“เด็กโง่”ปรมาจารย์แพทย์พุ่งเข้ามา เขารีบห้ามเลือดให้ไป๋หลี่ชิงซีอย่างเร่งด่วนแต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ทั้งหมด“คุณชายไป๋หลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางรุดเข้ามาข้างเตียง จากนั้นก็เปิดเสื้อของเขา และตรวจร่างกายให้เขาหลี่เหมียนหยางอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงรีบปิดปากอีกครั้ง“เลือดออกในช่องท้อง ต้องรีบนำก้อนเนื้อนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด”ปรมาจารย์แพทย์บอกผลตรวจของเขา ซึ่งเหมือนกับผลตรวจของกู้หว่านเยว่นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คงจะรอหลังจากนี้อีกเจ็ดแปดวันไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่าตัดตอนนี้”เดิมทีนางอยากให้ลั่วยางมาเรียนรู้ด้วย เนื่องจากเคยตกปากรับคำกับปรมาจารย์แพทย์ไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่พาใครเข้าไปในห้วงมิติ ต้องทำการผ่าตัดด้านนอกโชคดีที่ในตอนที่ออกมา กู้หว่านเยว่ได้ให้หงเจาเข้าไปหยิบกล่องยาในจวนกู้ออกมาด้วยทันทีที่นางพูดกับปรมาจารย์แพทย์จบ หงเจาก็มาถึงพอดี“ฮูหยิน กล่องยาของท่าน”“วางลงเถอะ”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ภายในกล่องยามีมีดผ่าตัดและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่นางเตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า วันนี้เกรงว่าต้องรบกวนท่านเป็นลู
“ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไร”นางเอ่ยเสียงเบา ปรมาจารย์แพทย์รีบข่มอารมณ์ลงทันทีกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีคนแอบดูสถานการณ์ด้านในผ่านช่องว่างของหน้าต่าง“คุณชาย ไม่มีใครเลยขอรับ”หนึ่งในบุคคลปริศนากล่าวเสียงต่ำ จากนั้นเงาดำสองร่างก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสวีซวี่รื่อ บุรุษผู้นี้แอบเข้ามาในโรงหมอ ข้างกายของเขาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี“รีบหาของนั้นเร็วเข้า”เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นรออยู่ด้านนอกนานมากแล้ว ทันทีที่เข้ามาก็พุ่งหาเป้าหมายทันใด“ดูเหมือนจะอยู่ในอ่างไม้”ลูกศิษย์คนนั้นเดินมายังอ่างไม้ ใบหน้าของปรมาจารย์แพทย์เริ่มฉายแววลำพองใจ แต่เมื่อได้ยินลูกศิษย์ผู้นั้นก็พลันขมวดคิ้ว“เหม็นยิ่งนัก!”ในอ่างไม้มีเพียงเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่า สวีซวี่รื่อเห็นแล้วแทบจะอาเจียนออกมาในทันที รีบโบกมือไล่กลิ่น“รีบไปหาตรงอื่นเถอะ”สวีซวี่รื่อกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องเร่งมือเป็นสองเท่า“ต้องหาก้อนเนื้อนั้นให้ได้ แล้วนำกลับไปให้คนของสำนักเทียนจีดู”ทั้งสองคนเปิดตู้ค้นหา กู้หว่านเยว่ได้ยินถึงตรงนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าสวีซวี่รื่อคนนี้มาทำไมครั้นเห
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด“ขอโทษนะ”ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียดกู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะแต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนางทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”“...”ครอบครัวเดียวกัน?ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เ
“ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไร”นางเอ่ยเสียงเบา ปรมาจารย์แพทย์รีบข่มอารมณ์ลงทันทีกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีคนแอบดูสถานการณ์ด้านในผ่านช่องว่างของหน้าต่าง“คุณชาย ไม่มีใครเลยขอรับ”หนึ่งในบุคคลปริศนากล่าวเสียงต่ำ จากนั้นเงาดำสองร่างก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสวีซวี่รื่อ บุรุษผู้นี้แอบเข้ามาในโรงหมอ ข้างกายของเขาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี“รีบหาของนั้นเร็วเข้า”เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นรออยู่ด้านนอกนานมากแล้ว ทันทีที่เข้ามาก็พุ่งหาเป้าหมายทันใด“ดูเหมือนจะอยู่ในอ่างไม้”ลูกศิษย์คนนั้นเดินมายังอ่างไม้ ใบหน้าของปรมาจารย์แพทย์เริ่มฉายแววลำพองใจ แต่เมื่อได้ยินลูกศิษย์ผู้นั้นก็พลันขมวดคิ้ว“เหม็นยิ่งนัก!”ในอ่างไม้มีเพียงเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่า สวีซวี่รื่อเห็นแล้วแทบจะอาเจียนออกมาในทันที รีบโบกมือไล่กลิ่น“รีบไปหาตรงอื่นเถอะ”สวีซวี่รื่อกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องเร่งมือเป็นสองเท่า“ต้องหาก้อนเนื้อนั้นให้ได้ แล้วนำกลับไปให้คนของสำนักเทียนจีดู”ทั้งสองคนเปิดตู้ค้นหา กู้หว่านเยว่ได้ยินถึงตรงนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าสวีซวี่รื่อคนนี้มาทำไมครั้นเห
“เด็กโง่”ปรมาจารย์แพทย์พุ่งเข้ามา เขารีบห้ามเลือดให้ไป๋หลี่ชิงซีอย่างเร่งด่วนแต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ทั้งหมด“คุณชายไป๋หลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางรุดเข้ามาข้างเตียง จากนั้นก็เปิดเสื้อของเขา และตรวจร่างกายให้เขาหลี่เหมียนหยางอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงรีบปิดปากอีกครั้ง“เลือดออกในช่องท้อง ต้องรีบนำก้อนเนื้อนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด”ปรมาจารย์แพทย์บอกผลตรวจของเขา ซึ่งเหมือนกับผลตรวจของกู้หว่านเยว่นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คงจะรอหลังจากนี้อีกเจ็ดแปดวันไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่าตัดตอนนี้”เดิมทีนางอยากให้ลั่วยางมาเรียนรู้ด้วย เนื่องจากเคยตกปากรับคำกับปรมาจารย์แพทย์ไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่พาใครเข้าไปในห้วงมิติ ต้องทำการผ่าตัดด้านนอกโชคดีที่ในตอนที่ออกมา กู้หว่านเยว่ได้ให้หงเจาเข้าไปหยิบกล่องยาในจวนกู้ออกมาด้วยทันทีที่นางพูดกับปรมาจารย์แพทย์จบ หงเจาก็มาถึงพอดี“ฮูหยิน กล่องยาของท่าน”“วางลงเถอะ”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ภายในกล่องยามีมีดผ่าตัดและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่นางเตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า วันนี้เกรงว่าต้องรบกวนท่านเป็นลู
กู้หว่านเยว่คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่นาน ครั้นเห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว จึงรีบกลับเข้ามาในงานเลี้ยง“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”“สองคำนับพ่อแม่”“สามคำนับกันและกัน”เกาโจวและฮูหยินผู้เฒ่าเกาคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “ดี ๆ โจวเซิง ต่อไปนี้เจ้าต้องดีกับเสวี่ยเอ๋อร์ให้มาก ๆนะ!”ผู้เฒ่าทั้งสองได้รับซ่งเสวี่ยเป็นบุตรสาวบุญธรรมแล้ว บัดนี้ซ่งเสวี่ยก็คือลูกสะใภ้ของพวกเขา และเป็นบุตรสาวของพวกเขา หลังจากนี้ยังต้องอาศัยอยู่กับผู้เฒ่าทั้งสองคน“โปรดวางใจ ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่มีวันทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์!” ใบหน้าของโจวเซิงเปี่ยมไปด้วยความสุขผลการสอบเข้าชิงตำแหน่งขุนนางเขายังไม่ดีใจเท่าตอนนี้“ส่งตัวเข้าหอ” ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเจ้าพิธี บ่าวสาวได้ถูกส่งตัวเข้าหอ ทั้งจวนสกุลโจวพากันครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม“น้องหญิง”จู่ ๆ ซูจิ่งสิงก็กุมมือของกู้หว่านเยว่ อาจจะเป็นเพราะดื่มสุราไปแล้วสองจอก แก้มของเขาถึงได้แดงระเรื่อ“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่ ว่าข้าอยากจัดงานแต่งใหญ่โตให้เจ้า”กู้หว่านเยว่จำได้ในทันที นี่คือตอนที่พวกเขาสองคนกำลังตามหาสมุนไพรอยู่ในจวนหลงชวน ในงานแต่งของเหยาฮุ่ยซิน ซูจิ่งสิงเป็นฝ่ายเอ
หลังจากออกไป กู้หว่านเยว่ก็เกิดความวิตกกังวลซูจิ่งสิงพยักหน้า และถูปลายนิ้วพลางกล่าว “เขาและจิ่นเอ๋อร์ยังไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย”“เพราะเหตุใด?”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รักกันมากแต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ บางทีอาจเป็นเพราะฟู่หลานเหิงรักซูจิ่นเอ๋อร์มาก ทนเห็นนางเดือดร้อนไม่ได้จึงไม่ยอมอยู่กับนาง เพราะกังวลเรื่องลูก“แต่น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลต่อร่างกายของเขา”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่กล้ามั่นใจมากนัก นางจึงหาเวลาเข้าไปดูสัตว์น้ำแข็งภายในห้วงมิติแวบหนึ่งหากน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยอาการป่วยของฟู่หลานเหิงไม่ได้ นางก็ควรต้องพิจารณาเรื่องที่จะพาสัตว์น้ำแข็งไปให้ทูเจวี๋ยเพื่อตามหาดอกไม้น้ำแข็งนิลนางคงจะทนเห็นซูจิ่นเอ๋อร์กลายเป็นแม่หม้ายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกทั้งฟู่หลานเหิงเองก็เป็นสหายที่ดีของพวกเขากู้หว่านเยว่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจก่อน ทั้งสองคนกลับมาถึงจวน เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่วันมงคลสมรสของซ่งเสวี่ยเนื่องจากเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ซ่งเสวี่ยไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกิดเป็นคำครหา ในวันแต่งงาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึงง
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้า”กู้หว่านเยว่กำลังกลุ้มใจที่ไม่รู้ผู้ที่หนุนหลังเขา ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ถ้างั้นอย่าโทษนางที่ตามไปแก้แค้นละเดิมทีคิดว่าสั่งสอนพวกเขาสักยกแล้วจะปล่อยไป ในเมื่อกล้าข่มขู่นาง ถ้างั้นจัดการเสียทั้งหมดเลยดีกว่ากู้หว่านเยว่ลงมือโดยการโปรยผงยาพิษไปบนตัวพวกเขา อีกไม่นาน คนพวกนี้ก็จะตายกะทันหันเมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดของหญิงสาว เถียนจวิ้นรู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไป สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญ จึงรีบพาพวกพ้องหนีไปกู้หว่านเยว่กลับไปในขบวนเนรเทศอีกครั้ง“แม่นางน้อยกู้ ยอดเยี่ยมมาก!”“แม่นางกู้น้อย ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ เจ้าช่างร้ายกาจนัก!”หลายคนทยอยยกนิ้วหัวแม่มือขณะนี้ ฟู่เยียนหรานมาถึงตรงหน้านางกะทันหัน ขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศยังกำเริบเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ เกิดนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่อาจทำให้สถานะของนางเปิดเผยไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรถูกเจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นเกี้ยวหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะคนเช่นนี้อยู่รอดไปจนถึงตอนสุดท้ายของหนังสือได้อย่างไรกัน?ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้ว “ข้
ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่ทางการหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกหลังจากฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ทางการ สีหน้าเผยความหวาดกลัว รีบพาฟู่ซานไปหลบหลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ไม่ได้มาหานาง จึงโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนาเจ้าหน้าที่เตะข้าวเปลือกจนหงาย “รีบจ่ายภาษีของเดือนนี้เร็วเข้า”ครอบครัวของชาวนาเฒ่าควักเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าขมขื่น“แค่หนึ่งตำลึงหรือ?”“เดือนที่แล้วก็หนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ...”ลูกชายชาวนากล่าวขึ้นหนึ่งคำ จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายทันที“เดือนนี้ขึ้นราคาแล้ว เป็นสองตำลึงเงิน เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าได้เห็นดีกันแน่!”สองสามีภรรยาเฒ่าขอร้องไปด้วย พลางไปหยิบเงินทั้งหมดในบ้านออกมา เศษเงินพวกนั้นพอจะรวมกันจนครบสองตำลึงเงิน“ต้องอย่างนี้สิ ครั้งหน้ายอมจ่ายแต่โดยดีละ!”เจ้าหน้าที่เอาเงินแล้ว เตรียมหันหลังจากไป แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ในโรงเก็บหญ้าดึงดูดผิวขาวดุจหิมะ เรือนร่างอ่อนช้อย ทั่วทั้งอำเภอหลานเจียก็ไม่มีคนงามเช่นนี้เจ้าหน้าที่มองดูจนตะลึง จากนั้นเดินเข้าไ
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง นางก็คันไม้คันมือพอดี จะได้ระบายออกสักหน่อยซูจิ่นเอ๋อร์ยังคงเป็นห่วง ตั้งแต่หลี่ซือซือตายไป ท่านอาสี่เหมือนกลายเป็นบ้าไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง?“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัว มีเรื่องใดก็ตะโกนได้เลย ข้าจะเข้าไปตีเขาให้ตาย!”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอ ข้าจะพาพี่ใหญ่เจ้าไปอาบน้ำ”ระหว่างพูดคุยกัน กู้หว่านเยว่แบกซูจิ่งสิงขึ้นหลัง แล้วพาเดินไปทางห้องครัวพอไปถึงห้องครัว ซูจิ่งสิงรีบลงมาบนพื้นอย่างว่องไว พร้อมสีหน้าเขินอาย“ข้าอาบเองได้”“อ่อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่คิดจะช่วยเขาอาบ“ข้าจะเข้าไปอาบในมิติ ท่านอาบอยู่ข้างนอก อาบไปด้วยช่วยข้าดูต้นทางไปด้วยนะ”มิติหรือ? มันคือสิ่งใด?ซูจิ่งสิงกำลังสงสัย แล้วเห็นกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัรว จากนั้นร่างกายสั่นไหว หายไปกลางอากาศ“กู้หว่านเยว่!”เมื่อหญิงสาวหายไปกะทันหัน ทำให้เขาปวดใจ กระทั่งกลัวว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้วกู้หว่านเยว่เพิ่งเข้าไปในมิติ พลันได้ยินเสียงซูจิ่งสิงเรียกชื่อนางเสียงต่ำอยู่ข้างนอก“เรียกข้าทำไม?” นางรีบปรากฏตัวอย่างรวดเ