“เจ้าบังอาจนัก!”แม่นมหลู่ขมวดคิ้วหน้าตาถมึงทึง เริ่มกรีดร้อง“ข้าเป็นคนของพระมเหสี ถ้าบ่าวเฒ่าชั่วอย่างเจ้ากล้าแตะต้องข้า พระมเหสีจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่เด็กๆ ช่วยด้วย มีการลอบฆ่าคนของราชสำนัก...”“อุดปากของนางซะ อย่าปล่อยให้นางตะโกนมั่วซั่ว!”แม่นมฉินรีบบอก องครักษ์กรูเข้าไปใช้กระบองท่อนใหญ่ฟาดแม่นมหลู่สลบไป จับนางมัดไว้คนละไม้คนละมือแล้วแบกลงไปดูเหมือนว่าเมื่อคืนแม่นมหลู่จะทำเรื่องโง่ ๆ อะไรอีกการคลอดยากของซ่งเสวี่ยก็อาจเกิดจากนางด้วยต้องบอกความจริงแก่กู้หว่านเยว่แล้ว สิ่งแรกที่ซ่งเสวี่ยทำหลังจากฟื้นขึ้นมา ก็คือสั่งให้จัดการแม่นมหลู่เดิมทีแม่นมฉินเห็นว่ามือเท้าของนางพิการแล้ว รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรที่นอกลู่นอกทางรีบกำจัดทิ้งเสียดีกว่า“แม่นางน้อยกู้ ทำให้ท่านตกใจแล้ว”แม่นมฉินหันหน้าไปยิ้มให้กู้หว่านเยว่อย่างนอบน้อม“ไปกันเถอะ กลุ่มนักโทษเนรเทศยังรอข้าอยู่”กู้หว่านเยว่ไม่ได้สอบถามเรื่องของแม่นมหลู่มากนัก แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดกับพระมเหสีองครักษ์รีบขนหีบใบใหญ่ไปไว้บนเกวียนลาของกู้หว่านเยว่ ในหีบมีของกินมากมายอย่างเช่นเห็ดเ
ทันใดนั้นกู้หว่านเยว่ก็มองไปทางซูจิ่งสิง“มองข้าทำไมหรือ?”“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”อย่างไรก็พูดไม่ได้ว่า นางคิดว่าภัยพิบัติของสกุลโจวเกี่ยวข้องกับซูจิ่งสิงอย่างแยกไม่ออกใช่ไหม?“หวังว่าซ่งเสวี่ยกับลูกจะไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา“เจ้าเป็นห่วงพวกนางขนาดนั้นเลยหรือ?” ซูจิ่งสิงถามด้วยความอยากรู้ นี่ไม่ใช่อุปนิสัยของนางเลยกู้หว่านเยว่กวัดแกว่งตั๋วเงินปึกหนึ่งในมือ “ก็ใช่น่ะสิ ถึงยังไงพวกเขาก็ยัดเงินให้ข้าตั้งมากมายขนาดนี้”ซูจิ่งสิง: ...พวกบูชาเงินทอง!เนื่องจากการขาดน้ำ คนทั้งกลุ่มจึงเดินทางลำบากเป็นพิเศษ เมื่อได้หยุดพัก บรรดานักโทษเนรเทศส่วนใหญ่ล้วนริมฝีปากแตกระแหงและคอแห้งผากยกเว้นพวกกู้หว่านเยว่อาศัยของขวัญขอบคุณของซ่งเสวี่ยเป็นการบังหน้า นางหยิบถุงน้ำหลายถุงออกมาจากหีบ ส่งถุงหนึ่งให้ซุนอู่ อีกหลายถุงที่เหลือก็มอบให้ครอบครัวอื่น ๆ บ้านละหนึ่งถุง“ขอบคุณ ขอบคุณแม่นางน้อยกู้” สมาชิกสกุลเซิ่งและสกุลหลี่ย่อมซาบซึ้งในบุญคุณอยู่แล้วถึงแม้จะมีน้ำหม้อเดียว แต่สำหรับพวกเขาที่กำลังจะกระหายน้ำตายในทะเลทราย คุณค่าของมันไม่น้อยไปกว่าทองคำเลยมิติของกู้หว่านเยว่ไม่ขาดแค
“โอ๊ย!” มู่หรงอวี้ร้องลั่น ล้มลงกับพื้นแรงๆองครักษ์รีบล้อมรอบกายเขา ดึงดาบออกมาปกป้อง“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“เอ้าเห็นอ้าไม่เป็นไรกระนั้นรึ? (เจ้าเห็นข้าไม่เป็นไรกระนั้นรึ?)” มู่หรงอวี้พ่นลมหายใจอย่างอารมณ์ไม่ดีเฮือกหนึ่ง ทราย จู่ๆ ก็พบว่าคายฟันหน้าออกมาพร้อมทรายเขาโมโหเลือดขึ้นหน้า “ฟันข้าร่วงแล้ว”กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลมองเห็นภาพนี้ เหตุใดคุ้นตานักเล่า?จู่ๆ หางตาก็มองเห็นฟันหน้าของมู่หรงอวี้ นี่ถึงมีท่าทีตอบสนอง หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับความเข้าใจกันบัดซบนี้ทำให้นางขำแทบตายแล้วภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของมู่หรงอวี้ ทันใดนั้นเขาโมโหจนหน้าเขียว อับอายขายหน้า อับอายขายหน้าเหลือเกิน!“กู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิง ข้าจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ตาย!”“ท่านอ๋อง หนีเร็ว” องครักษ์ประคองเขาขึ้นมา วิ่งไปทางซุนอู่ทางฝั่งนี้แล้วส่วนซุนอู่เผชิญหน้ากับคำสั่งของหวายหนานอ๋อง ย่อมไม่สามารถรับชมอยู่วงนอก รีบออกคำสั่งนักการให้ขึ้นไปต่อสู้กับพวกโจรทะเลทราย“เอาธนูให้ข้า”ซูจิ่งสิงง้างธนู จงใจเล็งไปที่มู่หรงอวี้ ปล่อยลูกธนูเสียงดังสวบ มู่หรงอวี้ตกใจจนเกือบฉี่ราด โชคดีลูกธนูปักลงบนโจรทะเลทรายที่
มองเห็นชุดหรูหราของมู่หรงอวี้ ฟู่เยียนหรานคิดทะเยอทะยานขึ้นมาในใจหากนางกลายเป็นพระชายาหวายหนาน ต้องการฆ่ากู้หว่านเยว่คนหนึ่งให้ตายยังมิใช่เรื่องง่ายอีกหรือ?ดังนั้น รอจนกระทั่งถึงยามกู้หว่านเยว่พักผ่อน ก็มองเห็นฟู่เยียนหรานคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจเดินเนิบนาบรอบกายมู่หรงอวี้“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เนื้อเรื่องของต้นฉบับทรงพลังดังคาด”“เจ้าบ่นอันใด?” ซูจิ่งสิงมองนางอย่างแปลกใจ“ไม่มีอันใด ข้ากำลังพูดว่าตอนนี้มู่หรงอวี้ต้องโมโหแย่แล้วเป็นแน่ พวกเรากลายเป็นผู้มีพระคุณของเขาไปเสียแล้ว”เมื่อครู่ทุกคนล้วนมองเห็นแล้ว เป็นพวกเขาสามีภรรยาร่วมมือกับนักการฆ่าโจรทะเลทรายหากมู่หรงอวี้ไม่อยากกลายเป็นตัวตลก ก็ไม่กล้าหาเรื่องพวกเขาอย่างเปิดเผยแล้วมู่หรงอวี้กำลังพูดกับองครักษ์ “แน่ใจว่าสืบดีแล้ว สิ่งของในคฤหาสน์หลวงมิได้อยู่บนลาเทียมเกวียน?!”“บนลาเทียมเกวียนมีเพียงเสบียงอาหารและเสื้อผ้า อย่างอื่นก็ไม่มีแล้วขอรับ” มิหนำซ้ำลาเทียมเกวียนเล็กๆ คันนั้น มิอาจบรรทุกของมากเพียงนั้นได้องครักษ์ครุ่นคิดพลางเอ่ย “หรือว่ามิใช่ซูจิ่งสิง?”“เจ้าโง่!”มู่หรงอวี้ด่าอย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งประโยค“ไม่ใช่ซูจิ่ง
กู้หว่านเยว่ไม่สนใจการกระทำเล็กๆ ของฟู่เยียนหราน หมุนตัวไปที่ศพของโจรทะเลทรายเพื่อริบเงินทองของมีค่าให้เกลี้ยงซุนอู่เดินผ่านมา มุมปากกระตุกริก ทำเป็นมองไม่เห็นริบของเรียบร้อยหมดจดแล้วหรือไม่ เขายังเอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างหวังดีอีกด้วย“พี่ใหญ่ซุน ท่านและพี่หญิงซ่งมีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่สืบถาม“ฮูหยินน้อยเป็นผู้สูงศักดิ์ ไฉนเลยจะมีความสัมพันธ์กับข้าได้”ซุนอู่ยิ้มขมปร่ามองไปข้างหน้า ภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีตปรากฏขึ้นในสมอง เขาเป็นเพียงคนที่ประคับประคองดูแลกันกับท่านย่าคนหนึ่ง ลูกกำพร้าที่ถูกคนรังแก หญิงคนนั้นช่วยเขาไว้ มอบหนทางรอดชีวิตให้แก่เขาสายหนึ่ง...หากเขามียาสูบอยู่ในมือ ก็คือท่านอาอกหักดีๆ นี่เองมองเห็นซุนอู่หันหน้ามา พูดอย่างไม่สบอารมณ์“ยิ่งไปกว่านั้นถ้อยคำนี้ใจร้ายยิ่งนัก ก่อนช่วยคนไว้ หรือข้าเหล่าซุนทำไม่ดีต่อพวกเจ้า?”“ดีๆ พี่ใหญ่ซุนย่อมดีมาก”กู้หว่านเยว่ชอบพูดล้อเล่นกับคนคุ้นเคย เห็นว่ากู้หว่านเยว่ริบของหมดแล้ว ซุนอู่เรียกทุกคนออกเดินทางต่อมู่หรงอวี้ใช้ลาเทียมเกวียนของนักการ คราวนี้นักการทำได้เพียงเดินกับนักโทษแล้วแสงแดดร้อนระอุ ขาดแหล่
กู้หว่านเยว่กลับดึงซูจิ่นเอ๋อร์มาที่ฝั่งหนึ่งพลางสั่งสอน“ภายภาคหน้าคนอื่นมอบของให้ จะกินส่งเดชไม่ได้”“ใช่แล้ว” ซูจื่อชิงเองก็ร้อนใจตาม “ฟู่เยียนหรานอำมหิตมาก หากนางวางยาในน้ำ ทำให้เจ้าถูกพิษตายจะทำเยี่ยงไร”ซูจิ่นเอ๋อร์ตกใจหน้าเผือดซีด พูดเนิบๆ “ข้ามิได้คิดมากเพียงนั้น”ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นฟู่เยียนหรานช่วยงานพวกเขาอยู่ตลอด ยังคิดว่านางเปลี่ยนไปแล้ว“บัดนี้พวกเราเป็นนักโทษถูกเนรเทศ หากเจ้ายังเป็นเหมือนในอดีต ไม่ระแวดระวังให้ดี ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนทำร้ายจนตาย”แววตาซูจิ่งสิงเยียบเย็นปานน้ำค้างแข็งสุ้มเสียงดุดันทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตกใจจนตัวสั่น ใกล้ร้องไห้ออกมาแล้ว “พี่ใหญ่พี่สะใภ้ พี่รอง ขออภัย ข้าเข้าใจแล้ว”คนเหล่านั้นส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “ดีที่สุดคือเจ้าเข้าใจอย่างแท้จริง”ซูจิ่นเอ๋อร์รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดกับฟู่เยียนหรานแม้ประโยคเดียวอีกฟู่เยียนหรานทำได้เพียงกลับไปอยู่ข้างกายมู่หรงอวี้“นางดื่มลงไปแล้วกระนั้น?”ฟู่เยียนหรานปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าซูที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแวบหนึ่ง คิดว่าตนเองไม่สามารถเข้าใกล้ซูจิ่นเอ๋อร์ได้อีกแล้ว พูดอย่างฝืนๆ“ดื่ม ดื
“ท่านเป็นคนดี?”ผู้หญิงและเด็กภายในคุกสายตาเลื่อนลอย หลังมั่นใจว่ากู้หว่านเยว่มิใช่พวกเดียวกับโจรทะเลทรายจริง แววตาของแต่ละคนสะท้อนความหวัง ดีใจอย่างบ้าคลั่ง“วีรสตรี ขอร้องท่านช่วยพวกเราด้วย!”“วางใจ ข้าก็มาเพื่อช่วยพวกเจ้านี่ล่ะ”จมูกกู้หว่านเยว่ปวดแสบอยู่บ้าง ผู้หญิงเด็กเหล่านี้แต่ละคนไม่เพียงผอมเหลือแต่กระดูก บนตัวยังมีรอยแส้และรอยไม้ เห็นได้ชัดว่าถูกทารุณกู้หว่านเยว่หยิบกุญแจบนตัวโจรทะเลทราย เปิดประตูคุก หลังประตูคุกเปิดออกแล้ว ทุกคนก็รีบออกไปอย่างสุดกำลัง“วีรสตรี ท่านเป็นคนดีโดยแท้”“ท่านใจดีเพียงนี้จะต้องอายุยืนร้อยปีเป็นแน่”“สามปีแล้ว ข้าถูกขังอยู่ที่นี่สามปี ในที่สุดก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ฮือๆ...”เสียงซาบซึ้งปนเสียงสะอื้น ผู้หญิงและเด็กทั้งหมดล้วนหนีออกไปอย่างว่องไว“เหตุใดเจ้าไม่ไป?”กู้หว่านเยว่หันหน้า พบว่ายังมีหญิงคนหนึ่งหดตัวในมุมหนึ่งแตกต่างจากผู้หญิงและเด็กคนอื่นอยู่บ้าง ทั่วทั้งตัวนางล้วนเต็มไปด้วยอุจจาระ น้ำฉี่ สติคล้ายไม่ดีเท่าใดนักแต่เสื้อผ้าบนตัวนางยังเรียบร้อยดี มือเองก็ไม่มีรอยแผล น่าจะยังไม่ถูกโจรทะเลทรายทรมานหญิงสาวเผยดวงตากลมโตเปี่ยมความก
“นางโง่ เจ้าสมควรมองนางดื่มลงไปเอง!”ขมับมู่หรงอวี้เต้นตุบๆ หากมิใช่เพราะเขาไม่ตีผู้หญิง ขาต้องเตะออกไปแล้วเป็นแน่“ท่านอ๋อง...”“ไสหัวไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”หันหน้า เผชิญหน้ากับใบหน้าหลงใหลของฮูหยินผู้เฒ่าซู“ท่านอ๋อง ให้ข้าปรนนิบัติท่านเถอะ”“โอ๊ย!” ความรังเกียจของมู่หรงอวี้พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ล้มลงกับพื้นไม่ลุกขึ้นอีก“ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจเลย!”ฟู่เยียนหรานถลันขึ้นไปว่องไวปานเหินบิน ประคองกายมู่หรงอวี้ เห็นมู่หรงอวี้หลับตาสนิท นางรีบพูด“แย่แล้ว ท่านอ๋องตายแล้ว!”“ข้า ยังไม่ตาย!” มู่หรงวี้ยกมือขึ้น เหตุใดก่อนนี้เขาคิดว่าฟู่เยียนหรานฉลาดกันนะ?ฟู่เยียนหรานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไม่ตายก็ดีแล้ว พวกเจ้ายังเหม่ออันใด รีบพาฮูหยินผู้เฒ่าไปทิ้งไกลๆ!”องครักษ์รีบนำตัวฮูหยินผู้เฒ่าไปโยนคืนกลุ่มนักโทษถูกเนรเทศ ฮูหยินผู้เฒ่าถูกหนอนกู่คู่รักควบคุมไว้ สูญเสียสติปัญญา ปากยังร้องตะโกน “ท่านอ๋อง เอ็นดูข้าเถอะ!”“ท่านแม่ นี่ท่านทำผิดศีลธรรมเกินไปแล้ว” ซูหัวหยางที่แต่ไหนแต่ไรมากตัญญูต่อมารดามิอาจอดกลั้นไหว หยิบท่อนไม้ใหญ่ตีฮูหยินผู้เฒ่าจนหมดสติไป
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง
“ท่านอาเทพธิดา” เว่ยเสียวฉู่ก้มหน้ามองกู้หว่านเยว่ด้วยความชื่นชอบ ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานหยดย้อยหลังจากให้กำเนิดบุตรชาย กู้หว่านเยว่ไม่อาจต้านทานเด็กสาวที่มีหน้าตาน่ารักได้อีก กระทั่งโน้มตัวลงไปบีบแก้มของนาง“สวัสดี เว่ยเสียวฉู่”“ท่านอาเทพธิดา ท้องละเจ้าคะ?” เว่ยเสียวฉู่ชี้ไปที่ท้องของนางด้วยความอยากรู้ กู้หว่านเยว่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ “เด็กในท้องคลอดออกมาแล้ว เป็นน้องชายตัวน้อย”นัยน์ตาของเว่ยเสียวฉู่เปล่งประกายระยิบ นางไม่มีเพื่อนเล่นเลยตั้งแต่ที่มาถึงเจดีย์หนิงกู่“ข้าขอไปเล่นกับน้องชายได้หรือไม่เจ้าคะ?”“เสี่ยวฉู่” เจียงหรงอุ้มเด็กน้อยพลางกล่าว “ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ พระชายา นางยังเด็กยังไม่รู้ความ”สำหรับนางแล้ว องค์ชายน้อยจากราชวงศ์ไม่ใช่ใครที่จะเล่นกับเขาได้นะ?กู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ข้าชอบเด็กอย่างเสี่ยวฉู่ หากมีเวลาว่าง ไว้ข้าจะพานางไปเล่นในจวน” เด็กคนนี้ดูมีความจริงใจ หลังเติบโตไปเด็กคนนี้จะได้เป็นท่านแม่ทัพหญิงที่องอาจผึ่งผาย กู้หว่านเยว่จึงชอบมาก“ขอบพระทัยพระชายาเจ้าค่ะ”เจียงหรงคลี่ยิ้ม นางเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ากู้หว่านเยว่ไม่ชอบให้ท
“ข้าคิดดีแล้ว ในเมื่อเจ้าอยากอยู่เจดีย์หนิงกู่ ข้าก็จะอยู่ที่นี่กับเจ้า ถึงตอนนั้นข้าคงหางานเขียนและวาดรูปมาเลี้ยงเจ้า”“ท่านพี่วั่ง” ดวงตาของเจียงอวิ๋นจิ่นแดงก่ำ ซาบซึ้งใจยิ่งนักครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินแผนการของทั้งสองคนแล้ว ตัดสินใจว่าจะอยู่เจดีย์หนิงกู่ จึงกล่าวออกไปตรง ๆ ว่า“เทียบกับเรื่องงานเขียนและวาดภาพ ไม่สู้เจ้ามาเป็นผู้อำนวยการให้กับสำนักศึกษาถงซันดีกว่า”“ผู้อำนวยการ?” เฉินจื่อวั่งยังไม่ได้สติชิงเหลียนจึงคลี่ยิ้มและอธิบายว่า “สำนักถงซันเป็นสำนักที่ฮูหยินของเราสร้างขึ้น ตอนนี้กำลังขาดบุคลากรอย่างผู้อำนวยการหนึ่งคนและอาจารย์สอนอีกจำนวนหนึ่ง”กู้หว่านเยว่หยิบแผนที่ใบหนึ่งออกมา “นี่คือที่อยู่ของสำนักศึกษาถงซัน ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการสร้าง หากเจ้ามีเวลาแวะไปเยี่ยมชมได้”เฉินจื่อวั่งรับแผนที่มาอย่างตะลึงงัน และเงียบไปชั่วครึ่งยามชิงเหลียนกล่าวถามด้วยใบหน้าดุดัน “ทำไม เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ? ในตอนที่เจ้าอ้อนวอนให้ฮูหยินของเราช่วยแม่นางเจียง ไม่ใช่บอกว่าจะทำตามคำสั่งของฮูหยินหรอกหรือ!”เฉินจื่อวั่งไม่เห็นด้วยที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกใจอย่างมาก“ข้า ข้าเป็นผู้อำนว
“ลุกขึ้นเถอะ”กู้หว่านเยว่ทนไม่ได้ที่อยู่ ๆ ก็มีคนคุกเข่าโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นนี้ “ขอรับ”เจียงอวิ๋นจิ่นเชื่อฟังคำสั่งของกู้หว่านเยว่มาก บอกให้นางลุกขึ้น นางก็ลุกขึ้นอย่างว่าง่ายทันทีดวงตาที่งดงามคู่นั้นเอ่อล้นด้วยหยดน้ำตา “พระชายา ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนท่านอย่างไร”นางกินยาแกล้งตาย หลับไปสามวันเต็ม เพิ่งจะฟื้นเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว และได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในสามวันนี้จากเฉินจื่อวั่ง“วินาทีที่นั่งรถม้ามุ่งหน้าไปยังเจดีย์หนิงกู่ ข้าคิดว่าชีวิตที่เหลือหลังจากนี้จบสิ้นเสียแล้ว”เจียงอวิ๋นจิ่นเตรียมยาพิษเอาไว้เรียบร้อยแล้วเหตุผลที่ไม่ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายระหว่างทางเป็นเพราะนางกังวลว่าข่าวการตายของนางจะแพร่กระจายไปถึงเมืองหลวงแล้วสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของนาง“สาเหตุที่อวิ๋นจิ่นยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ทั้งหมดเป็นความกรุณาธิคุณของพระชายาที่ทรงช่วยเหลือไว้”“ร่างกายเจ้าอ่อนแอนัก นั่งลงเถิด”ไม่รู้เป็นเพราะเจียงอวิ๋นจิ่นโดนทำร้ายมาตั้งแต่วัยเยาว์หรือไม่ ร่างกายถึงได้อ่อนแอมากเช่นนี้ กู้หว่านเยว่จับชีพจรให้นางแล้วพบว่านางมีสภาวะอ่อนแอขั้นรุนแรงมิน่าล่ะท่าทางการเดินที่ไร้
ครั้นกลับถึงบ้านช่วงค่ำ ในขณะที่กู้หว่านเยว่กำลังรับประทานอาหารอยู่นั้นนางก็ได้พูดคุยกับซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าตั้งใจจะสร้างสำนักศึกที่แตกต่างจากที่อื่นสักแห่งเจ้าค่ะ สำนักศึกษาของต้าฉีในสมัยก่อนมีเพียงบุรุษเท่านั้นที่เข้าเรียนได้ สำนักศึกษาเจดีย์หนิงกู่ของเราแห่งนี้ ข้าอยากให้สตรีมีโอกาสเข้าไปเรียนด้วยเจ้าค่ะ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า สนับสนุนความคิดนี้ของนาง “บุรุษและสตรีใต้หล้านี้ไม่มีแบ่งแยก สติปัญญาก็ไม่แตกต่างกัน ในเมื่อบุรุษเรียนหนังสือได้ สตรีก็ย่อมเรียนได้เช่นกัน”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มหวานหยดย้อย สายตาที่เปล่งประกายคู่นั้นจ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างเขินอาย“ทำไมมองข้าเช่นนี้ หน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่อย่างนั้นหรือ?”“ไม่มีเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกว่าสามีของข้าช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก”ไม่ว่าเมื่อไหร่ พวกเขาสองคนสามารถคุยเรื่องแบบนี้ได้ โดยไม่มีช่องว่างระหว่างวัยคนหนึ่งมาจากยุคโบราณ อีกคนมาจากยุคปัจจุบัน ความคิดค่อนข้างมีอิทธิพลมากแต่บางครั้งนางก็พบว่าความคิดของซูจิ่งสิงก็ทันยุคทันสมัยมากเช่นกันซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าคือภรรยาของข้า ต่อให้บางความคิดข้าจะไม่เข้าใจ ข้าก็เต็มใจสนับสน