ซูหัวจวิ้นชี้ไปที่ท้องฟ้า“หลี่ซือซือ หลี่ซือซือกลับมาหาข้าแล้ว”แม้ว่าหลี่ซือซือจะกรรมตามสนอง แต่เมื่อซูหัวจวิ้นพูดเช่นนี้ขึ้นมา ประกอบกับรอบด้านมืดมิด ทุกคนก็รู้สึกว่าเส้นขนทั้งร่างลุกพรึบ กวาดตามองรอบด้านอย่างรวดเร็วซุนอู่เองก็ยังรู้สึกได้ถึงลมร้ายที่กำลังโชยมา เขาจึงหยิบแส้ขึ้นมา เดินไปหาซูหัวจวิ้น แล้วเฆี่ยนเขาด้วยความโกรธ“ถ้าเจ้ายังกล้าพูดไร้สาระอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”“โอ๊ยๆๆ ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ หลี่ซือซือกลับมาแล้วจริงๆ นางโทษข้าที่ไม่ดูแลนาง โทษที่ข้าไม่ปกป้องนาง... แล้วก็ท่านแม่ นางเองก็กำลังโทษท่านด้วย!”จู่ๆ ซูหัวจวิ้นก็ชี้ไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซู ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูกรีดร้องด้วยความตกใจ“อ๊าๆๆ เจ้าสี่ ท่านจะตายแล้ว ยังมาพูดไร้สาระอะไรอยู่อีก?”ซูจิ่นเอ๋อร์สั่นงันงกอยู่ในอ้อมแขนของหยางซื่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านว่า หลี่ซือซือนาง...”กู้หว่านเยว่เหลือบมองนางแล้วถามว่า “เจ้าเคยทำอะไรผิดหรือเปล่าเล่า?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”ซูจิ่นเอ๋อร์คิด นอกจากช่วงแรกที่นางทำตัวโง่ๆ ก็ไม่น่าจะทำเรื่องผิดใจกับนางอีก?“ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เช่นนั้นจะกลัวอะไร?”ด้วยกังวลว่าคำพูดของซูหัวจวิ้นจะทำ
กู้หว่านเยว่ขอให้ระบบแสดงแผนที่ของภูเขาใกล้เคียงขึ้นมา จึงได้รู้ว่าข้างหน้าไกลออกไปสองชั่วยาม มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่“ถ้าท่านเชื่อข้า ก็ให้ทุกคนตามข้ามา”“ตามท่านไป?”ซุนอู่ลังเลกู้หว่านเยว่แข็งแกร่งมากก็จริง แต่นางไม่ใช่ผู้เบิกทางเส้นทางจางเอ้อร์ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “หัวหน้า ข้าว่าฝนครั้งนี้พิลึกนัก ไม่รู้ว่าตากฝนนานเข้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า เช่นนั้น พวกเราไม่สู้ฟังคำแนะนำของแม่นางน้อยกู้”เขาเสริมอีกว่า“ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเราก็เชื่อฟังแม่นางน้อยกู้มาตลอด ก็ไม่เคยมีผิดพลาดนะขอรับ”“ก็ใช่”ประสบการณ์ในฐานะหัวหน้านักการศาลาว่าการ เป็นได้ไม่ดีเท่ากู้หว่านเยว่“ก็ได้ ท่านนำทาง พวกเราจะเดินตามท่านเอง”ด้วยเหตุนี้ ซุนอู่จึงให้นักการปลุกทุกคนขึ้นมา แล้วให้พวกเขาลุกขึ้นออกเดินทางต่อไปคนอื่นๆ เองก็สัมผัสได้ว่าฝนที่ตกลงมาผิดปกติ ดังนั้นจึงรีบออกเดินทางอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีนักการมาเร่งแต่สำหรับตระกูลซูเก่าแล้ว ช่างทุกข์นักหลิวซื่อกำลังอุ้มคนบาดเจ็บเอาไว้ หนักเสียจนก้าวเดินไม่ได้เมื่อมองไปที่เกวียนลาของกู้หว่านเยว่ นางก็ขอร้องเบาๆ“หว่านเยว่ เจ้าว่าให้อาสี่
“รีบเดินเร็วเข้า เร็วหน่อย!”กู้หว่านเยว่รีบพูดกับพวกฮูหยินเหยียนว่า “ฮูหยินเหยียน ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง พวกท่านรีบอุ้มเด็กทั้งหมดขึ้นเกวียนของข้าเร็วเข้า พวกเราจะได้เดินทางได้เร็วขึ้น”กู้หว่านเยว่โยนผ้าห่มทิ้งเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับเด็กๆ คนตระกูลนี้หลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ แล้วรีบอุ้มเด็กๆ ขึ้นมาคาราวานฝ่าฟันพายุที่รุนแรง เดินทางอย่างเร่งรีบ และในที่สุด สองชั่วยามต่อมา ก็เห็นแสงสว่างริบหรี่ในความมืด“หมู่บ้าน นั่นคือหมู่บ้าน!”หลังจากถูกฝนกรดกัดผิวมาทั้งคืน ยามนี้ ร่างกายของทุกคนโปะโคลนไม่มีช่องว่า น่าอับอายอย่างยิ่ง อนาถยิ่งกว่าขอทานเสียอีก“มีใครอยู่หรือไม่?”ซุนอู่รีบพาคนไปเคาะประตูบ้านของครอบครัวหนึ่ง ผู้ที่มาเปิดประตูนั้น เป็นชาวนาวัยชราผู้หนึ่ง“ผู้เฒ่า ท่านให้พวกเราพักที่บ้านท่านสักคืนได้หรือไม่ขอรับ?”“ฝนตกหนักเช่นนี้ พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็วเถอะ”ชาวนาเฒ่าพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเชิญให้ทุกคนเข้าไปลานบ้านที่เรียบง่ายของที่นี่ แย่กว่าห้องไร้ราคาของโรงเตี๊ยม แต่ตอนนี้ ห้องห้องนี้มีหลังคา เช่นนี้ทุกคนก็พอใจมากแล้วในขณะที่ทุกคนกำลังจะรีบเข้าไป ทันใดนั้นก็มีเสียงไม่พอใจดั
“ไม่มีทาง พวกเราหนีออกมาได้แล้ว ไม่มีใครจะจับพวกเรากลับไปได้อีก”ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้วและพูดว่า“กลับไปข้าจะไปสืบหาตัวตนของพวกเขาทีหลัง พวกเขาอาจจะไม่ได้มาที่นี่เพราะพวกเราก็ได้”“พี่หญิง ข้าก็ยังกลัวอยู่ดี…” ฟู่ซานก้มหัวลง“เจ้ากลัวอะไร? เจ้าลืมไปแล้วว่าตอนที่ข้าเกิดมา ร้อยวิหคก่อเฟิ่งหวง นี่คือสัญลักษณ์ของผู้สูงศักดิ์ ข้าจะต้องก้าวไปข้างหน้าให้ได้ และเหลือเพียงโอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้น”…เมื่อกู้หว่านเยว่ที่อยู่นอกประตูได้ยิน ดวงตาก็แสดงความประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นก็ยกยิ้มออกมานี่ไม่ใช่นางเอกหรอกหรือ?ผู้ที่ถือกำเนิดพร้อมนิมิตหมายอันดีจากท้องฟ้า ไม่ใช่ได้รับนิมิตจากท้องฟ้าเมื่อเธอเกิดมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากภรรยาของมู่หรงอวี้ ฟู่เยียนหราน ฮองเฮาแห่งต้าฉีในอนาคต!ไม่คิดว่าในหมู่บ้านที่ไร้ชื่อแห่งนี้ จะพบนางเข้าได้ ฟู่เยียนหรานคนนี้เป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง นางเป็นลูกที่เกิดจากอนุของอ๋องหนานหยาง ถูกผู้เป็นป้าหมั้นหมายไว้กับผู้บัญชาการที่รับใช้ข้างกายบิดาเสียเพียงที่ผู้บัญชาการคนนั้นนิสัยเลวทราม วันแต่งงานจึงหนีไปกับน้องชายแท้ๆ แต่ได้รับการช่วยเหลือจากมู่หรงอวี้ระหว่
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง ช่วงนี้นางก็คันไม้คันมือ อยากระบายอารมณ์อยู่พอดีซูจิ่นเอ๋อร์ยังกังวลอยู่เล็กน้อย นับตั้งแต่ที่หลี่ซือซือตายไป ลุงสี่ของนางคนนี้ก็ดูเหมือนจะเสียสติไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ยากจะรู้ได้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง“พี่สะใภ้ใหญ่ระวังไว้ดีกว่านะเจ้าค่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ท่านตะโกนออกมาแค่คำเดียว ข้าจะรีบไปทุบเขาให้ตายเลยเจ้าค่ะ!”“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอแล้ว ข้าจะพาพี่ชายเจ้าไปอาบน้ำเสียหน่อย”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน กู้หว่านเยว่ก็ยกร่างของซูจิ่งสิงขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องครัวเมื่อเดินเข้าไปในครัว ซูจิ่งสิงก็นั่งลงอย่างช่ำชอง แก้มของเขาแดงก่ำด้วยความเขินอาย“ข้าอาบเองก็ได้”“อ้อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ได้คิดจะช่วยเขาอาบเช่นกัน“ข้าจะไปอาบน้ำในมิติ ส่วนท่านอาบข้างนอก อาบไปด้วยก็ระวังคนให้ข้าไปด้วยนะเจ้าคะ”มิติ? นั่นคืออะไร?ซูจิ่งสิงสงสัยนัก เมื่อเห็นว่าหลังจากกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัวแล้ว กะพริบตาหนึ่งครั้ง นางก็หายตัวไปทันที“กู้หว่านเยว่!”การหายตัวไปอย่างกะทันหันของผู้หญิงคนนั้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ ถึงกับ
ไม่นาน เจ้าหน้าที่หนุ่มกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาจากนอกประตูเมื่อฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ ใบหน้าก็แสดงสีหน้าหวาดกลัว รีบดึงฟู่ซานไปซ่อนตัวอยู่หลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่ได้มาตามหาพวกตน นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนานี้เสียมากกว่าเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเตะถาดตากข้าวแล้วบอกว่า “รีบจ่ายค่าภาษีเดือนนี้มาเสีย”ชายชราและครอบครัวยื่นเงินออกไปด้วยสีหน้าเศร้าโศก“แค่ตำลึงเดียวเองหรือ?”“เดือนที่แล้วก็ไม่ใช่แค่ตำลึงเดียวหรอกหรือ?...”ลูกชายของชาวนาปากมากไปสักนิด เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงผลักเขาลงพื้น ทุบตีอย่างแรงทันที“เดือนนี้ขึ้นแล้ว เป็นสองตำลึง รีบเอามา ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องกินไม่หมด แอบห่อพากลับ[footnoteRef:1]!” [1: เปรียบเทียบกับการ ก่อเรื่องไม่ดีหรือทำให้เกิดเรื่องไม่ดี จำต้องแบกรับ รับผลที่ตามมา มักจะใช้สำหรับตักเตือนคนว่า จะทำเรื่องอะไรอย่าลืมคำนึงถึงผลที่ตามมา] สามีภรรยาคู่ชราร้องขอความเมตตาพลางเอาเงินออกมาหมดบ้าน ในที่สุด พวกเขาก็รีดเอาเงินสองตำลึงออกมาได้“ดี
“ได้ ข้ารับฝากเอาไว้แล้ว”กู้หว่านเยว่กำลังกังวลว่าจะไม่หาคนมาลองมือ ในเมื่อพวกเขามาส่งถึงหน้าประตูเช่นนี้ ก็อย่าโทษนางที่ลงมือหนักเกินไปแล้วกันเดิมทีก็คิดว่าจะสั่งสอนพวกเขาสักหน่อยแล้วค่อยปล่อยไป แต่อีกฝ่ายกลับยังกล้าขู่ออกมาได้อีก เช่นนั้นก็ต้องกำจัดทิ้งเสียกู้หว่านเยว่โปรยผงพิษใส่พวกเขาไปแล้ว ไม่นานจากนี้ คนเหล่านี้ก็จะไม่ตายดีเมื่อมองดูรอยยิ้มแปลกๆ ของผู้หญิงคนนั้น เถียนจวิ้นก็มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาพูดอะไรผิดไป ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป ดังนั้นจึงรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับลูกน้องใต้บังคับบัญชากู้หว่านเยว่จึงเดินกลับมาที่คาราวานเนรเทศ“แม่นางน้อยกู้ ทำได้ดีมากเลย!”“แม่นางน้อยกู้ ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์ ท่านสุดยอดมากเลย!”หลายคนยกนิ้วให้ในเวลานี้ จู่ๆ ฟู่เยียนหรานก็เดินเข้ามาหานาง ขมวดคิ้วและพูดว่า“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นแค่นักโทษยังกล้าโอหังอวดดี ทุบตีเจ้าหน้าที่ของทางการ ถ้าทำให้ทุกคนเดือดร้อนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่ว่านั่นอาจจะพลอยเปิดเผยตัวตนของนางไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรยืนเจ้าหน้าที่พวกนั้นลวนลามหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นเสียงหัวเราะ
เมื่อพิจารณาว่าเครื่องครัวเครื่องใช้ต่าง ๆ พังเสียหายระหว่างทางหมดแล้ว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจึงไปตลาดก่อนเพื่อซื้อของใช้จำเป็นเหล่านี้“เราไปซื้อเสื้อผ้าฝ้ายเพิ่มกันเถอะ”กู้หว่านเยว่ขยับแขนเข้าหาตัว ยิ่งเดินทางขึ้นเหนือ อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บขึ้นทุกทีหากไม่ซื้อเสื้อผ้าฝ้ายมาเตรียมไว้ กลัวว่าพออุณหภูมิลดลงจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ ถ้าเกิดหนาวจนเป็นหวัดขึ้นมาคงจะลำบากแย่“ตกลง ถึงอย่างไรเราก็ยังมีลาเทียมเกวียน ไม่ต้องกลัวว่าจะขนไม่พอ”ซูจิ่งสิงย่อมไม่ปฏิเสธดังนั้นกู้หว่านเยว่จึงพุ่งเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า ซื้อเสื้อผ้าฝ้ายหนา ๆ มาหลายชุด พร้อมกับซื้อปุยฝ้ายและผ้าฝ้ายมาอีกหนึ่งถุง ตั้งใจว่าจะใช้ทำรองเท้าปุยฝ้ายระหว่างทางสุดท้ายก็ซื้อผ้าห่มหนา ๆ อีกสองผืน ก็น่าจะครบถ้วนแล้วหลังจากซื้อของเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเรื่องสำคัญ นั่นคือถึงเวลาที่จะไป “เยี่ยมเยียน” ผู้ว่าการอำเภอเถียนคนนั้นแล้วนางลากลาเทียมเกวียนเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ต่อหน้าต่อตาซูจิ่งสิง ก็เก็บลาเทียมเกวียนทั้งคันเข้าไปในมิติซูจิ่งสิง ...แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็น แต่ทุกครั้งก็ยังรู้สึกตกตะลึง“เอาละ ตอนน
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้า”กู้หว่านเยว่กำลังกลุ้มใจที่ไม่รู้ผู้ที่หนุนหลังเขา ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ถ้างั้นอย่าโทษนางที่ตามไปแก้แค้นละเดิมทีคิดว่าสั่งสอนพวกเขาสักยกแล้วจะปล่อยไป ในเมื่อกล้าข่มขู่นาง ถ้างั้นจัดการเสียทั้งหมดเลยดีกว่ากู้หว่านเยว่ลงมือโดยการโปรยผงยาพิษไปบนตัวพวกเขา อีกไม่นาน คนพวกนี้ก็จะตายกะทันหันเมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดของหญิงสาว เถียนจวิ้นรู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไป สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญ จึงรีบพาพวกพ้องหนีไปกู้หว่านเยว่กลับไปในขบวนเนรเทศอีกครั้ง“แม่นางน้อยกู้ ยอดเยี่ยมมาก!”“แม่นางกู้น้อย ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ เจ้าช่างร้ายกาจนัก!”หลายคนทยอยยกนิ้วหัวแม่มือขณะนี้ ฟู่เยียนหรานมาถึงตรงหน้านางกะทันหัน ขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศยังกำเริบเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ เกิดนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่อาจทำให้สถานะของนางเปิดเผยไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรถูกเจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นเกี้ยวหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะคนเช่นนี้อยู่รอดไปจนถึงตอนสุดท้ายของหนังสือได้อย่างไรกัน?ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้ว “ข้
ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่ทางการหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกหลังจากฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ทางการ สีหน้าเผยความหวาดกลัว รีบพาฟู่ซานไปหลบหลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ไม่ได้มาหานาง จึงโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนาเจ้าหน้าที่เตะข้าวเปลือกจนหงาย “รีบจ่ายภาษีของเดือนนี้เร็วเข้า”ครอบครัวของชาวนาเฒ่าควักเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าขมขื่น“แค่หนึ่งตำลึงหรือ?”“เดือนที่แล้วก็หนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ...”ลูกชายชาวนากล่าวขึ้นหนึ่งคำ จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายทันที“เดือนนี้ขึ้นราคาแล้ว เป็นสองตำลึงเงิน เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าได้เห็นดีกันแน่!”สองสามีภรรยาเฒ่าขอร้องไปด้วย พลางไปหยิบเงินทั้งหมดในบ้านออกมา เศษเงินพวกนั้นพอจะรวมกันจนครบสองตำลึงเงิน“ต้องอย่างนี้สิ ครั้งหน้ายอมจ่ายแต่โดยดีละ!”เจ้าหน้าที่เอาเงินแล้ว เตรียมหันหลังจากไป แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ในโรงเก็บหญ้าดึงดูดผิวขาวดุจหิมะ เรือนร่างอ่อนช้อย ทั่วทั้งอำเภอหลานเจียก็ไม่มีคนงามเช่นนี้เจ้าหน้าที่มองดูจนตะลึง จากนั้นเดินเข้าไ
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง นางก็คันไม้คันมือพอดี จะได้ระบายออกสักหน่อยซูจิ่นเอ๋อร์ยังคงเป็นห่วง ตั้งแต่หลี่ซือซือตายไป ท่านอาสี่เหมือนกลายเป็นบ้าไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง?“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัว มีเรื่องใดก็ตะโกนได้เลย ข้าจะเข้าไปตีเขาให้ตาย!”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอ ข้าจะพาพี่ใหญ่เจ้าไปอาบน้ำ”ระหว่างพูดคุยกัน กู้หว่านเยว่แบกซูจิ่งสิงขึ้นหลัง แล้วพาเดินไปทางห้องครัวพอไปถึงห้องครัว ซูจิ่งสิงรีบลงมาบนพื้นอย่างว่องไว พร้อมสีหน้าเขินอาย“ข้าอาบเองได้”“อ่อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่คิดจะช่วยเขาอาบ“ข้าจะเข้าไปอาบในมิติ ท่านอาบอยู่ข้างนอก อาบไปด้วยช่วยข้าดูต้นทางไปด้วยนะ”มิติหรือ? มันคือสิ่งใด?ซูจิ่งสิงกำลังสงสัย แล้วเห็นกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัรว จากนั้นร่างกายสั่นไหว หายไปกลางอากาศ“กู้หว่านเยว่!”เมื่อหญิงสาวหายไปกะทันหัน ทำให้เขาปวดใจ กระทั่งกลัวว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้วกู้หว่านเยว่เพิ่งเข้าไปในมิติ พลันได้ยินเสียงซูจิ่งสิงเรียกชื่อนางเสียงต่ำอยู่ข้างนอก“เรียกข้าทำไม?” นางรีบปรากฏตัวอย่างรวดเ
“ไม่หรอก พวกเราหนีออกมาได้แล้ว ใครก็อย่าคิดจะจับตัวพวกเรากลับไปอีก”ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“อีกเดี๋ยวข้าจะไปสืบดูฐานะของพวกเขา ไม่น่าจะมาเพราะพวกเรา”“พี่หญิง ข้าก็ยังกลัว...” ฟู่ซานก้มหน้าลง“กลัวอะไรกัน เจ้าลืมไปแล้วหรือตอนข้าเกิดมามวลวิหคน้อมคารวะ นั่นคือการกำเนิดของผู้มีบุญญาธิการ ข้าเชื่อว่าต้องทำได้ แค่ขาดโอกาสเท่านั้น”……กู้หว่านเยว่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้น แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นยิ้มนี่ไม่ใช่นางเอกหรือ?ผู้ที่มีปรากฏการณ์จากฟ้ายามตกฟาก คือฟู่เยียนหรานที่เป็นคู่ของมู่หรงอวี้ ฮองเฮาในอนาคตของต้าฉี!นึกไม่ถึงว่าจะได้พบนางที่หมู่บ้านไร้ชื่อแห่งนี้ ฟู่เยียนหรานผู้นี้โหดเหี้ยมไม่น้อย นางคือลูกที่เกิดจากอนุภรรยาของหนานหยางอ๋อง ถูกแม่ใหญ่จับคู่ให้แต่งงานกับรองแม่ทัพคนหนึ่งของบิดานางเห็นรองแม่ทัพผู้นั้นเป็นคนหยาบกระด้าง ในวันแต่งงานจึงพาน้องชายหนีออกมา ระหว่างทางถูกมู่หรงอวี้ช่วยไว้ทั้งสองตกหลุมรักกันอย่างดุเดือด หลังจากฟู่เยียนหรานกลับไปจึงวางยาพิษหนานหยางอ๋องจนตาย แล้วมอบอำนาจทหารให้มู่หรงอวี้วางยาพิษบิดาจนตาย เรื่องเช่นนี้คนทั่วไปทำไม่ได้พอนึก
“เร็ว รีบเดินเร็วเข้า!”กู้หว่านเยว่รีบหันไปเอ่ยกับพวกของเหยียนฮูหยิน “เหยียนฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง พวกท่านนำเด็กมาไว้ในรถของข้าเถอะ พวกเราต้องเร่งเดินทาง”กู้หว่านเยว่นำผ้าห่มทิ้ง เพื่อให้พวกเด็กน้อยมีที่ว่าง หลายตระกูลตื้นตันอย่างมาก จึงรีบอุ้มเด็กขึ้นไปทันทีคนทั้งขบวนฝ่าลมพายุฝนกระหน่ำ เดินทางต่อเนื่อง ในที่สุดหลังผ่านไปสองชั่วยามมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืด “เป็นหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้าน!”หลังถูกฝนกรดเล่นงานมาทั้งคืน ขณะนี้บนตัวทุกคนเปื้อนของเหลวเหนียวข้น สภาพมอมแมม น่าอนาถยิ่งกว่าขอทาน“มีคนอยู่หรือเปล่า?”ซุนอู่รีบพาคนไปเคาะประตูของครอบครัวหนึ่งทันที คนที่เปิดประตูคือชาวนาเฒ่าคนหนึ่ง“ผู้อาวุโส ให้พวกเราพักค้างคืนที่บ้านพวกท่านสักคืนได้หรือไม่?”“ฝนตกแรงขนาดนี้ พวกเจ้ารีบเข้ามาเถอะ”ชาวนาเฒ่ารีบพยักหน้า แล้วปล่อยทุกคนเข้าไปภายในเรือนที่เรียบง่าย สภาพแวดล้อมแย่ยิ่งกว่าห้องรวมของโรงเตี๊ยมเสียอีก ทว่าขณะนี้มีที่ให้พักพิง ทุกคนก็พอใจมากแล้วในขณะที่ทุกคนเตรียมจะกรูกันเข้าไป ภายในกลับมีเสียงหนึ่งที่ไม่สบอารมณ์ดังขึ้นทันที“ไหนว่าคืนนี้จะให้พวกเราค้างแรมที่บ้านหลังนี้
กู้หว่านเยว่ได้ให้มิตินำแผนที่ของภูเขาในระแวกนี้ออกมาตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าเดินต่อไปข้างหน้าอีกสองชั่วยาม จะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง“หากท่านเชื่อข้า ให้ทุกคนเดินตามข้าไป”“เดินตามเจ้าหรือ?”ซุนอู่ลังเลกู้หว่านเยว่เก่งมาก แต่ก็ไม่ใช่เรดาร์ค้นหาเส้นทางจางเอ้อร์ที่อยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น “หัวหน้า ข้าว่าฝนนี่ประหลาดยิ่งนัก หากตากนานไปไม่รู้จะมีโรคใดหรือไม่ ถ้าอย่างไรฟังข้อเสนอแนะจากแม่นางกู้น้อยเถอะ”เขาสำทับ“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราก็ฟังแม่นางน้อยกู้มาตลอด ไม่เคยมีสิ่งใดผิดพลาดเลย”“ก็ใช่”ประสบการณ์ของหัวหน้านักว่าการอย่างเขายังไม่เท่ากู้หว่านเยว่“เช่นนั้นก็ได้ เจ้านำทางอยู่ข้างหน้า พวกเราจะตามเจ้าไป”ระหว่างที่พูด ซุนอู่ให้นักการไปปลุกทุกคนให้ตื่น เพื่อให้พวกเขาเร่งออกเดินทางคนอื่น ๆ เองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของสายฝน ไม่ต้องให้นักการไปปลุก พวกเขาก็เดินทางอย่างรวดเร็วแต่กลับลำบากคนสกุลซูนางหลิวต้องพาคนบาดเจ็บไปด้วย ทำให้เดินไม่ไหวเมื่อเห็นรถเทียมลาของกู้หว่านเยว่ นางจึงขอร้องเสียงอ่อน“หว่านเยว่ เจ้าดูสิว่าพอจะให้ท่านอาสี่ของเจ้าขึ้นไปนอนบนรถม้าได้หรือไม่?”ต่อสู้ก
ซูหัวจวิ้นชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า“หลี่ซือซือ หลี่ซือซือนางมาหาข้าแล้ว”แม้หลี่ซือซือจะสมควรได้รับโทษ แต่เมื่อได้ยินซูหัวจวิ้นกล่าวเช่นนี้ อีกทั้งรอบด้านมืดสนิท จึงทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกซู่ รีบหันมองรอบด้านทันทีซุนอู่เองก็รู้สึกว่าลมเย็นพัดมาเป็นระลอก จึงหยิบแส้เดินไปตรงหน้าซูหัวจวิ้น พร้อมหวดแส้ใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์“หากกล้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะหวดเจ้าให้ตาย!”“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย ข้าเปล่าพูดเหลวไหลนะ หลี่ซือซือมาแล้วจริง ๆ นางโกรธข้าที่ไม่ควรเรียกนางมา โกรธข้าที่ไม่ได้ปกป้องนาง...ยังมีท่านแม่ นางโกรธท่านด้วย!”ซูหัวจวิ้นชี้ไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูกะทันหัน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูกรีดร้องเสียงดัง“ว๊าย ว๊าย ว๊าย เจ้าสี่ เจ้าจะตายแล้วหรือไร พูดบ้าอะไรของเจ้า?”ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวสั่นงก ๆ แล้วขดตัวอยู่ในอ้อมกอดนางหยาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านว่า หลี่ซือซือนาง...”กู้หว่านเยว่เหลือบมองนาง ไม่ตอบกลับย้อนถาม “เจ้าทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือ?”“เปล่าเจ้าค่ะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ครุ่นคิด นอกจากแรกเริ่มที่นางโง่เขลา นอกนั้นไม่น่าจะเคยทำเรื่องผิดศีลธรรรม“หากไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรม เจ้าจะกลัวอะไร”เกรงว่าคำพูดของซูหัวจวิ