“ขอบคุณมาก พวกเราจะจำข่าวนี้ไว้”ถ่านหินหรือ พวกนางต้องการมากจริงๆกู้หว่านเยว่เองก็ไม่อิดออด นำกระดาษกับพู่กันออกมาให้มู่หรงฝูเขียนข้อมูลที่แน่ชัดของถ่านหินออกมาทันที“งั้นข้าไปก่อนนะ”หลังจากมู่หรงฝูเขียนเสร็จ ก็วางพู่กันลงแล้วจากไปอย่างรู้ตัว“ของสิ่งนี้จะตกอยู่ในมือราชวงศ์ไม่ได้”กู้หว่านเยว่ยื่นกระดาษให้ซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงพยักหน้า“น้องหญิงวางใจเถอะ ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”เขาจากไปอย่างรวดเร็ว กู้หว่านเยว่กลับรีบออกไปตรวจตราร้านดอกท้อกับบ้านสวนหลังจากแน่ใจว่าทุกอย่างไม่มีสิ่งใดผิดปกติ นางจึงกลับไปในมิติ แล้วจัดเตรียมของขวัญแต่งงานให้ซ่งเสวี่ยต่อไปตอนอาหารเย็น ซ่งเสวี่ยพานานนานมาเยี่ยมนาง โจวเซิงเองก็ตามมาด้วยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ใบหน้าเขามีความสง่าองอาจเพิ่มขึ้น“ท่านอ๋องล่ะ?”โจวเซิงมองดูหนึ่งรอบ ไม่เห็นซูจิ่งสิงจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากเขาไม่ดวงซวยอีกแล้ว คิดจะช่วยซูจิ่งสิงทำอะไรบ้าง“ออกไปแล้ว พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาหาเขา”กู้หว่านเยว่ยื่นมือมาอุ้มนานนานไป พร้อมหอมแก้มนาง“แม่บุญธรรม! แม่บุญธรรมสวย!” เสียงอ้อแอ้ของนานนานหวานใส มุมปากมีลักยิ้มน้อยหนึ่
“ฮูหยิน เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”หงเจาสีหน้าย่ำแย่กดเสียงลงต่ำ “คนสกุลกู้กระจายข่าวลือที่ร้านน้ำชา บอกว่าท่านอกตัญญู ไม่สนใจสกุลฝั่งมารดาว่าจะเป็นหรือตายเจ้าค่ะ”“พวกเขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” ชิงเหลียนอยู่ใกล้ จึงโมโหไม่น้อยคนสกุลกู้ก็หน้าด้านเกินไปแล้ว ถูกขับออกไปแล้ว ยังกล้ากระจายข่าวลืออีก“เกิดอะไรขึ้น?”ซ่งเสวี่ยหันมองกู้หว่านเยว่อย่างกังวล อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ข้าจัดการได้”นางไม่อยากทำลายอารมณ์ของซ่งเสวี่ย นวดขมับแล้วให้ชิงเหลียนเตรียมม้า“ถ้างั้นข้ากลับไปก่อน มีเรื่องใดให้ช่วยเหลือบอกข้าได้เลย” ซ่งเสวี่ยไม่สะดวกซักไซ้ จึงอุ้มนานนานและกลับไปพร้อมโจวเซิงกู้หว่านเยว่นั่งรถม้ามาถึงร้านน้ำชา ยังไม่ทันลงจากรถม้าก็ได้ยินกู้ถิงว่าร้ายนางอยู่ด้านใน“ฮูหยิน ที่นี่มีคนล้อมอยู่มากเจ้าค่ะ”สายตาหงเจากังวล คนสกุลกู้อำมหิตเกินไปแล้ว เลือกสถานที่ซึ่งมีคนผ่านไปมาเยอะโดยเฉพาะ“กู้หว่านเยว่มาแล้ว”กู้หว่านหรูตาแหลมสังเกตเห็นรถม้าของจวนตระกูลกู้ จึงรีบเดินไปที่รถม้า“พี่หญิง ในที่สุดท่านก็ยอมมาสักที”นางแสร้งทำท่าปาดน้ำตา “ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน เจ้าจะไม่ช่วยเหลือกันได้อ
“เจ้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”ผู้อาวุโสสูงสุดอายุมากแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนาง จึงยืนลังเลไม่กล้าเข้าไป เขากลัวร่างกายแก่ชรานี้จะรับไม่ไหว“รีบปล่อยนางเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสสูงสุดคิดจะเจรจา กู้หว่านหรูร้องโวยวายเสียงดัง“นางแพศยา เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายข้าต่อหน้าผู้คนมากมายเชียวหรือ”กู้หว่านเยว่รู้สึกน่าขัน ขณะนี้รอบด้านมีคนมุงกันเข้ามามากมาย นางกลับไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา“เจ้าคิดอย่างไรถึงนึกว่าข้าสนใจสายตาของพวกเขา?”นางชูฝ่ามือขึ้น แล้วฟาดฝ่ามือลงมาอย่างแรงใส่ใบหน้ากู้หว่านหรูครั้งนี้ นางตบลงมาจนเลือดออก“ยังกล้าข่มขู่ข้าอีก เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใคร?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่เกลียดที่สุดในชีวิตคือถูกผู้อื่นข่มขู่“อยากได้ตั๋วเงินสองหมื่นตำลึงหรือ ไปกินขี้ซะเถอะเจ้า”กู้หว่านเยว่ฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง จนทำให้กู้หว่านหรูตัวหมุนวนอยู่ที่เดิมสามรอบ แล้วล้มลงบนพื้น“เจ้า” กู้หว่านหรูเอามือกุมหน้าร้องห่มร้องไห้“ทุกคนรีบมาดูเร็ว ข้าไม่ได้โกหก พระชายาเจิ้นเป่ยตบตีน้องสาวแท้ๆ นางอกตัญญูไม่ฟังคำสั่ง ทุกคนรีบมาดูหน้าใจดำอำมหิตของนางเร็ว”“ถูกต้อง”กู้ถิงชี้หน้ากู้หว่านเยว่แล้
“น้องหว่านหรู เจ้าไม่เป็นไรนะ?”กู้ถิงโอบนางเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างสงสาร ช่างลำบากเขาเสียจริง เวลาอย่างนี้ยังทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม“ท่านพี่รีบช่วยข้าเร็ว” กู้หว่านหรูใกล้จะบ้าแล้ว ไข่เน่าหลายใบถูกขว้างใส่ตัวนาง“ไม่ต้องกลัว หลบอยู่ในอ้อมกอดข้า” กู้ถิงรีบถอดเสื้อออกแล้วคลุมตัวนางไว้ผู้อาวุโสสูงสุดกระทืบเท้า“ขายหน้า น่าขายหน้ายิ่งนักแผนบ้าบออะไรกัน ทำให้ข้าเสียหน้าป่นปี้หมดแล้ว”แผนการนี้เป็นความคิดของกู้หว่านหรู เดิมทีกู้หว่านหรูก็น่าสงสารมากแล้ว ตอนนี้ยังถูกผู้อาวุโสสูงสุดต่อว่า จึงมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้นเมื่อเห็นชาวบ้านที่มารุมล้อมต่างโมโห โยนสิ่งของต่าง ๆ นานาใส่พวกเขา ทั้งสามคนไม่กล้าอยู่ต่อ รีบกุมหัวหนีไปทันที“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่อย่างสงสาร คนสกุลกู้พวกนี้ช่างเลวทรามยิ่งนักกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร”“พระชายา สิ่งนี้ให้ท่าน”จู่ ๆ ยายแก่เมื่อครู่ยื่นขนมให้หนึ่งกล่อง “นี่คือขนมที่ข้าทำเอง”“จะรับไว้ได้อย่างไร?” กู้หว่านเยว่ดูออกว่ายายแก่อยากปลอบใจนาง“พระชายาไม่ต้องเสียใจ แม้ท่านจะมีคนสกุลมารดาเช่นนี้ แต่เจดีย์หนิงกู
“หลังผ่านเรื่องในวันนี้ พวกเขาคงกล้าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกแล้ว”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด รู้สึกไม่ค่อยวางใจ จึงให้คนติดตามพวกเขา“น้องหญิง ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะยืนอยู่ข้างกายเจ้า”ซูจิ่งสิงแสดงท่าทีชัดเจน“หากเจ้าตัดสินใจแตกหักกับคนสกุลกู้อย่างสิ้นเชิง ข้าเองก็พร้อมสนับสนุนเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ขอบคุณท่านพี่มาก”รอยยิ้มของนางหวานละไม ทันใดนั้นมีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา“พี่หว่านเยว่ ท่านอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว อาจารย์บอกว่ามีธุระด่วนต้องการพบท่าน”ลั่วยางหายใจหอบ น้ำเสียงร้อนใจ น่าจะพบผู้ป่วยที่รักษาได้ยาก“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่ตอบรับ หลังจากกลับมานางยังไม่เคยไปทักทายหมอปีศาจ ถือโอกาสนี้ไปพบหมอปีศาจสักหน่อย“มาทางนี้” ลั่วยางนำทางอยู่ข้างหน้า ในไม่ช้าพวกนางมาถึงหน้าร้านขายยาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งลั่วยางอธิบาย “ตั้งแต่หุบเขาราชาโอสถเปิด มีผู้ป่วยทยอยเดินทางมามากมาย ดังนั้นพวกเราจึงสร้างร้านยาขึ้นในเมืองอวี้ด้วย เพื่อสะดวกแก่การรักษา”กู้หว่านเยว่มองร้านขายยาตรงหน้า เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว นึกไม่ถึงว่าหมอปีศาจจะลงมือรวดเร็ว เพียงไม่นานก็สร้างร้านขายยาขึ้นมาแล
หมอปีศาจชี้ไปที่ท้องของชายหนุ่ม ท้องนั่นราวกับตั้งครรภ์แปดเดือน แต่บุรุษคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร?เขารู้สึกน่าเหลือเชื่อ แรกเดิมนึกว่าในท้องของชายหนุ่มมีสิ่งใดเติบโตขึ้น ท่วาหลังจากเขาตรวจชีพจรแล้ว กลับเป็นชีพจรตั้งท้องบุรุษมีชีพจรตั้งท้อง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ หมอปีศาจตัดสินใจไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ลั่วยางรีบไปเรียกกู้หว่านเยว่มาดู“ข้าตรวจดูก่อน”กู้หว่านเยว่นำบันทึกการรักษาของหมอปีศาจมาอ่านอย่างละเอียด จากนั้นสายตามองไปที่ชายหนุ่มในใจนางพอจะตัดสินใจได้แล้ว“ท้องของเจ้าโตมานานแล้วใช่หรือไม่?”“ใช่”ดวงตาชายหนุ่มหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของนางไพเราะเหมือนรูปที่งามหญิงสาวกลับร้อนใจ จึงกล่าวหน้าแดง“ยัยเด็กอย่างเจ้าเป็นใครอีก? ข้าว่าโรงหมอของพวกเจ้ารักษาคนไข้อย่างไรกัน? ทำไมถึงมีคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามามากขนาดนี้”นางราวกับกลัวอะไรบางอย่าง จึงทำท่าปกป้องชายหนุ่ม ทำให้กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อาการของสามีเจ้าซับซ้อนเล็กน้อย ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นหมอของหุบเขาราชาโอสถ เหตุใดจึงเข้ามาดูพร้อมกันไม่ได้?”กู้หว่านเยว่มองนางเยือกเย็น สำหรับญาติผู้ป่วยที่ไร้เหตุผลเช่
“พวกเจ้า” หลี่เหมียนหยางอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อถูกไป๋หลี่ชิงซีถลึงตาใส่ จึงรีบหุบปากทันทีกู้หว่านเยว่เลิกคิ้วงาม หากนางฟังไม่ผิด หญิงเมื่อครู่เรียกคนตรงหน้านี้ว่าคุณชายเป็นคนที่สถานะไม่ธรรมดาอีกแล้ว นางเลิกคิ้วอีกครั้ง“เป็นอย่างไร เจ้าตรวจพบโรคของข้าหรือไม่?”ไป๋หลี่ชิงซีร้อนใจไม่น้อย เขาถูกโรคนี้ทรมานมาหลายปีแล้ว“อืม ชีพจรของเจ้าคือตั้งครรภ์” กู้หว่านเยว่เก็บมือกลับไป ไป๋หลี่ชิงซีสีหน้าสิ้นหวัง“ชีพจรตั้งครรภ์ จะเป็นชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างไร เหตุใดหมอที่ตรวจข้าทุกคนล้วนพูดเช่นนี้?”เขาแทบคลุ้มคลั่ง “ข้าเป็นบุรุษคนหนึ่งนะ”หลี่เหมียนหยางเห็นดังนั้นสงสารไป๋หลี่ชิงซีจับใจ จากนั้นมองกู้หว่านเยว่อย่างโกรธแค้น“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าเป็นหมอไม่เอาไหน บุรุษจะมีชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างไร บุรุษจะคลอดลูกได้อย่างไร?”“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าเขาจะคลอดลูก?” กู้หว่านเยว่กลอกตา“ชีพจรตั้งครรภ์แปลว่าจะคลอดลูกไม่ใช่หรือ?”ก่อนหน้านี้หมอไม่เอาไหนพวกนั้นล้วนพูดเหมือนกัน หลี่เหมียนหยางจึงโมโหอย่างเหลืออด“ชีพจรก็คือชีพจร ไม่ได้แปลว่าตั้งครรภ์จริง พี่ชิงซีของเจ้าเป็นบุรุษคนหนึ่ง”ไป๋หลี่ชิงซ
“เปล่า ตั้งแต่โบราณ เจ้าเคยเห็นชายใดคลอดลูกหรือ?”กู้หว่านเยว่ทำอ้อมค้อม ทำให้หมอปีศาจร้อนใจกว่าเดิม“เพราะไม่เคยเห็น ข้าเลยไม่กล้าวินิจฉัยเช่นนั้น ถึงได้ให้ลั่วยางไปเรียกเจ้ามา”เขาร้อนใจมากจริง ๆ “ยัยหนูตัวแสบ รีบบอกข้าเร็วเข้าเถอะ!”อาการของโรคที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อยกู้หว่านเยว่ไม่อ้อมค้อมต่อไป ทำสีหน้าจริงจังขึ้น “ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินครรภ์กาฝากหรือไม่?”หมอปีศาจแทบหยุดหายใจ “ไม่เคยได้ยิน”กู้หว่านเยว่นำกระดาษกับพู่กันออกมา แล้ววาดภาพอธิบายให้หมอปีศาจเข้าใจ“ครรภ์กาฝาก เรียกอีกอย่างว่าครรภ์ในครรภ์ผู้อาวุโสน่าจะรู้ดี เมื่อหญิงคลอดลูก ส่วนมากจะเป็นครรภ์เดียวแต่ก็มีครรภ์แฝดสอง กระทั่งครรภ์แฝดสาม”“ถูกต้อง”หมอปีศาจลูบเครา แม้เขาจะไม่สันทัดเรื่องภายใน แต่วิชาแพทย์ล้วนเชื่อมโยงกัน การที่หญิงคลอดครรภ์แฝดไม่ใช่เรื่องผิดปกติกู้หว่านเยว่อธิบายต่อ “ครรภ์กาฝากที่ว่าคือครรภ์แฝดในยามอยู่ในครรภ์มารดา จะมีคนหนึ่งแข็งแรงคนหนึ่งอ่อนแอ คนที่แข็งแรงดูดซับคนที่อ่อนแอเข้าไปในร่าง”นางข้ามผ่านศัพท์ในยุคปัจจุบัน อธิบายอย่างพอสังเขป“พูดอีกอย่างก็คือ เด็กในท้องของช
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย