“เจ้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”ผู้อาวุโสสูงสุดอายุมากแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนาง จึงยืนลังเลไม่กล้าเข้าไป เขากลัวร่างกายแก่ชรานี้จะรับไม่ไหว“รีบปล่อยนางเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสสูงสุดคิดจะเจรจา กู้หว่านหรูร้องโวยวายเสียงดัง“นางแพศยา เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายข้าต่อหน้าผู้คนมากมายเชียวหรือ”กู้หว่านเยว่รู้สึกน่าขัน ขณะนี้รอบด้านมีคนมุงกันเข้ามามากมาย นางกลับไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตา“เจ้าคิดอย่างไรถึงนึกว่าข้าสนใจสายตาของพวกเขา?”นางชูฝ่ามือขึ้น แล้วฟาดฝ่ามือลงมาอย่างแรงใส่ใบหน้ากู้หว่านหรูครั้งนี้ นางตบลงมาจนเลือดออก“ยังกล้าข่มขู่ข้าอีก เจ้านึกว่าตัวเองเป็นใคร?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่เกลียดที่สุดในชีวิตคือถูกผู้อื่นข่มขู่“อยากได้ตั๋วเงินสองหมื่นตำลึงหรือ ไปกินขี้ซะเถอะเจ้า”กู้หว่านเยว่ฟาดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง จนทำให้กู้หว่านหรูตัวหมุนวนอยู่ที่เดิมสามรอบ แล้วล้มลงบนพื้น“เจ้า” กู้หว่านหรูเอามือกุมหน้าร้องห่มร้องไห้“ทุกคนรีบมาดูเร็ว ข้าไม่ได้โกหก พระชายาเจิ้นเป่ยตบตีน้องสาวแท้ๆ นางอกตัญญูไม่ฟังคำสั่ง ทุกคนรีบมาดูหน้าใจดำอำมหิตของนางเร็ว”“ถูกต้อง”กู้ถิงชี้หน้ากู้หว่านเยว่แล้
“น้องหว่านหรู เจ้าไม่เป็นไรนะ?”กู้ถิงโอบนางเอาไว้ในอ้อมกอดอย่างสงสาร ช่างลำบากเขาเสียจริง เวลาอย่างนี้ยังทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม“ท่านพี่รีบช่วยข้าเร็ว” กู้หว่านหรูใกล้จะบ้าแล้ว ไข่เน่าหลายใบถูกขว้างใส่ตัวนาง“ไม่ต้องกลัว หลบอยู่ในอ้อมกอดข้า” กู้ถิงรีบถอดเสื้อออกแล้วคลุมตัวนางไว้ผู้อาวุโสสูงสุดกระทืบเท้า“ขายหน้า น่าขายหน้ายิ่งนักแผนบ้าบออะไรกัน ทำให้ข้าเสียหน้าป่นปี้หมดแล้ว”แผนการนี้เป็นความคิดของกู้หว่านหรู เดิมทีกู้หว่านหรูก็น่าสงสารมากแล้ว ตอนนี้ยังถูกผู้อาวุโสสูงสุดต่อว่า จึงมองเขาด้วยสายตาเคียดแค้นเมื่อเห็นชาวบ้านที่มารุมล้อมต่างโมโห โยนสิ่งของต่าง ๆ นานาใส่พวกเขา ทั้งสามคนไม่กล้าอยู่ต่อ รีบกุมหัวหนีไปทันที“น้องหญิง เจ้าไม่เป็นไรนะ?”ซูจิ่งสิงจูงมือกู้หว่านเยว่อย่างสงสาร คนสกุลกู้พวกนี้ช่างเลวทรามยิ่งนักกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร”“พระชายา สิ่งนี้ให้ท่าน”จู่ ๆ ยายแก่เมื่อครู่ยื่นขนมให้หนึ่งกล่อง “นี่คือขนมที่ข้าทำเอง”“จะรับไว้ได้อย่างไร?” กู้หว่านเยว่ดูออกว่ายายแก่อยากปลอบใจนาง“พระชายาไม่ต้องเสียใจ แม้ท่านจะมีคนสกุลมารดาเช่นนี้ แต่เจดีย์หนิงกู
“หลังผ่านเรื่องในวันนี้ พวกเขาคงกล้าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกแล้ว”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด รู้สึกไม่ค่อยวางใจ จึงให้คนติดตามพวกเขา“น้องหญิง ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะยืนอยู่ข้างกายเจ้า”ซูจิ่งสิงแสดงท่าทีชัดเจน“หากเจ้าตัดสินใจแตกหักกับคนสกุลกู้อย่างสิ้นเชิง ข้าเองก็พร้อมสนับสนุนเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ขอบคุณท่านพี่มาก”รอยยิ้มของนางหวานละไม ทันใดนั้นมีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา“พี่หว่านเยว่ ท่านอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว อาจารย์บอกว่ามีธุระด่วนต้องการพบท่าน”ลั่วยางหายใจหอบ น้ำเสียงร้อนใจ น่าจะพบผู้ป่วยที่รักษาได้ยาก“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”กู้หว่านเยว่ตอบรับ หลังจากกลับมานางยังไม่เคยไปทักทายหมอปีศาจ ถือโอกาสนี้ไปพบหมอปีศาจสักหน่อย“มาทางนี้” ลั่วยางนำทางอยู่ข้างหน้า ในไม่ช้าพวกนางมาถึงหน้าร้านขายยาขนาดใหญ่แห่งหนึ่งลั่วยางอธิบาย “ตั้งแต่หุบเขาราชาโอสถเปิด มีผู้ป่วยทยอยเดินทางมามากมาย ดังนั้นพวกเราจึงสร้างร้านยาขึ้นในเมืองอวี้ด้วย เพื่อสะดวกแก่การรักษา”กู้หว่านเยว่มองร้านขายยาตรงหน้า เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว นึกไม่ถึงว่าหมอปีศาจจะลงมือรวดเร็ว เพียงไม่นานก็สร้างร้านขายยาขึ้นมาแล
หมอปีศาจชี้ไปที่ท้องของชายหนุ่ม ท้องนั่นราวกับตั้งครรภ์แปดเดือน แต่บุรุษคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร?เขารู้สึกน่าเหลือเชื่อ แรกเดิมนึกว่าในท้องของชายหนุ่มมีสิ่งใดเติบโตขึ้น ท่วาหลังจากเขาตรวจชีพจรแล้ว กลับเป็นชีพจรตั้งท้องบุรุษมีชีพจรตั้งท้อง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ หมอปีศาจตัดสินใจไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ลั่วยางรีบไปเรียกกู้หว่านเยว่มาดู“ข้าตรวจดูก่อน”กู้หว่านเยว่นำบันทึกการรักษาของหมอปีศาจมาอ่านอย่างละเอียด จากนั้นสายตามองไปที่ชายหนุ่มในใจนางพอจะตัดสินใจได้แล้ว“ท้องของเจ้าโตมานานแล้วใช่หรือไม่?”“ใช่”ดวงตาชายหนุ่มหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงของนางไพเราะเหมือนรูปที่งามหญิงสาวกลับร้อนใจ จึงกล่าวหน้าแดง“ยัยเด็กอย่างเจ้าเป็นใครอีก? ข้าว่าโรงหมอของพวกเจ้ารักษาคนไข้อย่างไรกัน? ทำไมถึงมีคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามามากขนาดนี้”นางราวกับกลัวอะไรบางอย่าง จึงทำท่าปกป้องชายหนุ่ม ทำให้กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อาการของสามีเจ้าซับซ้อนเล็กน้อย ในเมื่อพวกเราล้วนเป็นหมอของหุบเขาราชาโอสถ เหตุใดจึงเข้ามาดูพร้อมกันไม่ได้?”กู้หว่านเยว่มองนางเยือกเย็น สำหรับญาติผู้ป่วยที่ไร้เหตุผลเช่
“พวกเจ้า” หลี่เหมียนหยางอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อถูกไป๋หลี่ชิงซีถลึงตาใส่ จึงรีบหุบปากทันทีกู้หว่านเยว่เลิกคิ้วงาม หากนางฟังไม่ผิด หญิงเมื่อครู่เรียกคนตรงหน้านี้ว่าคุณชายเป็นคนที่สถานะไม่ธรรมดาอีกแล้ว นางเลิกคิ้วอีกครั้ง“เป็นอย่างไร เจ้าตรวจพบโรคของข้าหรือไม่?”ไป๋หลี่ชิงซีร้อนใจไม่น้อย เขาถูกโรคนี้ทรมานมาหลายปีแล้ว“อืม ชีพจรของเจ้าคือตั้งครรภ์” กู้หว่านเยว่เก็บมือกลับไป ไป๋หลี่ชิงซีสีหน้าสิ้นหวัง“ชีพจรตั้งครรภ์ จะเป็นชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างไร เหตุใดหมอที่ตรวจข้าทุกคนล้วนพูดเช่นนี้?”เขาแทบคลุ้มคลั่ง “ข้าเป็นบุรุษคนหนึ่งนะ”หลี่เหมียนหยางเห็นดังนั้นสงสารไป๋หลี่ชิงซีจับใจ จากนั้นมองกู้หว่านเยว่อย่างโกรธแค้น“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าเป็นหมอไม่เอาไหน บุรุษจะมีชีพจรตั้งครรภ์ได้อย่างไร บุรุษจะคลอดลูกได้อย่างไร?”“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าเขาจะคลอดลูก?” กู้หว่านเยว่กลอกตา“ชีพจรตั้งครรภ์แปลว่าจะคลอดลูกไม่ใช่หรือ?”ก่อนหน้านี้หมอไม่เอาไหนพวกนั้นล้วนพูดเหมือนกัน หลี่เหมียนหยางจึงโมโหอย่างเหลืออด“ชีพจรก็คือชีพจร ไม่ได้แปลว่าตั้งครรภ์จริง พี่ชิงซีของเจ้าเป็นบุรุษคนหนึ่ง”ไป๋หลี่ชิงซ
“เปล่า ตั้งแต่โบราณ เจ้าเคยเห็นชายใดคลอดลูกหรือ?”กู้หว่านเยว่ทำอ้อมค้อม ทำให้หมอปีศาจร้อนใจกว่าเดิม“เพราะไม่เคยเห็น ข้าเลยไม่กล้าวินิจฉัยเช่นนั้น ถึงได้ให้ลั่วยางไปเรียกเจ้ามา”เขาร้อนใจมากจริง ๆ “ยัยหนูตัวแสบ รีบบอกข้าเร็วเข้าเถอะ!”อาการของโรคที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้เขาตื่นเต้นไม่น้อยกู้หว่านเยว่ไม่อ้อมค้อมต่อไป ทำสีหน้าจริงจังขึ้น “ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินครรภ์กาฝากหรือไม่?”หมอปีศาจแทบหยุดหายใจ “ไม่เคยได้ยิน”กู้หว่านเยว่นำกระดาษกับพู่กันออกมา แล้ววาดภาพอธิบายให้หมอปีศาจเข้าใจ“ครรภ์กาฝาก เรียกอีกอย่างว่าครรภ์ในครรภ์ผู้อาวุโสน่าจะรู้ดี เมื่อหญิงคลอดลูก ส่วนมากจะเป็นครรภ์เดียวแต่ก็มีครรภ์แฝดสอง กระทั่งครรภ์แฝดสาม”“ถูกต้อง”หมอปีศาจลูบเครา แม้เขาจะไม่สันทัดเรื่องภายใน แต่วิชาแพทย์ล้วนเชื่อมโยงกัน การที่หญิงคลอดครรภ์แฝดไม่ใช่เรื่องผิดปกติกู้หว่านเยว่อธิบายต่อ “ครรภ์กาฝากที่ว่าคือครรภ์แฝดในยามอยู่ในครรภ์มารดา จะมีคนหนึ่งแข็งแรงคนหนึ่งอ่อนแอ คนที่แข็งแรงดูดซับคนที่อ่อนแอเข้าไปในร่าง”นางข้ามผ่านศัพท์ในยุคปัจจุบัน อธิบายอย่างพอสังเขป“พูดอีกอย่างก็คือ เด็กในท้องของช
ซูจิ่งสิงไม่อยู่ที่นี่ แม้แต่คนเฝ้าประตูที่ใช้ได้ก็ไม่มีสักคนไป๋หลี่ชิงซีมองดูแผ่นหลังของนาง วางมือไว้ตรงหน้าอก หัวใจราวกับเต้นระรัวไม่หยุด“มาเฝ้าอยู่ที่นี่ทำไม ให้พวกเราเข้าไปเร็วเข้า”“ใช่นะสิ รีบให้พวกเราเข้าไปดูศิษย์พี่ใหญ่”กู้หว่านเยว่เพิ่งเปิดประตู พลันเห็นชายหญิงหลายคนยืนทำหน้าดีใจอยู่ด้านนอก“พี่หญิงกู้”ลั่วยางรู้สึกผิด “อาจารย์ไปตรวจดูคนไข้คนอื่น ข้าขวางคนพวกนี้เอาไว้ไม่ได้”“พวกเขาเป็นใคร?”ดูออกว่าพวกเขากับไป๋หลี่ชิงซีคนนั้นน่าจะรู้จักกัน แต่หลี่เหมียนหยางกลับกำลังทะเลาะกับพวกเขา“พวกข้าเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของศิษย์พี่ไป๋หลี่” สวีซวี่รื่อตาลุกวาว หมอหญิงน้อยช่างงดงามนัก“ถูกต้อง พวกข้ามาเยี่ยมศิษย์พี่ไป๋หลี่” อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้น“ได้ยินมาว่าวิชาแพทย์ของหุบเขาราชาโอสถล้ำเลิศยิ่งนัก ดูออกหรือยังว่าศิษย์พี่พวกข้าป่วยเป็นอะไร?”เห็นได้ชัดว่าหลายคนนี้มีความสุขบนความทุกข์“ท้องของศิษย์พี่ใหญ่ขนาดนั้น ต้องตั้งครรภ์แน่นอน”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไม่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นของชายคนใด”ระหว่างที่พูดพวกเขาหลายคนหัวเราะเสียงดัง ไป๋หลี่ชิงซีสีหน้าเรียบเฉย เขาถูกว่าจนเคยชินแล้วหล
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก