ทันใดนั้นกู้หว่านเยว่ก็มองไปทางซูจิ่งสิง“มองข้าทำไมหรือ?”“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”อย่างไรก็พูดไม่ได้ว่า นางคิดว่าภัยพิบัติของสกุลโจวเกี่ยวข้องกับซูจิ่งสิงอย่างแยกไม่ออกใช่ไหม?“หวังว่าซ่งเสวี่ยกับลูกจะไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา“เจ้าเป็นห่วงพวกนางขนาดนั้นเลยหรือ?” ซูจิ่งสิงถามด้วยความอยากรู้ นี่ไม่ใช่อุปนิสัยของนางเลยกู้หว่านเยว่กวัดแกว่งตั๋วเงินปึกหนึ่งในมือ “ก็ใช่น่ะสิ ถึงยังไงพวกเขาก็ยัดเงินให้ข้าตั้งมากมายขนาดนี้”ซูจิ่งสิง: ...พวกบูชาเงินทอง!เนื่องจากการขาดน้ำ คนทั้งกลุ่มจึงเดินทางลำบากเป็นพิเศษ เมื่อได้หยุดพัก บรรดานักโทษเนรเทศส่วนใหญ่ล้วนริมฝีปากแตกระแหงและคอแห้งผากยกเว้นพวกกู้หว่านเยว่อาศัยของขวัญขอบคุณของซ่งเสวี่ยเป็นการบังหน้า นางหยิบถุงน้ำหลายถุงออกมาจากหีบ ส่งถุงหนึ่งให้ซุนอู่ อีกหลายถุงที่เหลือก็มอบให้ครอบครัวอื่น ๆ บ้านละหนึ่งถุง“ขอบคุณ ขอบคุณแม่นางน้อยกู้” สมาชิกสกุลเซิ่งและสกุลหลี่ย่อมซาบซึ้งในบุญคุณอยู่แล้วถึงแม้จะมีน้ำหม้อเดียว แต่สำหรับพวกเขาที่กำลังจะกระหายน้ำตายในทะเลทราย คุณค่าของมันไม่น้อยไปกว่าทองคำเลยมิติของกู้หว่านเยว่ไม่ขาดแค
“โอ๊ย!” มู่หรงอวี้ร้องลั่น ล้มลงกับพื้นแรงๆองครักษ์รีบล้อมรอบกายเขา ดึงดาบออกมาปกป้อง“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“เอ้าเห็นอ้าไม่เป็นไรกระนั้นรึ? (เจ้าเห็นข้าไม่เป็นไรกระนั้นรึ?)” มู่หรงอวี้พ่นลมหายใจอย่างอารมณ์ไม่ดีเฮือกหนึ่ง ทราย จู่ๆ ก็พบว่าคายฟันหน้าออกมาพร้อมทรายเขาโมโหเลือดขึ้นหน้า “ฟันข้าร่วงแล้ว”กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลมองเห็นภาพนี้ เหตุใดคุ้นตานักเล่า?จู่ๆ หางตาก็มองเห็นฟันหน้าของมู่หรงอวี้ นี่ถึงมีท่าทีตอบสนอง หัวเราะออกมาอย่างสุดระงับความเข้าใจกันบัดซบนี้ทำให้นางขำแทบตายแล้วภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของมู่หรงอวี้ ทันใดนั้นเขาโมโหจนหน้าเขียว อับอายขายหน้า อับอายขายหน้าเหลือเกิน!“กู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิง ข้าจะต้องฆ่าพวกเจ้าให้ตาย!”“ท่านอ๋อง หนีเร็ว” องครักษ์ประคองเขาขึ้นมา วิ่งไปทางซุนอู่ทางฝั่งนี้แล้วส่วนซุนอู่เผชิญหน้ากับคำสั่งของหวายหนานอ๋อง ย่อมไม่สามารถรับชมอยู่วงนอก รีบออกคำสั่งนักการให้ขึ้นไปต่อสู้กับพวกโจรทะเลทราย“เอาธนูให้ข้า”ซูจิ่งสิงง้างธนู จงใจเล็งไปที่มู่หรงอวี้ ปล่อยลูกธนูเสียงดังสวบ มู่หรงอวี้ตกใจจนเกือบฉี่ราด โชคดีลูกธนูปักลงบนโจรทะเลทรายที่
มองเห็นชุดหรูหราของมู่หรงอวี้ ฟู่เยียนหรานคิดทะเยอทะยานขึ้นมาในใจหากนางกลายเป็นพระชายาหวายหนาน ต้องการฆ่ากู้หว่านเยว่คนหนึ่งให้ตายยังมิใช่เรื่องง่ายอีกหรือ?ดังนั้น รอจนกระทั่งถึงยามกู้หว่านเยว่พักผ่อน ก็มองเห็นฟู่เยียนหรานคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจเดินเนิบนาบรอบกายมู่หรงอวี้“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เนื้อเรื่องของต้นฉบับทรงพลังดังคาด”“เจ้าบ่นอันใด?” ซูจิ่งสิงมองนางอย่างแปลกใจ“ไม่มีอันใด ข้ากำลังพูดว่าตอนนี้มู่หรงอวี้ต้องโมโหแย่แล้วเป็นแน่ พวกเรากลายเป็นผู้มีพระคุณของเขาไปเสียแล้ว”เมื่อครู่ทุกคนล้วนมองเห็นแล้ว เป็นพวกเขาสามีภรรยาร่วมมือกับนักการฆ่าโจรทะเลทรายหากมู่หรงอวี้ไม่อยากกลายเป็นตัวตลก ก็ไม่กล้าหาเรื่องพวกเขาอย่างเปิดเผยแล้วมู่หรงอวี้กำลังพูดกับองครักษ์ “แน่ใจว่าสืบดีแล้ว สิ่งของในคฤหาสน์หลวงมิได้อยู่บนลาเทียมเกวียน?!”“บนลาเทียมเกวียนมีเพียงเสบียงอาหารและเสื้อผ้า อย่างอื่นก็ไม่มีแล้วขอรับ” มิหนำซ้ำลาเทียมเกวียนเล็กๆ คันนั้น มิอาจบรรทุกของมากเพียงนั้นได้องครักษ์ครุ่นคิดพลางเอ่ย “หรือว่ามิใช่ซูจิ่งสิง?”“เจ้าโง่!”มู่หรงอวี้ด่าอย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งประโยค“ไม่ใช่ซูจิ่ง
กู้หว่านเยว่ไม่สนใจการกระทำเล็กๆ ของฟู่เยียนหราน หมุนตัวไปที่ศพของโจรทะเลทรายเพื่อริบเงินทองของมีค่าให้เกลี้ยงซุนอู่เดินผ่านมา มุมปากกระตุกริก ทำเป็นมองไม่เห็นริบของเรียบร้อยหมดจดแล้วหรือไม่ เขายังเอ่ยเตือนกู้หว่านเยว่อย่างหวังดีอีกด้วย“พี่ใหญ่ซุน ท่านและพี่หญิงซ่งมีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่?”กู้หว่านเยว่สืบถาม“ฮูหยินน้อยเป็นผู้สูงศักดิ์ ไฉนเลยจะมีความสัมพันธ์กับข้าได้”ซุนอู่ยิ้มขมปร่ามองไปข้างหน้า ภาพที่เคยเกิดขึ้นในอดีตปรากฏขึ้นในสมอง เขาเป็นเพียงคนที่ประคับประคองดูแลกันกับท่านย่าคนหนึ่ง ลูกกำพร้าที่ถูกคนรังแก หญิงคนนั้นช่วยเขาไว้ มอบหนทางรอดชีวิตให้แก่เขาสายหนึ่ง...หากเขามียาสูบอยู่ในมือ ก็คือท่านอาอกหักดีๆ นี่เองมองเห็นซุนอู่หันหน้ามา พูดอย่างไม่สบอารมณ์“ยิ่งไปกว่านั้นถ้อยคำนี้ใจร้ายยิ่งนัก ก่อนช่วยคนไว้ หรือข้าเหล่าซุนทำไม่ดีต่อพวกเจ้า?”“ดีๆ พี่ใหญ่ซุนย่อมดีมาก”กู้หว่านเยว่ชอบพูดล้อเล่นกับคนคุ้นเคย เห็นว่ากู้หว่านเยว่ริบของหมดแล้ว ซุนอู่เรียกทุกคนออกเดินทางต่อมู่หรงอวี้ใช้ลาเทียมเกวียนของนักการ คราวนี้นักการทำได้เพียงเดินกับนักโทษแล้วแสงแดดร้อนระอุ ขาดแหล่
กู้หว่านเยว่กลับดึงซูจิ่นเอ๋อร์มาที่ฝั่งหนึ่งพลางสั่งสอน“ภายภาคหน้าคนอื่นมอบของให้ จะกินส่งเดชไม่ได้”“ใช่แล้ว” ซูจื่อชิงเองก็ร้อนใจตาม “ฟู่เยียนหรานอำมหิตมาก หากนางวางยาในน้ำ ทำให้เจ้าถูกพิษตายจะทำเยี่ยงไร”ซูจิ่นเอ๋อร์ตกใจหน้าเผือดซีด พูดเนิบๆ “ข้ามิได้คิดมากเพียงนั้น”ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นฟู่เยียนหรานช่วยงานพวกเขาอยู่ตลอด ยังคิดว่านางเปลี่ยนไปแล้ว“บัดนี้พวกเราเป็นนักโทษถูกเนรเทศ หากเจ้ายังเป็นเหมือนในอดีต ไม่ระแวดระวังให้ดี ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนทำร้ายจนตาย”แววตาซูจิ่งสิงเยียบเย็นปานน้ำค้างแข็งสุ้มเสียงดุดันทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตกใจจนตัวสั่น ใกล้ร้องไห้ออกมาแล้ว “พี่ใหญ่พี่สะใภ้ พี่รอง ขออภัย ข้าเข้าใจแล้ว”คนเหล่านั้นส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “ดีที่สุดคือเจ้าเข้าใจอย่างแท้จริง”ซูจิ่นเอ๋อร์รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดกับฟู่เยียนหรานแม้ประโยคเดียวอีกฟู่เยียนหรานทำได้เพียงกลับไปอยู่ข้างกายมู่หรงอวี้“นางดื่มลงไปแล้วกระนั้น?”ฟู่เยียนหรานปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าซูที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแวบหนึ่ง คิดว่าตนเองไม่สามารถเข้าใกล้ซูจิ่นเอ๋อร์ได้อีกแล้ว พูดอย่างฝืนๆ“ดื่ม ดื
“ท่านเป็นคนดี?”ผู้หญิงและเด็กภายในคุกสายตาเลื่อนลอย หลังมั่นใจว่ากู้หว่านเยว่มิใช่พวกเดียวกับโจรทะเลทรายจริง แววตาของแต่ละคนสะท้อนความหวัง ดีใจอย่างบ้าคลั่ง“วีรสตรี ขอร้องท่านช่วยพวกเราด้วย!”“วางใจ ข้าก็มาเพื่อช่วยพวกเจ้านี่ล่ะ”จมูกกู้หว่านเยว่ปวดแสบอยู่บ้าง ผู้หญิงเด็กเหล่านี้แต่ละคนไม่เพียงผอมเหลือแต่กระดูก บนตัวยังมีรอยแส้และรอยไม้ เห็นได้ชัดว่าถูกทารุณกู้หว่านเยว่หยิบกุญแจบนตัวโจรทะเลทราย เปิดประตูคุก หลังประตูคุกเปิดออกแล้ว ทุกคนก็รีบออกไปอย่างสุดกำลัง“วีรสตรี ท่านเป็นคนดีโดยแท้”“ท่านใจดีเพียงนี้จะต้องอายุยืนร้อยปีเป็นแน่”“สามปีแล้ว ข้าถูกขังอยู่ที่นี่สามปี ในที่สุดก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ฮือๆ...”เสียงซาบซึ้งปนเสียงสะอื้น ผู้หญิงและเด็กทั้งหมดล้วนหนีออกไปอย่างว่องไว“เหตุใดเจ้าไม่ไป?”กู้หว่านเยว่หันหน้า พบว่ายังมีหญิงคนหนึ่งหดตัวในมุมหนึ่งแตกต่างจากผู้หญิงและเด็กคนอื่นอยู่บ้าง ทั่วทั้งตัวนางล้วนเต็มไปด้วยอุจจาระ น้ำฉี่ สติคล้ายไม่ดีเท่าใดนักแต่เสื้อผ้าบนตัวนางยังเรียบร้อยดี มือเองก็ไม่มีรอยแผล น่าจะยังไม่ถูกโจรทะเลทรายทรมานหญิงสาวเผยดวงตากลมโตเปี่ยมความก
“นางโง่ เจ้าสมควรมองนางดื่มลงไปเอง!”ขมับมู่หรงอวี้เต้นตุบๆ หากมิใช่เพราะเขาไม่ตีผู้หญิง ขาต้องเตะออกไปแล้วเป็นแน่“ท่านอ๋อง...”“ไสหัวไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”หันหน้า เผชิญหน้ากับใบหน้าหลงใหลของฮูหยินผู้เฒ่าซู“ท่านอ๋อง ให้ข้าปรนนิบัติท่านเถอะ”“โอ๊ย!” ความรังเกียจของมู่หรงอวี้พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ ล้มลงกับพื้นไม่ลุกขึ้นอีก“ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจเลย!”ฟู่เยียนหรานถลันขึ้นไปว่องไวปานเหินบิน ประคองกายมู่หรงอวี้ เห็นมู่หรงอวี้หลับตาสนิท นางรีบพูด“แย่แล้ว ท่านอ๋องตายแล้ว!”“ข้า ยังไม่ตาย!” มู่หรงวี้ยกมือขึ้น เหตุใดก่อนนี้เขาคิดว่าฟู่เยียนหรานฉลาดกันนะ?ฟู่เยียนหรานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไม่ตายก็ดีแล้ว พวกเจ้ายังเหม่ออันใด รีบพาฮูหยินผู้เฒ่าไปทิ้งไกลๆ!”องครักษ์รีบนำตัวฮูหยินผู้เฒ่าไปโยนคืนกลุ่มนักโทษถูกเนรเทศ ฮูหยินผู้เฒ่าถูกหนอนกู่คู่รักควบคุมไว้ สูญเสียสติปัญญา ปากยังร้องตะโกน “ท่านอ๋อง เอ็นดูข้าเถอะ!”“ท่านแม่ นี่ท่านทำผิดศีลธรรมเกินไปแล้ว” ซูหัวหยางที่แต่ไหนแต่ไรมากตัญญูต่อมารดามิอาจอดกลั้นไหว หยิบท่อนไม้ใหญ่ตีฮูหยินผู้เฒ่าจนหมดสติไป
มองเห็นมู่หรงอวี้นอนบนลาเทียมเกวียน มือสองข้างจับขาไว้แน่นๆ สีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด“ขาของข้า ขาของข้าเจ็บเหลือเกิน!”“ท่านอ๋อง” องครักษ์รีบคุกเข่าที่ฝั่งหนึ่ง“ลั่วยาง ไปช่วยข้าพาลั่วยางมา เร็วเข้า!” มู่หรงอวี้ร้องเจ็บปวดทรมานองครักษ์รีบเอ่ย “ท่านอ๋องท่านลืมไปแล้ว คฤหาสน์หลวงถูกปล้น เซียนแพทย์น้อยล่วงหน้าไปหนึ่งก้าว พูดว่ารอท่านที่ปิงโจว”“โอ๊ย!”มู่หรงอวี้ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดทรมาน “ลั่วยางถอนพิษให้ข้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดขาของข้ายังเจ็บปวดเพียงนี้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”เพราะเจ็บปวดมากเกินไป ขาของเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก บัดนี้ไม่ต่างจากคนพิการฟู่เยียนหรานถามองครักษ์ “ลั่วยางเป็นใคร?”“หมอหลวงหญิงของท่านอ๋อง เป็นศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์”“อ้อ” ฟู่เยียนหรานพยักหน้า ก็แค่หมอหญิงคนหนึ่งเท่านั้น นางไม่เก็บมาใส่ใจรีบมาหาข้างกายมู่หรงอวี้ จับมือของเขาพลางปลอบ “ท่านอ๋อง ท่านอดทนก่อน รอถึงปิงโจวแล้วหมอหญิงลั่วต้องรักษาท่านจนหายดีได้เป็นแน่”“ไสหัวไป!”มู่หรงอวี้ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด ความเจ็บปวดบนขา ทำให้เขาระเบิดอารมณ์ฟู่เยียนหรานถูตะคอกถอยกลับไปหลายก้าวอย่างโศกเศร้า
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน
เยียนอวิ๋นชูน่าสงสารนัก กู้หว่านเยว่ก็ใจอ่อนในชั่วพริบตา“เชื่อข้าเถอะ พิษในร่างกายของท่านจะถูกขับออกมาแน่นอน ต่อไปท่านจะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้วแต่ขาของท่าน เนื่องจากไม่ได้เดินมานานเกินไป อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ”เยียนอวิ๋นชูก็ไม่ได้คาดหวังว่าขาของเขาจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืนพิการมานานสิบกว่าปี ได้มีความหวังที่จะยืนขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับเขาก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้วเขาดื่มยาหม้อหมดในคราเดียวในไม่ช้า ความไม่สบายก็เข้ามาภายในร่างกาย“ยาหม้อนี้มีสรรพคุณในการล้างพิษ ต่อไปท่านอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อาจถึงขั้นมีไข้สูง แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นระเบียบขั้นตอน ราวกับว่ามองเห็นเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วน้ำเสียงสุขุมของนาง ทำให้จิตใจที่ไม่เป็นสุขของเยียนอวิ๋นชูสงบลงมากร่างกายเจ็บปวดมากเกินไป เขาจึงพยายามหลับตาทั้งสอง ข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาดั่งสายฝนกู้หว่านเยว่ถือผ้าขนหนูไว้ คอยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างอดทน เมื่อพบว่าเขาทนไม่ไ
ความคิดของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่ จะหลอกลวงเขาในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษจริง ๆ และพิษนี้เริ่มตั้งแต่ขาทั้งสองของเขายืนไม่ได้ อย่างน้อยก็สิบกว่าปีแล้วเยียนอวิ๋นชูนึกย้อนกลับไปในหัวใครกันที่สามารถวางยาพิษเขาได้ในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เวลามันเนิ่นนานเกินไปแล้วเขารู้ว่า ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การตามหาคนที่วางยาพิษ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างพิษในร่างกายของเขา“เจ้า เจ้าล้างพิษในร่างกายของข้าได้ไหม?”“ตอนนี้รู้จักขอร้องข้าแล้วหรือ เมื่อครู่ยังหน้าซีดรีบร้อนขับไล่ข้าออกไปมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตายั่วเย้า ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้เยียนอวิ๋นชูหน้าแดง แทบจะพาลโกรธเอาดื้อ ๆ อีกครั้ง“เจ้า...”เมื่อเห็นเขากัดริมฝีปาก กู้หว่านเยว่ก็หัวเราะคิกคัก“เอาล่ะ ข้าแค่หยอกล้อท่านเฉย ๆ ข้าสามารถล้างพิษได้ วางใจเถิด”นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ได้เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมาอย่างฉับพลันเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูใบหน้าที่เปล่งประกายของนาง รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงเขารีบกุมหัวใจเอาไว้ แล
เซียวหลิ่นหลีกทางให้โดยจิตใต้สำนึก กู้หว่านเยว่กำลังจะจับมือของเยียนอวิ๋นชู แต่ฝ่ายหลังกลับดันรถเข็นถอยหลังอย่างไม่คาดคิดปากก็ยังด่าทอเสียงดัง“ไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้าหรือ ปล่อยข้าไว้คนเดียวให้สงบสติอารมณ์สักพัก รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”เยียนอวิ๋นชูคำรามลั่น ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อย คำพูดที่เอ่ยออกมาแย่มากจนทำให้มุมปากของเซียวหลิ่นกระตุก“คุณชายรอง!”คุณชายรองเกิดลมบ้าหมูอะไรขึ้นมา จอมยุทธหนุ่มท่านนี้เมื่อครู่สามารถใช้เข็มเงินนั่นฆ่าใครก็ได้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก หวังดีจะช่วยชีวิตเขา เหตุใดเขาถึงยังด่าทออย่างรุนแรง?“จอมยุทธหนุ่ม ขอโทษด้วยจริง ๆ”เซียวหลิ่นรีบขอโทษกู้หว่านเยว่ หวังว่านางจะใจกว้างไม่ถือสาคนต่ำทรามและกู้หว่านเยว่ก็มองดูท่าทางต่อต้านของเยียนอวิ๋นชู ครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านผู้นี้ ช่างดื้อรั้นเสียจริง!”เขาคงกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมและทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงพูดจาดุดันเพราะต้องการขับไล่นางออกไป ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังดึงดันที่จะแสร้ง
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ