ซูจิ่งสิงยังคงครุ่นคิดเรื่องของเว่ยเฉิง เมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยทั้งสองคนตามหาไปทั่ว แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของซูจื่อชิงเมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ซูจิ่งสิงจึงทำได้เพียงทิ้งสัญญาณลับเพื่อติดต่อไว้ในเมืองหากซูจื่อชิงยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเห็นสัญญาณลับก็จะตามมาหาพวกเขาได้ปรากฏว่าเมื่อทั้งสองคนออกจากเมือง ก็พบกับซูจิ่นเอ๋อร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พี่รองกลับมาแล้ว!”“จริงหรือ?”นี่มันเหมือนกับพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เดิมทีคิดว่าคงหาซูจื่อชิงที่อำเภอหลานเจียไม่เจอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมาเองแล้วกู้หว่านเยว่รีบขับลาเทียมเกวียนตามซูจิ่นเอ๋อร์ไปยังกลุ่มคนเมื่อเห็นซูจื่อชิงนั่งพิงอยู่บนลาเทียมเกวียนอีกคัน แขนข้างหนึ่งห้อยลงมาข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง ข้าง ๆ เขา มีเมี่ยชิงหว่านนั่งอยู่ด้วยความโศกเศร้า“แขนเจ้าหักหรือ?” ได้เลย เพิ่งจะมีคนเจ็บไปหนึ่งคน ตอนนี้เพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว“น่าจะหัก ข้าใช้ไม้กระดานดามไว้ ตอนนี้ยังขยับไม่ได้”หลังจากถูกทรมานมาหลายวัน ซูจื่อชิงดูอิดโรยอย่างมากกู้หว่านเยว่ยื่นมือไปสัมผัส “หักจริง ๆ ด้วย คืนนี้ห
ทันทีที่เห็นหมีดำ ทุกคนก็สบถออกมาไม่สิ ฟู่เยียนหรานนี่มันเกิดอะไรขึ้น?ไปทำอะไรมาถึงทำให้หมีที่หนักสี่ร้อยกว่าชั่งโกรธได้นะ?ซุนอู่ขมับเต้นตุบ ๆ ตะโกนด่าเสียงดัง“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ไปแหย่หมีเอง ก็อย่าลากหมีมาหาพวกเราสิ!”พวกเขาเป็นกลุ่มคนแก่ คนอ่อนแอ คนป่วย และคนพิการ เดินมาทั้งวันแล้ว คงวิ่งไม่ไหวหรอกลากหมีมาที่นี่ ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเขาหรอกหรือ?ฟู่เยียนหรานแสดงสีหน้ารู้สึกผิด นางก็ไม่อยากลากหมีมาที่นี่ แต่นางไม่มีทางเลือกแล้วในกลุ่มผู้ถูกเนรเทศมีผู้หญิงและเด็กเยอะ วิ่งไม่เร็วเท่านาง บางทีหมีอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายก็ได้นางไม่ได้ใจร้ายแน่ ๆ แค่ช่วยซุนอู่คัดคนออกต่างหากเมื่อคิดแบบนี้ ฟู่เยียนหรานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากจากนั้นเร่งความเร็วมาทางนี้มากขึ้น“ข้ายอมแพ้แล้ว!” ซุนอู่รู้สึกว่าเขาไม่เคยเกลียดใครขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเห็นว่าหมีกำลังมา วิ่งก็คงวิ่งไม่ทันแล้ว ได้แต่หวังว่าพวกเขาคนเยอะ อาจจะปราบหมีได้“อย่ามัวแต่ยืนบื้อ รีบหยิบดาบออกมาสู้กับหมี คนแก่ ผู้หญิง และเด็ก ไปหาที่หลบเร็ว”แม้ว่าการลดจำนวนคนระหว่างทางเนรเทศจะเป็นเรื่องปกติ แต่ซุนอู่ก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาต
“เจ้าอยากตายหรือไง ปล่อยข้า!” กู้หว่านเยว่รู้สึกพูดไม่ออกจริง ๆ ฟู่เยียนหรานนี่สมองมีปัญหารึเปล่า ถึงเวลานี้แล้วยังจะมาทะเลาะกันอีก“เจ้าจะดุทำไม ข้ามาพูดกับเจ้าด้วยเหตุผล ทำไมเจ้าถึงดุขนาดนี้?ตอนเช้าข้าพูดไปเพราะหวังดีต่อเจ้าต่างหาก คนที่ถูกเนรเทศอย่างเจ้าแต่งตัวสวยเด่นขนาดนั้นมันไม่ดีหรอกแล้วเจ้ายังไปลงมือกับผู้ตรวจการเหล่านั้น ถ้าพวกเขาเอาคืนขึ้นมา เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าครอบครัวของเจ้าจะเป็นอย่างไร?”ฟู่เยียนหรานพูดไม่หยุด ราวกับจับผิดกู้หว่านเยว่ได้กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว เตะนางออกไป ทันใดนั้น หมีก็มาถึงตรงหน้าทั้งสองคนแล้วหมีที่ตาบอดข้างหนึ่งยกอุ้งเท้าขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เตรียมที่จะฟาดลงมา“กรี๊ด!”ฟู่เยียนหรานกลัวมาก ไม่ได้คิดอะไร ก็ผลักกู้หว่านเยว่ออกไป“หว่านเยว่!”“พี่สะใภ้!”ซูจิ่นเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ที่หลบอยู่หลังก้อนหิน ก็พากันวิ่งออกมาโดยไม่สนใจความกลัว อยากจะตีฟู่เยียนหรานให้ตายเลยจริง ๆ ซูจิ่งสิงที่อยู่บนลาเทียมเกวียนคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ตกอยู่ในอันตราย เขาก็ทนไม่ไหว กระโดดลงมาจากลาเทียมเกวียน แล้วลงมาบนหลังหมีโดยตรง ในมือถือมีด
“ข้าแค่เห็นว่าในโพรงต้นไม้มีน้ำผึ้ง อยากจะเอาออกมากินสักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าน้ำผึ้งนั้นจะมีหมีเฝ้าอยู่...”เห็นทุกคนไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ สายตาก็ยังเย็นชาฟู่เยียนหรานกัดฟัน จากนั้นวิ่งไปชนต้นไม้ทันที“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ถ้าทำให้พวกท่านหายโกรธได้ ข้ายอมตายเพื่อไถ่โทษ ข้าจะไปตายเดี๋ยวนี้”“พี่สาว อย่าทำเรื่องโง่ ๆ!” ฟู่ซานรีบดึงนางเอาไว้“มีคนอยากให้ข้าตาย งั้นข้าไปตายก็ได้” ฟู่เยียนหรานน้ำตาไหลพราก และมองไปที่กู้หว่านเยว่โดยเจตนาสายตาแบบนี้ทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกตั้งใจทำให้นางรู้สึกแย่สินะ?งั้นก็หาคนผิดแล้ว กู้หว่านเยว่มองไปบนพื้นรอบ ๆ ทันใดนั้นก็หยิบมีดที่ตกอยู่บนพื้น แล้วเดินไปหาฟู่เยียนหราน จากนั้นยิ้มอย่างเป็นมิตร กล่าวด้วยน้ำเสียงหวังดี“โธ่ แม่นางฟู่ ชนต้นไม้มันเจ็บนะ เจ้าใช้มีดเล่มนี้เถอะมีดเล่มนี้คมมาก ฟันครั้งเดียวก็สามารถตัดคอเจ้าขาดได้ รับรองว่าเจ้าจะตายโดยไม่เจ็บปวดเลย”ขณะพูดก็เอามีดจ่อไปที่ลำคอของฟู่เยียนหรานแล้วลองทำท่าสองครั้ง“กรี๊ด...เจ้าเอาออกไปไกล ๆ หน่อย!”ฟู่เยียนหรานขาอ่อนยวบ จากนั้นกล่าวด่าทอโดยไม่ทันคิด“กู้หว่านเยว่ เจ้าบ้าไปแล
สีหน้าของนางหลิวและคนอื่น ๆ ก็ไม่ดีเช่นกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าขาของซูจิ่งสิงยังดีอยู่ พวกเขาจะแยกบ้านทำไมกัน?ตอนนี้กู้หว่านเยว่เก่งขนาดนี้ ขาของซูจิ่งสิงก็หายดีแล้ว ต่อไปชีวิตก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกลับมามองที่พวกเขา...แค่มีชีวิตรอดก็ดีแค่ไหนแล้วเพราะบ้านรองตายกันหมดแล้วนางหลิวพึมพำ “จิ่งสิง เจ้าทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย”ซูหัวหยางก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว ขาของเจ้าไม่พิการ แล้วทำไมไม่บอก”สายตาตำหนิของหลาย ๆ คนจับจ้องไปที่ซูจิ่งสิง จนทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกโมโห“พวกท่านคงลืมไปแล้วกระมัง ตอนนั้นพวกท่านรังเกียจที่ข้าบาดเจ็บหนัก กลัวว่าข้าจะเป็นภาระ จึงอยากแยกบ้าน”ซูจิ่งสิงมองพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็นสายตาที่เยือกเย็นนั้น ทำให้สกุลซูทุกคนต้องหุบปากอย่างไม่เต็มใจ“คุณชายซู ขอแสดงความยินดีที่ท่านลุกขึ้นยืนได้แล้ว”ซุนอู่เดินไปหาซูจิ่งสิง ตั้งใจจะตบบ่าเขาสักหน่อยแต่เมื่อเห็นว่าซูจิ่งสิงสูงกว่าตนเองหนึ่งช่วงศีรษะ ก็เลยวางมือลง“แต่ว่า ท่านก็ต้องระวัง ในเมืองหลวงอาจมีคนที่ไม่อยากให้ท่านลุกขึ้นยืนก็ได้”“ข้ารู้ ขอบคุณท่านนักการซุน” ซูจิ่งสิงเหลือบมองไปที่กลุ่มนักก
กู้หว่านเยว่ได้ยินคำพูดของเขา ก็ถือโอกาสหันกลับไปมองเป็นไปอย่างที่คาดไว้ ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการย่างเนื้อรอบกองไฟอย่างสนุกสนานมีเพียงนักการหลี่เท่านั้นที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แอบมองมาทางพวกเขาเป็นระยะ ๆ“คงจะเห็นว่าขาของท่านหายดีแล้ว จึงทนไม่ไหวที่จะรีบไปรายงานนายท่านผู้อยู่เบื้องหลัง”กู้หว่านเยว่ลูบมือ“ว่าอย่างไร จะส่งเขาขึ้นสวรรค์เมื่อไหร่ดี?”ซูจิ่งสิงรู้สึกว่าท่าทางอันธพาลของนางนั้นน่ารักเป็นพิเศษ จึงอดกลั้นรอยยิ้มแล้วพูดเสียงเบา ๆ “ลงมือคืนนี้เลย ดีกว่าปล่อยให้เนิ่นนานแล้วมีปัญหาทีหลัง”“ได้เลย ๆ ” กู้หว่านเยว่ยกยิ้มอย่างมีความสุข เหตุใดนางถึงมีความสุขขนาดนี้เวลาพูดว่าจะกำจัดคนเลว?ระหว่างที่พูดคุยกัน ก็มีคนทยอยมาตักน้ำที่ริมแม่น้ำ ทั้งสองคนจึงปิดปากเงียบอย่างรู้กัน“ข้ามาช่วยเจ้าล้างด้วย”ซูจิ่งสิงถือโอกาสนั่งยอง ๆ ลง หยิบอุ้งเท้าหมีอีกข้างออกมาจากตะกร้า แล้วล้างทำความสะอาดพร้อมกับนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุ้งเท้าหมีมีกลิ่นคาวแรงเกินไปหรือไม่ กู้หว่านเยว่ถึงกับอาเจียนออกมา“เจ้าเป็นอะไรไป?”ซูจิ่งสิงรีบถามด้วยความเป็นห่วงกู้หว่านเยว่อยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่กลิ่นคาวก
“เขากำลังทำอะไร?”กู้หว่านเยว่ถามด้วยความสงสัย“นกพิราบสื่อสาร” ซูจิ่งสิงอธิบายเบา ๆ ตอนที่พวกเขาออกรบ ก็มักจะใช้วิธีนี้ในการส่งข่าวสารเช่นกันเป็นไปอย่างที่คิดไว้ ไม่นานนักก็มีนกพิราบตัวหนึ่งบินออกมาจากป่า มาเกาะที่แขนที่ยกขึ้นของนักการหลี่นักการหลี่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอก แล้วผูกมันไว้กับนกพิราบอย่างคล่องแคล่วภายใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มของเขาดูพึงพอใจเป็นพิเศษราวกับเห็นภาพวันที่ได้เลื่อนตำแหน่งและร่ำรวย หลังจากที่ทำงานสำเร็จ“ฮ่า ๆ ๆ...”มีความสุขมาก นักการหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของเขาก็ทุกข์ระทมนกพิราบที่เพิ่งบินออกจากมือของเขา ยังไม่ทันได้กระพือปีกสองครั้ง ก็ถูกธนูที่พุ่งมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ปักเข้าที่ต้นไม้อย่างจัง“บ้าเอ๊ย!”นักการหลี่ตกตะลึง เมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็หันหลังกลับเพื่อจะวิ่งหนีแต่เขายังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไป ซูจิ่งสิงก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดึงลูกธนูออก เขาก็พลิกฝ่ามือแล้วแทงทะลุหลอดลมของนักการหลี่โดยตรง“ตุบ” เขาไม่ทันได้ร้องขอชีวิต ก็ล้มลงไปกับพื้น“ดูหน่อยว่าในจดหมายเขาเขียนอะไร”กู้หว่านเยว่รีบต
ในขณะเดียวกับที่มุมปากกระตุกยิ้มนั้น ในใจเขากลับรู้สึกจนปัญญา สองสามีภรรยาคู่นี้ยังคงทำตัวเหมือนเขาเป็นคนของตน มั่นใจว่าเขาจะปกป้องพวกเขาได้ต้องพูดว่าพวกเขาอ่านใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งเดิมทีเขาอยากสั่งสอนนักการหลี่ให้รู้จักสำนึก ตอนนี้นักการหลี่ได้ถูกพวกเขาจัดการแล้ว เขาจึงไม่ซักไซ้ไล่ถามให้มากความ“เอาเถอะ หามเขาออกไป”ซุนอู่ล้วงหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา จากนั้นก็ขีดฆ่าชื่อของนักการอย่างเลือดเย็น ไม่เอ่ยถึงการตายของนักการหลี่แต่อย่างใดทุกคนก็ไม่ได้คัดค้าน การเสียชีวิตระหว่างทางเป็นเรื่องปกติ ทุกคนต่างชินชาไปแล้วหลังจากจัดการกับศพเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมากินอาหารเช้าในค่ายตามเดิมหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกเดินทางต่อ ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ฟู่เยียนหรานทำเรื่องน่าอับอายไปแล้ว แต่วันนี้นางยังคงบังคับเกวียนตามหลังพวกเขามาอย่างไร้ยางอายขณะที่กู้หว่านเยว่ไปตักน้ำ ฟู่เยียนหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โอกาสนี้เข้าไปคุยกับซูจิ่งสิงอย่างใกล้ชิดซูจิ่งสิงไม่สนใจนาง แค่รู้สึกว่านางน่ารำคาญเท่านั้น“คุณชายซู ทำไมท่านถึงไม่สนใจข้า?” แววตาของฟู่เยียนหรานฉายแววหดหู่เมื่อเห็น
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู