มองเห็นหนอนตัวหนึ่งซึ่งเล็กมาก บินออกมาจากบาดแผลของซูจิ่งสิงเมื่อลูกหนอนกู่ออกมา บินมุ่งหน้าไปหาขวดที่ใส่แม่หนอนกู่ทันที“ตอนนี้ละ!”ลูกหนอนกู่เข้าไปในขวดแล้ว กู้หว่านเยว่มือไวใจเร็ว รีบปิดฝาขวดหยกทันที“จับได้แล้ว”นางผ่อนลมหายใจ ใ
“น้องหญิงระวัง”ซูจิ่งสิงรีบกันกู้หว่านเยว่ไว้ด้านหลังหลังจากเจี่ยชิงอวิ๋นลุกขึ้น มีเพียงดวงตาที่ขยับ ราวกับหุ่นเชิดซูจิ่งสิงรู้สึกผิดปกติ จึงให้คนไปเรียกผู้เฒ่าหวงกลับมาอีกครั้งหลังจากผู้เฒ่าหวงดูอาการแล้วลูบเครา ส่ายหน้า“คนผู้นี้ช่างเหี้ยมโหด ถึงกับใส่หนอนกู่ให้ตัวเองด้วย”“นางใส่หนอนกู่อย่างไรให้ตัวเองหรือ?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม “หนอนกู่หุ่นเชิด”ผู้เฒ่าหวงถอนหายใจมองแววตาของเจี่ยชิงอวิ๋น รู้สึกเสียดายเล็กน้อย“จากนี้คนผู้นี้ไม่ต่างจากศพเดินได้ ทำตามเพียงคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีอารมณ์นึกคิดของตัวเองอีกต่อไป”“ท่านหมายถึงนางหรือ”กู้หว่านเยว่มองเจี่ยชิงอวิ๋นด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง“นางทำให้ตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดหรือ?”ผู้เฒ่าหวงพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้น”คนผู้นี้น่าจะสะเทือนใจมาก ไม่อาจยอมรับที่ตัวเองรับโจรเป็นบิดาช่วยคนชั่วก่อกรรม ทำให้สะเทือนใจเกินไป จึงทำให้ตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดนับจากนี้ จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับใครอีกเดิมทีกู้หว่านเยว่โกรธนางที่ใส่หนอนกู่ให้ซูจิ่งสิงโดยไม่สนใจสิ่งใด ตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาที่ว่างเปล่าของนาง ในใจกลับเกิดความสงสารขึ้นม
“คารวะพระชายา คารวะท่านอ๋อง”เจี่ยอวิ๋นรีบหยุด จากนั้นยิ้มแล้วทำความเคารพทั้งสองคนในใจกู้หว่านเยว่ยิ่งกระวนกระวาย“เกิดเรื่องใดขึ้น ทำไมสีหน้าย่ำแย่ขนาดนั้น?”ขอบตาเจี่ยอวิ๋นแดงก่ำ พร้อมยิ้มขมขื่น“ข้าน้อย พี่สาวของข้าน้อยตายแล้ว”“อะไรนะ?”กู้หว่านเยว่อุทานอย่างตะลึง นางจำได้ว่าวันนั้นในจวนสกุลหลี่ นางยังได้พบเจี่ยหงอีกฝ่ายอุ้มลูกเอาไว้ แม้สีหน้าจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เป็นโรคร้าย“จวนสกุลหลี่บอกว่าพี่สาวข้าเป็นโรคลำไส้อุดตันกะทันหัน ทำให้ปวดจนตาย”เจี่ยอวิ๋นใบหน้าขาวซีด แล้วรีบเอ่ยเตือน“ใช่สิ เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกเพียวเพียว กลัวนางจะตกใจมากเกินไป ขอพระชายาโปรดเก็บเป็นความลับ อย่าบอกนาง”“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อเจี่ยอวิ๋นไม่อยากบอก นางย่อมไม่พูดมากอยู่แล้วตอนนี้หลิ่วเพียวเพียวอยู่ในช่วงเวลาเฉพาะ อารมณ์ไม่ควรจะขึ้นลงมากเกินไป“จัดการงานศพแล้วหรือ?”ชั่วขณะนั้นกู้หว่านเยว่ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไรดี ทั้งที่หลายวันก่อนยังเห็นดีๆ อยู่เลย นี่ก็กะทันหันเกินไป“ยังเลย”เจี่ยอวิ๋นส่ายหน้า เหมือนยากจะเอื้อนเอ่ย เขามองกู้หว่านเยว่
“ดังนั้น ความหมายของเจ้าคืออยากให้ข้าช่วยสืบเรื่องนี้หรือ?”กู้หว่านเยว่ฟังมาสักพัก จึงพอจะคาดเดาความหมายของเจี่ยอวิ๋นได้“นั่นคือพี่สาวแท้ๆ ของข้า ข้าไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน”ใบหน้าเจี่ยอวิ๋นขาวซีด ในดวงตามีความกังวล“ยิ่งไปกว่านั้น แม้พี่สาวข้าจะตายไปแล้ว แต่นางยังทิ้งบุตรสาวไว้อีกสองคน บุตรสาวทั้งสองไม่เป็นที่รักในจวนสกุลหลี่ แต่พวกนางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของข้า ข้าจะทำใจให้พวกนางอยู่ในถ้ำเสือได้อย่างไร”หากเจี่ยหงถูกหลี่เหวินซ้อมจนตายจริงๆ ลูกสาวทั้งสองอยู่ในสกุลหลี่ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดีไม่แน่ ต่อไปอาจต้องพบจุดจบเช่นเดียวกันกับมารดาของพวกนางแต่น่าเสียดายที่เหตุผลเหมือนกันกับที่เขาไม่สามารถตรวจสอบสาเหตุการตายของเจี่ยหงได้ แม้สกุลหลี่จะไม่ชอบหลานสาวทั้งสองคน แต่อย่างไรพวกนางก็เป็นลูกหลานสกุลหลี่ เขาไม่มีสิทธิ์ไปพาตัวมา“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่กำหมัดแน่น“ตอนนี้พี่สาวเจ้ายังไม่ฝังสินะ?”“ยังไม่ฝัง เดิมทีควรจะจัดงานศพเจ็ดวัน แต่ไม่รู้ว่าสกุลหลี่ละอายใจหรือว่าด้วยเหตุใด จึงจัดงานศพเพียงสามวันแล้วทำพิธีฝัง วันนี้ก็คือวันทำพิธีฝัง”เจี่ยอวิ๋นรีบเอ่
“ท่านพี่ ท่านยิงได้แม่นยำกว่าข้าเสียอีก”ซูจิ่งสิงหน้าแดงทันใด “น้องหญิง เจ้าได้อาวุธปืนมามากมายเหลือเกิน วางแผนที่จะแจกจ่ายของเหล่านี้ให้แก่ทหารหรือ?”“ใช่เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“แต่ว่า ที่ข้ามีอาวุธปืนทั้งหมดเพียงสองพันกระบอกเท่านั้น สามารถแจกจ่ายได้เฉพาะกับองครักษ์ใกล้ชิดที่เชื่อถือได้และทหารชั้นยอดเท่านั้น”แววตาของซูจิ่งสิงเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย“เมื่อมีของเหล่านี้ การเอาชนะการสู้รบจะง่ายดายและสะดวกยิ่งขึ้น”“ไม่เลว”เขาค่อนข้างตื่นเต้น“ตอนนี้ข้าจะแจกจ่ายของเหล่านี้ลงไป แล้วสอนวิธีใช้แก่พวกเขา”“ช้าก่อน”กู้หว่านเยว่เรียกเขาไว้ “ยังมีอีกของสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ยังพูดไม่จบ”นางยกปืนไฟในมือขึ้นมา“หลังจากยิงกระสุนออกไปแล้วต้องทำความสะอาดให้ทันเวลา มิฉะนั้นจะส่งผลต่อการยิงครั้งถัดไป”นางหยิบก้านทำความสะอาดออกมา ทำความสะอาดต่อหน้าซูจิ่งสิงรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายเรียนรู้ได้หมดแล้ว ค่อยวางปืนไฟกลับลงไปในหีบ“เอาล่ะ ตอนนี้ท่านไปเรียกคนมาได้แล้ว”“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”จังหวะก้าวเท้าของซูจิ่งสิงค่อนข้างสับสนสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อของแบบนี้ปรากฏขึ้น กอ
กู้หว่านเยว่ฟังจบก็ดีใจมาก ดูเหมือนว่าถนนปูนจะซ่อมแซมได้ค่อนข้างเร็ว“ตลอดเส้นทางต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารีบลงไปพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยว ข้าจะให้ชิงเหลียนนำค่าตอบแทนมาให้พวกเจ้า”จางเอ้อร์ได้ยินเช่นนี้ ก็รีบโบกมือ“พระชายา ท่านช่วยชีวิตพวกข้าน้อยเอาไว้หลายครั้งแล้ว ตอนนี้พวกเราแค่คุมสิ่งของมาส่งให้ท่านเท่านั้น จะมีหน้ารับค่าตอบแทนได้อย่างไร?ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะกลายเป็นตัวอะไรเล่า? ไม่ใช่หมาป่าตาขาวที่เนรคุณหรอกหรือ”จางเอ้อร์ยืนกรานไม่ยอมรับ หวังหรานเอ๋อร์ก็ดูท่าทางจะไม่ยอมรับเช่นกันกู้หว่านเยว่เข้าใจสถานการณ์ดี“มันคนละเรื่องกัน พวกเจ้านำสินค้ามาส่งให้ข้าได้อย่างปลอดภัย ก็ถือว่าช่วยข้าได้มากแล้ว สำหรับค่าตอบแทนนี้ พวกเจ้าสมควรได้รับ”“แต่ว่า...”จางเอ้อร์ยังมีอะไรจะพูดอีก หวังหรานเอ๋อร์พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นก่อน“ในเมื่อพระชายาได้กล่าวเช่นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรับค่าตอบแทนไว้ก่อน ต่อไปหากท่านต้องการสั่งการเรื่องใด ต่อให้พวกเราต้องขึ้นเขาลงห้วย ก็จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อย”หวังหรานเอ๋อร์คิดมากกว่าจางเอ้อร์เล็กน้อยในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะทำงานกับกู้หว่
หากมู่หรงถิงมองดูอย่างละเอียด ก็จะเห็นความภาคภูมิใจในดวงตาของนาง“หากฝ่าบาทต้องการนำทัพออกศึกด้วยตนเอง หม่อมฉันก็ยินดีอยู่เคียงข้างฝ่าบาท รีบรุดไปยังสนามรบพร้อมกับฝ่าบาท”สายตาที่เปี่ยมด้วยความรักของนาง ทำให้มู่หรงถิงไม่อยากจะเชื่อ“ในสนามรบกระบี่ไร้ดวงตา ร่างกายของเจ้าก็อ่อนแออยู่แล้ว”“ฝ่าบาท”ฮองเฮายื่นนิ้วมือขาวบริสุทธิ์ออกไป ประทับลงบนริมฝีปากของเขาเบา ๆ“ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด หม่อมฉันจะไปกับท่าน หม่อมฉันยินดีร่วมเป็นร่วมตาย”สายตาของมู่หรงถิงสั่นไหวสมกับที่เป็นฮองเฮาแสนดีของเขา เป็นสตรีที่เขาต้องตาลองถามดูหน่อยว่าในสถานการณ์คอขาดบาดตายเช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่ไม่ทอดทิ้งกันไปไหน?“ม่านเอ๋อร์ ข้ามองเจ้าไม่ผิดเลย”ความไว้วางใจของมู่หรงถิงที่มีต่อฮองเฮา มาถึงจุดสูงสุดแล้วข่าวที่บอกว่าฮ่องเต้จะนำทัพออกศึกด้วยตนเอง สั่นสะเทือนระบอบราชสำนักอย่างรวดเร็ว ขุนนางใหญ่ทั้งหลายที่ได้รับข่าวนี้มีทั้งเห็นชอบและคัดค้าน เอาเป็นว่า ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไรก็ตามมู่หรงถิงได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะนำทัพออกศึกด้วยตัวเอง“มู่หรงถิงต้องการตัดหัวของท่านด้วยตัวเองหรือ?”เมื่อกู้หว่านเยว่ได้รู้ข
“รีบจัดการเงินทองกับของมีค่าให้เรียบร้อย ของหนักของใหญ่โตเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอาไปแล้ว”ฮูหยินสกุลจ้าวอุ้มลูกชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เข้ามาอย่างรีบร้อน“นายท่าน พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”จ้าวหวยตัดสินใจทุบหม้อจมเรือ “อยู่ในเมืองหลวงต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราจะลี้ภัยไปที่เจดีย์หนิงกู่!”ติดตามมู่หรงถิงไป ก็มีแต่ทางตันขาของจ้าวฮูหยินอ่อนแรง“นายท่าน ท่าน ท่านคิดจะกบฏหรือ?”จ้าวหวยส่ายหน้า “ไม่ใช่กบฏ แต่ไปเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบของฮ่องเต้องค์ใหม่”พูดถึงครอบครัวเดิมของจ้าวฮูหยิน ก็ทำงานในพื้นที่ด้วยเช่นกันหลังจากได้สามีพูดเช่นนี้ นางก็ครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจทุบหม้อข้าวจมเรือพลางเอ่ยขึ้น“ในเมื่อท่านพี่ต้องการไป เช่นนั้นพวกเราก็ไปขอพึ่งพิงที่บ้านเดิมของข้าก่อน แล้วพาพวกเขาไปด้วยกัน”หลังจากหารือกันในครอบครัวแล้ว จึงเก็บข้าวของในคืนนั้น ปลอมแปลงอำพรางตัว จ้างรถม้าคันหนึ่งเพื่อออกจากเมืองหลวงอย่างรวดเร็วนอกจากสกุลจ้าวแล้ว ลับหลังยังมีครอบครัวอื่น ๆ อีกมากมายที่มีความคิดเช่นเดียวกับสกุลจ้าวทุกคนเก็บเงินทองของมีค่าอย่างเงียบ ๆ แล้วรีบหนีไปจ้าวหวยเพิ่งออกมาจากเมือง ก็พบกับใต
ทหารหนานเจียง “กล้าฆ่าท่านทูตใหญ่และหมอผีใหญ่ของพวกเรา สู้กับพวกเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”ทหารราชสำนัก “พวกเจ้าเห่าหอนอะไร?”“ตูม!” ดินปืนตกลงบริเวณรอบนอกค่ายทหาร คราวนี้ทุกคนจึงได้สติ“แย่แล้ว กองทัพของเจดีย์หนิงกู่บุกมาแล้ว รีบไปหยิบอาวุธเร็วเข้า”“จะสู้อะไรกัน แม่ทัพใหญ่ก็ตายไปแล้ว พวกเราจะสู้ได้อย่างไร?”ค่ายทหารวุ่นวายไปหมด“ตูม!” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ดินปืนของเจดีย์หนิงกู่ ขว้างมาทางนี้ ราวกับไม่ต้องเสียเงินเสียทองเมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และกองทัพราชสำนักและกองทัพหนานเจียงก็ไร้ผู้นำ ไม่นานก็แตกพ่าย“ยอมแพ้ไม่ฆ่า ยอมแพ้ไม่ฆ่า!”บนกำแพงเมืองมีเสียงตะโกนของกองทัพเจดีย์หนิงกู่ หลายคนเห็นว่าสู้ไม่ได้ ก็วางอาวุธลง หาซอกมุมนั่งยอง ๆ กอดศีรษะแล้วรีบยอมแพ้จนกระทั่งดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก แสงแรกสาดส่องลงบนผืนดิน กองทัพเจดีย์หนิงกู่ก็เข้ายึดครองเมืองเซินได้อย่างสมบูรณ์“ชนะแล้ว! ชนะศึกอีกแล้ว”เหล่าทหารโห่ร้องด้วยความยินดี ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งซูจิ่งสิงขี่อยู่บนหลังม้า เขาที่ออกรบมาทั้งคืน สังหารข้าศึกไปมากมายนับไม่ถ้วน เวลานี้ มือและหอกยา
“หาที่ฝังเส้นผมนี้ก่อน”หลังจากที่ออกจากค่ายทหารแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบหุ่นไม้และเส้นผมของเกาเจี้ยนออกมา“ฝังไว้ตรงนี้เถอะ”ซูจิ่งสิงใช้จอบขุดหลุมเล็ก ๆ บนพื้นดิน วางเส้นผมลงไป แล้วกลบให้เรียบร้อยระหว่างที่เขากำลังขุดหลุม กู้หว่านเยว่ก็หยิบน้ำมันก๊าดออกมา ราดลงบนหุ่นไม้จากนั้นก็หยิบตะบันไฟออกมา แล้วโยนเข้าไปหุ่นไม้ลุกไหม้ในทันที ไม่นานก็ไหม้จนกลายเป็นถ่านดำ“พวกเราไปกันเถอะ”เมื่อแน่ใจว่าของทั้งสองอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว กู้หว่านเยว่ก็รีบจูงมือซูจิ่งสิงจากไปสองสามีภรรยาก็นำม้าออกจากมิติอีกครั้งเพื่อที่จะนำตัวชวีเฟิงกลับไปอย่างเปิดเผย กู้หว่านเยว่จึงนำชวีเฟิงออกจากมิติ วางไว้บนหลังม้าจากนั้นก็กลับไปยังค่ายทหารพร้อมกับซูจิ่งสิงในชั่วข้ามคืนเวลานี้ หวงเหล่าตรวจดูอาการของเกาเจี้ยนเสร็จพอดีการวินิจฉัยของเขา เหมือนกับที่หมอผีชราพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน“หุ่นไม้นี้ต้องอยู่ในค่ายของฝ่ายศัตรูแน่ ๆ การจะเอามันมาไม่ใช่เรื่องง่าย”หวงเหล่าถอนหายใจหลิวชวี่กล่าวอย่างกังวล “เช่นนั้นพี่เกาเจี้ยน จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดเลยหรือ?”“ไม่สิ”หวงเหล่าส่ายหน้าทันที“วิชาไสยศาสตร์ในร
“น้องหญิง เจ้าคิดจะฆ่าเขาจริง ๆ หรือ?”เวลานี้ ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น“เก็บคนผู้นี้ไว้ ภายหน้าค่อยมอบเขาให้กับเฟิ่งอู๋ชี จะสามารถซื้อใจเขาได้”ภายในหนานเจียงวุ่นวาย หลายฝ่ายแตกแยก การสู้รบภายในรุนแรงยิ่งกว่าต้าฉีเสียอีกและชวีเฟิง ก็คือคุณชายของตระกูลชวี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจเหล่านั้นซูจิ่งสิงคาดเดาว่า ชีวิตของชวีเฟิง น่าจะมีประโยชน์ต่อเฟิ่งอู๋ชีอยู่บ้าง“เช่นนั้นก็ฟังท่าน ยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้”กู้หว่านเยว่ชักมือที่กำลังจะจัดการชวีเฟิงกลับ แล้วหยิบเชือกออกมามัดเขาไว้ หลังจากนั้น นางก็ฉีกแขนเสื้อของชวีเฟิงออกมา“ไปกัน พวกเราออกจากมิติกันก่อน”นางโบกมือ พาซูจิ่งสิงและหญิงชราออกจากมิติ อ้อมผ่านชวีเฟิงไป แต่ชีวิตของหญิงชราผู้นี้ กู้หว่านเยว่ไม่คิดจะเก็บไว้กำลังจะลงมือ ทว่ากลับเห็นหญิงชราเลือดออกทวารทั้งเจ็ด สิ้นใจไปแล้ว“นางตายได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ตกใจ นางยังไม่ได้ลงมือเลย“อาจจะรู้ตัวว่าอยู่ได้ไม่นานแล้ว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทรมาน จึงปลิดชีพตัวเอง”ซูจิ่งสิงเดินเข้าไปตรวจสอบเมื่อแน่ใจว่าหญิงชราตายสนิทแล้ว จึงโยนนางไปด้านข้าง“ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปื้อ
หญิงชราผู้นี้มีความสามารถกู้หว่านเยว่กังวลว่านางจะล่วงรู้ความลับสวรรค์ ก่อนที่นางจะพูด ก็ใช้มือฟาดลงไป ทำให้นางสลบส่วนชวีเฟิง นางยังมีเรื่องที่อยากจะถามชวีเฟิงคิดไว้ในใจอย่างดี ไม่ว่ากู้หว่านเยว่จะถามอะไร เขายอมตายดีกว่ายอมสารภาพไม่มีทางที่สามีภรรยาคู่นี้จะล้วงความลับอะไรจากปากเขาได้แม้แต่คำเดียว“ไม่พูดความจริงใช่หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ยิ้มจนตาหยี“ถ้าอย่างนั้นก็กรีดหน้าเจ้าเสีย บนแก้มซ้ายกรีดหนึ่งที แก้มขวาก็อีกหนึ่งที”นางหยิบกริชที่ส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา ทำท่าจะกรีดลงบนใบหน้าของชวีเฟิงกริชเฉียดผ่านใบหน้าของเขาทำให้เขากรีดร้องด้วยความตกใจ“อย่าแตะต้องใบหน้าของข้า มีอะไรก็พูดกันดี ๆ !” หญิงบ้าผู้นี้ รู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของเขาคือใบหน้า?ใบหน้าของเขานี้ บำรุงรักษาอย่างดีทุกวัน ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนหากถูกกรีดเป็นแผล เขาคงจะใจสลาย!เขาพยายามจะหลบ แต่ถูกซูจิ่งสิงจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยชวีเฟิงรู้สึกสิ้นหวัง ได้แต่มองกู้หว่านเยว่ใช้กริชเลื่อนผ่านไปมาบนใบหน้าของเขายังดีที่กู้หว่านเยว่ลงมืออย่างระมัดระวัง เพียงแค่ขู่เขาเท่านั้น ไม่ได้กรีดลงบนใบหน้า
กู้หว่านเยว่มองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับจะพูดว่า เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่สารภาพ ก็มีคนอื่นสารภาพอยู่ดี“ข้ากำลังถามเจ้าว่าผมที่ผูกอยู่บนหุ่นไม้นี่เป็นของใคร? ใช่ของแม่ทัพเกา เกาเจี้ยนหรือไม่?”“คะ คือว่า...”หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้หว่านเยว่ยกหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยนางอีกครั้ง นางจึงรีบพูด“ยะ อย่าต่อยข้า ข้าจะบอก ผมบนหุ่นไม้นี้เป็นของแม่ทัพเกาเจี้ยนจริง ๆ เป็นผมที่ตัดมาจากบนศีรษะของแม่ทัพเกาเจี้ยนในสนามรบวันนี้”หญิงชรารีบกล่าว กล่าวไปพลาง กุมศีรษะของตนเองไปพลางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เกาเจี้ยนกลับมาจากสนามรบแล้วรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวที่แท้เป็นเพราะชวีเฟิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว หาโอกาสเอาผมของเกาเจี้ยนไปขณะที่อยู่ในสนามรบ จากนั้นก็นำผมของเขามาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้สุดท้ายก็ให้แม่หมอคนนี้ใช้วิชาไสยศาสตร์กับหุ่นไม้ ทำให้เกาเจี้ยนเจ็บปวดทรมาน อยากจะฆ่าคน“ข้าถามเจ้าหน่อย เพียงแค่เอาผมของคนอื่นมาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็สามารถใช้วิธีการทำร้ายคนแบบนี้กับเขาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่เริ่มสนใจสิ่งนี้ขึ้น