หากไม่ระวังก็จะถูกเปิดโปง“หว่านเยว่”ซูจิ่งสิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ทันเวลา ช่วยกู้หว่านเยว่กลบเกลื่อน “ทางฝั่งเจี่ยชิงอวิ๋นมีความคืบหน้าเยี่ยงไร?”“อ้อ คนได้รับบาดเจ็บหมดสติไป แต่ข้าให้นางกินยาแล้ว กลางคืนนางจะฟื้นขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยทำตามแผนของพวกเรา”กู้หว่านเยว่เดินไปหยุดข้างกายซูจิ่งสิง จับมือเขาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ“ลำบากเจ้าแล้ว”ซูจิ่งสิงลูบเส้นผมนาง“คืนนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”“พวกเจ้าเด็กสองคนนี้วางแผนแสดงละครอีกแล้วกระมัง?”ผู้เฒ่าหวงขยับไปอยู่ทางด้านข้าง ดื่มน้ำชานั้นอีกหลายอึกอย่างไม่อาจทนไหวช่างเป็นของดีโดยแท้ เขาต้องดื่มมากหน่อยราตรีมาเยือนกู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงมาบนหลังคา ทั้งสองคนเปิดแผ่นกระเบื้องออก มองลงไปเบื้องล่างเจี่ยชิงอวิ๋นได้รับบาดเจ็บไม่เบาบัดนี้ยังนอนบนเตียง แต่ศีรษะนางเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโต เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันร้าย นอนหลับไม่สนิท“ชู่ว์ มาแล้ว”กู้หว่านเยว่กระซิบเตือนข้างโสตซูจิ่งสิงเบาๆ สองสามีภรรยากลั้นหายใจในทันใด รอรับชมละครฉากสนุกเงียบๆเจี่ยชิงอวิ๋นกินน้ำแกงยาผสมบางอย่างเข้าไปเรียบร้อยแล้วก็ฝันร้ายอยู่ตลอดนางสะลึมสะลือ คิดว่า
หร่านถิงประกบมือเข้าหากันอย่างถ่อมตนพลางพูด “ผู้น้อยไม่กล้ารับความดีความชอบขอรับ”“พูดเรื่องความดีความชอบ เรื่องวันนี้ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”นับตั้งแต่หงเจาและหร่านถิงคบหาดูใจกัน เขาก็กลายเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกู้หว่านเยว่ทว่าปกติมีเรื่องให้ใช้งานเขาน้อยมาก วันนี้ก็ได้ใช้งานแล้วมิใช่หรือ“ผู้น้อยขอตัวก่อน”หร่านถิงถนอมช่วงเวลาสงบสุขที่ได้ใช้กับหงเจาเป็นพิเศษ กลัวกู้หว่านเยว่ไม่ชอบเขาจึงรีบถอนตัวจากไปชิงเหลียนและหงเจาเดินเข้ามา“ฮูหยิน เช่นนั้นนางจะทำเยี่ยงไร?”“ขังนางไว้ก่อน ให้หมอมาดูอาการนาง อย่าให้ถูกกระตุ้นมากเกินไปจนตาย”บัดนี้ยังไม่ยืนยันอย่างแน่นอนว่าหนอนกู่อยู่ภายในซองจดหมายจริง หลังถอนหนอนกู่ออกจากร่างกายซูจิ่งสิงแล้ว ถึงจะสามารถจัดการนางได้“เจ้าค่ะ”ชิงเหลียนรีบขังคนไว้หงเจากลับออกไปพบหร่านถิง “ทำได้ดีมาก ครั้งนี้ท่านช่วยฮูหยินครั้งใหญ่ ฮูหยินจะต้องตกรางวัลท่านอย่างงามแน่”หร่านถิงยิ้มขมปร่า สบมองสตรีตรงหน้า“ตราบใดที่ฮูหยินไม่คัดค้านข้าคบหากับเจ้า ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ยอม”พวงแก้มหงเจาแดงเรื่อ“เหตุใดดีต่อข้าถึงเพียงนี้?”หร่านถิงผ่านสตรีมาน
“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เจ้าระวังหน่อย หนอนกู่นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก อย่าปล่อยให้มันเข้าไปในรูจมูกของเจ้าได้ ใช้ผ้าอุดรูจมูกและใบหูเอาไว้เถอะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้านางหยิบผ้าออกมาหนึ่งผืนจากใต้วงแขน อุดรูจมูกและใบหูไว้แล้วผู้เฒ่าหวงหยิบซองจดหมายออกมา วางซองจดหมายลงไปในน้ำอย่างระมัดระวังผ่านไปครู่หนึ่งซองจดหมายก็มีท่าทีตอบสนองต่อน้ำยาที่อยู่ภายในอ่าง แผ่กลิ่นหอมแปลกบางอย่างออกมา“กลิ่นนี้หอมเหลือเกิน”“ฮ่าๆๆๆ ไม่เพียงแค่เจ้าที่คิดเช่นนี้ หนอนกู่เองก็คิดเช่นนี้ มันได้กลิ่นหอมนี้แล้วย่อมออกมาอย่างว่าง่าย”กู้หว่านเยว่เข้าใจหลักการแล้ว พยักหน้าลง“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”“เร็ว หยิบขวดใบหนึ่งให้ข้า”ผู้เฒ่าหวงออกคำสั่งอย่างตื่นเต้นหนึ่งประโยค ภายในกล่องเครื่องมือมีขวดมากมาย กู้หว่านเยว่เลือกมาหนึ่งอัน รีบส่งถึงมือผู้เฒ่าหวงจากนั้นก็ได้เห็นหนอนกู่ตัวเล็กมากหนึ่งตัวคลานออกจากซองจดหมาย ทั้งตัวหนอนเป็นสีดำ ซ่อนตัวภายในความมืดย่อมแยกไม่ออกหากไม่ใช่มันปีนออกมาด้วยตนเอง กู้หว่านเยว่ย่อมคิดไม่ถึงว่าภายในร่องรอยความมืดดุจหมึกนี้ ถึงขั้นยังซ่อนหนอนกู่ตัวหนึ่งไว้ก็ไม่รู้ว่าเพราะผลกระทบจากน้ำย
หลังผู้เฒ่าหวงรับมีดสั้นไป จึงกรีดข้อมือซูจิ่งสิงออกจนเป็นแผล“นังหนู เจ้าสายตาดีกว่าข้า อีกเดี๋ยวตอนที่หนอนกู่คลานออกมาเจ้ารีบใช้ขวดหยก จับหนอนไว้ตั้งแต่แรกเลยนะ”“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่รีบนำขวดที่ใส่หนอนกู่ตัวแม่ออกมา วางไว้ด้านข้าง แล้วรออย่างจดจ่อผู้เฒ่าหวงหยิบธูปหนึ่งก้านออกมา แล้วจุดไฟ“นี่คือสิ่งใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“นี่คือธูปหอม สามารถทำให้แม่หนอนกู่เหน็บชา ทำให้นางปล่อยสัญญาณผิดพลาด ให้ลูกหนอนกู่ออกมาจากร่างกายมนุษย์” ผู้เฒ่าหวงอธิบาย“สิ่งที่หนอนกู่ทนไม่ได้ที่สุดก็คือธูปหอม”“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้ากลิ่นธูปหอมนี้แข็งกร้าวมาก จุดเพียงไม่นาน ภายใจห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมประหลาด“ออกมาแล้ว”จากนั้นผู้เฒ่าหวงทำท่าให้เงียบงดใช้เสียงกู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ สายตาต่างมองไปที่บาดแผลเพียงไม่นาน กู้หว่านเยว่มองเห็นหนอนตัวหนึ่งซึ่งเล็กมาก บินออกมาจากบาดแผลของซูจิ่งสิงเมื่อลูกหนอนกู่ออกมา บินมุ่งหน้าไปหาขวดที่ใส่แม่หนอนกู่ทันที“ตอนนี้ละ!”ลูกหนอนกู่เข้าไปในขวดแล้ว กู้หว่านเยว่มือไวใจเร็ว รีบปิดฝาขวดหยกทันที“จับได้แล้ว”นางผ่อนลมหายใจ ใ
“น้องหญิงระวัง”ซูจิ่งสิงรีบกันกู้หว่านเยว่ไว้ด้านหลังหลังจากเจี่ยชิงอวิ๋นลุกขึ้น มีเพียงดวงตาที่ขยับ ราวกับหุ่นเชิดซูจิ่งสิงรู้สึกผิดปกติ จึงให้คนไปเรียกผู้เฒ่าหวงกลับมาอีกครั้งหลังจากผู้เฒ่าหวงดูอาการแล้วลูบเครา ส่ายหน้า“คนผู้นี้ช่างเหี้ยมโหด ถึงกับใส่หนอนกู่ให้ตัวเองด้วย”“นางใส่หนอนกู่อย่างไรให้ตัวเองหรือ?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม “หนอนกู่หุ่นเชิด”ผู้เฒ่าหวงถอนหายใจมองแววตาของเจี่ยชิงอวิ๋น รู้สึกเสียดายเล็กน้อย“จากนี้คนผู้นี้ไม่ต่างจากศพเดินได้ ทำตามเพียงคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีอารมณ์นึกคิดของตัวเองอีกต่อไป”“ท่านหมายถึงนางหรือ”กู้หว่านเยว่มองเจี่ยชิงอวิ๋นด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง“นางทำให้ตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดหรือ?”ผู้เฒ่าหวงพยักหน้า “หมายความว่าเช่นนั้น”คนผู้นี้น่าจะสะเทือนใจมาก ไม่อาจยอมรับที่ตัวเองรับโจรเป็นบิดาช่วยคนชั่วก่อกรรม ทำให้สะเทือนใจเกินไป จึงทำให้ตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดนับจากนี้ จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับใครอีกเดิมทีกู้หว่านเยว่โกรธนางที่ใส่หนอนกู่ให้ซูจิ่งสิงโดยไม่สนใจสิ่งใด ตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาที่ว่างเปล่าของนาง ในใจกลับเกิดความสงสารขึ้นม
“คารวะพระชายา คารวะท่านอ๋อง”เจี่ยอวิ๋นรีบหยุด จากนั้นยิ้มแล้วทำความเคารพทั้งสองคนในใจกู้หว่านเยว่ยิ่งกระวนกระวาย“เกิดเรื่องใดขึ้น ทำไมสีหน้าย่ำแย่ขนาดนั้น?”ขอบตาเจี่ยอวิ๋นแดงก่ำ พร้อมยิ้มขมขื่น“ข้าน้อย พี่สาวของข้าน้อยตายแล้ว”“อะไรนะ?”กู้หว่านเยว่อุทานอย่างตะลึง นางจำได้ว่าวันนั้นในจวนสกุลหลี่ นางยังได้พบเจี่ยหงอีกฝ่ายอุ้มลูกเอาไว้ แม้สีหน้าจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็ดูไม่เหมือนผู้ที่เป็นโรคร้าย“จวนสกุลหลี่บอกว่าพี่สาวข้าเป็นโรคลำไส้อุดตันกะทันหัน ทำให้ปวดจนตาย”เจี่ยอวิ๋นใบหน้าขาวซีด แล้วรีบเอ่ยเตือน“ใช่สิ เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกเพียวเพียว กลัวนางจะตกใจมากเกินไป ขอพระชายาโปรดเก็บเป็นความลับ อย่าบอกนาง”“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่อเจี่ยอวิ๋นไม่อยากบอก นางย่อมไม่พูดมากอยู่แล้วตอนนี้หลิ่วเพียวเพียวอยู่ในช่วงเวลาเฉพาะ อารมณ์ไม่ควรจะขึ้นลงมากเกินไป“จัดการงานศพแล้วหรือ?”ชั่วขณะนั้นกู้หว่านเยว่ไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไรดี ทั้งที่หลายวันก่อนยังเห็นดีๆ อยู่เลย นี่ก็กะทันหันเกินไป“ยังเลย”เจี่ยอวิ๋นส่ายหน้า เหมือนยากจะเอื้อนเอ่ย เขามองกู้หว่านเยว่
“ดังนั้น ความหมายของเจ้าคืออยากให้ข้าช่วยสืบเรื่องนี้หรือ?”กู้หว่านเยว่ฟังมาสักพัก จึงพอจะคาดเดาความหมายของเจี่ยอวิ๋นได้“นั่นคือพี่สาวแท้ๆ ของข้า ข้าไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน”ใบหน้าเจี่ยอวิ๋นขาวซีด ในดวงตามีความกังวล“ยิ่งไปกว่านั้น แม้พี่สาวข้าจะตายไปแล้ว แต่นางยังทิ้งบุตรสาวไว้อีกสองคน บุตรสาวทั้งสองไม่เป็นที่รักในจวนสกุลหลี่ แต่พวกนางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของข้า ข้าจะทำใจให้พวกนางอยู่ในถ้ำเสือได้อย่างไร”หากเจี่ยหงถูกหลี่เหวินซ้อมจนตายจริงๆ ลูกสาวทั้งสองอยู่ในสกุลหลี่ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องร้ายมากกว่าดีไม่แน่ ต่อไปอาจต้องพบจุดจบเช่นเดียวกันกับมารดาของพวกนางแต่น่าเสียดายที่เหตุผลเหมือนกันกับที่เขาไม่สามารถตรวจสอบสาเหตุการตายของเจี่ยหงได้ แม้สกุลหลี่จะไม่ชอบหลานสาวทั้งสองคน แต่อย่างไรพวกนางก็เป็นลูกหลานสกุลหลี่ เขาไม่มีสิทธิ์ไปพาตัวมา“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่กำหมัดแน่น“ตอนนี้พี่สาวเจ้ายังไม่ฝังสินะ?”“ยังไม่ฝัง เดิมทีควรจะจัดงานศพเจ็ดวัน แต่ไม่รู้ว่าสกุลหลี่ละอายใจหรือว่าด้วยเหตุใด จึงจัดงานศพเพียงสามวันแล้วทำพิธีฝัง วันนี้ก็คือวันทำพิธีฝัง”เจี่ยอวิ๋นรีบเอ่
“เกิดอะไรขึ้น?” สองแม่ลูกลนลานทันทีพ่อบ้านส่ายหน้า“ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นทหารกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาทางนี้แต่ไกล จึงรีบเข้ามารายงานขอรับ”“ท่านแม่”หลี่เหวินกินปูนร้อนท้อง“ต้องเป็นเรื่องของเจี่ยหงแพร่งพรายแล้วแน่ๆ”“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ข้าปิดข่าวอย่างดี ไม่มีทางแพร่งพรายเด็ดขาด”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยังคงส่ายหน้า“ท่านลืมเจี่ยอวิ๋นไปแล้วหรือ?” หลี่เหวินตกใจจนแทบจะฉี่ราดกางเกง “ต้องเป็นเขาไปแจ้งทางการแน่ ท่านแม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”“อย่าลนลาน”ดวงตาฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลิ้งไปมา ใบหน้าเผยความอำมหิต“รีบไป ให้คนไปเอาคบเพลิงมา”“ท่านแม่ ท่านคิดจะ...”หลี่เหวินรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ตอนตีเมียเขาไม่ออมมือสักนิด แต่ความจริงเป็นพวกกระจอก“ยังยืนบื้ออยู่ทำไม? ไปเอาคบเพลิงมาสิ”ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่สั่งการอย่างระอาความไม่เอาไหน ไม้เท้าตกไปอยู่บนตัวพ่อบ้าน“เจ้ารีบพาคนออกไป แล้วรั้งพวกเขาเอาไว้”พอดีกับเด็กทั้งสองคนร้องไห้อย่างน่าเวทนา พ่อบ้านหันมองพวกนางแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วรีบออกไป“ให้คนล้อมจวนสกุลหลี่เอาไว้ อย่าให้ออกไปได้แม้แต่แมลงวันตัวเดียว”ขณะนี้ กู้หว่านเยว่และซูจิ
กู้หว่านเยว่มองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นราวกับจะพูดว่า เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่สารภาพ ก็มีคนอื่นสารภาพอยู่ดี“ข้ากำลังถามเจ้าว่าผมที่ผูกอยู่บนหุ่นไม้นี่เป็นของใคร? ใช่ของแม่ทัพเกา เกาเจี้ยนหรือไม่?”“คะ คือว่า...”หญิงชราลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้หว่านเยว่ยกหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยนางอีกครั้ง นางจึงรีบพูด“ยะ อย่าต่อยข้า ข้าจะบอก ผมบนหุ่นไม้นี้เป็นของแม่ทัพเกาเจี้ยนจริง ๆ เป็นผมที่ตัดมาจากบนศีรษะของแม่ทัพเกาเจี้ยนในสนามรบวันนี้”หญิงชรารีบกล่าว กล่าวไปพลาง กุมศีรษะของตนเองไปพลางกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เกาเจี้ยนกลับมาจากสนามรบแล้วรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวที่แท้เป็นเพราะชวีเฟิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว หาโอกาสเอาผมของเกาเจี้ยนไปขณะที่อยู่ในสนามรบ จากนั้นก็นำผมของเขามาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้สุดท้ายก็ให้แม่หมอคนนี้ใช้วิชาไสยศาสตร์กับหุ่นไม้ ทำให้เกาเจี้ยนเจ็บปวดทรมาน อยากจะฆ่าคน“ข้าถามเจ้าหน่อย เพียงแค่เอาผมของคนอื่นมาผูกไว้บนหุ่นไม้นี้ไม่ว่าจะเป็นใคร เจ้าก็สามารถใช้วิธีการทำร้ายคนแบบนี้กับเขาได้หรือ?”กู้หว่านเยว่เริ่มสนใจสิ่งนี้ขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร” กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ซูจิ่งสิงไม่ต้องพูดอะไรอีก เพื่อไม่ให้คางคกที่อยู่ข้างในนั้นพบเข้านางดูออกว่า คางคกตัวนั้นมีจิตวิญญาณอยู่บ้างทั้งสองคนฟังต่อไปตรงหน้าของชวีเฟิงมีหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือของหญิงชราถือหุ่นไม้ตัวหนึ่ง เวลานี้ นางกำลังขยับหุ่นไม้“ท่านทูตใหญ่วางใจได้ แม่ทัพของเจดีย์หนิงกู่ถูกควบคุมแล้วตอนนี้ เขากำลังทรมานจนอยากตายแต่ก็ตายไม่ได้”กู้หว่านเยว่รู้สึกใจหายวาบ แม่ทัพที่คนผู้นี้พูดถึง หรือว่าจะเป็นเกาเจี้ยน?“ดี”บนใบหน้าของชวีเฟิงปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ“ฮ่องเต้ต้าฉีตรัสว่า เจดีย์หนิงกู่เป็นดินแดนทุรกันดาร เดิมทีก็ไม่ได้มีแม่ทัพมากมาย”“เพียงแค่พวกเราควบคุมแม่ทัพเหล่านี้ทีละคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ถึงตอนนั้น ก็สามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องสู้รบ”ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่ง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย มองดูก็รู้ว่าเป็นคนหยิ่งยโส“ท่านทูตใหญ่มีแผนการยอดเยี่ยม” หญิงชราประจบประแจงขณะที่กำลังพูด ซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมห้องก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนจับตัวคนหนึ่งไว้“พวกเจ้าเป็นใคร?”ชวีเฟ
“รังแกกันเกินไปแล้ว ไป ไปเอาเรื่องพวกเขา!”คนกลุ่มหนึ่ง บ้างก็ทุ่มชาม บ้างก็ด่าทอ ผลักคนที่เข้ามาห้ามปรามออกไปด้านข้าง แล้วมุ่งหน้าไปเอาเรื่องกับกองทัพหนานเจียงด้วยความโกรธเกรี้ยว“ท่านพี่ ท่านนี่มันร้ายจริง ๆ”กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงออกจากมิติเวลานี้ รอบด้านวุ่นวายไปหมด ฟ้าก็มืดลงแล้วไม่มีใครสังเกตเลยว่ามีคนสองคนโผล่ขึ้นมาจากมุมห้องโดยไม่มีที่มาที่ไปมุมปากของซูจิ่งสิงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “มีแต่ข้าที่ร้ายหรือไร คนที่เก็บอาหารไปหมดคือเจ้าต่างหาก”“อาหารในค่ายทหารของศัตรูแย่จริง ๆ สู้ของพวกเราไม่ได้เลย”กู้หว่านเยว่เลือกอาหารที่เก็บกลับมาอย่างพิถีพิถันมุมปากของซูจิ่งสิงปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับ“อยากไปร่วมสนุกอีกหรือไม่?”“ไปสิ”เรื่องสอดรู้สอดเห็น รอดูความสนุก ๆ อะไรแบบนี้ นางชอบที่สุดแล้ว“เจ้ารออยู่ที่นี่”ซูจิ่งสิงพุ่งตัวออกไป ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยของราชสำนักสองคนสลบหลังจากถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออกแล้ว ก็ถือเสื้อผ้าแล้วพุ่งตัวกลับมา“เปลี่ยนชุดสิ”เขายื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้กู้หว่านเยว่หลังจากทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็รีบวิ่งตามกลุ่มใหญ่ไป ในเวลานี้ กองทัพขอ
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ซูจิ่งสิงได้ยินเสียงร้องที่ดังออกมาจากค่ายทหาร ก็รู้สึกว่าเกาเจี้ยนไม่เหมือนกับป่วย“ข้าเข้าไปสั่งงานสักหน่อยก่อน”ซูจิ่งสิงตบหลังมือของกู้หว่านเยว่เบา ๆ แล้วเข้าไปเรียกหมอทหาร“ดูแลแม่ทัพเกาให้ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น”“ขอรับ”หมอทหารชราพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยสั่งให้คนไปตามหวงเหล่าแล้วขอรับ”พวกเขาไม่เข้าใจอาการป่วยของเกาเจี้ยนจริง ๆ ไม่แน่ว่าหวงเหล่าอาจจะดูออกซูจิ่งสิงตบไหล่ของหลิวชวี่เบา “ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”หลิวชวี่คาดเดาว่าซูจิ่งสิงน่าจะออกไปหาวิธีรักษาเกาเจี้ยน จึงรีบพยักหน้า“ท่านไปเถิด วางใจได้ ทางค่ายทหารนี้ข้าจะดูแลแทนท่านเอง”เฉิงเหลียนรีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยจะร่วมมือกับแม่ทัพหลิวอย่างเต็มที่”“อืม”ซูจิ่งสิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง แล้วหันหลังออกไปจับมือของกู้หว่านเยว่ ออกจากค่ายทหารไปด้วยกันเมื่อถึงสถานที่ที่ไม่มีคน กู้หว่านเยว่ก็เก็บม้าสองตัวเข้าไปในมิติ แล้วพาซูจิ่งสิงเทเลพอร์ตไปยังค่ายทหารของศัตรูทั้งสองคนเพิ่งลงถึงพื้น ก็ได้ยินเสียงบ่นดังมาจากในค่าย“กองทัพหนานเจียงพวกนี้น่ารำคาญจริง ๆ จะกินอะไรก็ไม่กิน ดันจะกินห
คนประเภทนี้โดยทั่วไปแล้วจะมีนิสัยเย่อหยิ่ง ไม่เห็นคนรอบข้างอยู่ในสายตา และไม่ยอมฟังคำสั่งของผู้อื่น”“หนานเจียงส่งคนแบบนี้มาก็ดีแล้ว”“เหตุใดถึงพูดเช่นนี้?” กู้หว่านเยว่ไม่คุ้นเคยกับคนหนานเจียง“เมื่อวานท่านอ๋องให้ข้าดูรายชื่อแม่ทัพนายกองจากทางราชสำนัก นายพลเฉิงนั่นข้ารู้จักเป็นคนหยิ่งยโส ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา”เว่ยเฉิงยิ้ม“เขาและคุณชายจากหนานเจียงผู้นั้นเจอกัน แน่นอนว่าต้องไม่มีใครยอมใคร”เห็นได้ชัดว่า แผนยุยงให้แตกแยกของซูจิ่งสิงนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เพียงแค่พวกเขาขัดแย้งกันเอง ก็ไม่มีทางทำอะไรสำเร็จแต่กู้หว่านเยว่ยังคงกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง“ท่านพี่ คืนนี้ข้าตั้งใจจะไปดูที่ค่ายทหารของศัตรู”หลังจากที่เว่ยเฉิงออกไปแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ปรึกษากับซูจิ่งสิงเป็นการส่วนตัวซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อันตรายเกินไป”“ถึงแม้คนหนานเจียงจะไม่น่ากลัว แต่ก็กังวลว่าจะมียอดฝีมือแฝงตัวอยู่”“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” กู้หว่านเยว่กล่าวย้ำอีกครั้ง“ท่านไม่รู้สึกหรือว่าพวกเขามั่นใจมากเกินไป? ถึงแม้กองทัพของหนานเจียงจะมาสนับสนุน แต่เมื่อเทียบกับกองทัพเจดีย์หนิ
กู้หว่านเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ เว่ยเสียวฉู่ก็รีบเอ่ยขึ้น “ตอนที่ข้าออกเดินทาง ท่านแม่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ข้าสองชุด อยู่ในห่อผ้าเล็ก ๆ ของข้าทั้งหมดข้าจะเอาออกมาเปลี่ยนสักชุด ชุดที่เปลี่ยนออกนั้น รอมีน้ำเมื่อไร ข้าจะเอาไปซัก”เจ้าตัวเล็กจัดการทุกอย่างได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าซักผ้าเองเป็นด้วยหรือ?”“ข้าไม่เพียงแต่ซักผ้าเป็นเท่านั้น ข้ายังให้อาหารหมู ให้อาหารไก่ ให้อาหารเป็ดได้ด้วย”เว่ยเสียวฉู่กล่าวอย่างร่าเริงลูกคนจนต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็กตอนที่นางเพิ่งเกิด เว่ยเฉิงยังเป็นเพียงนักเรียนที่ยากจน ครอบครัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาเป็นเวลานานแม้แต่ไข่ไก่ ก็ยังได้กินเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้นนางอยู่ที่ชนบทช่วยท่านแม่ทำงานทุกอย่างไม่เพียงเท่านั้น นางยังขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ตัดฟืน หาบน้ำ ลงนาและถอนต้นกล้าด้วยไม่ใช่ว่าแม่เฒ่าเว่ยใจร้ายกับนางมากเกินไป เพียงแต่ครอบครัวยากจนเท่านั้นกู้หว่านเยว่ลูบใบหน้าของเว่ยเสียวฉู่ นางรู้แล้วว่าเหตุใดเด็กคนนี้จึงมีความฝันอยากเป็นแม่ทัพหญิงอยู่ในใจนายท่านเว่ยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เว่ยเฉิงก็มักจะออกไปศึกษาเล่
“เสี่ยวฉู่ ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว?”“เจ็ดปีเจ้าค่ะ”เว่ยเสี่ยวฉู่ชูเลขเจ็ดขึ้นมา กู้หว่านเยว่ถึงกับประหลาดใจ เพราะเด็กคนนี้เติบโตมาจากในชนบท และมักขาดสารอาหารตั้งแต่เด็ก จึงดูเด็กว่าอายุจริง“ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ยามศึกสงครามเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก เจ้าต้องลำบากยากเข็ญอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่อายุแค่นี้”“อาจารย์ของเจ้าไม่ชอบคนที่เรียนแล้วล้มเลิกกลางคัน ในเมื่อเข้ามาในค่ายทหารแห่งนี้แล้ว ห้ามล้มเลิกกลางคันเด็ดขาด”“ต่อไปไม่ว่าจะทุกข์ทรมานแค่ไหน เจ้าก็ต้องยืนหยัดต่อไป”ครั้นกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ก็ฉายแววจริงจัง“หากวันหนึ่งเจ้าทนต่อไปไม่ไหว และยอมแพ้ไป เจ้าจะไม่ใช่ลูกศิษย์ข้าอีกนับตั้งแต่ตอนนั้น และไม่สามารถกลับเข้ามาในค่ายทหารได้อีกต่อไป”“เข้าใจแล้วหรือไม่?”เว่ยเสี่ยวฉู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ เสี่ยวฉู่เข้าใจแล้ว”“เด็กดี”กู้หว่านเยว่ลูบศีรษะของเว่ยเสี่ยวฉู่ เด็กคนนี้ฉลาดยิ่งนัก กู้หว่านเยว่ชอบนางมาก“ขอบพระคุณพระชายา” เว่ยเฉิงทำความเคารพกู้หว่านเยว่ด้วยความจริงใจเขาดูออกว่ากู้หว่านเยว่ดีกับเว่ยเสี่ยวฉู่มาก เพราะเหตุนี้เขาจึงรู้สึกขอ
ไม่ว่าจะเป็นมู่หรงถิงในตอนนี้หรือว่ามู่หรงอวี้ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ในภายภาคหน้า ก็ล้วนแต่ไม่เคยไม่ความสนใจต่อสตรีเท่าไหร่นักสตรีต่อให้ร่ำเรียนเขียนหนังสือได้ แต่ก็ลงสอบขุนนางไม่ได้แม้ว่าเว่ยเสี่ยวฉู่จะมีความฝันเป็นแม่ทัพหญิง แต่นางกลับไม่ได้รับความสนใจจากคนในค่ายทหารนักต่อให้นางจะแสดงความสามารถล้ำเลิศในด้านการรบหลายครั้ง แต่สำหรับคนอื่น นางก็ยังเป็นเพียงสตรีที่ควรเย็บปักถักร้อยอยู่แต่ในบ้าน รีบแต่งงานและมีบุตรให้เร็วที่สุดเท่านั้นการดึงดันจะไปค่ายทหาร เป็นการกระทำนอกรีต และเป็นการกระทำที่ออกหน้าเกินไปเพราะคนเหล่านั้นเห็นแก่หน้าของเว่ยเฉิง ภายนอกต่างก็ประจบสอพลอเว่ยเสี่ยวฉุ่ แต่ความจริงแล้วกลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเว่ยเสี่ยวฉู่เองก็มีความทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย เป็นสตรีที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ที่อึ้งยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่นางพยายามดิ้นรนอยู่ในค่ายทหารเป็นเวลากว่าสามถึงสี่ปี ในที่สุดนางก็ได้สร้างความดีครั้งยิ่งใหญ่ให้กับทั้งยุทธการทหารจนได้ขึ้นเป็นแม่ทัพหญิงปรากฏว่าเว่ยเฉิงได้ถูกมู่หรงอวีฆ่าปิดปากจุดจบของเว่ยเสี่ยวฉู่จึงน่าเวทนายิ่งนักนางกลายเป็นโสเภณีในค่ายทหาร
พวกมันถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก เอาไว้ใช้โจมตีมนุษย์ถุงสมุนไพรอาจจะใช้ไม่ได้ผลต่อพวกมันเท่าไหร่นักแต่การมีสิ่งนี้อย่างน้อยก็สร้างขวัญกำลังใจให้ทหารได้ไม่มากก็น้อย ไม่ถึงกับทำให้เหล่าทหารที่ได้ยินเรื่องของแมลงพิษหนานเจียงพากันขวัญหนีดีฝ่อซูจิ่งสิงสาวเท้าจากไป“แม่ทัพเกา ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดข้าฟังแล้วถึงไม่เข้าใจเลยสักนิด?”ทันที่ที่เขาจากไปเหล่าทหารก็พากันล้อมเข้ามาด้วยสีหน้างุนงง พวกเขาเห็นว่าซูจิ่งสิงและเกาเจี้ยนเพิ่งจะคุยกันเพียงไม่นานอะไรคือแผนไส้ศึก พวกเขาได้ยินกันหมดแล้วแต่รายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นพวกเขาไม่รู้ท่านอ๋องก็ไม่ได้อธิบายให้พวกเขาฟังเกาเจี้ยนหัวเราะออกมา“เจ้าไม่ต้องร้อนใจไปหรอก ท่านอ๋องมอบหมายเรื่องนี้ให้ข้าแล้ว ข้าจะต้องอธิบายให้เจ้าฟังอยู่แล้ว”ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปจนเข้าหูของกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่มิใช้คนโง่เขลาเบาปัญญา นางไตร่ตรองเพียงไม่นานก็เข้าใจความหมายของซูจิ่งสิงแล้ว“หนานเจียงแค่มาช่วย และไม่ใช่ทหารของต้าฉี ได้ยินว่าคนหนานเจียงเป็นคนชอบเก็บตัวและเย่อหยิ่ง ครั้งนี้ต้าฉีขอร้องพวกเขาอีกครั้ง ทหารม้าทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อน