หลี่เหมียนหยางกล่าวถามด้วยความร้อนใจ กู้หว่านเยว่พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถูกต้อง”นางเองก็ไม่อยากโกหกถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ออกมาจากในท้องของไป๋หลี่ชิงซี เพียงแต่ถูกยาพิษของปรมาจารย์แพทย์หลอมละลายกลายเป็นเลือด จนดูไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดก็เท่านั้น“เยี่ยมไปเลย”หลี่เหมียนหยางคลี่ยิ้มอย่างตื่นเต้น นางดีใจแทนไป๋หลี่ชิงซีมีของสิ่งนี้อยู่คงจะพิสูจน์ได้แล้วว่าในท้องของไป๋หลี่ชิงซีเดิมทีไม่ใช่ก้อนเนื้อประหลาดระหว่างที่ดีใจนั้น นางได้เบิกตามองสวีซวี่รื่อ“สวีซวี่รื่อ เจ้ามาทำไม” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด“ข้า ข้าเป็นห่วงศิษย์พี่ใหญ่”สวีซวี่รื่อหาข้ออ้างอย่างร้อนตัว แต่กลับถูกหลี่เหมียนหยางตัดบท“อย่ามาแสร้งเห็นอกเห็นใจหน่อยเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าส่งคนมายั่วยุศิษย์พี่ เขาจะกระอักเลือดหรือไม่?”นางกระชากสวีซวี่รื่อมาตรงหน้าอ่างไม้“เจ้าสงสัยว่าในท้องของศิษย์พี่มีก้อนเนื้อประหลาดไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจ้าดูให้ชัด ๆ สิว่ามันคือสิ่งใด?”นางอยากจะกดหัวของสวีซวี่รื่อลงไปในอ่างไม้ด้วยซ้ำ เขาพยายามผลักออกอย่างตื่นตระหนก“ศิษย์น้องหลี่ เรามาเยี่ยมศิษย์พี่ใหญ่จริง ๆ ในเม
กระทั่งได้ยินหลี่เหมียนหยางกล่าวกับหมอหลินว่า “หมอหลิน หมอช่วยตรวจชีพจรให้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าหน่อย ชีพจรความสุขของเขายังมีอยู่อีกหรือไม่?”หมอหลินถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าไม่เชื่อใจแม่นางกู้ของพวกเรา นางตรวจอาการให้ศิษย์พี่ของเจ้าแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน”“เหมียนหยาง!” ไป๋หลี่ชิงซีค่อนข้างอึดอัด “ไม่ต้องตรวจแล้ว ข้าเชื่อใจหมอเทวดากู้”“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือให้หมอคนอื่นมาตรวจจะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น”ก็ได้ หลี่เหมียนหยางไม่รู้ว่าต้องอธิบายอย่างไร นางมักจะรู้สึกว่าอายุของกู้หว่านเยว่ยังน้อย กังวลว่าจะเกิดความผิดพลาด ดังนั้นจึงอยากให้หมอคนอื่นมาตรวจอีกครั้ง“ทักษะการแพทย์ของหมอเทวดากู้โดดเด่นยิ่งกว่าใคร อีกอย่างข้าเชื่อในความสามารถของนาง หากนางรักษาข้าไม่ได้ นางไม่มีทางปิดบังข้า”“อือ” หลี่เหมียนหยางรู้สึกอึดอัดใจ นางเองก็ทำเพื่อร่างกายของศิษย์พี่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกศิษย์พี่ตำหนิเช่นนี้“แล้วเลือดในอ่างนั้นจะทำอย่างไร?”“เททิ้ง” เจ้าสิ่งนี้ทรมานเขามาหลายสิบปีแล้ว ทำให้เขาโดนผู้อื่นหัวเราะเยาะและโดนฉีกหน้ามามากพอแล้ว เขาไม่อยากเห็นมันอีก หลี
“เพราะอาการป่วยประหลาดของเขาสินะ”ซูจิ่งสิงไม่ได้ประหลาดใจนัก เห็นได้ชัดว่าเขาคาดเดาได้“เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีป่วยหนัก บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเลือกเจ้าสำนักคนต่อไป แม้ว่าร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีจะป่วยโรคประหลาด แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกศิษย์คนโตของเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจี ความสามารถด้านวรรณกรรม ยุทธวิธีและสงครามย่อมเหนือกว่าทุกคน จึงย่อมคาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีคนต่อไป ไม่แปลกใจเลยที่บางคนเลือกช่วงเวลานี้เล่นงานเขา”ซูจิ่งสิงคว้ามือของนางไว้ และอธิบายถึงที่มาที่ไปให้นางฟังเบา ๆหลังจากกู้หว่านเยว่ได้ฟังก็เข้าใจทันที ว่าทำไมสวีซวี่รื่อผู้นั้นถึงกัดไป๋หลี่ชิงซีไม่ยอมปล่อย ทั้งยังแอบเข้ามาในโรงหมออีกด้วยคงอยากพิสูจน์ว่าการที่ไป๋หลี่ชิงซีมีก้อนเนื้อประหลาดนั้นทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอยากรู้จริง ๆ ว่าบุรุษที่แบกเจ้าก้อนเนื้อประหลาดคนหนึ่งจะแบกรับตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไปแห่งสำนักเทียนจีได้อย่างไร นี่อาจจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของสำนักเทียนจีไปเลยก็ได้ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังพูดคุยกันนั้น หัวคิ้วของซูจิ่งสิงได้ขมวดเข้าหากัน“มีคนตามอยู่ด้านหลัง”สิ้นสุดเส
ดูท่าทางจะมีนิสัยหยาบช้า เป็นคนต่ำต้อย”กู้หว่านเยว่คิดถูก สวีซวี่รื่อผู้นี้อาฆาตพยาบาทเช่นนี้ หากสำนักเทียนจีตกอยู่ในกำมือของเขาจริง ๆ เกรงว่าต่อไปเขาจะต้องควบคุมสำนักเทียนจีให้มาสู้รบกับพวกเขาเป็นแน่แทนที่จะรอถึงวันนั้น ไม่สู้ชิงลงมือก่อน“ท่านพี่ ท่านรู้หรือไหมว่าสำนักเทียนจีอยู่แห่งหนไหน?”“สำนักเทียนจีห่างจากเราไม่ไกลนัก ออกเดินทางจากที่นี่ ใช้เวลาประมาณสามถึงห้าวันก็ถึงที่หมายแล้ว”เขาเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันที“เจ้าคิดจะแทรกแซงการคัดเลือกเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีด้วยใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ชอบล้างแค้นมาแต่ไหนแต่ไร หากผู้อื่นไม่ยั่วยุนาง นางก็ไม่มีทางยั่วยุผู้อื่นสวีซวี่รื่อผู้นี้กล้าส่งนักฆ่ามาฆ่านาง ก็อย่ามาโทษว่านางตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำลายความปรารถนาของเขาก็แล้วกัน“ก็ดี แต่พวกเราจะบุ่มบ่ามบุกไปเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่สำนักเทียนจีก่อน”“เรื่องนี้จะรีบไม่ได้ รอให้ท่านและไป๋หลี่ชิงซีเจอกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”กู้หว่านเยว่โบกมือ นางไม่ใช่คนใจร้อนอีกอย่าง เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีผู้นั้นก็แค่ล้มป่วย ตอนนี้ยังไม่ตายเสียหน่อยสองสามีภร
“ท่านอาจารย์ป่วยหนักแล้วหรือ?!”สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ไป๋หลี่ชิงซีกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อยคราวนี้สองสามีภรรยาก็รู้สึกงุนงง“ท่านไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ?”“ไม่รู้เลย”สีหน้าของไป๋หลี่ชิงซีดูร้อนรน จึงรีบเรียกหลี่เหมียนหยางเข้ามา หลี่เหมียนหยางได้ยินบทสนทนาของทั้งสามคนที่หน้าประตูตั้งนานแล้ว ตอนที่เข้ามาสีหน้าของนางจึงดูรู้สึกผิดอย่างมากไป๋หลี่ชิงซีเห็นสีหน้าเช่นนั้นของนาง ก็รู้สึกใจหายวาบ“ท่านอาจารย์ป่วยหนักจริง ๆ หรือ?”“อืม”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลี่เหมียนหยางก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป“ท่านเจ้าสำนักสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อน ข้าตั้งใจจะบอกท่าน แต่ท่านเจ้าสำนักบอกว่าท่านกำลังไปตามหาหมออยู่ข้างนอก หากรู้เข้าคงจะรีบกลับมาแน่ ๆ ดังนั้นท่านจึงสั่งข้าว่าอย่าบอกท่าน กลัวว่าจะทำให้การรักษาตัวของท่านต้องล่าช้า”ครึ่งปีก่อน สภาพร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีก็ย่ำแย่มากเช่นกัน ท้องที่ใหญ่โตทำให้เขาต้องนั่งรถเข็นเป็นเวลานาน แม้แต่แรงที่จะลุกจากเตียงก็ไม่มี“ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ”ไป๋หลี่ชิงซีเป็นเด็กกำพร้า หลี่เหมียนหยางรู้ดีว่าเจ้าสำนักมีความหมายต่อเขาอย่างไรแต่นางก็เห็นแก่ตั
เมื่อทุกคนตกลงวันออกเดินทางกันได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หยิบกาน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากด้านหลัง“นี่คือยาที่ข้าปรุงขึ้นมา สามารถเสริมสร้างร่างกายและช่วยสมานแผลได้ ให้ท่าน หากท่านว่าง ๆ ก็ดื่มให้เยอะหน่อย”ไป๋หลี่ชิงซีไม่รู้ว่าในกานี้บรรจุน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ไว้ แต่คิดดูแล้วก็รู้ว่ายานี้ต้องมีค่ามาก จึงรีบรับไว้ด้วยสองมือ“ขอบคุณมาก”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย “ท่านเป็นเพื่อนของท่านพี่ ก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้าเช่นกัน ระหว่างเพื่อนไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”“อืม” ไป๋หลี่ชิงซีเหลือบมองซูจิ่งสิงแวบหนึ่ง สายตาของบุรุษทั้งสองประสานกันกลางอากาศ คำพูดมากมายอยู่ในความเงียบงันไป๋หลี่ชิงซีละสายตาพลางหัวเราะอย่างขมขื่น หากสามีของกู้หว่านเยว่มิใช่ซูจิ่งสิง เขาจะต้องพยายามเพื่อตัวเองสักครั้งตอนนี้ ก็ทำได้เพียงมองแล้วซูจิ่งสิงก็ไม่ใช่คนใจแคบ น้องหญิงยอดเยี่ยมเช่นนี้ บุรุษส่วนใหญ่ที่พบเห็นก็ล้วนเกิดความรักใคร่ชื่นชมจะทำอย่างไรได้เล่า ก็ได้แต่ดูแลน้องหญิงให้ดีที่สุด พยายามอย่าให้ถูกกองทัพผู้ที่หมายปองเหล่านั้นแย่งชิงไป!“เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้ดี พวกเราจะไม่รบกวนแล้ว”
หลังจากที่สองสามีภรรยาออกจากบ้านซุนมู่เจี้ยงแล้ว ก็แวะไปที่ตลาด กู้หว่านเยว่ซื้อผ้ามาหลายผืนนับตั้งแต่จ้านจ้านเกิดมา หมวกเสือ รองเท้าเสือ รวมถึงเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เขาสวมใส่ ล้วนเป็นฝีมือของซูจิ่นเอ๋อร์และนางหยาง ส่วนซ่งเสวี่ยก็ส่งของมาให้บ่อย ๆ แต่กู้หว่านเยว่ผู้เป็นมารดา ยังไม่เคยเย็บเสื้อผ้าให้ลูกชายสักชิ้น คิดแล้วก็รู้สึกละอายใจช่วงนี้มีเวลาว่าง นางเกิดนึกอยากจะเย็บหมวกเสือให้ลูกชายสักใบ“ทุกวันเจ้าก็มีงานมากพอแล้ว หากทำงานเย็บปักถักร้อยอีก จะทำให้เสียสายตา” ซูจิ่งสิงเป็นห่วงนางกู้หว่านเยว่ส่ายหัว “ท่านไม่เข้าใจ”ผู้เป็นแม่ก็อยากจะทำอะไรให้ลูกบ้าง เวลาที่นางได้อยู่กับจ้านจ้านก็น้อยอยู่แล้ว“ก็ได้ ๆ ข้าไม่เข้าใจ” ซูจิ่งสิงไม่สามารถทำอะไรนางได้ ทำได้เพียงยิ้มอย่างเอ็นดู “เจ้าอย่าฝืนตัวเองก็พอ”“ท่านก็อย่าอยู่เฉย ๆ ถึงตอนนั้นบนหมวกเสือของข้าจะต้องมีไข่มุกแม่น้ำแมนจูเรียนเม็ดโต ๆ สองเม็ด ภารกิจนี้มอบหมายให้ท่าน”“รับทราบ”ซูจิ่งสิงทำท่าทางเลียนแบบบ่าวรับใช้ ทำให้กู้หว่านเยว่ปิดปากหัวเราะเบา ๆ ทั้งสองคนซื้อผ้าเสร็จแล้วก็ตั้งใจจะกลับบ้าน หงเจาก็รีบร้อนเข้ามารายงาน“ฮ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”กู้หว่านเยว่จูงมือเนี่ยชิงหลานเข้าไปอย่างเงียบ ๆ คนข้างหลังกัดริมฝีปาก“ไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากเข้าไปดูนาง” แท้จริงแล้วไม่อยากเห็นทั้งสองคนรักกันหวานชื่นต่างหาก“ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง” กู้หว่านเยว่เตือนขึ้นมาประโยคหนึ่งนางเชื่อว่าเนี่ยชิงหลานไม่ได้ผลักเซี่ยเหอ แต่ถ้าไม่ทำให้เรื่องนี้กระจ่าง ต่อไปถ้าเซี่ยเหอพูดถึงเรื่องลูกอีก ก็จะต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเนี่ยชิงหลานที่ทำให้นางแท้งลูก นานวันเข้าหลักฐานก็จะหายไป“พระชายาพูดถูก”เนี่ยเติ้งพยักหน้าเห็นด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาส่งคนไปตามกู้หว่านเยว่ที่จวนกู้ เขารู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความรู้ทางการแพทย์“ก็ได้”เนี่ยชิงหลานเดินตามทุกคนเข้าไป แต่พอเข้าไปก็เห็นเซี่ยเหอกำลังซบลงบนไหล่ของเฉิงเซวียนร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด“คุณหนูเนี่ย ข้าคิดว่าข้าไม่เคยล่วงเกินเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้?” เซี่ยเหอพอเห็นเนี่ยชิงหลานก็อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที“ข้าแท้งลูกไปแล้ว คุณหนูเนี่ย ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่ เจ้าแท้งลูกแล้ว มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” เนี่ยชิงหลานก็เป
“ผ่อนคลายไปทั้งตัว”เยียนอวิ๋นชูยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า แม้ว่าตอนนี้เขายังเดินเหมือนคนปกติไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายรู้สึกสบายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ถูกพิษ ไม่รู้สึกกระสับกระส่ายและกดดันอีกต่อไป แม้แต่จิตใจก็ยังเบิกบานขึ้นมาก“ดี เดี๋ยวข้าจะเขียนใบสั่งยาเพื่อบำรุงร่างกายให้ท่าน”หลังจากตื่นแล้ว กู้หว่านเยว่ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของซูจิ่งสิงเขามุ่งหน้าไปส่งจดหมายที่เมืองอูถ่านตามลำพัง และไม่รู้ว่าได้พบกับเยียนสือซานหรือไม่เช่นเดียวกับกู้หว่านเยว่ เยียนอวิ๋นชูก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายของตัวเองเช่นกัน กลัวว่าเขาจะตกหลุมพรางของเหยลวี่เจิงทั้งสองตัดสินใจทันทีว่าจะรับประทานอาหารกลางวันบนรถม้า ตอนนี้พวกเขาจะไปเก็บสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังเมืองอูถ่านทันที“ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่จะเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเป็นกังวล เสี่ยวถ่านจับจ้องไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาจนทั่วหล้าต้องขุ่นเคืองของเขา พลางถามอย่างอ่อนแรง“พี่รอง ควรอำพรางตัวให้พี่รองเยียนด้วยหรือไม่?ท่านดูสิเขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ออกไปเดินบนท้องถนนต้องดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายเป็นแน่ ทัน
เยียนอวิ๋นชูน่าสงสารนัก กู้หว่านเยว่ก็ใจอ่อนในชั่วพริบตา“เชื่อข้าเถอะ พิษในร่างกายของท่านจะถูกขับออกมาแน่นอน ต่อไปท่านจะไม่สูญเสียการควบคุมอีกแล้วแต่ขาของท่าน เนื่องจากไม่ได้เดินมานานเกินไป อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี จึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”“นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ”เยียนอวิ๋นชูก็ไม่ได้คาดหวังว่าขาของเขาจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืนพิการมานานสิบกว่าปี ได้มีความหวังที่จะยืนขึ้นได้อีกครั้ง สำหรับเขาก็เป็นพรอันยิ่งใหญ่แล้วเขาดื่มยาหม้อหมดในคราเดียวในไม่ช้า ความไม่สบายก็เข้ามาภายในร่างกาย“ยาหม้อนี้มีสรรพคุณในการล้างพิษ ต่อไปท่านอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อาจถึงขั้นมีไข้สูง แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน”กู้หว่านเยว่หยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นระเบียบขั้นตอน ราวกับว่ามองเห็นเหตุการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้วน้ำเสียงสุขุมของนาง ทำให้จิตใจที่ไม่เป็นสุขของเยียนอวิ๋นชูสงบลงมากร่างกายเจ็บปวดมากเกินไป เขาจึงพยายามหลับตาทั้งสอง ข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาดั่งสายฝนกู้หว่านเยว่ถือผ้าขนหนูไว้ คอยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างอดทน เมื่อพบว่าเขาทนไม่ไ
ความคิดของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปโดยพลัน เขาไม่คิดว่ากู้หว่านเยว่ จะหลอกลวงเขาในเรื่องแบบนี้ แสดงว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษจริง ๆ และพิษนี้เริ่มตั้งแต่ขาทั้งสองของเขายืนไม่ได้ อย่างน้อยก็สิบกว่าปีแล้วเยียนอวิ๋นชูนึกย้อนกลับไปในหัวใครกันที่สามารถวางยาพิษเขาได้ในช่วงเวลานั้น แต่กลับไม่ได้อะไรเลย เวลามันเนิ่นนานเกินไปแล้วเขารู้ว่า ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การตามหาคนที่วางยาพิษ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการล้างพิษในร่างกายของเขา“เจ้า เจ้าล้างพิษในร่างกายของข้าได้ไหม?”“ตอนนี้รู้จักขอร้องข้าแล้วหรือ เมื่อครู่ยังหน้าซีดรีบร้อนขับไล่ข้าออกไปมิใช่หรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตายั่วเย้า ใช้น้ำเสียงหยอกล้อ ทำให้เยียนอวิ๋นชูหน้าแดง แทบจะพาลโกรธเอาดื้อ ๆ อีกครั้ง“เจ้า...”เมื่อเห็นเขากัดริมฝีปาก กู้หว่านเยว่ก็หัวเราะคิกคัก“เอาล่ะ ข้าแค่หยอกล้อท่านเฉย ๆ ข้าสามารถล้างพิษได้ วางใจเถิด”นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใบหน้าหล่อเหลาอยู่แล้ว ในเวลานี้ได้เผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมาอย่างฉับพลันเยียนอวิ๋นชูตกตะลึงไปชั่วขณะ มองดูใบหน้าที่เปล่งประกายของนาง รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นแรงเขารีบกุมหัวใจเอาไว้ แล
เซียวหลิ่นหลีกทางให้โดยจิตใต้สำนึก กู้หว่านเยว่กำลังจะจับมือของเยียนอวิ๋นชู แต่ฝ่ายหลังกลับดันรถเข็นถอยหลังอย่างไม่คาดคิดปากก็ยังด่าทอเสียงดัง“ไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้าหรือ ปล่อยข้าไว้คนเดียวให้สงบสติอารมณ์สักพัก รีบออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”เยียนอวิ๋นชูคำรามลั่น ใบหน้าหล่อเหยเกเล็กน้อย คำพูดที่เอ่ยออกมาแย่มากจนทำให้มุมปากของเซียวหลิ่นกระตุก“คุณชายรอง!”คุณชายรองเกิดลมบ้าหมูอะไรขึ้นมา จอมยุทธหนุ่มท่านนี้เมื่อครู่สามารถใช้เข็มเงินนั่นฆ่าใครก็ได้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านี่คือบุคคลที่มีทักษะทางการแพทย์สูงมาก หวังดีจะช่วยชีวิตเขา เหตุใดเขาถึงยังด่าทออย่างรุนแรง?“จอมยุทธหนุ่ม ขอโทษด้วยจริง ๆ”เซียวหลิ่นรีบขอโทษกู้หว่านเยว่ หวังว่านางจะใจกว้างไม่ถือสาคนต่ำทรามและกู้หว่านเยว่ก็มองดูท่าทางต่อต้านของเยียนอวิ๋นชู ครุ่นคิดเล็กน้อยก็รู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร“ท่านผู้นี้ ช่างดื้อรั้นเสียจริง!”เขาคงกลัวว่าจะสูญเสียการควบคุมและทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงพูดจาดุดันเพราะต้องการขับไล่นางออกไป ทั้ง ๆ ที่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังดึงดันที่จะแสร้ง
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ