“เจ้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”ผู้อาวุโสสูงสุดอายุมากแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนาง จึงยืนลังเลไม่กล้าเข้าไป เขากลัวร่างกายแก่ชรานี้จะรับไม่ไหว“รีบปล่อยนางเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสสูงสุดคิดจะเจรจา กู้หว่านหรูร้องโวยวายเสียงดัง“นางแพศยา เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายข้าต่อหน้าผู้คนมากมายเชียวหรือ”กู้หว่านเยว่รู้สึกน่าขัน ขณะนี้รอบด้านมีคนมุงกันเข้ามามากมาย นางกลับไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา“เจ้าคิดอย่างไรถึงนึกว่าข้าสนใจสายตาของพวกเขา?”นางชูฝ่ามือขึ้น แล้วฟาดฝ่ามือลงมาอย่างแรงใส่ใบหน้ากู้หว่านหรูครั้งนี้ นางตบลงมาจนเลือดออก“ยังกล้าข่มขู่ข้าอีก เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใคร?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่เกลียดที่สุดในชีวิตคือถูกผู้อื่นข่มขู่“อยากได้ตั๋วเงินสองหมื่นตำลึงหรือ ไปกินขี้ซะเถอะเจ้า”กู้หว่านเยว่ฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง จนทำให้กู้หว่านหรูตัวหมุนวนอยู่ที่เดิมสามรอบ แล้วล้มลงบนพื้น“เจ้า” กู้หว่านหรูเอามือกุมหน้าร้องห่มร้องไห้“ทุกคนรีบมาดูเร็ว ข้าไม่ได้โกหก พระชายาเจิ้นเป่ยตบตีน้องสาวแท้ๆ นางอกตัญญูไม่ฟังคำสั่ง ทุกคนรีบมาดูหน้าใจดำอำมหิตของนางเร็ว”“ถูกต้อง”กู้ถิงชี้หน้ากู้หว่านเยว่แล้
“น้องหว่านหรู เจ้าไม่เป็นไรนะ?”กู้ถิงโอบนางเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างสงสาร ช่างลำบากเขาเสียจริง เวลาอย่างนี้ยังทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม“ท่านพี่รีบช่วยข้าเร็ว” กู้หว่านหรูใกล้จะบ้าแล้ว ไข่เน่าหลายใบถูกขว้างใส่ตัวนาง“ไม่ต้องกลัว หลบอยู่ในอ้อมกอดข้า” กู้ถิงรีบถอดเสื้อออกแล้วคลุมตัวนางไว้ผู้อาวุโสสูงสุดกระทืบเท้า“ขายหน้า น่าขายหน้ายิ่งนักแผนบ้าบออะไรกัน ทำให้ข้าเสียหน้าป่นปี้หมดแล้ว”แผนการนี้เป็นความคิดของกู้หว่านหรู เดิมทีกู้หว่านหรูก็น่าสงสารมากแล้ว ตอนนี้ยังถูกผู้อาวุโสสูงสุดต่อว่า จึงมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้นเมื่อเห็นชาวบ้านที่มารุมล้อมต่างโมโห โยนสิ่งของต่าง ๆ นานาใส่พวกเขา ทั้งสามคนไม่กล้าอยู่ต่อ รีบกุมหัวหนีไปทันที“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่อย่างสงสาร คนสกุลกู้พวกนี้ช่างเลวทรามยิ่งนักกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร”“พระชายา สิ่งนี้ให้ท่าน”จู่ ๆ ยายแก่เมื่อครู่ยื่นขนมให้หนึ่งกล่อง “นี่คือขนมที่ข้าทำเอง”“จะรับไว้ได้อย่างไร?” กู้หว่านเยว่ดูออกว่ายายแก่อยากปลอบใจนาง“พระชายาไม่ต้องเสียใจ แม้ท่านจะมีคนสกุลมารดาเช่นนี้ แต่เจดีย์หนิงกู
“หลังผ่านเรื่องในวันนี้ พวกเขาคงกล้าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกแล้ว”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด รู้สึกไม่ค่อยวางใจ จึงให้คนติดตามพวกเขา“น้องหญิง ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะยืนอยู่ข้างกายเจ้า”ซูจิ่งสิงแสดงท่าทีชัดเจน“หากเจ้าตัดสินใจแตกหักกับคนสกุลกู้อย่างสิ้นเชิง ข้าเองก็พร้อมสนับสนุนเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ขอบคุณท่านพี่มาก”รอยยิ้มของนางหวานละไม ทันใดนั้นมีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา“พี่หว่านเยว่ ท่านอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว อาจารย์บอกว่ามีธุระด่วนต้องการพบท่าน”ลั่วยางหายใจหอบ น้ำเสียงร้อนใจ น่าจะพบผู้ป่วยที่รักษาได้ยาก“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่ตอบรับ หลังจากกลับมานางยังไม่เคยไปทักทายหมอปีศาจ ถือโอกาสนี้ไปพบหมอปีศาจสักหน่อย“มาทางนี้” ลั่วยางนำทางอยู่ข้างหน้า ในไม่ช้าพวกนางมาถึงหน้าร้านขายยาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งลั่วยางอธิบาย “ตั้งแต่หุบเขาราชาโอสถเปิด มีผู้ป่วยทยอยเดินทางมามากมาย ดังนั้นพวกเราจึงสร้างร้านยาขึ้นในเมืองอวี้ด้วย เพื่อสะดวกแก่การรักษา”กู้หว่านเยว่มองร้านขายยาตรงหน้า เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว นึกไม่ถึงว่าหมอปีศาจจะลงมือรวดเร็ว เพียงไม่นานก็สร้างร้านขายยาขึ้นมาแล
หมอปีศาจชี้ไปที่ท้องของชายหนุ่ม ท้องนั่นราวกับตั้งครรภ์แปดเดือน แต่บุรุษคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร?เขารู้สึกน่าเหลือเชื่อ แรกเดิมนึกว่าในท้องของชายหนุ่มมีสิ่งใดเติบโตขึ้น ท่วาหลังจากเขาตรวจชีพจรแล้ว กลับเป็นชีพจรตั้งท้องบุรุษมีชีพจรตั้งท้อง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ หมอปีศาจตัดสินใจไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ลั่วยางรีบไปเรียกกู้หว่านเยว่มาดู“ข้าตรวจดูก่อน”กู้หว่านเยว่นำบันทึกการรักษาของหมอปีศาจมาอ่านอย่างละเอียด จากนั้นสายตามองไปที่ชายหนุ่มในใจนางพอจะตัดสินใจได้แล้ว“ท้องของเจ้าโตมานานแล้วใช่หรือไม่?”“ใช่”ดวงตาชายหนุ่มหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของนางไพเราะเหมือนรูปที่งามหญิงสาวกลับร้อนใจ จึงกล่าวหน้าแดง“ยัยเด็กอย่างเจ้าเป็นใครอีก? ข้าว่าโรงหมอของพวกเจ้ารักษาคนไข้อย่างไรกัน? ทำไมถึงมีคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามามากขนาดนี้”นางราวกับกลัวอะไรบางอย่าง จึงทำท่าปกป้องชายหนุ่ม ทำให้กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อาการของสามีเจ้าซับซ้อนเล็กน้อย ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นหมอของหุบเขาราชาโอสถ เหตุใดจึงเข้ามาดูพร้อมกันไม่ได้?”กู้หว่านเยว่มองนางเยือกเย็น สำหรับญาติผู้ป่วยที่ไร้เหตุผลเช่
“พวกเจ้า” หลี่เหมียนหยางอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อถูกไป๋หลี่ชิงซีถลึงตาใส่ จึงรีบหุบปากทันทีกู้หว่านเยว่เลิกคิ้วงาม หากนางฟังไม่ผิด หญิงเมื่อครู่เรียกคนตรงหน้านี้ว่าคุณชายเป็นคนที่สถานะไม่ธรรมดาอีกแล้ว นางเลิกคิ้วอีกครั้ง“เป็นอย่างไร เจ้าตรวจพบโรคของข้าหรือไม่?”ไป๋หลี่ชิงซีร้อนใจไม่น้อย เขาถูกโรคนี้ทรมานมาหลายปีแล้ว“อืม ชีพจรของเจ้าคือตั้งครรภ์” กู้หว่านเยว่เก็บมือกลับไป ไป๋หลี่ชิงซีสีหน้าสิ้นหวัง“ชีพจรตั้งครรภ์ จะเป็นชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างไร เหตุใดหมอที่ตรวจข้าทุกคนล้วนพูดเช่นนี้?”เขาแทบคลุ้มคลั่ง “ข้าเป็นบุรุษคนหนึ่งนะ”หลี่เหมียนหยางเห็นดังนั้นสงสารไป๋หลี่ชิงซีจับใจ จากนั้นมองกู้หว่านเยว่อย่างโกรธแค้น“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าเป็นหมอไม่เอาไหน บุรุษจะมีชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างไร บุรุษจะคลอดลูกได้อย่างไร?”“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าเขาจะคลอดลูก?” กู้หว่านเยว่กลอกตา“ชีพจรตั้งครรภ์แปลว่าจะคลอดลูกไม่ใช่หรือ?”ก่อนหน้านี้หมอไม่เอาไหนพวกนั้นล้วนพูดเหมือนกัน หลี่เหมียนหยางจึงโมโหอย่างเหลืออด“ชีพจรก็คือชีพจร ไม่ได้แปลว่าตั้งครรภ์จริง พี่ชิงซีของเจ้าเป็นบุรุษคนหนึ่ง”ไป๋หลี่ชิงซ
“เปล่า ตั้งแต่โบราณ เจ้าเคยเห็นชายใดคลอดลูกหรือ?”กู้หว่านเยว่ทำอ้อมค้อม ทำให้หมอปีศาจร้อนใจกว่าเดิม“เพราะไม่เคยเห็น ข้าเลยไม่กล้าวินิจฉัยเช่นนั้น ถึงได้ให้ลั่วยางไปเรียกเจ้ามา”เขาร้อนใจมากจริง ๆ “ยัยหนูตัวแสบ รีบบอกข้าเร็วเข้าเถอะ!”อาการของโรคที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อยกู้หว่านเยว่ไม่อ้อมค้อมต่อไป ทำสีหน้าจริงจังขึ้น “ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินครรภ์กาฝากหรือไม่?”หมอปีศาจแทบหยุดหายใจ “ไม่เคยได้ยิน”กู้หว่านเยว่นำกระดาษกับพู่กันออกมา แล้ววาดภาพอธิบายให้หมอปีศาจเข้าใจ“ครรภ์กาฝาก เรียกอีกอย่างว่าครรภ์ในครรภ์ผู้อาวุโสน่าจะรู้ดี เมื่อหญิงคลอดลูก ส่วนมากจะเป็นครรภ์เดียวแต่ก็มีครรภ์แฝดสอง กระทั่งครรภ์แฝดสาม”“ถูกต้อง”หมอปีศาจลูบเครา แม้เขาจะไม่สันทัดเรื่องภายใน แต่วิชาแพทย์ล้วนเชื่อมโยงกัน การที่หญิงคลอดครรภ์แฝดไม่ใช่เรื่องผิดปกติกู้หว่านเยว่อธิบายต่อ “ครรภ์กาฝากที่ว่าคือครรภ์แฝดในยามอยู่ในครรภ์มารดา จะมีคนหนึ่งแข็งแรงคนหนึ่งอ่อนแอ คนที่แข็งแรงดูดซับคนที่อ่อนแอเข้าไปในร่าง”นางข้ามผ่านศัพท์ในยุคปัจจุบัน อธิบายอย่างพอสังเขป“พูดอีกอย่างก็คือ เด็กในท้องของช
ซูจิ่งสิงไม่อยู่ที่นี่ แม้แต่คนเฝ้าประตูที่ใช้ได้ก็ไม่มีสักคนไป๋หลี่ชิงซีมองดูแผ่นหลังของนาง วางมือไว้ตรงหน้าอก หัวใจราวกับเต้นระรัวไม่หยุด“มาเฝ้าอยู่ที่นี่ทำไม ให้พวกเราเข้าไปเร็วเข้า”“ใช่นะสิ รีบให้พวกเราเข้าไปดูศิษย์พี่ใหญ่”กู้หว่านเยว่เพิ่งเปิดประตู พลันเห็นชายหญิงหลายคนยืนทำหน้าดีใจอยู่ด้านนอก“พี่หญิงกู้”ลั่วยางรู้สึกผิด “อาจารย์ไปตรวจดูคนไข้คนอื่น ข้าขวางคนพวกนี้เอาไว้ไม่ได้”“พวกเขาเป็นใคร?”ดูออกว่าพวกเขากับไป๋หลี่ชิงซีคนนั้นน่าจะรู้จักกัน แต่หลี่เหมียนหยางกลับกำลังทะเลาะกับพวกเขา“พวกข้าเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของศิษย์พี่ไป๋หลี่” สวีซวี่รื่อตาลุกวาว หมอหญิงน้อยช่างงดงามนัก“ถูกต้อง พวกข้ามาเยี่ยมศิษย์พี่ไป๋หลี่” อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้น“ได้ยินมาว่าวิชาแพทย์ของหุบเขาราชาโอสถล้ำเลิศยิ่งนัก ดูออกหรือยังว่าศิษย์พี่พวกข้าป่วยเป็นอะไร?”เห็นได้ชัดว่าหลายคนนี้มีความสุขบนความทุกข์“ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ขนาดนั้น ต้องตั้งครรภ์แน่นอน”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไม่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นของชายคนใด”ระหว่างที่พูดพวกเขาหลายคนหัวเราะเสียงดัง ไป๋หลี่ชิงซีสีหน้าเรียบเฉย เขาถูกว่าจนเคยชินแล้วหล
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน
ซูจิ่งสิงใคร่ครวญครู่หนึ่ง กลับมิได้เอาแต่ใจเกินไป ฟังความเห็นของกู้หว่านเยว่เรื่องของลูกชายลูกสาวคือวาสนาไม่อาจฝืนได้เขามอบสำเนาคำสารภาพให้ฉู่เฟิง ออกคำสั่ง“ประกาศออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่เฟิงรับของไป บังเอิญไป๋หลี่ชิงซีเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“อาจารย์อาเล็กของข้ามาแล้วขอรับ”ยามกู้หว่านเยว่อยู่ที่เมืองเหยาก็ให้เขาเดินทางมาแล้วคิดไม่ถึงระหว่างเดินทางจะได้เผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว เสียเวลาไปหลายวันดังนั้นจึงเปลี่ยนเส้นทางมายังซุ่ยโจว ทุกคนมารวมตัวกันที่ซุ่ยโจว“ท่านรีบพาเขาเข้ามาเร็วเข้า”บัดนี้กู้หว่านเยว่มีเวลาว่าง ไม่มีธุระอะไร ผ่านไปอีกครู่ก็ไม่แน่แล้ว ลั่วยางสามารถมาหานางได้ทุกเมื่อ“ได้”ไป๋หลี่ชิงซีหันหลังกลับ พาอาจารย์อาเล็กเข้ามา“ท่านอาจารย์อาเล็กรีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่เคยพบอาจารย์ของไป๋หลี่ชิงซีมาก่อน มีภาพของอาจารย์อาเล็กอยู่ภายในใจ คาดว่าน่าจะเหมือนกับอดีตเจ้าสำนักผู้ล่วงลับ ไว้เคราสีเทาและมีสีหน้าขรึมเคร่งตลอดเวลาคิดไม่ถึง ไป๋หลี่ชิงซีจะพาท่านอาผู้หล่อเหลาอายุราวสามสิบเข้ามาคนหนึ่ง“ข้าต้วนหลานซิว คารวะท่านอ๋องและพระชายา”ท่านอาผู้หล่อเหลาหรื
“ใช่แล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กอดกู้หว่านเยว่พลางอธิบาย“ภายในมือของเว่ยเฉิงมีจุดอ่อนของหลี่กวงถิง เขาเพียงเข้าคุกและพูดกับเขาสองสามประโยค ก็ทำให้หลี่กวงถิงตกใจหน้าถอดสีแล้ว เปลี่ยนคำพูดยอมเขียนคำสารภาพ”เว่ยเฉิงคนนี้ช่างมีความสามารถโดยแท้ตรงข้ามกันร้ายกาจกว่าในต้นฉบับมาก“เจียงหรงใกล้คลอดแล้ว”ซูจิ่งสิงกอดกู้หว่านเยว่ สุ้มเสียงนุ่มนวลอยู่บ้าง“เว่ยเฉิงเองก็เหมือนข้า เป็นคนหลงภรรยาคนหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเขาเองก็เขียนจดหมายให้ข้าพูดว่าหลังกลับจากเขตซีเป่ยจะขออยู่เป็นเพื่อนยามเจียงหรงคลอด ข้าอนุญาตแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้าในต้นฉบับ เดิมทีเว่ยเฉิงและเจียงหรงก็รักกันอย่างลึกซึ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดจบอันแสนโหดร้ายของเจียงหรงในตอนท้ายหากเว่ยเฉิงฝันถึงอดีต ได้เห็นจุดจบของเจียงหรงในต้นฉบับ เช่นนั้นสำหรับภรรยาของเขาคนนี้ เขาจะต้องรักและให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าตอนแรกแน่“เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงคลอดลูกคือต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ มีสามีของตนอยู่ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องดีต่อเจียงหรง”กู้หว่านเยว่ไม่พูดอะไรซูจิ่งสิงได้ยินแล้วกลับดีใจต้องผ่านประตูวิญญาณมาหนึ่งรอบ เขา
“นี่หมายความว่ากระไร?”เฉิงทั่วงุนงง ไม่อาจตอบสนองในทันทีเลยได้“เทพเจ้าเห็นราษฎรน่าสงสารจึงประทานยาให้”กู้หว่านเยว่พูดทิ้งท้ายอย่างลึกลับไว้หนึ่งประโยค จูงซูจิ่งสิงหันหลังจากไป อย่างไรเสียเฉิงทั่วก็ไม่สามารถถามจนถึงที่สุดได้“แม่ทัพเฉิง อย่าลืมลงไปรับโทษยี่สิบไม้ทหารเล่า”ก่อนจากไป ซูจิ่งสิงเอ่ยเตือน“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เลย!”ขอเพียงราษฎรเมืองซุ่ยโจวได้รับความช่วยเหลือ ยังไม่ต้องพูดถึงยี่สิบไม้ทหาร ต่อให้เป็นห้าสิบไม้เขาก็ยอมเฉิงทั่วลงไปอย่างมีความสุขถูกตี เขากลับยังมีความสุขมาก“น้องหญิง มีข่าวด่วนส่งมา”ซูจิ่งสิงรับจดหมายบนขาของนกพิราบทองคำ หลังอ่านแล้วก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างกะทันหัน“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่เดินเข้าไปหยุดข้างกายเขา ซูจิ่งสิงรีบส่งจดหมายให้นาง“เจ้าอ่านดู!”นางก้มหน้าอ่าน ใบหน้าเผยแววตกตะลึงระคนดีใจ“หลี่กวงถิงยอมออกหน้าอธิบายแล้ว ดีเหลือเกิน”นับตั้งแต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจับตาเฒ่าหลี่กวงถิงคนนี้เป็นเชลยแล้ว ก็ขังเขาไว้ในคุกใหญ่อยู่ตลอด รอเขาเขียนคำสารภาพตาเฒ่าคนนี้ไม่ยอมแพ้มาโดยตลอดคิดไม่ถึงเลยว่าจะคิดตกแล้ว“ท่านพ
แม้ว่าภายในมิติของนางจะมีแปลงสมุนไพร แต่ภายในแปลงสมุนไพรล้วนปลูกสมุนไพรหายาก ไม่มีสมุนไพรรักษาโรคไข้รากสาดน้อยธรรมดาดังนั้น สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นกู้หว่านเยว่ซื้อจากแพลตฟอร์มซื้อขายการแจกจ่ายยาเริ่มขึ้นอย่างว่องไวเหล่าราษฎรขยับขึ้นมาทีละคน ขบวนคนเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า“พี่หญิงหว่านเยว่ ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ลั่วยางเข้ามาเตือนนางหนึ่งประโยค เอ่ยปากอย่างห่วงใย“ข้าบอกกับหมอเหล่านั้นแล้ว หากพวกเขาไม่แน่ใจโรค ค่อยมาถามข้าเจ้าค่ะ”นางอธิบาย“หากข้าเองก็หมดหนทาง ค่อยให้คนเข้าไปหาท่าน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน”เกาเจี้ยนสบมองลั่วยางอย่างสงสาร “ยางเอ๋อร์ เจ้าต้องเหนื่อยแล้ว”แม้พูดว่าด้านหน้ายังมีหมอตรวจอาการก่อนแต่คนมากถึงเพียงนี้ ย่อมมีหมอที่รักษาไม่ได้รวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอให้ลั่วยางยุ่ง“ข้าไม่เป็นไร สามารถรักษาราษฎรได้ ช่วยได้หนึ่งชีวิตก็คือหนึ่งชีวิต”ลั่วยางหยิบธงหนึ่งผืนออกมา สองสามคนมองดู ได้เห็นตัวอักษรคำว่าหุบเขาราชาโอสถสามคำบนนั้น“ข้ารับปากท่านอาจารย์ไว้แล้ว จะต้องหาโอกาสประกาศเรื่องหุบเขาราชาโอสถดีๆบังเอิญจะได้ฉวยโอกาสนี้ประกาศให้ราษฎ
ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งวิ่งเข้าอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู พูดออกมาอย่างลนลาน ทำให้เฉิงทั่วตื่นตระหนก“มีอันใด เกิดอันใดขึ้นหรือ?”หรือว่ากลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็มากระนั้น?“ด้านนอกประตู ด้านนอกประตูมีราษฎรป่วยหนักมากมายมาขอรับ ต่อแถวยาวเหยียดอยู่ด้านนอกประตู แถวยาวไปจนถึงประตูเมืองแล้ว”ทหารชั้นผู้น้อยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ไม่เคยเห็นแถวยาวเช่นนี้มาก่อน“ที่แท้ก็มีคนต่อแถวมากนี่เอง”เฉิงทั่วตบศีรษะทหารชั้นผู้น้อยทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “ครั้งหน้าพูดให้เข้าใจหน่อย อย่าหายใจแรง ทำข้าตกใจแทบตาย”ทหารชั้นผู้น้อยลูบศีรษะ บ่นพึมพำเสียงแผ่ว “คำนี้ของท่านแม่ทัพ หรือว่านี่ไม่ทำให้คนตกใจกันเล่า?”ราษฎรมากถึงเพียงนี้ล้อมจวนแม่ทัพไว้ หากเกิดความวุ่นวาย ทำให้คนตายจะทำเยี่ยงไร?“เจ้า นำทหารม้าสองหน่วยไปดูแลรักษาความเรียบร้อยบนถนนให้ดี”เฉิงทั่วชี้ไปยังคนสนิทที่หน้าประตู เห็นว่าถึงเวลาแจกจ่ายยาแล้ว เขาเตรียมไปดูสถานการณ์ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพในเวลานี้ หน้าประตูจวนแม่ทัพคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหล่าราษฎรรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าจะสามารถได้รับยาเพียงพอเพื่อช่วยตนเองหรือคนในครอบครัว“จะเริ่มแจกจ่าย
เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ พลางแอบมองสีหน้าของซูจิ่งสิง ไม่กล้าอยู่ในเรือนนานเกินไป จึงรีบออกไปพร้อมกับรองแม่ทัพ“ท่านแม่ทัพ สิ่งที่พระชายาพูดเป็นความจริงหรือไม่? คงไม่ได้คุยโวหรอกนะ?”หลังจากที่ทั้งสองออกมาข้างนอกแล้ว รองแม่ทัพก็พูดขึ้น“ประชาชนที่ป่วยในเมืองไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ยามากมายขนาดนั้น พระชายาจะหามาได้หรือ?”เขาคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของกู้หว่านเยว่นั้นไม่น่าเชื่อถือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้ถูกแม่ทัพชี้หน้าตำหนิ รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ ต้องการทวงศักดิ์ศรีคืนมา จึงได้พลั้งปากคุยโวโอ้อวดออกไป“ไม่รู้สิ”เฉิงทั่วส่ายหัวสติปัญญาบอกเขาว่า กู้หว่านเยว่นั้นไม่สามารถหาสมุนไพรได้มากมายขนาดนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอนแต่เขาก็นึกถึงตอนที่โจมตีเมืองเหยาขึ้นมาอีก ดินปืนและกระสุนปืนใหญ่เหล่านั้นที่ส่งลงมาจากเมือง รวมถึงธนูที่มีรัศมีการยิงไกลมากสิ่งของเหล่านี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนถ้าหากในตอนนี้สิ่งของที่เขาไม่คาดคิด กู้หว่านเยว่บังเอิญมีพอดีล่ะ?“ถ้าอย่างนั้นคำสั่งของพระชายาเมื่อครู่นี้ พวกเรายังต้องปฏิบัติตามหรือไม่?”รองแม่ทัพค่อนข้างเป็นกังวล“เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีกสาม
เขามีสีหน้าร้อนใจ ชิงเหลียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปรายงานก่อน”ภายในห้อง กู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงดังเอะอะจากด้านนอกแล้ว จึงรีบพาซูจิ่งสิงออกมาจากมิติในขณะที่ชิงเหลียนเข้ามา นางกำลังเปิดประตูพอดี“พระชายา แม่ทัพเฉิงอยู่ข้างนอก...”“ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว เจ้าให้เขาเข้ามาเถอะ”กู้หว่านเยว่หาวนอน“อ้อ ถือโอกาสรับประทานอาหารเช้าไปด้วย”เมื่อคืนนี้ นางและซูจิ่งสิงยุ่งอยู่ในมิติตลอดทั้งคืน“เพคะ”ชิงเหลียนรีบออกไป เฉิงทั่วก็เข้ามาจากทางด้านนอกอย่างไม่พอใจ“คารวะท่านอ๋องและพระชายา”เขาทำความเคารพแบบขอไปที แล้วเริ่มบ่นว่า“พระชายา เมื่อคืนข้าน้อยเตือนท่านแล้วว่า จะช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้ส่งเดชไม่ได้ อาจก่อให้เกิดความโกลาหลได้”น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีนัก“ดูสิ เมื่อวานท่านนำหญิงผู้นั้นมารักษาในจวนละแวกนี้ ผลปรากฏว่าเรื่องนี้ถูกผู้มีเจตนาเผยแพร่ออกไปเมื่อเช้านี้ เวลานี้ด้านนอกจวนแม่ทัพมีผู้ป่วยเต็มไปหมดท่านก็รู้ เมื่อเกิดความโกลาหลขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เมื่อเฉิงทั่วพูดถึงความร้อนใจ ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองกู้หว่านเยว่ สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถาม“แม่ทั
ยิ่งไปกว่านั้นยังสวมถุงมือและผ้าคลุมหน้าอีกด้วยเห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นั้นอับจนหนทางแล้ว พอเข้ามาก็คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขาทันที“ท่านผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย พวกท่านได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขาเพิ่งห้าขวบเท่านั้น”หญิงผู้นั้นกอดลูกไว้แน่นในอ้อมแขน“เขาฉลาดมาก และเชื่อฟังมากด้วย มักจะช่วยข้าทำงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถอ่านหนังสือและจดจำตัวอักษรได้ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ พวกท่านได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ต่อให้ต้องเอาชีวิตของข้าก็ตาม”หญิงผู้นั้นร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลกู้หว่านเยว่ให้นางวางลูกลงบนเบาะนุ่ม เพื่อสะดวกในการตรวจวินิจฉัย“แล้วพ่อของเด็กล่ะ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่คนเดียว?”หญิงผู้นั้นมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบลึก“ตาย ตายแล้ว”หญิงผู้นั้นสะอึกสะอื้นตอบ“เป็นไข้หวัด ไม่มียารักษา ทนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายแล้ว”กู้หว่านเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษนะ”หญิงผู้นั้นส่ายหัว “มันคือโชคชะตา แต่ขอให้หมอช่วยชีวิตลูกของข้าด้วย แม้ว่าต้องการให้ข้าไปตาย ข้าก็เต็มใจ”กู้หว่านเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด ซูจิ่งสิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำหมัดทั้งสองแน่น“ไม่ต้องให้เจ้าไปตายหรอก ให้ข้าดู