“เจ้าบังอาจนัก!”แม่นมหลู่ขมวดคิ้วหน้าตาถมึงทึง เริ่มกรีดร้อง“ข้าเป็นคนของพระมเหสี ถ้าบ่าวเฒ่าชั่วอย่างเจ้ากล้าแตะต้องข้า พระมเหสีจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่เด็กๆ ช่วยด้วย มีการลอบฆ่าคนของราชสำนัก...”“อุดปากของนางซะ อย่าปล่อยให้นางตะโกนมั่วซั่ว!”แม่นมฉินรีบบอก องครักษ์กรูเข้าไปใช้กระบองท่อนใหญ่ฟาดแม่นมหลู่สลบไป จับนางมัดไว้คนละไม้คนละมือแล้วแบกลงไปดูเหมือนว่าเมื่อคืนแม่นมหลู่จะทำเรื่องโง่ ๆ อะไรอีกการคลอดยากของซ่งเสวี่ยก็อาจเกิดจากนางด้วยต้องบอกความจริงแก่กู้หว่านเยว่แล้ว สิ่งแรกที่ซ่งเสวี่ยทำหลังจากฟื้นขึ้นมา ก็คือสั่งให้จัดการแม่นมหลู่เดิมทีแม่นมฉินเห็นว่ามือเท้าของนางพิการแล้ว รู้สึกใจอ่อนเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรที่นอกลู่นอกทางรีบกำจัดทิ้งเสียดีกว่า“แม่นางน้อยกู้ ทำให้ท่านตกใจแล้ว”แม่นมฉินหันหน้าไปยิ้มให้กู้หว่านเยว่อย่างนอบน้อม“ไปกันเถอะ กลุ่มนักโทษเนรเทศยังรอข้าอยู่”กู้หว่านเยว่ไม่ได้สอบถามเรื่องของแม่นมหลู่มากนัก แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดกับพระมเหสีองครักษ์รีบขนหีบใบใหญ่ไปไว้บนเกวียนลาของกู้หว่านเยว่ ในหีบมีของกินมากมายอย่างเช่นเห็ดเ
ทันใดนั้นกู้หว่านเยว่ก็มองไปทางซูจิ่งสิง“มองข้าทำไมหรือ?”“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”อย่างไรก็พูดไม่ได้ว่า นางคิดว่าภัยพิบัติของสกุลโจวเกี่ยวข้องกับซูจิ่งสิงอย่างแยกไม่ออกใช่ไหม?“หวังว่าซ่งเสวี่ยกับลูกจะไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา“เจ้าเป็นห่วงพวกนางขนาดนั้นเลยหรือ?” ซูจิ่งสิงถามด้วยความอยากรู้ นี่ไม่ใช่อุปนิสัยของนางเลยกู้หว่านเยว่กวัดแกว่งตั๋วเงินปึกหนึ่งในมือ “ก็ใช่น่ะสิ ถึงยังไงพวกเขาก็ยัดเงินให้ข้าตั้งมากมายขนาดนี้”ซูจิ่งสิง: ...พวกบูชาเงินทอง!เนื่องจากการขาดน้ำ คนทั้งกลุ่มจึงเดินทางลำบากเป็นพิเศษ เมื่อได้หยุดพัก บรรดานักโทษเนรเทศส่วนใหญ่ล้วนริมฝีปากแตกระแหงและคอแห้งผากยกเว้นพวกกู้หว่านเยว่อาศัยของขวัญขอบคุณของซ่งเสวี่ยเป็นการบังหน้า นางหยิบถุงน้ำหลายถุงออกมาจากหีบ ส่งถุงหนึ่งให้ซุนอู่ อีกหลายถุงที่เหลือก็มอบให้ครอบครัวอื่น ๆ บ้านละหนึ่งถุง“ขอบคุณ ขอบคุณแม่นางน้อยกู้” สมาชิกสกุลเซิ่งและสกุลหลี่ย่อมซาบซึ้งในบุญคุณอยู่แล้วถึงแม้จะมีน้ำหม้อเดียว แต่สำหรับพวกเขาที่กำลังจะกระหายน้ำตายในทะเลทราย คุณค่าของมันไม่น้อยไปกว่าทองคำเลยมิติของกู้หว่านเยว่ไม่ขาดแค
“โอ๊ย!” มู่หรงอวี้ร้องลั่น ล้มลงกับพื้นแรงๆองครักษ์รีบล้อมรอบกายเขา ดึงดาบออกมาปกป้อง“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“เอ้าเห็นอ้าไม่เป็นไรกระนั้นรึ? (เจ้าเห็นข้าไม่เป็นไรกระนั้นรึ?)” มู่หรงอวี้พ่นลมหายใจอย่างอารมณ์ไม่ดีเฮือกหนึ่ง ทราย จู่ๆ ก็พบว่าคายฟันหน้าออกมาพร้อมทรายเขาโมโหเลือดขึ้นหน้า “ฟันข้าร่วงแล้ว”กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลมองเห็นภาพนี้ เหตุใดคุ้นตานักเล่า?จู่ๆ หางตาก็มองเห็นฟันหน้าของมู่หรงอวี้ นี่ถึงมีท่าทีตอบสนอง หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับความเข้าใจกันบัดซบนี้ทำให้นางขำแทบตายแล้วภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของมู่หรงอวี้ ทันใดนั้นเขาโมโหจนหน้าเขียว อับอายขายหน้า อับอายขายหน้าเหลือเกิน!“กู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิง ข้าจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ตาย!”“ท่านอ๋อง หนีเร็ว” องครักษ์ประคองเขาขึ้นมา วิ่งไปทางซุนอู่ทางฝั่งนี้แล้วส่วนซุนอู่เผชิญหน้ากับคำสั่งของหวายหนานอ๋อง ย่อมไม่สามารถรับชมอยู่วงนอก รีบออกคำสั่งนักการให้ขึ้นไปต่อสู้กับพวกโจรทะเลทราย“เอาธนูให้ข้า”ซูจิ่งสิงง้างธนู จงใจเล็งไปที่มู่หรงอวี้ ปล่อยลูกธนูเสียงดังสวบ มู่หรงอวี้ตกใจจนเกือบฉี่ราด โชคดีลูกธนูปักลงบนโจรทะเลทรายที่
มองเห็นชุดหรูหราของมู่หรงอวี้ ฟู่เยียนหรานคิดทะเยอทะยานขึ้นมาในใจหากนางกลายเป็นพระชายาหวายหนาน ต้องการฆ่ากู้หว่านเยว่คนหนึ่งให้ตายยังมิใช่เรื่องง่ายอีกหรือ?ดังนั้น รอจนกระทั่งถึงยามกู้หว่านเยว่พักผ่อน ก็มองเห็นฟู่เยียนหรานคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจเดินเนิบนาบรอบกายมู่หรงอวี้“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เนื้อเรื่องของต้นฉบับทรงพลังดังคาด”“เจ้าบ่นอันใด?” ซูจิ่งสิงมองนางอย่างแปลกใจ“ไม่มีอันใด ข้ากำลังพูดว่าตอนนี้มู่หรงอวี้ต้องโมโหแย่แล้วเป็นแน่ พวกเรากลายเป็นผู้มีพระคุณของเขาไปเสียแล้ว”เมื่อครู่ทุกคนล้วนมองเห็นแล้ว เป็นพวกเขาสามีภรรยาร่วมมือกับนักการฆ่าโจรทะเลทรายหากมู่หรงอวี้ไม่อยากกลายเป็นตัวตลก ก็ไม่กล้าหาเรื่องพวกเขาอย่างเปิดเผยแล้วมู่หรงอวี้กำลังพูดกับองครักษ์ “แน่ใจว่าสืบดีแล้ว สิ่งของในคฤหาสน์หลวงมิได้อยู่บนลาเทียมเกวียน?!”“บนลาเทียมเกวียนมีเพียงเสบียงอาหารและเสื้อผ้า อย่างอื่นก็ไม่มีแล้วขอรับ” มิหนำซ้ำลาเทียมเกวียนเล็กๆ คันนั้น มิอาจบรรทุกของมากเพียงนั้นได้องครักษ์ครุ่นคิดพลางเอ่ย “หรือว่ามิใช่ซูจิ่งสิง?”“เจ้าโง่!”มู่หรงอวี้ด่าอย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งประโยค“ไม่ใช่ซูจิ่ง
กู้หว่านเยว่ไม่สนใจการกระทำเล็กๆ ของฟู่เยียนหราน หมุนตัวไปที่ศพของโจรทะเลทรายเพื่อริบเงินทองของมีค่าให้เกลี้ยงซุนอู่เดินผ่านมา มุมปากกระตุกริก ทำเป็นมองไม่เห็นริบของเรียบร้อยหมดจดแล้วหรือไม่ เขายังเอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างหวังดีอีกด้วย“พี่ใหญ่ซุน ท่านและพี่หญิงซ่งมีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่สืบถาม“ฮูหยินน้อยเป็นผู้สูงศักดิ์ ไฉนเลยจะมีความสัมพันธ์กับข้าได้”ซุนอู่ยิ้มขมปร่ามองไปข้างหน้า ภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีตปรากฏขึ้นในสมอง เขาเป็นเพียงคนที่ประคับประคองดูแลกันกับท่านย่าคนหนึ่ง ลูกกำพร้าที่ถูกคนรังแก หญิงคนนั้นช่วยเขาไว้ มอบหนทางรอดชีวิตให้แก่เขาสายหนึ่ง...หากเขามียาสูบอยู่ในมือ ก็คือท่านอาอกหักดีๆ นี่เองมองเห็นซุนอู่หันหน้ามา พูดอย่างไม่สบอารมณ์“ยิ่งไปกว่านั้นถ้อยคำนี้ใจร้ายยิ่งนัก ก่อนช่วยคนไว้ หรือข้าเหล่าซุนทำไม่ดีต่อพวกเจ้า?”“ดีๆ พี่ใหญ่ซุนย่อมดีมาก”กู้หว่านเยว่ชอบพูดล้อเล่นกับคนคุ้นเคย เห็นว่ากู้หว่านเยว่ริบของหมดแล้ว ซุนอู่เรียกทุกคนออกเดินทางต่อมู่หรงอวี้ใช้ลาเทียมเกวียนของนักการ คราวนี้นักการทำได้เพียงเดินกับนักโทษแล้วแสงแดดร้อนระอุ ขาดแหล่
กู้หว่านเยว่กลับดึงซูจิ่นเอ๋อร์มาที่ฝั่งหนึ่งพลางสั่งสอน“ภายภาคหน้าคนอื่นมอบของให้ จะกินส่งเดชไม่ได้”“ใช่แล้ว” ซูจื่อชิงเองก็ร้อนใจตาม “ฟู่เยียนหรานอำมหิตมาก หากนางวางยาในน้ำ ทำให้เจ้าถูกพิษตายจะทำเยี่ยงไร”ซูจิ่นเอ๋อร์ตกใจหน้าเผือดซีด พูดเนิบๆ “ข้ามิได้คิดมากเพียงนั้น”ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นฟู่เยียนหรานช่วยงานพวกเขาอยู่ตลอด ยังคิดว่านางเปลี่ยนไปแล้ว“บัดนี้พวกเราเป็นนักโทษถูกเนรเทศ หากเจ้ายังเป็นเหมือนในอดีต ไม่ระแวดระวังให้ดี ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนทำร้ายจนตาย”แววตาซูจิ่งสิงเยียบเย็นปานน้ำค้างแข็งสุ้มเสียงดุดันทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตกใจจนตัวสั่น ใกล้ร้องไห้ออกมาแล้ว “พี่ใหญ่พี่สะใภ้ พี่รอง ขออภัย ข้าเข้าใจแล้ว”คนเหล่านั้นส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “ดีที่สุดคือเจ้าเข้าใจอย่างแท้จริง”ซูจิ่นเอ๋อร์รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดกับฟู่เยียนหรานแม้ประโยคเดียวอีกฟู่เยียนหรานทำได้เพียงกลับไปอยู่ข้างกายมู่หรงอวี้“นางดื่มลงไปแล้วกระนั้น?”ฟู่เยียนหรานปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าซูที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแวบหนึ่ง คิดว่าตนเองไม่สามารถเข้าใกล้ซูจิ่นเอ๋อร์ได้อีกแล้ว พูดอย่างฝืนๆ“ดื่ม ดื
“ท่านเป็นคนดี?”ผู้หญิงและเด็กภายในคุกสายตาเลื่อนลอย หลังมั่นใจว่ากู้หว่านเยว่มิใช่พวกเดียวกับโจรทะเลทรายจริง แววตาของแต่ละคนสะท้อนความหวัง ดีใจอย่างบ้าคลั่ง“วีรสตรี ขอร้องท่านช่วยพวกเราด้วย!”“วางใจ ข้าก็มาเพื่อช่วยพวกเจ้านี่ล่ะ”จมูกกู้หว่านเยว่ปวดแสบอยู่บ้าง ผู้หญิงเด็กเหล่านี้แต่ละคนไม่เพียงผอมเหลือแต่กระดูก บนตัวยังมีรอยแส้และรอยไม้ เห็นได้ชัดว่าถูกทารุณกู้หว่านเยว่หยิบกุญแจบนตัวโจรทะเลทราย เปิดประตูคุก หลังประตูคุกเปิดออกแล้ว ทุกคนก็รีบออกไปอย่างสุดกำลัง“วีรสตรี ท่านเป็นคนดีโดยแท้”“ท่านใจดีเพียงนี้จะต้องอายุยืนร้อยปีเป็นแน่”“สามปีแล้ว ข้าถูกขังอยู่ที่นี่สามปี ในที่สุดก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ฮือๆ...”เสียงซาบซึ้งปนเสียงสะอื้น ผู้หญิงและเด็กทั้งหมดล้วนหนีออกไปอย่างว่องไว“เหตุใดเจ้าไม่ไป?”กู้หว่านเยว่หันหน้า พบว่ายังมีหญิงคนหนึ่งหดตัวในมุมหนึ่งแตกต่างจากผู้หญิงและเด็กคนอื่นอยู่บ้าง ทั่วทั้งตัวนางล้วนเต็มไปด้วยอุจจาระ น้ำฉี่ สติคล้ายไม่ดีเท่าใดนักแต่เสื้อผ้าบนตัวนางยังเรียบร้อยดี มือเองก็ไม่มีรอยแผล น่าจะยังไม่ถูกโจรทะเลทรายทรมานหญิงสาวเผยดวงตากลมโตเปี่ยมความก
“นางโง่ เจ้าสมควรมองนางดื่มลงไปเอง!”ขมับมู่หรงอวี้เต้นตุบๆ หากมิใช่เพราะเขาไม่ตีผู้หญิง ขาต้องเตะออกไปแล้วเป็นแน่“ท่านอ๋อง...”“ไสหัวไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”หันหน้า เผชิญหน้ากับใบหน้าหลงใหลของฮูหยินผู้เฒ่าซู“ท่านอ๋อง ให้ข้าปรนนิบัติท่านเถอะ”“โอ๊ย!” ความรังเกียจของมู่หรงอวี้พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ล้มลงกับพื้นไม่ลุกขึ้นอีก“ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจเลย!”ฟู่เยียนหรานถลันขึ้นไปว่องไวปานเหินบิน ประคองกายมู่หรงอวี้ เห็นมู่หรงอวี้หลับตาสนิท นางรีบพูด“แย่แล้ว ท่านอ๋องตายแล้ว!”“ข้า ยังไม่ตาย!” มู่หรงวี้ยกมือขึ้น เหตุใดก่อนนี้เขาคิดว่าฟู่เยียนหรานฉลาดกันนะ?ฟู่เยียนหรานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไม่ตายก็ดีแล้ว พวกเจ้ายังเหม่ออันใด รีบพาฮูหยินผู้เฒ่าไปทิ้งไกลๆ!”องครักษ์รีบนำตัวฮูหยินผู้เฒ่าไปโยนคืนกลุ่มนักโทษถูกเนรเทศ ฮูหยินผู้เฒ่าถูกหนอนกู่คู่รักควบคุมไว้ สูญเสียสติปัญญา ปากยังร้องตะโกน “ท่านอ๋อง เอ็นดูข้าเถอะ!”“ท่านแม่ นี่ท่านทำผิดศีลธรรมเกินไปแล้ว” ซูหัวหยางที่แต่ไหนแต่ไรมากตัญญูต่อมารดามิอาจอดกลั้นไหว หยิบท่อนไม้ใหญ่ตีฮูหยินผู้เฒ่าจนหมดสติไป